Sunday, 8 June 2025
ยุโรป

'ฝรั่งเศส' ประกาศดับไฟหอไอเฟลเร็วขึ้น 1 ชม. เนื่องจากเจอวิกฤติด้านพลังงานอย่างรุนแรง

ยุโรปกำลังอยู่ในขั้นประหยัดพลังงงานกันยกใหญ่ ล่าสุดทางฝรั่งเศสก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ร่วมประหยัดด้วยเช่นกัน โดยการประกาศดับไฟหอไอเฟลเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานด้วยเช่นกัน

ศาลากลางกรุงปารีสคาดว่าจะเสนอเรื่องในสัปดาห์นี้ว่า หอคอยแห่งนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลกควรจะดับไฟเร็วกว่าปกติมากกว่า 1 ชั่วโมง เนื่องจากยุโรปต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ทั้งนี้ ตามปกติหอไอเฟลจะส่องสว่างในเวลากลางคืนจนถึงตี 1 ด้วยระบบไฟแสงสีทองอันวิจิตรตระการตา รวมทั้งจะส่องแสงระยิบระยับเป็นเวลา 5 นาทีต่อ 1 ชั่วโมงตั้งแต่พลบค่ำ โดยใช้หลอดไฟกะพริบจำนวน 20,000 ดวง

ทางการคาดว่าจะเสนอให้ดับไฟหอคอยในเวลา 23.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อผู้เยี่ยมชมคนสุดท้ายออกไป ซึ่งหมายความว่าไฟบนหอคอยจะไม่กะพริบในตอนเที่ยงคืนอีกต่อไป

ฌอง ฟรองซัวร์ มาติน หัวหน้าฝ่ายบริหารของหอคอยกล่าวว่า “มันเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์อย่างมาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน”

ทั้งนี้ แสงสว่างในเวลากลางคืนของหอคอยคิดเป็น 4% ของการใช้พลังงานประจำปี โดยหน่วยงานในเมืองอื่น ๆ กำลังลดแสงของสถานที่สำคัญในเวลากลางคืนด้วยเช่นกันอาทิ พระราชวังฟาโร เมืองมาร์กเซย ก็จะปิดไฟก่อนสิ้นเดือนกันยายนเพื่อประหยัดพลังงาน

ในขณะที่กรุงเบอร์ลินตลอดฤดูร้อนนี้ แสงไฟของอนุสาวรีย์หลายแห่งในเวลากลางคืนอย่างเสาชัยชนะ กรุงเบอร์ลิน โบสถ์อนุสรณ์ไคเซอร์วิลเฮ็ล์ม และพิพิธภัณฑ์ชาวยิว ก็ถูกลดเวลาเปิดไฟไปตาม ๆ กัน

นอกจากนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสยังเตรียมลดการบริการรถไฟเพื่อประหยัดพลังงานอีกด้วย ตามรายงานพิเศษของหนังสือพิมพ์เลอ ปาคิเซียง ระบุว่า รัฐได้สั่งให้บริษัทรถไฟแห่งชาติ SNCF พิจารณาลดจำนวนรถไฟลง

ยุโรปสะท้าน เมื่อหนาวเยือนยาม 'แก๊ส-ไฟฟ้า' สะดุด ส่งผลราคา 'ฟืน' สูงลิ่วและมีค่าเหมือนทองคำ

ท่ามกลางสงครามที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ แต่ความซวยหล่นใส่กบาลชาวโลกทั่วหน้า น้ำมันแพง ก๊าซแพง สินค้าอาหารแพง ทั้งที่เพิ่งรอดตายจากโควิดกันมาแท้ ๆ ล่าสุดชาวอังกฤษแห่ตุนฟืน เพื่อให้ผ่านหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง

บรรดายามเฝ้าโกดังต่างยืนยามขันแข็ง เพราะตอนนี้ชาวอังกฤษแอบบุกโกดังเข้าไปขโมยฟืน ซึ่งในวันนี้ราคาสูงลิ่วและมีค่าเหมือนทองคำ อย่าว่าแต่อังกฤษเลย ทั่วยุโรปนั่นแหละที่กังวลว่าอาจเกิดไฟดับเป็นวงกว้างและยาวนาน เพราะวิกฤติด้านพลังงาน ทั้งนี้สืบเนื่องจากท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีมรั่ว เชื่อกันว่าน่าจะเป็นการลอบก่อวินาศกรรม นี่คือสัญญาณว่าทั้งยุโรปหนาวแน่ และหนาวนานไปจนถึงปีหน้า

บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปสุมหัวกัน แต่ยังตกลงไม่ได้ เรื่องการกำหนดเพดานราคาก๊าซรัสเซีย ไม่ว่าจะหันทางไหนก็เหมือนหยิกเล็บเจ็บเนื้อ บีบไข่เขาเราเจ็บเอง 

กว่า 70% ของการทำความร้อนในยุโรป มาจากแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้าของรัสเซีย ถ้าไม่มีก๊าซจากรัสเซีย ต้องหาแหล่งทดแทนอื่นมาใช้แทนเพื่อไม่ให้หนาวตายทั้งยุโรป นาทีนี้ฟืนจึงกลายเป็นสิ่งที่ล้ำค่า 

ที่ผ่านมา มีประชาชนใช้ฟืนสำหรับทำความร้อนอยู่ก่อนแล้วราว ๆ 40 ล้านคน

‘รัสเซีย’ แฉ!! ‘สหรัฐฯ’ ได้ประโยชน์จากการคว่ำบาตร ส่วน ‘ยุโรป’ รับเคราะห์ ต้องซื้อพลังงานราคาสูงจากสหรัฐฯ

มาตรการคว่ำบาตรที่ตะวันตกกำหนดเล่นงานรัสเซียต่อความขัดแย้งในยูเครน กำลังก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่เศรษฐกิจยุโรป ส่วนสหรัฐฯ เป็นตัวแสดงเดียวที่ได้ประโยชน์จากข้อจำกัดต่าง ๆ นานาเหล่านั้น อันทอน ซีลูอานอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังรัสเซียกล่าวอ้างเมื่อวันเสาร์ (24 ธ.ค.)

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Asharq News รัฐมนตรีรายนี้เชื่อว่ามาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกช่วยให้วอชิงตันบรรลุเป้าหมาย “พวกเขาป้อนอุปทานน้ำมันและก๊าซสู่ตลาดยุโรปได้เพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ตามอุปทานทางพลังงานจากรัสเซีย มีราคาสูงมากสำหรับยุโรป ผลก็คือมันโหมกระพือเงินเฟ้อพุ่งทะยานและทำให้ภาคธุรกิจของยุโรปสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ซีลูอานอฟกล่าว

รัฐมนตรีรายนี้อ้างด้วยว่า ทั้งมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกและเหตุระเบิดที่ทำให้ท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และนอร์ดสตรีม 2 เกิดรอยรั่ว เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน เป็นการจัดฉากเพื่อให้ยุโรปต้องจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีราคาแพงกว่าเดิมจากอเมริกา ‘อเมริกาได้ประโยชน์ ยุโรปสูญเสีย’ เขาระบุ

มอสโกเรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นการลอบก่อวินาศกรรมโจมตีก่อการร้าย พร้อมอ้างว่าสหรัฐฯได้ประโยชน์จากเหตุท่อลำเลียงระเบิดมากที่สุด ส่วนทางวอชิงตันแม้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใด ๆ แต่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา ให้คำจำกัดความเหตุการณ์นี้ว่า “เป็นโอกาสอันใหญ่โตที่ยุโรปจะเบี่ยงตนเองออกจากพลังงานรัสเซีย”

ซีลูอานอฟ ยอมรับว่ามาตรการคว่ำบาตรส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของรัสเซีย “แต่มันก่อความเจ็บปวดแก่ตะวันตกไม่น้อยไปกว่ากัน และบางทีอาจเจ็บปวดมากกว่าด้วยซ้ำ”

‘พงษ์ภาณุ’ หวั่น ไทยหลุดโผลงทุนจาก ‘สหรัฐฯ - ยุโรป’ หลังตะวันตก เริ่มแง้มกันท่าชาติไม่เป็นประชาธิปไตย

‘พงษ์ภาณุ’ หวั่น ไทย หลุดเรดาร์ลงทุน หลังสหรัฐฯ - ตะวันตก อ้าง ‘ความมั่นคง’ จัดระเบียบ Supply Chains ใหม่ ปักหมุดฐานการผลิตประเทศที่ไว้วางใจ กีดกันชาติไม่เป็นประชาธิปไตย

