Tuesday, 22 April 2025
กรมสมเด็จพระเทพ

'เอ็ดดี้' แนะ!! วิธีปกป้อง 'กรมสมเด็จพระเทพฯ' อย่างผู้มีอริยะ ด้าน 'สว.สมชาย' รวมแบนเนอร์ #เรารักกรมสมเด็จพระเทพ

(13 ก.พ. 67) เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ เราควรแสดงการปกป้องกรมสมเด็จพระเทพฯ อย่างไร? มีรายละเอียดดังนี้...

ผมได้คุยกับ อ.ป้อมเมื่อคืน ซึ่งเราเห็นตรงกันว่า พวกมันต้องการใช้ตะวันเป็นเครื่องมือ เพื่อสร้างความโกรธแค้น เราจะได้ใช้ความรุนแรงแก้แค้น เพราะการคุกคามกรมสมเด็จพระเทพฯ จะทำให้เราโกรธหนัก เพราะเรารักและบูชาพระองค์ เนื่องจากพระองค์เสียสละความสะดวกสบายส่วนพระองค์เพื่อคนไทยมาทั้งพระชนมชีพ

ซึ่งถ้าเราใช้ความรุนแรง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในการจัดการ ก็จะเข้าทางพวกมัน แล้วมันก็อาศัยเรื่องนี้ไปหากินต่อได้อีก

เพราะฉะนั้น อย่าหลงกลพวกมัน

แต่เราควรเอาชนะมันด้วยการแสดงพลังแห่งความรักและบูชากรมสมเด็จพระเทพฯ ให้กระหึ่มทั่วประเทศ

เราจะปกป้องกรมสมเด็จพระเทพฯ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยพลังแห่งความรักและบูชา เป็นกระแสปราบมาร

ตัวอย่างดี ๆ เช่น การจัดกิจกรรมถวายพระกำลังใจของโรงเรียนนายร้อย จปร.

ผมและ อ.ป้อม ในฐานะที่เราเป็นเพียงประชาชนตัวเล็ก ๆ ไม่มีกำลังอะไร ก็จะเขียนจดหมายถวายพระและถวายกำลังใจ โดย อ.ป้อม จะใช้ความสามารถจากความเป็นอาจารย์ศิลปะ วาดภาพถวายด้วย

ส่วนองค์กรต่าง ๆ หน่วยงานราชการและเอกชน ที่มีกำลังมากพอ ก็ควรจัดกิจกรรมถวายพระและถวายกำลังใจ โดยพร้อมเพรียงกัน

ใครอยากร่วมกิจกรรมนี้กับเรา สามารถทำได้ด้วยตัวเองเลยคร้บ

IN LIFE, WE CANNOT CHOOSE WHAT HAPPENS TO US.

BUT THE ONLY THING THAT WE CAN CHOOSE IS HOW TO RESPOND TO WHAT HAPPENS TO US.

SO CHOOSE TO POSITIVELY TO EVERY SITUATION.

ในชีวิตของคนเรานั้น เราไม่สามารถเลือกได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับเรา สิ่งเดียวที่เราเลือกได้ คือเราจะจัดการอย่างไรกับมัน จงเลือกที่จะจัดการในทางบวกเสมอ ในทุกสถานการณ์

นะโมพุทธายะ

ในวิกฤตย่อมมีโอกาสดีๆ เสมอ

เพราะฉะนั้น นี่จะเป็นโอกาสทองของเรา

ขอเชิญชวนพี่น้องไทย จงร่วมแสดงพลังแห่งความดี ความสามัคคี และแสดงให้เห็นว่า เรารักกรมสมเด็จพระเทพฯ และสถาบันพระมหากษัตริย์มากแค่ไหน

ร่วมปกป้องกรมสมเด็จพระเทพฯ และสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางที่ดี

ขณะที่ด้าน นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์แบนเนอร์ #เรารักกรมสมเด็จพระเทพ หลายภาพ โดยมีการแชร์กันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หลังเกิดเหตุการณ์ ตะวัน ทะลุวัง สร้างคอนเทนต์ ป่วนขบวนเสด็จฯ

'บอมม์-ขี้คุกเขียนรูป' เปิดใจ!! ได้ความรู้คู่อาชีพ เพราะ 'กรมสมเด็จพระเทพฯ' โอกาสของคนคุกที่ไม่เคยได้รับจากนักการเมืองคนไหน นอกจากพระองค์ฯ

ไม่นานมานี้ นายวรรณวัฒน์ หาญรุ่งเรืองกิจ หรือ บอมม์ เจ้าของเพจดัง 'ขี้คุกเขียนรูป' ได้โพสต์คลิปเกี่ยวกับกรณีกลุ่มทะลุวังบีบแตร ป่วนขบวนเสด็จกรมสมเด็จพระเทพฯ โดยระบุว่า…

“ผมเพิ่งได้ดูข่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่ามีข่าวนี้นะ พอดูจบอะดรีนาลีนในร่างกายสูบฉีดเลย เด็กพวกนี้ไปบีบแตรไล่รถพระที่นั่งองค์สมเด็จพระเทพฯ ผมเจ็บปวดมากเลยนะ

ทําไมผมถึงพูดว่าเจ็บปวด?

