Tuesday, 22 April 2025
จิรายุห่วงทรัพย์

‘จิรายุ’ เตือน ‘มท.1’ อย่าดึงเชงไม่เปิดประชุมสภากทม. ระวังเจอมาตรา 157 หลังวันจันทร์นี้ถึงครบกำหนดตามกฎหมาย ชี้ กกต.รับรองไปแล้วถึง 40 คน ต้องรีบเปิดเพื่อพิจารณางบ กทม.

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงการเปิดประชุมสภากรุงเทพมหานครที่ยังไม่มีการเปิดประชุม ว่า  พรบ.กทม.เขียนชัดเจนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต้องเปิดประชุมสภากทม.ภายใน 15 วันหลังการเลือกตั้ง ซึ่งวันจันทร์นี้ก็จะครบ 15 วันแล้ว อีกทั้งสภาใหญ่ได้ผ่านการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 ในวาระแรกไปแล้ว ซึ่งมีส่วนของกรุงเทพมหานครเป็นเงินกว่าแสนล้านบาท

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องใช้สภากทม. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนพิจารณาอย่างเร่งด่วน เพราะเกือบ 8 ปีที่ผ่านมามีแต่สภากทม.ที่แต่งตั้งโดยคสช.

ทั้งนี้ ในพระราชบัญญัติบริหารราชการกรุงเทพมหานครเขียนชัดเจนว่าให้เวลา 15 วันหลังการเลือกตั้งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะต้องไปเปิดประชุมสภากทม. แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการกำหนดการเปิดสมัยประชุม อาจทำให้คนกรุงเทพไม่ได้รับการคุ้มครองเงินงบประมาณจากภาษีของประชาชนได้อย่างทันกาล

‘จิรายุ’ เผย เตรียมร้อง ‘ป.ป.ช.-ปปท.’ เอาผิด ‘รัฐมนตรี’ ออกนโยบายผิดพลาด

(10 พ.ย. 65) เมื่อเวลา 12.50 น. ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในเดือนธ.ค. จะมีการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 แม้จะไม่มีการลงมติ ฝ่ายค้านก็จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยหลังการอภิปรายจะนำรวบรวมข้อมูลทำเป็นสำนวนร้องไปที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) โดยในวันจันทร์ ที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ต้องเข้าชี้แจงต่อป.ป.ช. ในกรณีเขียนคำร้องไปยังรัฐมนตรีหลายคน ในขณะเดียวกัน ดีเอสไอ ได้แจ้งเป็นเอกสารกลับมาหลังจากกมธ.ฯ ได้ส่งสำนวน พยานหลักฐาน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงต่างๆ ซึ่งดีเอสไอได้บรรจุเป็นวาระพิจารณาแล้ว

‘จิรายุ’ ตัดพ้อ!! ไม่มีค่ากับพรรคเพื่อไทย ปมเปิดตัว ‘โจทก์เก่า’ เป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.

เมื่อวานนี้ (3 ธ.ค. 65) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในนั้นมีนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.กาญจนบุรี ว่าตนทำงานรับใช้และต่อสู้กับพวกเผด็จการ ให้กับพรรคเพื่อไทยมา 10 กว่าปี ไม่คิดว่าพรรคจะจัดได้เต็มคาราเบลกับตนเช่นนี้เหมือนกัน

“ทำให้ต้องคิดมากขึ้นในเรื่องแนวทางการเมืองนับจากนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพนับถือของพรรค เรียกให้ผมไปพูดคุยแล้วก็ยืนยัน แต่ผลออกมาเป็นเช่นนี้ ตีความได้อย่างเดียวว่า ผมไม่มีคุณค่ากับพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป อย่าคิดว่าคนที่เคยด่าผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคเป็นปรปักษ์ของพรรคมาตลอดจะทำอะไรกับพรรคเพื่อไทยก็ได้ อยากจะไปก็ด่าพรรคเอาใจ 3ป. อยากจะกลับมาก็ชเลียร์”

นายจิรายุ กล่าวต่อว่าสำหรับกลไกการขับเคลื่อนด้านติดตามตรวจสอบทุจริต ยังเดินอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีคดีความของนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ที่คณะกรรมาธิการกิจการศาลฯและตนได้ยื่นฟ้องไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เรื่องการทุจริตของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลแล้ว มีอีก 3 สำนวน ในการตรวจสอบทุจริตของกรมและการใช้เงินกองทุนพัฒนาทรัพยากรน้ำบาดาล ปีที่ผ่านมา ยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีทั้งเอกชนและข้าราชการระดับสูงและรองอธิบดีจนถึงผู้อำนวยการกองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต เอฟซีจิรายุ ขอให้มั่นใจได้ว่าใครจะเข้ามาบ้านนี้ด้วยวิธีการแบบใดไม่รู้ รู้อย่างเดียวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่ตนเคารพนับถือต้องอธิบายให้ได้ ไม่เช่นนั้นหลักการ ที่ศรัทธามาตลอด 10 กว่าปีจะสิ้นไป

