Thursday, 19 June 2025
WORLD

ทัวร์ลง Chris Kindred พนักงาน Sweet Baby หลังโพสต์แซะ 'อ.โทริยาม่า' หยิบความตายผู้อื่นมาผูกการเหยียดเชื้อชาติ สุดท้ายลบโพสต์หนี

(9 มี.ค.67) เพจเกมเมอร์ขวาจัด ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการที่ พนักงานบริษัท Sweet Baby Inc ได้โพสต์ด่า อ.โทริยามะ อากิระ ผู้เขียน Dragon Ball โดยได้ระบุว่า ... 

Chris Kindred พนักงานบริษัท Sweet Baby Inc ยังก่อเรื่องไม่เลิก ล่าสุดโพสต์ด่า อ.โทริยามะ อากิระ ผู้เขียน Dragon Ball เพียงไม่กี่ชั่วโมงให้หลังจากที่มีข่าวว่าอาจารย์ได้เสียชีวิตลงแล้วในวัย 68 ปี จากโรงเส้นเลือดอุดตันในสมอง

Kindred โพสต์เปิดประเด็นทาง Twitter ส่วนตัวว่า "Toriyama สร้างตัวละครผิวดำที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดในอนิเมะซีรีส์เดียวกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะทำแบบนั้นได้"

ไม่มีใครรู้ว่าเขาหมายถึงตัวละครตัวไหน แต่น่าจะหมายถึง Mr. Popo ผู้รับใช้ของพระเจ้าที่เป็นตัวละครยักษ์ (genie) ผิวสีดำ ซึ่งมักจะตกเป็นประเด็นในฝั่งตะวันตกมาตลอดว่าเป็นการล้อเลียนคนเชื้อสายแอฟริกัน ถึงขนาด Dragon Ball บางเวอร์ชันที่ออกฉายในฝั่งตะวันตกมีการแก้ไขงานภาพเพื่อให้ Mr. Popo ตัวสีน้ำเงินแทนที่จะเป็นสีดำ

@childishgamzeno ก็เข้ามารับลูกต่อว่า "Mr. Popo ขอให้วายร้ายที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลกลับมาเกิดใหม่ เพื่อที่จะมาเป็นคนผิวสีที่ถูกฝึกสอนให้เป็นผู้กอบกู้โลกรุ่นต่อไป... อะไรกันวะ?" (น่าจะพูดถึงอูบุ, ร่างเกิดใหม่ของจอมมารบู)

คอมเมนต์ชาวเน็ตที่เข้าไปตอบโต้:
@ktwagie: "เอาความตายของคนอื่นมาใช้เพื่อช่วยเผยแพร่แนวคิดทุเรศ ๆ ของตัวเองนี่มันเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยงนะ"

@Cyael: "เจ็บปวดเพราะตัวการ์ตูนถึงขนาดต้องโผล่หัวออกมาต่อว่า Akira Toriyama ที่เพิ่งเสียชีวิตได้ไม่ถึง 24 ชม. นี่ไม่ใช่การตกเหยื่อแล้ว มันเป็นการหิวโหยความสนใจเลยแหละ ขอบคุณที่ช่วยสร้างเสียงหัวเราะ คุณมีส่วนช่วยเปิดโปงพรรคพวกของตัวเองที่เป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ"
GPrime85: "คุณทำงานเป็น narrative designer แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีทักษะในด้านความมีกาลเทศะเลยนะ คุณถูกจ้างมาในโควต้าคนผิวสีใช่มั้ย?"

@steakdriven: "คนเขาเพิ่งจะเสียชีวิตนะ เคารพกันบ้างเถอะ"

@Romangelo: "Mr. Popo ไม่ใช่คนผิวดำ ไม่ใช่คนแอฟริกัน เขาไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ เขาเป็นยักษ์ (genie)"

@InfraRadical: "Dragon Ball ของ Akira Toriyama จุดประกายให้กับโลกนี้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มันเชื่อมต่อมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์บนโลกใบนี้ มันเป็นแรงบันดาลใจที่จะไม่มีวันที่คนในบริษัทคุณจะสามารถทำได้ตลอดชีวิต"

@Daedalus622: "Akira Toriyama เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงาน ส่วนมึงเป็นคนที่ทำลายผลงานคนอื่น"

@SicklyTheNinja: "คลานกลับเข้าไปอยู่ในบริษัทตัวเองที่กำลังล่มจมเถอะ"

@Fenrirtheicewo1: "คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังสร้างศัตรูเป็นล้าน ๆ คน? ทั้งจากแอฟริกา, ยุโรป, อเมริกาใต้ ฯลฯ ขอให้โชคดีนะพวก"

@BlackCoffeecino: "เขาเป็นคนที่มีความสามารถนะ ไม่เหมือนมึง"

@No1Rambler: "Mr. Popo เป็นตัวละครที่ดีนะ ไม่เหมือนตัวละครที่บริษัทมึงเคยเขียนบทให้"

@maplesky1998: "ชายคนนั้นสร้างความปรองดองให้กับโลกใบนี้มากกว่าที่คุณหรือบริษัทของคุณเคยทำมา เคารพเขาหน่อยเถอะ อย่าเอาความตายของเขามาหากิน"

@lerigan: "Akira Toriyama เป็นที่รักของคนทั่วโลกนับล้าน และเขาทิ้งมรดกเอาไว้ให้คนเฉลิมฉลองไปอีกหลายรุ่น ในขณะที่คุณ... ทำไม่ได้แม้แต่จะจัดการกับกลุ่มใน Steam ที่เขาเตือนภัยเกมกาก... Toriyama ร่วมสร้าง Chrono Trigger ในขณะที่คุณร่วมสร้าง Suicide Squad รู้จักเจียมตัวมั่ง"

@ThAiBaAg: "อะไรทำให้คุณเป็นคนขี้เหยียดแบบนี้? ชีวิตคุณเคยไปเจออะไรมาเหรอถึงทำให้คุณกลายเป็นคนที่ชอบสร้างความเกลียดชัง? ต้องการคนคอยคุยปรับทุกข์หน่อยมั้ย?"

