Sunday, 15 June 2025
WORLD

ส่องคลังแสงปราการป้องมอสโก เทคโนโลยียุคโซเวียต ระบบป้องกันขีปนาวุธที่ปูตินสั่งเตรียมพร้อมสูงสุด

(25 พ.ย.67) ดูเหมือนสถานการณ์ความรุนแรงในยูเครนจะคุกรุ่นมากขึ้น จากการที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทิ้งทวนคำสั่งก่อนหมดวาระการดำรงตำแหน่งด้วยการมอบขีปนาวุธแบบ ATACMS  ซึ่งเป็นสุดยอดขีปนาวุธโจมตีพิสัยกลางให้แก่ยูเครน 

ส่งผลให้ล่าสุดประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งใช้ขีปนาวุธ Oreshnik ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นขีปนาวุธเหนือเสียง เดินทางเร็วกว่าเสียง 10 เท่า พิสัยการยิง 5,000 กิโลเมตร ซึ่งสามารถโจมตียุโรปได้ทั้งหมด และรวมไปถึงบางส่วนของฝั่งตะวันตกของสหรัฐ โดยเป้าหมายแรกที่ปูตินสั่งให้ขีปนาวุธ Oreshnik คือเมือง Dnepropetrovsk ของยูเครนซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของ สถานประกอบการด้านการป้องกันยูเครน

คำสั่งโจมตีดังกล่าวของผู้นำมอสโก ทำให้กระทรวงกลาโหมรัสเซียต้องออกมาเปิดเผยถึงความพร้อมในการรับมือโจมตีระรอกใหม่ หากว่ายูเครนใช้อาวุธที่นาโต้มอบให้ โจมตีแผ่นดินรัสเซียด้วยการออกมาเปิดเผยระบบป้องกันขีปนาวุธที่รัสเซียเตรียมพร้อมรับมือ

พล.ท. Aytech Bizhev อดีตรองผู้บัญชาการระบบป้องกันภัยทางอากาศร่วมของ CIS กองทัพอากาศรัสเซีย กล่าวกับสำนักข่าว Sputnik โดยให้ความเห็นเกี่ยวกับวิธีการที่มอสโกว์มีไว้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากขีปนาวุธของนาโต้ว่า รัสเซียมีระบบป้องกันขีปนาวุธหลายรูปแบบที่เตรียมพร้อมรับมือ อาทิ 

S-300V ซึ่งถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 1988 เป็นการอัปเกรดระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศระยะไกล S-300 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1978 มีระยะยิงต่อเป้าหมายขีปนาวุธ 30-40 กิโลเมตร S-400 ขีปนาวุธที่พัฒนาในช่วง1980-1990 เปิดตัวในปี 2007 สามารถตรวจจับเป้าหมายขีปนาวุธได้ไกลถึง 200 กิโลเมตร และทำลายได้ในระยะ 60 กิโลเมตร

S-500 ระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศรุ่นล่าสุดของรัสเซีย เริ่มใช้งานในปี 2021 สามารถตรวจจับเป้าหมายได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร และทำลายได้ในระยะ 200 กิโลเมตร นอกจากนั้นยังมี A-135 Amur และ A-235 Nudol ระบบสกัดกั้นขีปนาวุธแบบฐานยิง ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับภัยคุกคามจากขีปนาวุธความเร็วสูงและอวกาศ ใช้งานตั้งแต่ปี 1995 และ 2019 ตามลำดับ มีระยะตรวจจับสูงสุด 6,000 กิโลเมตรด้วยเรดาร์ Don-2N และระยะยิงประมาณ 350-900 กิโลเมตร

อีกหนึ่งระบบคือ Tor ระบบขีปนาวุธระยะสั้น เริ่มใช้งานในปี 1986 ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ ขีปนาวุธร่อน และโดรน รวมถึงขีปนาวุธระยะสั้น ระยะตรวจจับและติดตาม 25 กิโลเมตร ระยะยิงสูงสุด 16 กิโลเมตร

และสุดท้าย Buk ระบบขีปนาวุธระยะกลาง พัฒนาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970 ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถูกนำมาใช้ในกองทัพตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 สามารถโจมตีขีปนาวุธยุทธวิธี ขีปนาวุธร่อน และขีปนาวุธต่อต้านเรือในระยะ 3-20 กิโลเมตร และที่ระดับความสูงสูงสุด 16 กิโลเมตร

Bizhev กล่าวว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียล้ำหน้ากว่าวิธีการโจมตีที่มันถูกออกแบบมาป้องกันอยู่ประมาณ 5-10 ปี ขาเล่าถึงยุคปลายทศวรรษ 1980 ที่สหภาพโซเวียตเริ่มพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธเป็นครั้งแรก ในขณะที่ NATO กำลังติดตั้งอาวุธขีปนาวุธยุคใหม่ที่มีความแม่นยำสูง ในยุคนั้น ภารกิจหลักของระบบป้องกันขีปนาวุธของโซเวียต (และรัสเซียหลังปี 1991) คือการป้องกันมอสโกและภูมิภาคอุตสาหกรรมตอนกลาง

ทำความรู้จัก Oreshnik มิสไซล์เร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ ปูตินตอบโต้ส่งทะลวงยูเครน 5,500 กม.

