Friday, 13 June 2025
จีน

'จีน' กาง GDP 2023 มูลค่าเกิน 126 ล้านล้านหยวน เติบโต 5.2% กลบเสียงสื่อตะวันตก นิยามเศรษฐกิจจีน 'แย่แล้ว-พังแล้ว'

(19 ม.ค. 67) จากเพจ 'ลึกชัดกับผิงผิง' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

#เศรษฐกิจ #จีน #โลก
เศรษฐกิจจีนไม่พัง เศรษฐกิจโลกไม่พัง 

วันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 2024 สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนประกาศสถิติว่า ปี 2023 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) เกิน 126 ล้านล้านหยวน โดยสูงถึง 126.0582 ล้านล้านหยวน เติบโตร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับปี 2022 

ตัวเลขดังกล่าวเป็นการสิ้นสุดคำกล่าวอ้างของสื่อตะวันตกบางแห่งที่ชอบบอกว่า 'เศรษฐกิจจีนแย่แล้ว' / 'เศรษฐกิจจีนจะพังแล้ว'

จีนยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกดั่งที่แล้วมาอย่างต่อเนื่อง จีนเป็นกำลังสำคัญในการรักษาความมั่นคงของเศรษฐกิจโลก เน้นการร่วมมือทางการค้ากับต่างประเทศ เศรษฐกิจจีนไม่พัง เศรษฐกิจโลกก็จะไม่พัง

‘จีน’ ทดสอบ ‘รถตำรวจสายตรวจไร้คนขับ’ ครั้งแรก นำร่อง 15 คัน พร้อมลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานประจำเขตสาธิตการขับขี่อัตโนมัติระดับสูงของเทศบาลกรุงปักกิ่งของจีน เริ่มทดสอบวิ่งรถตำรวจสายตรวจไร้คนขับบนท้องถนนเมื่อวันอังคาร (16 ม.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการทดสอบวิ่งรถประเภทนี้ครั้งแรกในจีน

รายงานระบุว่ารถตำรวจสายตรวจไร้คนขับจำนวน 15 คัน วิ่งบนท้องถนนสาธารณะในเขตสาธิตฯ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้การประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักความมั่นคงสาธารณะเทศบาลกรุงปักกิ่ง สาขาต้าซิง

การทดสอบครอบคลุมหน้าที่การลาดตระเวน การรับรองความปลอดภัยสำหรับงานขนาดใหญ่ การออกประกาศสาธารณะ การออกคำแจ้งเตือน และงานกู้ภัยฉุกเฉิน โดยทีมรถสายตรวจจะลาดตระเวนในเขตสาธิตฯ บนพื้นที่ 60 ตารางกิโลเมตร

จางเว่ยหลิง รองประธานอาวุโสของนีโอลิกซ์ (Neolix) ผู้ผลิตรถสายตรวจดังกล่าว ระบุว่า รถสายตรวจไร้คนขับใช้เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 (L4) โดยสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายใน 30 วินาที และมาพร้อมระยะการขับขี่ 100 กิโลเมตร

ยานยนต์ดังกล่าวยังประกอบด้วยศักยภาพการรับรู้แบบรวมภาพจำนวนหลายเซนเซอร์ครอบคลุม 360 องศา และระยะการตรวจจับสูงถึง 120 เมตร ซึ่งแพลตฟอร์มการประมวลผลอันทรงพลังที่ติดตั้งบนยานยนต์สามารถคำนวณและทำการตอบสนองตามสภาพถนนได้แบบเรียลไทม์ จึงรับประกันความปลอดภัยในการเคลื่อนที่

นับตั้งแต่ปักกิ่งเริ่มก่อตั้งเขตสาธิตฯ เมื่อเดือนกันยายน 2020 มีการสร้างพื้นที่ที่มีถนนเชื่อมต่ออัจฉริยะขนาด 160 ตารางกิโลเมตรและเครือข่ายเมืองอัจฉริยะในเขตสาธิตแห่งนี้

ปัจจุบันบริษัททดสอบรถยนต์จำนวน 28 แห่งเปิดดำเนินการในเขตสาธิตฯ โดยมียานยนต์กว่า 800 คันกำลังทำการทดสอบและการสำรวจเชิงพาณิชย์ และมีระยะทางการทดสอบสะสมกว่า 20 ล้านกิโลเมตรแล้ว

‘จีน’ เดินหน้ายกระดับภาคธุรกิจ ‘NEV’ พร้อมเร่งพัฒนาเต็มสูบ หวังเสริมประสิทธิภาพ-เพิ่มขีดความสามารถทางการค้าตลาด EV