(7 พ.ค. 66) นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ได้ให้มุมมองต่อเศรษฐกิจของโลก ผ่านรายการ ‘NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า’ ออกอากาศช่วงเช้า เวลา 07.00-08.00 น. ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือวังนันทอุทยาน (ส.ทร.วังนันทอุทยาน) FM93 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 66 โดยระบุว่า สืบเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ อเมริกา กับจีน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดสงครามทางการค้ามาอย่างต่อเนื่อง จากผลพวงที่เกิดขึ้นทำให้สินค้าหลายแบรนด์ได้ย้ายฐานการผลิตออกจากจีน อาจกล่าวได้ว่า โลกกำลังจัดระเบียบ Global Supply Chains ใหม่จากเดิมที่เน้นประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ มาเน้นเรื่องความมั่นคงมากขึ้น

ย้อนกลับไปในอดีตหลายสิบปี ก่อนที่จะเกิดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ในอุตสาหกรรมการผลิตและ Supply Chains ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไปยังพื้นที่เขตเศรษฐกิจ หรือประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงสุดด้านการผลิตทั่วโลก บริษัทฯ ใหญ่ ๆ ประสบความสำเร็จจากการใช้ระบบนี้ ยกตัวอย่าง แอปเปิล และไนกี้ ที่มีการกระจายการผลิตชินส่วนไปในหลาย ๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน เวียดนาม ไทย เป็นต้น ซึ่งประเทศเหล่านี้นับว่ามีประสิทธิภาพในการผลิตสูงและต้นทุนต่ำ

แต่ภายหลังเกิดความขัดแย้ง เริ่มเกิดความไม่ไว้วางใจระหว่างกันอย่างชัดเจน เดิมที่ยึดผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่ปัจจุบันความมั่นคงปลอดภัยด้าน Supply Chains ถูกยกขึ้นมาให้ความสำคัญมากกว่า และแทนที่ประสิทธิภาพไปแล้ว

นายพงษ์ภาณุ ได้ยกตัวอย่างความมั่นคงทางด้าน Supply Chains ว่า บริษัทยักษ์ใหญ่จากชาติตะวันตกได้บทเรียนจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจีนปิดประเทศไป 3 ปี และสงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน ที่ทำให้เกิดการหยุดชะงักด้าน Supply Chains ในหลาย ๆ จุด ทำให้บริษัทแม่ไม่สามารถผลิตสินค้าออกสู่ตลาดได้ ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ชาติตะวันตกนำมาใช้อ้าง เพื่อย้ายฐานการผลิต

แน่นอนว่า เมื่อเกิดการย้ายฐานการผลิต ย่อมมีประเทศที่ได้รับประโยชน์ โดยประเทศที่ได้รับอานิสงส์ในส่วนนี้มี 2 ประเทศในอาเซียน นั่นก็คือ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่มีปัจจัยสนับสนุนทั้งปัจจัยทางการเมืองและปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการดึงดูด Supply Chains เข้ามาเลือกเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่

นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า ประเด็นที่น่ากังวลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย จากการย้ายฐานการผลิตที่ผ่านมาสหรัฐฯ และชาติตะวันตกมองว่าไทยไม่มั่นคงและจัดอยู่ในกลุ่มเผด็จการ (Autocracy) ส่วนประสิทธิภาพและต้นทุนก็สู้คนอื่นไม่ได้ Global Supply Chains จึงย้ายไปที่อื่นหมด ขณะเดียวกันเป็นที่น่าสังเกตว่า ในขณะที่ เวียดนามและอินโดนีเซีย ขยับเข้าใกล้สหรัฐฯ มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยกลับดูเหมือนเดินห่างจากสหรัฐฯ มากขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ เห็นได้จาก กรณีที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้จัดเวทีการประชุมสุดยอดฝ่ายประชาธิปไตย ที่ใช้ชื่อว่า Summit for Democracy ครั้งที่ 2 เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งถือเป็นความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะแบ่งประเทศในโลกออกเป็น 2 กลุ่ม คือประชาธิปไตย และเผด็จการ โดยในครั้งนี้มีการเชิญผู้นำกว่า 120 ประเทศเข้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย หรือมีแนวโน้มดัชนีชี้วัดความเป็นประชาธิปไตยอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นบวกในสายตารัฐบาลสหรัฐฯ และน่าสังเกตว่า เวียดนาม ได้เข้าร่วม ทั้งที่ปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ แต่ประเทศไทยกลับไม่ได้รับเชิญทั้ง 2 ครั้ง

