Friday, 13 June 2025
จีน

‘จีน’ เปิดกำไร ‘ภาคอุตสาหกรรม’ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 สะท้อน!! ภาคการผลิต-เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 67 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานข่าว สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน รายงานว่าบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ภายในประเทศ ซึ่งมีรายได้ทางธุรกิจหลักรายปีอย่างน้อย 20 ล้านหยวน (ราว 100 ล้านบาท) ทำกำไรรวมในเดือนธันวาคม 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

รายงานระบุว่า กำไรรวมของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ในจีนของทั้งปี 2023 อยู่ที่ 7.69 ล้านล้านหยวน (ราว 39 ล้านล้านบาท) ซึ่งลดลงร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบปีต่อปี และลดลงน้อยลง 2.1 จุดจากช่วง 11 เดือนแรก (มกราคม-พฤศจิกายน) ของปีเดียวกัน

ภาคการผลิตและจ่ายพลังงาน ความร้อน ก๊าซ และน้ำ กลายเป็นกลุ่มผู้ทำกำไรชั้นนำในปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.7 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีส่วนส่งเสริมการเติบโตโดยรวมของกำไรทางอุตสาหกรรมในประเทศ 3.1 จุด

ขณะกำไรของภาคการผลิตอุปกรณ์ในจีน ช่วงปี 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของปีก่อนหน้า 2.4 จุด ส่วนอุตสาหกรรม 27 ประเภทจากทั้งหมด 41 ประเภท มีกำไรเติบโตในปีที่ผ่านมา

‘หวังอี้’ เข้าเฝ้าฯ ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ ระหว่างเยือนไทย ย้ำชัด!! พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพไทย-จีน

(29 ม.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ม.ค.) หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน และกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ กรุงเทพมหานคร

หวัง กล่าวว่า เขาได้พบปะกับปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เมื่อวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) เพื่อการประชุมหารือประจำปี ซึ่งทั้งสองฝ่ายบรรลุฉันทามติสำคัญว่าด้วยการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

หวังกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายลงนามข้อตกลงการยกเว้นการตรวจลงตราหรือวีซ่าซึ่งกันและกัน ซึ่งจะเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน พร้อมเสริมว่าจีนและไทยมีความใกล้ชิดสนิทสนมดังครอบครัวเดียวกัน และการแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ทั้งสองประเทศผูกพันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ หวังแสดงความหวังว่าราชวงศ์ไทย ซึ่งให้ความสำคัญยิ่งยวดกับสัมพันธไมตรีระหว่างจีนและไทยเสมอมา จะยังคงมีส่วนส่งเสริมการพัฒนามิตรภาพจีน-ไทยภายใต้สถานการณ์ใหม่

หวัง กล่าวว่า กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นสหายที่ดีและเพื่อนเก่าของประชาชนชาวจีน โดยพระองค์ทรงเคยได้รับเหรียญมิตรภาพและเสด็จฯ เยือนจีนมากกว่า 50 ครั้ง ซึ่งส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนสองประเทศ และพระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพจีน-ไทย

หวังกล่าวว่าทั้งสองประเทศจะเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปีหน้า โดยจีนพร้อมรักษาการแลกเปลี่ยนระดับสูงกับฝ่ายไทย ดำเนินการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น และยกระดับความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างสองประเทศสู่ระดับใหม่

ด้านกรมสมเด็จพระเทพฯ ตรัสว่าพระองค์ทำนุบำรุงสัมพันธไมตรีกับจีน และมักให้นักเรียนนักศึกษาของพระองค์ได้ชมเหรียญมิตรภาพดังกล่าว โดยพระองค์หวังว่าการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างสองประเทศจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในด้านการศึกษา การแพทย์แผนโบราณ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการบินและอวกาศ

กรมสมเด็จพระเทพฯ ตรัสว่าพระองค์คาดหวังจะได้เยี่ยมเยือนสถานที่ต่างๆ ในจีนเพิ่มเติมในอนาคต

'นายกฯ' เผยข่าวดี หลัง 'หวัง อี้' พร้อมหนุน ส่ง ‘หมีแพนด้า’ มาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่

(29 ม.ค.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังหารือกับนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรมว.ต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า…

“เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ได้หารือกับนายหวัง อี้ ที่ผ่านมาสวนสัตว์เชียงใหม่เคยมีหมีแพนด้า แต่ปัจจุบันไม่มี และบังเอิญจริงๆ 2-3 วันที่ผ่านมาตนได้ดูใน x ว่าประเทศใดบ้างที่ยังมีหมีแพนด้าอยู่ ซึ่งไล่ลงมาแล้วประเทศไทยเป็นศูนย์ ซึ่งไม่ได้เป็นกระจกสะท้อนที่ดีสำหรับด้านความสัมพันธ์ทางด้านการทูตที่ดี ที่เรามีมากับประเทศจีนตลอด 50 ปีที่ผ่านมา จึงได้เรียนขอกับนายหวัง อี้ ซึ่งท่านยินดีให้การสนับสนุน 

“เราก็จะมีหมีแพนด้ากลับมาอีกครั้งนึง มาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ส่วนเมื่อไหร่นั้นก็คาดว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด”

‘จีน’ เฮ!! โคลน ‘วัวทิเบต’ ใกล้สูญพันธุ์สำเร็จ ถือเป็นการโคลนสำเร็จครั้งแรกของโลก

(29 ม.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ของจีน ประกาศความสำเร็จในการโคลนวัวจางมู่และวัวอาเพ่ยเจี่ยจา ซึ่งเป็นวัวสองสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ในเขตปกครองตนเองทิเบต (ซีจ้าง) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า มีลูกวัวเพศผู้ของสองสายพันธุ์ข้างต้นเกิดใหม่สายพันธุ์ละ 4 ตัว ในอำเภออวิ๋นหยาง เทศบาลนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อไม่นานนี้ ซึ่งนับเป็นการโคลนวัวจากทิเบตสำเร็จครั้งแรกของโลก

‘BYD’ เฮ!! กำไรสุทธิปี 2023 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังเพิ่งแซง ‘เทสลา’ ครองยอดขายอีวีเบอร์ 1 ของโลก

(30 ม.ค.67) BYD ยักษ์ใหญ่รถไฟฟ้าสัญชาติจีน ผู้นำโลกในภาคอุตสาหกรรมนี้ เปิดเผยว่าทางบริษัทมีกำไรสุทธิพุ่งขึ้นในปี 2023 และคาดหมายว่าตัวเลขในขั้นท้ายที่สุดจะสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ จากรายงานผลประกอบการเบื้องต้นที่เผยแพร่ออกมาในวันจันทร์ (29 ม.ค.)

โดยบริษัท BYD คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิสำหรับปีที่แล้ว จนถึงฤดูใบไม้ร่วง อยู่ระหว่าง 29,000 ล้านหยวนถึง 31,000 ล้านหยวน (4,100 ล้านถึง 4,4000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นราวๆ 74.5% ถึง 86.5% เมื่อเทียบกับหนึ่งปีก่อนหน้านั้น

คาดหมายว่า BYD จะเผยแพร่ตัวเลขขั้นท้ายสุดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเซินเจิ้น เพิ่งแซงหน้า เทสลา ของอีลอน มัสก์ ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2023 ผงาดขึ้นมาเป็นบริษัทที่มียอดขายรถไฟฟ้าสูงสุดในโลก

อย่างไรก็ตาม แม้สูญเสียบัลลังก์ยอดขายสูงสุดรายไตรมาส แต่ เทสลา ยังคงครองอันดับ 1 ในแง่ของรายปี โดยได้ส่งมอบรถอีวีแก่ลูกค้ามากกว่า 1.8 ล้านคัน ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 38%

กระนั้นแม้ตัวเลขดังกล่าวจะอยู่เหนือกว่ายอดขายระดับไม่ถึง 1.6 ล้านคันของ BYD แต่สำหรับ BYD นั้น พบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 73% เมื่อเทียบเป็นรายปี

BYD วางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาในเกือบ 60 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป เมื่อปีที่แล้ว พวกเขากลายเป็นบริษัทแรกที่ก้าวผ่านหลักหมายเชิงสัญลักษณ์ในการผลิตรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าล้วนทะลุ 5 ล้านคัน

นอกจากนี้แล้ว BYD ยังเป็นผู้จัดหาแบตเตอรีป้อนแก่บรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก ในนั้นรวมถึงเทสลา, บีเอ็มดับเบิลยู, เมอร์เซเดสและออดี

‘จีน-ไทย’ เตรียมก้าวสู่ ‘ยุคปลอดวีซ่า’ 1 มีนาคมนี้ เดินหน้าสนับสนุน ‘ตลาดท่องเที่ยว’ สองประเทศเต็มที่

