Sunday, 15 June 2025
WORLD

ตร.ลาวรวบ 8 เวียดนาม ต้องสงสัยเอี่ยวเหล้าเถื่อนโฮสเทลวังเวียง หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตต่อเนื่อง 6 ศพ

ตำรวจลาวรวบแล้ว 8 ราย ฐานเอี่ยวเหล้าเถื่อนคร่าชีวิตนักท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ (25 พ.ย.67) เว็บไซต์ The Laotian Times รายงานว่า ตำรวจเมืองวังเวียงได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 8 ราย ซึ่งเป็นพนักงานของ Nana Backpackers Hostel ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยทั้งหมดเป็นชาวเวียดนาม อายุระหว่าง 23-44 ปี  

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตรวม 6 ราย ได้แก่ ชาวอเมริกัน 1 ราย, ชาวเดนมาร์ก 2 ราย, ชาวออสเตรเลีย 2 ราย และชาวอังกฤษ 1 ราย สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มปนเปื้อนเมทานอล  

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เมืองวังเวียง ร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งสืบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง รวมถึงรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม  

มีรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 12 คนในพื้นที่ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังดื่มเครื่องดื่มปนเปื้อนจากโฮสเทลเดียวกัน โดยพบเมทานอลในเหล้าและเบียร์  

สถานทูตของเดนมาร์ก สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ กำลังดำเนินการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศ ขณะที่คณะทำงานเฉพาะกิจยังคงสอบสวนขอบเขตของเหตุการณ์นี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่าอาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน

ลือสะพัดไบเดนทิ้งทวน จ่อมอบนิวเคลียร์ให้ยูเครน

(27 พ.ย.67) นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงตอบโต้รายงานของ นิวยอร์กไทมส์ ที่อ้างคำพูดเจ้าหน้าที่ระดับสูงในทำเนียบขาวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจพิจารณาส่งมอบอาวุธนิวเคลียร์ให้ยูเครนก่อนหมดวาระดำรงตำแหน่ง  

เปสคอฟระบุว่า หากรายงานดังกล่าวเป็นจริง ถือเป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบอย่างยิ่ง พร้อมกล่าวว่า “นี่คือการถกเถียงที่ขาดความเข้าใจในความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง และแสดงให้เห็นถึงการขาดความรับผิดชอบจากผู้ที่ไม่เปิดเผยตัวตน”  

ขณะเดียวกัน ดมิทรี เมดเวเดฟ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของรัสเซีย เตือนว่า หากชาติตะวันตกจัดหาอาวุธนิวเคลียร์ให้ยูเครน รัสเซียจะถือว่าเป็นการโจมตีโดยตรงต่อมอสโก และอาจเป็นเหตุให้รัสเซียตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์  

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวเมื่อเดือนที่ผ่านมา ว่าการส่งอาวุธนิวเคลียร์ให้ยูเครนและการรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต คือวิธีเดียวที่จะป้องปรามรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

อินโดฯ ปัดดีล Apple ลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ ชี้ข้อเสนอน้อยไปเมื่อเทียบที่ลงทุนในไทย-เวียดนาม

(26 พ.ย. 67) รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมอินโดนีเซียเผยว่า ข้อเสนอการลงทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์จาก Apple ยังไม่เพียงพอที่จะยกเลิกคำสั่งห้ามขาย iPhone 16 ในประเทศ หลังบริษัทไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศอย่างน้อย 40% ซึ่งบังคับใช้กับสมาร์ทโฟนทุกแบรนด์ รวมถึง Google  

Apple ยื่นข้อเสนอเงินลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้รัฐบาลทบทวนคำสั่งแบน แต่รัฐมนตรีอากัส กุมิวัง ระบุว่าข้อเสนอนี้ "ไม่เป็นธรรม" เมื่อเทียบกับการลงทุนในไทยและเวียดนาม หรือคู่แข่งอย่าง Samsung และ Xiaomi ที่ลงทุนในอินโดนีเซียถึง 8 ล้านล้านและ 55 ล้านล้านรูเปียห์ตามลำดับ  

Apple เคยให้คำมั่นลงทุน 1.7 ล้านล้านรูเปียห์ โดยได้ดำเนินการไปแล้ว 1.5 ล้านล้านรูเปียห์ แต่ยังเหลืออีก 10 ล้านดอลลาร์ที่ต้องส่งมอบตามสัญญาเดิม และต้องปรับแผนลงทุนเพิ่มสำหรับปี 2567-2570  

ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีมาตรการปกป้องเศรษฐกิจในประเทศมาโดยตลอด เช่น บังคับให้ TikTok แยกฟีเจอร์ช็อปปิ้งออกเพื่อปกป้องค้าปลีกจากสินค้าจีน  

ตลาดอินโดนีเซียเป็นที่จับตามองของบริษัทยักษ์ใหญ่ ด้วยประชากรหนุ่มสาวและผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนกว่า 350 ล้านเครื่อง การเจาะตลาดระยะยาวในประเทศที่กำลังเติบโตนี้จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับ Big Tech ทั่วโลก

สภาสหรัฐฯ โบ้ยจีนเปลี่ยนฮ่องกง จากฮับการเงินสู่แหล่งอาชญากรรมโลก

(26 พ.ย. 67) รอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมาธิการด้านจีนแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ยื่นหนังสือถึง เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า ฮ่องกงได้เปลี่ยนบทบาทจากศูนย์กลางการเงินโลกที่เชื่อถือได้ ไปเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมทางการเงิน เนื่องจากการปกครองที่เข้มงวดขึ้นของจีน  

หนังสือฉบับนี้ ลงนามโดย จอห์น มูเลนาร์ ประธานคณะกรรมาธิการจากพรรครีพับลิกัน และ ราจา กฤษณะมูรตี จากสังกัดพรรคเดโมแครต โดยระบุว่า หลังการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงเมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 ฮ่องกงมีบทบาทสำคัญในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน อิหร่าน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ  มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อกล่าวหาต่อฮ่องกง อาทิ ช่วยรัสเซียเข้าถึงเทคโนโลยีตะวันตกที่ถูกจำกัด, จัดตั้งบริษัทบังหน้าสำหรับการซื้อน้ำมันอิหร่านที่ถูกคว่ำบาตร, สนับสนุนการค้าทองคำจากรัสเซีย, ใช้เรือขนส่งสินค้าในการค้าผิดกฎหมายกับเกาหลีเหนือ  

หนังสือยังอ้างข้อมูลวิจัยว่า 40% ของสินค้าส่งออกจากฮ่องกงไปยังรัสเซียในปี 2023 เป็นสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจำเป็นต่อการทำสงครามของรัสเซียต่อยูเครน  

คณะกรรมาธิการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของนโยบายสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับฮ่องกง โดยเฉพาะในภาคการเงินและการธนาคาร ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐชี้ว่าการปราบปรามผู้เห็นต่างในฮ่องกงได้บ่อนทำลายหลักนิติธรรมและสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ที่เสื่อมถอยระหว่างสหรัฐและฮ่องกง  

ไทยรับอานิสงส์ Ricoh ย้ายฐานผลิตพริ้นเตอร์จากจีน เลี่ยงรบ.ทรัมป์ขึ้นภาษี 60% หากผลิตจากจีน

(26 พ.ย. 67) ริโก้ (Ricoh) บริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์สำนักงานจากญี่ปุ่น เตรียมย้ายการผลิตเครื่องพริ้นเตอร์มัลติฟังก์ชันจากโรงงานในเซี่ยงไฮ้และตงกวน ประเทศจีน มายังประเทศไทย เพื่อลดผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำหนดอัตราภาษีใหม่สูงถึง 60%  

ปัจจุบัน สินค้าภายใต้แบรนด์ริโก้ที่จำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ คิดเป็น 20% ของยอดขายทั่วโลก โดยริโก้มีโรงงานผลิตในไทยตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งเป็นยุคแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งก่อน  

ริโก้ยังวางแผนกระจายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นในอาเซียน เพื่อสนับสนุนความร่วมมือกับโตชิบา เทค  

ก่อนหน้านั้นช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ริโก้ประกาศแผนปลดพนักงานกว่า 2,000 คนทั่วโลก หรือราว 3% ของพนักงานทั้งหมด โดยในจำนวนนี้ 1,000 คนจะถูกปลดในญี่ปุ่น การปลดพนักงานครั้งนี้เน้นสายงานฝ่ายขายและซ่อมบำรุง คาดว่าจะเริ่มทยอยตั้งแต่วันนี้จนถึงมีนาคม 2025  

การปรับลดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยลดขนาดธุรกิจเครื่องใช้สำนักงาน และมุ่งเน้นธุรกิจบริการดิจิทัล แม้จะมีค่าใช้จ่ายครั้งเดียว 112 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่คาดว่าจะช่วยให้ริโก้ทำกำไรเพิ่มขึ้น 9,000 ล้านเยนภายในปี 2026  