เพราะครั้งหนึ่งตอนที่ผมอยู่ในเรือนจํา ผมเคยเห็นองค์สมเด็จพระเทพฯ เสด็จไปเป็นประธานเปิดห้องสมุดพร้อมปัญญาให้กับในเรือนจําทั่วประเทศ ซึ่งผมติดคุกมา 10 ปี ผมไม่เคยเห็นนักการเมืองคนไหนเข้าไปในเรือนจํา และทำเรื่องพวกนี้เพื่อนักโทษเลย แต่ผมเห็นพระเทพฯ เข้าไปเปิดห้องสมุดพร้อมปัญญาให้นักโทษใช้เวลาว่างในเรือนจําให้เป็นประโยชน์ โดยการอ่านหนังสือ

และที่สำคัญเลยคือ วิชาชีพที่ติดตัวผมมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะกรมสมเด็จพระเทพฯ ได้นำวิชาช่าง 10 หมู่ของวิทยาลัยในวัง มาเปิดสอน ซึ่งผมก็ได้เรียนโครงการนี้ของพระองค์ แล้วนำมาประกอบอาชีพ

สิ่งที่เกิดขึ้นคือพระมหากรุณาธิคุณสำหรับผม”

นอกจากนี้ ยังระบุต่อว่า…พระองค์ทรงใช้ถนนร่วมกับประชาชน แต่เด็กพวกนี้กลับมาเรียกร้องว่าทําไมต้องปิดถนน มาบีบแตรใส่ ก็ไม่รู้วันนั้นเด็กพวกนี้จะรีบไปไหน แต่การกระทำแบบนี้มันสื่อออกมาเลยว่า ครอบครัวเลี้ยงดูมาแบบไหน เด็กพวกนี้ต้องรู้ว่าตัวเองเติบโตบนแผ่นดินไทย กินข้าวไทย ใช้สกุลเงินไทย แต่กลับไม่รักประเทศไทย

ก็ไม่รู้ว่าใครหนุนหลัง หรือมีผลประโยชน์กับการกระทำอันต่ำทรามนี้หรือไม่? แต่สิ่งเดียวที่จะบอกเลยนะ หากวันใดที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นต่อหน้า รับรองเลยว่าเด็กพวกนี้จะต้องฝันร้ายไปตลอดชีวิต

'ศิลปินแห่งชาติ' เผยหนึ่งภาพชัดเจนกว่าหนึ่งล้านคำพูด ที่รุ่นใหม่ไม่เคยเห็น เงาร่างหนึ่งที่ตามรอยเสด็จในหลวง ร.9 ไปทรงงานเพื่อแผ่นดินตลอดชีวิต

(14 ก.พ.67) นายวินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่าตลอดเวลาเจ็ดสิบปีแห่งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงย่างพระบาทไปทุกตารางนิ้วทั่วประเทศ ทุกชนบท ทุกถิ่นทุรกันดาร ไม่มีจุดใดที่ทรงไปไม่ถึง ดูแลทุกข์สุขของราษฎร

บ่อยครั้งเงาร่างหนึ่งตามรอยเสด็จไปด้วย คือสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ หรือที่คนรุ่นผมเรียกติดปากว่า 'พระเทพฯ' เสด็จฯ ตามไปด้วยเสมอ แม้ว่าทรงต้องศึกษาอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หลังจากสำเร็จการศึกษาอักษรศาสตร์ ทรงศึกษาสาขาวิชาจารึกภาษาตะวันออกจากมหาวิทยาลัยศิลปากร และสาขาวิชาภาษาบาลี-สันสกฤต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพิ่มเติม ก็ยังทรงเดินตามรอยพระบาทเสมอมา

ตลอดชีวิต ทรงทำงานเพื่อประโยชน์สุขของคนไทยเสมอมา

นั่นคือภาพที่คนไทยรุ่นผมจดจำได้

หนึ่งภาพชัดเจนกว่าหนึ่งล้านคำพูด

ผมโชคดีมีโอกาสเข้าเฝ้าพระเทพฯ หลายครั้ง แทบทุกครั้งคือการรับรางวัลวรรณกรรม ตั้งแต่รวมเรื่องสั้นรางวัลชมเชย เรื่องสั้นรางวัลดีเด่น ไปจนถึงตำแหน่งศิลปินแห่งชาติ ตลอดจนในงานหนังสือทุกปี จึงรับรู้แจ่มแจ้งว่าพระองค์ทรงสนพระทัยในเรื่องศิลปะ วรรณกรรมอย่างยิ่ง ทรงแต่งคำประพันธ์ต่างๆ ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง

