Tuesday, 10 June 2025
จีน

นายกฯกัมพูชายัน 'คลองฟูนันเตโช' ไร้ปัญหาเรื่องเงินกับจีน แม้เริ่มก่อสร้าง 3 เดือนแต่ไร้คืบ

(28 พ.ย. 67) นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ปฏิเสธรายงานข่าวจากสื่อต่างประเทศที่ระบุว่า โครงการเมกะโปรเจกต์คลองฟูนันเตโช ซึ่งกัมพูชาร่วมทุนกับจีน และเริ่มการก่อสร้างไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว กำลังเผชิญปัญหาการเงินจากการที่รัฐบาลจีนลดขนาดการลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในจีนที่อ่อนแอลง แม้กัมพูชาจะเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของจีน

ฮุน มาเนต ระบุว่า โครงการนี้ไม่มีอะไรที่จะขัดขวางการดำเนินงานได้ และรัฐบาลของเขากำลังดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยปฏิบัติตามคำสั่งที่ชัดเจนเพื่อจำกัดผลกระทบต่อประชาชนในระดับรากหญ้า กัมพูชายังมีหุ้นส่วนสำรองหลายรายที่พร้อมจะช่วยดูแล หากโครงการใดล้มเหลว พร้อมทั้งยืนยันว่ากลุ่มทำงานยังคงดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

คำกล่าวของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต สอดคล้องกับคำยืนยันของรองนายกรัฐมนตรีซุน จันทอล ประธานคณะกรรมาธิการพิเศษโครงการก่อสร้างคลองฟูนันเตโช ซึ่งกล่าวว่าโครงการยังคงดำเนินไปตามแผน และได้ปฏิเสธรายงานจากสื่อต่างประเทศที่ระบุว่าโครงการล่าช้าเนื่องจากปัญหาทางการเงินของจีน

โครงการคลองฟูนันเตโชมีแผนจะเริ่มเปิดใช้งานในช่วงต้นปี 2028 โดยมีงบการลงทุนมูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 58,000 ล้านบาท คิดเป็น 4% ของจีดีพีกัมพูชา โดยในตอนแรกรัฐบาลกัมพูชาประกาศว่าจีนจะเป็นผู้ช่วยเหลือการลงทุนทั้งหมด แต่ภายหลังมีการแก้ไขเป็นจีนจะออกเงินช่วยเหลือ 49% และบริษัทต่าง ๆ ของกัมพูชาจะเป็นผู้รับผิดชอบต้นทุนที่เหลือ 51%

แม้โครงการเริ่มต้นด้วยพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว แต่ความคืบหน้าในโครงการต่างๆ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะสถานที่จัดพิธีที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง และมีการรายงานถึงปัญหาด้านเงินทุนที่ไม่ตรงกันระหว่างจีนและกัมพูชา รวมถึงความกังวลของจีนที่มีต่อโครงการนี้

ก่อนหน้านี้ รอยเตอร์ส (Reuters) รายงานว่า เนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่ซบเซา รัฐบาลจีนได้ลดขนาดการลงทุนในต่างประเทศลง แม้ในประเทศที่จีนมองว่าเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เช่น กัมพูชา ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ากัมพูชามีหนี้สินกับจีนถึงหนึ่งในสามของหนี้ทั้งหมด

คาดว่าในปี 2026 จีนจะระดมทุนให้กับกัมพูชาน้อยลง โดยลดจาก 240 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 เหลือเพียง 35 ล้านดอลลาร์ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวทางการ ซึ่งในครึ่งแรกของปี 2024 กัมพูชายังไม่ได้รับเงินกู้ใหม่จากจีนเลย

สำหรับโครงการคลองฟูนันเตโชถือเป็นเมกะโปรเจกต์สำคัญที่นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตต้องการผลักดัน โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากแม่น้ำโขงผ่านกรุงพนมเปญไปยังอ่าวไทย ลดการพึ่งพาการขนส่งทางทะเลจากเวียดนาม คลองนี้จะมีความกว้าง 100 เมตร ลึก 5.4 เมตร และยาว 180 กิโลเมตร คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งได้ถึง 16%

โครงการนี้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2024 ด้วยพิธีวางศิลาฤกษ์ โดยตรงกับวันคล้ายวันเกิดของฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ผู้ริเริ่มโครงการนี้และถูกสานต่อมาในรัฐบาลรุ่นลูก

จีนเปิดหมวดการศึกษาพิเศษ ให้นักเรียนพิการเข้าตำราบนโลกดิจิทัล

(4 ธ.ค. 67) ซินหัวรายงานว่า แพลตฟอร์มการศึกษาอัจฉริยะระดับชาติสำหรับการเรียนการสอนระดับประถมและมัธยมของจีนเปิดหมวดการศึกษาพิเศษเมื่อวันอังคาร (3 ธ.ค.) ซึ่งตรงกับวันคนพิการสากล

