Tuesday, 10 June 2025
จีน

นักวิทย์จีนตั้งชื่อแมงมุมชนิดใหม่ 16 สายพันธุ์ ตามเพลงฮิตของนักร้องดัง 'เจย์ โชว์'

(6 ม.ค. 68) เจย์ โชว์ (Jay Chou) หรือ โจวเจี๋ยหลุน เป็นนักร้องป๊อปชื่อดังชาวจีนที่มีพรสวรรค์ด้านดนตรี เขาคือผู้สร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ถ่ายทอดความโรแมนติก ความคิดถึงวันวาน และเสน่ห์ของวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม อย่างไรก็ตามหากแฟนๆ เปิดฟังเพลงของเขาในช่วงนี้ อาจจะนึกถึงสิ่งใหม่ๆ อย่างเช่น “แมงมุม”

งานวิจัยวิทยาศาสตร์ฉบับล่าสุดที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนเพลงชาวจีน จากการตั้งชื่อแมงมุมสายพันธุ์ใหม่ 16 สายพันธุ์ตามชื่อเพลงที่โด่งดังของนักร้องวัย 45 ปีรายนี้

แมงมุมสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้ซึ่งถูกจัดอยู่ใน 6 สกุล ได้รับการค้นพบที่สวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนสิบสองปันนา แห่งสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) ในมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ จวบจนถึงปัจจุบัน จีนพบแมงมุมทั้งหมด 920 สายพันธุ์ในสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ที่มีขนาดใหญ่ 11 ล้านตารางเมตร และได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ที่มีความหลากหลายของสายพันธุ์แมงมุมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ชื่อของแมงมุมเหล่านี้ได้แก่ “อันจิ้ง” (Silence-เงียบสงบ), “หลงเฉวียน” (Dragon Fist-หมัดมังกร), “เย่ฉวี่” (Nocturne-บทเพลงแห่งรัตติกาล), “ไฉ่หง” (Rainbow-สายรุ้ง) และ “เต้าเซียง” (Rice Field-นาข้าว) ซึ่งนักวิจัยบันทึกชื่อเหล่านี้ด้วยพินอินในเอกสารภาษาอังกฤษที่ตีพิมพ์ในวารสาร “การวิจัยด้านสัตววิทยา : ความหลากหลายและการอนุรักษ์” (Zoological Research: Diversity and Conservation) เมื่อเดือนธันวาคมของปี 2024

เมื่อถูกถามถึงแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อ หลี่ซูเฉียง หัวหน้าทีมวิจัยจากสถาบันสัตววิทยา แห่งสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีนได้ให้คำตอบที่น่าประทับใจ โดยกล่าวกับนักข่าวซินหัวว่าสมาชิกในทีมของเขาทุกคนที่เกิดช่วงปี 1980-2000 ล้วนเป็นแฟนเพลงตัวยงของนักร้องและนักแต่งเพลงจากไต้หวันรายนี้ “พวกเขาเติบโตมากับการฟังเพลงของเจย์ โจว” หลี่กล่าว พร้อมเสริมว่าทีมงานมักฟังเพลงของเจย์ โจวในเวลาว่าง อันนำไปสู่การตัดสินใจตั้งชื่อสายพันธุ์แมงมุมทั้ง 16 ตามชื่อเพลงของเขา

ส่วนการเลือกชื่อให้แมงมุมแต่ละตัว หลี่เผยว่าไม่ได้ยึดหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด แต่เป็นการสุ่มเลือกโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับลักษณะของแมงมุม

หมี่เสี่ยวฉี ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยถงเหรินในมณฑลกุ้ยโจวผู้เขียนหลักของงานวิจัยชิ้นนี้ ก็เป็นผู้ที่ชื่นชอบในตัวเจย์  โจวเช่นกัน หมี่ในวัยไล่เลี่ยกับเจย์ โจว กล่าวว่าเขาเคยตั้งชื่องานที่ค้นพบจากลักษณะทางกายภาพของสัตว์ แต่ในปี 2022 เนื่องจากชื่อที่เขาตั้งนั้นไปซ้ำกับงานวิจัยชิ้นก่อนหน้าของคนอื่น ทำให้บทความของเขาไม่ได้รับการตีพิมพ์อย่างราบรื่น “ตั้งแต่นั้นมาผมจึงระมัดระวังมากขึ้นในการตั้งชื่อแมงมุม ครั้งนี้ผมจึงเลือกวิธีตั้งชื่อที่แตกต่างออกไปเพื่อป้องกันชื่อซ้ำ” หมี่กล่าว

