Tuesday, 2 July 2024
ททท

‘เศรษฐา’ เร่ง ‘ททท.’ ปั้นทริปเที่ยวตอบโจทย์แต่ละชาติช่วงโลว์ซีซัน ล็อกเป้า!! 'กลุ่มตะวันออกกลาง-รัสเซีย-คาซัคฯ-อินเดีย' ดีมานด์สูง

(24 มิ.ย.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเดินทางเข้าปฎิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ภารกิจเช้านี้เตรียมและติดตามงาน 2 เรื่อง เรื่องแรกตนได้เชิญทาง ททท. มาเตรียมแผนการท่องเที่ยวในช่วง Q2 - Q3 ที่เป็นช่วง Low Season ของไทย 

“ผมได้ขอให้ ททท. เตรียมแพ็กเกจสำหรับแต่ละประเทศที่มีศักยภาพเพื่อจะทำแผนการท่องเที่ยวราย Segment ให้ตอบโจทย์ของแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวจากกลุ่มตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย หรือประเทศอื่น ๆ เช่น รัสเซีย, คาซัคสถาน, อินเดีย ที่มีความต้องการมาท่องเที่ยวในประเทศไทยสูงและมีความชอบเฉพาะที่แตกต่าง” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายเศรษฐา เปิดเผยว่า นอกจากนี้ยังได้พบกับ Mr. Marcus Wallenberg ประธานกลุ่มบริษัท SAAB SEB ซึ่งตนเคยพบตอนห้วงประชุม World Economic Forum ที่ Davos เพื่อติดตามประเด็นต่าง ๆ ที่เคยคุยไว้ เช่น การดึงดูดการลงทุนในไทย การเข้ามาตั้งโรงงานของ Astra Zeneca ซึ่งได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมแล้ว และทางบริษัทฯ จะวางแผนพบกับนักลงทุนไทย เพื่อทำงานร่วมกันระหว่างการประชุม Davos ในปีหน้า

‘ททท.’ มั่นใจปี 68 ต่างชาติเที่ยวไทยแตะ 40 ล้านคน  เล็งดึง ‘นักท่องเที่ยวคุณภาพ’ เติม-เพิ่มรายจ่ายต่อหัว

(2 มิ.ย.67) ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ททท.จะพยายามรักษาอันดับของประเทศไทยให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนเหนือกว่าญี่ปุ่นไว้ให้ได้ แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ท่องเที่ยวของญี่ปุ่นจะมีปัจจัยเงินเยนอ่อนค่ามากระตุ้นการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว สร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขัน เห็นได้จากนักท่องเที่ยวไทยเองก็นิยมเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นซ้ำจำนวนมาก

“ททท.จะโฟกัสการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ได้ตามเป้าหมายรัฐบาล 36.7 ล้านคนในปีนี้อย่างดีที่สุด ขณะที่รายได้ก็ต้องเดินหน้าเต็มที่เพื่อไปให้ถึงเป้ารายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาท ถ้าเรายังสามารถรักษาแรงส่งด้านการจับจ่ายท่องเที่ยวไว้ได้ที่ 50,000 บาทต่อคนต่อทริป ก็ถือว่าน่าพอใจ ส่วนในปี 2568 ททท.มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน”

โดยในการประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ประจำปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 ก.ค. และจัดแถลงใหญ่เกี่ยวกับทิศทางการทำตลาดและแผนปฏิบัติการในวันที่ 15 ก.ค. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทาง ททท.จะมีการหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนนิยามของ ‘นักท่องเที่ยวคุณภาพ’ จากเดิมนิยามไว้ว่าเป็นกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 60,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพราะจากการวิเคราะห์พฤติกรรมการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ในปัจจุบัน น่าจะเหลือใช้จ่ายด้านท่องเที่ยว 10% ของรายได้ หรือคิดเป็น 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ทำให้ ททท. ต้องเปลี่ยนนิยามของนักท่องเที่ยวคุณภาพว่าเป็น ‘คนรวยสองด้าน’ ด้านแรกคือ รวยด้วยพฤติกรรมการใช้จ่าย กินหรูอยู่ดี และด้านที่ 2 คือ รวยด้วยจิตสำนึก ใส่ใจด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม 

ด้าน ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า สทท.คาดหวังว่าในปี 2568 ซึ่งรัฐบาลประกาศผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ ‘ปีแห่งการท่องเที่ยวไทย’ จะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากถึง 40-45 ล้านคน 