กระทรวงศึกษาธิการของจีนระบุว่าหมวดการศึกษาพิเศษเป็นแหล่งทรัพยากรดิจิทัลสำหรับโรงเรียน ครู นักเรียน และผู้ปกครอง มีเป้าหมายสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ทางดิจิทัลที่มีคุณภาพสูง ครอบคลุม และเหมาะสมกับนักเรียนพิการ

ผู้สอนและผู้ปกครองสามารถเข้าถึงกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ เอกสารนโยบาย และแผนการพัฒนาฉบับล่าสุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการศึกษาพิเศษ และครูในการศึกษาพิเศษสามารถขอรับสื่อดิจิทัลที่ครอบคลุมหลักสูตรฝึกอบรมระดับชาติ รวมถึงกรณีศึกษาและกลยุทธ์การสอนจากทั่วประเทศ

แพลตฟอร์มนี้ยังนำเสนอตำราฉบับอิเล็กทรอนิกส์และทรัพยากรวิดีโอใหม่ล่าสุดสำหรับการศึกษาพิเศษ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับงานและกิจกรรมที่ส่งเสริมนวัตกรรมการเรียนการสอน

กระทรวงฯ เผยว่าการเปิดหมวดการศึกษาพิเศษเป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้ายุทธศาสตร์การศึกษาดิจิทัลระดับชาติและอุดช่องโหว่ทางดิจิทัลของนักเรียนพิการของจีน โดยแผนริเริ่มนี้มุ่งรับรองว่านักเรียนทุกคนมีโอกาสเติบโต มีส่วนส่งเสริมสังคม และทำฝันเป็นจริง ไม่ว่าเผชิญความท้าทายใดๆ

อนึ่ง จีนมีนักเรียนพิการราว 9.12 แสนคนในปี 2023

จีนร้องมหาวิทยาลัยผุดวิชาความรัก สอนคนรุ่นใหม่ หวังแก้วิกฤตประชากรหดตัว

(4 ธ.ค. 67) รัฐบาลจีนเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ในประเทศจัดการสอน “วิชาความรัก” (Love education) เพื่อส่งเสริมทัศนคติที่ดีต่อการแต่งงาน ความรัก การมีบุตร และครอบครัว โดยหวังว่าจะช่วยกระตุ้นอัตราการเกิดที่ลดลงของประเทศ

จีนกำลังเผชิญกับการลดลงของอัตราการเกิด ซึ่งทำให้ต้องมีมาตรการต่างๆ เพื่อดึงดูดคู่รักวัยหนุ่มสาวให้มีบุตรมากขึ้น หลังจากที่ในปี 2023 จีนรายงานว่าประชากรลดลงเป็นปีที่สองติดต่อกัน

แม้จีนจะมีประชากรมากเป็นอันดับสองของโลกที่ 1.4 พันล้านคน แต่ประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสร้างภาระทางการเงินและกระทบเศรษฐกิจในอนาคต

เรื่องดังกล่าวส่งผลให้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สภาแห่งรัฐหรือคณะรัฐมนตรีได้รวบรวมข้อมูลจากรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อจัดสรรทรัพยากรเพื่อแก้ไขปัญหาการลดลงของประชากรจีนและเผยแพร่ความเคารพต่อการมีบุตรและการแต่งงาน "ในวัยที่เหมาะสม" แม้ว่านักประชากรศาสตร์จะกล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่น่าจะโดนใจชาวจีนรุ่นเยาว์ก็ตาม

จากการสำรวจของไชน่า ป็อปปูเลชั่น นิวส์ พบว่า แม้นักศึกษามหาวิทยาลัยจะเป็นความหวังสำคัญในการเพิ่มอัตราการเกิด แต่พวกเขาเหล่านี้กลับมีมุมมองต่อการแต่งงานและความรักที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยประมาณ 57% ของนักศึกษามหาวิทยาลัยไม่ต้องการมีความรัก เพราะพวกเขารู้สึกไม่สามารถจัดสรรเวลาให้กับการเรียนและความรักได้อย่างลงตัว 

นอกจากนี้ สื่อทางการจีนเสริมว่า เนื่องจากขาด “การศึกษาเรื่องการแต่งงานและความรักที่เป็นระบบและเป็นวิทยาศาสตร์ ทำให้นักศึกษามีความเข้าใจที่คลุมเครือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางอารมณ์”

