'อ.เดวิด' ชี้!! คุณค่ายาวนานแห่ง 'จตุรมิตร-การร่วมทำงานแปรอักษร' หล่อหลอม 'สังคม-คน' คุณภาพ ยากที่ความแตกแยกจะแทรกแซง
(20 พ.ย. 66) อ.เดวิด บุญทวี นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'David Boonthawee' ระบุว่า...
เห็นภาพนี้แล้วก็นึกถึงสมัยตัวเองเรียนมอปลายนะครับ เคยมีสภาพอย่างที่เห็น
สมัยผมเป็นนักเรียนอัสสัมชัญ ผมขึ้นสแตนด์แปรอักษรจตุรมิตรตั้งแต่ ป.6 จนถึง ม.3 ขึ้นทุกปี ก่อนที่จะมีการปรับให้เฉพาะนักเรียนมัธยมเป็นผู้ขึ้นแปรอักษร พร้อม ๆ กับเปลี่ยนการจัดงานจากทุกปี เป็น 2 ปีครั้ง ตั้งแต่ปี 2530
ตอนแปรอักษรนี่ผมหยิบขนมกินตลอดนะครับ อาหารน้ำท่าที่โรงเรียนจัดให้นี่บริบูรณ์มาก ไม่นับที่พ่อแม่ให้มาอีก แถมตลอดการแปรอักษรก็คุยเฮฮาบ้าบอกับเพื่อน ๆ จนรุ่นน้องที่นั่งอยู่แถวถัดๆ ไปหัวเราะตามกันเป็นที่ครึ้นเครง
ไม่มีใครมาดุด้วยนะครับ ขอให้แปรไม่ผิดเป็นใช้ได้ แต่ถึงแปรผิด ก็จะถูกตักเตือนเบา ๆ จากรุ่นพี่หน้าสแตนด์ แค่นั้นก็สะดุ้งโหยงแล้วครับ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะไม่มีใครอยากทำผิดพลาด
พอขึ้นมอปลาย ก็ไปช่วยเพื่อนเตรียมงานแปรอักษร ไปเองนะครับ ไม่มีใครบังคับ เพื่อน ๆ ที่เป็นทีมงานตัวจริงก็อาสากันเองทั้งนั้น
ผมจำได้ว่าต้องขนเพลท ขนข้าวของสารพัดไปที่สนาม ถึงผมจะไม่ได้อยู่ค้างคืนเหมือนหลาย ๆ คน แต่กลับถึงบ้านก็สลบเหมือด
วันรุ่งขึ้นก็ไปสนามแต่เช้าเพื่อช่วยงานแปรอักษรต่อ ก่อนจะมาขึ้นอัฒจันทร์ด้านมีหลังคาช่วงบ่าย เพื่อเป็นหน่วยสนับสนุนและรอเชียร์ฟุตบอล
ปีที่ผมเล่าให้ฟังนี้ อัสสัมชัญได้แชมป์ครั้งแรกร่วมกับสวนกุหลาบ ก่อนจะได้แชมป์เดี่ยวตามมาอีกหลายครั้ง สลับ ๆ กับเพื่อน ๆ อีก 3 โรงเรียนนั่นแหละครับ
ย้อนกลับมาที่ภาพที่โพสต์ให้ดู
อันนี้คือล่าสุดที่เพิ่งผ่านไปนี้เองนะครับ เป็นภาพนักเรียนมอปลายโรงเรียนอัสสัมชัญ ที่ใต้ถุนอัฒจันทร์ สนามศุภชลาศัย
ภาพแบบนี้มีให้เห็นทั้ง 4 โรงเรียนจนเป็นเรื่องชินตาของพวกเรา
น้อง ๆ ทุกโรงเรียนช่วยกันทำงานอย่างทุ่มเท ไม่มีใครมานั่งเกี่ยงงอน เรื่องมาก บ้า ๆ บอ ๆ ปัญญาอ่อน อ้างนั่นอ้างนี่หรอกนะครับ
ทุกคนประกาศความเป็น ‘คนจริง’ ของตัวเองผ่านการทำงาน ด้วยความเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ความเหน็ดเหนื่อย
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้มาจากการอบรมบ่มเพาะของครูบาอาจารย์ชั้นยอด ความร่วมมือร่วมใจของพ่อแม่ผู้ปกครอง บวกกับความรักในสถาบัน ความรักในมิตรภาพของพี่น้องจตุรมิตรทั้ง 4 โรงเรียน
ไม่มีใครประกาศตัวตนผ่านการสร้างความแตกแยก หรือต้อง ‘โกหก’ หรอกนะครับ มีแต่ลงมือทำกันจริง ๆ จัง ๆ ให้ปรากฏเป็นผลงาน แล้วผลงานทุกอย่างก็จะประกาศตัวมันเองให้โลกรับรู้
ยังไม่ต้องพูดว่า แต่ละคนที่ขึ้นแปรอักษรหรือทำงานเบื้องหลัง ล้วนมีประจักษ์พยานปรากฏรับรองกันทั้งนั้น ไม่ใช่พูดอะไรที ก็หาใครมายืนยันอะไรไม่ได้
เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนจะมี ‘เรื่องเล่า’ อันน่าจดจำและภาคภูมิใจ และไม่มีใครจะพรากมันไปได้
เชื่อผมเถอะครับ ทุกคนจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคของชีวิตจริงได้ไม่ยาก
สนามของจตุรมิตร สนามของการทำงานแปรอักษรทั้งกระบวนการ มันหล่อหลอมขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ
ยังไม่นับความรัก ความสนิทสนมกลมเกลียวที่แต่ละคนมีให้กัน ทั้งกับเพื่อน ๆ ในโรงเรียนตัวเอง และกับพี่น้องโรงเรียนมิตรสหาย
มันคือสายสัมพันธ์หรือ ‘คอนเนกชั่น’ ที่เกิดขึ้นเองจากประสบการณ์ร่วม ที่ทุกคนแค่มองตาก็รู้ถึงหัวจิตหัวใจกันแล้ว และเป็นไปเองโดยธรรมชาติ
เพราะฉะนั้นมันจึงงดงามครับ