นอกจากนี้ยังทรงศึกษาภาษาจีน วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์จีน เสด็จไปเมืองจีนนับครั้งไม่ถ้วน ทรงอักษรจีน เป็นบุคคลที่ชาวจีนรักอย่างยิ่ง

นี่ก็คือ soft power ของจริง ทรงเป็นทูตวัฒนธรรมจากไทย นำเสนอวัฒนธรรมของเราไปนานาชาติ นานหลายสิบปีก่อนคำนี้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง

ตลอดชีวิต ทรงแต่งานเพื่อแผ่นดิน ด้วยโครงการนับไม่ถ้วน ทั้งหมดเพื่อคนไทย ทั้งมวลเพื่อแผ่นดินไทย

ทรงเป็นหัวใจของคนทั้งชาติ

ดังนั้นคนไทยรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเห็นภาพนั้น ไม่เคยอ่านประวัติศาสตร์ จึงอาจมิรับรู้ว่าพระราชกรณียกิจต่างๆ ของพระราชวงศ์ เป็นของจริง มิใช่ภาพลวงตา อาจไม่รู้ว่าเมืองไทยรอดมาถึงวันนี้ได้อย่างไร

สิ่งที่คนไทยรุ่นใหม่ควรกระทำคือ ศึกษาให้รู้ก่อนเชื่ออะไร และที่สำคัญที่สุดคือรู้จักกตัญญูรู้คุณ ต่อผู้ที่มีพระคุณต่อแผ่นดิน

เพราะปราศจากความรู้จริง เดินมุ่งไปข้างหน้าก็อาจเดินถอยหลัง ปราศจากความกตัญญูรู้คุณ อุดมคติสูงส่งแค่ไหนก็ไร้ค่า

'ศิลปินแห่งชาติ' เผยหนึ่งภาพชัดเจนกว่าหนึ่งล้านคำพูด ที่รุ่นใหม่ไม่เคยเห็น

'วราวุธ' ประกาศนำ 'ข้าราชการ พม.' แต่งกายสีม่วง พรุ่งนี้ 'แสดงพลัง-ถวายกำลังใจ' แด่ 'กรมสมเด็จพระเทพฯ'

(14 ก.พ. 67) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า…

"ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 08.30 น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตนพร้อมเพื่อน ๆ ข้าราชการทุกคนของกระทรวง พม. เราจะพร้อมใจกันเข้าร่วมในพิธีถวายความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยการแต่งกายโทนสีม่วงทั้งกระทรวง เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่กรมสมเด็จพระเทพฯที่พวกเรารัก และเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย"

นายวราวุธ กล่าวว่า "การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการแสดงพลังของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ให้ทุกคนได้เห็นพี่น้องประชาชนคนไทยหลายสิบล้านคน เรายึดมั่น เราเชื่อมั่น และศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ดังนั้นเราจะไม่ยอมเด็ดขาดที่จะให้ใคร หรือคนกลุ่มใด และไม่ว่าใครก็แล้วแต่ มาดูหมิ่น หรือคิดในสิ่งที่ไม่ดีต่อสถาบันอันเป็นที่รักของพวกเราทุกคน"

ปรากฏการณ์ 'เสื้อสีม่วง' ฟีเวอร์!! คนแห่ซื้อกระหน่ำทั้ง 'หน้าร้าน-ออนไลน์'

(14 ก.พ. 67) สืบเนื่องจากการนัดแสดงพลัง ถวายความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขององค์กรต่างๆ รวมถึงการแสดงออกถึงความรักและห่วงใยของประชาชนไทยที่มีต่อพระองค์ทั้งในทาง Social Media แพลตฟอร์มต่างๆ อาทิ เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, TikTok ฯลฯ 

โดยบ้างก็อัปโหลดรูปลายเส้นสีขาวรูปกรมเด็จพระเทพฯ บนพื้นสีม่วง อันเป็นสีแห่งวันพระราชสมภพ ฝีมือของรองศาสตราจารย์อาวิน อินทรังษี รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร หรือบ้างก็แชร์ภาพสเก็ตสมเด็จพระชนกาธิเบศร์ ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยกรมสมเด็จพระเทพฯ บนสะพานไม้ในถิ่นทุรกันดาร โดย 'วินทร์ เลียววาริณ' ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ก็ถูกเผยแพร่ต่อๆ กันอย่างมากเช่นกัน

ทั้งนี้ จากการค้นหาข้อมูลออนไลน์ พบว่าตลอด 2 วันที่ผ่านมา ร้านค้าออนไลน์มีการจัดโปรโมชันขายเสื้อสีม่วง อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม e-Commerce ยอดฮิต อย่างช้อปปี้ หรือลาซาด้า ก็เกาะกระแส 'ปรากฏการณ์เสื้อม่วง' ครั้งนี้ ด้วยโปรโมชันลดราคา พร้อมส่งถึงมือลูกค้าฟรี