การขาดการศึกษาเกี่ยวกับการแต่งงานและความรักที่เป็นระบบทำให้นักศึกษามีความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางอารมณ์ที่ไม่ชัดเจน ดังนั้น มหาวิทยาลัยควรจัดการสอนนักศึกษาชั้นปีแรกเกี่ยวกับสถานการณ์ประชากรและแนวคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับการแต่งงานและการมีบุตร ขณะที่นักศึกษาชั้นปีสูงและนักศึกษาปริญญาโทสามารถเรียนรู้ผ่านการวิเคราะห์กรณีศึกษา การอภิปรายกลุ่มเกี่ยวกับการรักษาความสัมพันธ์ และการสื่อสารระหว่างเพศ

หลักสูตรดังกล่าวจะช่วยให้นักศึกษาเข้าใจเรื่องการแต่งงานและความรักอย่างถูกต้อง และสามารถจัดการความสัมพันธ์ได้ดีขึ้น

รัฐบาลจีนมองว่า มหาวิทยาลัยมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศทางวัฒนธรรมที่ดีและบวกเกี่ยวกับการแต่งงานและการมีบุตร ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างครอบครัวในวัยที่เหมาะสม

ทรัมป์เสนอตั้ง 'เดวิด เปอร์ดู' นั่งทูตมะกันในปักกิ่ง อดีตสว.ผู้หนุนชาติเอเชียเป็นฐานผลิตสินค้านอกจีน

(6 ธ.ค.67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่แถลงการณ์เสนอชื่อนายเดวิด เปอร์ดู นักธุรกิจและอดีตวุฒิสมาชิกจากรัฐจอร์เจีย ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีนคนใหม่ โดยขั้นตอนต่อไปนายเปอร์ดูจะต้องผ่านการพิจารณาคุณสมบัติจากวุฒิสภาเสียก่อน  

“ผมขอประกาศว่า อดีตวุฒิสมาชิกสหรัฐ เดวิด เปอร์ดู ได้ตอบรับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน คนต่อไป ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีในวงการธุรกิจระหว่างประเทศในฐานะผู้บริหารบริษัท Fortune 500 และการทำหน้าที่ในวุฒิสภาสหรัฐ เขาจึงมีคุณสมบัติโดดเด่นที่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเราและจีน” ทรัมป์ระบุ

หากวุฒิสภาให้การอนุมัติ เปอร์ดู วัย 74 ปี เขาจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการบริหารและจัดการความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ท่ามกลางสถานการณ์ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดความตึงเครียดทางการค้ามากขึ้น เนื่องจากทรัมป์เคยประกาศชัดเจนว่า จะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราขั้นต่ำ 10% และอาจสูงถึง 60% ตั้งแต่วันแรกที่กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี  

สำรับประวัติของเปอร์ดู เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำธุรกิจในเอเชียเป็นอย่างดี เคยอาศัยอยู่ในฮ่องกงและสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นของเขาแตกต่างจากทรัมป์ในประเด็นสำคัญหนึ่ง คือ เปอร์ดูสนับสนุนการใช้ชาติในเอเชียนอกประเทศจีนเป็นฐานการผลิตสินค้าบางชนิดเพื่อลดต้นทุนด้วยค่าแรงที่ถูกกว่า ในขณะที่ทรัมป์มุ่งเน้นให้สหรัฐผลิตสินค้าเองให้มากที่สุด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

ทรัมป์ยังระบุเพิ่มเติมว่า ในฐานะสมาชิกพรรครีพับลิกันเพียงคนเดียวที่เคยทำงานในคณะกรรมการด้านการทหารและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภา เปอร์ดูจะมีบทบาทสำคัญในการดำเนินกลยุทธ์เพื่อรักษาสันติภาพในภูมิภาค และสร้างความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพกับผู้นำจีน 

UNESCO ขึ้นทะเบียน มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้

(6 ธ.ค.67) ซินหัวรายงานว่า องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'เทศกาลตรุษจีน' เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นการยกย่องถึงความสำคัญของพิธีกรรมและองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับวิถีชีวิตของชาวจีน

รายงานระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลด้านการคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ สมัยที่ 19 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-7 ธันวาคม ณ ประเทศปารากวัย ได้มีมติรับรองเทศกาลตรุษจีนเข้าสู่รายการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยยูเนสโกเน้นย้ำถึงความหลากหลายของกิจกรรมทางสังคมในเทศกาลนี้ อาทิ การกราบไหว้ขอพร การรวมตัวของสมาชิกในครอบครัว และงานเฉลิมฉลองในชุมชน  

ยูเนสโกระบุว่า ขนบธรรมเนียมดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลตรุษจีนถูกส่งต่อทั้งในรูปแบบไม่เป็นทางการผ่านครอบครัว และในรูปแบบทางการผ่านระบบการศึกษา นอกจากนี้ ทักษะงานฝีมือและศิลปะที่เกี่ยวข้องยังถูกส่งต่อผ่านการฝึกฝน ส่งเสริมคุณค่าของความสมานฉันท์ในครอบครัว สังคม และสันติภาพ  