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 67 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า ‘จิน เซียนตง’ เจ้าหน้าที่คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน แถลงข่าวว่า จีนจะยกระดับความพยายามเพิ่มประสิทธิภาพของนโยบายต่างๆ กระตุ้นการบริโภค และเดินหน้าการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงของภาคยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV)

รายงานระบุว่า จีนจะเร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพของนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริมการซื้อขายยานยนต์พลังงานใหม่ โดยคณะกรรมการฯ จะสนับสนุนการพัฒนายานยนต์พลังงานใหม่ในชนบทและส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภาครัฐควบคู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จีนจะกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี ในภาคยานยนต์พลังงานใหม่ พร้อมกับสนับสนุนบทบาทนำของกลุ่มบริษัทยานยนต์ของจีน ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างเต็มที่ เพื่อเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่

คณะกรรมการฯ จะมุ่งเดินหน้าการจัดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่มีคุณภาพสูง พร้อมด้วยเพิ่มพูนประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริการ

อนึ่ง ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน ระบุว่า ยอดการผลิตและจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนในปี 2023 สูงเกิน 9.58 ล้านคัน และ 9.49 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.8 และร้อยละ 37.9 เมื่อเทียบปีต่อปี

ส่วนการส่งออกยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนในปี 2023 สูงเกิน 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.6 เมื่อเทียบปีต่อปี

‘จีน’ เดินหน้ายกระดับ-เพิ่มสมรรถนะการขนส่ง เตรียมรับมือมหกรรมการเดินทางในช่วง ‘ตรุษจีน’

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 67 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า ‘หลี่ ชุนหลิน’ รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ซึ่งร่วมประชุมงานเมื่อวันศุกร์ (19 ม.ค.) กล่าวถึงการพยายามใช้ศักยภาพทางการขนส่งอย่างเต็มที่ และเพิ่มขีดความสามารถทางการขนส่ง ก่อนเข้าสู่ช่วงมหกรรมการเดินทางเทศกาลตรุษจีนหรือ ‘ชุนอวิ้น’

หลี่ กล่าวถึงการพยายามปฏิบัติงานอย่างแข็งขัน เพื่อตอบสนองความต้องการของมหกรรมการเดินทางเทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นเทศกาลตามประเพณีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน และตรงกับวันที่ 10 ก.พ. ในปีนี้ ส่วนมหกรรมการเดินทางดังกล่าวตรงกับวันที่ 26 ม.ค.-5 มี.ค. นี้

ทั้งนี้ การคาดการณ์ของทางการจีนระบุว่าจำนวนการเดินทางของผู้โดยสารทางรถไฟและการบินพลเรือนระหว่างมหกรรมการเดินทางดังกล่าวจะสูงเป็นประวัติการณ์

บริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด คาดการณ์ว่าเครือข่ายทางรถไฟจะรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร 480 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.9 เมื่อเทียบปีต่อปี ด้านสำนักบริหารการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน คาดการณ์ว่าภาคการบินพลเรือนจะรองรับการเดินทางของผู้โดยสารมากกว่า 80 ล้านครั้ง

‘สื่อฮ่องกง’ ชี้ ‘ทุเรียนไทย’ กำลังเสียแชมป์เจ้าตลาดในแดนมังกร หลัง ‘เวียดนาม-ฟิลิปปินส์’ แข่งส่งออก ซ้ำ!! ‘จีน’ หันมาผลิตเอง

เมื่อวานนี้ (21 ม.ค. 67) หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า ภายในแค่ 3 ปี จีนประสบความสำเร็จสามารถปลูกทุเรียนได้เองเพิ่มกำลังการผลิตจาก 50 ตัน มาอยู่ที่ 500 ตัน ภายในปีหน้า

"การบริโภคทุเรียนภายในประเทศคาดจะสามารถเพิ่มการผลิต 250 ตันปีนี้ แต่ภายในปีหน้าจะสามารถมีกำลังการผลิตมหาศาลโดยกำลังการผลิตสามารถแตะ 500 ตัน” เฟง ซูจี (Feng Xuejie) ผู้อำนวยการสถาบันผลไม้เขตอากาศร้อนชื้น (Institute of Tropical Fruit Trees) ประจำสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรไห่หนาน (Hainan Academy of Agricultural Sciences)

ปีที่ผ่านมา มณฑลไห่หนานประสบความสำเร็จสามารถผลิตทุเรียนได้ถึง 50 ตัน ซึ่งเฟงมองว่ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการทุเรียนอย่างสูงของผู้บริโภคชาวจีน

