Sunday, 8 June 2025
อิหร่าน

‘อิสราเอล’ สั่งปิดสัญญาณ GPS - ห้ามทหารลาหยุด หวังเสริมการป้องกัน หลังเพิ่งโจมตีสถานกงสุล ‘อิหร่าน’ มา

(5 เม.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อิสราเอลปิดใช้งานระบบ GPS ทั่วประเทศเพื่อขัดขวางการใช้งานของขีปนาวุธและโดรน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นกับอิหร่าน ซึ่งประกาศคำมั่นว่าจะตอบโต้ หลังอิสราเอลโจมตีอาคารของแผนกกงสุลในสถานทูตอิหร่านที่ซีเรียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย รวมถึงนายพลอิหร่านจากหน่วยรบพิเศษคุดส์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการรบกวนการทำงานของระบบ GPS ในพื้นที่ตอนกลางของอิสราเอล ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันที่ออกแบบมาเพื่อขัดขวางการใช้อาวุธที่สามารถระบุตำแหน่งได้ โดยพลเมืองอิสราเอลระบุว่า พวกเขาไม่สามารถใช้บริการแอปในการระบุสถานที่ในเมืองใหญ่ ๆ เช่น เทลอาวีฟและเยรูซาเลม ซึ่งอยู่ห่างไกลจากพื้นที่สู้รบได้

นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ไทม์ออฟอิสราเอล รายงานว่า ได้มีการร้องขอให้ชาวอิสราเอลตั้งค่าตำแหน่งบนแอปด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยให้มีการส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการโจมตีด้วยจรวด เพื่อให้แน่ใจว่าตำแหน่งของพวกเขายังคงแม่นยำ แม้ว่าจะมีการรบกวนสัญญาณ GPS อยู่ก็ตาม

ด้าน ดาเนียล ฮาการี โฆษกกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ยืนยันว่า อิสราเอลกำลังทำการบล็อคการใช้งาน GPS ซึ่งบางครั้งถูกเรียกว่าเป็นการปลอมแปลง

ดาเนียล ฮาการี ยังเรียกร้องให้ประชาชนไม่ตื่นตระหนกด้วยการกักตุนซื้อสินค้า โดยเขาโพสต์บน X ว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องปั่นไฟ กักตุนอาหาร หรือถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม ทำตัวเหมือนปกติอย่างที่เคยทำมา และเราแจ้งให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทันที หากมีอะไรที่เป็นทางการ

ขณะเดียวกันไอดีเอฟยังประกาศว่าจะระงับการขอลาพักของทหารทั้งหมดที่อยู่ในหน่วยรบ โดยคำประกาศดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่ทหารกองหนุนอิสราเอลเพิ่งถูกเรียกเข้าเสริมกำลังในหน่วยป้องกันภัยทางอากาศ

ดูเหมือนไอดีเอฟจะเชื่อว่าการตอบโต้ของอิหร่านใกล้จะเกิดขึ้น และอาจเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดในวันศุกร์ที่ 5 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันศุกร์สุดท้ายในเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม

นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวหลังมีข่าวเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับความเป็นไปได้ของการโจมตีตอบโต้ของอิหร่านว่า อิสราเอลจะทำร้ายใครก็ตามที่ทำร้ายเรา หรือวางแผนที่จะทำร้ายเรา

เนทันยาฮูกล่าวก่อนเริ่มประชุมคณะรัฐมนตรีความมั่นคงเมื่อค่ำวันที่ 4 เม.ย.ว่า หลายปีมาแล้วที่อิหร่านดำเนินการต่อต้านเราทั้งโดยตรงและผ่านตัวแทน ดังนั้นอิสราเอลจึงจะดำเนินการต่อต้านอิหร่านและตัวแทนของอิหร่านทั้งในเชิงรับและเชิงรุก