หมี่กล่าวเสริมว่าการตีพิมพ์การค้นพบสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ 16 สายพันธุ์ในวารสารวิชาการพร้อมๆ กันนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนักวิจัยที่มีประสบการณ์หลายปี “ผมคุ้นเคยกับสายพันธุ์แมงมุมทั้งหมด แค่มองแวบเดียวก็สามารถบอกได้ว่าสายพันธุ์นั้นอยู่ในหมวดหมู่ใดและเป็นสายพันธุ์ใหม่หรือไม่”

ในสายตาของนักวิจัยแมงมุมชาวจีน สายพันธุ์แมงมุมมากมาย อันรวมถึงสายพันธุ์ที่เพิ่งค้นพบนี้ มีลักษณะเฉพาะที่น่าสนใจ เช่น แมงมุมตัวเมียโตเต็มวัยที่สามารถมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ได้หลายเท่า การค้นพบแมงมุมสายพันธุ์ใหม่จึงสะท้อนถึงความหลากหลายทางชีวภาพของจีน ตลอดจนความสำเร็จในการปกป้องระบบนิเวศ

หลังผลงานวิจัยนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หมี่กล่าวว่าเขารู้สึกพอใจกับความสำเร็จของทีมที่ทำให้ผลงานวิทยาศาสตร์ใกล้ชิดกับสาธารณชนมากขึ้น และหวังว่าผู้คนจะสนใจงานวิจัยของทีมและสนับสนุนการอนุรักษ์ธรรมชาติกันมากขึ้น

ชาวเน็ตจีนในโซเชียลยกให้หมี่เป็น “แฟนตัวพ่อ” ของเจย์ โจว และชมวิธีการตั้งชื่อแมงมุมสายพันธุ์ใหม่ของเขาว่าเป็นวิธีการตามดาราหรือศิลปินที่สุดแสนจะสร้างสรรค์ ขณะที่แฟนๆ ของเจย์ โจวหลายคนยังพบว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักร้องเพลงป๊อบรายนี้มีอิทธพิลต่อแวดวงวิทยาศาสตร์ เพราะเมื่อปี 2020 มีนักศึกษาปริญญาโทจากสถาบันธรณีวิทยาและบรรพชีวินวิทยาหนานจิง ได้ค้นพบไทรโลไบต์ (กลุ่มของสัตว์ทะลขาปล้อง) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ อายุประมาณ 500 ล้านปี และตั้งชื่อมันว่า “แฟนตาซี”  (Fantasy) เนื่องจากได้รับแรงบันดาลใจจากอัลบั้มที่สองของเจย์  โจว โดยนักวิจัยผู้นี้บอกกับสื่อว่าการตั้งชื่อดังกล่าวเป็นวิธีสุดโรแมนติกในการแสดงความยกย่องไอดอลของตน ขณะที่เมื่อปี 2009 นักดาราศาสตร์สมัครเล่น 4 คน ที่หลงใหลในเพลงของเจย์ โจว ก็ได้ค้นพบดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งและตั้งชื่อให้มันตามชื่อของเขา

ในแวดวงการวิชาการ การตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่หรือชนิดใหม่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาการทั่วไป และยึดถือหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น ชื่อจะต้องไม่ซ้ำกับชื่อของสายพันธุ์ที่มีอยู่เดิม และไม่ควรก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือความขุ่นเคืองใจ

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีพื้นที่สำหรับ “ความคิดสร้างสรรค์” เพราะการผสมผสานวิทยาศาสตร์เข้ากับความเป็นมนุษย์เป็นแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมในหมู่นักวิจัยทั่วโลก โดยเฉพาะนักวิจัยรุ่นใหม่ที่มีความสร้างสรรค์ในการตั้งชื่อ

ระหว่างการสำรวจใต้ทะเลลึกในปี 2019 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแอมฟิพอด (Amphipod) หรือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดจิ๋วในทะเลลึกชนิดใหม่ และตั้งชื่อมันว่า “โดโรเธีย” (Dorotea) ตามตัวละครที่งดงามและจิตใจดีในนวนิยายระดับโลกเรื่อง “ดอน กิโฆเต้” (Don Quixote) ในทำนองเดียวกัน เมื่อปี 2018 ก็มีหนอนทะเลลึกชนิดหนึ่งที่ถูกตั้งชื่อว่า “โฮดอร์ โฮดอร์” (Hodor hodor) เพื่อยกย่องตัวละครที่ได้รับความนิยมจากซีรีส์แฟนตาซีสัญชาติอเมริกันเรื่องเกมออฟโธรนส์ (Game of Thrones)