คณะกรรมการฯ ชี้ว่า เทศกาลตรุษจีนเป็นตัวอย่างที่ดีของการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ พร้อมทั้งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านต่าง ๆ เช่น ความมั่นคงทางอาหาร การศึกษา และการเพิ่มความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม  

เหราเฉวียน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน กล่าวว่า เทศกาลตรุษจีนเป็นวันสำคัญที่สะท้อนถึงความหวังในชีวิตที่ดีขึ้นของชาวจีน เชื่อมโยงกับคุณค่าของความกลมกลืนในครอบครัวและสังคม รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ  

การขึ้นทะเบียนครั้งนี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมคุณค่าของสันติภาพและความสามัคคีในระดับสากล แต่ยังเป็นการตอกย้ำบทบาทสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในการพัฒนาที่ยั่งยืนของมนุษยชาติ  

ปัจจุบัน จีนมีรายการมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโกแล้วจำนวน 44 รายการ

ปักกิ่งคว่ำบาตร 13 บริษัทยุทโธปกรณ์สหรัฐ สั่งห้ามส่งออกวัตถุดิบผลิตชิปและอาวุธให้มะกัน

(6 ธ.ค.67) กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ประกาศการคว่ำบาตรบริษัททหารของสหรัฐฯ จำนวน 13 แห่ง เพื่อเป็นการตอบโต้การขายอาวุธของสหรัฐฯ ให้กับไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนและทำลายอธิปไตยของตนอย่างรุนแรง โดยการคว่ำบาตรนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนคัดค้านอย่างหนักต่อการที่สหรัฐฯ อนุมัติการขายชิ้นส่วนอะไหล่และการสนับสนุนเครื่องบิน F-16 และเรดาร์ให้กับไต้หวัน มูลค่ากว่า 385 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

บริษัทที่ถูกคว่ำบาตร ได้แก่ Teledyne Brown Engineering, Brinc Drones, Shield AI การคว่ำบาตรบริษัทดังกล่าวยังส่งผลให้บริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบในฐานะไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบในการผลิตได้ อาทิ Rapid Flight, Red Six Solutions, Synexxus, Firestorm Labs, Kratos Unmanned Aerial Systems, HavocAI, Neros Technologies, Cyberlux Corporation, Domo Tactical Communications และ Group W

นอกจากนี้ จีนยังได้อายัดทรัพย์สินของผู้บริหารระดับสูงจาก 5 บริษัท รวมทั้ง Raytheon, BAE Systems และ United Technologies ที่ดำเนินธุรกิจในจีน และห้ามไม่ให้บุคคลเหล่านี้เข้าประเทศจีน พร้อมทั้งห้ามองค์กรและบุคคลในจีนทำธุรกิจกับพวกเขาด้วย

จีนเตรียมเปิดสะพานหวงเหมา เชื่อมจูไห่-เจียงเหมิน ลดเวลาขนส่งครึ่งหนึ่ง

(11 ธ.ค. 67) ซินหัวรายงานว่า สะพานข้ามทะเลหวงเหมา หนึ่งในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของจีนในมณฑลกวางตุ้ง เตรียมเปิดให้บริการทดลองในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ สะพานนี้มีความยาวรวม 31 กิโลเมตร และเป็นเส้นทางเชื่อมเครือข่ายคมนาคมในเขตพื้นที่รอบอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า โดยจะช่วยลดเวลาเดินทางจากเมืองจูไห่ไปยังเมืองเจียงเหมินจากกว่า 1 ชั่วโมง เหลือเพียงประมาณ 30 นาที

สะพานข้ามทะเลหวงเหมาเริ่มต้นที่ตำบลผิงซา เมืองจูไห่ และสิ้นสุดที่ตำบลโตวซาน เมืองเจียงเหมิน มีส่วนข้ามทะเลยาว 14 กิโลเมตร ออกแบบเป็นทางด่วน 6 เลนไปกลับ รองรับความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นับเป็นโครงการข้ามทะเลแห่งแรกที่เริ่มก่อสร้างหลังการประกาศ "แผนพัฒนาเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า" ในปี 2020

สะพานนี้ประกอบด้วยสะพานหลัก 2 แห่ง ได้แก่ สะพานเกาหลานและสะพานหวงเหมาไห่ ซึ่งสะพานหวงเมาไห่ถือเป็นสะพานถนนที่สร้างบนตอม่อแบบสายเคเบิลที่มีช่วงกลางยาวที่สุดในโลก โครงสร้างสะพานได้รับการออกแบบให้ทนต่อแรงลม การเดินเรือ และแรงน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีเสริมความแข็งแกร่งแนวตั้งแบบสายเคเบิลกลาง ช่วยลดการยุบตัวของสะพานได้ถึง 39%

สะพานข้ามทะเลหวงเหมาจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายสะพานและทางข้ามทะเลอื่น ๆ เช่น สะพานจูเจียงฮวงผู่ สะพานหนานซา สะพานหู่เหมิน และสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายคมนาคมในเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและการเชื่อมต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค

ช่วงแรกของการเปิดให้บริการจะยกเว้นค่าผ่านทาง เพื่อสนับสนุนการใช้งานสะพาน โดยคาดว่าสะพานนี้จะช่วยขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการเชื่อมต่อในภูมิภาคให้มีความสะดวกและทันสมัยมากยิ่งขึ้น

ทุเรียนไทยครองใจจีน เจาะตลาดแผ่นดินใหญ่ยอดขายพุ่งต่อเนื่อง แม้มีคู่แข่งใหม่จากเวียดนามและมาเลเซีย

(13 ธ.ค.67) ซินหัวรายงานว่า ห้วงยามจีนเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจและเปิดกว้างอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุปสงค์ความต้องการทุเรียนของจีนเติบโตตามไปด้วยเช่นกัน โดยการนำเข้าทุเรียนของจีนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคมของปี 2024 มีการนำเข้าทุเรียนสดสูงเกิน 1.48 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบปีต่อปี

'ไทย' ประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้ส่งออกทุเรียนสู่จีน ยังคงครองตลาดทุเรียนในจีนด้วยสินค้าทุเรียนรสชาติหวานมันส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจผู้บริโภคชาวจีน แต่ขณะเดียวกันมีการนำเข้าทุเรียนจากเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ซึ่งกลายเป็นตัวเลือกใหม่ ๆ ของผู้บริโภคชาวจีน

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวซินหัวได้พูดคุยกับพ่อค้าคนกลาง ผู้ค้าปลีก ผู้บริโภค และนักวิจัยตลาดในจีน พบว่าทุเรียนไทยยังคงมีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใครและมีแนวโน้มรักษาตำแหน่ง 'ผู้นำ' ในตลาดจีนต่อไป หากมุ่งมั่นพัฒนาการควบคุมคุณภาพ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ วิธีทำการตลาด การเพาะปลูกสายพันธุ์ใหม่ และการอุดช่องโหว่ทางอุปทานอย่างต่อเนื่อง

“แม้ทุเรียนก้านยาวของเวียดนามจะราคาไม่แรง แต่ฉันยังชอบรสชาติและคุณภาพทุเรียนหมอนทองของไทยมากกว่า” ความคิดเห็นจากชาวเน็ตคนหนึ่งบนสื่อสังคมออนไลน์จีน ซึ่งมีชาวเน็ตจีนคนอื่นๆ เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก ขณะกลุ่มลูกค้าที่เลือกซื้อทุเรียนในร้านผลไม้เผยว่าพวกเขาคุ้นเคยกับรสชาติของหมอนทองมานานและรู้สึกว่าพันธุ์อื่น ๆ มีรสชาติไม่ค่อยถูกปาก

หลิวเป่าเฟิง พ่อค้าคนกลางคนหนึ่ง กล่าวว่าไทยเป็นประเทศเดียวที่นำเข้าทุเรียนสดสู่จีนมานานถึง 20 ปี โดยทุเรียนหมอนทองมีรสชาติหวานละมุนจนผู้คนติดใจเป็นแฟนคลับ

หากพิจารณาจากฤดูการผลิต ทุเรียนเวียดนามเพียงช่วยเติมเต็มช่องว่างการบริโภคทุเรียนในตลาดจีน ส่วนทุเรียนมาเลเซียที่ถูกนำเข้าสู่จีนครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2024 แตกต่างจากทุเรียนไทยและทุเรียนเวียดนามในด้านการเก็บเกี่ยว

การเก็บเกี่ยวทุเรียนมาเลเซียจะต้องรอให้ผลผลิตสุกและตกหล่นลงมาจากต้นเอง รวมถึงทุเรียนมาเลเซียมีกลิ่นและรสชาติเข้มข้นกว่า โดยการต้องรอให้ทุเรียนสุกตามธรรมชาตินี้ทำให้การขนส่งมีข้อกำหนดมากขึ้น นำสู่การมีราคาสูงขึ้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ผู้บริโภคชาวจีนจึงยังไม่นิยมทุเรียนมาเลเซียเป็นวงกว้าง

ทุเรียนไทยยังคงมีฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ในจีน นี่เป็นจุดแข็งสำคัญที่จะช่วยรักษาความสามารถทางการแข่งขันของทุเรียนไทย โดยหวังเย่าหง ประธานสมาคมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนในเมืองอวิ้นเฉิง มณฑลซานซีทางตอนเหนือของจีน เผยว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการควบคุมคุณภาพในยามเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดเพิ่มขึ้น

ผู้สื่อข่าวยังได้เยือนร้านผลไม้และซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งในจีน พบว่าทุเรียนที่มีเนื้อแน่นสีสวยและรสชาติหวานละมุนยังคงขายหมดเร็วที่สุดแม้มีราคาแพงกว่า ขณะพ่อค้าคนกลางคนหนึ่งบอกว่าทุเรียนหมอนทองของไทยได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภค แต่พอมีการนำเข้าจากหลายประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคไม่แน่ใจว่าที่ซื้อไปเป็นทุเรียนไทยจริงไหม

บรรดาหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นในจีนจะติด 'ตราบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สินค้าเกษตรแห่งประเทศจีน' กับผลไม้ที่มีความพิเศษ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการและสมาคมธุรกิจบางส่วนจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและติดรหัสคิวอาร์บนบรรจุภัณฑ์ของผลไม้ที่เข้าสู่ตลาด

รหัสคิวอาร์แต่ละอันมีลักษณะเฉพาะตัว เปรียบเสมือน 'บัตรประจำตัว' ของผลไม้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบ 'วงจรชีวิตเต็ม' ของผลไม้ที่ซื้อไปด้วยการสแกนรหัสคิวอาร์นี้เพื่อป้องกันการสวมรอย ซึ่งนับเป็นวิธีการที่คุ้มค่าสำหรับทุเรียนไทย

พ่อค้าแม่ค้าและผู้บริโภคส่วนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อเทียบกับการค้าทุเรียนในเวียดนามและมาเลเซีย ไทยสามารถสร้างสายพันธุ์ทุเรียนที่มีคุณภาพสูงขึ้นและใช้ประโยชน์จากระบบโลจิสติกส์อันมีประสิทธิภาพระหว่างจีนกับกลุ่มประเทศอาเซียน ช่วยให้ผู้บริโภคชาวจีนได้รับประทานทุเรียนไทยที่ดีและสดใหม่ยิ่งขึ้น

ปัจจุบันเวียดนามสามารถขนส่งทุเรียนตรงสู่จีนผ่านการขนส่งทางบก ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพช่วยให้เวียดนามสามารถแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้น ทำให้ครองส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มขึ้น

ส่วนทุเรียนมาเลเซียที่เก็บเกี่ยวตอนสุกแล้ว ทำให้ต้องรีบรับประทานภายใน 2-3 วัน และปัจจุบันสามารถขนส่งทางอากาศเท่านั้นเพื่อรักษาคุณภาพ

เอสเอฟ เอ็กซ์เพรส (SF Express) ระบุว่ามีการให้บริการขนส่งทุเรียนมาเลเซียแบบครบวงจรจากสวนถึงหน้าบ้าน โดยขนส่งถึงเซินเจิ้น กว่างโจว และเมืองใหญ่ในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ได้เร็วที่สุดภายใน 24 ชั่วโมง และขนส่งถึงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเมืองใหญ่แห่งอื่น ๆ ภายใน 48 ชั่วโมง

หวังเย่าหง ผู้คลุกคลีกับการค้าผลไม้มานานหลายปี เผยว่าแม้ราคาทุเรียนมูซังคิงของมาเลเซียนั้นสูง แต่ด้วยรสชาติเฉพาะตัว การควบคุมคุณภาพเข้มงวด และการบริการโลจิสติกส์ที่เชื่อถือได้ ทำให้ยังคงได้ใจผู้บริโภคชาวจีนจำนวนมาก ซึ่งทุเรียนไทยสามารถเรียนรู้โมเดลนี้ในอนาคตเพื่อรักษาสถานะผู้นำตลาด

ทั้งนี้ ตลาดทุเรียนของจีนมีขนาดใหญ่และปัจจุบันยังคงเน้นบริโภคทุเรียนสดเป็นหลัก ไม่ได้บูรณาการและพัฒนาเชิงลึกร่วมกับอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การจัดเลี้ยงและอาหาร จึงมีศักยภาพมหาศาลในการพัฒนาในอนาคต นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งอื่นๆ พยายามแสวงหาส่งออกทุเรียนสู่จีน

ขณะเดียวกันมีการพัฒนาอุตสาหกรรมทุเรียนภายในประเทศที่มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีนอย่างรวดเร็ว ทำให้การแข่งขันของตลาดทุเรียนในจีนจะดุเดือดยิ่งขึ้นมากในอนาคต