ตลาดเครื่องพิมพ์ยังเผชิญกับการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง จากการลดการใช้กระดาษขององค์กร และการทำงานแบบยืดหยุ่น โดยยอดจัดส่งเครื่องพิมพ์และถ่ายเอกสารในปี 2023 อยู่ที่ 3.59 ล้านเครื่อง ลดลงถึง 26% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19  

ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ชี้ศาลอาญาโลก แค่ออกหมายจับนายกฯ อิสราเอลไม่พอ

(26 พ.ย. 67) อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ออกมาแสดงความเห็นเมื่อวันจันทร์ (25 พ.ย.) โดยระบุว่าการที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ออกหมายจับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และนายโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหม ยังไม่เพียงพอ พร้อมเรียกร้องให้ศาลสั่งโทษประหารชีวิตผู้นำเหล่านี้จากข้อหาก่ออาชญากรรมสงครามในฉนวนกาซา

“การออกหมายจับไม่เพียงพอ ผู้นำอาชญากรเหล่านี้สมควรถูกประหารชีวิต” คาเมเนอี กล่าว

คำพูดดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง ICC ออกหมายจับผู้นำอิสราเอลเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน โดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีอย่างรุนแรงต่อพลเรือนในฉนวนกาซา รวมถึงการสังหาร การประหัตประหาร และการทำให้ประชาชนอดอยาก ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมสงครามในรูปแบบการโจมตีอย่างเป็นระบบ

อิหร่าน ซึ่งให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ในการต่อสู้กับอิสราเอล แสดงท่าทีแข็งกร้าวในเรื่องนี้ ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธอำนาจของ ICC และยืนยันว่ายังไม่ได้ก่ออาชญากรรมสงคราม

นอกจากนี้ ICC ยังออกหมายจับนายอิบราฮิม อัล-มาสรี ผู้นำฮามาสที่เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอล โดยกล่าวหาเขาในคดีฆาตกรรมหมู่ การข่มขืน และการจับตัวประกันจากเหตุโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566

ทรัมป์เล็งปลดทหาร LGBTQ 15,000 นาย พ้นกองทัพสหรัฐฯ ในวันแรกที่รับตำแหน่ง

(26 พ.ย. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนออกคำสั่งที่จะนำไปสู่การปลดทหารข้ามเพศทั้งหมดออกจากกองทัพสหรัฐฯ  ซึ่งคาดว่าจะมีทหารราว 15,000 นายที่ได้รับผลกระทบ 

รายงานระบุว่า ทรัมป์อาจลงนามในคำสั่งดังกล่าวตั้งแต่วันแรกที่กลับเข้ามาทำงานในทำเนียบขาว โดยระบุถึงเหตุผลว่า กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศจะถูกปลดประจำการด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ 

รายงานยังระบุด้วยว่า การปลดทหารข้ามเพศมีขึ้นท่ามกลางที่กองทัพสหรัฐประสบปัญหาในการสรรหาทหารใหม่เข้าประจำการ โดยในบรรดาทั้ง 6 เหล่าทัพของสหรัฐ มีเพียงนาวิกโยธินเท่านั้นที่มีจำนวนกำลังพลเพียงพอและเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากคำสั่งนี้บังคับใช้จะมีบุคลากรเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ ภายใต้คำสั่งใหม่ของทรัมป์จะไม่อนุญาตให้บุคคลข้ามเพศเข้าร่วมกองทัพด้วย

ทรัมป์เดินหน้าเก็บภาษีจีน 10% ชาติเพื่อนบ้านก็ไม่เว้น เม็กซิโก-แคนาดา เจอเก็บ 25% ในวันแรกที่รับตำแหน่ง

(26 พ.ย. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจากจีน 10% ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง โดยให้เหตุผลเรื่องการอพยพผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติดผ่านพรมแดน ทรัมป์โพสต์บน *Truth Social* ว่า “ในวันที่ 20 มกราคม ผมจะลงนามคำสั่งเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และ 10% สำหรับสินค้าจีน เพื่อแก้ปัญหานโยบายพรมแดนเปิดและการค้ายาเสพติด”  

มาตรการนี้ขัดต่อข้อตกลง *USMCA* ซึ่งทรัมป์เองเคยผลักดันในปี 2020 โดยเม็กซิโกและแคนาดาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ  

นักวิเคราะห์ชี้ว่าภาษีจีนที่ 10% อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยขู่เก็บภาษีสูงถึง 60%  

ด้านจีนออกแถลงการณ์เตือนว่า “ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า” และย้ำความร่วมมือกับสหรัฐในการปราบปรามการค้ายาเสพติด

