Tuesday, 22 April 2025
ความปลอดภัย

เลขาฯ 'อารี' ร่วมขับเคลื่อนความปลอดภัยเพื่อลูกจ้าง ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุในการทำงานไม่เกิน 1.5 คน : 1,000 คน ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้

(6 พ.ย. 67) เวลา 09.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการเสวนาการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนเงินทดแทน โดยมี นายจิรวัตร์ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นางมารศรี  ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน คณะอนุกรรมการพัฒนาส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงาน ผู้ร่วมงานเสวนาและสื่อมวลชนให้การต้อนรับ ณ โรงแรมบุรีศรีภู จังหวัดสงขลา

​นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่ากระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ มาเป็นประธานในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการเสวนาการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยความร่วมมือในการดำเนินการส่งเสริมและป้องกันเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน แก่ลูกจ้าง ระหว่าง สำนักงานกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย 

ในการดูแลลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน วัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นสร้างการรับรู้และการตระหนักถึงความปลอดภัยในการทำงาน และเมื่อเกิดการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน ก็จะได้รับสวัสดิการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยฯ ที่ดี จากผลการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยของลูกจ้างในช่วงปี  2562 – 2566 มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการประสบอันตรายกรณีร้ายแรงลดลงจาก 2.53 ต่อ 1,000 ราย เหลือ 2.13 ต่อ 1,000 ราย และมีเป้าหมายในปี 2567 อัตราการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานต้องน้อยกว่าปี 2566 โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 อัตราการประสบอันตรายเท่ากับ 1.55 ต่อ 1,000 ราย นั้น
​การจัดงานประชุมเสวนาฯ 

ในครั้งนี้ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องแรงงานเป็นอย่างมากที่ทุกหน่วยงาน จะได้สร้างการรับรู้ผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยฯ รวมถึงผลงานของคลินิกโรคจากการทำงานที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทน อีกทั้งยังได้แลกเปลี่ยนความรู้ เสนอข้อคิดเห็น และแนวทาง สร้างความปลอดภัยในการทำงานให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวมีความสำคัญ เพราะนอกจากจะใช้เป็นเวทีแห่งการรับฟังและเสนอข้อคิดเห็นฯ 

จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมวิธีป้องกันความปลอดภัย เพื่อลดอุบัติเหตุในการทำงานให้ลูกจ้างเพิ่มมากขึ้นแล้ว กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมยังใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ ในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และก้าวทันตามกระแสเปลี่ยนแปลง ของเทคโนโลยียุคใหม่ เพื่อให้สังคมแรงงานเข้าถึงข้อมูลของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ โดยกิจกรรมในครั้งนี้ ยังได้มีการมอบโล่และประกาศเกียรติคุณให้สถานประกอบการที่สามารถส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงานฯ ซึ่งเป็นรางวัลที่ยืนยันถึงผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ที่สามารถใช้เป็นต้นแบบและจูงใจให้สถานประกอบการอื่น ๆ เห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความปลอดภัยและป้องกันอันตรายให้แก่ลูกจ้างอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

​ด้าน นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานประชุมวิชาการเสวนาฯ ในครั้งนี้ว่า เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจความสำคัญของงานกองทุนเงินทดแทนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะในการดำเนินการสนับสนุนงบประมาณด้านการป้องกันและส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงาน จากการเสวนาทางวิชาการเกี่ยวกับความปลอดภัย ในการทำงาน ยังมีการจัดนิทรรศการสร้างการรับรู้งานประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทนอีกด้วย มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กว่า 350 คน โดยความคาดหวังให้เกิดความปลอดภัยและการตระหนักถึงการลดอุบัติเหตุในการทำงานในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ให้ไม่เกิน 1.5 คน ต่อลูกจ้าง 1,000 คน และให้ครอบคลุมทั่วประเทศในอนาคต

เลขาอารีฯ พบเครือข่าย จป.ภาคใต้ รวมพลังสร้างความปลอดภัย ลดการประสบอันตรายในการทำงาน 