ด้านร้าน 'ภูฟ้า' ซึ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของโครงการพัฒนาต่างๆ เพื่อส่งเสริมอาชีพประชาชนในถิ่นทุรกันดาร โดยใช้ตราสัญลักษณ์ 'ภูฟ้า' เป็นเครื่องหมายการค้า หนึ่งในโครงการตามพระราชดำริ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็มีรายงานว่า ทางหน้าร้านขายเสื้อสีม่วงรุ่นที่มีภาพวาดฝีพระหัตถ์บนอกเสื้อถูกจำหน่ายแทบหมดสต็อกสินค้า ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา โดยยังเหลืออีกเพียงจำนวนหนึ่งใน phufa.org ไม่มากนัก

นี่คือปรากฏการณ์ ที่คงไม่ต้องพูดอะไรมากอีกแล้วว่า คนไทย #เรารักกรมสมเด็จพระเทพฯ มากแค่ไหน?

และพรุ่งนี้ (15 ก.พ. 67) คงได้ประจักษ์ด้วยสายตาตนเอง...

‘เอกชัย ศรีวิชัย’ เจ็บปวด!! ทะลุวังป่วนขบวนเสด็จฯ ชี้!! ผิดหวัง-หมดศรัทธาพรรคการเมืองที่ปกป้องคนผิด

จากกรณีนักเคลื่อนไหว ‘กลุ่มทะลุวัง’ บีบแตรและขับรถแซงขบวนเสด็จฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในขณะที่ขบวนกำลังแล่นผ่านทางด่วน หลังจากคลิปได้เผยแพร่ออกไปก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

ต่อมาเหล่าคนดัง คนบันเทิง นักการเมือง และประชาชนทั่วไป ต่างออกมาแสดงความรักต่อกรมสมเด็จพระเทพ ด้วยการโพสต์ภาพ เขียนข้อความ ติด #เรารักกรมสมเด็จพระเทพ และร่วมมือร่วมใจใส่เสื้อสีม่วงแสดงความรักที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ทางด้าน นายเอกชัย ศรีวิชัย นักร้อง นักแสดง ผู้กำกับหนัง และผู้เคยแสดงจุดยืนเชียร์พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวระบุว่า…

“วันเวลาผ่านมาหลายวันแล้ว ผมนั่งมองอยู่ตลอดยัง ไม่เคยเห็นคนที่ถือหางเด็ก (นรก) พวกนั้นออกมารับผิดชอบต่อการกระทำที่ผ่านมา ซึ่งทำร้ายความรู้สึกของประชาชนส่วนมาก ผมเองเคยศรัทธา (ย้ำนะครับว่าเคยศรัทธา) ต่อแนวคิดในการทำงาน แต่มาวันนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันทำลายศรัทธาหมดแล้ว คุณทำร้ายหัวใจคนไทย สถานการณ์ทั้งหมด พวกคุณรู้ดีว่าตั้งใจจะทำอะไร ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่ง #ปกป้องพระเกียรติ สมเด็จพระเทพ”

นอกจากนี้ยังได้ไลฟ์ผ่านติ๊กต็อก ซึ่งในบางช่วงบางตอนระบุว่า…

“อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศ อยากจะพัฒนาประเทศ อยากจะให้ประเทศมีความเท่าเทียม ดูนิ้วมือเท่ากันไหม? สำหรับใครที่คิดไม่ดีกับประเทศนี้ ขอให้มันฉิบหาย ใครที่คิดไม่ดีกับสถาบัน ขอให้มันมีอันเป็นไป แล้วใครที่อยู่เบื้องหลังขอเด็กพวกนี้ ก็ขอให้พวกมันมีอันเป็นไป ออกมารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น กฎหมายไม่ผิด หรือผิดไม่มาก แต่ผิดสุด ๆ ที่ความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศรับสิ่งนี้ไม่ได้”

‘ชาวเชียงใหม่’ รวมพลังถวายกำลังใจแด่ ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ พร้อม 'สวมเสื้อม่วง-แปรอักษร-ฟ้อนเล็บรำถวาย' แสดงจุดยืน

พสกนิกรชาวจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมใจใส่เสื้อม่วง แสดงพลังถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมแสดงจุดยืนที่จะปกป้องและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย

เมื่อวานนี้ (14 ก.พ. 67) ที่บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำคณะผู้บริหารจังหวัดเชียงใหม่ ข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ นักเรียน นักศึกษา และพสกนิกรชาวจังหวัดเชียงใหม่ทุกหมู่เหล่า  ร่วมพิธีถวายความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 

