Monday, 9 June 2025
พรรคเพื่อไทย

'เฉลิม' ชี้!! เป็นเกียรติ หาก 'สมศักดิ์-สุชาติ' หวนคืนเพื่อไทย ส่วนเคส 'ธรรมนัส' ยังกั๊ก บอก 'ฝนยังไม่ตก อย่าเพิ่งกางร่ม'

เมื่อวันที่ (10 ต.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีกระแสข่าวที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) พร้อม ส.ส.บางส่วน จะย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยว่า การเมืองไม่แน่นอน ตนไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค ตอบไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรหรือไม่

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่ากลุ่มนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ และ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐจะย้ายกลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยเช่นกัน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พวกนี้เป็นคนเก่าคนแก่ ถ้าจะกลับมาก็ถือเป็นเกียรติ

เมื่อถามย้ำว่าหาก ร.อ.ธรรมนัสกลับมาจะไม่ถูกต่อต้านจากสมาชิกพรรคใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ฝนยังไม่ตก อย่าเพิ่งกางร่ม

'ส.ส.เพื่อไทย' ชี้!! อุบลฯ จมน้ำ แต่ส.ส. ทำได้แค่มอง โวย!! กฎเหล็กกกต.ขวาง ทำให้ช่วยได้ไม่เต็มกำลัง

นางสาวกิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า น้ำท่วมใน อ.วาริณชำราบ จ.อุบลราชธานี ระดับยังคงท่วมสูงเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนจมมิดหลังคา พื้นที่เศรษฐกิจ ที่ดินทำกินของเกษตรกรถูกน้ำท่วมเสียหาย 100%  ถนนที่ใช้สัญจรเข้าออกภายใน อ.วาริณชำราบ จากที่มี 4 เส้นทาง เหลือเพียง 1 เส้นทาง หากมีมวลน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ และฝายจากศรีสะเกษ เข้ามาเพิ่ม จะทำให้ประชาชนต้องใช้เรือสัญจรแทนรถยนต์ 

ทั้งนี้สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.อุบลราชธานี ได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาจากระดับน้ำจากลำน้ำชีและลำน้ำมูล ไหลมารวมที่ อ.วาริณชำราบ โดยขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำมูลสูงมาก เกือบเท่าปี 2521 โดยระดับแม่น้ำมูล ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2565 อยู่ที่ 116.47 เมตร เมื่อเทียบกับระดับน้ำทะเลปานกลาง 

ขณะที่ในปี 2521 ระดับน้ำในแม่น้ำมูลอยู่ที่ 117.76 เมตร ตำบลที่ไม่เคยถูกน้ำท่วมก็ท่วมเต็มพื้นที่ ตั้งแต่มีน้ำท่วมที่ จ.อุบลราชธานี ที่ผ่านมาพื้นที่ดังกล่าวเคยถูกน้ำท่วมแค่ในปี 2521 และ 2562 เท่านั้น พี่น้องประชาชนกว่า 1,500 ครอบครัวต้องอพยพออกจากพื้นที่มาอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราว ตอนนี้น้ำท่วมกระจายไปอำเภออื่น ๆ แล้ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้กระจายกันเข้าไปให้ความช่วยเหลือแต่ก็ยังไม่เพียงพอและเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะกระแสน้ำมาแรงมาก มีความอันตรายและมีความเสี่ยงเช่นกัน