เมื่อวานนี้ (8 พ.ย.67) เวลา 15.00 น.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีปิดโครงการรวมพลังเครือข่าย เสริมสร้างศักยภาพให้ จป.กิจกรรม 'เครือข่าย จป. รวมใจ สร้างความปลอดภัย (วัน จป.)' โดยมี ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมความปลออดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมความปลอดภัยและอาชีวอนามัยภูมิภาค (ภาคใต้) หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดสงขลา ประธานชมรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานภาคใต้ (ตอนล่าง)

นายกสมาคมความปลอดภัยภาคใต้ คณะกรรมการชมรมฯ คณะกรรมการสมาคมฯ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ร่วมให้การต้อนรับ ณ โรงแรมเซาท์เทอร์นแอร์พอร์ท อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

นายอารี กล่าวว่า ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีปิดกิจกรรม 'เครือข่าย จป. รวมใจ สร้างความปลอดภัย (วัน จป.)' ภายใต้โครงการรวมพลังเครือข่าย เสริมสร้างศักยภาพให้ จป. ในวันนี้ ซึ่งจากการกล่าวรายงานของผู้จัดกิจกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ได้เกิดขึ้นในสถานประกอบกิจการในประเทศไทย มาเป็นระยะเวลา 39 ปีแล้ว และถึงแม้ว่าจะมีบุคลากรผู้ดูแล รับผิดชอบในเรื่องความปลอดภัยในการทำงานโดยตรง แต่ต้องยอมรับว่าอุบัติเหตุก็ยังเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน 

ซึ่งสาเหตุหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ เกิดจากระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยที่ยังขาดประสิทธิภาพ บุคลากรขาดความรู้เกี่ยวกับมาตรการในการป้องกันแก้ไข การประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุ ดังนั้น การดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยของประเทศไทย (Safety Thailand) เป็นสิ่งสำคัญอันยิ่งใหญ่ของการพัฒนางานด้านความปลอดภัยในการทำงานให้เกิดผลสำเร็จอย่างยั่งยืนการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีพฤติกรรมหรือจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในเชิงป้องกัน ให้ตระหนักรู้ถึงความปลอดภัยตลอดทุกการกระทำและทุกสภาพแวดล้อมที่ดำรงอยู่ เพื่อก่อให้เกิดความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของคนในชาติ อันเป็นกำลังสำคัญ สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของประเทศ ซึ่งความสำเร็จนี้ต้องเกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชน ภาครัฐ ภาคเอกชนอย่างจริงจัง

นายอารี กล่าวต่อว่า ผมขอขอบคุณ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) ที่จัดกิจกรรมนี้ขึ้นรวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสงขลา ศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 9 สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสงขลา ชมรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานภาคใต้ (ตอนล่าง) สมาคมความปลอดภัยภาคใต้ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 12 สงขลา นายจ้าง ผู้บริหาร เจ้าของสถานประกอบกิจการ บุคลากรด้านความปลอดภัย เครือข่ายความปลอดภัย และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมในครั้งนี้

สมุทรปราการ-ผกก.สภ.บางพลี ปล่อยแถวข้าราชการตำรวจ ดูแลความปลอดภัยบริเวณพื้นที่จัดงานสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

นายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี พร้อมด้วย พ.ต.อ. ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี เป็นประธานร่วมปล่อยแถวข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร 

เพื่อลงพื้นที่คอยดูแลความปลอดภัยบริเวณพื้นที่จัดงานลอยกระทง ประจำปี 2567 อีกทั้ง เพื่อเป็นการป้องกันเหตุอาชญากรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมในงานสืบสานประเพณีลอยกระทงในเขตพื้นที่อำเภอบางพลี

นอกจากนี้ ยังได้มอบโอวาทให้แก่ทางข้าราชการตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ที่ได้เสียสละอุทิศตนดูแลความปลอดภัยรับใช้พี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงโดยในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งในเขตพื้นที่และในเขตใกล้เคียงเดินทางมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก 

โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี ได้มีการประชุมวางแผนรับมือด้านการจราจร รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนที่เดินทางมาร่วมในงาน อีกทั้ง เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่นักท่องเที่ยวและป้องกันเหตุอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย
       

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจร การจัดงานกาชาด ประจำปี 2567 พร้อมเชิญชวนร่วมสนุกในร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ภายในงานด้วย