หนังสือพิมพ์จีนฉบับหนึ่งแสดงความเห็นว่าการนำเอาองค์ประกอบของเพลงป๊อปมาใส่ในชื่อของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ไม่เพียงแต่เป็นแนวทางที่น่าสนใจ แต่ยังช่วยดึงดูดให้ประชาชนหันมาสนใจวิทยาศาสตร์ และสร้างแรงบันดาลใจให้อยากออกไปสำรวจความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ

จีนเปิดตัวไฮสปีดเทรน 'ซีอาร์450' จ่อขึ้นแท่นเร็วสุดในโลก 450 กม./ชม.

(7 ม.ค. 68) บริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด ได้เปิดตัวต้นแบบรถไฟหัวกระสุน ซีอาร์450 (CR450) ที่จะวิ่งด้วยความเร็ว 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในกรุงปักกิ่ง

รายงานระบุว่ารถไฟหัวกระสุน ซีอาร์450 สามารถวิ่งด้วยความเร็ว 450 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในการทดสอบหลายรอบ ซึ่งตอกย้ำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีรถไฟของจีน

รถไฟรุ่นใหม่จะมีความเร็วในการเดินรถมากกว่ารถไฟความเร็วสูงฟู่ซิง ซีอาร์400 ที่ให้บริการในปัจจุบันอย่างมาก โดยรถไฟฟู่ซิง ซีอาร์400 วิ่งด้วยความเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

บริษัทฯ จะจัดการทดสอบรถไฟต้นแบบบนทางรถไฟเส้นทางต่างๆ และปรับปรุงตัวชี้วัดทางเทคนิค เพื่อรับประกันว่าซีอาร์450 จะได้ให้บริการเชิงพาณิชย์โดยเร็วที่สุด

ทำไมเด็กจีนถึงครองเวทีโลก เมื่อวินัยเหล็กสร้างความสำเร็จระดับโลก

(8 ม.ค. 68) สมภพ พอดี แห่งเฟซบุ๊ก Sompob Pordi ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวพูดถึงความสำเร็จของระบบการศึกษาจีน ความว่า ปัจจุบันชาวโลกที่เป็นปกติต่างยอมรับว่า จีนเป็นหนึ่งในชาติที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก แม้ว่าจะมีคนบางส่วนเยาะเย้ยและวิพากษ์วิจารณ์ว่าการศึกษาของจีนเน้นการท่องจำ ไม่ได้ส่งเสริมพัฒนาการทางความคิดสร้างสรรค์ และมุ่งปลูกฝังการเชื่อฟังคำสั่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พบในสังคมเผด็จการ  

ตั้งแต่ปี 2015 นครเซี่ยงไฮ้ได้เข้าร่วมการสอบวัดผล PISA ที่จัดโดยกลุ่มประเทศ OECD แม้ว่าบางคนจะมองว่าไม่มีประโยชน์ คะแนนเฉลี่ยของเซี่ยงไฮ้ในสามวิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน ครองอันดับ 1 ถึง 3 ติดต่อกันในช่วงสี่ปีแรก (จีนหยุดเข้าร่วมตั้งแต่ปี 2019 เนื่องจากโควิด)  

ค่านิยมแบบขงจื้อที่ให้ความสำคัญกับการศึกษามีบทบาทสำคัญต่อความทุ่มเทของนักเรียนและครอบครัวชาวจีน พวกเขามุ่งมั่นที่จะเรียนรู้เพื่อความเป็นเลิศทางการศึกษา นอกจากนี้ ระบบการศึกษาของจีนยังเน้นสร้างพื้นฐานความรู้ที่แข็งแกร่งในทุกระดับชั้น โดยไม่เน้นการแสดงความคิดเห็นที่ขาดความรู้ เมื่อผู้เรียนมีพื้นฐานความรู้ที่เพียงพอแล้ว พวกเขาสามารถนำไปประยุกต์ใช้และต่อยอดเพื่อสร้างความรู้ใหม่  

ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล เคยกล่าวว่า จีนดึงดูดบริษัทผู้ผลิตสินค้าไอทีเพราะมีช่างฝีมือและวิศวกรชั้นนำจำนวนมาก หากจัดประชุมวิศวกรด้านเครื่องมือในสหรัฐ ห้องประชุมห้องเดียวก็เพียงพอ แต่ถ้าทำในจีนต้องใช้สนามกีฬาขนาดใหญ่ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสล่าและสเปซเอ็กซ์ ยืนยันว่าเป็นความจริง  

เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซิริล รามาโฟซา เยี่ยมชมโรงงานของ BYD ซึ่งเป็นผู้นำด้านรถไฟฟ้าของจีน โดยมีวิศวกรมากถึงหนึ่งแสนคนทำงานอยู่ เขายิ่งประทับใจเมื่อทราบว่า BYD วางแผนเพิ่มจำนวนวิศวกรเป็นสองเท่าในสิบปีข้างหน้า  

จีนผลิตบัณฑิตระดับมหาวิทยาลัยกว่า 10 ล้านคนต่อปี โดยหนึ่งในสี่เป็นวิศวกรในหลากหลายสาขา การเข้ามหาวิทยาลัยในจีนต้องผ่านการสอบเกาเข่า ซึ่งเป็นการสอบที่เข้มข้นที่สุดในโลก จัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยทุกสิ่งในจีนจะหยุดชั่วคราวเพื่อให้เด็กนักเรียนกว่า 10 ล้านคนสอบอย่างไม่มีสิ่งรบกวน  

หมายเหตุ:  โรงเรียนจีนมีเครื่องแบบนักเรียน,โรงเรียนจีนกำหนดทรงผมนักเรียน, โรงเรียนจีนมีการบ้าน, โรงเรียนจีนมีการสอบวัดผล หากสอบไม่ผ่านต้องเรียนซ้ำชั้น  และไม่เคยมีคนจีนที่ต้องทุรนทุรายเพราะเครื่องแบบนักเรียน ทรงผมนักเรียน การบ้าน หรือการสอบวัดผล  

บทความนี้แปลและเรียบเรียงจาก "What makes Chinese students so successful by international standards?" โดย **The Straits Times** ของสิงคโปร์ วันที่ 21 ตุลาคม 2024  

หากไม่พอใจกับความสำเร็จของจีน อย่าบอกผม ติดต่อคนเขียนบทความนี้โดยตรงคือ **Peter Yongqi Gu** (ศาสตราจารย์ด้านภาษาที่มหาวิทยาลัยวิคตอเรีย นิวซีแลนด์) และ **Stephen Dobson** (ศาสตราจารย์และคณบดีคณะศิลปศาสตร์และการศึกษาที่มหาวิทยาลัย CQ ออสเตรเลีย) 

ค้นพบลิเทียมแหล่งใหม่ ทะยานสู่เบอร์ 2 มหาอำนาจลิเทียมโลก

(8 ม.ค. 68) จีนสร้างความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการสำรวจแร่ลิเทียม ส่งผลให้ปริมาณสำรองลิเทียมเพิ่มขึ้นจาก 6% เป็น 16.5% ของปริมาณสำรองโลก พร้อมขยับอันดับจากที่ 6 ขึ้นสู่อันดับ 2 ของโลก

กรมสำรวจธรณีวิทยาจีนเผยว่า หนึ่งในความสำเร็จสำคัญคือการค้นพบแหล่งแร่ลิเทียมชนิดสปอดูมีนขนาดใหญ่ที่ทอดยาวถึง 2,800 กิโลเมตรในพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศ นอกจากนี้ การสำรวจทะเลสาบเกลือบนที่ราบสูงชิงไห่-ซีจ้าง ยังทำให้จีนก้าวขึ้นเป็นฐานสำรองลิเทียมจากทะเลสาบเกลือใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

ลิเทียมมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน การสื่อสารเคลื่อนที่ และเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ โดยจีนยังสามารถพัฒนาเทคโนโลยีการสกัดลิเทียมจากเลพิโดไลต์ แร่ที่มีปริมาณลิเทียมสูงแต่สกัดได้ยาก

ผู้เชี่ยวชาญมองว่าความก้าวหน้าเหล่านี้จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า และสร้างความสมดุลในตลาดลิเทียมโลกได้ในอนาคต

ผุดไทยทาวน์ที่จางเจียเจี้ย สอนมวยไทย-ศูนย์วัฒนธรรม-ตลาดน้ำ 4 ภาค

(9 ม.ค. 68) สำนักงานส่งเสริมการลงทุนของเมืองจางเจียเจี้ย เขตหวู่เหลิงหยวน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีการจัดประชุมร่วมกับ นายศุภดล โฉมมงคล ประธานบริษัท พัทยาชาแนล จำกัด นายศักดา เจริญบุญมา ประธานบริษัท เจ บี เอ็ม เอ จำกัด และนางนุชนารถ เจริญบุญมา