นางสาวกิตติ์ธัญญา กล่าวอีกว่า ด้วยกฎเหล็ก 180 วันของ กกต. ทำให้ผู้แทนราษฎร ซึ่งพี่น้องประชาชนเลือกเข้ามาทำงาน หนักใจมาก เพราะอยากช่วยประชาชนมากแต่ต้องเคารพกติกา ที่ผ่านมาทั้งในสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2562 และการระบาดของโควิด-19 ส.ส.ยังสามารถให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้เต็มที่ นำอาหาร ของใช้จำเป็น ยารักษาโรค รถยนต์ขนคนออกจากพื้นที่ ตอนนี้ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ เพราะไม่มีความชัดเจนมากพอว่าสามารถทำได้หรือไม่ จึงอยากให้ผู้มีอำนาจแคร์ประชาชนบ้าง ประชาชนคือเจ้านาย ส.ส. แต่ ณ วันหนึ่งเมื่อผู้แทนราษฎรจำเป็นต้องหยุดช่วยเหลือเจ้านายตัวเอง ทำได้แค่ยืนมอง คนที่เสียประโยชน์คือพี่น้องประชาชน อยากร้องขอผู้มีอำนาจ ทุกภาคส่วน ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อไทยเท่านั้น ใครที่มีองคาพยพ มีของบรรเทาทุกข์ พวกท่านสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทันที อยากให้ทุกคนมาช่วยกัน

ทางรอดเศรษฐกิจ!! 'อุ๊งอิ๊ง' ยก ‘1 ครอบครัว 1 Soft Power’ ทางออกศก.ไทย แต่จะทำได้ชี้ ต้องมีรัฐบาลที่แข็งแรง ทำตั้งแต่ต้นจนจบ

‘แพทองธาร’ ยัน ‘1 ครอบครัว 1 Soft Power’ หนึ่งในทางออกเศรษฐกิจไทย ชี้นโยบายจะสำเร็จได้ ต้องมีรัฐบาลที่แข็งแรง ทำตั้งแต่ต้นจนจบ

เมื่อ 12 ต.ค.65 พรรคเพื่อไทย จัดงานเสวนา ‘1 ครอบครัว 1 Soft Power ทางออกเศรษฐกิจไทยนับจากทศวรรษนี้’ ภายในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 27 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  เพื่อแลกเปลี่ยน เสนอแนะ และบอกเล่าประสบการณ์การนำเอาความสามารถด้านต่างๆ สร้างรายได้  สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ของพรรคเพื่อไทย เป็นนโยบายที่ต้องการเฟ้นหาคนที่มีศักยภาพ มีความสามารถ และพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่มาสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่พูดคุยกับพี่น้องประชาชนหลากหลายอาชีพพบว่า หลายคนมีความฝัน แต่ไม่กล้าฝัน เพราะลำพังแค่หารายได้มาจับจ่ายเลี้ยงดูคนในครอบครัวก็ยากลำบาก และต้องยอมรับว่าด้วยข้อจำกัดต่างๆ ของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน บางครอบครัวมีศักยภาพในการสนับสนุนเด็กและเยาวชนในการพัฒนาความสามารถของตัวเอง แต่หลายครอบครัวตรงกันข้าม  ซึ่งการเข้าคอร์สเรียนเพิ่มในด้านต่างๆ มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก  

พรรคเพื่อไทย จึงต้องการเพิ่มโอกาสและเวทีให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมให้การเรียนรู้และดึงศักยภาพอย่างครบวงจร หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะจัดตั้ง The Thai Creative Content Agency : THACCA หน่วยงานจะเข้าไปดูแลพัฒนาคัดเลือก แบ่งกลุ่ม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพ Solf power อย่างถูกจุด โดยรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

“แนวคิดนี้จะสำเร็จได้ ต้องมีรัฐบาลที่แข็งแรง ที่จะต้องดำเนินการตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการเพื่อความต่อเนื่อง เราจะระดมบุคลากรที่มีความรู้ในด้านต่างๆ มาร่วมกันสร้างแพลตฟอร์ม ระดมคน ระดมทุน มีเครื่องมือเพื่อเป็นทุนในการหาความรู้ให้กับคนไทยทุกคน สิ่งที่เราจะทำ รัฐบาลต้องสนับสนุน ทำงานร่วมกับเอกชนด้วย” นางสาวแพทองธาร กล่าว

นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล อดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และประธานกรรมการบริหารสำนักงานตลาด กทม. กล่าวว่า การส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟพาวเวอร์ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ...

