Monday, 21 April 2025
พรรคส้ม

‘พรรคส้ม’ อาจถึงทางตัน! ถอยไม่ได้ไปต่อลำบาก เหตุติดกับดักความสุดโต่ง หวังอีกเฮือกเลือก ‘นายกอบจ.’

“...หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ ย่อมได้เป็นรัฐบาลอย่างสง่างาม ไม่โดนพรรคร่วมขี่คอ แต่คุณทักษิณอาจยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะ หากพรรคเพื่อไทยยังน่าเกรงขาม การเจรจาให้เหล่าชนชั้นนำเห็นพ้องกันหมดยอมให้คุณทักษิณกลับบ้าน คงเป็นไปได้ยาก

แต่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งลำดับที่หนึ่ง กลับเป็นปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้คุณทักษิณได้กลับบ้าน เพราะ ชนชั้นนำทุกฝ่ายต้องสนธิกำลังสกัดพรรคก้าวไกล ไม่ให้เป็นรัฐบาล..”

เป็นมุมคิดมุมรู้สึกล่าสุดของอ.ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่  ตรรกะก็คือ..ประโยคสำคัญก็คือเพราะพรรคก้าวไกลเป็นแชมป์เลือกตั้งทำให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำรัฐบาลและทักษิณได้กลับบ้าน..ซึ่งจะว่าไปก็ถูกต้อง แต่ไม่ถูกทั้งหมด..

หากจะว่าไปให้ถึงที่สุด  หากพรรคก้าวไกล(ขณะนั้น)ไม่ชูธงการแก้ไขมาตรา 112 แบบสุดโต่ง(แก้แบบยกเลิก) และมีแนวร่วมเครือข่ายแบบ ‘ปฏิกษัตริย์นิยม’ ที่เรียกขานกัน..โอกาสที่จะได้จัดร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่กับพรรคอื่นๆก็พอมี...

7 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลถูกยุบ ลอกคราบเป็นพรรคประชาชน แม้จะโหมประโคมว่า ‘ยิ่งยุบยิ่งโต’เลือกตั้งรอบหน้าจะโตเป็นสองเท่าหรือ 300 เสียง...แต่เมื่อเหลียวหลังแลหน้าดูแล้วก็ต้องฟันธงว่า..ยากมากถึงยากที่สุด...รักษาตัวเลข 151เสียง เท่ากับผลเลือกตั้งปี 2566 เอาไว้ได้ก็น่าจะเก่งแล้ว..

ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์-เงื่อนไข เหตุปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะปัจจัยจากพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีความพร้อมพรึ่บ...แต่ปัญหา ‘ความสุดโต่ง’ ความแข็งตัวในแนวคิดเกี่ยวกับสถาบันสำคัญ คือการติดกับดักตัวเอง ที่ทำให้พรรคประชาชนก้าวไม่ไกลที่ควรจะเป็น..

เมื่อเร็ว ๆ นี้พรรคประชาชนประกาศชักธงรบชิงนายกอบจ.ล็อตใหญ่ที่จะเลือกกันวันที่ 1 ก.พ.2568 จำนวน 12 จังหวัด ที่มีเป้าหมาย/โอกาสจะชนะ จากจำนวนที่จะเลือกกันทั้งหมด 47 จังหวัด..

12 จังหวัดที่พรรคประชาชนจะลงชิงชัยนายกอบจ.ประกอบด้วย..ประกอบด้วย  

1. นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ เชียงใหม่ 2. นายวีระเดช ภู่พิสิฐ ลำพูน 3.นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ มุกดาหาร 4.นายอุรุยศ เอียสกุล หนองคาย 5. นายชลธี นุ่มหนู ตราด 6. นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล อบจ.ภูเก็ต 7. นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ สุราษฎร์ธานี 8. นายสุทธิโชค ทองชุมนุม พังงา 9. นายนิรันดร์ จินดานาค สงขลา 10.นางสาวนันทิยา ลิขิตอำนวยชัย สมุทรสงคราม 11. นายนพดล สมยานนทนากุล สมุทรปราการ และ 12.นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ นนทบุรี