เมื่อวานนี้ (29 ม.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนและไทยเตรียมดำเนินนโยบายฟรีวีซ่าให้แก่กันตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. นี้ หลังจากคณะเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกัน ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) โดยความคืบหน้านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของสองประเทศยิ่งขึ้น

จูหงอิง จากบริษัท อวิ๋นหนาน จิ่นอ้าย ทัวริซึม กรุ๊ป จำกัด ในมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มองว่าตอนนี้จีนและไทยเตรียมเข้าสู่ ‘ยุคปลอดวีซ่า’ อันเกื้อหนุนนักท่องเที่ยวของสองประเทศเดินทางไปมาหาสู่กันได้ตามต้องการทุกเมื่ออย่างแท้จริง ซึ่งจะส่งผลประโยชน์ต่อตลาดการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

หากอ้างอิงข้อมูลการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ของบริษัทฯ จูกล่าวว่ากรุ๊ปทัวร์เพื่อท่องเที่ยวไทยช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 10-14 ก.พ. ถูกจับจองจนเต็มแล้ว โดยจุดหมายท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมกรุ๊ปทัวร์แต่ละวันอยู่ที่ 60-70 คน และส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดียวกัน

วังเทา จากบริษัท เอเจนซีการท่องเที่ยวต่างประเทศ อวิ๋นหนาน เหม่ยถู จำกัด เผยว่านโยบายฟรีวีซ่าไม่เพียงเกื้อหนุนการเดินทางของนักท่องเที่ยว แต่ยังสะท้อนให้เห็นมิตรภาพอันดีระหว่างประชาชนชาวจีนและชาวไทย ซึ่งจะส่งเสริมการพัฒนาตลาดการท่องเที่ยวของสองประเทศ

ไทยนั้นเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีลูกค้าสอบถามถึงมากที่สุดของบริษัทฯ เสมอมา โดยวังเสริมว่าหากพิจารณาจากกระแสตอบรับของนักท่องเที่ยว นโยบายฟรีวีซ่ามีผลต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวอย่างมาก เพราะไม่ใช่เพียงเรื่องประหยัดค่าธรรมเนียมวีซ่า แต่ยังเกี่ยวพันกับการยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ปัจจุบันอวิ๋นหนานมีเที่ยวบินโดยสารสู่หลายเมืองของไทย เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต จำนวน 54 เที่ยวต่อสัปดาห์ โดยข้อมูลจากสถานีตรวจสอบการเข้า-ออกเมืองของนครคุนหมิงระบุว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2024 จำนวนนักเดินทางจากอวิ๋นหนานไปยังไทยสูงเกิน 30,000 คนแล้ว

ด้านข้อมูลจากสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ในอวิ๋นหนาน ระบุว่าตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ (1 ม.ค.) จนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนในเดือนกุมภาพันธ์ สายการบินฯ ให้บริการเที่ยวบินโดยสารสู่ไทยเฉลี่ย 8 เที่ยวต่อวัน ส่วนช่วงวันที่ 9-17 ก.พ. มีผู้โดยสารจองการเดินทางสูงถึง 11,000 คนแล้ว

อนึ่ง ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปี 2023 สูงเกิน 28 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 151 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยจีนเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทยด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 3.51 ล้านคน

‘ปักกิ่ง’ ตั้งเป้า!! เพิ่ม ‘พื้นที่สีเขียว’ ภายในปีนี้ ลุยสร้างสวนสาธารณะ-ปลูกป่าในเมือง 15 แห่ง

เมื่อวานนี้ (30 ม.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การประชุมงานของสำนักป่าไม้และสวนสาธารณะเทศบาลกรุงปักกิ่งของจีน ซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อไม่นานนี้ รายงานว่าปักกิ่งจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวในปี 2024 โดยมีเป้าหมายว่าร้อยละ 91 ของผู้อยู่อาศัยจะเข้าถึงสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวขนาดเล็กภายในรัศมี 500 เมตร

เกาต้าเหว่ย หัวหน้าสำนักฯ เผยว่า ปักกิ่งวางแผนปลูกป่า 10,000 หมู่ (ราว 4,166 ไร่) และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองอีก 200 เฮกตาร์ (ราว 1,250 ไร่) ในปี 2024 รวมถึงมุ่งหน้าสู่การเป็น ‘เมืองแห่งสวน’ ใต้ร่มเงาป่าไม้ โดยปักกิ่งจะเพิ่มสวนสาธารณะและป่าในเมือง 15 แห่ง ควบคู่กับสวนสาธารณะขนาดย่อมและพื้นที่สีเขียวขนาดเล็ก 50 แห่ง

