Tuesday, 22 April 2025
แพทองธาร_ชินวัตร

'อุ๊งอิ๊ง' จวกกฎหมาย ให้อิสระ 'แบงก์ชาติ' เป็นอุปสรรคแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ลั่น!! นโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สูงขึ้นทุกปี

เมื่อวานนี้ (3 พ.ค. 67) พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย สำนักงานใหญ่ มีการแสดงวิสัยทัศน์และความคืบหน้านโยบายต่าง ๆ ของพรรคเพื่อไทย หลังจากจัดตั้งรัฐบาลเข้าสู่เดือนที่ 9 พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต โดยภายในงานมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, คณะรัฐมนตรีสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย, กรรมการบริหารพรรค, ผู้บริหารพรรค, สส., ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ของพรรคเพื่อไทย และบุคลากรของพรรค เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่า เราตัดสินใจถูกต้องมากที่จัดตั้งรัฐบาลผสมเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว ปัญหาปัจจุบันที่หมักหมมไว้จากการปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งระบบราชการที่โตเกินไป ความอืดอาดในการทำงาน ด้วยโครงสร้างที่ไม่ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยี เศรษฐกิจ และภัยคุกคามทางความมั่นคงที่พัฒนาไปเร็วมาก รวมถึงภัยต่อเยาวชนชาติจากยาเสพติด ทำให้ประชาชนของชาติอ่อนแอ ประชาชนขาดโอกาสในการทำมาหากิน เศรษฐกิจใต้ดินสูงเป็นประวัติการณ์

‘เพื่อไทย’ เป็นพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมากที่สุด หากไม่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม คงยากที่ปัญหาหมักหมมจะแก้ไขได้ กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สูงขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณขาดดุล 

ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมเข้าใจและร่วมมือ ประเทศจะไม่มีทางลดเพดานนี้ได้ 10 เดือนที่ผ่านมา เราใช้ความพยายามในการวิเคราะห์ เข้าใจ เพื่อแก้ปัญหาที่ยาก และซับซ้อน และก้าวเดินต่อในทุกมิติ เพราะเราเสียเวลาและโอกาสไปถึงเกือบ 2 ทศวรรษจากการรัฐประหาร เรามั่นใจว่าเราทำได้ และจะทำให้ได้คะแนนเต็ม 10 ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ในมิติทางเศรษฐกิจเริ่มต้นด้วยการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพราะเงินถูกดูดออกจากระบบไปมาก จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในอาเซียน และค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเป็น 400 บาท จะทำให้ทุกคนต้องปรับตัว เพิ่มผลผลิตจากความพอกินของพนักงาน พรรคเพื่อไทยจะผลักดันเศรษฐกิจในทุกมิติ ไม่ใช่แค่เติมเงินและเพิ่มค่าแรง แต่รวมไปถึงเม็ดเงินใหม่จากต่างประเทศจะเข้ามาจากการลงทุนและการสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคน โดยการนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน

‘เทพไท’ ฟาด ‘อุ๊งอิ๊ง’ ตระบัดสัตย์-หักหลังปชช. ภาคภูมิใจกับดีลลับ ‘ทักษิณ’ ยก!! ‘ชวน-อภิสิทธิ์’ เป็นตัวอย่าง ให้ความสำคัญ ‘สัจจะวาจา’ มากกว่าอำนาจ

(4 พ.ค.67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า

จงภูมิใจกับการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้วต่อไป

เมื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ‘อุ๊งอิ๊ง’ กล่าวในงานอีเวนต์  ‘10เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม10’ ว่า พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูกตั้งรัฐบาลผสม บอกลูกพรรคอย่าสนวากรรมทำให้ เหมือนผิดคำสัญญาประชาชน นั้น ต้องยอมรับความจริงว่าเป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย ที่จะเข้าสู่อำนาจรัฐให้ได้ โดยมีการดีลลับกัน ระหว่างนายทักษิณกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม จนสมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย หรือที่เรียกกันว่า ฮั้วอำนาจทางการเมืองกันลงตัว