สิงคโปร์จับมือบริษัทยา เริ่มทดลองทางคลินิก พลิกวงการผิวหนัง ฉีดวัคซีนต้านสิวให้สิงคโปร์ 200 คน

(26 พ.ย. 67) ซาโนฟี (Sanofi) บริษัทยาชั้นนำจากฝรั่งเศส ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับสำนักงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัย (A*Star) และศูนย์ผิวหนังแห่งชาติ (NSC) ของสิงคโปร์ เพื่อพัฒนาวัคซีนต้านสิว พร้อมเริ่มการทดลองทางคลินิกในปี 2568

วัคซีนดังกล่าวมุ่งลดความรุนแรงของสิว ซึ่งเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อย โดยเฉพาะในวัยรุ่นกว่า 80% ทั่วโลก สิงคโปร์จะเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ทดลองวัคซีนนี้กับประชาชนราว 200 รายที่มีสิวระดับเล็กน้อย

นอกจากนี้ ซาโนฟียังทดลองวัคซีนในผู้ที่มีสิวรุนแรงในสหรัฐฯ แล้ว ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมร่วมมือกับ A*Star ในการวิจัยโรคผิวหนังอื่น ๆ เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือ

ศ.ตัน ชอ ฉวน ประธาน A*Star กล่าวว่า “สิงคโปร์มีประชากรหลากหลายเชื้อชาติ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการวิจัยด้านผิวหนังของชาวเอเชีย และช่วยสร้างความเข้าใจที่เชื่อมโยงกับสุขภาพผิวระดับโลก”

สิวเป็นภาวะอักเสบเรื้อรัง เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนโดยซีบัมและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว มักพบในผู้ที่อายุ 10-24 ปี แต่บางรายอาจมีปัญหาจนถึงวัยกลางคน

วัคซีนต้านสิวนี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษาและช่วยผู้คนทั่วโลกฟื้นฟูความมั่นใจในตนเอง

จีนเพ่งเล็งแพลตฟอร์ม สั่งสอบอัลกอริทึม หวังลดเอาเปรียบพนักงานส่งของ-คุมภัยออนไลน์

(25 พ.ย.67) ทางการจีนเรียกร้องแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มตนเองและแก้ไขการควบคุมอัลกอริทึมใดๆ ที่อาจหาประโยชน์จนเอารัดเอาเปรียบพนักงานจัดส่งสิ่งของ

สำนักงานคณะกรรมการกิจการไซเบอร์สเปซส่วนกลางของจีน ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ระบุว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่มุ่งจัดการกับระบบอัลกอริทึมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งละเมิดผลประโยชน์ของผู้ใช้งานและพนักงานในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต

ทางการจีนจะดำเนินการปราบปรามการบีบอัดระยะเวลาจัดส่งสิ่งของ ซึ่งมักเพิ่มความกดดันแก่พนักงานจัดส่งสิ่งของที่ต้องเร่งทำเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการจัดส่งล่าช้า นำไปสู่ความเสี่ยงฝ่าฝืนกฎระเบียบทางการจราจรและเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น

บรรดาแพลตฟอร์มออนไลน์ต้องเปิดเผยกฎเกณฑ์ของอัลกอริทึมอย่างชัดแจ้ง ทั้งการประมาณเวลาและการวางแผนเส้นทาง พร้อมตอบสนองคำร้องจากพนักงานจัดส่งสิ่งของโดยทันที หากเกิดกรณีจัดส่งล่าช้าเพราะปัจจัยอันมิอาจควบคุมได้อย่างอุบัติเหตุและสภาพอากาศย่ำแย่

อนึ่ง โครงการนี้จะดำเนินต่อไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และครอบคลุมผู้ประกอบธุรกิจอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ เช่น แพลตฟอร์มวิดีโอและชอปปิงออนไลน์ มีเป้าหมายแก้ไขข้อกังวลของชาวเน็ต ซึ่งรวมถึง 'รังไหมข้อมูล' (information cocoon) ผ่านการแนะนำเนื้อหาที่เหมือนกัน และการเลือกปฏิบัติด้านราคาโดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ที่แสดงราคาแตกต่างกันตามผู้ใช้งานแต่ละราย

รัสเซียเสนอสร้างฐานปล่อยจรวดให้พันธมิตรใกล้ชิด ชาติแถบเส้นศูนย์สูตร 'อินโดนีเซีย-มาเลเซีย' รับอานิสงส์