(25 พ.ย.67) หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติให้ยูเครนใช้อาวุธจรวดนำวิถี ATACMS โจมตีเป้าหมายในรัสเซีย ล่าสุด รัสเซียได้ตอบโต้ทันทีด้วยการอนุมัติการใช้ขีปนาวุธนำวิถีความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ 'Oreshnik' ซึ่งมีพิสัยยิงไกลถึง 5,000 กิโลเมตร โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยืนยันว่าขีปนาวุธดังกล่าวไม่ได้ติดหัวรบนิวเคลียร์  

พาเวล อัคเซนอฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจาก BBC เปิดเผยว่า ขีปนาวุธ Oreshnik ยังไม่มีข้อมูลในสารบบของนาโต้ โดคาดว่าเป็นอาวุธรุ่นใหม่ที่รัสเซียพัฒนาสำเร็จ ขีปนาวุธนี้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนระหว่างการบินผ่านเปลวไฟจากเครื่องยนต์ ซึ่งตรวจจับได้ด้วยดาวเทียมและเครื่องบินลาดตระเวน  

จากคำกล่าวของปูติน เขาระบุว่า "หัวรบที่มีความเร็วเหนือเสียงที่ไม่ใช่แบบนิวเคลียร์" และหัวรบของมัน "โจมตีเป้าหมายด้วยความเร็ว 10 มัค ซึ่งอยู่ระหว่าง 2.5-3 กม./วินาที"

ขณะที่ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านทหารระบุว่า ขีปนาวุธนี้ติดตั้งหัวรบที่โจมตีด้วยความเร็วสูงถึง 10 มัค หรือ 2.5-3 กม./วินาที ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น อีกทั้งยังสามารถบรรทุกหัวรบแบบหลายหัวเพื่อโจมตีเป้าหมายได้พร้อมกัน ครอบคลุมพื้นที่ในยุโรปเกือบทั้งหมดและบางส่วนของฝั่งตะวันตกของสหรัฐ  

บีบีซียังเผยว่า มีความเป็นไปได้มากว่า Oreshnik ที่ปูตินกล่าวถึงนั้น ได้รับการพัฒนาโดยสถาบันเทคโนโลยีความร้อนแห่งกรุงมอสโก (MIT) หรือไม่ก็ ศูนย์ขีปนาวุธเมเคเยฟ  เนื่องจากศูนย์ทั้งสามแห่งนี้มีศักยภาพในการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยกลาง-ไกล

สำหรับศูนย์ขีปนาวุธเมเคเยฟ  จะมุ่งเน้นไปที่ขีปนาวุธเชื้อเพลิงเหลวซึ่งยิงจากไซโล มีน้ำหนักมากและมีพิสัยการยิงที่ไกลมาก ตัวอย่างเช่น พิสัยของขีปนาวุธซาร์มัตอ้างว่าสามารถไปได้ไกลถึง 18,000 กม. ส่วน

ขณะที่ศูนย์สถาบันเทคโนโลยีความร้อนแห่งกรุงมอสโก ความเชี่ยวชาญในการสร้างขีปนาวุธขนาดเล็กพร้อมเครื่องยนต์เชื้อเพลิงแข็งที่ปล่อยจากฐานยิงเคลื่อนที่ โดยเฉพาะขีปนาวุธเหล่านี้มีน้ำหนักเบากว่า มีหัวรบที่เล็กกว่า และมีพิสัยการบินได้ที่สั้นกว่า ตัวอย่างเช่น ขีปนาวุธยาร์ส (Yars) มีพิสัยการบินได้ 12,000 กม.

การเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในสงครามยูเครน-รัสเซีย ขณะที่ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าพัฒนาอาวุธล้ำสมัยเพื่อตอบโต้กันในสมรภูมิระหว่างประเทศ

คนเขียน ‘พ่อรวยสอนลูก’ ติดหนี้เกือบ 4 หมื่นล้านบาท ถูกฟ้องให้!! ล้มละลาย โกงผู้ร่วมธุรกิจ หลอกลวงนักเรียน

(24 พ.ย. 67) จุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้ เกิดขึ้นเมื่อบริษัท Learning Annex ซึ่งเป็นบริษัทพาร์ทเนอร์แรก ๆ ของเขาที่ช่วยทำการตลาดให้กับหนังสือ ‘พ่อรวย สอนลูก’ ยื่นฟ้องต่อบริษัท Rich Global LLC หลายสิบล้านดอลลาร์ หลังไม่แบ่งเปอร์เซนต์กำไรจากการขายหนังสือตามที่เคยตกลงไว้ก่อนหน้านี้ และเมื่อศาลบังคับให้บริษัทต้องจ่าย เขากลับเลือกยื่นล้มละลายแทน โดยให้เหตุผลว่า บริษัท Rich Global LLC มีทรัพย์สินเพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์เท่านั้น 

ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่า คิโยซากิได้ดำเนินการยักย้าย ถ่ายเททรัพย์สินของบริษัท กระจายไปยังบริษัทอื่น ๆ ในเครือของเขา จนทำให้บริษัทที่เป็นคู่พิพาทกับ Learning Annex เหลือทรัพย์สินเพียงไม่กี่ดอลลาร์ เพราะการฟ้องครั้งนี้ ยื่นฟ้องต่อบริษัท ไม่ใช่บุคคล จึงทำให้การล้มละลายเกิดขึ้นกับบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่ตัวคิโยซากิ 

ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงวิจารณ์ว่า สัมมนาสอนการลงทุนของเขา ค่อนข้างเข้าข่ายหลอกลวง โดยเริ่มต้นให้ลงเรียนแบบฟรี ก่อนจะโน้มน้าวให้นักเรียนเริ่มลงเรียนในวิชาที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ 500 ดอลลาร์ ไปจนถึง 45,000 ดอลลาร์ แต่ประเด็นนี้ ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า สิ่งนี้ เป็นการหลอกลวงจริงหรือไม่ 