ขณะที่แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญภาคการท่องเที่ยวไทย วิเคราะห์ว่า จากสถิติ 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสะสมแล้ว 17 ล้านคน เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของรัฐบาล 36.7 ล้านคน เท่ากับว่าช่วงโลว์ซีซันไตรมาส 3 ต้องดึงเข้ามาให้ได้อย่างน้อย 3 ล้านคนต่อเดือนก่อน และเร่งเครื่องในไฮซีซันไตรมาส 4 ให้ได้มากกว่า 3.5 ล้านคนต่อเดือน เฉพาะเดือน ธ.ค. ต้องให้ได้ถึง 4 ล้านคน

เพราะถ้าวางเป้าหมายรายเดือนแบบนี้ ก็สามารถจี้ลงไปในรายละเอียดแผนได้ว่าจะดึงนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะสั้นเท่าไร ตลาดระยะไกลอีกเท่าไร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องใช้งบประมาณและเครื่องมือใดบ้างในการบูสต์ยอดเพิ่มจากการเติบโตแบบออร์แกนิก เพราะตอนนี้อะไรทำได้เร็ว ต้องรีบทำเพื่อความชัวร์ ให้ได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเดือนละ 3.5 ล้านคนตั้งแต่เดือน ก.ย. ก็จะช่วยเซฟตัวเลขให้ได้ตามเป้าหมาย หากต้องรอข่าวดีเรื่องจำนวนเที่ยวบินช่วงตารางบินฤดูหนาว 2567/2568 เท่ากับว่าต้องรอนานถึงปลายเดือน ต.ค. ทั้งที่สามารถลุยทำการตลาดตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ได้เลย

อย่างตลาด ‘นักท่องเที่ยวจีน’ เดินทางเข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 ถ้าอยากให้ไปถึงเป้าหมาย 8 ล้านคนในปีนี้ ก็ต้องทำเพิ่ม ให้ไดเรกชันชัดเจนว่าต้องเจาะตลาดอย่างไร เพราะจากการประเมินแนวโน้มล่าสุดของภาคเอกชนคาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะปิดที่ 7 ล้านคน น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ พอเห็นสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า ‘ญี่ปุ่น’ ช่วง 5 เดือนแรกแล้ว ประเมินว่าปีนี้มีสิทธิ์เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปญี่ปุ่นแซงไทยเป็นครั้งแรก จากปัจจัยเงินเยนอ่อนค่าหนัก อย่างไรก็ตาม เรื่องจะโดนญี่ปุ่นแซงหรือไม่นั้น ไม่ใช่ปัญหา การไปถึงเป้าหมายรัฐบาลดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ได้ 36.7 ล้านคนต่างหากที่สำคัญกว่า! ทาง ททท.ต้องเร่งเช็กยอดจองที่นั่งเครื่องบินล่วงหน้าว่าติดปัญหาเรื่องอะไร เพื่อเร่งเติมตลาดให้ทัน เช่น การทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนและรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม แม้ปีนี้ภาคการท่องเที่ยวไทยจะอยู่ในยุคฟื้นตัว กลับไปมีนักท่องเที่ยวต่างชาติใกล้เคียงภาวะปกติ แต่ก็ต้อง ‘บริหารความเสี่ยง’ ระหว่างปีให้ดีในยุคเศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วย ‘ความไม่แน่นอน’ ไม่ใช่ว่าจะไปรอไฮซีซัน 3 เดือนสุดท้าย เพราะอาจเจอเหตุการณ์อื่นๆ มาเซอร์ไพรส์กลับ ทำยอดหก หลุดเป้าหมายได้

“ส่วนเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาทในปีนี้ ลืมไปได้เลย เพราะล่าสุดตัวเลขยอดการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวต่ำกว่ายุคก่อนโควิดด้วยซ้ำ เฉลี่ย 46,000 บาทต่อคนต่อทริปเท่านั้น จากปี 2562 ก่อนโควิดเฉลี่ยอยู่ที่ 49,000 บาทต่อคนต่อทริป หลังได้รับผลกระทบจากปัญหากำลังซื้อและเศรษฐกิจโลก อีกปัจจัยคือการเข้ามาของตลาดระยะสั้น เช่น มาเลเซีย ที่นิยมเดินทางข้ามแดน เข้ามาพักไม่นานแค่ 2-3 วัน ทอนภาพรวมค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายลดลง” แหล่งข่าวกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top