เพื่อร่วมหารือในข้อตกลงการทำสัญญาสิทธิในการใช้พื้นที่ของเมืองจางเจียเจี้ย ขนาด 800,000 ตารางเมตร เพื่อทำโครงการไทยทาวน์ งบประมาณลงทุน จำนวน 21,000 ล้านบาท ที่เมืองจางเจียเจี้ย เขตหวู่เหลิงหยวน สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเร็วๆนี้

โดยนางได๋ เซียวเฝิน ผอ.ส่งเสริมการลงทุนและรองเลขาธิการสภาประชาชนเมืองจางเจียเจี้ย กล่าวในที่ประชุมว่า ยินดีต้อนรับคณะจากบริษัทพัทยา ชาแนล จำกัด และบริษัท เจ บี เอ็ม เอ ดิวิล็อปเมนท์ (ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งมีนายศุภดล และนายศักดา พร้อมคณะ มาประชุมหารือเพื่อร่างเงื่อนไขสัญญาในการลงทุนทำโครงการไทยทาวน์ ณ เมืองจางเจียเจี้ย ซึ่งเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเดือนละประมาณ 7,000,000 คน

มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีการพัฒนาพื้นที่ของเมืองจางเจียเจี้ยไทยทาวน์ขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องด้วยจีนและไทยมีความสัมพันธ์และมิตรกันมายาวนาน

ด้านนายศุภดล กล่าวอธิบายโครงสร้างของโครงการเมืองจางเจียเจี้ยไทยทาวน์ว่า จะมี สวนสัตว์ และสวนสนุก, เวทีแข่งขันกีฬามวยไทยมาตรฐาน, โรงเรียนสอนศิลปะมวยไทย, ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมมวยไทย, ตลาดน้ำ 4 ภาค, สวนอาหารไทย, บูธสินค้าไทย 500 บูธ และลานแสดงคอนเสิร์ต

นายศักดา กล่าวว่า สืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ โดยหลัก 5 F ทางบริษัท เจ บี เอ็ม เอ ดำเนินกิจการด้านกีฬามวยไทยร่วมกับศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก มวยไทยลุมพินี สังกัดกองทัพบก ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านกีฬามวยไทย จึงคิดว่าจะใช้ศิลปวัฒนธรรมมวยไทยเป็นสื่อนำ ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับเมืองจางเจียเจี้ยได้มากขึ้น

อีกทั้งเป็นการเผยแพร่กีฬามวยไทยให้แพร่หลายมากขึ้นในประเทศจีน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมมือจากรัฐบาลเมืองจางเจียเจี้ยเพื่อให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

จีนเริ่มแคนเซิลทัวร์มาไทยช่วงตรุษจีน หวั่นถูกจีนเทาลักพาตัวเหมือนกรณีซิงซิง

(10 ม.ค.68) เว็บไซต์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ สื่อฮ่องกงรายงานว่า นักท่องเที่ยวจีนหลายคนที่วางแผนจะเดินทางไปประเทศไทยในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ ได้แสดงความกังวลผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมตั้งคำถามตรงไปตรงมาหลังเกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับนักแสดงจีน 'หวังซิง' (Wang Xing) ซึ่งหายตัวไปหลังจากเดินทางมาถึงประเทศไทยจนกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่หลายฝ่ายจับตาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

หวังซิง ก่อนหน้านี้เขาเป็นนักแสดงที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จนกระทั่งเหตุการณ์หายตัวไปของเขากลายเป็นข่าวดัง ชื่อของเขาได้ปรากฏในการค้นหาอันดับต้น ๆ บนสื่อโซเชียลมีเดียของจีน

แม้การหายตัวไปของเขา ทางด้านเจ้าหน้าที่ไทยได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วท่ามกลางการจับตามองจากสาธารณะ โดยสามารถช่วยเหลือหวังซิงออกมาจากกลุ่มขบวนการสแกมเมอร์ ในเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนไทยกับเมียนมาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เขาถูกมองว่าเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์และถูกพบในสภาพอิดโรย พร้อมถูกโกนหัวตามภาพที่ถูกเผยแพร่

เหตุการณ์นี้ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กำลังจะเดินทางมาประเทศไทยในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังใกล้เข้ามาเป็นอย่างมาก