“สำหรับราคาและรสชาติของทุเรียนภายในประเทศในอนาคตนั้นขอให้เฝ้ารอ” เฟง กล่าวเสริม

ซึ่งกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วเมื่อ ‘ปักกิ่ง’ ปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จสามารถออกผลผลิตทุเรียนปลูกเองภายในประเทศที่มณฑลไห่หนานได้

หนังสือพิมพ์ฮ่องกงรายงานว่า ผู้บริโภคทุเรียนในจีนมองทุเรียนโดยเฉพาะคนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อต่างมองผลไม้เปลือกแข็งหนามแหลมและมีรสชาติที่หอมหวานไม่เหมือนใครว่าเป็นเสมือนรางวัล ซึ่งทุเรียนนั้นขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ราชาผลไม้’

หนังสือพิมพ์ฮ่องกงชี้ต่อว่า การนำเข้าทุเรียนปีที่แล้วสูงลิ่ว แต่ทว่าปักกิ่งซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่เริ่มกระจายการซื้อทุเรียนไปยังหลายแหล่งเพื่อให้ตรงตามความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคชาวจีนภายในประเทศ ซึ่งจากแต่เดิมเคยนำเข้าทุเรียนจาก ‘ไทย’ เพียงเจ้าเดียว โดยปักกิ่งได้นำเข้าทุเรียนจาก ‘เวียดนาม’ และ ‘ฟิลิปปินส์’ ส่งผลทำให้ไทยกำลังสูญเสียความเป็นเจ้าตลาดทุเรียนในจีนไปอย่างช่วยไม่ได้

อ้างอิงข้อมูลจากตัวเลขทางการของสำนักงานศุลกากรจีนพบว่า จีนนำเข้าทุเรียนทั้งหมด 1.4 ล้านตันภายใน 12 เดือนแรกของปี 2023 สูง 69% จากปีก่อนหน้า

ขณะที่ไทยซึ่งอดีตเคยเป็นเจ้าการตลาดการส่งออกทุเรียนไปจีน มียอดการส่งออกตกจากเกือบ 100% ในปี 2021 มาอยู่ที่ 95.36 ในปี 2022 และเหลือแค่ 67.98% มาจนถึงเดือนธันวาคมปี 2023

อ้างอิงข้อมูลวันที่ 11 เม.ย ปี 2566 จากกรมการส่งออก การผลิตทุเรียนไทยต่อปีที่ 1,480,000 ตัน และสายพันธุ์ที่ปลูกและส่งออกคือ ชะนีหมอนทอง ก้านยาว กระดุมพวงมณี

กรมการส่งออกพบว่า ‘ทุเรียนฟิลิปปินส์’ ที่ส่งออกไปจีนเป็นพันธุ์ปูยัต (Puyat) มีลักษณะเนื้อสีทอง กลิ่นหอมแรงและรสชาติเข้มข้น

สมาคมอุตสาหกรรมทุเรียนดาเวา (DIADC) ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน มณฑล/เขต ที่ปลูกทุเรียนของฟิลิปปินส์มีจำนวน 47 แห่ง พื้นที่ปลูกทุเรียนรวมประมาณ 160 ตารางกิโลเมตร ผลผลิต 100,000 ตันต่อปี สายพันธุ์ทุเรียนที่สามารถปลูกได้ในฟิลิปปินส์คือ ชะนี, หมอนทอง, alcon fancy, arancillo และ puyat

ส่วน ‘ทุเรียนเวียดนาม’ ที่ส่งเข้าไปตีตลาดจีนและแซงหน้าไทยได้นั้นเป็น ‘พันธุ์หมอนทอง’ (Ri6 หมอนทอง 6) จากจ.ดักลัก ซึ่งก็เป็นสายพันธุ์เดียวกันกับทุเรียนไทยที่ส่งออกมายังตลาดจีน

ตามรายงานของกรมการส่งออกระบุว่า จุดแข็งของทุเรียนเวียดนามคือ ระยะทางที่สั้นและเวลาการขนส่งน้อยแค่ 2 ชม. ถึงด่านจีน ทำให้ทุเรียนเวียดนามยังคงรักษาคุณภาพได้เป็นอย่างดี

เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า บรรดาผู้ส่งออกทุเรียนเวียดนามไปจีนนั้นเริ่มตั้งแต่เกือบ 0% ไปอยู่ที่ 4.63% ที่ 188.1 ล้านดอลลาร์ในปี 2022, และเพิ่มไปอยู่ที่ 31.82 % ใน 11 เดือนแรกของปี 2023 มีมูลค่าอยู่ที่ 2.1 พันล้านดอลลาร์ เบียดการส่งออกทุเรียนจากไทย