ว่ากันว่าใน 12 ผู้สมัคร..มีเพียงนันทิยา ลิขิตอำนวยชัย ว่าที่ผู้สมัครอบจ.สมุทรสงคราม ที่พอจะเห็นแสงสว่างชัยชนะปลายอุโมงค์ เหตุเพราะนายกอบจ.สายลุงป้อมคะแนนสาละวันเตี้ยลง...ที่เหลืออาจจะมีลุ้นสัก 1- 2 แห่ง

รวมความแล้ว..พรรคส้มต้องไปปรับกระบวนท่า ปรับยุทธศาสตร์ยุทธวิธีกันใหม่..แต่ต้องเริ่มต้นจากการตั้งโจทย์ประเทศให้ถูกต้อง สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง...เช่นถ้าสมมุติตั้งโจทย์ว่าปัญหาของประเทศคือสถาบันฯ แล้วชักธงรบ..ก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้ง ต้องก้าวข้ามความคิดนี้รวมทั้งการตั้งเป้ายกเลิก มาตรา 112..

อย่าคิดตายตัว ท่องคาถาว่า...เวลาอยู่อย่างข้างเรา คนรุ่นใหม่...เพราะพรรคอื่นเขาก็มีคนรุ่นใหม่เหมือนกัน ในขณะที่คนรุ่นใหม่ของพรรคส้มก็เริ่มเสพติดกาแฟสภา หอมกลิ่นอำนาจ..ดังนั้นก็จงอยู่กับความเป็นจริงใช้อำนาจใช้พลังของพรรคอันดับหนึ่งในขณะนี้ให้สร้างสรรค์ ทรงพลัง ไม่หมกมุ่นอยู่กับ มาตรา 112 หรือการแก้รธน.เป็นหลัก..

นักสังเกตการณ์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ถ้าพรรคส้มออกจากกับดักที่ว่าได้ ก็จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ...แต่ถ้ายังติดกับดักเดิม ๆ ก็คงอยู่ในสภาพ..ถอยหลังไม่ได้ เดินต่อไปก็ไม่ถึง(ฝัน)!!

‘ดร.ปวิน’ สวนเดือด!! ‘นางแบก’ ด่าพรรคส้ม ลั่น!! ไม่เคยจับมือ กับ ‘คนทำลายประชาธิปไตย’

(24 พ.ย. 67) ศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้โพสต์ข้อความ ‘แรง’ โดยมีใจความว่า ...

ความน่ารังเกียจของ E นางแบกบางตัว คือการสร้างวาทกรรมว่า พรรคส้มคือจุดสุดยอดของความ Jungไรทางการเมือง ทั้ง ๆ ที่ตัวคุณและพรรคที่คุณสนับสนุนคือ ความ Jungไรทางการเมืองของแท้ อย่างน้อยพรรคส้มก็ไม่เคยจับมือกับคนที่ทำลายประชาธิปไตย คือแทนที่คุณจะไปด่า E พวกทำลายประชาธิปไตยเหล่านั้น กลับมาจิกกัดพรรคที่สมควรได้จัดตั้งรัฐบาล edok 

‘พรรคส้ม’ พ่ายอีกครั้งเลือกตั้ง นายกอบจ. กำแพงเพชร หลัง ‘สุนทร รัตนากร’ แชมป์เก่าโกยคะแนนทิ้งขาด

เมื่อวันที่ (1 ธ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร วันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งเปิดให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 08.00 น.ซึ่งมีเขตเลือกตั้งทั้งหมด 11 อำเภอ มีหน่วยเลือกตั้ง 1,126 หน่วย แบ่งเป็นเขตอำเภอเมืองกำแพงเพชร 293 หน่วย อำเภอขาณุวรลักษบุรี 162 หน่วย อำเภอพรานกระต่าย 128 หน่วย, อำเภอคลองขลุง 120 หน่วย อำเภอลานกระบือ 70 หน่วย, อำเภอปางศิลาทอง 45 หน่วย, อำเภอบึงสามัคคี 49 หน่วย, และออำเภอทรายทองวัฒนา 43 หน่วย