“เรารู้วิธีที่จะป้องกันตนเอง และเราจะปฏิบัติตามหลักการง่าย ๆ ว่าใครก็ตามที่ทำร้ายเรา หรือวางแผนจะทำร้ายเรา เราก็จะทำร้ายพวกเขากลับ” เนทันยาฮู กล่าว

'อิหร่าน' ขู่!! ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ของ 'อิสราเอล' ลั่น!! รู้ว่าซ่อนอยู่ตรงไหนบ้าง ปราม!! อย่าแหยมอีก

(19 เม.ย. 67) เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน เตือนเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ว่า เตหะรานทราบดีถึงตำแหน่งที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิสราเอล และมีศักยภาพโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ของรัฐยิว ในกรณีที่พวกเขาถูกโจมตีก่อน ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น

ความตึงเครียดโหมกระพือหนักหน่วงขึ้นในตะวันออกกลางในเดือนนี้ ตามหลังเหตุโจมตีสถานกงสุลของอิหร่านประจำกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เมษายน ซึ่งว่ากันว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล สังหารสมาชิกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม 7 นาย เตหะรานแก้แค้นในสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการปล่อยโดรนและยิงขีปนาวุธห่าใหญ่เล่นงานอิสราเอล แต่ส่วนใหญ่ถูกสอยร่วงโดยรัฐยิวและบรรดาชาติตะวันตก ผู้สนับสนุนของอิสราเอล

แม้ขณะนี้อิสราเอลยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะใช้วิธีการใดตอบโต้การโจมตีของอิหร่าน แต่วิธีหนึ่งที่กำลังสร้างความกังวลไปทั่วโลก นั่นคือการโจมตีโครงการนิวเคลียร์ในอิหร่าน ซึ่งความเป็นไปได้ดังกล่าวนี้เองกระตุ้นให้เตหะรานออกมาขู่กลับเช่นกัน

"ทำเลที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิสราเอลถูกพบแล้ว และเรามีข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเกี่ยวกับเป้าหมายต่าง ๆ ที่เราต้องการกำจัดในปฏิบัติการตอบโต้ของเรา" พันเอกอาห์หมัด ฮักตาลับ แห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านกล่าว ตามรายงานของทาสนิม สื่อมวลชนกึ่งรัฐ "มือของเราอยู่บนไกปืน ที่จะลั่นไกปลดปล่อยขีปนาวุธทรงพลังงานและทำลายเป้าหมายเหล่านั้น"

เตหะราน กล่าวว่า พวกเขากำลังหาทางคลี่คลายสถานการณ์ แต่ทางอิสราเอลประกาศจะโจมตีตอบโต้โดยไม่เปิดเผยว่าจะดำเนินการแบบไหนและเมื่อไหร่ ในเรื่องนี้ พันเอกฮักตาลับ เชื่อว่าอิสราเอลกำลังพิจารณาปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติม เป็นไปได้ว่าจะเล็งเป้าอุตสาหกรรมทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน และหากเป็นเช่นนี้ อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของอิสราเอลจะถูกเล่นงานในการโจมตีแก้แค้นเช่นกัน

ที่ผ่านมา อิสราเอลไม่เคยยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ทางสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) ประเมินว่าอิสราเอลน่าจะมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ราว 80 ลูก ในนั้นเป็น gravity bombs จำนวน 30 ลูก และหัวรบนิวเคลียร์สำหรับขีปนาวุธพิสัยกลาง 50 ลูก ในขณะที่ พันเอกฮักตาลับ ไม่ได้เจาะจงว่าที่ตั้งทางนิวเคลียร์ใดบ้างที่อิหร่านเล็งไว้สำหรับปฏิบัติการโจมตีตอบโต้

อิสราเอล กล่าวหา อิหร่าน ว่าลอบพัฒนาแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ของตนเองแบบลับ ๆ มานานหลายทศวรรษแล้ว และ กิลาด เออร์ดาน ผู้แทนทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ กล่าวอ้างเมื่อวันอาทิตย์ (14 เม.ย.) ว่าเตหะรานเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่สัปดาห์ในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ลูกหนึ่งสำเร็จ เขาเร่งเร้าให้บรรดาสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ พิจารณาว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าอิหร่านเปิดฉากโจมตีประเทศของพวกเขาด้วยระเบิดนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม คำกล่าวอ้างนี้ถูกปฏิเสธโดยทบวงพลังงานปรมาณูสากล