บนแพลตฟอร์ม Xiaohongshu หรือ 'Little Red Book' หรือที่รู้จักกันในฐานะ Instagram ของจีน มีการค้นหาคำว่า 'How do I cancel my Thailand trip?' พบโพสต์มากกว่า 380,000 โพสต์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ชาวนา หลี่ (Shawna Li) หญิงสาวจากมณฑลเจ้อเจียงในจีน กล่าวว่าตนเองและเพื่อนหญิงสามคนวางแผนจะเดินทางไปประเทศไทยในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 28 มกราคมถึง 4 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ แต่เมื่อทราบข่าวเกี่ยวกับหวังซิง พวกเธอจึงตกลงใจที่จะยกเลิกการเดินทาง

"เราเปลี่ยนใจเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อเราทั้งสี่เป็นผู้หญิงที่เดินทางไปด้วยกัน" เธอกล่าว "ฉันไม่เคยไปประเทศไทยมาก่อน เคยได้ยินว่ามีราคาถูกและสนุก ฉันเคยคิดว่าอาจจะไม่ปลอดภัยบ้าง แต่ไม่ถึงขนาดนี้"

ผู้จัดการของตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำของจีนอย่าง Ctrip สาขาในเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า ประสบการณ์ของหวังซิงส่งผลให้จำนวนการจองเที่ยวบินไปประเทศไทยลดลง

ผู้จัดการ Ctrip เผยว่าจนถึงขณะนี้ มีทัวร์ไปประเทศไทยเพียงทริปเดียวที่กำหนดจะออกเดินทางก่อนสิ้นเดือนนี้ โดยมีผู้ร่วมทริปเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น "ในระยะสั้น เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการเดินทาง" ผู้จัดการกล่าว

สื่อฮ่องกงยังตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการอย่างรวดเร็วของตำรวจไทยต่อกรณีหวังซิง มีขึ้นหลังการเรียกร้องของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ให้ปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้และจำกัดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับภาคการท่องเที่ยวของไทย หลังจากที่ข่าวเกี่ยวกับการหายตัวของหวังซิงเผยแพร่ไปทั่ว

หลังจากที่หวังซิงได้รับการช่วยเหลือในวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ไทยได้ถามเขาต่อหน้าสื่อเพื่อให้แสดงความพร้อมที่จะกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง

หวังซิงซึ่งสวมหมวกสีดำปิดบังใบหน้า ยืนยันด้วยคำพูดทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนว่า "ประเทศไทยยังคงปลอดภัย และผมจะกลับมาอีก"

มีรายงานว่า จำนวนการเยือนของนักท่องเที่ยวชาวจีนในประเทศไทยอาจลดลงระหว่าง 10 ถึง 20% ในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ตามการประเมินของสมาคมตัวแทนการท่องเที่ยวไทย (ATTA)

โดยในปี 2024 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยถึง 6.73 ล้านคน ซึ่งจีนเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ตามข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ทั้งนี้ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีจำนวนชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่ถูกล่อลวงไปเข้าร่วมขบวนการสแกมเมอร์ที่ดำเนินการในภาคเหนือของเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทางการจีนเคยเผยข้อมูลเมืองปี 2023 ประเมินว่ามีชาวจีนราว 100,000 คน ที่ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานเป็นสแกมเมอร์บริเวณชายแดนไทยเมียนมา

‘จีน’ ค้นพบแหล่ง ‘แร่ยูเรเนียม’ ขนาดใหญ่ในพื้นที่จิงชวน ส่งผลให้ทรัพยากรยูเรเนียมของจีน เพิ่มขึ้นอย่างมาก

(12 ม.ค. 68) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของจีน ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ประกาศในวันนี้ (10 ม.ค.) ว่า มีการค้นพบครั้งสำคัญในการสำรวจแร่ยูเรเนียมในพื้นที่จิงชวนของแอ่งออร์ดอส (Ordos Basin) ซึ่งถือเป็นแหล่งแร่ยูเรเนียมขนาดใหญ่พิเศษแห่งแรกที่ถูกค้นพบในภูมิภาคอันเต็มไปด้วยหินทรายที่เกิดจากการทับถมด้วยลม

นอกเหนือจากพื้นที่ 200,000 ตารางกิโลเมตรในแอ่งออร์ดอสแล้ว ธรณีสัณฐานดังกล่าวยังพบได้ทั่วไปในพื้นที่อื่น ๆ ที่มีชั้นหินอันเป็นแหล่งกำเนิดน้ำมัน เช่น แอ่งทาริม (Tarim) จุงการ์ (Junggar) และซ่งเหลียว (Songliao)