นายจิรายุกล่าวอีกว่า ปีที่แล้วต่อสู้กับเรื่องเหล่านี้จนบอบช้ำ พรรคก็ไม่เคยให้ความช่วยเหลืออะไรอยู่แล้ว ถูกนายศักดิ์ดา กลั่นแกล้งไปยื่นฟ้องที่สายบุรี ปัตตานี พื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งเรื่องขี้หมามาก หวังให้ตนเสี่ยงชีวิต เดชะบุญที่มีบ้านใหญ่ปัตตานี นายซูการ์โน มะทา ดูแลความปลอดภัยให้ตลอด ต่อสู้คดีจนชนะและฟ้องกลับเรียกค่าเสียหายทั้งทางอาญาและทางแพ่งไป 25 ล้านบาท

'นพดล' ชี้ 'จิรายุ' สำคัญกับเพื่อไทยเสมอมา เชื่อ!! เคลียร์ใจกันได้ เพื่อเดินหน้าแลนด์สไลด์ไปด้วยกัน

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 65 เวลา 11.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค กล่าวถึงกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ระบุว่าจะขอทบทวนเส้นทางการเมืองหลังพรรคฯ จะส่งนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งเคยเป็นโจทก์เก่าของนายจิรายุ มาเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง พรรคเพื่อไทยว่า นายจิรายุเป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพคนหนึ่งของพรรค และทำงานหนักในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตนยังไม่มีโอกาสได้คุยกับนายจิรายุ แต่เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยยังมีพื้นที่และมีโอกาสให้นายจิรายุได้ทำงานทางการเมืองสานต่อคุณภาพการเมืองที่เขาทำไว้ต่อ ซึ่งคงจะมีโอกาสได้หารือกัน ทั้งนี้ พรรคการเมืองก็เหมือนเรือที่อยู่ในทะเล ก็จะเจอคลื่นลมเป็นเรื่องปกติแต่เราต้องมีกระบวนการในการระงับความไม่พอใจหรือความขัดแย้งได้ 

“ผมมั่นใจว่านายจิรายุจะเห็นถึงผลประโยชน์ของพรรคและประเทศ เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทยก็กำลังเดินหน้าสู่ชัยชนะแลนด์สไลด์เพื่อสร้างโอกาสในการแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชน นายจิรายุก็เป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งจึงอยากให้เขาอยู่ในพรรคเพื่อไทยต่อ แต่ความไม่พอใจหรือความน้อยใจก็เกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งในส่วนตัวผมคิดว่าสามารถเคลียร์กันได้ เพราะนายจิรายุก็เป็นคนที่รับฟังเหตุผล” นายนพดล กล่าว

'บิ๊กเพื่อไทย' อบรม 'จิรายุ' ปมคัดเลือกผู้สมัคร ไม่ควรเอาเรื่องขัดแย้งส่วนตัวไปพูดนอกพรรค

(6 ธ.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาแสดงความไม่พอใจที่พรรคที่ไปคัดเลือกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งฟ้องร้องกัน จะให้มาลงสมัคร ส.ส.กาญจนบุรี ในนามพรรคเพื่อไทยว่า ต้องแยกกัน ใครเป็นคู่ขัดแย้งถือเป็นเรื่องส่วนตัว บุคคลที่เสนอตัวมาลงสมัครกับพรรคเพื่อไทย หากคุณสมบัติครบถ้วน พรรคก็ต้องพิจารณา พรรคไม่รู้ก่อนหรอกว่าใครเป็นคู่ขัดแย้งหรือทะเลาะกับใคร

“เรื่องความขัดแย้งส่วนตัวก็ควรเคลียร์กัน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว หากอยากให้ผู้ใหญ่เคลียร์ควรมาบอกกัน ไม่ใช่ออกมาไปให้ข่าวแบบนั้น” นายวิชาญ กล่าว

‘จิรายุ’ ซัด!! ‘ธนาธร’ พูดเหมือนแกล้งไม่รู้ ปม 5 ด้านพัฒนาประเทศ ‘รัฐบาลพท.’ ทำอยู่แล้ว