พันเอกฮักตาลับ เปิดเผยด้วยว่า พวกผู้นำอิหร่านเน้นย้ำพวกเขามองอาวุธทำลายล้างสูงทุกชนิดเป็นสิ่งที่เข้ากันไม่ได้กับโลกอิสลาม แต่มีความเป็นไปได้ที่เตหะรานจะพิจารณาทบทวน ‘ยุทธศาสตร์และนโยบายทางนิวเคลียร์’ หากว่าอิสราเอลยังคงคุกคามที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของพวกเขา

ทั้งนี้ พันเอกฮักตาลับ บอกว่าปกติแล้วที่ตั้งทางนิวเคลียร์มักถูกพิจารณาอยู่นอกเหนือปฏิบัติการทางทหาร แต่การที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุล สำนักงานทางการทูตที่ได้รับการคุ้มครองในระดับนานาชาติ เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า อิสราเอลไม่ได้สนใจเล่นตามกฎใด ๆ

นักสู้ MMA ชาวอิหร่าน เตะก้นสาวริงเกิร์ลบนเวที อ้างไม่เหมาะ โดนตะลุมบอนยับ-แบนตลอดชีวิต-ยึดค่าจ้างให้สาวที่ถูกเตะ

(23 เม.ย.67) กลายเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมมากพอสมควร หลังจาก 'อาลี เฮบาติ' นักสู้ MMA ชาวอิหร่าน เตะไปที่ก้นของสาวที่ขึ้นมาถือป้ายระหว่างยก โดยอ้างว่าเธอแต่งตัวไม่เหมาะสม (ก็แต่งแบบนี้กันมานานแล้วไหม)

สำหรับไฟต์นี้จัดแข่งกันที่รัสเซีย โดยสู้ไปได้แค่ 30 วินาที ก็แพ้น็อกเอาท์คู่แข่งจากอาร์เมเนีย แถมยังไม่พอใจไปเล่นนอกเกมใส่อีก นอกจากนี้เห็นบอกไปเล่นงานนักพากย์ด้วย ซึ่งคาดว่าคงไม่พอใจที่ไปวิจารณ์ตนเอง

ภายหลังงานนี้ มีการตะลุมบอน อาลี เฮบาติ จนไปอ่วมเลย และจากพฤติกรรมทั้งหมดนี้ ก็ทำให้เจ้าตัวถูกแบนตลอดชีวิต และยึดค่าจ้างทั้งหมดมามอบให้กับสาวที่โดนเตะด้วย

'จอร์แดน' เลือกข้าง!! ช่วยอิสราเอลจากการโจมตีของอิหร่าน สกัดกั้น 'ขีปนาวุธ-โดรน' จากอิหร่านที่ผ่านน่านฟ้าจอร์แดน

ถือเป็นการเปิดหน้าอย่างชัดเจน เมื่อจอร์แดนได้ช่วยเหลืออิสราเอลระหว่างการโจมตีของอิหร่าน ด้วยการสกัดกั้นขีปนาวุธทุกลูกและโดรนทุกลำจากอิหร่านที่มุ่งสู่อิสราเอลผ่านน่านฟ้าของจอร์แดน 

โดยรัฐบาลจอร์แดนภายใต้การปกครองของกษัตริย์อับดุลลาห์ที่ 2 กล่าวว่า “เราจะสกัดกั้นโดรนหรือขีปนาวุธทุกตัวที่ละเมิดน่านฟ้าของจอร์แดนเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายใด ๆ สิ่งใดก็ตามที่เป็นภัยคุกคามต่อจอร์แดนและความปลอดภัยของชาวจอร์แดน เราจะเผชิญหน้ากับมันด้วยความสามารถและทรัพยากรทั้งหมดของเรา”