โดยผู้ร่วมพิธีกว่า 1,000 คน ได้พร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดโทนสีม่วง ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  มาร่วมกันแสดงพลังแห่งความจงรักภักดี ด้วยการแปรอักษรเป็นรูปหัวใจ ฟ้อนเล็บรำถวาย ขับร้องเพลงเฉลิมพระเกียรติ ‘สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า’ และกล่าวคำถวายพระพร ‘ทรงพระเจริญ’ เพื่อร่วมแสดงพลัง ถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย

โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการแสดงพลังของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ที่ต้องการสื่อให้เห็นว่า ‘เรายึดมั่น เราเชื่อมั่น และศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์’ โดยจะไม่ยอมเด็ดขาดที่จะให้ใครหรือคนกลุ่มใดมาดูหมิ่น หรือคิดในสิ่งที่ไม่ดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย

‘วราวุธ' นำทัพข้าราชการ พม.กว่า 700 คน สวมเสื้อม่วง ร่วมแสดงพลังความจงรักภักดีต่อ ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’

(15 ก.พ.67) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวแถลงการณ์กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่องขอพระราชทานน้อมแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. นายนิกร จำนง ประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. คณะที่ปรึกษารมว.พม. นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. จำนวนกว่า 700 คน เข้าร่วมพิธี

นายวราวุธ อ่านแถลงการณ์ฯ ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นสถาบันหลักของชาติ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน การรักษาความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ให้ดำรงอยู่คู่ประเทศชาติอย่างมั่นคงตลอดไป ทั้งนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงสละความสุขส่วนพระองค์ และทรงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการศึกษา ด้านการอนุรักษ์-ศิลปวัฒนธรรมไทย ด้านการพัฒนาสังคม ด้านการต่างประเทศ ด้านการสาธารณสุข ด้านการศาสนา รวมถึงโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณารับสมาคม สถาบัน และองค์กรต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามแนวพระราชดำริ หรือองค์กรต่างๆ ที่ช่วยเหลือและพัฒนาประชาชนไว้ในพระราชูปถัมภ์จำนวนมาก โดยทรงให้การสนับสนุนสมทบทุนจัดตั้งเป็น ‘กองทุนการกุศลสมเด็จพระเทพฯ’ เพื่อให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนผู้ทุกข์ยากเดือดร้อน ผู้ด้อยโอกาส ผู้ขาดแคลน และสาธารณประโยชน์ต่างๆ แก่ประชาชนคนไทยและประเทศเพื่อนบ้านจนเป็นที่ประจักษ์

นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. ได้น้อมนำพระราชจริยาวัตรของพระองค์ คือ พระเมตตาและความเอาพระทัยใส่ในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และพระราชปณิธานที่มุ่งมั่นในการช่วยเหลือประชาชนและผู้ที่เดือดร้อนทุกคน นำมาขับเคลื่อนการทำงานของกระทรวงร่วมกับภาคีเครือข่ายในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในโอกาสนี้ จึงขอพระราชทานน้อมแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศรวมพลังแสดงความจงรักภักดี ถวายแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย

นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดพิธีถวายความเคารพและการแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเป็นการแสดงความระลึกถึงและถือเป็นพระมหากรุณาที่คุณที่พระองค์ท่านมีต่อกระทรวง พม. สำคัญที่สุดเป็นสิ่งที่ปวงชนชาวไทยทุกคนพึงตระหนักและพึงหวงแหน ปกป้อง และรักษาเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันที่อยู่เคียงข้างกับพี่น้องประชาชนคนไทยและอยู่คู่กับประเทศชาติมาอย่างยาวนาน การแสดงพลังในเช้าวันนี้ เป็นการแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าจะตราบใด เวลาจะเปลี่ยนไป จะอย่างไรก็แล้วแต่ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนส่วนใหญ่พวกเราให้ความเคารพให้ความนับถือและพร้อมที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย และพวกเราจะไม่ยอมให้ใครไม่ว่าจะเป็นบุคคลใด กลุ่มบุคคลใด หรือใครก็แล้วแต่ จะมาลบหลู่ดูหมิ่นหรือพูดในสิ่งที่ไม่ดีถึงสถาบันพระมหากษัตริย์

"วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะเพียงแค่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่ทราบว่ามีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ร่วมแสดงพลังกันในวันนี้ และเป็นการส่งสัญญาณไปถึงทุกคน ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่อยู่คู่กับประเทศชาติ อยู่คู่กับคนไทย และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเราจะปกป้องและเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราตลอดไป" นายวราวุธ กล่าว

‘นักศึกษาลาว’ น้ำตาซึมเมื่อเอ่ยถึง ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ สำนึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อ สปป.ลาว