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การค้นพบแหล่งแร่ยูเรเนียมจิงชวนจะเปิดโอกาสให้มีการสำรวจยูเรเนียมในจีนมากขึ้น และช่วยรับประกันความมั่นคงของจีนในด้านทรัพยากรยูเรเนียม

โฆษกรัฐบาลจีนปัดข่าวลือไวรัสปริศนา ยืนยันนักเดินทางมาเที่ยวยังปลอดภัย

(13 ม.ค. 68) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวว่าขนาดและระดับความรุนแรงของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจโดยรวมในจีนนั้นต่ำกว่าปีที่แล้ว และฝ่ายจีนจะเดินหน้าดำเนินการตามจำเป็นเพื่อรับรองความสะดวกสบายและความปลอดภัยสำหรับนักเดินทางจีนและนักเดินทางต่างชาติในจีน

เมื่อไม่นานนี้ หลายฝ่ายให้ความสนใจอย่างมากต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส (HMPV) ในจีน โดยนักเดินทางบางส่วนกังวลถึงความปลอดภัยในการเดินทางไปจีน และยังมีคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับ “ไวรัสปริศนาในจีน” แพร่อยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต

กัวเจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน โดยระบุว่าหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่กล่าวว่าเอชเอ็มพีวีไม่ใช่ไวรัสชนิดใหม่ แต่มีการแพร่ระบาดในมนุษย์มานานอย่างน้อย 60 ปีแล้ว และเป็นไวรัสทั่วไปที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน

กัวเผยว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสเอชเอ็มพีวีนั้นสามารถหายได้เอง การเรียกไวรัสทั่วไปชนิดนี้ว่าเป็นไวรัสปริศนาจึงขัดกับหลักวิทยาศาสตร์พื้นฐานและเป็นการปลุกปั่นความกลัว

รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชนจีนและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในจีน หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่และหน่วยงานด้านเทคนิคของจีนได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันต่างๆ และเผยแพร่ผลการเฝ้าระวังแล้ว

กัวเผยว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมโรคของจีนแจ้งให้สาธารณชนทราบหลายครั้งแล้วว่าควรใช้มาตรการป้องกันตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างไร นอกจากนี้ จีนและองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังติดต่อสื่อสารกันอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ และแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจอย่างทันท่วงที

จีนให้คำมั่นลุยปราบแก๊งมิจฉาชีพข้ามชาติ หลังพบเหยื่อชาวจีนถูกขังในเมียนมา

กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธ (15 ม.ค.68) ระบุว่า จีนจะยกระดับความพยายามในการช่วยเหลือพลเมืองจีนที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ซึ่งหลอกลวงพวกเขาไปยังประเทศต่าง ๆ รวมถึงเมียนมา ตามรายงานจากสำนักข่าว CCTV ซึ่งเปิดเผยว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศได้หลอกลวงชาวจีนด้วยข้อเสนอการทำงานที่มีรายได้สูง พร้อมที่พัก อาหาร และค่าโดยสารเครื่องบิน ก่อนที่ผู้ถูกหลอกจะถูกกักขังในศูนย์หลอกลวงทางโทรคมนาคมในเมืองต่าง ๆ เช่น เมียวดี ซึ่งตั้งอยู่ที่ชายแดนเมียนมากับไทย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แถลงการณ์นี้ออกมาในช่วงที่เกิดกรณีการหายตัวไปของนักแสดงจีนในจังหวัดตากของไทย ซึ่งตำรวจไทยคาดว่าเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์

จีนกล่าวว่าจะเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในประเทศอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือพลเมืองที่ถูกกักขัง และจะดำเนินการอย่างจริงจังในการกวาดล้างศูนย์หลอกลวงด้านโทรคมนาคมและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ดำเนินการในต่างประเทศ

รายงานยังเผยถึงการร่วมมือกับทางการเมียนมาในปี 2566 เพื่อล้มล้างกลุ่มมาเฟียเชื้อสายจีน 'กลุ่มสี่ตระกูลโกก้าง' ที่มีการดำเนินการในบริเวณชายแดนเมียนมากับมณฑลยูนนานของจีน

นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้ว ไทยได้ให้ความช่วยเหลือในการส่งตัวชาวจีนกว่า 900 คน ที่ถูกกักขังในศูนย์หลอกลวงที่เมืองเมียวดีกลับประเทศ ขณะที่เมียนมาในปี 2566 ได้ส่งตัวผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับการหลอกลวงทางโทรคมนาคมมากกว่า 31,000 คนกลับจีน