ผู้ให้สัมภาษณ์จากอุตสาหกรรมทุเรียนของจีนเสริมว่าการส่งออกทุเรียนไทยสู่จีนมีสิ่งที่มิอาจมองข้าม 2 ประการ ได้แก่ 1) สร้างสรรค์การตลาดรูปแบบใหม่ เสริมสร้างการสื่อสารกับผู้ค้าปลีกในจีนด้วยการเปิดร้านค้าพิเศษ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เปลี่ยนคืนสินค้าที่เน่าเสีย ฯลฯ เพื่อกระชับความนิยมทุเรียนไทยของผู้บริโภคชาวจีน 2) พยายามเสริมสร้างการเพาะปลูกทุเรียนสายพันธุ์ใหม่เพื่ออุดช่องว่างในอุปทานทุเรียนไทย

ผู้ผลิต EV จีนบุกตลาดรถบรรทุกไฟฟ้า ชูเทคโนโลยีวิ่งไกล แบตเตอรี่ไม่ใหญ่

(16 ธ.ค. 67) บริษัทจีนที่ครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังขยายตลาดเข้าสู่ธุรกิจขนส่งทางรถบรรทุกไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่ก็เป็นตลาดแห่งอนาคตที่หลายฝ่ายมองว่าจะมีการเติบโตสูง  แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะเตือนถึงอุปสรรคจากภาษีนำเข้าและปัญหาด้านคุณภาพ ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคในการขยายตลาด 'รถบรรทุกไฟฟ้า' ของจีน

ในอุตสาหกรรมรถยนต์ EV บรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่และบริษัทสตาร์ทอัพต่างใช้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุปทานในประเทศและกลยุทธ์ราคาที่ต่ำ เพื่อผลักดันการขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนไปยังตลาดขนส่งทางรถบรรทุก

ปัจจุบัน รถบรรทุกไฟฟ้ายังคงมีสัดส่วนยอดขายไม่ถึง 1% ของยอดขายรถบรรทุกทั่วโลกตามข้อมูลจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) โดยจีนคิดเป็น 70% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2023 อย่างไรก็ตาม IEA คาดว่าภายใน 10 ปีข้างหน้า นโยบายและการพัฒนาเทคโนโลยีจะมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย

หานเหวิน ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพ Windrose เผย AFP ว่า "ผมเชื่อว่าอุตสาหกรรมนี้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่" ขณะกำลังประกอบรถบรรทุกไฟฟ้าคันแรกของบริษัทเพื่อส่งมอบ

แม้ว่าในบางประเทศตะวันตกจะมีการคว่ำบาตรต่อรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน แต่รถบรรทุกไฟฟ้าจากจีนยังคงขยายตัวในตลาดต่างประเทศ โดยบริษัทจีนอย่าง BYD และ Beiqi Foton ที่ได้ส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น อิตาลี โปแลนด์ สเปน และเม็กซิโก และเปิดโรงงานประกอบในหลายประเทศ

สตีเฟน ไดเออร์ จากบริษัทที่ปรึกษา AlixPartners กล่าวว่า "รถบรรทุกจีนมีต้นทุนที่แข่งขันได้ในตลาดเกิดใหม่ แต่สำหรับตลาดที่เติบโตเต็มที่แล้ว ประสิทธิภาพและความทนทานยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าส่วนใหญ่ได้ แต่ตอนนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไป"

อลิซาเบธ คอนเนลลี นักวิเคราะห์จาก IEA กล่าวถึงการลดมลพิษว่า "รถบรรทุกขนาดหนักถือเป็นกลุ่มการขนส่งที่ลดการปล่อยมลพิษได้ยากที่สุดกลุ่มหนึ่ง" เนื่องจากหนึ่งในความท้าทายใหญ่คือเรื่องของแบตเตอรี่และระยะทางวิ่ง "แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นทำให้ระยะทางวิ่งเพิ่มขึ้น แต่ทำให้รถบรรทุกหนักขึ้นเช่นกัน" คอนเนลลีกล่าว

ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ผลิตสินค้าจากจีนจะถูกมองว่าผลิตสินค้าที่มีคุณภาพต่ำกว่าคู่แข่งจากต่างประเทศ แต่ปัจจุบันบริษัทจีนกำลังพัฒนาขีดความสามารถอย่างรวดเร็ว เช่น Windrose ซึ่งสามารถผลิตรถบรรทุกที่วิ่งได้ถึง 670 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 

ขณะที่บริษัท CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่จากจีนยังได้เปิดตัวโรงงานสับเปลี่ยนแบตเตอรี่รถบรรทุก ซึ่งสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่หมดได้ทันที โดยไม่ต้องรอการชาร์จ