(25 พ.ย.67) ยูริ บอริซอฟ หัวหน้าองค์การอวกาศรัสเซีย (Roscosmos) เปิดเผยต่อสำนักข่าวสปุตนิกว่า รัสเซียมีแผนเสนอที่จะสร้างฐานปล่อยจรวดสู่อวกาศให้กับมิตรประเทศพันธมิตรใกล้ชิด โดยเฉพาะประเทศในแถบเส้นศูนย์สูตรซึ่งถือเป็นทำเลที่ได้เปรียบในการปล่อยจรวดขึ้นสู่อวกาศ

บอริซอฟ กล่าวว่า ในตอนนี้รัสเซียและชาติพันธมิตรอย่าง อินเดีย จีน และอิหร่านมีโครงการด้านอวกาศอยู่แล้ว แต่เราก็มีแผนที่จะร่วมมือกับแอฟริกาใต้ รวมถึงประเทศที่อยู่ในแถบเส้นศูนย์สูตรอย่าง อัลจีเรีย ซิมบับเว อินโดนีเซีย และมาเลเซียด้วย

ตามแผนความร่วมมือของ Roscosmos กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างองค์การอวกาศรัสเซียกับชาติพันธมิตร นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และอวกาศแล้ว ยังรวมถึงแผนการที่รัสเซียจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดินสำหรับการยิงจรวดขนส่งสู่อวกาศจากดินแดนของตนด้วย "ข้อเสนอเหล่านี้เราพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับมิตรประเทศที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นทำเลเหมาะสมต่อการปล่อยจรวดสู่อวกาศ" 

บอริซอฟ ยอมรับว่า นับตั้งแต่ความขัดแย้งในยูเครนปะทุขึ้น Roscosmos เป็นหนึ่งในองค์ที่ถูกนานาชาติคว่ำบาตร ได้ส่งผลให้องค์การอวกาศรัสเซียหันไปแสวงหาความร่วมมือกับชาติพันธมิตรอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกา

ไอเดียจีนสร้างฮับดิจิทัลกว่างซี เชื่อมอีคอมเมิร์ซอาเซียนที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์

เมื่อไม่นานนี้ ตำบลอูเจิ้น มณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีน ได้จัดการประชุมสุดยอดอินเทอร์เน็ตโลก (WIC) แห่งอูเจิ้น ปี 2024 โดยส่วนหนึ่งเป็นการประชุมศูนย์สารสนเทศจีน-อาเซียน หัวข้อสร้างเส้นทางสายไหมดิจิทัล แบ่งปันอนาคตดิจิทัลร่วมกัน

คณะเจ้าหน้าที่รัฐจากจีนและกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น ลาว มาเลเซีย และเมียนมา ได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการวงการอินเทอร์เน็ตจากทั้งในและต่างประเทศด้วยเป้าหมายส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างจีนกับอาเซียน เพื่ออนาคตใหม่ของเส้นทางสายไหมดิจิทัลที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์

อนึ่ง จีนและกลุ่มประเทศอาเซียนมุ่งใช้โอกาสการพัฒนาใหม่จากกระแสดิจิทัลมาทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเขตปกครองตนเอง 'กว่างซี' ทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเป็นภูมิภาคเดียวของจีนที่เชื่อมต่อกับอาเซียนทางบกและทางทะเล ได้เร่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและเปิดกว้างความร่วมมือเส้นทางสายไหมดิจิทัลกับอาเซียน

กว่างซีได้ทำหน้าที่แกนกลางของศูนย์สารสนเทศจีน-อาเซียน ซึ่งดำเนินงานเชื่อมต่อเครือข่าย แลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงสร้างความร่วมมือและผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงทางดิจิทัลและสร้างเส้นทางสายไหมดิจิทัลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ศูนย์สารสนเทศจีน-อาเซียน ได้ดำเนินโครงการความร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียนในด้านรัฐบาลดิจิทัล วิถีชีวิตดิจิทัล และอุตสาหกรรมดิจิทัลเกือบ 20 โครงการ โดยแพลตฟอร์มบริการข้อมูลสินเชื่อข้ามพรมแดนจีน-อาเซียนของศูนย์ฯ ครอบคลุมผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศอาเซียนถึง 7.87 ล้านราย และร่วมมือกับธนาคารในและต่างประเทศ 16 แห่ง

นอกจากนั้นศูนย์ฯ ส่งเสริมการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ทั้งการสื่อสาร การสำรวจระยะไกล พลังการประมวลผล และการนำทาง รวมถึงมีการวางเคเบิลออปติกภาคพื้นดินระหว่างประเทศ 12 เส้น พร้อมจัดตั้งศูนย์สารสนเทศ 38 แห่งใน 9 ประเทศอาเซียน เช่น ลาว กัมพูชา และเมียนมา