นอกจากนี้ จอร์แดน ยังเปิดน่านฟ้าให้เครื่องบินรบของอิสราเอลและสหรัฐฯ ปฏิบัติการอีกด้วย โดยเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศอิสราเอลนายหนึ่งกล่าวว่า จอร์แดนอนุญาตให้เครื่องบินรบของอิสราเอลบินในน่านฟ้าของตนเพื่อยิงสกัดขีปนาวุธและโดรนของอิหร่านให้ตก โดยกองทัพจอร์แดนและอิสราเอลได้รับการประสานงานจากกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลและจอร์แดนทำการรบเคียงข้างกัน 

ทว่า การตัดสินพระทัยของกษัตริย์อับดุลลาห์ที่ 2 ในครั้งนี้ น่าจะทำให้ประชาชนชาวจอร์แดนที่เป็นมุสลิมกว่า 95% ของประชากรทั้งประเทศราว 10 ล้านคนไม่พอใจอย่างแน่นอน

เฮลิคอปเตอร์ ประธานาธิบดี Ebrahim Raisi แห่งอิหร่าน ตก!! ภายใต้ความหวังหลังบางคนในคณะได้ติดต่อมายังส่วนกลาง

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 67 เฮลิคอปเตอร์ ลำหนึ่งซึ่งมีผู้โดยสารอย่าง ประธานาธิบดี Ebrahim Raisi แห่งอิหร่าน, รัฐมนตรีต่างประเทศ Hossein Amir-Abdollahian, Malek Rahmati ผู้ว่าการอาเซอร์ไบจานตะวันออก และ Mohammad Ali Ale-Hashem ตัวแทนผู้นำสูงสุดในอาเซอร์ไบจานตะวันออก ได้ประสบอุบัติเหตุตกระหว่างหมู่บ้าน Ozi และ Pir Davood ทางตอนเหนือของ Varzeqan ขณะเดินทางไปยังเมืองทาบริซ 

ตอนนี้ทีมกู้ภัยและโดรนสี่สิบทีม กำลังพยายามค้นหาเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว ซึ่งตามรายงานระบุว่าตกในพื้นที่ป่าดิซมาร์ ซึ่งเป็นภูเขาสูงและป่าทึบ ขณะนี้ยังไม่ทราบทั้งตำแหน่งที่เฮลิคอปเตอร์ตกและชะตากรรมของผู้โดยสาร เพราะทีมกู้ภัยยังไม่สามารถเข้าถึงตำแหน่งของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวเนื่องจากสภาพอากาศปิดมีหมอกหนาจัด

อย่างไรก็ตาม IRNA ภาคภาษาอังกฤษ รายงานว่า มีการติดต่อจากคนบางคนในคณะของประธานาธิบดีบนเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นกับสำนักงานใหญ่กลาง จึงมีความหวังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะจบลงโดยไม่มีผู้เสียชีวิต

สำหรับเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ เป็นส่วนหนึ่งของขบวนเฮลิคอปเตอร์สามลำ โดยเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำในจำนวนนั้น ซึ่งบรรทุกรัฐมนตรีและคณะทำงานสามารถเดินทางถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ขณะที่ ประธานาธิบดี Ebrahim Raisi และ รัฐมนตรีต่างประเทศ Hossein Amir-Abdollahian พร้อมด้วยบุคคลสำคัญหลายคนอยู่บนเฮลิคอปเตอร์อีกลำช่วงที่เดินทางกลับจากพิธีเปิดเขื่อนบริเวณชายแดนอิหร่านติดกับอาเซอร์ไบจาน แต่มาเกิดอุบัติเหตุขณะลงจอดในภูมิภาควาร์ซากันเมื่อวันอาทิตย์ 

“จากจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้ที่มีการรายงานเกี่ยวกับเฮลิคอปเตอร์ของประธานาธิบดี กองกำลังบรรเทาทุกข์ของสภาเสี้ยววงเดือนแดง และกองกำลังบังคับใช้กฎหมายได้เริ่มใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาเฮลิคอปเตอร์ลำนี้” สำนักข่าวตัสนีม รายงาน

‘นายกฯ’ แสดงความเสียใจต่อการจากไปของ ‘ประธานาธิบดีอิหร่าน’ หลังประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ระหว่างรุดเยี่ยมพื้นที่ชายแดน

(20 พ.ค.67) ตามเวลาท้องถิ่นที่กรุงโรมสาธารณรัฐอิตาลี ระหว่างการปฎิบัติภารกิจยืนสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการและกิจกรรมคู่ขนาน ณ เมืองมิลานและกรุงโรม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ ดร. Ebrahim Raisi (อิบราฮิม ไรซี) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ว่า “เป็นความเศร้าโศกอย่างมากที่ได้ทราบถึงเกี่ยวกับการจากไปอันน่าเศร้าของเขา ดร. Ebrahim Raisi ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านและคณะผู้แทนของเขา ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปยังครอบครัวของดร. Ebrahim Raisi และชาวอิหร่านในช่วงเวลาที่ยากลําบากนี้”

“It is with great sorrow that I learn of the tragic passing of HE. Dr. Ebrahim Raisi, President of the Islamic Republic of Iran and his delegation. My thoughts and deepest condolences go to his family and the people of Iran during this difficult time.”

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เฮลิคอปเตอร์ซึ่งมี อิบราฮิม ไรซี ประธานาธิบดีอิหร่านและ ฮอสเซน อามีร์-อับดุลลาเฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นหนึ่งในผู้โดยสาร ประสบอุบัติเหตุตก ขณะเดินทางกลับจากการเยี่ยมพื้นที่ชายแดนติดกับอาเซอร์ไบจาน ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้ายและมีหมอกหนาจัด

ทำความรู้จัก ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ ประธานาธิบดีรักษาการ ในวันที่ ‘อิหร่าน’ สูญเสียผู้นำจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก

โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจของรัฐบาลอิหร่าน ได้รายงานยืนยันการถึงแก่อสัญกรรมของ อิบราฮิม ไรซี ประธานาธิบดีอิหร่าน พร้อมทั้ง ฮูซเซน อะเมียร์-อับดุลลาฮาน รัฐมนตรีต่างประเทศ จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่เขตอาเซอร์ไบจานตะวันออก อย่างเป็นทางการแล้ว เบื้องต้นระบุสาเหตุการตกเกิดจากสภาพอากาศเลวร้าย และมีหมอกจัด บดบังวิสัยทัศน์การบิน 

แต่ทั้งนี้ อิหร่านไม่อาจทิ้งให้รัฐบาลอยู่ในช่วงสุญญากาศเพราะขาดผู้นำอย่างกะทันหันได้นาน จึงมีประกาศแต่งตั้ง ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ รองประธานาธิบดี ลำดับที่ 1 ขึ้นดำรงผู้นำอิหร่านเป็นการชั่วคราว ที่จะต้องประสานงานร่วมกับประธานสภาผู้แทนราษฎร และ หัวหน้าคณะตุลาการ เพื่อจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ในอิหร่านภายในกรอบเวลา 50 วัน

ประวัติส่วนตัวของ ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1955 ปัจจุบันอายุ 69 ปี ถือเป็นหนึ่งในคนสนิทใกล้ชิดกับผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ‘อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี’ ได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดีอิหร่านในปี 2021 และถูกมองว่ามีโอกาสขึ้นถึงตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่านในไม่ช้านี้ 

‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ จบปริญญาเอกถึง 2 สาขา ทั้งด้านบริหารธุรกิจ และ สิทธิสากล เคยเข้าร่วมรบในกองพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ในสมัยสงคราม อิรัก-อิหร่าน ก่อนที่จะเข้ามาทำงานสายธนาคารจนได้รับตำแหน่งเป็น ประธานบอร์ดผู้บริหารของ Sina Bank และ รองผู้ว่าการจังหวัด ฆูเซสถาน