เมื่อต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ก็เหมือนกับคุณอุ๊งอิ๊งบอกว่า ตัดสินใจถูกต้องแล้ว และไม่สนคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนว่า จะไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรค2ลุง ซึ่งเป็นการประกาศบนเวทีหาเสียง จากปากคุณอุ๊งอิ๊ง นายเศรษฐา ทวีสิน  แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และน.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค เป็นการตระบัดสัตย์และหักหลังประชาชน

ถ้ามั่นใจว่าประชาชนลืมง่าย และสามารถนำผลงานมาเรียกศรัทธาคืนจากประชาชนได้ ก็ขอให้รอดูผลการเลือกตั้งในครั้งต่อไปก็แล้วกัน เพราะคำพูดของนักการเมือง มีความสำคัญเป็นสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับประชาชน เมื่อพูดไปแล้วก็ต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ประชาชนก็จะเสื่อมศรัทธาและจะลงโทษเอง อยากให้ดูการรักษาสัจจะของนักการเมืองอย่างน้อย 2 คน คือ

1.นายชวน หลีกภัย ซึ่งเคยประกาศเป็นสัญญาประชาคมในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อันดับ1 ก็จะไม่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคความหวังใหม่ 2 เสียง จากเหตุไฟฟ้าดับตอนนับคะแนนที่จังหวัดปทุมธานี นายชวนก็เปิดโอกาสให้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่จัดตั้งรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีทันที

2.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้ประกาศไว้ในการ หาเสียง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ว่า จะไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ มีมติด้วยเสียงข้างมาก ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ก็แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ลาออกจากการเป็นส.ส.ในทันที ทั้งที่สามารถหลีกเลี่ยงการขานชื่อ สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยการรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายอภิสิทธิ์ ยึดหลักบาป 7 ประการ ของมหาตมะ คานธี คือ
1.เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ
2.หาความสุขสำราญโดยไม่ยั้งคิด
3.ร่ำรวยเป็นอกนิษฐ์โดยไม่ต้องทำงาน
4.มีความรู้มหาศาลแต่ความประพฤติไม่ดี
5.ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลธรรม
6.วิทยาศาสตร์เลิศล้ำแต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์
7.บูชาสูงสุดแต่ไม่มีความเสียสละ

ขอให้พรรคเพื่อไทย จงภูมิใจกับการเป็นรัฐบาลต่อไปเถิด ถ้าคิดว่าผลงานช่วงเป็นรัฐบาล 4 ปีนี้สามารถเรียกคะแนนนิยมคืนได้ 10 เต็ม ตามที่ประกาศไว้ ถือเป็นความโชคดีไป ขอให้ยืนยันและภูมิใจในการตัดสินใจหักหลังประชาชน กระโดดข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

จะตัดสินใจถูกหรือผิดในการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้ม อย่าคิดเอง เออเอง รอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ในการเลือกตั้งครั้งหน้าดีกว่า

‘นิพิฏฐ์’ ชี้ ‘แบงก์ชาติ’ ต้องไม่มีการเมือง มาแทรกแซง หนุน!! ผู้ว่าฯ อย่าเพิ่งถอดใจ ปชช. ยังต้องการให้เป็น ‘วีรบุรุษที่ยังมีชีวิต’

(4 พ.ค.67) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า สายเลือดพ่อ คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร กล่าวว่า “ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ” ถือเป็นคำกล่าวที่รุนแรงต่อสถาบันการเงินหลักของประเทศ ทุกประเทศในโลกเขาให้ธนาคารชาติของเขาเป็นอิสระปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองทั้งสิ้น

-มีครั้งหนึ่ง หลวงตามหาบัว ได้ตำหนิคุณทักษิณ และหลวงตาได้ระดมทองคำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ธนาคาร ตามโครงการ 'ทองคำช่วยชาติ'

-รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ จึงโทษธปท. ถึงกับประกาศว่า ธปท.เป็นอุปสรรคของประเทศ

-หลายคนโทรมาคุยกับผมในเรื่องนี้

-ผมได้แต่ฟัง และบอกว่า “เป็นเช่นนี้”

-เมื่อเราได้รัฐบาลเช่นนี้ ทุกอย่างก็จะ “เป็นเช่นนี้แหละ”

-อย่าแปลกใจเลย อุ๊งอิ๊ง ก็มีสายเลือดพ่อเต็มเปี่ยม และกำลังเดินตามรอยเท้าพ่อ จากนี้ ประเทศก็จะเป็นดังอดีตที่พ่อเคยทำ เริ่มจากต้องนำยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาแบบไร้รอยขีดข่วน

-ใครติดปีกให้คุณทักษิณ หากบ้านเมืองเสียหาย ก็ต้องยอมรับชะตากรรม

-ผมไม่กลัว และ ไม่แคร์ตระกูลชินวัตร คุณจะมั่งมีศรีสุข มีอำนาจล้นฟ้า ก็มีไป ผมขอเพียงพื้นที่เล็กๆให้ผมได้เหยียบเดินแบบ “เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน”

-ขอให้กำลังใจผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ท่านอยู่ต่อไป หากท่านถอดใจลาออก ประชาชนส่วนหนึ่งน่าจะเสียขวัญและกำลังใจ

-วีรบุรุษ มี 2 ประเภท คือ วีรบุรุษที่ยังมีชีวิตอยู่ กับ วีรบุรุษที่ตายไปแล้ว

-ประชาชนต้องการให้ท่านผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย เป็น “วีรบุรุษที่ยังมีชีวิต มากกว่า วีรบุรุษที่ตายไปแล้ว” ครับ

‘นายกฯ’ ป้อง ‘อุ๊งอิ๊ง’ หลังวิจารณ์แบงก์ชาติ อย่างรุนแรง ชี้!! เป็นเสียงสะท้อนของ ปชช. ยัน ‘ให้เกียรติ-ไม่เคยบีบ’ ผู้ว่าฯ ธปท.

(5 พ.ค.67) ที่ท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน 6 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงวิสัยทัศนระบุถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ บนเวที ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่าย วิพากษ์วิจารณ์การแสดงวิสัยทัศน์ ว่า ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าปัญหาภาวะดอกเบี้ยสูง เป็นประเด็นสำคัญและเป็นรายจ่ายที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน จึงถือเป็นการสะท้อนความเห็นของประชาชน ตนเข้าใจความเป็นอิสระของ ธปท.และพยายามทำงานร่วมกัน ให้เกียรติธปท. แต่หากมีข้อเรียกร้อง ก็ได้เรียกร้องและพูดคุยกัน โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่ควรลดลงมา แต่เชื่อว่า ธปท.มีเหตุผลที่จะไม่ลด จึงเดินหน้าในส่วนของรัฐบาลต่อไป ทั้งการแก้ไขหนี้นอกระบบ การคุยกับธนาคารเอกชน ที่ได้ลดดอกเบี้ยลงมาแล้ว แม้จะลด 25 หรือ 50 สตางค์ ก็มีส่วนช่วยประชาชนได้ จึงเชื่อว่า จะสามารถยึดโยงกับประชาชนได้ และในการลงพื้นที่ในวันที่5-6 พ.ค.นี้ ที่มหาสารคาม และร้อยเอ็ด รวมถึงในปลายสัปดาห์ ที่สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี จะรับฟังปัญหาเหล่านี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ สถาบันการเงิน นักการเมือง สส. ผู้บริหารพรรคฯ ต่างมาทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ประชาชน ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหา ก็อาจจะแตกต่างกันไป และทุกคนมีสิทธิวิจารณ์วิจารณ์กันได้ แต่ขอให้ยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก และนำความเดือดร้อนของประชาชน มาเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหา 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การแสดงวิสัยทัศน์จากเวทีดังกล่าว ทำให้ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาล พยายามบีบผู้ว่าฯ ธปท.ให้เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลหรือไม่ นายกฯได้กล่าวตอบว่า ไม่เคยบีบ และสามารถไปฟังจากคำแสดงวิสัยทัศน์ได้ เพราะเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชน ถึงการแก้ไขปัญหา 