@OvunCassandra: "เขาคงจะคิดได้ล่ะมั้ง ว่าการทำตัวแบบนี้มันจะช่วยให้เขาสามารถทำเงินได้ เพราะสังคมสมัยนี้มันมีการให้รางวัลกับคนที่ทำตัวเหมือนกับว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ"

‘ฮ่องกง’ เผย ‘ร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ’ ฉบับใหม่ เพิ่มโทษผู้มีความผิดข้อหา ‘ทรยศ-กบฏ-ก่อวินาศกรรม-ปลุกปั่น’

(8 มี.ค. 67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทางการฮ่องกงได้เผยแพร่ร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ โดยเพิ่มอัตราโทษแก่ผู้กระทำความผิดในข้อหาปลุกปั่นและเกี่ยวกับความลับทางราชการ

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกงฉบับใหม่นี้ ได้กำหนดให้ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทรยศ กบฏ และก่อวินาศกรรม จะมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ขยายเวลาให้ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ที่ถูกจับกุมโดยยังไม่มีการตั้งข้อหาได้สูงสุด 14 วัน หากได้รับการเห็นชอบจากผู้พิพากษา และอาจจำกัดการเข้าถึงทนายความ ขณะที่ผู้ต้องหาคดีจารกรรมจะมีโทษจำคุก 20 ปี

ร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ยังเสนอเพิ่มบทลงโทษในข้อหาปลุกปั่น ซึ่งมีความหมายถึงการปลุกปั่นความไม่พอใจหรือเกลียดชังต่อรัฐ ผ่านการกระทำ คำพูด หรือการเผยแพร่สิ่งพิมพ์ จากก่อนหน้านี้จะมีโทษจำคุก 2 ปี เป็นสูงสุด 10 ปี สำหรับความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ รวมถึงผู้ที่มีความผิดในข้อหาเกี่ยวกับความลับทางราชการจะมีโทษจำคุก 10 ปีเช่นกัน และได้เสนอให้เพิ่มโทษผู้ที่มีสิ่งพิมพ์ที่มีเนื้อหาปลุกปั่นไว้ในครอบครองจาก 1 ปี เป็นสูงสุด 3 ปี โดยตำรวจมีสิทธิที่จะตรวจค้นเพื่อยึดและทำลายสื่อสิ่งพิมพ์เหล่านั้น

สภานิติบัญญัติของฮ่องกงได้เริ่มกระบวนการหารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าวแล้วในวันที่ 8 มีนาคม ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา และสมาชิกสภาหลายคนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าร่างกฎหมายฉบับนี้อาจได้รับการผ่านเป็นกฎหมายก่อนกลางเดือนเมษายน

ด้านนายจอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ได้เรียกร้องให้สมาชิกสภาเร่งผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ให้เร็วที่สุด โดยบอกว่าภูมิรัฐศาสตร์มีความซับซ้อนมากขึ้น และความเสี่ยงด้านความมั่นคงยังคงอยู่ไม่ไกลจากฮ่องกงเช่นเดิม

ทั้งนี้ นักการทูตต่างชาติและนักธุรกิจต่างๆ กำลังจับตาดูร่างกฎหมายนี้อย่างใกล้ชิด เพราะกังวลว่ามันอาจเป็นการลดทอนเสรีภาพในฮ่องกง หลังก่อนหน้านี้มีการปราบปรามผู้เห็นต่าง จนทำให้นักเคลื่อนไหวและนักการเมืองหลายคนที่ฝักใฝ่ประชาธิปไตยต้องติดคุกหรือลี้ภัยไปต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม นักกฎหมายบางคนได้วิเคราะห์ร่างกฎหมายดังกล่าวเบื้องต้น ระบุว่าองค์ประกอบในการปรับบทลงโทษในการกระทำความผิดบางอย่างมีความคล้ายคลึงกับของชาติตะวันตก แต่บทบัญญัติบางประการ อาทิ ในข้อหาปลุกปั่นและความลับทางราชการ มีการขยายความกว้างขึ้นและมีโทษรุนแรงขึ้น

ผวายกลำ!! ‘ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส’ ล้อหลุดกลางอากาศ นับเป็นปัญหากลางอากาศหนที่ 3 ในรอบสัปดาห์