จากนั้นเขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภา Execution of Imam Khomeini's Order ที่ดูแลด้านการเงินให้กับ ‘อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี’ และทำให้ชื่อของเขาอยู่ในบัญชีดำของสหภาพยุโรป และ สหรัฐอเมริกา ด้วยข้อกล่าวหาว่า เขาเกี่ยวข้องกับกิจการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของอิหร่าน

และในปี 2021 หลังการเลือกตั้งใหญ่ในอิหร่าน เมื่อ ‘อิบราฮิม ไรซี’ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอิหร่าน ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ ก็ถูกวางตัวในตำแหน่งรองประธานาธิบดีลำดับที่ 1 ที่ทำงานใกล้ชิดทั้งประธานาธิบดี และ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจเพื่อต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกต่ออิหร่าน และยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้นำอิหร่านในการเยือนกรุงมอสโก เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเพื่อบรรลุข้อตกลงด้านอาวุธ การจัดหาขีปนาวุธภาคพื้นดิน และ โดรนให้แก่กองทัพรัสเซีย 

ดังนั้น การขึ้นรักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน ของ ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ จึงถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด จนกว่าอิหร่านจะผ่านการเลือกตั้งครั้งใหม่ให้ได้ผู้นำตามกระบวนการอย่างถูกต้อง 

แต่ปัญหาของอิหร่านตอนนี้คือ การมองหาตัวแทนตำแหน่งผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุด หรือ อยาตอลเลาะห์ คนที่ 3 ต่อจาก อาลี คาเมเนอี ที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ว่า อิบราฮิม ไรซี ถูกวางตัวไว้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนี้ แต่เมื่ออิหร่านสูญเสียตัวแทนคนสำคัญไปแล้ว คงต้องมองหาผู้สืบทอดคนใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญอย่างมากต่อความมั่นคงของชาติเลยทีเดียว

‘ปชช. อิหร่าน’ แห่ร่วมพิธีอำลา ‘ปธน. ผู้ล่วงลับ’ หลังมีการเคลื่อนย้ายร่าง ไปยังกรุงเตหะราน

(22 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (21 พ.ค.) ประชาชนจำนวนมากในกรุงเตหะรานของอิหร่าน แห่เข้าร่วมพิธีอำลาประธานาธิบดีอิบราฮิม ไรซี ฮอสเซน อามีร์-อับดุลลาเฮียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน และสมาชิกคณะร่วมเดินทางผู้ล่วงลับ หลังมีการเคลื่อนย้ายร่างของพวกเขาจากเมืองทาบริซทางตะวันตกเฉียงเหนือไปยังกรุงเตหะราน


 

'อิหร่าน' นั่งเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรี กรอบความร่วมมือเอเชีย ACD ครั้งที่ 19 ตอกย้ำเวทีแห่งหลักประกันความเป็นมิตรที่ดี พร้อมเกื้อหนุนทุกมิติที่เป็นประโยชน์

ความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue – ACD) เป็นความคิดริเริ่มของไทย และได้ถูกยกขึ้นเป็นครั้งแรกในการประชุมระหว่างประเทศของพรรคการเมืองเอเชีย ครั้งที่ 1 ณ กรุงมะนิลา เมื่อวันที่ 17 -20 กันยายน 2000 โดยประเทศไทยได้เสนอแนวคิดว่า เอเชียควรมีเวทีเป็นของตนเองเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในระดับทวีปของเอเชีย ต่อมาไทยได้เสนอแนวคิดเรื่อง ACD อย่างเป็นทางการในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่กรุงฮานอย ระหว่างวันที่ 23-24 กรกฎาคม 2001 และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) ที่ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ 2002 ทำให้ ACD เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมากขึ้น และเกิดขึ้นในปีนั้นเอง 