(9 ธ.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการดูแลความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และการออกร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ในงานกาชาด ประจำปี 2567 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11 - 22 ธันวาคม 2567 รวม 12 วัน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผบช.สกบ.รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สยาม บุญสม จตร.รรท.ผบช.น. , พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. พร้อมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนสมาคมแม่บ้านตำรวจ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้กำชับการรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกการจราจร โดยรอบบริเวณพื้นที่การจัดงานและพื้นที่ต่อเนื่อง , สืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัย , จัดทำแผนเผชิญเหตุ แผนการเคลื่อนย้ายประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย หรือโรงพยาบาลฉุกเฉิน , ระดมกวาดล้างอาชญากรรม และการพิจารณาการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณโดยรอบพื้นที่การจัดงาน

ในด้านการรักษาความปลอดภัยภายในงานกาชาด ประจำปี 2567 กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรอง (walk through) บริเวณทางเข้า โดยรอบสวนลุมพินี มีการสุ่มตรวจใช้แอปพลิเคชัน Crime on Mobile กับบุคคลต้องสงสัย เพื่อตรวจสอบหมายจับการกระทำผิดอาญา และผู้ที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์

ในส่วนของการจราจรนั้น คาดว่าตลอดการจัดงานกาชาด ประจำปี 2567 จะมีประชาชนเดินทางไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้การจราจรโดยรอบติดสะสม จึงได้กำชับให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ต่อเนื่องอย่างเต็มกำลัง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สนใจมาร่วมงานเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถประจำทาง รถไฟฟ้า BTS MRT รถยนต์นั่งสาธารณะ เพื่อลดปัญหาการจราจรในพื้นที่รอบบริเวณงาน หรือจอดรถนอกพื้นที่และต่อรถที่จัดให้บริการฟรีได้

สำหรับประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานโดยรถยนต์ส่วนตัว จะมีจุดจอดรถจำนวน 4 จุด คือ ลานจอดรถประตูถนนราชดำริ จอดได้ประมาณ 150 คัน , ลานจอดรถสวนลุมพินี ทางเข้าประตู 1 ถนนวิทยุ จอดได้ประมาณ 200 คัน , จุดจอดรถสวนป่าเบญจกิติ จอดรถยนต์ได้ประมาณ 300 คัน จอดรถจักรยานยนต์ได้ประมาณ 400 คัน และจุดจอดรถสนามกีฬาแห่งชาติ จอดได้ประมาณ 100 คัน โดยจุดจอดรถสวนป่าเบญจกิติ และสนามกีฬาแห่งชาติ จะมีรถ Shuttle Bus รับ-ส่งผู้ที่มาร่วมเที่ยวชมงาน 

นอกจากนี้ ยังมีอาคารจอดรถเอกชนที่สามารถรองรับรถของประชาชนที่จะเดินทางไปร่วมงานกาชาด ซึ่งมีค่าบริการที่จอดรถ ได้แก่ อาคาร one Bangkok จอดได้ประมาณ 3,000 คัน , อาคารสินทร ถนนวิทยุ จอดได้ 1,200 คัน , อาคารเคี่ยนหงวน ถนนวิทยุ จอดได้ 50 คัน , โครงการเวลา หลังสวน จอดได้ 200 คัน , อาคารออลซีซั่น ถนนวิทยุ จอดได้ 3,000 คัน , เดอะ เมอคิวรี่ ทาวเวอร์ จอดได้ 390 คัน และศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จอดได้ 2,000 คัน

ทั้งนี้ ในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นเจ้าภาพหลักในการออกร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจออกร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ตั้งอยู่บริเวณโซน 5 โดยในส่วนของร้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การจัดนิทรรศการ “ทศมราชา 72 พรรษา ถวายพระพร” , กิจกรรมยิงปืนอัดลม (บีบีกัน) ปาลูกโป่ง หนุ่มน้อยตกน้ำ ขี่ม้าพาเพลิน , การออกร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม และร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งการแสดงของม้าตำรวจ และสุนัขตำรวจ