“ถ้าหากว่าประเทศไทย ต้องการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากชาติตะวันตก จำเป็นจะต้องเข้าร่วมเป็นพันธมิตรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นมิติทางด้านการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นข้ออ้างของสหรัฐฯ และชาติตะวันตกที่จะนำมาพิจารณากระจาย Supply Chains โดยให้ความสำคัญในประเด็นความมั่นคงทางการเมือง มากกว่าประสิทธิภาพเหมือนเช่นในอดีต ในส่วนนี้ไทยเองจะต้องแสดงให้เห็นว่า ยังคงเป็นประเทศที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้อยู่ในเรดาร์ของประเทศมหาอำนาจภายหลังจากนี้”

นอกจากนี้ นายพงษ์ภาณุ มองว่า เรื่องต้นทุนพลังงานของประเทศไทยที่สูงขึ้น จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะมีผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้เช่นกัน เพราะต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนหลักสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตในขณะนี้ ถือว่าสูงกว่าประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม และอินโดนีเซีย อยู่พอสมควร 

‘ต้าเหลียน’ เปิดเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าสู่ ‘ยุโรป’ สายใหม่ เชื่อมโยงการค้าตามแนวเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21

(9 พ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, ต้าเหลียน รายงานว่า การเดินเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สินค้าเส้นทางตรง ซึ่งเชื่อมเมืองท่าต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เข้ากับพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้เริ่มต้นการดำเนินงานครั้งแรก หลังจากเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เอ็มเอสซี เคธี (MSC Katie) แล่นออกจากสถานีตู้คอนเทนเนอร์ต้าเหลียน เมื่อวันจันทร์ (8 พ.ค.) ที่ผ่านมา

เส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าเปิดใหม่นี้ ใช้เรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ 11 ลำ แต่ละลำสามารถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐาน 14,000 ตู้ ซึ่งเชื่อมโยงต้าเหลียนกับท่าเรือสำคัญหลายแห่งในกลุ่มประเทศยุโรป อย่างประเทศอิตาลีและสเปน ตามแนวเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 รวมถึงแล่นผ่านกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง เช่น ประเทศอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย

‘หลีเสี่ยวกวง’ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ต้าเหลียน คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล จำกัด ในเครือบริษัท เหลียวหนิง พอร์ต กรุ๊ป จำกัด เผยว่าการเปิดเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้านี้ เป็นประโยชน์ต่อการค้าระหว่างต้าเหลียนกับกลุ่มประเทศยุโรปอย่างมาก และจะส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขัน เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า, ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์, เคมีภัณฑ์, แร่ธาตุ, เครื่องมือ รวมถึงธัญพืชและอาหารแช่แข็ง

ทั้งนี้ หลีเสริมว่า ปัจจุบันท่าเรือต้าเหลียนดำเนินงานขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สินค้า 105 เส้นทาง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเส้นทางการค้าระหว่างประเทศ 92 เส้นทาง ครอบคลุมท่าเรือมากกว่า 300 แห่งในกว่า 160 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/356664_20230509

หนุ่มเศรษฐีกัมพูชา ควง ‘วิษณี เทพเจริญ’ ไฮโซไทย นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ทัวร์ยุโรป

ช่วงนี้หลายคนเมื่อมีเวลาว่างก็มักจะเดินทางไปพักผ่อนในต่างประเทศ เช่นเดียวกับ “หนุ่มบอส-ยิม ลีก” นักธุรกิจ บุตรชายนักการเมืองกัมพูชาที่ควงสวีตหวาน “สาวบีท-วิษณี เทพเจริญ” ทายาทอสังหาริมทรัพย์ณุศาศิริที่มูลค่านับหมื่นล้าน ไฮโซไทยที่มีลุคสุดโฉบเฉี่ยวเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปเที่ยวยุโรป ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีลูกน้อยที่กำลังโตวันโตคืน กับคุณแม่ของฝ่ายชายหนีบไปเที่ยวด้วย

สำหรับหนุ่มบอสกับสาวบีทเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยการขับรถหรูไฮเปอร์คาร์ Bugatti Chiron Sport 110 ANS ราคาประมาณ 300 ล้านบาท มาวิ่งอยู่ในมหานครกรุงเทพ ซึ่งเป็นรถลิมิเต็ดเอดิชั่น มีเพียง 20 คันในโลกเท่านั้น เพื่อฉลองครบรอบ 110 ปีของแบรนด์