(8 มี.ค. 67) เครื่องบินโบอิ้งของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เที่ยวมุ่งหน้าสู่ญี่ปุ่น ต้องเบี่ยงไปลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแองเจลิส เมื่อเครื่องบินเกิดล้อหลุดกลางอากาศ ไม่กี่วินาทีหลังจากเทกออฟขึ้นสู่ท้องฟ้า ในซานฟรานซิสโก เมื่อวันพฤหัสบดี (7 มี.ค.) สร้างความแตกตื่นเป็นกังวลแก่พวกผู้โดยสารเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ล้อที่หลุดออกจากเที่ยวบิน 35 ของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ก่อความเสียหายแก่รถยนต์หลายคันที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถของสนามบินนานาชาติซานฟรานซิสโก ในเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ลำนี้ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าตอน 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น

ภาพในวิดีโอพบเห็นเครื่องบินสูญเสียล้อๆ หนึ่ง จากทั้งหมด 6 ล้อ บริเวณฝั่งซ้าย ระหว่างที่มันกำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ยืนยันกับนิวยอร์กโพสต์ว่า เครื่องบินซึ่งบรรทุกผู้โดยสาร 235 คน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 10 คน และลูกเรือ 4 คน ที่กำลังมุ่งหน้าสู่โอซากา ลงจอดอย่างปลอดภัยที่สนามบินนานาชาติลอสแองเจลิส

"เรากำลังดำเนินการตระเตรียมเครื่องบินลำใหม่เพื่อให้ลูกค้าของเราสามารถเดินทางต่อไปได้" โฆษกสายการบินระบุ ขณะที่ตัวแทนของสายการบินอีกคนบอกกับนิวยอร์กโพสต์ว่าเศษซากล้อตกใส่ลานจอดรถแห่งหนึ่งของสนามบินซานฟรานซิโก ก่อความเสียหายแก่รถยนต์หลายคัน อย่างไรก็ตาม "ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ รันเวย์ปิดทำการเพื่อเคลียร์เศษซากช่วงสั้นๆ และนับตั้งแต่นั้นได้กลับมาเปิดให้บริการแล้ว"

สายการบินชี้แจงว่าเครื่องบินรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถลอดจอดได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ ยามที่ล้อเกิดปัญหาหรือได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม มันถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วในรอบสัปดาห์นี้ ที่เครื่องบินโบอิ้งลำหนึ่งของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ประสบปัญหากลางอากาศ

โดยเมื่อวันจันทร์ (4 มี.ค.) เครื่องยนต์ตัวหนึ่งของเครื่องบินโบอิ้ง 737-900 ของสายการบินแห่งนี้เกิดไฟลุกไหม้ไม่กี่นาทีหลังจากขึ้นบินในเทกซัส ทำให้เที่ยวบิน 1118 ของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ลำนี้ต้องวกกลับไปยังท่าอากาศยานจอห์จ บุช อินเตอร์คอนติเนนทัล ฮิวสตัน

ในวันเดียวกัน เครื่องบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส อีกเที่ยวจากโฮโนลูลู มุ่งหน้าสู่ ซานฟรานซิสโก ต้องประสบเหตุเครื่องยนต์ตัวหนึ่งขัดข้องเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก อย่างไรก็ตาม เครื่องบินโบอิ้ง 575-300 ลำนี้ลงจอดอย่างปลอดภัย ณ สนามบินปลายทาง ราว 1 ชั่วโมง หลังพบเหตุขัดข้อง

โบอิ้งต้องเผชิญกับประเด็นปัญหาต่างๆ เริ่มมาตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นอุดประตู (door plug) หลุดกลางอากาศ บนเที่ยวบินลำหนึ่งของสายการบินอะแลสกา แอร์ไลน์ส เมื่อเดือนมกราคม ต่อมาได้ตรวจพบข้อบกพร่องต่างๆ ในกระบวนการผลิต ระหว่างการตรวจสอบเครื่องบินรุ่นแม็กซ์ 9 ของโบอิ้งเพิ่มเติม

สิ้น ‘อากิระ โทริยามะ’ ผู้ให้กำเนิด ‘ดราก้อนบอล’ ลาโลกในวัย 68 ปี หลังเกิดภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง

(8 มี.ค.67) DRAGON BALL OFFICIAL ได้เปิดเผยข่าวเศร้าผ่านทวิตเตอร์ ว่า ‘อากิระ โทริยามะ’ ผู้ให้กำเนิด ‘ดราก้อนบอล’ เสียชีวิตแล้ว ในวัย 68 ปี

โดยประกาศดังกล่าว เปิดเผยว่า ‘อากิระ’ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 มีนาคม จากภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง

เราเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่เขายังมีผลงานอีกหลายชิ้นที่อยู่ระหว่างการสร้างสรรค์อย่างยิ่งใหญ่ และกระตือรือร้น นอกจากนี้ เขายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม เขาได้ทิ้งมังงะ และผลงานศิลปะไว้มากมายให้กับโลกนี้ ด้วยการสนับสนุนจากผู้คนมากมายทั่วโลก เขาจึงสามารถสานต่ออาชีพของเขาต่อไปได้มาตลอดเวลา 45 ปี

เราหวังว่าโลกแห่งการสร้างสรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ของ ‘อากิระ’ ยังคงเป็นที่รักของทุกคน

เราขอแจ้งข่าวเศร้านี้แก่ทุกคนด้วยความซาบซึ้งในความมีน้ำใจตลอดชีวิตของเขา สำหรับพิธีศพ จะจัดขึ้นกับครอบครัวและพี่น้องไม่กี่คน ตามความปรารถนาของเขา และจะไม่รับดอกไม้หรือของขวัญแสดงความเสียใจ การเยี่ยมเยียน นอกจากนี้ยังขอให้งดสัมภาษณ์ครอบครัว