(19 พ.ย.66) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ออกมาเสนอแนวคิดการใช้เงิน 5 แสนล้านบาท โดยเอาไปทำรถเมล์ไฟฟ้า ทำน้ำประปาดื่มได้ เอาไปให้การแพทย์ และเอาไปทำระบบจัดการขยะนั้น ฟังแล้วแปลกใจ เพราะนายธนาธรพูดเหมือนแกล้งไม่รู้ ไม่คิดว่าจะมีแนวคิดย้อนยุค ส่งประเทศกลับไปเป็นแบบรัฐราชการเหมือนในอดีตอีกหรือไม่ เนื่องจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี จะมีส่วนที่เป็นงบสำหรับนโยบายต่างๆ อย่างนี้อยู่แล้ว และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เร่งดำเนินการเป็นวาระเร่งด่วนอยู่แล้ว เพียงแค่ 2 เดือนเศษของรัฐบาลก็มีความคืบหน้าอย่างมากมายหลายโครงการ

นายจิรายุ กล่าวว่า วันนี้เครดิตความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ดีขึ้นอย่างมากอันจะนำมาซึ่งการลงทุนในด้านต่างๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาคึกคักมากขึ้น การพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและสวัสดิการของประชาชนสามารถดำเนินการได้ทันที เป็นการทำงานของรัฐบาลที่ผลักดันให้เกิดการเจริญเติบโตของประเทศและการลงทุนในด้านต่างๆ ได้

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ในทางทฤษฎี ในภาวะเศรษฐกิจซบเซามาหลายปี จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องให้ประชาชนได้มีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ ในประเทศจะมีเงินสะพัด การค้าขายดีขึ้น และจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นในทันที สิ่งที่ตามมาก็จะเกิดการลงทุนในด้านต่างๆ ซึ่งการที่นายธนาธรพูดเช่นนั้นตนเชื่อว่ารู้อยู่แล้วว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ เมื่อประสบความสำเร็จก็จะเป็นผลงานของพรรคเพื่อไทยนานเท่านาน เหมือนที่คนไทยชอบพูดว่าพรรคเพื่อไทยมาบริหารเศรษฐกิจก็จะดีทุกครั้งไป ซึ่งอาจกระทบความนิยมของพรรคการเมืองอื่นๆ แต่ตนมั่นใจว่าจากประสบการณ์ของพรรคเพื่อไทยในอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นเครื่องรับประกันได้ว่าจะสามารถนำพาประเทศไทยกลับมาสู่ยุคโชติช่วงชัชวาลได้อีกครั้งอย่างแน่นอน

'จิรายุ' ชี้กองทัพยุค 'บิ๊กทิน' พัฒนา 'ความมั่นคง' พร้อม 'ความมั่งคั่ง' ทาง ศก. หลัง 'ผบ.ทร.' เผย!! สนามบินอู่ตะเภาพร้อมรองรับ EEC เอื้อ ศก.รุดหน้า

(16 ธ.ค.66) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการลงพื้นที่ภาคตะวันออก อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ว่า นอกจากการตรวจเยี่ยมการฝึกยุทธวิธีของกองทัพเรือ แล้ว รมว.กลาโหม ยังได้ติดตามความคืบหน้า ในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ EEC เพื่อรองรับต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังเติบโตในอนาคตอันใกล้นี้

โดย พล.ร.อ.อะดุง พันธ์ุเอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการปรับปรุง สนามบินอู่ตะเภา ได้รายงานว่า เพื่อให้สนามบินแห่งนี้มีความทันสมัยในการรองรับ นักท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมากที่เข้ามาท่องเที่ยวในชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก และรองรับกับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในโครงการ พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งจะมีทั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และระบบคมนาคม ทั้งทางอากาศ ทางน้ำและทางบก รวมทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น ในความรับผิดชอบของ กองทัพเรือมี 2 โครงการ คือการพัฒนาและปรับปรุงทั้งอาคารผู้โดยสารและรันเวย์ที่ 2 เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ในปริมาณที่มากขึ้น

ล่าสุด มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก โดยงานจ้างที่ปรึกษาโครงการดำเนินการ ไปถึงขั้นตอนการประกาศเชิญชวน แล้วคาดว่าจะมีการอนุมัติ ในสัปดาห์หน้านี้

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ส่วนงานจ้างก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 จะนำเข้าพิจารณากับคณะกรรมการของกองทัพเรือเพื่อขอความเห็นชอบในร่าง TOR ไม่เกิน วันที่ 26 ธันวาคม ปีนี้ เพื่อให้ทันแถลงผลการประชุม คณะกรรมการ EEC ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันดังกล่าว โดยคาดว่าในปีหน้าโครงการนี้จะมีความคืบหน้าในการรองรับภาวะเศรษฐกิจที่จะเติบโตได้