ทั้งคู่นับว่าเป็นดาวเด่นในแวดวงสังคมทั้งในกัมพูชาและในไทย เพราะต่างเป็นทายาทนักธุรกิจและนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลตระกูลหนึ่ง เมื่อคบกันแล้วไม่ว่าจะขยับทำอะไรจึงเป็นที่สนใจเสมอ ที่สำคัญฝ่ายหญิงที่เป็นสาวหุ่นเพียวราวกับนางแบบ บวกกับมีรูปหน้าเรียวสวยจึงส่งให้เธอไม่ว่าจะแต่งตัวลุคไหนก็ปังไม่ไหว 

‘ETIAS’ กระบวนการยื่นขอวีซ่าเข้ายุโรป ที่นักเดินทางสหรัฐฯ ต้องรู้ ก่อนเดินทางเข้าประเทศสมาชิกยุโรป 30 ประเทศ เตรียมเริ่มปีหน้า

ปีหน้า (ค.ศ. 2024) ผู้ถือหนังสือเดินทางสหรัฐฯ
จะต้องยื่นขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 30 ประเทศ

ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป ผู้ถือหนังสือเดินทางสหรัฐฯ ซึ่งประสงค์ที่จะเดินทางไปยังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป จะต้องยื่นขออนุญาตผ่าน ‘ระบบข้อมูลและการอนุญาตการเดินทางของยุโรป’ (the European Travel Information and Authorization System : ETIAS) และต้องได้รับการอนุมัติล่วงหน้าก่อนเดินทาง

ในขณะที่ปัจจุบัน บุคคลที่ถือสัญชาติสหรัฐฯ ยังสามารถเดินทางเข้าสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าจากประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่ความสะดวกนี้กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ เช่นเดียวกับกระบวนการระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการอนุญาตการเดินทาง (The U.S. Electronic System for Travel Authorization : ESTA) ของสหรัฐฯ ซึ่ง ETIAS มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเข้าประเทศ ที่จะช่วยให้นักเดินทางชาวอเมริกันได้รับความสะดวกในการเดินทางเพิ่มมากขึ้น

ปัจจุบัน นักเดินทางชาวอเมริกันสามารถเข้าถึงจุดหมายปลายทางทั่วโลก 185 แห่ง โดยไม่ต้องใช้วีซ่า อ้างอิงจาก Henley Passport Index ด้วยในขณะที่ปัจจุบันนี้หนังสือเดินทางของสหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของหนังสือเดินทางที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อสหภาพยุโรปเพิ่มข้อกำหนดด้านเอกสารใหม่สำหรับชาวอเมริกัน

แบบฟอร์มใบสมัครซึ่งจะมีอยู่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ETIAS เช่นเดียวกับแอปพลิเคชันบนมือถือ มีค่าธรรมเนียม 7 ยูโรหรือ 7.79 ดอลลาร์สหรัฐฯ การสื่อสารทั้งหมดทำได้ทางอีเมล เมื่อได้รับการอนุมัติให้เดินทางแล้ว การอนุญาตดังกล่าวจะให้สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่จะพำนักในประเทศในยุโรป ที่ต้องใช้ ETIAS เป็นเวลาสูงสุด 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน วันใดก็ได้ และผู้เดินทางจะต้องมี ETIAS ที่ถูกต้องในครอบครองตลอดการเข้าพัก

ETIAS เป็นการอนุญาตการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เชื่อมโยงกับหนังสือเดินทางของผู้เดินทาง ซึ่งอนุญาตให้เข้าประเทศในยุโรประยะสั้นได้สูงสุดนาน 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน อย่างไรก็ตาม ETIAS ไม่สามารถรับประกันการเข้าประเทศในยุโรปของนักเดินทางผู้ที่ได้ลงทะเบียนในระบบ ETIAS โดยอัตโนมัติ เพราะเมื่อมาถึงเมืองแรกในยุโรปเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้น ๆ จะมีการตรวจสอบว่า ผู้ได้รับอนุญาตให้เดินทาง มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขการเข้าประเทศหรือไม่

หากต้องการสมัคร ETIAS สามารถกรอกแบบฟอร์มการสมัครบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ETIAS หรือสามารถใช้แอปพลิเคชันผ่านโทรศัพท์มือถือได้ โดยมีค่าใช้จ่ายในการสมัครอยู่ที่ $7.79 แต่ผู้เดินทางบางรายอาจได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมนี้ (ต้องอ่านข้อกำหนดการสมัคร และข้อยกเว้นการชำระเงินก่อนดำเนินการ)