โดยมีแฟนการ์ตูนต่างเข้าไปแสดงความเสียใจต่อการจากไปครั้งนี้จำนวนมาก

ทั้งนี้ อากิระ โทริยามะ เป็นนักวาดการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดัง มีชื่อเสียงจากการ์ตูน เรื่อง ดร.สลัมป์กับหนูน้อยอาราเล่ ในปี พ.ศ. 2521 ได้ตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์ โชเนนจัมป์ และได้เป็นที่รู้จักกันดีจากเรื่อง ‘ดราก้อนบอล’ ซึ่งตีพิมพ์เป็นเวลา 11 ปี จากปี พ.ศ. 2527 ถึง 2538 รวมทั้งหมด 42 เล่ม นอกจากนี้ ยังมีผลงานจำนวนมาก อาทิ Go! Go! Ackman

‘สื่อ UK’ ชี้ รถยนต์ไฟฟ้า ‘จีน’ ยอดขายดีกว่า ‘สหรัฐฯ’ เหตุ ‘ราคาย่อมเยา - ประสิทธิภาพดี’ ถูกใจผู้ซื้อ

เมื่อวานนี้ (7 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์ส (Financial Times) ของสหราชอาณาจักร อ้างอิงมาเธียส เมเดรช ซีอีโอของยูมิคอร์ (Umicore) ผู้ผลิตวัสดุแบตเตอรี่ระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เบลเยียม รายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้าของจีนมียอดจำหน่ายดีกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ ‘ด้อยกว่า’ ของสหรัฐฯ เนื่องจากมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าและมีราคาย่อมเยา ทำให้รถจีนเป็น ‘รถยนต์ที่ดีและผู้คนเลือกซื้อ’

ด้าน เมเดรช ซีอีโอของยูมิคอร์ ให้สัมภาษณ์ว่าผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันหลายราย ‘พยายามนำยานยนต์ไฟฟ้าที่ดี’ เข้าสู่ตลาด ซึ่งขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนกำลังเพิ่มสูง แต่ตลาดในสหรัฐฯ กลับยังมีขนาดเล็ก และผู้ผลิตยานยนต์ของสหรัฐฯ หลายรายยังได้ระงับแผนการขยายโรงงานยานยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากอุปสงค์อ่อนตัว

ทั้งนี้ ตลาดยานยนต์พลังงานใหม่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในจีนตลอดหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากการผลักดันการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเติบโตของตลาดรถยนต์อย่างรวดเร็วของประเทศ โดยในปี 2023 รถยนต์โดยสารไฟฟ้าคิดเป็นร้อยละ 69 ของยอดจำหน่ายทั้งประเทศ ขณะรถไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดครองสัดส่วนร้อยละ 31

เปิดความเร็ว T-Flight สุดยอดม้าเหล็กจีนที่ลุ้นพิชิตสปีด 2 พัน กม.ต่อชม. เทียบระยะเวลา 'กรุงเทพ' ไป 'เชียงใหม่' แค่ 30 นาทีถีง

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.67 Techhub รายงานว่า เป็นอีกครั้งที่จีนประสบความสำเร็จในการสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟใหม่นี้เรียกว่า T-Flight และมันเพิ่งทำลายสถิติความเร็วใหม่ที่ 387 ไมล์ต่อชั่วโมง (623 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ทำลายสถิติรถไฟที่เร็วที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง MLX01 ที่วิ่งด้วยความเร็ว 361 ไมล์ต่อชั่วโมง ไปแล้ว

T-Flight ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า maglev (Magnetic Levitation) เป็นรถไฟที่ใช้หลักการทางแม่เหล็กในการยกตัวลอยเหนือราง ช่วยลดแรงเสียดทาน รวมกับท่อสุญญากาศต่ำ (Hyperloop) ทำให้ T-Flight จึงสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงได้ขนาดนี้ได้

วิศวกรชาวจีนได้ตั้งเป้าหมายความเร็วนี้ที่ 1,243 ไมล์ต่อชั่วโมง (2,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งเร็วกว่าความเร็วกว่าเครื่องบินโบอิ้ง 737 ถึงสองเท่า ซึ่งถ้าหากได้ความเร็วนี้ เราสามารถโดยสารจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น

ทั้งนี้ รถไฟ T-Flight ได้รับการพัฒนาโดย China Aerospace Science and Industry Corporation (CASIC) ซึ่งในระหว่างการทดสอบที่เมืองต้าถง มณฑลซานซี ทางตอนเหนือของจีน รถไฟ T-Flight ทำความเร็วได้ที่ 387 ไมล์ต่อชั่วโมง ภายในท่อสุญญากาศต่ำที่มีความยาวเพียง 1.2 ไมล์ หรือ 2 กิโลเมตรครับ  และต้องรอดูการทดสอบในระยะไกล ๆ อีกครั้ง ว่ามันจะมีปัญหาอะไรไหม

'หนุ่มจีน' แชร์!! ทุ่มงานหนักทั้งชีวิต จนสมหวังได้เงินเดือนหลักแสน แต่สุดท้าย 'ป่วยอัมพาตครึ่งซีก-เกือบตาย' ใช้เวลา 6 ปีฟื้นสภาพ

เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า ชายชาวจีนวัย 31 ปีเล่าถึงการต่อสู้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตถึงขีดต่ำสุด ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองเป็นอัมพาตครึ่งซีก จากที่เคยมีรายได้เดือนละ 2 แสนกว่าบาท ต้องสู้ชีวิต 6 ปีกว่า สุขภาพจึงจะกลับมาเหมือนเดิม แชร์เป็นอุทาหรณ์

ตามรายงานเผยว่า ชายชาวจีนรายนี้ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจากนิสัยเสียเดิม ๆ จนทำให้เป็นอัมพาตครึ่งซีก ซึ่งเขาใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายนานถึง 6 ปีถึงจะกลับมาเป็นปกติ โดยช่วงเช้าวันหนึ่ง ตื่นนอนมาพร้อมกับอาการที่ร่างกายซีกหนึ่งของเขาไม่สามารถขยับได้ แขนขาซ้ายควบคุมไม่ได้ และพูดไม่ชัด

ต่อมา พบว่าใบหน้าของเขาเป็นอัมพาตและไม่สามารถแสดงสีหน้าใด ๆ ที่ซีกซ้ายได้ พร้อมกับอาการอ่อนแรงแบบเฉียบพลันซึ่งทำให้เขาสลบไปในที่สุด และตื่นขึ้นมาอีกครั้งที่โรงพยาบาลหลังต้องนอนเป็นผู้ป่วยโคม่าถึง 3 วัน

แพทย์ได้วินิจฉัยว่า เขามีอาการโรคหลอดเลือดสมองตีบ และอัมพาตครึ่งซีก ดั่งโลกพังทลายชีวิตช่วงนั้นกำลังรุ่งสุด ๆ เพราะเขามีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 50,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยราว 2.5 แสนบาท ใช้ความเพียรพยายามนานกว่า 10 ปี

อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบไว้ว่า มาจากพฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ คือ การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ โดยเฉลี่ยเพียง 4-5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น เพราะเขาทำงานหนักตั้งแต่เรียนจบเพื่อจะมีชีวิตที่ดีขึ้น และนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ชายรายนี้ยังกล่าวอีกว่า จากคนที่เคยมีรายได้เดือนละหลักแสน หลังจากเกิดเรื่องนี้ทำชีวิตพลิกชั่วข้ามคืน เนื่องจากเขาสูญเสียความสามารถในการทำงาน ทำให้เขาไม่มีรายได้ เขาต้องไปโรงพยาบาลทุกวัน เพื่อรับการบำบัดฟื้นฟู กายภาพบำบัด

ทั้งนี้ เขาได้ทิ้งท้ายไว้ว่า เขายังโชคดีที่มีแม่ ภรรยา และครอบครัวที่คอยดูแล เขาต้องใช้เวลาในการฝึกหัดสิ่งต่าง ๆ ใหม่ทั้งหมดเหมือนเป็นเด็กทารก เช่น การเดิน และการพูด ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 6 ปี ร่างกายทุกส่วนของเขาเกือบจะเป็นปกติ สามารถกลับมาทำงานได้แล้ว

‘หวังอี้’ ย้ำ!! จีนไม่ปล่อย ‘ไต้หวัน’ แยกตัวจากมาตุภูมิ ฮึ่ม!! ใครหนุน ‘เอกราชไต้หวัน’ เท่ากับท้าทายอธิปไตยจีน

(7 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่านโยบายของจีนต่อปัญหาไต้หวันนั้นชัดเจน นั่นคือยังคงพยายามรวมชาติอย่างสันติด้วยความจริงใจที่สุด

"บรรทัดฐานสำคัญที่สุดนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง นั่นคือจีนจะไม่มีทางปล่อยให้ไต้หวันแยกตัวจากมาตุภูมิ" หวังกล่าวที่การแถลงข่าวนอกรอบการประชุมประจำปีของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ

หวังตอบคำถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์ข้ามช่องแคบหลังมีการเลือกตั้งผู้นำและสมาชิกสภานิติบัญญัติของไต้หวันว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นของจีน และผลลัพธ์จะไม่เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และจะไม่เปลี่ยนแปลงกระแสธารแห่งประวัติศาสตร์ที่ว่าไต้หวันจะกลับคืนสู่มาตุภูมิ

"เราจะมีภาพถ่ายรวมประชาคมระหว่างประเทศที่เหล่าสมาชิกล้วนยึดมั่นหลักการจีนเดียว นี่เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น"

หวังกล่าวว่าหลักการจีนเดียวเป็นฉันทมติของประชาคมระหว่างประเทศ พร้อมเตือนว่าผู้ที่ยังคงสมรู้ร่วมคิดและสนับสนุน ‘เอกราชไต้หวัน’ กำลังท้าทายอำนาจอธิปไตยของจีน และประเทศที่ยืนกรานรักษาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวันกำลังแทรกแซงกิจการภายในของจีน

กิจกรรมแบ่งแยกดินแดนที่แสวงหา ‘เอกราชไต้หวัน’ ยังคงเป็นปัจจัยบั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวันมากที่สุด ดังนั้นยิ่งยึดมั่นหลักการจีนเดียวอย่างแน่วแน่มากเท่าไร ย่อมจะยิ่งช่วยรับประกันสันติภาพข้ามช่องแคบมากเท่านั้น