สำหรับร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ จะจัดตกแต่งในรูปแบบสวนอังกฤษย้อนยุค ซึ่งจะมีทางเชื่อมต่อกับร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจมีกิจกรรมที่น่าสนใจและสนุกสนาน ได้แก่ กิจกรรมจับสลากพฤกษากาชาด ลุ้นรับของรางวัลมากมาย และเลือกช็อปสินค้าที่น่าสนใจ ราคาย่อมเยา จากสมาคมแม่บ้านตำรวจและชมรมแม่บ้านตำรวจทั่วประเทศ พร้อมพบกับศิลปินดาราจำนวนมากที่จะมาร่วมสนุกที่ร้านทุกวัน

กิจกรรมในส่วนของเวทีกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสมาคมแม่บ้านตำรวจ ผู้ร่วมงานจะเพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรีในสวน การแสดงของบุตรหลานข้าราชการตำรวจ เล่นเกมชิงรางวัล และพบกับศิลปินดารามากมายที่สลับสับเปลี่ยนมาร่วมสนุกบนเวทีในทุกวันด้วย

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมงานกาชาดประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ทศมราชา 72 พรรษา ถวายพระพร” ระหว่างวันที่ 11 - 22 ธันวาคม 2567 รวม 12 วัน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร เวลา 11.00 - 22.00 น. วันสุดท้ายปิด 23.00 น. และแพลตฟอร์มงานกาชาดออนไลน์ www.iredcross.org ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อหารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย 

ผบก.ตม.1 ร่วมพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 (Happy New Year 2025)

(24 ธ.ค. 67) เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในช่วงวันคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ 2568 และให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานในพื้นที่ในการจัดพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรมฯ  

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 เป็นผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำกำลังข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 เข้าร่วมการปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 (Happy New Year2025) ซึ่งจัดโดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว บริเวณลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พิธีจัดขึ้นโดยมี นายสรสงงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี และมีหน่วยงานเข้าร่วมพิธีปล่อยแถว เช่น ....

พิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 (Happy New Year 2025) จัดขึ้นเพื่อเเสดงให้เห็นถึงความพร้อม ของสำนักงานตำรวจเเห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่สามารถดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวปีใหม่ที่จะถึงนี้ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองได้มีการบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตรวจนครบาล 1 – 9 โดยจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสืบสวนหาข่าว และเจ้าหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วใช้รถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ (SMART PATROL CAR : SPC)ออกสืบสวนหาข่าวและตรวจพื้นที่บริเวณสถานที่จัดงานและในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น

ทั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงวันคริสต์มาส และวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2568 ช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 17 – 23 ธันวาคม 2567 (7 วัน) และช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2567 – 2 มกราคม 2568 (7 วัน) โดยกำหนดเป้าหมายในการระดมกวาดล้าง เช่น
1. เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบุคคลและหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ที่เดินทางเข้าออกประเทศ หรือมายื่นคำร้องขออยู่ต่อในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวด้วยความระเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ มีพฤติกรรมน่าสงสัย หรือเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาให้เข้ามาในราชอาณาจักรหรือเป็นบุคคลต้องห้ามตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
2. เตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์และยานพาหนะ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานตำรวจท้องที่ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงเมื่อได้รับการร้องขอ พร้อมทั้งจัดทำแผนเผชิญเหตุตามมาตรฐานการปฏิบัติ (SOP)
3. เพิ่มความเข้าในการสืบสวน ปราบปราม และจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เช่น นำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หลบหนีเข้าเมือง ช่วยเหลือซ่อนเร้นคนต่างด้าวให้พ้นการจับกุม อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVER STAY) หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด

รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มุ่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน รักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สร้างความสงบสุขอย่างยั่งยืน

(6 ก.พ.68) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนตามปกติ มุ่งสร้างความสงบเรียบร้อยอย่างยั่งยืนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน เร่งรัดจับกุมบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยจัดตั้งศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศปอร.ตร. และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น รอง ผอ.ศปอร.ตร. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ระบบฐานข้อมูล ตลอดจนกำหนดแนวทางการทำงานให้เป็นระบบ และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งเร่งรัดขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยได้ประชุมขับเคลื่อนศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อมอบนโยบาย กำหนดแนวทาง กำชับการปฏิบัติให้กับทุกหน่วยทั่วประเทศ และร่วมบูรณาการการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน      

พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า สถานการณ์ประเทศไทยในปัจจุบันมีเรื่องของความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ เกิดปัญหาสังคมต่างๆ ขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดพฤติการณ์ที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล 17 มูลฐานความผิด อาทิ นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ, รับจ้างทวงหนี้, ผู้มีอิทธิพลในการฮั้วประมูล, ลักลอบจับบ่อนพนัน, พนันออนไลน์, call center, มือปืนรับจ้าง, ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด, หลอกลวงนักท่องเที่ยว และขบวนการค้ามนุษย์ เป็นต้น ซึ่งพฤติการณ์ต่างๆ เหล่านี้กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่มีลักษณะเป็นมาเฟียต่างชาติ เรียกค่าไถ่ หรืออาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ระดมสรรพกำลังดำเนินการปราบปรามอย่างเต็มกำลังมาโดยตลอด 

โดยในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีการคัดกรองเป้าหมาย รวม 943 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปฏิทินมือปืน 2564 จำนวน 240 ราย ผู้มีอิทธิพลที่ส่งมาจากกระทรวงมหาดไทย 130 ราย และกองบังคับการปราบปรามรวบรวม 573 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอิทธิพลเกี่ยวกับการฮั้วประมูล การบุกรุกที่สาธารณะ แก๊งเงินกู้โหด และแก๊งอาชญากรรม ซึ่งนำทั้งหมดมาคัดกรองเป็นเป้าหมายคุณภาพ เหลือเพียง 71 เป้าหมาย
           
สำหรับแนวทางในการรวบรวมเป้าหมาย ได้กำหนดให้ทุกหน่วยดำเนินการ 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก รวบรวมจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่มีประวัติการกระทำความผิด และมีหมายจับอยู่แล้ว และส่วนที่สอง รวบรวมจากผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดต่างๆ ที่ประชาชนในพื้นที่มีความรู้สึกว่า หากอยู่ในพื้นที่แล้ว ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน หรือใช้ชีวิตไม่ปกติสุข แล้วให้รายงานมายังกองบังคับการปราบปราม ซึ่งเป็นเลขาศูนย์ฯ รวบรวม เพื่อดำเนินการต่อไป

ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) ได้เปิดช่องทางให้ประชาชนร้องเรียนพฤติกรรมของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ได้ทางเพจ Facebook ชื่อ 'ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ' หรือโทรสายด่วน 1195 หรือ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

‘ดร.เอ้ สุชัชวีร์’ ตั้งคำถาม!! สังคมไทยจะปลอดภัย กี่โมง ลั่น!! ‘เสียใจ-คับแค้นใจ’ ในความวิบัติของ ‘พระราม 2’

(16 มี.ค. 68) ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ‘ดร.เอ้’ นักวิชาการ อดีตนายกสภาวิศวกร อดีตอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘พระราม 2’ โดยมีใจความว่า ...

อีกแล้ว สะพานถล่ม คนตาย เพราะ "ไม่มีเจ้าภาพ" และ "ไม่ถอดบทเรียน 4 ข้อ" สังคมไทยจะปลอดภัย กี่โมง?

ผมได้ข่าว "สะพานถล่ม" แถวพระราม 2 ผมรู้สึก "เสียใจ" จนถึงระดับ "คับแค้นใจ" เพราะในฐานะวิศวกรโยธาคนหนึ่ง เป็นอดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) ที่เห็น "ความวิบัติ" มานับครั้งไม่ถ้วน และเห็น "คนเจ็บ คนตาย" มานับไม่ถ้วนเช่นกัน แต่เหตุสลดก็ยังเกิดขึ้น ซ้ำซาก ในสังคมไทย

ผม "เตือนแล้ว" และ "แนะนำ" นับครั้งไม่ถ้วน แล้วเช่นกัน ทุกอย่างยังคงแย่เหมือนเดิม เพราะ "เราลืมง่าย" ทั้งผู้รับผิดชอบ หรือเจ้าของโครงการ ไม่จริงใจ "ไม่ถอดบทเรียน" เพื่อหาสาเหตุ นำไปสู่การ "เอาผิด" กับผู้กระทำผิด รอเรื่องเงียบ แล้วก็ปล่อยผ่าน คนทำผิดเขาก็รู้แกว ไม่ต้องใส่ใจ ไม่สนใจ จริงไหม