ทั้งนี้ มีผู้เข้าสมัครเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 2 คน ได้แก่ หมายเลข 1 นายสุนทร รัตนากร อดีตนายก อบจ.กำแพงเพชร และหมายเลข 2 นายธานันท์ หล่าวเจริญ สมาชิกพรรคประชาชน

กระทั่งเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ปิดหีบเลือกตั้งและเริ่มนับคะแนน เบื้องต้นเมื่อนับไปได้ 72% อย่างไม่เป็นทางการ ในเวลา20.40 น. ผลปรากฎว่า หมายเลข 1 นายสุนทร รัตนากร ได้ 104,413 คะแนน หมายเลข 2 นายธานันท์ หล่าวเจริญ ได้ 27,609 คะแนน

'พิธา' ไม่หวั่นแม้ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี หวังกลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯอีกครั้ง

(19 ธ.ค. 67) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ว่าเขาคาดหวังว่าจะได้กลับมาเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยอีกครั้ง หลังจากถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี

“ผมกำลังรอวันที่จะได้กลับมา ถ้าพรรคสนับสนุนและประชาชนต้องการ ผมพร้อมที่จะกลับมาเป็นผู้สมัครนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง” พิธากล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคาร (17 ธ.ค.) ระหว่างเดินทางไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยโตเกียว โดยเน้นว่านี่ไม่ใช่การตัดสินใจส่วนตัว แต่เป็นทางเลือกที่เกี่ยวข้องกับสังคมส่วนรวม

เว็บไซต์นิกเกอิเอเชียรายงานว่า ระหว่างการบรรยายที่มหาวิทยาลัยโตเกียว พิธา ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Senior Research Fellow ที่ Harvard Kennedy School กล่าวว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีพรรคการเมืองในประเทศไทยถูกยุบถึง 34 พรรค และนักการเมือง 250 คนถูกตัดสิทธิทางการเมือง "การยุบพรรคและการจำกัดสิทธิทางการเมืองกลายเป็นเรื่องปกติในประเทศไทย" เขากล่าว "มันเป็นวงจรร้ายที่ควรยุติ"

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2570 พิธาแสดงความเชื่อมั่นว่าพรรคประชาชนมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม เขาเน้นว่าพรรคควรจัดตั้งรัฐบาลผสมเพื่อสร้างการบริหารประเทศที่มีประสิทธิภาพ “การมีรัฐบาลที่ดีไม่ควรยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ” เขากล่าว

ในประเด็นความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พิธาเตือนว่ารัฐบาลไทยต้องระวังไม่ให้สหรัฐฯ มองไทยเป็นทางลัดสำหรับการลงทุนจากจีน โดยคาดว่าจีนอาจถูกเก็บภาษีนำเข้า 60% สำหรับการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้จีนเลือกใช้เม็กซิโกหรือไทยเป็นฐานการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ

ย้อนมองกรณี ‘สส.พรรคส้ม’ ขึ้นป้ายแซะสวดมนต์ข้ามปี สะท้อนความคิดขวางโลกเต็มไปด้วยความขุ่นมัวในจิตใจ

ป้ายคัทเอาท์ “สวัสดีปีใหม่ ทำบาปมาทั้งปี สวดมนต์ข้ามปีแค่วันเดียว?” เป็นของ สส. ผู้ทรงเกียรติ หรือเพียงของ “คนบาปเบาปัญญา”??