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่เมื่อมีการวิจารณ์วิจารณ์ดังกล่าวออกมาแล้ว จะทำให้การทำงานระหว่างรัฐบาล กับ ธปท.ห่างเหิน นายเศรษฐา กล่าวว่า ยอมรับว่ากังวลทุกเรื่อง เพราะไม่อยากให้มีความขัดแย้ง และพยายามแก้ไขปัญหาในส่วนที่ตนสามารถทำได้ เชื่อว่าคำแนะนำของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าฯธปท.ที่เคยได้แนะนำมาว่าการประสานงานระหว่างรัฐบาล กับธปท.ควรกระทำผ่านสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร.ที่เป็นหน่วยงานของกระทรวงการคลัง จึงจะมีการพยายามพูดคุยกันต่อไป พร้อมย้ำว่า รัฐบาลให้เกียรติทุกองค์กร 

เมื่อถามถึงการพบเจอกับผู้ว่าฯธปท.อีกครั้ง นายกฯกล่าวว่า หากมีโอกาสจะได้พบ แต่ผู้ว่าฯ ธปท.ได้ขอให้พูดคุยผ่าน สคร.หลังจากนี้จะไปหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ว่าจะมีการประสานงานช่องทางใด ซึ่งมีหลายช่องทาง เพื่อพูดคุยกับผู้ว่าฯธปท.ได้บ้าง และยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำงานกับทุกคนองค์กรให้ดีขึ้น ไม่สร้างความขัดแย้งจนทำให้ประชาชนเดือดร้อน

‘อุ๊งอิ๊ง’ เปิดตัวศูนย์ ‘TCDC’ แห่งใหม่ นำร่อง 10 จังหวัด หนุนทุนวัฒนธรรม-ความคิดสร้างสรรค์ ผลักดันสู่ซอฟต์พาวเวอร์

(26 มิ.ย. 67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมเปิดงานประกาศจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย นครราชสีมา ปัตตานี พิษณุโลก แพร่ ภูเก็ต ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี โดยมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยในแต่ละจังหวัดเข้าร่วมงาน อาทิ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายพชร จันทรรวงทอง สส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายนิกร โสมกลาง สส. ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย เป็นต้น 

น.ส.แพทองธาร กล่าวเปิดงานว่า งานนี้เป็นการประกาศจุดเริ่มต้นของนโยบายการยกระดับทุนวัฒนธรรม เสริมทักษะและความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ให้เป็นพลังขับเคลื่อนกระบวนการ Soft Power ที่สำคัญของประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน ทุนทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ กลายเป็นหนึ่งปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่ประเทศไทยมีภูมิปัญญาและมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่ามากมาย แต่ยังขาดการบูรณาการและกลไกที่เหมาะสมในการนำมาพัฒนา และต่อยอดให้กลายเป็นทรัพยากรหลักของประเทศ

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า รัฐบาลจึงมีนโยบาย "สร้างคน เพิ่มทักษะ" ผ่านการจัดตั้ง "ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ" หรือ TCDC แห่งใหม่ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ที่เป็นภูมิปัญญาสำคัญในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร ดนตรี การออกแบบ ศิลปะ และวิถีชีวิตอื่น ๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอดคล้องกับนโยบาย “1 ครอบครัว 1 Soft Power” (OFOS) ที่จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนทุกบ้าน ทุกครัวเรือนอย่างแท้จริง เปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าฝึกอบรมผ่าน TCDC โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย ทั้งรัฐและเอกชน รวมทั้งค่ายมวย 400 แห่งที่จะร่วมอบรมมวยไทยด้วย เพื่อให้ทุกครัวเรือนเข้าถึงได้ ตั้งแต่ระดับตำบล จังหวัด จนถึงระดับประเทศ 