1.นโยบายรัฐบาลต้องชัดเจน มีความสม่ำเสมอของนโยบาย มีองค์กรที่ส่งเสริมงานด้านนี้โดยตรง แต่ปัจจุบันสถานะขององค์กรแต่ละแห่งทำงานแตกต่างกันมาก หากดูตัวอย่างในเกาหลีใต้ มีหน่วยงานส่งเสริมงานด้านซอฟพาวเวอร์ ซึ่งมีคณะกรรมการบริหารดำเนินการโดยตรง อินโดนีเซียมีหน่วยงานส่งเสริมสตาร์ทอัพ สถานะเทียบเท่าระดับกระทรวง มีความชัดเจนในการสั่งการ จนทำให้มีสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นสองราย

2.รัฐบาลต้องส่งเสริมงบประมาณให้กับหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟพาวเวอร์ โดยในอดีตสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เคยได้รับงบประมาณต่อปี 300 ล้านบาท ในขณะที่เกาหลีใต้จัดสรรงบประมาณปี 2565 ที่  62,400 ล้านบาท ให้กับหน่วยงานด้านซอฟต์พาวเวอร์ สร้างผลตอบแทนทางธุรกิจหลายสิบเท่า คิดเป็นเงิน 2.5 แสนล้านล้านบาท ทั้งยังได้ภาษีกลับคืนมามากกว่างบประมาณที่ลงทุน ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอีก

3 แบ่งภารกิจงานให้ชัดเจน รัฐบาลต้องรู้ว่าสิ่งใดที่ประเทศไทยมีความเชี่ยวชาญหรือเก่ง และต่างประเทศเข้าใจว่าประเทศไทยเก่งในด้านนั้น และส่งเสริมด้านนั้น

4 ควรมีกองทุนและแพลตฟอร์มรองรับการเริ่มต้นการเริ่มลงทุนใหม่ เช่น สิงคโปร์ หากประชาชนในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจ รัฐบาลจะสนับสนุนเงินทุนตั้งต้นให้ 75% เมื่อทำเงินได้ รัฐบาลจะถอนเงินออก

ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความฝันและพรสวรรค์  ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพราะต้องจับมือร่วมกันระหว่างพ่อแม่และครู ต้องปลูกฝังบ่มเพาะตั้งแต่ระดับประถมศึกษา หากเด็กและเยาวชนมีพรสวรรค์และถนัดในเรื่องใด ต้องเก็บบันทึก เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่ค้นพบและพรสวรรค์นั้น อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ประเทศไทยกำลังค้นหา จึงเป็นที่มาของนโยบายด้านการศึกษาของพรรคเพื่อไทย ‘มีรายได้ เรียนรู้ได้ ตลอดชีวิต (Lifelong Learning, Lifelong Earning)’ เป็นการสร้างแพลตฟอร์มจับคู่สมรรถนะของคนเข้ากับงานที่ใช่ เพื่อช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะของตนเองมากที่สุด เพื่อให้รู้ว่าคนๆ นั้นอยู่ตรงไหน อยู่จังหวัดใด นำมาเชื่อมกับความต้องการของประเทศ นำพาประเทศไปสู่เป้าหมายพัฒนาต่อไป ซึ่งสอดรับกับแนวคิด “ธนาคารหน่วยกิตเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต” (Academic Credit Bank : ACB)  ธนาคารเพื่อฝากความรู้ของคนไทยด้วยระบบคราวด์ (Cloud) เก็บเนื้อหาการเรียนและความรู้ในด้านต่างๆ เรียนรู้ได้ตลอดเวลา  นอกจากนี้ ควรมีการเปลี่ยนโรงเรียนขนาดเล็กให้เป็นศูนย์บ่มเพาะขั้นพื้นฐาน  ซึ่งมีอยู่ 1,500-2,000 โรงเรียนให้เป็นศูนย์บ่มเพาะอาชีพ เป็น co-working space ของผู้ใหญ่และเด็กในการบ่มเพาะความรู้ร่วมกัน 