(15 ก.พ. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์’ ได้โพสต์ข้อความแชร์เรื่องราวของนักศึกษาจาก สปป.ลาว ที่ถ่ายทอดความรู้สึกและหยาดน้ำตา เมื่อต้องพูดถึง ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ ระบุว่า…

น้ำตาศิษย์ลาวที่เมืองอุบลฯ (สำหรับผู้ที่รักเจ้าหญิงในดวงใจ กรุณาอ่านเถิดครับ)

เมื่อวานนี้ ผมไปสอนหนังสือที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.อุบลราชธานี สอนตั้งแต่ ๘.๓๐ น. ยันเครื่องบินออกตอนค่ำตามเคย สนุกดี และมีบรรยากาศดี แม้จะสอนปีละเพียงวันเดียว แต่ก็มีความเป็นกันเองเหมือนกับสอนกันมาทั้งปี

ใน Class ที่สอน มีนักเรียนทุน ป.โท จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาวมาเรียนด้วย เป็นอาจารย์อยู่ที่ลาวครับ เป็นหญิงหนึ่งคนและชายหนึ่งคน ตั้งใจเรียนเหมือนนักเรียนที่ต้องมาเรียนต่างถิ่นเป็นธรรมดา

การสอนวันนั้นไม่เน้นทางวิชาการ แต่เน้นวิธีคิด ในตอนหนึ่งของการสอนขั้นตอนการตัดสินใจ Engineering Critical Thinking ‘การจัดระบบความคิดให้เป็นระเบียบ’ เพื่อให้นักเรียนสามารถ ‘ผลิตงานภายใต้แรงกดดัน’ ให้ได้ (Productive Under Pressure) จึงเชิญนักศึกษาไทย ๒ คน และนักศึกษาลาว ๑ คน มายืนหน้าห้อง

ผม เริ่มถามนักเรียนไทยว่า…

"เมืองไทยนั้นเป็นเมืองที่คนทั่วโลกบอกว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม เป็นเมืองที่ฝรั่งมังค่าบอกว่าเป็นเมืองแห่งความเป็นมิตร ช่วยเหลือและโอบอ้อมอารี...แต่เคยคิดไหมว่าทำไม ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่มีแต่ศัตรูรอบด้าน เพื่อนบ้านของเรา ไม่ว่าจะเป็นพม่า มาเลเซีย ลาว เขมร เวียดนาม ต่างก็เกลียดเมืองไทยกันหมดเลย...มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

นักเรียนไทย...นิ่ง

ผมพูดต่อว่า...“ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเกิดจากเหตุและปัจจัย เราต้องหาเหตุและปัจจัยให้ได้”

นักเรียนไทยคนหนึ่งตอบว่า...“เขาคงอิจฉาเรา เพราะเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร”

ถาม นักเรียนไทยต่อว่า…

“รู้สึกไหมว่าในภูมิภาคนี้ ไม่มีประเทศไหนเลยที่จะทำลายทรัพยากรของประเทศเพื่อนบ้านเหมือนพวกคนไทยเรา เราไม่เคยได้ยินว่า ลาวมาตัดป่าเมืองไทย หรือพม่ามาขุดแร่เมืองไทย.. เราเคยแต่ได้ยินว่าคนไทยเราไปตัดป่า ขุดแร่ในลาว ในเขมร ในพม่า.. มันเกิดอะไรขึ้นหรือ”

นักเรียนไทย....นิ่ง
ผมพูดต่อว่า....“การนิ่ง ไม่ได้แก้ปัญหา”

นักเรียนไทยตอบว่า....“อาจจะเพราะว่าเราเจริญกว่า และเราค้าขายเก่งกว่า”
ผม ถามนักเรียนไทยต่อว่า…

“ประเทศแถว ๆ เรานี้ ล้วนเป็นประเทศที่มีศิลปวัฒนธรรมมายาวนาน หลายแห่งเป็นมรดกโลก...แต่รู้สึกไหมว่า ไม่มีประเทศไหนเขามาเอาศิลปวัตถุของเราไปเลย ในยามที่ทั้งสองฝ่ายสงบไม่รบกัน ข่าวว่ามีแต่เราที่เข้าไปตัด เข้าไปขโมย เข้าไปขนศิลปะของเขามาวางขายในบ้านเรา ทั้งเทวรูปหิน หน้าบันไม้ ต่าง ๆ นานา แถมส่งไปขายให้ต่างประเทศอีกด้วย...มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

นักเรียนไทย....นิ่ง (อาจจะเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังถูกวางยาอะไรสักอย่าง)

ผมถามต่อว่า...."กลับมาถึงคำถามแรกดีกว่า ทำไมเพื่อนบ้านเราเขาถึงเกลียดเรา”
นักเรียนไทย....นิ่ง
ถามต่อว่า.... “เพราะอะไรหรือครับ”
นักเรียนไทย....นิ่ง