นอกจากนี้ คิโยซากิ ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองมีหนี้ราว 1.2 พันล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่หนี้ของเขาจะใช้ไปกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ ซึ่งเขามีความเชื่อว่า การออมเงินสดมีความเสี่ยง หลังประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ประกาศระงับการแปลงค่าเงินดอลลาร์เป็นทองคำ หรือสินทรัพย์สำรองอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 1971 เขาใช้หนี้เป็นเหมือนเงินสด และเลือกที่จะออมเป็นเงินและทองแทน ซึ่งแนวคิดนี้ ทำให้เขามีหนี้สินสะสมทั้งหมด 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.99 หมื่นล้านบาท 

‘ถ้าผมล้มละลาย ธนาคารก็จะล้มละลายไปด้วย นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม’ คิโยซากิ กล่าว 

‘คิโยซากิ’ นับได้ว่า ยังเป็นนักธุรกิจที่หลายคนมองเขาเป็นคนต้นแบบ และดำเนินตามแนวคิดของเขา แต่สุดท้าย เรื่องการเงิน การลงทุน เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้หลายด้าน ก่อนตัดสินใจทุ่มเงินลงไปที่ไหน เพื่อจะได้ไม่เผชิญกับความเสี่ยงในระดับที่เราอาจรับมือไม่ไหว หากเชื่อฟังใครมากเกินไป

ซีอีโอ Xiaomi ชี้!! ใช้เวลาแค่ 230 วัน ขายรถไฟฟ้าได้ 1 แสนคัน ขิงใส่!! ‘Tesla’ ใช้เวลานานกว่า ‘7 ปีครึ่ง’ กว่าจะมาถึงจุดนี้

(24 พ.ย. 67) เล่ย จุน (Lei Jun) ซีอีโอของ Xiaomi กล่าวว่า เทสลา (Tesla) ใช้เวลาถึงเจ็ดปีครึ่งในการขายได้ถึง 100,000 คัน แต่ Xiaomi ใช้เวลาเพียงแค่ 230 วันเท่านั้น และเรียกความสำเร็จของบริษัทว่าเป็น ‘ปาฏิหาริย์ที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน’ ในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมยานยนต์

‘เสียวหมี่’ (Xiaomi ) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติจีน รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 5.3 พันล้านหยวน หรือราว 2.5 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน โดยธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าครบ 100,000 คันเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน เพียงไม่กี่เดือนหลังจากเปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม

เลือกตั้ง ‘ประธานาธิบดี’ ทำสถานการณ์โลกเปลี่ยนไป เมื่ออเมริกาเปลี่ยนมือ กระทบ!! นโยบาย ‘เมียนมา’ ที่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ อาจเดินหน้า สานสัมพันธ์

เมื่อไม่นานมานี้ ยูเครนได้ทำการโจมตีที่มั่นทางการทหารในรัสเซียตามที่อเมริกาส่งสัญญาณใช้อาวุธที่ทางนาโต้มอบให้จู่โจมรัสเซีย ในขณะที่ประธานาธิบดีปูตินได้เคยประกาศกร้าวแล้วว่าใครทำแบบนี้จะถือว่าเป็นศัตรูกับรัสเซียและรัสเซียจะตอบโต้กลับอย่างไม่ปรานี

นี่เป็นคำสั่งท้าย ๆ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดนก่อนที่เขาจะหมดวาระในวันที่ 20 มกราคม 2568 นี้  ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่าการที่โจเลือกที่จะสั่งให้ยูเครนทำแบบนี้ก็เพราะต้องการสร้างความยากลำบากให้แก่โดนัลด์ ทรัมป์

แต่ยูเครนไม่ใช่สงครามเดียวที่อเมริกาชักใยอยู่เบื้องหลัง เพราะยังมีสมรภูมิอื่นที่ยังเดือดอยู่เช่นกัน แต่ 1 ในสมรภูมิเหล่านั้นคือสมรภูมิในเมียนมา

เป็นที่แน่ชัดเสียยิ่งกว่าชัดจากการที่อเมริกาเข้ามาแทรกแซงโดยให้การสนับสนุนทั้งเงินทุน อาวุธรวมถึงการฝึกทางยุทธวิธีให้แก่กองกำลังชาติพันธุ์ที่อยู่บริเวณชายแดนไทยและใช้ไทยเป็นที่มั่นในการนำเงินเข้ามาผ่านตัวแทนนายหน้ากลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยในไทย รวมถึงผ่านองค์กร NGO ต่างๆ รวมทั้งองค์กรที่มีการโฆษณาเปิดเผยว่าฝึกกองกำลังชาติพันธุ์ไว้ต่อต้านกองทัพรัฐบาลกลางของเมียนมาอย่าง Free Burma Ranger เป็นต้น นี่ยังไม่นับรวมพวกท่านทูตหัวทองที่ผลัดกันมาเยี่ยมเยียนเมืองชายแดนไทยติดเมียนมากันอย่างมิได้ขาดสายจนคนย่านนั้นเขารู้กันไปทั่ว