เข้าใจได้ว่ายุคสมัยนี้เป็นยุคที่ทุกแขนงอาชีพมักจะได้คนทำงานที่ 'ต่ำกว่ามาตรฐาน' เข้ามาทำงานในองค์กรเป็นจำนวนที่สูงมากกว่าสมัยก่อน ซึ่งก็รวมทั้ง 'สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร' ด้วยเช่นกันที่อาจจะได้นักการเมืองน้ำดีและห่วยชนิดที่ยากจะนึกภาพออกว่า 'คุณภาพคนเลือก' ต้องต่ำขนาดไหน ถึงได้เลือก 'สส. สมองกลวง' เช่นนี้เข้าสภามากินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน 

คนที่เกิดมาเป็น สส. อาสามาเป็นคนทำงานเพื่อส่วนรวม สำคัญกว่าใด ๆ คือต้องมี 'Mindset' ในการใช้ชีวิต และการทำงานที่ต้องสะท้อนให้เห็นอย่างง่าย ๆ ว่าเป็นคนที่สังคมรู้สึกพึ่งพาได้ ไม่กังขา ไม่สงสัยทั้งความคิด และการกระทำ เพื่อจะได้นำสิ่งที่มีดีติดตัวอันมากมายนั้นมาพัฒนาสังคมให้เจริญรุ่งเรือง

แต่ทันทีที่สังคมไทยได้เห็นป้ายคัทเอาท์ขนาดใหญ่ ติดรูปนักการเมืองไทยคนหนึ่ง เป็น สส. จากพรรคการเมืองที่ถนัดแต่ 'ล้มล้างการปกครอง' และแทบจะทั้งพรรคมี 'พฤติกรรมย้อนแย้ง' เป็นอาชีพ มีข้อความว่า “สวัสดีปีใหม่ ทำบาปมาทั้งปี สวดมนต์ข้ามปีแค่วันเดียว?” ผู้คนในสังคมที่พอจะมีสติปัญญาก็จะสรุปได้ในทันทีว่าช่างเป็นข้อความที่ไม่สร้างสรรค์ ไม่จรรโลงสังคม เต็มไปด้วยความขุ่นมัวในจิตใจ กระแซะคนชาวพุทธที่ศรัทธาเรื่อง 'การสวดมนต์ข้ามปี' ที่มีมาแต่โบราณ 

นอกจากสร้างความเกลียดชังต่อผู้คนที่พบเห็น ความหมายบนป้ายโฆษณายังมี 'ความย้อนแย้ง' ไม่ต่างจากชีวิตประจำวัน สส. ผู้ไร้ความจริงใจต่อสังคมคนนี้ จึงเป็นอีกครั้งที่เรื่องโง่ ๆ เกิดขึ้นกับนักการเมืองที่เกลียดการไหว้, ชิงชังการเคารพนอบน้อม และคิดแต่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทย 

ตอกย้ำแน่ชัดอยู่สองเรื่องหลัก ๆ ว่า หนึ่งเมื่อใดที่เราได้ สส. ที่ขาดความเคารพต่อสังคมชาติ และสถาบัน ก็ยากจะเคารพต่อขนบ วัฒนธรรม เรื่องที่สองคือคนในแบบเดียวกันก็จะถูกดึงรวมอยู่ใน 'คอกบาป' เดียวกัน เวลาทำเรื่องเลวร้ายใด ๆ ก็จะไม่มีใครห้ามปราม จะปล่อยกันให้ 'ตายทั้งเป็น' คาสังคม ด้วยคนที่คิดข้อความไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้ แม้เพียงคิดในใจก็น่าอับอายไปถึงกระดูกแล้ว แต่หากคิดแล้วกลับอยากให้ผู้คนรับรู้ ก็เท่ากับว่าตั้งใจ 'ประกาศสันดาน' ต่อสังคมว่าตัวเองนั้นเป็นคนประเภทใด

ถ้าตอนคิดก่อนลงมือทำ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าผลจะออกมานั้นตนเองจะดูดี จะมีผู้คนชื่นชอบ ก็ต้องพูดว่าเป็น สส. ที่โง่เง่าเป็นทวีคูณ 