ใครก็ตามที่มีส่วนร่วมใน ‘เอกราชไต้หวัน’ บนเกาะไต้หวันจะต้องรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ และใครก็ตามในโลกที่สมรู้ร่วมคิดและสนับสนุน ‘เอกราชไต้หวัน’ จะต้องถูกแผดเผาเพราะเล่นกับไฟ และลิ้มรสชาติอันขมขื่นจากการกระทำของตนเอง

ทั้งนี้ หวังเรียกร้องประชาชนชาวจีนทั้งผองยึดมั่นผลประโยชน์โดยรวมของชนชาติจีน ร่วมกันคัดค้าน ‘เอกราชไต้หวัน’ และสนับสนุนการรวมชาติอย่างสันติ

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เข้าป้ายแก้มือ ‘โจ ไบเดน’ หลัง ‘เฮลีย์’ ถอย ท่ามกลางอเมริกันชนที่เริ่มเอือมระอากับผู้นำชราหน้าเดิม

(7 มี.ค. 67) เอเอฟพี รายงานว่า การขับเคี่ยวแย่งชิงตัวแทนพรรครีพับลิกันในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้สิ้นสุดลงแล้ว หลัง ‘นิกกี เฮลีย์’ ยอมยกธงขาว ทำให้ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ได้เป็นตัวแทนพรรคฯ ในท้ายที่สุด

หลังพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในศึกไพรมารี ‘Super Tuesday’ นิกกี เฮลีย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกัน ก็ขอถอนตัวจากการแข่งขัน และภายในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น โจ ไบเดน วัย 81 ปี และ โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 77 ปี ก็ได้เริ่มแคมเปญหาเสียงกับผู้สนับสนุนของเฮลีย์ทันที ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างชายสูงอายุ 2 คน ภายใต้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันจำนวนมากที่กล่าวว่า “พวกเขาไม่ต้องการเหล่าคนชรา”

ด้าน เฮลีย์ หลังพ่าย ก็ปฏิเสธที่จะสนับสนุนทรัมป์ จากเหตุผลที่ตัวทรัมป์มักจะต้องเผชิญกับความผิดทางอาญาหลายครั้งและเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับความพยายามโค่นล้มการเลือกตั้งในปี 2020 โดยเธอกล่าวว่า ทรัมป์จะต้องทำงานอย่างหนักหากหวังได้รับการสนับสนุนจากผู้ติดตามของเธอ

“ฉันขอแสดงความยินดีกับเขาและอวยพรให้เขาโชคดี” เฮลีย์ วัย 52 ปี กล่าวถึงทรัมป์ พร้อมเสริมว่า “สหรัฐฯจะต้องเดินหน้าด้วยการหันหลังให้กับความมืดมิด, ความเกลียดชัง และการแบ่งแยก”

ทั้งนี้ หลังจากที่ ทรัมป์ โค่นเฮลีย์ลงได้แล้ว ก็จะเชื้อเชิญผู้สนับสนุนของเธอมาเข้าร่วมการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

สำหรับชัยชนะของ ทรัมป์ ต่อ เฮลีย์ เป็นการชนะได้ถึง 14 รัฐจาก 15 รัฐ และเฮลีย์ชนะเขาได้ที่รัฐเวอร์มอนต์เพียงแห่งเดียว ซึ่งรวมถึงการพ่ายแพ้ในรัฐเซาท์แคโรไลนาที่เป็นบ้านเกิดของเธอเอง และทำให้ตัดสินใจยอมยกธงขาวในท้ายที่สุดด้วย

ฟาก ไบเดน ยกย่องความกล้าหาญของเธอในการบอก ‘ความจริงเกี่ยวกับทรัมป์’ และกล่าวว่ามีที่ว่างเสมอสำหรับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่สนับสนุนเฮลีย์ ในการรณรงค์หาเสียงของเขา

สำหรับการถอนตัวของ เฮลีย์ จะทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน นั้น น่าตื่นเต้นขึ้นเป็นพิเศษ เพราะจะถือเป็นการเดิมพันด้วยระเบียบโลกที่นานาชาติจับตา ในขณะที่ชาวอเมริกันเริ่มเอือมระอากับผู้นำชราหน้าเดิม

แม้ ไบเดน จะกวาดชัยชนะจากการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตได้อย่างง่ายดายในศึก Super Tuesday แต่ตอนนี้ต้องจดจ่อกับการเตรียมพร้อมแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชายวัย 81 ปีที่ไม่เป็นที่นิยมคนนี้ต้องโน้มน้าวให้ประชาชนลดความกังวลเกี่ยวกับอายุของเขา, สภาพเศรษฐกิจ และสถานการณ์สงครามในฉนวนกาซา

ส่วน โดนัลด์ ทรัมป์ แม้จะอื้อฉาวหนักจากคดีฟ้องร้อง 2 กระทง และถูกตั้งข้อหาอาญา 91 กระทงในการพิจารณาคดี 4 คดี จนทำให้เขามีประวัติไม่เหมือนกับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดในประวัติศาสตร์ แต่การยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองต่อชนชั้นแรงงาน, ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในชนบท และประชาชนคนขาวในประเด็นต่างๆ เช่น ปัญหาชายแดนและเศรษฐกิจ ได้ผลักดันให้เขาได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับลิกัน

ศึก Super Tuesday ซึ่งเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการแข่งขันในปี 2024 ได้บทสรุปผู้เข้าชิงชัยรอบสุดท้ายจากทั้งสองพรรคแล้ว และ 8 เดือนต่อจากนี้จะได้เห็นการหาเสียงอย่างดุเดือดของคู่แค้นเดิมจากการเลือกตั้งครั้งก่อน

ผลสำรวจความนิยมล่าสุด ทรัมป์มีคะแนนนำไบเดนอยู่เล็กน้อย ดังนั้นไบเดนจึงหวังใช้การปราศรัยต่อรัฐสภาวาดภาพการเลือกตั้งด้วยทางเลือกที่ชัดเจนระหว่างตัวเขากับภัยคุกคามต่อประเทศอย่างทรัมป์

แม้ไบเดนจะเสียความนิยมไปเยอะจากความชราภาพและการสนับสนุนอิสราเอลในสงครามฉนวนกาซา แต่ทรัมป์เองก็มีบาดแผลเต็มตัวเช่นกัน ทั้งคดีความ, เรื่องอื้อฉาว และพฤติกรรมสร้างความวุ่นวายในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว

'จีน' ประกาศดำเนินนโยบาย 'ฟรีวีซ่า' 6 ประเทศยุโรป  กระตุ้นการฟื้นคืนเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศโดยเร็ว

(7 มี.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายหวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เข้าร่วมการแถลงข่าวนโยบายต่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีน นอกรอบการประชุมครั้งที่ 2 ของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ ชุดที่ 14 ในกรุงปักกิ่งของจีน

โดยสาระสำคัญจากการแถลงนั้น หวังอี้ ได้เปิดเผยว่า จีนจะดำเนินนโยบายฟรีวีซ่า (ระยะทดลอง) กับ สวิตเซอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, ฮังการี, ออสเตรีย, เบลเยียม และลักเซมเบิร์ก เริ่มต้นวันที่ 14 มี.ค. นี้

หวังแสดงความหวังว่าประเทศต่างๆ จะอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าแก่พลเมืองจีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมถึงทำงานร่วมกับจีนเพื่อสร้างโครงข่ายการเดินทางข้ามพรมแดนที่รวดเร็ว และกระตุ้นการฟื้นคืนเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศโดยเร็ว

หวังเสริมว่าการดำเนินนโยบายฟรีวีซ่าจะเพิ่มความสะดวกสบายแก่การเดินทางไปยังต่างประเทศของพลเมืองจีน และช่วยให้เพื่อนพ้องชาวต่างชาติในจีนรู้สึกอบอุ่นใจเหมือนอยู่บ้านของตัวเอง

สหรัฐฯ ขีดเส้นตาย 6 เดือนให้ ByteDance หากไม่ขายแอปฯ TikTok ทิ้ง เจอแบนแน่

(7 มี.ค.67) ทางการสหรัฐฯ กำลังกดดันให้ บริษัทเทคฯ จีนอย่าง ByteDance ขายแอปพลิเคชัน TikTok ภายใน 6 เดือนหรือจะพบกับการแบนจากสหรัฐฯ 

สืบเนื่องจากปัจจุบัน ทางการสหรัฐฯ มีความกังวลอย่างมากจากการที่ข้อมูลผู้ใช้ในแอปพลิเคชันอาจตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลจีน ทำให้ทั้งสองพรรคในสภาสหรัฐฯ กำลังกดดันทางกฎหมายอย่างหนัก ทำเอาทาง TikTok ไม่พอใจอย่างมากและกล่าวว่านี่คือการแบนโดยสมบูรณ์ และกล่าวว่าการออกกฎหมายนี้จะเป็นการเหยียบย่ำสิทธิของชาวอเมริกันถึง 170 ล้านคน และทำลายธุรกิจเล็ก ๆ กว่า 5 ล้านแห่งบนแพลตฟอร์ม

ในร่างกฎหมายที่ออกโดยสภานิติบัญญัติสหรัฐฯได้กล่าวอ้างว่า TikTok ถูกควบคุมโดยชาติอื่นที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์และสร้างความเสี่ยงอันไม่สามารถยอมรับได้ต่อความมั่นคงของชาติ โดยบริษัทมีเวลา 165 วันในการถอนทุนออกก่อนที่จะถูกบล็อกจาก App Store และแพลตฟอร์มในสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ก็มีการเคลื่อนไหวจากทางสภาของสหรัฐฯ รวมถึงเคยมีความพยายามที่จะแบบอย่างสมบูรณ์ในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

สำรวจแสนยานุภาพทางทะเลของจีน ปี 2024 คืนชีพ ‘Liaoning’ - เครื่องบินขับไล่ พร้อมปฏิบัติการ

เรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning

‘Liaoning’ เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีน ได้เริ่มดำเนินการทดสอบทางทะเล หลังจากใช้เวลาปรับปรุงซ่อมแซมใหม่มา 1 ปีเต็ม บรรดาผู้สังเกตการณ์ทางทหารกล่าวว่า การปรับปรุงซ่อมแซมที่ยืดเยื้อนี้ น่าจะทำให้เครื่องบินขับไล่ล่องหนรุ่นใหม่ของจีนสามารถปฏิบัติการจากเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ได้