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า นโยบายการสร้างคนผ่านการ Upskill-Reskill จะสำเร็จได้ผ่านความร่วมมือของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานอย่าง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) (CEA) ที่เป็นจุดตั้งต้นในการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ ใน 10 จังหวัดขึ้นในระยะแรก รวมถึงการผนึกกำลังขององค์กรหรือหน่วยงานภาครัฐส่วนท้องถิ่นในจังหวัดต่าง ๆ ที่มาร่วมอำนวยความสะดวกในการจัดหาทรัพยากรพื้นฐานและความร่วมมือ ไปจนถึงหน่วยงานสนับสนุนอย่างสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ในการจัดหาหลักสูตรในการอบรม พัฒนาทักษะ พร้อมออกใบรับรองศักยภาพ ทั้งหน่วยงานที่รับช่วงต่อในการสร้างงาน เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานเหล่านี้ได้เข้าถึงตลาดงานที่สำคัญ ที่จะเชื่อมต่อความสำเร็จทั้งระบบไปสู่ตลาดระดับประเทศและตลาดโลกได้

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานหลักกับองค์กรหรือหน่วยงานภาครัฐส่วนท้องถิ่น ที่ได้รับการคัดเลือกจัดตั้ง TCDC แห่งใหม่ ใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่ การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทุนวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ในระดับภูมิภาค การสร้างเครือข่ายและกลไกการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพของคนในพื้นที่ และการส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ระดับท้องถิ่น โดยทั้ง 3 เป้าหมาย จะเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถนำทุนทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของเรา ไปสู่การสร้าง Soft Power ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป

ด้านนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวว่า ศูนย์ 10 จังหวัดคัดเลือกมาจาก 24 จังหวัด ซึ่งดูจากความพร้อม เมื่อมีการจัดตั้งแล้ว 10 จังหวัดนี้จะเป็นการพัฒนาทั้งต้นน้ำและกลางน้ำ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงปีหน้า ส่วนการเดินสายไปเยี่ยมชมศูนย์ต่าง ๆ นั้น เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน นอกจากนี้ในอนาคตเราอยากให้มีศูนย์ระดับนานาชาติตามมหานครใหญ่ ๆ ทั่วโลก

‘อุ๊งอิ๊ง’ ใจถึง!! ดีด ‘เฉลิม’ ออกกลุ่มไลน์พรรค ขจัดความอึดอัดใจสมาชิก ส่วนจะต้องขับใครออกจากพรรคหรือไม่? ยืนยัน!! ไม่มีนโยบายนี้

(25 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กทม. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีดีด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกจากกลุ่มไลน์ของพรรคเพื่อไทย ภายหลัง ร.ต.อ.เฉลิม เปิดบ้านริมคลอง แถลงข่าวท้าให้พรรคเพื่อไทยขับออกจากพรรค เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า เป็นเรื่องจริง เพราะไลน์กลุ่มมีไว้สื่อสารเรื่องต่าง ๆ กับสมาชิกพรรคให้รับรู้รับทราบ จากที่ตนเห็นข่าวเมื่อวานแล้ว สิ่งแรกที่รู้สึกคืออยากให้คนในพรรค หรือคนที่อยู่ในกลุ่มไลน์นี้ ไม่อยากให้เกิดความบั่นทอน ตนก็ไม่อยากให้มีประเด็น และทุกคนรู้สึกกังวลไปด้วยว่าข่าวเป็นแบบนี้แล้วในพรรค และในกรุ๊ปไลน์นี้จะคุยกันอย่างไร