ใบสมัคร ETIAS ส่วนใหญ่จะดำเนินการภายในไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีแอปพลิเคชันอาจใช้เวลานานกว่านั้น หากเป็นเช่นนั้น ผู้ยื่นจะได้รับคำอนุมัติภายใน 4 วัน ในกรณีพิเศษ และระยะเวลานี้อาจขยายได้ถึง 14 วัน ในกรณีที่ต้องการข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเติม หรืออาจนานถึง 30 วัน หากจำเป็นต้องมีการสัมภาษณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในนาทีสุดท้าย จึงควรสมัครล่วงหน้าก่อนการเดินทางตามแผน

เมื่อส่งใบสมัครแล้ว จะได้รับการยืนยันทางอีเมลพร้อมหมายเลขใบสมัคร ETIAS ที่ไม่ซ้ำกัน ให้เก็บหมายเลขนี้ไว้ใช้อ้างอิงในขณะเดินทางในยุโรป หลังจากดำเนินการแล้ว จะได้รับอีเมลแจ้งผลอีกครั้ง ผู้เดินทางต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมด เช่น ชื่อและหมายเลขหนังสือเดินทางของผู้ยื่นมีความถูกต้องบน ETIAS เนื่องจากข้อผิดพลาดใด ๆ อาจทำให้ผู้ยื่นไม่สามารถเข้าประเทศยุโรปได้ และหากใบสมัครถูกปฏิเสธ อีเมลจะระบุเหตุผลในการตัดสินใจ พร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีอุทธรณ์

ใบอนุญาตเดินทาง ETIAS มีอายุไม่เกิน 3 ปี หรือจนกว่าหนังสือเดินทางของผู้ยื่นจะหมดอายุ แล้วแต่ว่าจะถึงอย่างใดก่อน โปรดจำไว้ว่า ผู้เดินทางต้องมี ETIAS ที่ถูกต้องตลอดการเข้าพักในโรงแรม ซื้อตั๋วเดินทางในยุโรป และการอนุญาตให้ออกและกลับเข้ามาใหม่ได้ ตราบเท่าที่ผู้เดินทางปฏิบัติตามข้อจำกัดการเข้าพัก 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน

ETIAS ของผู้เดินทางจะเชื่อมโยงทางอิเล็กทรอนิกส์กับเอกสารการเดินทางของผู้เดินทาง ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เอกสารเดียวกันกับที่ผู้เดินทางใช้ในใบสมัคร ETIAS เมื่อเดินทาง การไม่ปฏิบัติตามอาจทำให้ผู้เดินทางไม่สามารถขึ้นเครื่องบิน รถประจำทาง เรือ หรือเข้าประเทศในยุโรปใด ๆ ที่ต้องใช้ ETIAS ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ผู้เดินทางต้องรับทราบว่า การมี ETIAS ไม่ได้เป็นการรับประกันสิทธิ์ในการเข้าประเทศยุโรปของผู้นั้นได้โดยอัตโนมัติ ด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะทำการตรวจสอบว่า ผู้เดินทางตรงตามเงื่อนไขการเข้าประเทศ และผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ นั่นหมายถึงการถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางโดยทันที

ทึ่ง!! ‘หนุ่มกระบี่’ ขี่มอเตอร์ไซค์จากไทยไปยุโรป 1.8 หมื่นกิโล ใช้เวลาเดินทาง 1 เดือน 17 วัน กับค่าน้ำมัน 6 หมื่นบาท

(18 ธ.ค.66) ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง โพสต์คลิปพร้อมระบุข้อความว่า “เดินเล่นอยู่ยุโรปก็ได้เจอทะเบียนรถประเทศไทยรีบเข้าไปทักทายเลยค่า ดีใจมาก ๆ เวลาไปเที่ยวต่างประเทศแล้วเจอคนไทยหรือได้ยินภาษาไทย” และ “เจอพี่คนไทยขับรถจากไทยมายุโรป 18,000 กิโล!!”