หากเทียบกับรถยนต์สันดาปแล้ว การที่จีนครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทำให้ได้เปรียบด้านห่วงโซ่อุปทาน EV ที่แข็งแกร่งของจีนถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการบุกตลาดรถบรรทุกไฟฟ้าในอนาคต

ในขณะที่สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงมีความไม่แน่นอน ตลาดรถบรรทุกไฟฟ้าของจีนกำลังเผชิญกับการคุกคามจากการกำหนดภาษีจากรัฐบาลในบางประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทยักษ์ใหญ่จีนอย่าง BYD ได้มีการกระจายการผลิตไปยังประเทศต่างๆ เช่น เม็กซิโก ฮังการี และโรมาเนีย เพื่อลดความเสี่ยงจากภาษีและข้อจำกัดต่างๆ 

หานจาก Windrose กล่าวถึงกลยุทธ์ของบริษัทว่า "เรายอมรับว่าตลาดหลักทุกแห่งต้องการห่วงโซ่อุปทาน EV ในประเทศเป็นของตัวเอง แต่เราต้องเริ่มต้นในจีนก่อนแล้วค่อยขยายไปยังทั่วโลก"

'สี จิ้นผิง' เตือนพรรคคอมมิวนิสต์ต้องเอาจริง จัดการปัญหาภายใน ไร้ระเบียบวินัย-คอร์รัปชัน

(16 ธ.ค. 67) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน กล่าวว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจำเป็นต้อง “หันมีดเข้าหาตัวเอง” เพื่อแก้ไขปัญหาการไร้ระเบียบวินัยภายในพรรคและการทุจริตคอร์รัปชัน โดยเป็นการส่งสัญญาณใหม่ในการเดินหน้าปราบปรามเจ้าหน้าที่รัฐที่ประพฤติมิชอบ รวมถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการทุจริต

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เขาได้ดำเนินการอย่างจริงจังในการปราบปรามการทุจริตในหมู่สมาชิกพรรค ไม่ว่าจะเป็น "เสือ" ซึ่งหมายถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ทุจริต หรือ "แมลงวัน" ซึ่งหมายถึงเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐ

แม้การปราบปรามจะดำเนินไปอย่างเข้มงวด แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงเผชิญกับปัญหาการทุจริต โดยเฉพาะในกองทัพ เช่น กรณีที่รัฐมนตรีกลาโหม 2 คนถูกขับออกจากพรรคในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก "ละเมิดวินัยร้ายแรง" ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกการทุจริตในจีน

ในสุนทรพจน์ที่เผยแพร่ในวันนี้ (16 ธันวาคม) ผ่านทางวารสารฉิวซื่อ ซึ่งเป็นนิตยสารหลักของพรรคฯ ปธน.สี จิ้นผิงได้กล่าวว่า พรรคต้องเด็ดขาดในการจัดการกับกลุ่มผลประโยชน์ องค์กรที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ หรือกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่พยายามหาผลประโยชน์หรือชักจูงสมาชิกพรรคให้ทุจริต

"เมื่อสถานการณ์และภารกิจที่พรรคเผชิญเปลี่ยนแปลงไป ย่อมเกิดความขัดแย้งและปัญหาภายในพรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" ปธน.สี กล่าว "เราต้องกล้าหันมีดเข้าหาตัวเอง ขจัดอิทธิพลด้านลบเหล่านี้ให้ทันท่วงที เพื่อให้พรรคมีพลังและมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ"

คำว่า "หันมีดเข้าหาตัวเอง" เป็นส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์ที่ปธน.สี จิ้นผิงกล่าวในการประชุมใหญ่กับหน่วยงานปราบปรามการทุจริตของพรรคในวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน

การเผยแพร่เนื้อหานี้ในวันนี้เน้นย้ำถึงการเดินหน้าปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังและกว้างขวางขึ้น เพื่อเสริมสร้างระเบียบวินัยและกำจัดเจ้าหน้าที่ที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว รวมถึงผู้ที่สนับสนุนการทุจริต

เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงกลาโหมจีนได้เปิดเผยว่า พลเรือเอกนายหนึ่งที่เคยดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการทหารกลาง หน่วยงานทางทหารที่สำคัญของจีน กำลังถูกสอบสวนในข้อหาละเมิดวินัยร้ายแรง

คณะกรรมการกลางเพื่อการตรวจสอบวินัยของพรรคฯ เปิดเผยว่า เมื่อปีที่แล้วมีเจ้าหน้าที่ของพรรคกว่า 610,000 คนที่ถูกลงโทษฐานละเมิดวินัย ซึ่งรวมถึง 49 คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่ารัฐมนตรีช่วยหรือผู้ว่าการมณฑล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top