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะฟื้นโครงการ ‘คนพันธุ์อา (ชีวะ) คืนค่านิยมใหม่ว่าผู้ที่เรียนอาชีวะคือผู้ที่สร้างรายได้จริง พรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนแปลงศูนย์บ่มเพาะ มาเป็น ‘ศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการ’ โดยจะมีการสอนการเขียนแผนธุรกิจ สร้างธุรกิจ สร้างรายได้ใหม่ๆ ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถาบันอาชีวะทั่วประเทศ  800 แห่ง แต่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพียง 420 แห่ง ส่วนของเอกชน 400 แห่ง จะมีการเข้าไปดูแลให้มีศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการเช่นกัน

หมอชลน่าน เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทย วางพวงมาลาร่วมรำลึกถึงวีรชนจากเหตุการณ์  14 ตุลาคม 2516 พร้อมสดุดีวีรชนผู้กล้า ที่ส่งมอบแนวคิดประชาธิปไตยฝังแน่นถึงคนรุ่นนี้

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ พร้อมด้วย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคพท. เป็นตัวแทนจากพรรคพท.วางพวงมาลาร่วมรำลึกถึงวีรชนจากเหตุการณ์  14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์ปราบปรามเยาวชนคนหนุ่มสาวที่เป็นนักเรียนนิสิตนักศึกษา ประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลปลดปล่อยนิสิต นักศึกษา อาจารย์ และนักการเมืองที่ถูกจับกุมฐานเรียกร้องรัฐธรรมนูญ แต่กลับถูกรัฐบาลตั้งข้อหาว่ากระทําการผิดกฎหมาย  

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขอคารวะและรำลึกถึงวีรชน 14 ตุลาทุกคนด้วยจิตศรัทธา การต่อสู้ของวีรชนผู้กล้า ทั้งที่เปิดผู้วายชนม์และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แม้วันนี้ผ่านมา 49 ปีจากเหตุการณ์ดังกล่าว การเมืองในประเทศไทยมีกลไกประชาธิปไตยที่ไม่แท้จริง เป็นประชาธิปไตยที่เป็นเพียงรูปแบบ แต่จากประสบการณ์ของวีรชนผู้กล้าหาญในวันนั้น ได้ก่อรูปร่างสร้างระบอบประชาธิปไตยที่ฝังแน่นในหัวใจประชาชน ส่งต่อสืบทอดมาถึงคนรุ่นนี้ 

'เผ่าภูมิ -ทีมนโยบายเพื่อไทย' ร่ายเป็นฉากๆ ยกแนวคิด 'เขตธุรกิจใหม่4ภาค' ของเพื่อไทย เหนือกว่า EEC ระบุ เข้าไปแก้ไขต้นตอ สร้างระบบนิเวศน์ใหม่ทั้งระบบ ครอบคลุมทุกด้าน ทุนย่อยและ SMEs ให้แข่งขันกับทุนใหญ่ได้

14 ต.ค.2565- นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงข้อแตกต่างที่ทำให้นโยบายเขตธุรกิจใหม่ 4 ภาค ของพรรคเพื่อไทย เหนือกว่า อีอีซี (EEC) 10 ข้อ ดังนี้ 1. อีอีซี แก้ปัญหาด้วยปลายเหตุด้วยสิทธิประโยชน์มาล่อใจ เขตธุรกิจใหม่ เข้าไปแก้ไขต้นตอ ทั้งด้านกฎหมายที่เป็นอุปสรรค (โดยการสร้างกฎหมายธุรกิจชุดใหม่) สร้างสิทธิประโยชน์ชุดใหม่ และสร้างระบบนิเวศน์ใหม่ทั้งระบบ

2. กฎหมายพิเศษในอีอีซี คือกฎหมายเพื่อส่งเสริมสิทธิประโยชน์ แต่ในเขตธุรกิจใหม่ จะมีแพคเกจกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ที่ครอบคลุมทุกด้าน เช่น ใบอนุญาต ที่ดินทำกิน การผูกขาดและการแข่งขันทางการค้า การนำเข้าส่งออก แรงงาน วีซ่า ภาษี สิทธิประโยชน์ ธุรกรรมการเงิน ทรัพย์สินทางปัญญา ระบบยุติธรรม เป็นต้น