“ก่อนหน้านี้ คุณเฉลิม ก็ไลน์มาเรื่องว่าจะย้ายพรรค ซึ่งข้อความต่อ ๆ ไปทุกคนก็เริ่มอึดอัดใจ ซึ่งตนคิดว่าตรงนี้ถ้าตนนำไปปรึกษาใครว่าเอาออกดีไหม ทุกคนก็จะมีความเกรงใจกันเกิดขึ้น ซึ่งตนคิดว่ากรุ๊ปไลน์นี้ต้องเป็นกรุ๊ปของการคุยเรื่องการทำงาน เป็นกรุ๊ปของการนัดแนะ สส.ให้ทราบข้อมูลตรงกัน จึงมีการมูฟ คุณเฉลิม ออกไปดีกว่า ก็แค่นั้น เราก็บอกตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วว่าเราไม่อยากมีดรามามากขึ้น จริง ๆ ก็ไม่ทราบว่าการมูฟ คุณเฉลิม ออกจากกลุ่มไลน์จะเป็นข่าว แค่คิดว่าไม่อยากให้ในกลุ่มอึดอัดใจมากกว่า อันนี้คือความตั้งใจ เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นข่าวก็พร้อมจะอธิบายว่าเราต้องการจบจริง ๆ” นางสาวแพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่ามีการพูดคุยกับ ร.ต.อ.เฉลิม ก่อนหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจดีดออกจากไลน์ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ไม่ได้ปรึกษาใครก่อน เพราะคิดแล้วว่าก็ต้องทำงานต่อไป นั่นคือสิ่งสำคัญ

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกรณี ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาแถลงข่าวท้าให้ขับออกจากพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของท่าน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น ตนพร้อมเสมอที่จะพูดคุย แต่ต้องมาคุยที่พรรคเพื่อไทย และการพูดคุยก็จะต้องมีเลขาธิการพรรค และผอ.พรรค หรือมีคนอื่นอยู่ด้วย เพื่อให้เป็นทางการ เพราะเรื่องของพรรคไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะฉะนั้นถ้าจะคุยกันเรื่องนี้ก็อยากให้มาคุยกันที่พรรค

เมื่อถามว่ามีโอกาสที่จะขับ ร.ต.อ.เฉลิม ตามที่ร้องขอหรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เราจะมูฟออกอย่างเดียว ไม่มีนโยบายขับออกจากพรรค

เมื่อถามถึงกรณีที่นายวัน และ ร.ต.อ.เฉลิม ไปสนับสนุน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ในวันนับคะแนนผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานี นางสาวแพทองธาร กล่าวว่าตนไม่ทราบเลยว่า ร.ต.อ.เฉลิม ก็ไปด้วย และทั้งหมดนี้ตนก็ไม่เคยไล่ และข้อความก็ไม่เคยพูดสักคำว่าจะให้ ร.ต.อ.เฉลิม และนายวันออกจากพรรคเพื่อไทย และก็ไม่เคยแสดงเจตนาเช่นนั้นด้วย จึงอยากจะชี้แจงให้ชัดเจนตรงนี้

“แต่ว่าทุกคนโตแล้วก็ตัดสินใจเองได้หมดว่าจะทำอย่างไรกับการแพลนชีวิตไปข้างหน้า ก็เคารพเสมอ ก็ขออวยพรให้โชคดีให้ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้น ขอให้ไม่มีเรื่องนี้ต่อแล้ว ขออนุญาตไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้แล้ว ให้ทุกคนทำงานต่อ สำหรับฝั่งนี้ไม่มีดราม่าอะไรทั้งนั้น และขอให้เรื่องนี้จบ” นางสาวแพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่านอกจากเรื่องนี้แล้วมีเรื่องอื่นสะสมอีกหรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ไม่มี ไม่เคยมีปัญหาอะไร ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะขอดีเบตกับคุณพ่อ ก็ให้ไปถามคุณพ่อละกัน ตนไม่ทราบ