กว่างซีได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการสร้างศูนย์สารสนเทศจีน-อาเซียน ดึงดูดแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำอย่างลาซาด้าและชอปปีมาจัดตั้งศูนย์โลจิสติกส์ และสร้างฐานการไลฟ์ตรีมมิงอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนสำหรับอาเซียน

ขณะเดียวกันกว่างซีเร่งสร้างนิคมอุตสาหกรรมปลายทางอัจฉริยะ 5G (ชินโจว) จีน-อาเซียน เดินหน้านิคมอุตสาหกรรมเศรษฐกิจดิจิทัลจีน-อาเซียน และลงนามข้อตกลงการลงทุนกับบริษัทเกือบ 30 แห่ง ส่งผลให้ยอดจำหน่ายอุปกรณ์จัดเก็บและเทคโนโลยีสารสนเทศที่ผลิตโดยผู้ประกอบการท้องถิ่นกว่างซีตั้งแต่ปี 2023 สูงเกิน 20 ล้านหยวน (ราว 94 ล้านบาท)

ฐานหลักของศูนย์สารสนเทศจีน-อาเซียนในนครหนานหนิงได้รวบรวมบริษัทผู้ประกอบการเศรษฐกิจดิจิทัลมากกว่า 7,200 แห่ง เมื่อนับถึงสิ้นปี 2023 และปริมาณนำเข้าและส่งออกอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของหนานหนิงสูงเกิน 1 หมื่นล้านหยวน (ราว 4.76 หมื่นล้านบาท) ติดต่อกัน 2 ปี

ทั้งนี้ ปริมาณการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนเพิ่มขึ้นจากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.44 ล้านล้านบาท) ในปี 2004 เป็น 9.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 31.37 ล้านล้านบาท) ในปี 2023 โดยทั้งสองฝ่ายต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกันและกันติดต่อกัน 4 ปี พร้อมเดินหน้าความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัล พลังงานสีเขียวและคาร์บอนต่ำ และยานยนต์พลังงานใหม่

วิกฤตชายแดนส่อลุกลาม กองทัพว้าท้าอธิปไตย ปักธง 5 ฐานคุกคามชายแดนไทย ดอยหัวม้าอาจเป็นสนามรบ

โลกเราไม่ไกลกับคำว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 ฉันใด ณ วันนี้รู้หรือไม่ว่าไทยเราใกล้จะเกิดสงครามในบ้านตัวเองแล้วฉันนั้นเช่นกัน สืบเนื่องจากประเด็นเขตแดนสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย บริเวณดอยหนองหลวง และ ดอยหัวม้า ด้านตรงข้ามพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ในจุดนี้เป็นของแผ่นดินไทย จุดนี้สมัยก่อนไทยใช้เป็นกันชนโดยกองกำลังชนกลุ่มน้อยในยุคคอมมิวนิสต์แผ่อำนาจจากฝั่งพม่า แต่กองกำลังเข้ามายึดได้และประจำอยู่จุดนี้มามากกว่า 30-40 ปีได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานแล้วแม้ฝ่ายไทยจะพยายามผลักกันแต่ไม่สามารถบรรลุผล

ชนวนเหตุมีอยู่ว่าเมื่อทางการไทยทำการปักปันเขตแดนแต่กองกำลังว้ากลับไม่ยอมถอยร่นเข้าไปในดินแดนฝั่งเมียนมา โดยล่าสุดมีการประชุมจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เวลา 10.00-10.30 น. ตามแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองกำลังว้า ว่าทางการไทยเรียกเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาหารือเรื่องการให้กองกำลังว้าถอยออกไปนอกแผ่นดินไทย ซึ่งการประชุมครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายว้าอย่างรุนแรง โดยฝ่ายไทยกำหนดเส้นตายให้เวลาแค่ 30 วันในการถอนกำลังออกจากดอยหัวม้า ทุกอย่างดูเหมือนจะสงบนิ่งและว้าเหมือนจะยอมปฏิบัติแต่โดยดี แต่ข่าวกรองจากแหล่งข่าวฝั่งว้าระบุว่า หลังการประชุมเสร็จสิ้น กองกำลังว้าสั่งซื้อโดรนศึกและอาวุธจากจีนเทา พร้อมทั้งเสริมอาวุธหนักจากสหพันธรัฐว้าเหนือเข้ามาในบริเวณดังกล่าว