นายจิรายุ กล่าวต่อไปอีกว่า ในส่วนของกระทรวงกลาโหม รมว.กลาโหม ได้กำชับหน่วยงาน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ให้ดำเนินการตอบสนองตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในเรื่องแนวนโยบายพัฒนากองทัพควบคู่ไปกับการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ โดยใช้ทรัพยากรของกองทัพในการสนับสนุน เนื่องจากโลกยุคใหม่ต้องเดินควบคู่ไปพร้อมกันระหว่างความมั่นคงทางการทหาร และความมั่นคงของเศรษฐกิจ เพราะเมื่อเศรษฐกิจมั่งคั่งความมั่นคงของประเทศไทยก็จะมั่นคงตามไปด้วย

‘จิรายุ’ แจงดรามา ด้อยค่าไหว้ ‘บิ๊กตู่’ ชี้!! พ่อแม่สอนให้มีสัมมาคารวะ เพราะเป็นมารยาทถ้าเจอผู้ใหญ่ เว้นอย่างเดียวเสาไฟฟ้า ตนไม่ไหว้

(24 ม.ค. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวหากองทัพเรือนำบ้านหลวงไปปล่อยเช่าในโครงการนาวีเพลส ว่า ได้สอบถามและตรวจสอบไปยังกองทัพเรือแล้ว ยืนยันว่ามีการปล่อยให้เช่าจริงในโครงการนาวีเพลส ซอยเฉลิมพระเกียรติ 48 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโครงการของสหกรณ์เคหสถานราชนาวี มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้สมาชิกของสหกรณ์ฯ มีบ้านอยู่อาศัยยามเกษียณ

สำหรับสหกรณ์ฯ ดังกล่าวมีสถานะเป็นนิติบุคคล ตามกฎหมายแยกจากกองทัพเรือ เป็นคอนโดขาย 5 ตึกและทาวน์โฮม 15 หลัง รวมทั้งสิ้น 235 ยูนิต ซึ่งตรวจสอบพบ ในเว็บซื้อขายให้เช่าบ้านที่ดิน มีลงขายให้เช่าจริง ซึ่งอาจทำให้นาย จิรัฏฐ์ มีข้อมูลไม่ครบถ้วนเลยเข้าใจผิดว่าเป็นโครงการอาคารพักอาศัยส่วนกลางของทางราชการและเอาไปปล่อยเช่า แต่ในความเป็นจริงโครงการดังกล่าวเขาเปิดขายขาด ทำบนที่ดินของสหกรณ์ถือกรรมสิทธิ์ไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินเมื่อเขาซื้อไปแล้วก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าของ เขาจะไปลงประกาศขายหรือให้เช่าก็เป็นสิทธิ์ของเขา

นายจิรายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีมีการด้อยค่าที่ตนยกมือไหว้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาองคมนตรี ในงานเลี้ยง ตนขอเรียนว่าพ่อแม่ตนสั่งสอนมา ว่า เมื่อเจอผู้ใหญ่ผู้อาวุโส ต้องยกมือไหว้ ไม่จำเป็นต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ใหญ่ท่านไหนตนก็ไหว้ หรือเจอใครก่อนแม้จะอ่อนกว่าก็ไหว้สวัสดี เพราะตนเป็นคนมือไม้อ่อนตั้งแต่เด็ก ที่สำคัญตอน พล.อ.ประยุทธ์เป็น หัวหน้า คสช.ไม่เคยเจอก็เลยไม่เคยไหว้ พอมาเป็นนายกฯ เจอในรัฐสภา กี่ครั้งด้วยมารยาทก็ต้องยกมือไหว้ แถมวันกองทัพบกที่ผ่านมาเจอทั้งท่าน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านอนุทิน ชาญวีรกุลและผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาล ตนก็ยกมือไหว้ทุกท่านตามปกติ

“ผมเป็นคนไทยที่ถูกครูบาอาจารย์ พ่อแม่สอนมาให้มีสัมมาคารวะ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเมื่อผมเจอผู้อาวุโสกว่าก็ควรต้องไหว้ เว้นอย่างเดียวเสาไฟฟ้า ผมไม่ไหว้” นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า เจตนารมย์ของตนยังเหมือนเดิมต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหารเผด็จการ มาโดยตลอดปฏิวัติปี 57 โดนจับไปขัง 7 วันไม่เคยลืม แต่วันนี้เป็นรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยมาปีที่ 5 อะไรที่ต้องปรับปรุงต้องแก้ไขปัญหา เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องช่วยกัน วันนี้ตนมาเป็นโฆษก กห.ก็ทำหน้าที่ในฝ่ายบริหาร ถ้าฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกลตั้งตนเป็นโฆษกผู้นำฝ่ายค้าน ตนก็จะทำหน้าที่ ให้เต็มกำลัง