ยากจะหาบทสรุปอื่นได้เลย  

เมื่อหนึ่งในผลิตผลของ ‘พรรคส้ม’ ล้มสถาบัน!! คือการเป็น สส. หื่นกาม กระทั่งข่มขืนหญิงสาวชาวต่างชาติ

(12 ก.พ. 68) ถ้าเป็นประเทศที่เจริญแล้วจริง ๆ หรือคุณภาพของนักการเมืองอยู่ในมาตรฐานที่สูงมากพอ หากถูกจับได้ว่ามีส่วนพัวพันในเรื่องละเมิดจริยธรรม คุณธรรม ทำให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของตนเอง รวมถึงพรรคการเมืองที่สังกัด นักการเมืองผู้นั้นจะต้องขอยุติบทบาท ลาออกจากการทำหน้าที่ทันที ไม่ต้องรอให้ใครมากดดัน หรือขับไล่

แต่เรื่องดี ๆ แบบนี้คงยากจะหาได้จาก ‘นักการเมืองขี้หมา’ ของประเทศไทยเรา 

ด้วยมาตรฐานของนักการเมืองไทย เน้นไปที่ ‘สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร’ มีมาตรฐานที่ค่อนข้างต่ำ สมัยยี่สิบปีก่อนก็ไม่ได้มีมาตรฐานสูง แต่สมัยนี้กลับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน นับได้ไม่เกิน ‘นิ้วมือรวมนิ้วตีน’ ที่จะเรียกว่าเป็น ‘สส. คุณภาพ’ เข้ามาทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนอย่างซื่อสัตย์สุจริต มีอุดมการณ์ มีความรับผิดชอบอันแรงกล้าต่อสังคมส่วนรวม 

ส่วนใหญ่เป็นได้เพียง สส. ผู้หิวกระหายอำนาจ รวมหัวกันโกงบ้านกินเมือง ทำให้ภาพลักษณ์ของนักการเมืองไทยมีแต่ความต่ำทราม เลวร้าย ดูเป็นอาชีพที่ไร้เกียรติ เพราะอุดมไปด้วยกลุ่มคนที่มี DNA ในทางปลิ้นปล้อนเข้ามาอยู่รวมกันในสภาอันทรงเกียรติ 

ที่ชัดสุดคือ สส.จากพรรคการเมืองที่มีเป้าหมายล้มล้างการปกครอง อ้างตนเป็น ‘กลุ่มคนรุ่นใหม่’ ที่หมายจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ แต่พฤติกรรมแต่ละดอกที่ประชาชนจับได้ไล่ทันช่างเป็นสิ่งที่น่าอเนจอนาถใจ ตั้งแต่การแอบอ้างผลงานของคนอื่นเป็นผลงานของตัวเอง สร้างเรื่องโกหกรายวันให้ตนเองดูดี หนีการเกณฑ์ทหาร และพัวพันคดี 112 อีกไม่น้อย ยังมีคดีละเมิดทางเพศ ข่มขืนสาวชาวต่างชาติ ทำให้ภาพลักษณ์ของนักการเมืองไทยหมดคุณค่าลงสิ้น 

สส. หื่นกาม มีพฤติกรรมชั่ว ทำผิดในเรื่องซ้ำ ๆ รายหนึ่ง เป็นผลผลิตที่น่าภาคภูมิใจของพรรคการเมืองที่เข้ามาเพื่อล้มล้างสถาบัน จึงยากที่จะเห็นนักการเมืองในพรรคนี้ก่นด่าให้เราได้ยิน ต่างพากันเงียบกริบ หันไปสายลมแสงแดดแทน 

คำกล่าวที่ว่า สส. โง่และชั่วในระดับใด ก็ให้ดูพรรคการเมืองที่สร้างจนมีตัวตน รวมถึงกลุ่มคนที่กาเลือกเข้ามา เพราะจะมีคุณสมบัติที่ไม่ต่างกัน

‘พรรคสามนิ้ว’ มีพฤติกรรมยกเลิก 112 และคิดล้มล้างการปกครอง เห็นเจตนาชัดเจน!! ถึงการเป็น ‘พรรคการเมืองอันตราย’