ผมขอเรียนว่า "สาเหตุการถล่ม" ของการก่อสร้าง มีไม่กี่เรื่อง วิศวกรโยธาเรียนกันมาทุกคน เพียงต้องถอดบทเรียน 4 ข้อ เพื่อหาสาเหตุ ดังนี้
1. ปัญหา "การออกแบบ" ไม่ได้มาตรฐาน
คือ วิศวกร หรือผู้ออกแบบ "คำนวนผิด" ทำให้การออกแบบต่ำกว่ามาตรฐาน เมื่อทำก่อสร้าง หรือเมื่อใช้งาน จึงไม่สามารถรับน้ำหนักได้ โครงสร้างจึงถล่ม 
กรณีนี้ ตรวจสอบได้จาก "รายการคำนวน" ก็บอกได้ว่า "ผู้ออกแบบ" ออกแบบผิดมารฐาน ต้องรับผิดชอบ 

2. ปัญหา "การก่อสร้าง" ไม่ได้มาตรฐาน
คือ "ผู้รับเหมา" และ "ผู้ควบคุมงาน" ไม่ทำตามแบบก่อสร้าง หรือ "ไม่ทำตามขั้นตอน" ที่ถูกต้อง โครงสร้างจึงถล่ม เพราะลดมาตรฐานการก่อสร้าง
กรณีนี้ ตรวจสอบด้วยการเก็บตัวอย่างเหล็ก ปูน มาทดสอบ ก็รู้ทันทีว่าทำผิด "ผู้รับเหมา" และ "ผู้คุมงาน" ต้องรับผิดชอบ

3. ปัญหา "การใช้งาน" ไม่ถูกต้อง
เมื่อออกแบบ และก่อสร้าง ถูกต้องตามมาตรฐาน แต่ "เจ้าของ" หรือ "ผู้ใช้งาน" ใช้งานผิดประเภท เช่น ออกแบบมาเป็นบ้านพักอาศัย แต่กลับแอบใช้เป็นโกดังเก็บของ น้ำหนักบรรทุกเกิน ก็พัง
กรณีนี้ เจ้าของ หรือผู้ใช้งาน ก็ต้องรับผิดชอบ

4. ปัญหา "ภัยพิบัติ' จากธรรมชาติ
หาก ออกแบบ ก่อสร้าง และใช้งาน "ถูกต้อง" แต่เกิดภัยธรรมชาติ เช่น "แผ่นดินไหว" หรือ "พายุรุนแรง" เกินกว่าที่กำหนดไว้ในกฏหมาย
กรณีนี้ คงถือเป็น "เหตุสุดวิสัย" แต่ผมย้ำว่า ต้องเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้เท่านั้น ถึงจะอ้างข้อนี้ได้ เพราะมีหลาย กรณี ที่จะ "เบี่ยงเบน" ประเด็น อ้างว่าสุดวิสัย ทั้งๆที่ ทำผิดข้อ 1-3 ที่เรามักเห็นๆกันอยู่ จริงไหมครับ?

ผม และแนวร่วม "ภาควิชาการ" และ "ภาคประชาชน" จึงพยายาม "แก้ปัญหา" ด้วยการเสนอ "กฏหมายเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ" ฉบับประชาชน ที่ต้องรอพี่น้องประชาชนมาลงชื่อให้เกิน 10,000 ชื่อ

สาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ การมี “เจ้าภาพ” ในการรับเรื่องร้องเรียน ติดตามการแก้ปัญหา ถอดบทเรียน นำไปสู่การหา "ผู้รับผิดชอบ" และ "เยียวยา" ผู้ประสบภัย ให้ได้รับความเป็นธรรม และยังจะทำหน้าที่ "ตรวจสอบสาเหตุอุบัติภัย" แทนหน่วยงานเจ้าของโครงการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส 

แต่พอเรื่องโรงงานระเบิด รถบัสไฟไหม้ สะพานถล่ม เงียบไป ก็ไม่มีใครมาลงชื่อ ความตั้งใจดีๆนี้ จึงไม่ไปถึงไหน สักที

ผมจึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมลงชื่อ เสนอพรบ.ความปลอดภัยสาธารณะ ที่ thaipublicsafety.org เพื่อมี "เจ้าภาพ" ดูแล "สังคมไทยปลอดภัย" อย่ารอให้คนเจ็บ คนตาย มากกว่านี้เลยครับ

ด้วยความห่วงใย

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top