ทั้งนี้ กรุงปักกิ่งมีสวนสาธารณะรูปแบบต่างๆ รวม 1,065 แห่ง พร้อมอัตราความครอบคลุมของพื้นที่สีเขียวต่อหัวอยู่ที่ 16.9 ตารางเมตร โดยปักกิ่งมีความครอบคลุมของป่าไม้สูงแตะร้อยละ 44.9 และความครอบคลุมของป่าไม้ในเมืองสูงแตะร้อยละ 49.8 เมื่อนับถึงสิ้นปีก่อน รวมถึงการกักเก็บคาร์บอนของป่าไม้และพื้นที่สีเขียวในเมืองรายปีสูงแตะ 9.2 ล้านตัน

‘3 คนข่าวดัง’ ขอยก 3 ผู้นำ ‘อินเดีย-จีน-ญี่ปุ่น’ ต้องฉายานี้ ‘มาหาภารตะ - จิ๋นสีฮ่องเต้ - เห็นเงียบๆ แต่งานเพียบ’

(1 ก.พ. 67) วารินทร์ สัจเดว ผู้ประกาศข่าว TNN (อินเดีย), ครูพี่ป๊อป ณัฐพงศ์ นำศิริกุล ผู้ประกาศข่าว TNN (จีน) และดร.เจษฎา ศาลาทอง อาจารย์ประจำ ภาควิชาการสื่อสารมวลชน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ผู้ดำเนินรายการ Good Morning Asean ทาง MCOT (ญี่ปุ่น) ได้พูดถึงผลงานของผู้นำ 3 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย จีน และญี่ปุ่นในปี 2023 ที่ผ่านมา รวมถึงผลงานที่จะเกิดขึ้นในปี 2024 พร้อมตั้งฉายาให้ผู้นำแต่ละประเทศ

ด้าน วารินทร์ สัจเดว ผู้ประกาศข่าว TNN (อินเดีย) ได้ให้ฉายา ‘นเรนทรา โมที’ ประธานาธิบดีอินเดียว่า ‘มาหาภารตะ’ โดยอธิบายว่า มหาภารตะคือคัมภีร์ที่ชาวอินเดียและชาวโลกรู้จักกันอยู่แล้ว สำหรับ ‘นเรนทรา โมที’ กับย่างก้าวของอินเดียในปีที่ผ่านมา ก็อยากเติมสระอาไว้ให้ กลายเป็น ‘มาหาภารตะ’

สำหรับอินเดีย เป็นประเทศที่คบค้าได้กับทุกชาติ แต่ ‘นเรนทรา โมที’ จะยึดผลประโยชน์ของอินเดียไว้เป็นอันดับแรกเสมอ และเขาใช้คำว่า ‘ภารตะ’ เป็นคำแทนประเทศอินเดียอยู่บ่อย ๆ ด้วย ส่วนการเลือกตั้งในปี 2024 นี้ เชื่อว่าไม่มีใครโค่นเขาลงได้แน่นอน

ทางด้าน ครูพี่ป๊อป ณัฐพงศ์ นำศิริกุล ผู้ประกาศข่าว TNN (จีน) ได้ให้ฉายา ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีนว่า ‘จิ๋นสีฮ่องเต้’ โดยอธิบายว่า ชื่อของสี จิ้นผิง ไปสอดคล้องพ้องเสียงกับจิ๋นซีฮ่องเต้ กษัตริย์จีนในอดีตผู้ที่เคยรวบรวมแผ่นดินจีนที่แตกแยกมาเป็นแผ่นดินใหญ่ได้ ซึ่งก็ตรงกับปณิธานของสี จิ้นผิง ที่ต้องการรวบรวมฮ่องกง ไต้หวัน และน่านน้ำต่างๆ มาให้ได้ภายในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่ จึงเป็นเหมือนการสถาปนาแผ่นดินใหญ่ แผ่นดินใหม่ขึ้นมา จึงให้ฉายาว่า ‘จิ๋นสีฮ่องเต้’