เมื่อถามว่าแม้พรรคเพื่อไทยไม่ขับออก แต่บทบาทในสภาอาจจะเปลี่ยนไป อาจจะอภิปรายมาทางฝั่งพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า นั่นก็เป็นเรื่องที่พรรคต้องจัดการ และรับมือไปตามเรื่องนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 26 ก.ค.เป็นวันเกิดของคุณพ่อ จะเปิดบ้านจันทร์ส่องหล้าให้คนสนิทเข้าไปอวยพรหรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ช่วงเช้าจะมีการทำบุญภายในครอบครัว ตอนเที่ยงคิดว่าจะมีคนสนิทของคุณพ่อมาทานข้าวด้วยกันบ้าง มีคนใกล้ชิด หรือนักการเมืองเข้าไปอวยพรบ้าง ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย คุณพ่อไม่ได้ทำบุญแบบนี้มานานแล้ว

‘สส.เพื่อไทย’ หนุน ‘อุ๊งอิ๊ง’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ฟาก ‘กก.บห.’ ต้องฟังเสียง สส. ก่อนมีมติเด็ดขาด

กรณีที่มีกระแสข่าวว่าบ้านจันทร์ส่องหล้าเคาะจะส่งนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนถัดไป ในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ว่า…

จริง ๆ มีการพูดคุยกัน แต่ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ตนอยู่ที่สภาฯ เพื่อเคลียร์วาระการประชุมต่าง ๆ กับวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาล อย่างไรก็ตามแม้จะมีข่าวออกมาแล้ว แต่ตนก็มองว่าเป็นแค่การพูดคุยกัน ส่วนเรื่องอื่นต้องรอสรุป หลังการประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคบ่ายวันนี้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เหมือน สส. ส่วนใหญ่จะสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นบุคคลที่จะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์กล่าวว่า จริง ๆ แล้วพรรคเพื่อไทยยังเหลือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีก 2 คน ซึ่งต้องดูความเหมาะสม และจะมีการประชุม กก.บห. ซึ่งจะมีการประชุม สส. เพื่อเรียกกำลังใจกลับมา การที่เราจะปฏิบัติหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป ส่วนเรื่องของฝ่ายบริหารขอให้เป็นมติของที่ประชุม กก.บห.

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มว่า มติ สส. ที่สนับสนุน น.ส.แพทองธาร จะสามารถสู้มติของกก.บห.พรรคได้หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า แน่นอนว่ากก.บห.ก็ ฟังมติของสส. ฉะนั้นหากมีประชุม ยกเหตุผลมาแล้ว ก็น่าจะสรุปได้ในบ่ายวันนี้

'สวนดุสิตโพล' เผลผลสำรวจ ‘คนไทยกับนายกรัฐมนตรี’ คาดหวัง!! เข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง-แก้ปากท้องได้ทันที

(16 ส.ค. 67) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ‘คนไทยกับนายกรัฐมนตรี’ ระหว่างวันที่ 14-15 สิงหาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,239 คน สำรวจผ่านทางออนไลน์และภาคสนาม พบว่า กลุ่มตัวอย่างคิดว่าการที่นายกฯ เศรษฐาหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นเรื่องการเมือง มีเบื้องลึกเบื้องหลัง ร้อยละ 52.88 และน่าจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง ร้อยละ 70.30

ทั้งนี้หวังว่าผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ คนใหม่ ควรเข้าใจปัญหาสังคมและประชาชน ร้อยละ 62.62 สุดท้ายคิดว่าคนที่จะมาเป็นนายกฯ คนใหม่ น่าจะเป็นคุณแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 36.35 รองลงมาคือคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 25.33

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลโพลสะท้อนถึงความกังวลของประชาชนต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่เข้มข้นในช่วงนี้ มองเห็นถึงความไม่มั่นคงทางการเมืองที่อาจกระทบต่อทิศทางการบริหารประเทศและนโยบายเรือธงที่เป็นความหวังของประชาชน เรื่องการเมืองมีความซับซ้อนและผลประโยชน์ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น ผู้นำคนใหม่จึงต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจลึกซึ้งในปัญหาของประเทศและสามารถเชื่อมโยงกับประชาชนได้อย่างแท้จริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและนำพาประเทศไปสู่เสถียรภาพที่มั่นคง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยอดชาย ชุติกาโม อาจารย์ประจำโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า การหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองไทย ณ เวลานี้ มีความร้อนแรงอย่างยิ่ง และกระทบไปยังภาคส่วนต่างๆ จากผลสำรวจของสวนดุสิตโพล พบว่า 52.88% ประชาชนเชื่อว่าเป็นเรื่องการเมือง มีเบื้องลึกเบื้องหลัง มีประชาชน เพียง 15.76% เท่านั้นที่เชื่อว่าไม่มีผลกระทบกับชีวิตประจำวัน