ประเด็นคือโจ ไบเดนจะปั่นให้ฝั่งเมียนมาลุกเป็นไฟอีกไหม เพราะดูจากนโยบายที่ทรัมป์ออกมาน่าจะส่งผลดีต่อเมียนมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผ่านมาเม็ดเงินที่อเมริกาในยุคของโจ ไบเดน หยอดเข้ามาให้ทำสงครามก็ไม่สามารถพิชิตกองทัพเมียนมาได้อย่างเด็ดขาด จนบางทีไบเดนอาจจะไม่รู้ว่า กองกำลังชาติพันธุ์ในพม่าทำสงครามเป็นธุรกิจเช่นเดียวกัน

หากสถานการณ์ในเมียนมาสงบไปจนถึงวันที่ทรัมป์รับตำแหน่งมีความเป็นไปได้ว่าทรัมป์จะพยายามกลับมารักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเมียนมาเพื่อเป็นการสกัดกั้นการขยายอำนาจของจีนมาสู่อ่าวเบงกอลมากกว่าเลือกที่จะสนับสนุนสงครามตัวแทนที่เห็นผลอยู่แล้วว่าไม่มีผลดีต่อสหรัฐเลยไม่ว่าด้านใด

เช่นเดียวกันหากปราศจากการอัดฉีดจากอเมริกาอำนาจของพรรคการเมืองในไทยบางพรรคที่ใช้ทุนจากตะวันตก หรือเหล่านายหน้าต่างด้าวที่เคยเป็นนายหน้าตัวกลางไซฟ่อนเงินก็อาจจะตกที่นั่งลำบากเช่นเดียวกัน

ยิ่งคนไทยตื่นรู้จักภัยคุกคามจากคนต่างด้าวกลุ่มนี้แล้วด้วย เราก็จะได้เห็นการแฉออกมาเพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายก็ขึ้นกับฝ่ายการเมืองและกองทัพที่จะรักษาเสถียรภาพคนไทยอย่างไร

‘เหล้าเถื่อน’ ใน ‘ลาว’ กำลังระบาดหนัก ‘ออสเตรเลีย’ เตือน!! นักท่องเที่ยวให้ระวัง

เมื่อวานนี้ (22 พ.ย. 67) ออสเตรเลียเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังการดื่มสุราปนเปื้อนเมทานอลในสปป.ลาว หลังวัยรุ่นออสเตรเลีย 1 รายเสียชีวิต หลังดื่มสุราปนเปื้อนที่วังเวียง เป็นชาวต่างชาติรายที่ 4 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว 

นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีส ของออสเตรเลีย แถลงว่า บิอังกา โจนส์ วัยรุ่นออสเตรเลียวัย 19 ปี เสียชีวิตเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดี) หลังจากดื่มเหล้าผสมเมทานอลในสปป.ลาว ซึ่งถือเป็นชาวต่างชาติรายที่ 4 แล้วที่สงสัยเสียชีวิตในเหตุการณ์ดื่มเหล้าเถื่อนในลาว 

เมืองวังเวียง แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของลาว ห่างจากกรุงเวียงจันทน์ ไปทางเหนือประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งวัยรุ่นออสเตรเลียหลายคนเดินทางไปเที่ยวก่อนล้มป่วยหนัก  เผยให้เห็นเมืองนี้คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ที่มาร่วมทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ 

โจนส์ ล้มป่วยในวังเวียงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจากนั้นก็ถูกส่งตัวมายังจังหวัดอุดรธานี เพื่อรักษาต่อ ขณะที่ฮอลลี โบวลส์ เพื่อนของเธอในวัย 19 ปีอีกราย ยังรักษาตัวอยู่ที่ไทยเช่นกัน ตามการเปิดเผยของครอบครัวที่ระบุว่าเธอยังอยู่อาการขั้นวิกฤต

ทั้งนี้ เชื่อว่าโจนส์และโบวลส์ ดื่มสุราปนเปื้อนเมทานอล ซึ่งมักใช้เป็นส่วนผสมแทนเอธานอลในราคาที่ถูกกว่า แต่อาจทำให้เกิดอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิตได้ และทางออสเตรเลียออกคำเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังการดื่มสุราปนเปื้อนในลาวแล้ว

ทางการไทยยืนยันว่า โจนส์ เสียชีวิตเนื่องจาก ‘ภาวะสมองบวมเพราะมีระดับเมทานอลในระบบร่างกายสูง’

สุราปนเปื้อนเริ่มกลายเป็นประเด็นขึ้นมา หลังจากหญิงออสเตรเลีย 2 รายล้มป่วยเมื่อ 13 พฤศจิกายน หลังออกไปดื่มกับกลุ่มเพื่อนที่นั่น และการเสียชีวิตของโจนส์ ถือเป็นนักท่องเที่ยวรายที่ 4 ที่เสียชีวิตเพราะดื่มสุราปนเปื้อนในวังเวียง

ทางการออสเตรเลีย ระบุว่า ‘นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายราย’ ต่างเป็นเหยื่อของสุราปนเปื้อนเมทานอลนี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันแล้วว่ามีชาวอเมริกัน 1 รายเสียชีวิตที่วังเวียง และกระทรวงต่างประเทศเดนมาร์ก ยืนยันว่ามีพลเมือง 2 รายเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้เช่นกัน

นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศนิวซีแลนด์ เผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มีพลเมือง 1 รายล้มป่วยในลาว และคาดว่าอาจเป็นเหยื่อของสุราปนเปื้อน พร้อมทั้งออกคำเตือนการเดินทางของพลเมืองนิวซีแลนด์ที่ไปเยือนลาวให้ระมัดระวังในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนเมทานอลในลาวด้วยเช่นกัน

'อีลอน มัสก์' วิจารณ์นายกฯ ออสซี่ เล็งออกกม.ห้ามเด็กต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย

(22 พ.ย.67) อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของแพลตฟอร์ม X หรือ ทวิตเตอร์เดิม วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลออสเตรเลียที่เสนอร่างกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้สื่อสังคมออนไลน์ หลังจากที่ร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา

มักส์ เขียนข้อความด้วยการรีทวีตข้อความของนายแอนโทนี อัลบานีซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โดยระบุว่า “ดูเหมือนจะเป็นการใช้ช่องทางควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของชาวออสเตรเลียทุกๆ คน” ตอบกลับข้อความของนายกออสเตรเลียที่โพสต์ว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการผลักดันร่างกฎหมายนี้

สำหรับร่างกฎหมายห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย หากผ่านการเห็นชอบจากสภา ร่างกฎหมายฉบับนี้จะทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เข้มงวดที่สุดประเทศหนึ่งเพื่อปกป้องเยาวชนที่มีความเสี่ยงสูงจากผลร้ายของสื่อออนไลน์ นอกจากนั้นร่างกฎหมายนี้ยังกำหนดโทษสำหรับสื่อสังคมออนไลน์ที่พยายามละเมิดกฎหมายโดยให้ปรับเงินสูงสุดถึง 49 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ ประมาณ 1,100 ล้านบาทด้วย ซึ่งภาคประชาสังคมส่วนใหญ่ของออสเตรเลียมีความเห็นไปในทางสนับสนุนเพื่อปกป้องเยาวชน

ในประเทศอื่น ๆ อย่าง สหรัฐอเมริกา เคยพยายามกำหนดข้อจำกัดในการใช้โซเชียลมีเดียสำหรับเด็ก โดยมีกฎหมายกำหนดให้บริษัทเทคโนโลยีต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี แต่ข้อเสนอของออสเตรเลียมีความเข้มงวดมากกว่า โดยกำหนดอายุขั้นต่ำที่ 16 ปี ไม่อนุญาตให้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มโดยไม่มีข้อยกเว้น แม้ว่าจะได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองก็ตาม

เปิดบัญชีหนี้ 'ยูเครน' ค้างชำระชาติไหนเท่าไหร่บ้าง หลังไบเดนจ่อยกหนี้ 4,650 ล้านดอลลาร์ให้ฟรีๆ

(22 พ.ย.67) ใกล้ถึงช่วงหมดวาระของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่ดูเหมือนรัฐบาลไบเดนกำลังทิ้งทวน จัดแพ็กเกจสารพันอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ยูเครนแบบชุดใหญ่ ล่าสุด รัฐบาลไบเดนแจ้งต่อรัฐสภาคองเกรสว่า มีแผนเตรียมยกเลิกหนี้สินที่ยูเครนติดค้างมูลค่า 4,650 ล้านดอลลาร์ (ราว 160 ล้านบาท) ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สหรัฐต้องการสนับสนุนรัฐบาลเคียฟอย่างเต็มที่ ก่อนว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะกลับคืนสู่อำนาจ 

รายงานระบุว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมยกเลิกเงินกู้เกือบครึ่งหนึ่งของยอดเงินกู้ 9,000 ล้านดอลลาร์ที่ให้กับยูเครน หรือราว 4,650 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณช่วยเหลือเพิ่มเติมมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์ที่อนุมัติเมื่อเดือนเม.ย.

โดยว่า การยกเลิกหนี้สินที่ช่วยให้ยูเครนได้รับชัยชนะ ถือเป็นผลประโยชน์ของชาติของสหรัฐและพันธมิตรสหภาพยุโรป (อียู), G7 และพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้)

ความเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปธน.ไบเดนที่ต้องการสนับสนุนยูเครนมากขึ้น ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับมายังทำเนียบขาวในเดือนม.ค. ซึ่งทรัมป์บอกไว้ว่า สิ่งสำคัญของเขาคือ การผลักดันรัสเซียและยูเครนสู่การเจรจาอย่างสันติ ทำให้ผู้สนับสนุนยูเครนต่างกังวลว่าทรัมป์อาจตัดงบช่วยเหลือดังกล่าว

ทั้งนี้ กระบวนการยกเลิกหนี้จำเป็นต้องอาศัยการลงมติจากสภา ซึ่งขณะนี้รีพับลิกกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ในขณะที่จากพรรคเดโมแครตควบคุมวุฒิสภาอยู่ จึงอาจเป็นการยากที่จะผ่านมติตั้งแต่สภาผู้แทนราษฎร 

ด้านสำนักข่าวสปุตนิกรายงานว่า จากข้อมูลของกระทรวงการคลังของยูเครน  ณ วันที่ 30 กันยายน หนี้สาธารณะและหนี้ค้ำประกันของยูเครนรวมอยู่ที่ 155.69 พันล้านดอลลาร์  (ราว 5.3 ล้านล้านบาท) จำนวนนี้เป็นหนี้สินในต่างประเทศถึง 112.06 พันล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นเจ้าหนี้ดังนี้ 

หนี้ต่อสหรัฐ ข้อมูลระบุว่ายูเครนไม่มีหนี้ที่กู้ยืมจากรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในเดือนเมษายน สหรัฐฯ อนุมัติแพ็กเกจช่วยเหลือยูเครนมูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงเงินกู้ 9 พันล้านดอลลาร์ โดยไบเดนมีแผนล้างหนี้ครึ่งหนึ่งของเงินกู้ดังกล่าวตามรายงานในข้างต้น