3. อีอีซี สนับสนุนทุนใหญ่ อุตสาหกรรมหนักไม่กี่ด้าน เพิ่มการผูกขาด แต่เขตธุรกิจใหม่ สนับสนุน เปิดโอกาส และเป็นเขตบ่มเพาะทุนย่อยและ SMEs ให้แข่งขันกับทุนใหญ่ได้ เขตธุรกิจใหม่ผนวกกับกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ จะเป็นกลไกที่เข้าต่อสู้กับปัญหาทุนผูกขาด ผ่านระบบใบอนุญาตชนิดพิเศษ

4.อีอีซี ขาดสิทธิประโยชน์ด้านการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ แต่เขตธุรกิจใหม่ มีกฎหมายที่สนับสนุนและรับรอง เงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) และบล็อกเชนของไทย เพื่อธุรกรรมที่ไร้รอยต่อ ค่าใช้จ่ายเข้าใกล้ศูนย์

5. อีอีซี คือจิกซอว์ไม่ครบวงจร แต่ใน เขตธุรกิจใหม่ ระบบนิเวศน์ที่ครบวงจรจะเป็นฐานให้ภาคเอกชน ทั้งสาธารณูปโภค ทั้งพื้นฐานและด้านดิจิทัล โลจิสติกส์ การเชื่อมมหาวิทยาลัย การผลิตคน และการจับคู่คนกับงาน ผ่านเพลตฟอร์มกลาง รวมทั้งระบบธนาคารและการค้ำประกันสินเชื่อที่ถูกออกแบบโดยเฉพาะ

'สมคิด' จวก 'ประยุทธ์' บริหารจัดการน้ำล้มเหลวทุกทาง ชี้!! ใช้งบ 4 แสนล้าน ผู้รับเหมารวย แต่ปชช.จมน้ำเช่นเดิม

(15 ต.ค. 65) สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แสดงความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัด อยากเรียกร้องให้รัฐบาลรีบช่วยเหลือเร่งจ่ายเงินเยียวยาโดยเร่งด่วน อย่าชักช้าเหมือนปี 2562 ที่ชาวบ้านต้องรอเงินเยียวยาไปซ่อมบ้านเรือนนานถึง 6-8 เดือน

เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลออกกฎระเบียบ ขั้นตอนมากมาย ทำให้ประชาชนที่ประสบเหตุต้องรอนานกว่าจะได้เงินจาก 1 วัน เป็น 1 เดือน เป็นหลายเดือน จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุน้ำท่วมหนักมากกว่าทุกปี พี่น้องประชาชนต้องหนีน้ำขึ้นหลังคานับหมื่นครัวเรือน นาข้าวหลายแสนไร่ ต้องจมน้ำ ปศุสัตว์ตายเพราะน้ำท่วม กว่าจะได้เงินเยียวยาต้องรอข้ามปี ดังนั้น รัฐบาลต้องมีเจ้าภาพที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ อย่าหวังพึ่งระบบราชการดำเนินการ เพราะจะไม่ทันความเดือดร้อนของประชาชน

'เพื่อไทย' ซัด 'ประยุทธ์' ทำเสรีภาพทางการเมืองไทยตกต่ำ ยก 'เดี่ยว 13' เป็นตัวอย่าง คนฝั่งรัฐบาลดีดดิ้น จ้องดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีองค์กรระหว่างประเทศด้านสิทธิเสรีภาพพลเมืองหรือฟรีดอมเฮาส์ (Freedom House) เผยแพร่รายงานเสรีภาพโลกประจำปี 2022 (Freedom of the World 2022) ที่ประเมินสิทธิทางการเมืองและเสรีภาพของประชาชนในแต่ละประเทศทั่วโลก พบว่าประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในประเทศไร้เสรีภาพเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ซึ่งถูกลดขั้นตกชั้นติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ถูกรวมอยู่ในกลุ่มประเทศที่ประสบกับวิกฤตการถดถอยของเสรีภาพหนักที่สุดแย่กว่าเยเมน ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 21 และอัฟกานิสถานอันดับที่ 22 ทั้งยังเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ต้องจับตาเป็นพิเศษจากการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ชุมนุมที่เรียกร้องประชาธิปไตย