นอกจากฐานหัวม้าในจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว กองกำลังว้ายังมีฐานอีก 5 ฐานที่รุกล้ำดินแดนไทยได้แก่ 
1. ฐานกองเฮือบิน อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่
2. ฐานกิ่วช้างกั๊บ อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่
3. ฐานดอยไฟ อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่
4. ฐานดอยถ้วย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
5. ฐานดอยหัวไก่ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

คำถามคือทำไมว้าถึงไม่ยอมเสียพื้นที่ตรงจุดนี้ถึงขั้นยอมแม้กระทั่งเปิดสงครามกับไทยนั่นก็เพราะว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีแหล่งผลิตยาเสพติดอยู่ 5 แหล่งอันได้แก่ เมืองขุนน้ำรวก เมืองท่าใหม่ บ้านแม่โจ๊กในเมืองสาด บ้านนากองมูในเมืองโต๋นและบ้านเปียงเลา

คำถาม ณ วันนี้คือ ไทยพร้อมรบกับกองกำลังว้าแล้วหรือยัง อีกทั้งมีแผนอพยพคนในพื้นที่อย่างไร แผนสำรองอย่างไร เพราะจากวันนี้เหลือไม่ 30 วันแล้วหากสงครามเกิดขึ้นจริง เพราะไทยห่างสงครามไปถึง 13 ปีแล้วนับตั้งแต่สมรภูมิภูมะเขือและไทยได้เสียเขาพระวิหารไปในตอนนั้น แต่เอย่าก็ยังมั่นใจว่าทหารไทยเรายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องที่จะไม่ยอมให้เสียดินแดนแม้ว่าตารางนิ้วเดียวและนี่อาจจะเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูก็ได้หากบางกลุ่มหรือบางประเทศที่อยากจะมาแบ่งแยกประเทศไทยหรือยึดเอาดื้อๆ จากการทำสัญญาอะไรก็ตาม

ทัพสหรัฐส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำประจำการในเอเชีย เชื่อรอคำสั่งว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

(25 พ.ย.67) นิเคอิเอเชียรายงานใน ภายในสัปดาห์นี้จะมีเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯ 3 ลำเดินทางถึงฝั่งแปซิฟิกตะวันตก หลังจากไม่ได้ประจำการที่นี่มาหลายเดือน เนื่องจากถูกส่งไปตะวันออกกลาง ท่ามกลางความกังวลว่าอาจเป็นการแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน 

ความคืบหน้าดังกล่าวมีขึ้นในช่วง 50 วันก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง

รายงานระบุว่า เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอสจอร์จ วอชิงตัน ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ พร้อมลูกเรือ 2,702 คน มาถึงท่าเรือโยโกซุกะ ในอ่าวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ท่าเรือที่เป็นที่ตั้งของกองเรือที่ 7 ของสหรัฐ และเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่เรือยูเอสเอสจอร์จ วอชิงตันกลับมายังท่าเรือนี้ นอกจากนี้ เรือยูเอสเอสคาร์ล วินสัน จะเข้าประจำการที่ท่าเรือนี้ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้เช่นกัน

อีกลำหนึ่งคือ เรือยูเอสเอสอับราฮัม ลินคอล์น ซึ่งขณะนี้อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย กำลังมุ่งหน้าผ่านทะเลจีนใต้ โดยอาจมีกำหนดการแวะที่ฐานทัพบนเกาะโอกินาว่า ก่อนจะเดินทางกลับซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียต่อไป

นาวาตรีเคที โคนิก (Katie Koenig) โฆษกกองเรือประจำภูมิภาคแปซิฟิกของสหรัฐ กล่าวว่า การประจำการของเรือบรรทุกเครื่องบินนี้จะช่วยให้กองกำลังทางทะเลและกองกำลังร่วมสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และสหรัฐได้นำเรือที่มีขีดความสามารถสูงที่สุดมาปฏิบัติภารกิจ ซึ่งมีกำลังในการโจมตีและปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

นับตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอสโรนัลด์ เรแกนออกจากท่าโยโกซุกะ สหรัฐไม่ได้มีเรือบรรทุกเครื่องบินประจำการในแปซิฟิกตะวันตกอีก โดยสหรัฐหันไปให้ความสำคัญต่อพื้นที่ในตะวันออกกลางแทนเนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในอิสราเอล

เบรนต์ แซดเลอร์ (Brent Sadler) นักวิจัยจากมูลนิธิเฮอริเทจ (Heritage Foundation) กล่าวว่าการเพิ่มกำลังทหารในช่วงนี้ถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบจากจีน ซึ่งสหรัฐมองว่าจีนเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งอย่างชัดเจน อีกทั้งมองว่าการเพิ่มกำลังของสหรัฐในแปซิฟิกนี้เกิดขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากจีนในช่วง 50 วันที่เหลือก่อนการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในวันที่ 20 มกราคม 2025 และอาจทำให้การประจำการในตะวันออกกลางลดลง

ด้านจาค็อบ สโตกส์ (Jacob Stokes) รองผู้อำนวยการโครงการความมั่นคงอินโด-แปซิฟิกที่ศูนย์ความมั่นคงอเมริกันใหม่ (Center for a New American Security) หลังจากนี้เราอาจได้เห็นท่าทีอันแข็งกร้าวจากจีน ด้วยการซ้อมรบบริเวณรอบเกาะไต้หวันหรือบริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งถ้ามีการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินไปประจำการเพิ่มขึ้น จะมีทางเลือกที่หลากหลายในการตอบโต้จีนได้มากขึ้น

'ลูกสาวดูเตร์เต' รองประธานาธิบดี ลั่นกลางวงประชุม ขู่สังหาร 'ประธานาธิบดีมาร์กอส' หากเธอถูกปลิดชีพ

(25 พ.ย.67) สองตระกูลการเมืองฟิลิปปินส์เดือดดาลเมื่อ ซารา ดูเตอร์เต บุตรสาวของอดีตผู้นำ โรดริโก ดูเตอร์เต กล่าวในการแถลงผ่านระบบออนไลน์ว่า เธอได้เตรียมการไว้แล้วสำหรับการลอบสังหารมาร์กอสจูเนียร์, ลิซา ภรรยาของเขา และ มาร์ติน โรมวลเดซ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของมาร์กอส หากว่าตัวเธอถูกสังหาร

"ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของฉัน เพราะฉันได้พูดคุยกับใครบางคนไว้แล้ว ฉันบอกเขาว่า หากฉันถูกฆ่า ก็ให้ไปฆ่า BBM, ลิซา อราเนตา และมาร์ติน โรมวลเดซ” เธอกล่าว โดยใช้ชื่อย่อของประธานาธิบดีที่รู้จักกันในชื่อ บองบอง หรือ BBM นอกจากนี้เธอยังกล่าวว่า “ฉันบอกเขาว่า อย่าหยุดจนกว่าคุณจะฆ่าพวกเขาได้ และเขาก็ได้ตอบตกลง”

นอกจากนั้น ในระหว่างการแถลงทางออนไลน์ รองปธน.ดูเตอร์เตยังได้วิจารณ์ประธานาธิบดีมาร์กอสจูเนียร์และย้ำคำพูดก่อนหน้านี้ที่ว่า นายมาร์กอสไม่รู้วิธีการเป็นประธานาธิบดี

เรื่องดังกล่าวส่งผลให้ ทำเนียบประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ กล่าวถึงคำพูดของรองประธานาธิบดีว่า “ภัยคุกคามที่ชัดเจน” ต่อชีวิตของปธน.มาร์กอส ซึ่งสมควรต้องถูกดำเนินการอย่างเร่งด่วนและเหมาะสม ท่ามกลางความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสองตระกูลการเมืองที่ทรงอิทธิพล

“ภัยคุกคามต่อชีวิตของประธานาธิบดีจะต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภัยดังกล่าวถูกเปิดเผยต่อสาธารณะในลักษณะที่ชัดเจนและแน่นอน” ขณะเดียวกัน เลขาธิการบริหารได้ส่งเรื่องนี้ไปยังหน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีแล้ว

วิวาทะดังกล่าวสะท้อนความขัดแย้งที่ดำเนินมายาวนานระหว่างตระกูลมาร์กอส และตระกูลดูเตร์เต แม้ทั้งสองจะร่วมรัฐบาลเดียวกัน ประเด็นขัดแย้งเริ่มมาจากการที่ในเดือนมิถุนายน เมื่อดูเตอร์เตลาออกจากตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของมาร์กอส ขณะเดียวกัน พันธมิตรของมาร์กอสในรัฐสภาได้ตรวจสอบการทำงานของรองประธานาธิบดีในประเด็นการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงานอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งด้านลูกสาวดูเตร์เตกล่าวว่า พันธมิตรของมาร์กอสพยายามสร้างคดีเพื่อถอดถอนเธอออกจากตำแหน่งรองประธานาธิบดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top