ซึ่งในคลิปเป็นภาพที่เจ้าของคลิปกำลังเดินเล่นอยู่ และพบว่ามีรถมอเตอร์ไซค์แนวแอดแวนเจอร์ (Adventure) ยี่ห้อ BMW ป้ายทะเบียนกระบี่ ประเทศไทย จอดในสถานที่แห่งหนึ่งในยุโรป จึงเดินเข้าไปสอบถามและพูดคุย ซึ่งเจ้าของมอเตอร์ไซค์ได้ให้ข้อมูลว่า ตนขี่มอเตอร์ไซค์มาจากไทยและขี่มาเรื่อย ๆ จนถึงยุโรป ซึ่งตนเดินทางมาเป็นเวลา 1 เดือน 17 วันแล้ว!!

โดยล่าสุดได้เจอวาร์ปเจ้าของมอเตอร์แล้ว ซึ่งเจ้าของมอเตอร์ไซค์นั้นให้ข้อมูลว่า ตนเป็นคนกระบี่ ขี่มอเตอร์ไซค์โดยใช้เส้นทาง “ไทย ลาว จีน คาซัคสถาน รัสเซีย จอเจีย ตุรกีย์ กรีซ บัลแกเรีย นอร์ทมาเซโดเนีย อัลแบเนีย โคโซโว มอนเตรเนโกร เซอเบีย บอสเนีย โครเอเชีย สโลวาเนีย”

พร้อมกับระบุว่า ค่าน้ำมันที่เสียไปตอนนี้อยู่ในราคา 60,000 บาทแล้ว!

‘4 ชาติยุโรป’ ยกระดับความปลอดภัยช่วง ‘คริสต์มาส-ปีใหม่’ หวั่น!! ภัยคุกคามจากก่อการร้าย หลังพบความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

หลายชาติในยุโรปตรึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยเข้มในช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่ เนื่องจากหวั่นภัยก่อการร้าย หลังพบความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และเกิดเหตุทำร้ายชาวยุโรปในกรุงปารีสก่อนหน้านี้ 

(25 ธ.ค.66) ก่อนหน้านี้มีการรายงานว่า สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ส่งผลให้ยุโรปเสี่ยงภัยก่อการร้ายมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในยุโรปก็ตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าวและได้หารือถึงการยกระดับการรักษาความปลอดภัย

ต่อมามติชนรายงานว่า ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย และสเปน เป็นหนึ่งในชาติยุโรปที่เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้นขึ้นรับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ท่ามกลางความกังวลเรื่องภัยคุกคามจากการก่อการร้าย 

ที่ฝรั่งเศส นายเฌราลด์ ดาร์มาแนง รัฐมนตรีมหาดไทยโพสต์บน X เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม สั่งการให้ตำรวจและสารวัตรทหารเพิ่มการรักษาการณ์ตามโบสถ์ต่างๆ ทั่วประเทศ “เพื่อปกป้องชาวคริสเตียนที่จะมาร่วมเฉลิมฉลองคริสมาสต์ในเย็นวันนี้และเช้าวันพรุ่งนี้”

ขณะที่ทางการเยอรมนีได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นบริเวณมหาวิหารเมืองโคโลญ โดยนายไมเคิล เอสเซอร์ ผู้บัญชาการตำรวจเมืองโคโลญจ์ แถลงว่า ตำรวจจะทำทุกอย่างเพื่อรับรองความปลอดภัย โดยผู้ที่เดินทางมายังโบสถ์ทุกคนจะถูกตำรวจค้นอย่างเข้มข้น

ทั้งนี้ ตำรวจพร้อมสุนัขดมกลิ่มได้ตรวจค้นหา หลังจากมีรายงานกลุ่มติดอาวุธอิสลามิกมีแผนที่จะก่อเหตุโจมตีโบสถ์ในช่วงวันคริสต์มาสอีฟ หรือช่วงปีใหม่

ที่กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ตำรวจได้เพิ่มการวางกำลังรักษาความปลอดภัยช่วงฉลองเทศกาลคริสต์ โดยตำรวจออสเตรีย ระบุว่า ในขณะที่ผู้ก่อการร้ายทั่วยุโรปเรียกร้องให้มีการโจมตีงานฉลองของชาวคริสต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราววันที่ 24 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจึงได้เพิ่มมาตรการป้องกันที่สอดคล้องในพื้นที่สาธารณะในกรุงเวียนนาและรัฐต่างๆ

นอกจากนี้ มีรายงานว่า ตำรวจออสเตรียได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 4 คน ที่ต้องสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกองกำลังรัฐอิสลามแห่งโคราซาน ซึ่งแตกหน่อมาจากกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top