ขณะที่อันดับการประเมินด้านสิทธิทางการเมืองและเสรีภาพพลเมืองไทยได้ 29 คะแนนจากเต็ม 100 คะแนนว่า ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยภายใต้การนำของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กว่าเกือบทศวรรษ สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนคนไทยตกต่ำอย่างหนัก ไทยต้องประสบกับสภาวะถดถอยทางเสรีภาพขั้นวิกฤต โดยเฉพาะด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ที่นับวันพัฒนาการทางประชาธิปไตยยิ่งเสื่อมถอยลงทุกวัน  ถูกลดชั้นจากองค์กรระหว่างประเทศทุกปี ไม่มีความสง่างามในเวทีโลก เพราะความพยายามปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก รวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลถูกจำกัด การชุมนุมของนักเรียน นิสิตนักศึกษาและประชาชนหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา กลายเป็นเงื่อนไขให้รัฐบาลดำเนินคดีและจับกุมคุมขังคนเห็นต่างในที่สุด 

'สุทิน' ชี้ นโยบายเพื่อไทย ยังมีของดีอีกเยอะ ส่วนรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ บอก "ก็พอรู้ๆ กันอยู่"

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 65 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเปิดนโยบายพรรคในฟอรั่ม 2 ว่า จะมีมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่กำหนดระยะเวลา เพราะต้องดูสถานการณ์ แต่ยืนยันว่า เมื่อเปิดมาจะเป็นอะไรที่สามารถจับต้องได้ ซึ่งของดียังไม่ออกอีกเยอะ

เมื่อถามถึง การพูดคุยเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค นายสุทิน กล่าวว่า คุยกันไปเรื่อยๆ แต่เราก็คงไม่เปิดไว้ก่อน เปิดไว้นานไม่ดี ก็คิดว่าใกล้เวลาที่สุด แต่ก็พอรู้ๆ กันอยู่ เราต้องดูสถานการณ์แต่ก็พร้อมเคาะทุกเมื่อ

พท. ลั่น ทำสงครามยาเสพติดทันทีที่แลนด์สไลด์ วอนอย่าหลงผิดเชื่อวาทกรรม ‘ฆ่าตัดตอน’

‘ชลน่าน’ ชี้ เพื่อไทยพร้อมทำสงครามยาเสพติดทันทีที่ชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ ย้ำอย่าหลงผิดวาทกรรมฆ่าตัดตอน อาจถูกมองเข้าข้างผู้ค้า-ผู้เสพ ได้

พรรคเพื่อไทย จัดงานเสวนา ‘เพื่อไทย ประกาศสงครามยาเสพติด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า’ โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า โศกนาฏกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู เป็นจุดกระตุ้นใหญ่ที่พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องประกาศต่อสาธารณชนว่า เราจะทำสงครามกับยาเสพติด โดยจะนำเอาแนวคิดที่เคยดำเนินการในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยยังคงหลักการเดิมคือการนำมิติเชิงสังคมมาช่วยกันดูแลคนในสังคม ภายใต้การคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และกรอบของกฎหมาย แม้แนวทางดังกล่าวจะถูกกล่าวหาโจมตีมาโดยตลอด เช่น วาทกรรมฆ่าตัดตอน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าไม่ได้เกิดจากผู้กำกับนโยบายเป็นผู้ดำเนินการ แต่เป็นกระบวนการทางสังคม จึงยืนยันว่าไม่มีนโยบายฆ่าตัดตอนเกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ทุกองค์กร อย่าหลงเข้าใจผิดกับวาทกรรมดังกล่าวนี้ เพราะอาจถูกมองว่าเป็นการเข้าข้างเปิดทางให้ผู้ใช้ยาเสพติดแสวงหาผลประโยชน์จากวาทกรรมนี้ได้ เพราะศัตรูร้ายของการแพร่ระบาดของยาเสพติด คือ ผลประโยชน์   