(24 ก.พ. 68) พรรคการเมืองพรรคหนึ่งในสังคมไทย เที่ยวโฆษณาบอกผู้คนว่า “เป็นคนรุ่นใหม่” เข้ามาเพื่อที่จะให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น จะไม่มีพฤติกรรมโกงกิน คอรัปชั่น หรือมีนิสัยเลว ๆ เหมือนที่นักการเมืองรุ่นเก่าในอดีตเคยทำไว้อย่างแน่นอน 

ใครเลือกเราเข้ามา ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม

ใช่ครับ ตั้งแต่มีพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่พรรคนี้เข้าสภามา ประเทศไทยในสายตาของผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึก “ไม่เหมือนเดิม” จริง ๆ เพราะมันแย่ลงมาก เสื่อมทรามลงอย่างเห็นได้ชัด เด็กวัยรุ่นก้าวร้าวมากขึ้น ไหว้ผู้ใหญ่ไม่เป็น มีทัศนคติในการใช้ชีวิตที่บิดเบี้ยว ไม่รู้จักบุญคุณคน ลบหลู่ดูหมิ่นครูบาอาจารย์ ใช้ชีวิตแบบแหกกฎระเบียบข้อบังคับของสังคม ถือดีว่าตัวตนนั้นจะทำสิ่งใดก็ได้แบบไร้ขอบเขต ที่สำคัญมีแนวคิดที่ชิงชังสถาบันกษัตริย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนผืนแผ่นดินไทย นึกจะจาบจ้วงล่วงละเมิดก็กระทำกันตาม ๆ กันมา มีการ “ชูสามนิ้ว” เป็นสัญลักษณ์สะท้อนกลุ่มก้อนที่มีแนวคิดเดียวกัน ว่าข้านี่แหละเป็นหนึ่งในคนที่ไม่ต้องการให้มีสถาบันกษัตริย์ หรืออยากให้มีการ “ล้มล้างการปกครอง” แบบเดิม ๆ ให้หมดหายไปจากประเทศไทย

ตลอดหลายปีที่ “พรรคการเมืองสามนิ้ว” เข้ามา “กินเงินเดือน” จากภาษีของประชาชน กลับใช้เล่ห์เพทุบายหลอกใช้เด็กให้กระทำการผิดกฎหมาย 112 จำนวนมาก หลายคนต้องหนีลี้ภัยไปต่างประเทศ จำนวนไม่น้อยก็ต้องติดคุก หมดอนาคตลงนับจากนั้น

ภาพลักษณ์การเป็น “พรรคการเมืองสามนิ้ว” ที่แสดงความกลิ้งกลอก หลอกใช้เด็กให้กระทำการจาบจ้วงสถาบันแทน ถือเป็น “พรรคการเมืองที่โหดร้าย” ไร้ความจริงใจต่อเพื่อนมนุษย์ หลอกทุกคนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองเท่านั้น รวมทั้งยังเป็นพรรคการเมืองที่แอบดีลกับตะวันตก หวังสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในแผ่นดินชาติของตนเอง 

นักการเมืองภายในพรรค ยังแยกกันไปเผยเจตนา “ยกเลิก 112” ผ่านการโพสต์ข้อความ และในการชุมนุมสาธารณะนับครั้งไม่ถ้วน มีหลักฐานเป็นภาพข่าวพร้อมข้อความ และคลิปวิดีโอมากมาย เห็นชัดถึง “เจตนาร้าย” ต่อสถาบันกษัตริย์ไทย ซ้ำยังนำการยกเลิกมาตรา 112 เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งหมดคือพฤติกรรมของ “กลุ่มคนอันตราย” ที่แฝงตัวมาในคราบนักการเมืองในสภา 

ปล่อย “พรรคสามนิ้ว” ไว้ “ประเทศไทย” จะไม่ดีเหมือนเดิม 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top