ตามข้อมูลจากสื่อของรัฐบาลจีน ช่วงนั้นพบว่ามีศูนย์หลอกลวงทางโทรคมนาคมในเมียนมามากกว่า 1,000 แห่ง และมีผู้คนกว่า 100,000 คนที่ถูกหลอกลวงในแต่ละวัน

นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีนได้พบปะกับผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเรียกร้องให้มีการร่วมมือกันในด้านการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน รวมถึงการพนันออนไลน์และการหลอกลวงทางโทรคมนาคม

‘ทรัมป์ – สีจิ้นผิง’ ต่อสายพูดคุย!! เดินหน้าความสัมพันธ์ เพื่อ 'จีน – สหรัฐฯ – โลก’ บนเส้นทาง การพัฒนาการค้า

(18 ม.ค. 68) ‘สำนักข่าวซินหัว’ รายงานว่า ‘สีจิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ตามคำเชิญของทรัมป์ โดยสีจิ้นผิงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการแสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง

สีจิ้นผิงชี้ว่าทั้งเขาและทรัมป์ต่างให้ความสำคัญกับการรักษาปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่ายอย่างยิ่ง หวังว่าสายสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ จะมีจุดเริ่มต้นที่ดีในวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ และพร้อมผลักดันความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นจากจุดเริ่มต้นใหม่

สีจิ้นผิงเน้นย้ำว่าทั้งจีนและสหรัฐฯ กำลังไล่ตามความฝันของตัวเองและมุ่งมั่นทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดียิ่งขึ้น โดยจีนและสหรัฐฯ มีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายและพื้นที่กว้างขวางสำหรับความร่วมมือ ทั้งสองประเทศสามารถเป็นหุ้นส่วนและมิตรสหาย มีส่วนส่งเสริมความสำเร็จของอีกฝ่าย และประสบความเจริญรุ่งเรืองอันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและโลกทั้งใบ

สีจิ้นผิงกล่าวว่าสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงคือจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสองประเทศใหญ่ที่มีสภาพการณ์แตกต่างกัน ย่อมต้องมีข้อแตกต่างไม่ตรงกันบางประการ ทว่ากุญแจสำคัญคือการเคารพผลประโยชน์หลักและข้อวิตกกังวลของอีกฝ่าย และแสวงหาหนทางอันเหมาะสมต่อการแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ

สีจิ้นผิงเสริมว่าปัญหาไต้หวันเกี่ยวข้องกับอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน ซึ่งจีนหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะดำเนินการด้วยความระมัดระวัง 

สีจิ้นผิงกล่าวว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ มีลักษณะของการได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ดังนั้นการปะทะคะคานและความขัดแย้งมิควรเป็นตัวเลือกของสองประเทศ

สีจิ้นผิงเรียกร้องทั้งสองฝ่ายยกระดับความร่วมมือ รวมถึงทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นรูปธรรม และดีงามยิ่งขึ้น ซึ่งเกื้อหนุนสองประเทศและโลกบนหลักการเคารพซึ่งกันและกัน การดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ เพื่อรักษาทิศทางของเรือลำยักษ์ทั้งสองอย่างจีนและสหรัฐฯ แล่นไปข้างหน้าบนเส้นทางการพัฒนาที่มีเสถียรภาพอันดีและยั่งยืน

ด้านทรัมป์ขอบคุณสีจิ้นผิงสำหรับการแสดงความยินดี กล่าวว่าเขาเชิดชูความสัมพันธ์อันดีของเขากับสีจิ้นผิง คาดหวังว่าจะเดินหน้าการพูดคุยสื่อสารต่อไป และรอคอยจะได้พบสีจิ้นผิงโดยเร็ววัน พร้อมเสริมว่าสหรัฐฯ และจีนเป็นกลุ่มประเทศสำคัญที่สุดในโลกวันนี้ ซึ่งควรรักษามิตรภาพอันยืนยาวและทำงานร่วมกันเพื่อคุ้มครองสันติภาพของโลก

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงและทรัมป์ได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประเด็นสำคัญอันเป็นที่วิตกกังวลร่วมกันในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เช่น วิกฤตยูเครน และความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ รวมถึงเห็นพ้องจะจัดตั้งช่องทางการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์และพูดคุยสื่อสารประเด็นสำคัญอันเป็นที่วิตกกังวลร่วมกันเป็นประจำ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top