ผมหันไปถามนักเรียนทุนจาก สปป.ลาว ว่า…

“คนลาวรู้สึกอย่างไรกับคนไทยบ้างครับ ขอให้ตอบตามจริงอย่างสุภาพ ไม่มีอารมณ์ แต่ขอให้พูดความจริง เพราะในนี้คือห้องเรียน และการพูดของท่าน อาจจะเป็นจุดเล็ก ๆ ในการแก้ปัญหาให้ลูกหลานไทย-ลาว เพื่อให้เราอยู่กันอย่างมีความสุขขึ้น”

นักศึกษาลาว.... นิ่ง (สงสัยว่ายังงง ๆ อยู่ หรืออาจจะกำลังติดตามคำตอบของนักเรียนไทยอย่างจดจ่ออยู่)

ผมพูดต่อว่า.... “ความน่าสนใจก็คือ ตอนนี้มีคนเวียดนามเข้ามาในลาวมาก รู้สึกอย่างไรกับเพื่อนบ้านจากแดนซ้าย กับเพื่อนบ้านจากแดนขวา”

นักศึกษาลาวตอบว่า... “พูดจริง ๆ นะคะ คนลาวรู้สึกว่าคนไทยดูถูกและเอาเปรียบคนลาว”

ข้าพเจ้า... นิ่ง (ไป ๒ อึดใจ) และพูดต่อเพื่อขอเวลาคิดบ้างว่า.... “เป็นความรู้สึกของตนเองหรือของคนลาวโดยรวม”

นักศึกษาลาวตอบว่า... “เป็นภาพรวม ๆ ทั่วประเทศค่ะ”

กระผม...นิ่ง (ไปอีก ๑ อึดใจ) และหันหน้ามาบอกนักเรียนไทยอีก ๖๐ ชีวิตใน Class ว่า..

“นี่คือคำตอบจากความจริงใจของเพื่อนชาวลาว ต้องขอบคุณเขาที่เขากรุณาบอกความจริงให้เรา และนับแต่นี้เป็นต้นไป เราคงต้องคิดและคิดแล้วครับว่า เราจะทำอย่างไรต่อไป”

ผมพูดต่อว่า.... “การกระทำใดต่อไป จะต้องเกิดจากข้อมูลและความเข้าใจ ต้องใจกว้าง และเริ่มปฏิบัติการแก้ปัญหาแห่งความรู้สึกนั้น เริ่มทำตั้งแต่วันนี้ ปัญหาอาจจะไม่สามารถแก้ได้ในวันเดียว คงต้องอาศัยเวลา วันหนึ่งความรักก็จะกลับมาหาพวกเราทุกคนในภูมิภาคนี้อีกครั้งหนึ่ง...คิดและเริ่มทำ ได้แล้วกระมังครับ"

ผมหันกลับมาที่ศิษย์ลาวแล้วพูดว่า...“รู้จักสมเด็จพระเทพรัตนฯ หรือไม่”
นักศึกษาลาวตอบว่า...“รู้จักดีค่ะ”

ผมถามต่อว่า.... “วิจารณ์หรือแสดงความรู้สึกต่อพระองค์ท่านสักนิดซิครับ”
นักศึกษาลาวตอบว่า....“ท่านเป็นคนดีที่สุดในโลก”

นักศึกษาลาวพูดต่อว่า....“พระเทพเป็นคนดีที่สุด พระเทพรักคนลาว เป็นห่วงคนลาว เข้าใจคนลาว ช่วยเหลือคนลาว ไม่เคยดูถูกคนลาว ท่านเป็นคนที่ดีมากๆๆ”

ผมถามนักศึกษาลาวต่อว่า... “คนลาวรู้สึกอย่างไรต่อพระองค์ในภาพรวม”
นักศึกษาลาวพูดเสียงเครือ ๆ ว่า...“คนลาวรักสมเด็จพระเทพมาก ๆ มีบ้านพระเทพอยู่ที่เขื่อนน้ำงึมด้วย เรารู้สึกว่าพระเทพเป็นคนที่ดีที่สุด เป็นห่วงและทำให้เมืองลาวมากๆ...ฯลฯ...”

ผมพูดต่อไปว่า...“มีอะไรจะพูดอีกไหมครับ”
นักศึกษาลาว....เงียบ และยกมือขึ้นปาดน้ำตา
ยอดเยี่ยม...อึ้ง และ เงียบไปเหมือนกัน

ผมหันกลับมาหาลูกศิษย์ไทยอีก ๖๐ ชีวิตว่า....