ทั้งนี้หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทำสงครามกับยาเสพติด โดยจะดำเนินการใน 5 ส่วน ได้แก่

1. ปราบปรามการใช้ยาเสพติดด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด เข้มข้นบนหลักแห่งความจริง ไม่ใช้กฏหมายที่ล้นเกิน 

2. นำบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้เสพไปบำบัดฟื้นฟู ให้กลับสู่สังคมได้ ผู้เสพคือผู้ป่วย ต้องได้รับการบำบัด รักษา ฟื้นฟู โดยต้องแยกผู้ป่วยตามประเภทของยาเสพติดอย่างชัดเจนว่า ติดยาเสพติดประเภทใด ต้องได้รับการบำบัดที่แตกต่างกัน 

3. มาตรการป้องกัน และการเพิ่มองค์ความรู้ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รู้จักโทษและพิษภัยของยาเสพติด รวมทั้งการใช้กลไกชุมชนเข้มแข็ง ‘บวร’ (บ้าน วัด โรงเรียน) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน จับมือกันเป็นสถาบันชุมชนที่เข้มแข็ง ใช้มาตรการทางสังคมช่วยกันปกป้องลูกหลานและคนในสังคม

4. มาตรการขอความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและปราบปราม เพราะกระบวนการผลิตยาเสพติดขณะนี้มี 7 บริษัทแย่งกันผลิตป้อนเข้ามา กำลังการผลิตมหาศาล ต้นทุนการผลิตต่ำเม็ดละ 4-7 บาท 

5. ยาเสพติดเป็นเรื่องของทุกภาคส่วนในสังคม ต้องประสานงานบูรณาการร่วมกันป้องกัน

ทั้งนี้ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะนำกรณีโศกนาฏกรรม จ.หนองบัวลำภู และกรณีการแพร่ระบาดของยาเสพติด เข้าสู่ญัตติด่วนต่อสภา ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งจะมีการเปิดโปงข้อมูลว่าใครเกี่ยวข้องกับกระบวนยาเสพติดบ้าง

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน กล่าวว่า พรรคไทยรักไทย จนมาถึงพรรคพลังประชาชน และเพื่อไทยเริ่มต้นแก้ไขปัญหายาเสพติดจากศูนย์และทยอยแก้ไข แต่สถานการณ์ในขณะนี้ต้องเริ่มต้นแก้ไขปัญหาจาก 10 แม้รัฐบาลโดยการนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศอย่างชัดเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาว่าจะเข้ามาวางรากฐานสังคม เศรษฐกิจและการเมือง แต่ผ่านมา 4 ปี สถานการณ์หนักกว่าเดิม รวมถึงการแพร่ระบาดของยาเสพติด แต่ที่ร้ายแรงกว่ายาเสพติดประเภทอื่นคือ การเสพติดอำนาจของพลเอกประยุทธ์เอง

สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหายาเสพติด คือรัฐบาลต้องตัดวงจรที่เรียกว่า ‘ของชนของ’  จับกุมผู้ค้าและผู้เสพที่มียาเสพติดให้ได้ ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงรู้ดี 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องลงทุนเครื่องเอกซเรย์ยาเสพติดที่ได้มาตรฐาน ประจำตามจุดพรมแดนระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่เมือง ทั้งนี้หากรัฐบาลยังเมินเฉยไม่แก้ไขปัญหา มีความกังวลว่าจะมีคนตายเป็นล้านคนก็เป็นได้  