หนี้ต่อสหภาพยุโรป  ยูเครนมีหนี้ 44.17 พันล้านดอลลาร์ต่อสหภาพยุโรป 14.65 พันล้านดอลลาร์ ต่อธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและพัฒนา (IBRD) และ 12.08 พันล้านดอลลาร์ต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)  

หนี้เงินกู้รัฐบาลต่างชาติ ยูเครนมีหนี้จากการกู้ยืมรัฐบาลประเทศต่าง ๆ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ และสหราชอาณาจักร รวมมูลค่า 7.74 พันล้านดอลลาร์ โดยแคนาดาเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดที่ 5.11 พันล้านดอลลาร์  

หนี้ภาคเอกชน  ธนาคารแห่งชาติยูเครนระบุว่าธนาคารไซปรัสเป็นเจ้าหนี้หลัก คิดเป็น 48.4% ของหนี้ทั้งหมด ขณะที่สถาบันการเงินในสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนีถือหนี้ 10.5%, 7.9% และ 3% ตามลำดับ  

หนี้ต่อบริษัทเอกชนระหว่างประเทศ ยูเครนมีหนี้ 1.61 พันล้านดอลลาร์จากการกู้ยืมธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศและองค์กรต่างชาติ อาทิ กู้เงินบริษัทคาร์กิลล์ (730 ล้านดอลลาร์) และธนาคารดอยช์แบงก์ (490 ล้านดอลลาร์)  

หนี้จากพันธบัตร  ยูเครนมีหนี้พันธบัตรยูโรปี 2024 อยู่ที่ 15.22 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ รัฐบาลเคียฟได้ผ่านกฎหมายอนุญาตให้ยูเครนระงับการชำระหนี้ต่างประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา 

จีนจับมือเมียนมา กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทลายรังฉ้อโกงขนาดใหญ่ตอนเหนือของประเทศ

(22 พ.ย.67) กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนรายงานการกวาดล้างศูนย์ฉ้อโกงทางโทรคมนาคม หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ทั้งหมดทางตอนเหนือของเมียนมา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนจีน-เมียนมา

รายงานระบุว่ามีการจับกุมชาวจีนผู้ต้องสงสัยฉ้อโกงทางโทรคมนาคมกว่า 53,000 ราย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจของจีนกับเมียนมา นับตั้งแต่กระทรวงฯ ดำเนินการปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมทางตอนเหนือของเมียนมาเมื่อปี 2023

เมื่อไม่นานนี้ มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยฉ้อโกงทางโทรคมนาคมในพื้นที่เมืองตั้งยานทางตอนเหนือของเมียนมาเป็นครั้งแรก จำนวน 1,079 ราย ระหว่างปฏิบัติการร่วมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นเมียนมา

รายงานเสริมว่ามีการส่งตัวชาวจีนผู้ต้องสงสัยฉ้อโกงทางโทรคมนาคมที่ถูกจับกุมในพื้นที่เมืองตั้งยานของเมียนมาให้จีนทั้งหมด 763 ราย และปฏิบัติการร่วมดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม

ทั้งนี้ หน่วยงานความปลอดภัยสาธารณะของจีนจะยังคงมุ่งมั่นปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมข้ามพรมแดนอย่างเข้มงวดต่อไป โดยเฉพาะหลายพื้นที่ที่มีแหล่งมิจฉาชีพอยู่หนาแน่น

กระทรวงฯ จะเพิ่มความร่วมมือบังคับใช้กฎหมายระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจของจีนกับเมียนมา พร้อมเตือนประชาชนระมัดระวังข้อมูลการรับสมัครงานในต่างประเทศที่มีรายได้สูง เนื่องจากอาจเป็นการหลอกลวงเข้าสู่การก่ออาชญากรรม

ศาลโสมขาวปัดตก อาชีพนักร้อง-ไอดอล 'ไม่ใช่' แรงงานตามกม. ศิลปินเอาผิดต้นสังกัดไม่ได้

(22 พ.ย.67) สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลเกาหลีใต้ได้ปัดตกคำร้องของฮันนิ สมาชิกวง New Jeans ที่ร้องต่อศาลให้พิจารณาสถานะความเป็นศิลปิน ว่าถือเป็น 'แรงงาน' ตามกฎหมายแรงงานของเกาหลีใต้หรือไม่ หลังจากที่เธอถูกกลั่นแกล้งจาก HYBE ค่ายต้นสังกัดของเธอ 

ฮันนิ สมาชิกวง New Jeans ร้องต่อศาลว่าเธอถูกค่าย  HYBE เอาเปรียบทางสัญญาการจ้างงานตามกฎหมายแรงงานของเกาหลีใต้ ทว่า ศาลได้มีคำพิจารณาว่าอาชีพ ศิลปิน-ไอดอล 'ไม่ใช่' แรงงานตามกฎหมายแรงงานของเกาหลีใต้ โดยศาลให้คำพิจารณาว่า "เมื่อพิจารณาจากสัญญาที่ลงนามโดยฮันนิ เธอไม่มีสถานะเป็นแรงงานตามกฎหมายแรงงาน เนื่องจากอาชีพดังกล่าวมีการจ่ายค่าตอบแทนในรูปแบบความสัมพันธ์แบบลูกจ้าง-นายจ้าง แต่มีสถานะเป็นนิติบุคคลพิเศษที่ปฏิบัติงานภายใต้ต้นสังกัด ซึ่งรวมถึงนักแสดง นักร้อง ไอดอล และศิลปินคนอื่น ๆ ด้วย"