“การแก้ไขปัญหาประเทศนี้ไม่มีทางจะแก้ไขได้แบบพลิกฝ่ามือได้ เฉกเช่นกรุงโรมไม่สามารถสร้างได้ภายในวันเดียว ผมคิดอย่างเดียวว่าการดำรงชีวิตในโลกยุคใหม่นี้จะเอาแค่มันส์ แค่เกรียน อย่างเดียวไม่ได้ต้องมีสติและปัญญาใช้ความรู้ความสามารถรวมพลังกันเพื่อแก้รากของปัญหาที่สะสมมากว่า 80 ปี และนำประเทศไทยกลับมาผงาดในเวทีโลกอีกครั้ง” นายจิรายุ กล่าว

‘กลาโหม’ แจง เครื่องบินพาณิชย์ ‘เมียนมา’ ลงจอด แม่สอด จ.ตาก กองทัพดูแล ตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมือง

(8 เม.ย.67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว ถึงกรณีเครื่องบินพาณิชย์เมียนมาลงจอดที่ประเทศไทย ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก  ว่า 

ประเด็นแรก ผู้ลี้ภัยจากสงครามเมียนมา ที่หลบหนีเข้ามาทางฝั่งไทย ทางด้านกองทัพภาคที่ 3 มีการเตรียมการ มาตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์สู้รบฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สอด และอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก มีการสู้รบในฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา มาโดยตลอด ซึ่งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา มีผู้ลี้ภัยเข้ามายังค่ายผู้อพยพ ที่อำเภอแม่สอด และอำเภอแม่สะเรียง และทางกองทัพ  ก็ได้ดูแลช่วยเหลือ และให้ความเป็นธรรม ตามหลักสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (7เม.ย.67) รัฐบาลของเมียนมาที่จังหวัดเมียวดี สูญเสียฐานที่มั่น กองทัพไทย จึงให้ทางรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ ได้เจรจากัน ในเรื่องของความช่วยเหลือ ทั้งการนำเครื่องบินพาณิชย์ มารับข้าราชการ และครอบครัว ที่อยู่ในจังหวัดเมียววดี ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะต้องไปพูดคุยกับรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้าน

รัฐบาลเตรียมดันโครงการ!! ‘ไทยแลนด์มิวสิคแคมเปญ’ ในปีหน้า ใช้ดนตรีดึงดูดนักท่องเที่ยว เปิดประสบการณ์ ‘เอ็กซ์คลูซีฟคอนเสิร์ต’

(19 ต.ค. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ ‘เสียงจากใจ…ไทยคู่ฟ้า’ สรุปงานรอบสัปดาห์ของรัฐบาล ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย 92.5 เมกกะเฮิร์ต ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมาว่า ในปี 2568 จะถือเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย หลังจากที่ประเทศไทยเจอปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโควิด-19 และอุทกภัยที่เกิดขึ้น จึงได้มีดำริให้มีการดำเนินโครงการที่เรียกว่า ‘ไทยแลนด์มิวสิคแคมเปญ’ เป็นโครงการที่นำดนตรีเข้ามาเป็นจุดดึงดูดให้กับนักท่องเที่ยวและคนไทยได้ไปชมศิลปหัตถกรรมและคอนเสิร์ตสำคัญต่าง ๆ

โดยนายกฯมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เป็นหน่วยงานหลักจัดทำโครงการเอ็กซ์คลูซีฟคอนเสิร์ต ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 ซึ่งต่างประเทศได้ทำโครงการดังกล่าว มีการจัดคอนเสิร์ตสำคัญ ๆ  ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีการจัดคอนเสิร์ตสำคัญจะมีประชาชนให้ความสนใจเข้ามาดู จะมีรายได้เข้าประเทศจำนวนมาก อีกทั้งจะเป็นการกระตุ้นรายได้และสร้างภาพลักษณ์ให้กับประเทศไทย

นายกฯสั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ศึกษาความเป็นไปได้ในการนำศิลปินระดับโลกเข้ามาการแสดงในไทย รวมถึงงานศิลปะต่าง ๆ เอามาโชว์ ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้มีโอกาสเห็นภาพของโมนาลิซ่า ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ของฝรั่งเศส อาจจะมีการนำมาโชว์ในเมืองไทยก็เป็นได้ เหมือนที่เราได้ชมบารมีของพระเขี้ยวแก้วมาแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top