ขณะที่บรรดาผู้ส่งออกทุเรียนในมาเลเซียต่างพยายามผลักดันข้อตกลงในปีนี้เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์จีน-มาเลเซีย ไซมอน ชิน (Simon Chin) ผู้ก่อตั้งบริษัทส่งออก DKing กล่าว

ปัจจุบันมาเลเซียได้รับอนุญาตให้ส่งออกทุเรียนแช่แข็งไปจีนเท่านั้น

ชินแสดงความเห็นกับสื่อฮ่องกงว่า “ปัจจุบันพวกเรากำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับจีนเพื่อหาลู่ทางการส่งออกผลไม้สด เช่นเดียวกับที่ไทยและเหมือนเช่นที่ฝ่ายไทยทำ”

อย่างไรก็ตามในแง่รายได้ การส่งออกทุเรียนไทยมาจีนนั้นยังคงเพิ่มในปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากความต้องการสูงของตลาดผู้บริโภคจีนในเมืองระดับการที่เริ่มจะมีมากขึ้น แซม ซิน (Sam Sin) ผู้อำนวยการพัฒนาประจำ S&F Produce Group ที่มีฐานอยู่ในฮ่องกงชี้

‘จีน’ เดินหน้าหนุน ‘อุตสาหกรรมบริการในบ้าน’ หวังรับมือ-ดูแล ‘ผู้สูงอายุ’ ที่บ้านมากขึ้น

(22 ม.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์จีนเผยว่าจีนได้ออกมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมการบริการในบ้าน เพื่อรับมือกับความต้องการของประชากรสูงอายุ

จูกวงเย่า เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ แถลงว่ากระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการจูงใจทางภาษี เงินอุดหนุนสตาร์ตอัป และความช่วยเหลือทางการเงินที่มุ่งพัฒนาคุณภาพและการเติบโตของอุตสาหกรรมข้างต้น โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมนี้ว่าจ้างแรงงานราว 30 ล้านคน แต่ยังคงมีความต้องการสูงกว่า 50 ล้านคน จึงมีการพยายามเพิ่มจำนวนแรงงาน

จูกวงเย่า กล่าวว่ากระทรวงฯ กำลังสนับสนุนการจัดงานมหกรรมจัดหางานผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อเชื่อมต่อผู้หางานกับนายจ้างได้ดียิ่งขึ้น และการจัดหลักสูตรฝึกอบรมผ่านทางออนไลน์ พร้อมเสริมว่าการจ้างงานจะมุ่งเน้นที่การดูแลผู้สูงอายุที่บ้านมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในด้านนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น

ก่อนหน้านี้ จีนได้ออกแนวปฏิบัติเพื่อเสริมสร้าง ‘เศรษฐกิจสีเงิน’ ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งตอบสนองความต้องการพลเมืองสูงวัยด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ถูกปรับให้เหมาะสม ตลอดจนเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายของจำนวนประชากรสูงวัยที่ขยายตัว

อนึ่ง ข้อมูลทางการแสดงให้เห็นว่ากลุ่มประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปของจีน มีจำนวนสูงถึง 297 ล้านคน เมื่อนับถึงสิ้นปี 2023 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 21.1 ของประชากรทั้งหมดของประเทศ

จีนขุดพบแหล่ง 'แร่ลิเทียม' เกือบ 1 ล้านตัน เชื่อ!! ช่วยรองรับตลาดรถ EV ที่กำลังเติบโต

ไม่นานมานี้ สำนักข่าวซินหัว เผยรายงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมของจีน ระบุว่า จีนค้นพบแร่ลิเทียมเกือบหนึ่งล้านตัน ในย่าเจียง มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งถูกยืนยันแล้วว่าเป็นแหล่งแร่ลิเทียมชนิดเพ็กมาไทต์โมโนเมอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ลิเทียม เป็นโลหะอัลคาไล สีขาวเงิน มีเลขอะตอม 3 และขึ้นชื่อในเรื่องคุณสมบัติเฉพาะตัว เช่น เป็นโลหะที่เบาที่สุด มีศักยภาพทางไฟฟ้าเคมีสูงสุด และไวต่อน้ำ

ในฐานะ 'โลหะพลังงานสีเขียวแห่งศตวรรษที่ 21' แร่ลิเทียมมีความสำคัญอย่างมากต่อความพยายามในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน นอกจากนี้ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า, แบตเตอรีลิเทียมไอออน และแบตเตอรีโซลาร์