คำตัดสินดังกล่าวของศาลเกาหลีใต้อาจสร้างผลกระทบวงกว้างต่อแวดวงศิลปินดาราเกาหลี เพราะจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้ศาลมีการพิจารณาในลักษณะเดียวกันต่อศิลปินคนอื่น หากศิลปินมีการฟ้องร้องเกี่ยวกับสัญญาการจ้างงานต่อต้นสังกัด ซึ่งถือเป็นคำตัดสินที่อาจสะเทือนการให้นิยมการจ้างงานในฐานะศิลปิน

ทั้งนี้ ปัจจุบัน สมาชิกวง New Jeans ทั้ง 5 คนประกาศพร้อมยกเลิกสัญญากับทาง ADOR ซึ่งเป็นค่ายในเครือ HYBE หากไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของพวกเธอภายใน 14 วัน โดย 1 ในเงื่อนไขของพวกเธอคือ การแก้ไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งพวกเธอได้อ้างอิงถึง 'เอกสารลับ' ของ HYBE ที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ ว่าทางค่าย จะทิ้งวง New Jeans และสร้างวงใหม่ขึ้นมาแทน

ICC ออกหมายจับ เนทันยาฮู – อดีตรมว.กลาโหมยิว ก่ออาชญากรรมสงคราม อิสราเอลโต้ หมายจับไร้สาระ โวยเป็นการต่อต้านชาวยิว

(22 พ.ย.67) เว็บไซต์ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ออกประกาศหมายจับกรณีอาชญากรรมสงคราม ต่อนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และนายโยอาฟ กัลเเลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล โดย ICC ระบุว่าทั้งผู้นำอิสราเอลและอดีตรัฐมนตรีกลาโหมมีส่วนใช้วิธีทำให้ผู้คนขาดแคลนอาหารเป็นยุทธวิธีการทำสงคราม ซึ่งเป็นอาชญากรรมต่อมุษยชาติ ซึ่งรวมถึงการสังหาร กดขี่ประหัตประหาร รวมทั้งพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ปราศจากความปรานี

นอกจากหมายจับทั้งสองแล้ว ICC ยังได้ออกหมายจับมูฮัมมัด เดอิฟ หัวหน้าฝ่ายทหารของฮามาสในฉนวนกาซา ในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซึ่งรวมถึงการสังหาร จับตัวประกันและความรุนเเรงทางเพศ 

หลังการออกประกาศดังกล่าว ด้านสำนักงานของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ปฏิเสธการตัดสินใจของศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่ออกหมายจับตัวเขาและโยอาฟ กัลเเลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล แถลงการณ์ของเนทันยาฮูระบุว่า นี่คือวันที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติต่าง ๆ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในกรุงเฮก ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อปกป้องมนุษยชาติ กลายมาเป็นศัตรูของมนุษยชาติในวันนี้ อิสราเอลขอแสดงความรังเกียจต่อการกระทำที่ไร้สาระและเป็นเท็จของศาลอาญาระหว่างประเทศ และเรียกการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการต่อต้านชาวยิว

ทั้งนี้ หมายจับเนทันยาฮู และกัลแลนต์ เป็นการกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติระหว่างปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ปีที่แล้ว

นิสสันเล็งลดหรือย้ายพนักงานในไทย ตามแผนลดกำลังการผลิตในอาเซียน

(22 พ.ย.67) นิสสัน มอเตอร์ ค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น เตรียมปรับลดหรือโอนย้ายพนักงานประมาณ 1,000 ตำแหน่งในประเทศไทย ตามแผนลดกำลังแรงงานทั่วโลกที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางการลดกำลังการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  

แหล่งข่าววงใน 2 รายที่ไม่เปิดเผยตัวตน เปิดเผยกับรอยเตอร์สว่า นิสสันวางแผนหยุดการผลิตบางส่วนที่โรงงานหมายเลข 1 ในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 โรงงานของบริษัทในประเทศไทย โดยสายการผลิตที่เหลือจะถูกย้ายไปยังโรงงานหมายเลข 2 ภายในเดือนกันยายนปีหน้า  

โฆษกนิสสันปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลดจำนวนพนักงาน แต่ยืนยันว่าการรวมโรงงานเป็นบางส่วนกำลังดำเนินการเพื่อปรับปรุงอุปกรณ์ และจะไม่มีการปิดโรงงานในไทยแต่อย่างใด พร้อมระบุว่า โรงงานหมายเลข 1 จะยังคงเป็นโรงงานหลักของนิสสันในไทย  

ปัจจุบัน โรงงานหมายเลข 1 ของนิสสันมีกำลังการผลิตรถยนต์ราว 220,000 คันต่อปี ส่วนโรงงานหมายเลข 2 มีกำลังผลิต 150,000 คันต่อปี ทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนสำหรับนิสสัน  

ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์นิสสันในประเทศไทยลดลง 30% เหลือเพียง 14,000 คัน ในปีงบประมาณที่ผ่านมา โรงงานในไทยยังคงผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) เช่น รุ่น 'คิกส์' สำหรับตลาดอาเซียน และรุ่น 'เทอร์รา' เพื่อส่งออกไปยังตะวันออกกลางและแอฟริกา  

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นิสสันได้ประกาศแผนปรับลดพนักงาน 9,000 ตำแหน่งทั่วโลก หลังผลประกอบการครึ่งปีแรกต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