ปิดท้ายด้วย ดร.เจษฎา ศาลาทอง อาจารย์ประจำ ภาควิชาการสื่อสารมวลชน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ผู้ดำเนินรายการ Good Morning Asean ทาง MCOT (ญี่ปุ่น) ได้ให้ฉายา ‘ฟูมิโอะ คิชิดะ’ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ว่า ‘เห็นเงียบ ๆ แต่งานเพียบ’ โดยอธิบายว่า งานเพียบก็คือมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะเรื่องในมุ้งการเมือง ทั้งเรื่องการปรับ ครม. เรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน แม้ในช่วงที่ผ่านมาญี่ปุ่นจะดูนิ่ง ๆ ไม่มีอะไรหวือหวา บวกกับบุคลิกของนายกรัฐมนตรีที่นิ่งเงียบด้วย แต่จริง ๆ แล้วมีปัญหาและงานให้ต้องแก้ไขเยอะมาก ก็ต้องมาตามดูกันว่าจะสามารถอยู่ต่อในสมัยที่ 2 ได้หรือไม่ เพราะตอนนี้ก็ต้องไล่แก้ปัญหามากมาย อาจจะต้องใช้ความนิ่งสงบสยบความวุ่นวายและปัญหา

‘สตาร์บัคส์’ พลาดเป้า!! กำไร-รายได้ Q1/67 ต่ำกว่าที่คาด หลังถูกบอยคอตอย่างหนักในสหรัฐฯ-การตัดราคาของจีน

เมื่อวานนี้ (31 ม.ค. 67) สตาร์บัคส์ (Starbucks) ธุรกิจร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลกำไรและรายได้ในไตรมาส 1/2567 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากทำยอดขายทั้งในสหรัฐและต่างประเทศต่ำกว่าคาด

โดยสตาร์บัคส์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้น 90 เซนต์ในไตรมาส 1/2567 ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 93 เซนต์ ส่วนรายได้อยู่ที่ 9.43 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 9.59 พันล้านดอลลาร์

นายลักษมัน นรสีหาญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสตาร์บัคส์ กล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ว่า กิจการของบริษัทกำลังเผชิญกับ ‘แรงต้าน’ ซึ่งรวมถึงการถูกบอยคอตอย่างหนักในสหรัฐและการตัดราคาโดยบรรดาคู่แข่งในจีน

“ยอดขายในสหรัฐเริ่มชะงักตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว เนื่องจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับจุดยืนของบริษัทในสงครามอิสราเอล-ฮามาส อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่ลดลงส่วนใหญ่มาจากลูกค้าขาจร” นรสีหาญ กล่าว

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสหภาพแรงงานสตาร์บัคส์ (Starbucks Workers United) โพสต์ข้อความสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ผ่านเอ็กซ์ (X) โดยมีการใช้สัญลักษณ์ของสตาร์บัคส์ ทางบริษัทสตาร์บัคส์จึงฟ้องร้องสหภาพแรงงานฐานละเมิดเครื่องหมายการค้า ซึ่งทำให้คนจำนวนมากรู้สึกว่าสตาร์บัคส์มีจุดยืนฝักใฝ่อิสราเอล

‘จีน’ ครองแชมป์คู่ค้ารายใหญ่ของ ‘แอฟริกา’ 15 ปีซ้อน มูลค่าการค้าทวิภาคี ปี 2023 แตะ 10 ล้านล้านบาท

เมื่อวานนี้ (1 ก.พ. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ของจีน เปิดเผยว่าจีนยังคงครองตำแหน่งคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของแอฟริกาติดต่อกันเป็นปีที่ 15 ด้วยมูลค่าการค้าทวิภาคีสูงแตะ 2.82 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 10 ล้านล้านบาท) ในปี 2023

เจียงเหว่ย เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ แถลงข่าวว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าเป็นตัวควบคุมและขับเคลื่อนความสัมพันธ์จีน-แอฟริกา โดยคณะรัฐมนตรีจีนได้อนุมัติแผนการทั่วไปเพื่อสร้างเขตนำร่องความร่วมมือเชิงลึกทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-แอฟริกา

จีนจะจัดตั้งเขตนำร่องดังกล่าวเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับการเปิดกว้างและความร่วมมือกับแอฟริกาอันมีอิทธิพลระดับนานาชาติภายในปี 2027 โดยเป้าหมายหลักคือการสร้างพื้นที่สำหรับความร่วมมือกับแอฟริกาอันมีความสามารถทางการแข่งขันระดับนานาชาติ

เจียงเหว่ย เสริมว่า ทั้งสองฝ่ายจะกระตุ้นบทบาทของเขตนำร่องแห่งนี้อย่างเต็มที่ ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านและยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี และส่งมอบผลประโยชน์แก่ประชาชนในจีนและแอฟริกาเพิ่มขึ้นในหลายปีข้างหน้านี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top