ทั้งนี้กระทรวงฯ จะส่งเสริมการใช้ประโยชน์และการจัดสรรพื้นที่เหมืองแร่ลิเทียมอย่างต่อเนื่อง เพิ่มปริมาณแร่ลิเทียม และกระตุ้นการพัฒนาตลาดเหมืองแร่ลิเทียม เพื่อรองรับตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็วและความต้องการทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจีนเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลกด้วยสัดส่วนกว่า 60% ในปี 2022

โดยปกติแล้วแร่ลิเธียมมักพบในประเทศต่าง ๆ เช่น อาร์เจนตินา, โบลิเวีย, ชิลี, ออสเตรเลีย, จีน และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตลิเทียมรายใหญ่

‘นครซีอัน’ จัดบริการ ‘รถไฟฟรี’ ขบวนพิเศษ พา ‘แรงงานต่างถิ่น’ กลับบ้านฉลองตรุษจีน

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 67 สำนักข่าวซินหัว, ซีอัน เหล่า ‘แรงงานต่างถิ่น’ ในมณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ออกเดินทางด้วยรถไฟฟรีขบวนพิเศษ จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ ซีอัน-เฉิงตู, ซีอัน-เจิ้งโจว และ ซีอัน-หลานโจว เพื่อกลับภูมิลำเนาในวันแรกของมหกรรมการเดินทาง ในช่วงเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2024

การบริการรถไฟฟรีสำหรับผู้ที่กลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ เป็นมาตรการพิเศษจากบริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด สาขาซีอัน และสหภาพการค้าแห่งซีอัน ซึ่งริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2019 และเป็นประโยชน์กับแรงงานต่างถิ่นในส่านซีมากกว่า 4,000 คนแล้ว

อนึ่ง มหกรรมการเดินทางเทศกาลตรุษจีน ปี 2024 ระยะ 40 วัน ตรงกับวันที่ 26 ม.ค.-5 มี.ค. นี้

เคาะแล้ว!! ฟรีวีซ่า ‘ไทย-จีน’ ดีเดย์ 1 มีนาคม 67 ‘ไทย-จีน’ ไปมาสะดวก อยู่ได้ต่อเที่ยว 30 วัน

(28 ม.ค. 67) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมลงนามความตกลง และเอกสารสำคัญ กับนายหวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ

สาระสำคัญของการลงนามในครั้งนี้ คือ ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ หรือ ‘วีซ่าฟรี’ ให้กับชาวไทยเดินทางไปยังประเทศจีนได้สะดวกยิ่งขึ้น

โดยมาตรการฟรีวีซ่าจีน ครั้งนี้ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป และมีระยะเวลาพำนักแต่ละครั้งไม่เกิน 30 วัน

สำหรับนโยบายฟรีวีซ่าไทยจีน จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยเฉพาะยอดนักท่องเที่ยวจีนที่จะเพิ่มขึ้นในไทย ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีการจองเข้ามามากขึ้น แต่ประเด็นที่ให้ความสำคัญมากกว่า คือ จำนวนวันที่อยู่ในไทย กับการใช้จ่ายต่อคน เพราะหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย การเดินทางก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่คิดว่าจะเข้ามาเยอะมาก ก็ไม่ได้เข้ามาเยอะขนาดนั้น ดังนั้นนโยบายฟรีวีซ่า ก็จะมีโอกาสช่วยให้เกิดการจับจ่ายที่มากขึ้นจากนักท่องเที่ยวตามจำนวนวันที่อยู่ได้นานมากขึ้นไปด้วย เช่นเดียวกันกับคนไทยที่จะไปเที่ยวจีน รวมถึงการหาโอกาสทางธุรกิจ

‘นายกฯ’ ชี้!! ‘ฟรีวีซ่า’ ก้าวสำคัญสัมพันธ์ ‘ไทย-จีน’ มั่นใจ!! ช่วยกระตุ้น ‘เศรษฐกิจ-การค้า-การลงทุน’

(28 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า ไทยกับจีน ได้ลงนามในความตกลงฟรีวีซ่าสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา และหนังสือเดินทางกึ่งราชการ เมื่อเช้าวันที่ 28 ม.ค.ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.67 

“ผมมองว่าเป็นก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ ไทย - จีน และจะมีผลอย่างมากต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพียงในแง่การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน แต่ยังรวมถึงการค้า การลงทุนด้วย อย่างแน่นอน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 29 ม.ค.นี้ นายหวัง อี้ (H.E.Mr.Wang Yi) สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรมว.ต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีกำหนดเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top