รัสเซียเปิดช่องถกข้อตกลงยุติขัดแย้งยูเครน แม้สหรัฐกับพันธมิตรจะส่งอาวุธโจมตีแดนหมีขาวอย่างต่อเนื่อง

(22 พ.ย.67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงว่า รัสเซียพร้อมพิจารณาข้อเสนอสันติภาพใด ๆ ที่ "เป็นไปได้จริง" เพื่อแก้ไขความขัดแย้งในยูเครน โดยยึดผลประโยชน์ของชาติและสถานการณ์ในพื้นที่เป็นหลัก

“เราพร้อมสำหรับการเจรจา และยินดีพิจารณาข้อเสนอที่ไม่มีแรงจูงใจทางการเมืองแอบแฝง” ซาคาโรวากล่าว พร้อมย้ำว่าข้อตกลงใด ๆ จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของรัสเซียเป็นสำคัญ

“ดิฉันขอเน้นว่า สิ่งสำคัญคือการรับประกันผลประโยชน์ของเรา สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ และมีข้อผูกพันที่ชัดเจน”

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุเพิ่มเติมว่า รัสเซียเปิดกว้างต่อการเจรจาหยุดยิงในยูเครนกับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ยืนยันไม่คืนดินแดนสำคัญ และเรียกร้องให้ยูเครนยุติความพยายามเข้าร่วมองค์การนาโต้

จีนพบแหล่งทองคำขนาดใหญ่ในมณฑลหูหนาน คาดปริมาณกว่า 1,000 ตัน มูลค่าราว 2.8 ล้านล้านบาท

(22 พ.ย.67) ทีมนักธรณีวิทยาของจีนเปิดเผยว่าได้พบแหล่งทองคำสำรองแห่งใหม่ที่คาดว่าน่าจะมีทองคำอยู่ปริมาณ 1,000 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่าราว 82,800 ล้านดอลลาร์ (2.8 ล้านล้านบาท) ในมณฑลหูหนาน ทางตอนกลางของประเทศ

รายงานระบุว่า แห่งทองคำแห่งใหม่นี้มีความลึกราว 2,000 เมตร บริเวณพื้นที่หวางกู่ในเขตผิงเจียง ประมาณเบื้องต้นมีปริมาณทองคำอย่างน้อยราว 300.2 ตัน 

ทีมผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าแหล่งทองคำหวางกู่มีขนาดใหญ่มาก อาจจะมีความลึกประมาณ 2-3,000 เมตร คาดว่าจะมีปริมาณทองคำทั้งหมดราว 1,000 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 6 แสนล้านหยวน หากประเมินจากราคาทองในปัจจุบัน

ทั้งนี้ จีนเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยตามข้อมูลจากสภาทองคำโลก จีนคิดเป็น 10% ของทองคำที่มีการซื้อขายทั่วโลกในปี 2023

ฮิวแมนไรท์วอชประณามสหรัฐฯ ส่ง 'ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล' ให้ยูเครน ละเมิดสนธิสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิดปี 1997

(21 พ.ย. 67) แหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐ 2 รายเผยกับวอชิงตันโพสต์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุมัติการส่งมอบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลไปยังยูเครน ซึ่งการอนุมัติดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดสนธิสัญญาห้ามใช้กับระเบิด ปี 1997 

แมรี่ วาเรแฮม รองผู้อำนวยการฝ่ายวิกฤตความขัดแย้งและอาวุธ ของฮิวแมนไรท์วอช กล่าวว่า “การตัดสินใจของประธานาธิบดีไบเดนในการมอบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น มีความเสี่ยงต่อชีวิตพลเรือน และขัดขวางความพยายามของนานาชาติในการกำจัดอาวุธเหล่านี้... สหรัฐฯ ควรทบทวนการส่งมอบดังกล่าว ซึ่งรั้งแต่จะเพิ่มความเสี่ยงให้พลเรือนได้รับลูกหลงจากกับระเบิดและต้องทนทุกข์ทรมาณในระยะยาว"

แหล่งข่าวยังเผยว่า รัฐบาลสหรัฐคาดหวังให้ยูเครนใช้อาวุธนี้ เฉพาะในเขตเเดนยูเครนที่ไม่มีพลเรือนอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตาม ฮิวแมนไรท์วอช มองว่าไม่มีอะไรการันตีได้ว่า กองทัพยูเครนจะใช้ทุ่นระเบิดดังกล่าวในพื้นที่ไร้พลเรือนตามที่สัญญา

“การยอมรับและใช้ทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล ถือเป็นความเสี่ยงที่ยูเครนจะละเมิดสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิดเพิ่มเติม” แถลงการณ์ของฮิวแมนไรท์วอชระบุ  

ด้านโฆษกทำเนียบเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ กล่าวว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ารายงานเกี่ยวกับการอนุมัติของไบเดนในการส่งกับระเบิดไปยังเคียฟเป็นความจริงหรือไม่ แต่ไม่ได้ตัดความเป็นว่ารัฐบาลสหรัฐที่ใกล้หมดวาระกำลังรีบเร่งดำเนินการบางอย่าง

ที่ผ่านมา ทางการรัสเซียย้ำหลายครั้งว่าการส่งอาวุธให้ยูเครนเป็นการขัดขวางการยุติความขัดแย้ง และถือเป็นการที่ประเทศในนาโต้เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง

สำหรับสนธิสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิด ได้รับการลงนามในปี 1997 ที่กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา โดยปัจจุบันมีชาติที่ร่วมลงสัตยาบันไม่ใช่ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแล้วกว่า 164 ชาติทั่วโลก 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top