“นี่ คือทองคำที่อยู่บนหัวนอนเรา เราอาจจะรู้ว่าเรามีทองคำอยู่ แต่ด้วยความเคยชิน เราจึงไม่ค่อยได้เช็ดถูรักษาทองคำของเรา แต่เราก็จะไม่ยอมให้ใครมาเอาทองคำของเราไป...เป็นความรู้สึกที่เราต้องรู้สึก และเป็นความรู้สึกที่วิศวกรอย่างเราต้องแสดงออกมาเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ นี่คือความรู้สึกของเรา”

หลังจากนั้นผมพูดอีกหลายประการ แต่ขออนุญาตไม่บันทึกไว้ที่นี้ เพราะเกรงว่าจะไม่สมควรที่จะบันทึกเป็นตัวหนังสือออกมาครับ

ผมรักประเทศไทย....
ผมรักและเทิดทูนสมเด็จพระเทพรัตนฯ ครับ
ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒

‘หนิง นิรุตติ์’ ออกโรงเตือน!! แก๊งทะลุงวัง หลังป่วนขบวนเสด็จ

เมื่อวานนี้ (14 ก.พ. 67) ช่องติ๊กต็อก Thinkingradio FM96.5 คลื่นความคิด ได้เผยแพร่วิดีโอสัมภาษณ์ นิรุตติ์ ศิริจรรยา นักแสดงและพิธีกรอาวุโส ที่ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีกลุ่มทะลุวังป่วนขบวนเสด็จฯ สรุปได้ดังนี้

“สำหรับคนรุ่นผม ทุกครั้งที่มีขบวนเสด็จของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พวกเราที่ใช้รถใช้ถนน จะหยุดและยืนดู ไม่มีการวิ่งเข้าไปหา หรือแทรกแซงใด ๆ พวกเราจะแค่เฝ้าชมพระสิริโฉม ยิ่งในต่างจังหวัด จะมีการปิดถนน ประชาชนจะเอาเสื่อมาปูข้างถนน ได้เห็นแค่เสี้ยววินาที แล้วทุกคนจะเปล่งเสียงว่า ‘ทรงพระเจริญ’ ทุกคนจะรู้สึกปิติ รู้สึกดีใจที่ได้เห็นพระองค์…

“ในปัจจุบันนี้เราได้ยินได้เห็นสิ่งที่มิบังควรที่จะเกิดขึ้นกับราชวงศ์บ่อยครั้ง มีการจับกุม และการปล่อยตัวออกมาหลายครั้ง แต่ประเด็นคือมีผู้ใหญ่บางกลุ่มที่คิดว่าสนับสนุนเด็ก และพูดว่า “จะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าใช้ความรุนแรง” นั่นคือการส่งเสริมให้เด็กทำอะไรก็ได้ และห้ามคนที่ไม่เห็นด้วย อย่าใช้ความรุนแรง แต่ไม่ได้บอกเด็กว่า ห้ามใช้ความรุนแรง…

“การที่ขับรถเร็ว บีบแตร พยายามตามเข้าไปในขบวนเสด็จ แล้วบอกว่านี้คือการใช้ความละมุนละม่อม และเมื่อเจ้าหน้าที่มาสกัดไม่ให้ทำ กลับเถียงเจ้าหน้าที่ ใช้คำพูดไม่เหมาะสม ซึ่งในความเป็นจริงขบวนเสด็จใช้เวลาไม่นาน หรือหากใช้เวลามากสักนิดหนึ่ง แต่ก็เพราะท่านกำลังไปทำภารกิจเพื่อประชาชน…

นายนิรุตติ์ กล่าวต่อว่า “หากให้เหตุผลว่า คุณไปงานหนึ่ง และกำลังไปต่ออีกงาน นั่นคือคุณกำลังทำเพื่อตัวคุณเอง แต่สำหรับพระองค์ท่าน ท่านทำเพื่อประชาชน และใช้เวลาแค่ 31 วินาที คุณรอไม่ได้เลยเหรอ? จำเป็นต้องพุ่งเข้าไปในขบวนเสด็จเลยเหรอ? และการบีบแตรที่เกิดขึ้น ก็ถือเป็นการใช้ความรุนแรงแล้ว…

“สมเด็จพระเทพฯ หรือว่าพระราชวงศ์ต่าง ๆ ที่เสด็จ ไม่ได้ทําให้ตัวพระองค์ท่านเอง เพราะท่านคิดว่าทุก ๆ คนในประเทศไทย คือตัวของท่านเอง เป็นเหมือนเพื่อนฝูงของท่าน เป็นเหมือนคนของท่าน”

“คุณต้องแยกให้ออกว่า คนเหมือนกันทําอะไรก็ได้เหมือนกันเหรอ? ผมว่าไม่ใช่นะ…คนเหมือนกัน แต่คนที่ไม่ใช่คนนั้น มันไม่ใช่คนเหมือนกัน ถ้าคุณมีความคิดที่กระทําแบบนี้ คุณคือคนที่ไม่ใช่คน คงจะรู้ว่าคนที่ไม่ใช่คนมันเป็นอะไร ถ้าคนที่เป็นคนเขาจะไม่คิดทําตนแบบนี้” นายนิรุตติ์ ทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top