ขณะที่คนส่วนใหญ่มองว่าการหลุดจากตำแหน่งของนายเศรษฐา น่าจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองไทย ในประเด็นที่ว่าใครสมควรเป็นนายกฯ คนต่อไป ประชาชน 36.35% ให้คุณแพทองธาร ชินวัตร มาเป็นอันดับหนึ่ง เบียดคู่แข่งที่มาแรงอย่างคุณอนุทิน ชาญวีรกูล โดยประชาชนส่วนใหญ่คาดหวังว่านายกฯ คนต่อไป ต้องเข้าใจปัญหาสังคมและประชาชน และสามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้ทันทีซึ่งประชาชนมีความคาดหวังเรื่องเศรษฐกิจถึง 61.97%

“ทิศทางการเมืองไทยนับจากนี้ เราจะมีนายกรัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้านที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของการปกครองไทยนับตั้งแต่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมา 92 ปี คนรุ่นใหม่ที่หลายฝ่ายอยากได้มาสร้างรูปแบบ และกระบวนการทางการเมืองใหม่ ๆ จะเป็นดังที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยอดชาย ระบุ

ฉลุย!! ‘อิ๊งค์-แพทองธาร’ ขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย

(16 ส.ค. 67) ที่ประชุมรัฐสภา มีมติเห็นชอบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ด้วยเสียงเห็นชอบ 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง

สำหรับประวัติส่วนตัว เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2529 สัญชาติไทย เป็นบุตรของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร กับ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์

สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ระดับปริญญาตรีจากคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษย์วิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และระดับปริญญาโทจาก MSc International Hotel Management, University of Surrey, Weybridge, United Kingdom

ในด้านประวัติการทำงาน ดำรงตำแหน่ง กรรมการบริษัท เรนด์ เพลินจิต โอเต็ล จำกัด (2554 - 2567) / กรรมการบริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจโรงแรม และสนามกอล์ฟ บ. เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (2555 - 2567)

กรรมการบริษัท เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ โฮเต็ล จำกัด (2556 - 2567) / กรรมการบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับ จำกัด (2559 - 2567) / กรรมการบริษัท อัลไพน์ การ์เด็น ดีไซน์ จำกัด (2559 - 2567) / กรรมการบริษัท โอเอไอ คอนซัลแต้นท์แอนด์แมนเนจเม้นท์ จำกัด (2559 - 2567)

ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วม และนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย, หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (2565-ปัจจุบัน) / รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ, รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ (2566 - 2567) และ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (2566 - ปัจจุบัน)

📌ส่อง ‘6 ผู้นำ’ อายุน้อยที่สุดในโลก ‘นายกฯ ไทย’ ก็ติดโผด้วยนะ!!

วันนี้ 16 ส.ค. 67 นับเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทย เพราะที่ประชุมรัฐสภา มีมติเห็นชอบให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ด้วยเสียงเห็นชอบ 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง และงดออกเสียง 27 เสียง

ถือว่า ‘นายกฯ อิ๊งค์’ เป็นนายกฯ หญิงคนที่ 2 และยังครองตำแหน่งนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดของไทยอีกด้วย ซึ่งอีกเพียง 5 วันก็จะถึงวันคล้ายวันเกิด (21 ส.ค.) ของนายกฯ อิ๊งค์แล้วด้วย ✨❤


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top