ปัจจุบัน ACD มีสมาชิก 35 ประเทศ คิดเป็น 56% ของประชากรโลก และ 35% ของ GDP โลก ประเทศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การพูดคุยและการเป็นหุ้นส่วนพัฒนาความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ เช่น การขนส่งและการสื่อสาร วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การศึกษา และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความมั่นคงด้านอาหาร พลังงาน และน้ำ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และครอบคลุมและยั่งยืนโดย ACD เป็นเวทีหารือระดับนโยบายและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมความเข้าใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย รวมถึงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาความท้าทายของโลก

วันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue: ACD) ครั้งที่ 19 ณ กรุงเตหะราน อิหร่าน ซึ่งที่ประชุมฯ รับรองการเสนอตัวเป็นประธาน ACD วาระปี 2568 ของไทย และรับรองเอกสารสำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ 1) ปฏิญญาเตหะราน (Tehran Declaration) 2) กฎระเบียบสำหรับกลไกการดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชีย (Rules of Procedure) และ 3) แนวทางหลักในการดำเนินงานของสำนักเลขาธิการกรอบความร่วมมือเอเชีย (Guiding Principles) ในโอกาสดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยได้กล่าวถ้อยแถลงโดย (1) ย้ำถึงบทบาทสำคัญของ ACD ในการกำหนดอนาคตของภูมิภาคเอเชีย และความสำคัญของความร่วมมือกันของประเทศสมาชิกเพื่อสร้างภูมิภาคเอเชียที่ครอบคลุมและยั่งยืน (2) แสดงเจตจำนงของไทยในการขับเคลื่อน ACD ผ่านการเสนอตัวเป็นประธาน ACD วาระปี 2025 (3) เสนอแนวทางการส่งเสริมพลวัตให้แก่ ACD ผ่านการจัดการประชุมทั้งแบบทางการและไม่ทางการ (retreat) และการจัดประชุมระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมโลก การเสนอแนวความคิดการจัดตั้งกองทุน ACD รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง ACD และกรอบความร่วมมืออื่นๆ

Ali Bagheri Kani รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้แถลงแสดงความอาลัยในการจากไปของประธานาธิบดี Raisi และดร. Amir-Abdollahian รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองต่างให้การสนับสนุนการประชุม ACD ครั้งที่ 19 นี้ อย่างแข็งขัน ตามแนวคิดพหุภาคีที่สำคัญซึ่งทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันบุกเบิกเพื่อลดการผูกขาดปฏิสัมพันธ์และการพึ่งพาประเทศตะวันตกโดยมุ่งเน้นไปที่ประเทศตะวันออกด้วยกันเอง ด้วยการส่งเสริมเอกลักษณ์ของเอเชียและรับประกันความเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรที่ดี ตลอดจนส่งเสริมความสมบูรณ์ของภูมิภาคผ่านการเป็นสมาชิกของ ACD อย่างแข็งขันในองค์กรระดับภูมิภาคและระดับโลก

นอกจากนี้ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้กล่าวแสดงความรู้สึกเศร้าใจและตกตะลึงอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความโหดร้ายและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กระทำโดยอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นมานานกว่าแปดเดือนแล้ว และหวังว่าเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้จะยุติลงโดยเร็วที่สุด สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านเข้าร่วม ACD ในปี 2003 และถือว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกที่มีความกระตือรือร้น ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 อิหร่านรับหน้าที่เป็นประธาน ACD โดยถือเอาการก่อตั้ง 'ประชาคมเอเชีย' ซึ่งเป็นหนึ่งในปณิธานของ ACD ด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอันมั่งคั่งและคุณค่าที่ยั่งยืนของเอเชียตลอดจนศักยภาพที่แข็งแกร่งของทวีปและรากฐานทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจริง หากความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนเอเชียที่เข้มแข็งขึ้นถูกสร้างขึ้นในหมู่ชาวเอเชียย่อมนำมาซึ่งประโยชน์มากมายอย่างไม่ต้องสงสัย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top