ทั้งนี้การที่พรรคเพื่อไทยประกาศทำสงครามกับยาเสพติด ต้องหาจุดต่างและจุดยืนร่วมกันระหว่างคนและนโยบาย รวมทั้งกระบวนการในมิติเชิงสังคมในระดับชุมชนมีความสำคัญมาก ที่ผ่านมาการทำสงครามกับยาเสพติดในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยและพลังประชาชน มีแต่คนชื่นชม เพราะมีทั้งหมู่บ้านสีขาว หมู่บ้านปลอดยาเสพติด เป็นต้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ สถิติยาเสพติดลดลงอย่างมีนัยยะ เพราะไม่มีการจับกุมที่มากพอ

‘ทิพานัน’ ยกยอดใช้จ่ายคนละครึ่ง3.4หมื่นล้าน ตอก ‘เพื่อไทย’ หลังขวางไม่เกิดประโยชน์ต่อศก.

‘ทิพานัน’ ยกยอดใช้จ่ายคนละครึ่ง3.4หมื่นล้าน ตอกเพื่อไทยขวางคนละครึ่ง ชี้ไม่เห็นแก่ประโยชน์ประชาชนกว่า25ล้านคน แต่กลับมีพฤติกรรมคล้ายหนุนนโยบายพานักโทษหนีคดีเพียง 2 คนกลับบ้าน

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยแสดงความคิดเห็นคัดค้านโครงการคนละครึ่งว่า ไม่ได้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจว่า โครงการคนละครึ่งที่เฉพาะเฟส 5 ที่กำลังดำเนินการอยู่นี้มีประชาชนกว่า 26.5 ล้านคนและร้านค้ารายย่อยเกือบ 1 ล้านรายได้ประโยชน์ และผลประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของนักการเมือง แต่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนโดยตรง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เมื่อเอาตัวเลขข้อมูลมาพิจารณา พบว่าตัวเลขผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วม 9.67 แสนราย เป็นผู้ประกอบการรายใหม่เฟส 5 ถึง 2.28 หมื่นราย แสดงถึงร้านค้ารายย่อยเป็นผู้รับประโยชน์โดยตรง และมีจากข้อมูลล่าสุดคนละครึ่งเฟส 5 ที่มียอดใช้จ่ายสะสมถึง 34,310.23 ล้านบาท (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 16 ต.ค. 65) 

เห็นได้ชัดว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จจริงในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบและยั่งยืนได้ จึงไม่ใช่โครงการที่เป็นการเสียเงินไปฟรี ๆ ตามที่นายพิชัยแสดงความเห็นแบบไร้ข้อมูล

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การที่นายพิชัยเสนอให้รัฐบาลแก้ปัญหาหนี้สินมากกว่าโครงการคนละครึ่งนั้น ต้องถามว่า นายพิชัยไปอยู่ดูไบมาหรืออย่างไร ถึงไม่รู้ว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความยากจนแบบมุ่งเป้าเจาะรายบุคคล และประกาศให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับกระทรวงการคลังและเจ้าหนี้ 65 ราย ได้ขานรับนโยบายของรัฐบาล จัดกิจกรรม 'มหกรรมร่วมใจแก้หนี้' ขึ้น เปิดให้ลงทะเบียนทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. 65 เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้จากผลกระทบวิกฤติโควิด-19 ปัญหาค่าครองชีพ สามารถแก้ไขหนี้และเริ่มต้นใหม่ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีโครงการสัญจรด้วย ซึ่งทางธนาคารของรัฐ อาทิ ธนาคารออมสิน / ธ.อ.ส. / ธ.ก.ส. และธนาคารกรุงไทย จะจัด 'มหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร' ใน 5 อีกจังหวัด  

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนในกรณีลูกหนี้ไม่สามารถเข้าร่วมมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ได้ ก็ยังมีช่องทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ เช่นกรณีหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน สามารถเข้าร่วมโครงการ 'คลินิกแก้หนี้' และมีโครงการ 'ทางด่วนแก้หนี้' เป็นช่องทางเสริมเพื่อขอรับความช่วยเหลือด้านการชำระหนี้ ในขณะที่ลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจสามรถขอรับคำปรึกษาแก้ไขหนี้ผ่านทางโครงการ ‘หมอหนี้เพื่อประชาชนได้’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top