‘จิรายุ’ ตัดพ้อ!! ไม่มีค่ากับพรรคเพื่อไทย ปมเปิดตัว ‘โจทก์เก่า’ เป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.

เมื่อวานนี้ (3 ธ.ค. 65) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในนั้นมีนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.กาญจนบุรี ว่าตนทำงานรับใช้และต่อสู้กับพวกเผด็จการ ให้กับพรรคเพื่อไทยมา 10 กว่าปี ไม่คิดว่าพรรคจะจัดได้เต็มคาราเบลกับตนเช่นนี้เหมือนกัน

“ทำให้ต้องคิดมากขึ้นในเรื่องแนวทางการเมืองนับจากนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพนับถือของพรรค เรียกให้ผมไปพูดคุยแล้วก็ยืนยัน แต่ผลออกมาเป็นเช่นนี้ ตีความได้อย่างเดียวว่า ผมไม่มีคุณค่ากับพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป อย่าคิดว่าคนที่เคยด่าผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคเป็นปรปักษ์ของพรรคมาตลอดจะทำอะไรกับพรรคเพื่อไทยก็ได้ อยากจะไปก็ด่าพรรคเอาใจ 3ป. อยากจะกลับมาก็ชเลียร์”

นายจิรายุ กล่าวต่อว่าสำหรับกลไกการขับเคลื่อนด้านติดตามตรวจสอบทุจริต ยังเดินอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีคดีความของนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ที่คณะกรรมาธิการกิจการศาลฯและตนได้ยื่นฟ้องไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เรื่องการทุจริตของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลแล้ว มีอีก 3 สำนวน ในการตรวจสอบทุจริตของกรมและการใช้เงินกองทุนพัฒนาทรัพยากรน้ำบาดาล ปีที่ผ่านมา ยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีทั้งเอกชนและข้าราชการระดับสูงและรองอธิบดีจนถึงผู้อำนวยการกองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต เอฟซีจิรายุ ขอให้มั่นใจได้ว่าใครจะเข้ามาบ้านนี้ด้วยวิธีการแบบใดไม่รู้ รู้อย่างเดียวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่ตนเคารพนับถือต้องอธิบายให้ได้ ไม่เช่นนั้นหลักการ ที่ศรัทธามาตลอด 10 กว่าปีจะสิ้นไป

นายจิรายุกล่าวอีกว่า ปีที่แล้วต่อสู้กับเรื่องเหล่านี้จนบอบช้ำ พรรคก็ไม่เคยให้ความช่วยเหลืออะไรอยู่แล้ว ถูกนายศักดิ์ดา กลั่นแกล้งไปยื่นฟ้องที่สายบุรี ปัตตานี พื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งเรื่องขี้หมามาก หวังให้ตนเสี่ยงชีวิต เดชะบุญที่มีบ้านใหญ่ปัตตานี นายซูการ์โน มะทา ดูแลความปลอดภัยให้ตลอด ต่อสู้คดีจนชนะและฟ้องกลับเรียกค่าเสียหายทั้งทางอาญาและทางแพ่งไป 25 ล้านบาท

แต่นายศักดิ์ดา ยังกลั่นแกล้ง โดยใช้ตำแหน่งอธิบดี ยื่นร้องจริยธรรมตนต่อรัฐสภาจนมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและกรรมการลงมติว่า การร้องของนายศักดิ์ดา ไม่มีมูลความจริงให้ยกคำร้องและยังมีการร้องตนในเรื่องเดียวกันไปที่ ปปช. โดยมีเจตนาพิเศษให้ติดคุกติดตะราง หมดอนาคตทางการทางเมือง ทั้งที่ประกอบคุณงามความดีมาตลอดชีวิตการเมืองจนเป็นที่ประจักษ์ในสังคม และไม่เคยรู้จักกับนายศักดาหรือมีเรื่องโกรธแค้นใดกันมาก่อนแม้แต่น้อย ยังทำได้ขนาดนี้ตนทำหน้าที่ในฝ่ายค้านในฐานะประธานกรรมาธิการ ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน มารู้ทีหลังว่าเขามีข้อพิพาทกับส.ส. พรรคเพื่อไทยและด่าพรรคมาตลอด 2-3 ปีมานี้

“ถามจริง ๆ จะให้ยืนให้ตบหัวเล่นเฉย ๆ หรืออย่างไร นับจากนี้จะเข้มข้นในการตรวจสอบประวัติของผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะ ทุกคนที่เคยอยู่พรรคตรงข้าม เพราะวันนี้พอจะแลนด์สไลด์แห่กันเข้ามา คนอยู่บ้านเป็นหมาเฝ้าบ้านแบบพวกผมควรปฎิบัติตนแบบไหนดี ถ้าไม่อยู่พรรคเพื่อไทยก็จะไปเป็นภาคประชาชนเพื่อติดตามตรวจสอบไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล จะใช้วิชาชีพที่เคยเป็นนักข่าวสืบสวนสอบสวนมาตลอดทั้งชีวิตทำงานเพื่อให้สังคมน่าอยู่” นายจิรายุกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์ดา สมัยยังดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อปี 2564 เคยออกมาแฉว่า มีอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 บางคนในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 โทรมาเรียกเงิน 5 ล้านบาทแลกกับให้ผ่านงบฯ ของกรมทรัพยากรน้ำ จนเป็นเรื่องฮือฮา และกรรมาธิการกฎหมายฯ สภาฯ เชิญนายศักดิ์ดา มาชี้แจงสอบถามข้อเท็จจริง ต่อมาก็เป็นคดีความ ศาลฎีกา รับคำร้อง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ส.ส.เพื่อไทยรายหนึ่ง ในคดีฝ่าฝืนจริยธรรม

ในการพิจารณางบประมาณร่ายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 นายศักดิ์ดา ฟ้องหมิ่นประมาทกับนายจิรายุ ว่าให้ข่าวเท็จพาดพิงถึงนายศักดิ์ดา มาจากบรรยากาศการประชุมปรับลดงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ทำให้ได้รับความเสียหายรุนแรง ขณะที่นายจิรายุ ฟ้องกลับ นายศักดิ์ดาเช่นกัน


ที่มา : https://www.thaipost.net/hi-light/276314/