ขณะเดียวกัน มหาอำนาจตะวันตกกำลังติดตามการพัฒนาทางทหารของจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมองว่า จีนเป็นภัยคุกคามต่อพลังอำนาจทางทหารของสหรัฐฯ มากที่สุด แท้จริงแล้ว มีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อศักยภาพของจีน เช่น คลังอาวุธนิวเคลียร์ ประชากรที่มากที่สุดในโลก เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (ด้วยศักยภาพล่าสุดที่กำลังจะกลายเป็นประเทศที่เศรษฐกิจมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก) เครือข่ายที่กำลังเติบโตผ่านโครงการ Belt & Road Initiative ของเศรษฐกิจโลกที่เชื่อมโยงถึงกัน และเทคโนโลยีเครื่องบินรบยุคที่ 5 (Gen 5 Fighter)

เครื่องบินขับไล่ล่องหนแบบ J-20

จีนซึ่งมีเครื่องบินขับไล่ล่องหนแบบ J-20 มากกว่า 200 ลำ เป็นหนึ่งในสองประเทศที่มีเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 ในปริมาณที่มีผลต่อพลังอำนาจทางการทหาร (อีกประเทศหนึ่งคือสหรัฐอเมริกาซึ่งส่งเครื่องบินขับไล่ F-22 และ F- 35) แม้ว่า J-20 จะเป็นจุดเด่นของฝูงบินยุคที่ 5 ของจีน แต่จีนก็กำลังทำงานอย่างแข็งขันเพื่อพัฒนาเครื่องบินขับไล่ล่องหนแบบ FC-31 ซึ่งมีรุ่นที่สามารถปฏิบัติการจากเรือบรรทุกเครื่องบินได้ที่เรียกว่า เครื่องบินขับไล่ล่องหนแบบ J-35

เรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning และเครื่องบินขับไล่ล่องหนแบบ J-35 (ภาพมุมบนซ้าย)

ผู้เชี่ยวชาญของจีนวิเคราะห์เกี่ยวกับการที่มีรายงานว่า สหรัฐฯ ได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินไปยังหน้าประตูบ้านของจีนมากขึ้น จนทำให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ต้องมีเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีขีดความสามารถมากขึ้นนั้น เพื่อสร้างสมดุลแห่งอำนาจเชิงยุทธศาสตร์ของจีนในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนา ตลอดจนการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค

เครื่องบินขับไล่หลากภารกิจแบบ J-15

ดังนั้น จึงได้มีการเปิดตัวเครื่องบินขับไล่ล่องหนรุ่นที่ 5 คือ J-35 บนหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน โดยเฉพาะบนเรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning จะแสดงนัยสำคัญถึงขีดความสามารถการต่อสู้ที่ครอบคลุม เนื่องจากเครื่องบินขับไล่ล่องหนแบบ J-35 เป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดกลาง โดยจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการครองความเหนือกว่าทางอากาศและเจาะแนวป้องกันศัตรู ในขณะที่เครื่องบินขับไล่หลากภารกิจแบบ J-15 จะยังคงเป็นกำลังสำคัญในการใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถในการบรรทุกอาวุธจำนวนมาก สำหรับการต่อต้านเรือและการโจมตี 

ทั้งนี้ การรวมกันของเครื่องบินขับไล่ล่องหน J-35 และเครื่องบินขับไล่หลากภารกิจแบบ J-15 จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของเรือบรรทุกเครื่องบินของจีนได้เป็นอย่างมาก

‘อินเดีย’ รวบ!! ‘7 เดนนรก’ ได้แล้ว หลังก่อเหตุทำร้าย-ขืนใจ ด้าน ‘คู่รักชาวสเปน’ เอ่ยขอบคุณ เชื่อ!! ทุกประเทศมีทั้งคนดี-ไม่ดี

(7 มี.ค.67) จากเรื่องราวที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์อย่างกระหน่ำ 2 คู่รักสัญชาติสเปน นักเดินทางที่ไปมาแล้วกว่า 60 ประเทศ ฝ่ายชายนามว่า วินเซนเต้ และฝ่ายหญิงนามว่า เฟอนานด้า เจ้าของช่องท่องเที่ยว Vueta Al Mundo En ขณะที่เขาทั้ง 2 แวะพักริมทาง ได้ถูกกลุ่มชายชาวอินเดีย 7 คน เข้ามาทำร้ายฝ่ายชาย และรุมกระทำชำเราฝ่ายหญิง ซึ่งตำรวจจับกุมแล้ว 3 ราย

ล่าสุด ทางการอินเดียออกมาเผยว่า สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ครบแล้ว โดย อันจาเนยูลู ด็อดเด รองผู้กำกับการตำรวจเขตดุมกะ (Dumka) ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยอีก 4 คนถูกควบคุมตัวแล้ว และทั้งหมดถูกนำตัวขึ้นศาลเป็นเรียบร้อย

นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังขอบคุณผู้ติดตามที่ให้การช่วยเหลือและสนับสนุน พร้อมระบุว่า ทุกประเทศก็มีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไป

‘ชายเยอรมัน’ รัวฉีดวัคซีนต้านโควิด 217 เข็ม ภายใน 2 ปีครึ่ง อึ้ง!! ร่างกายไม่พบสิ่งผิดปกติ จนนักวิจัยเชิญตัวมาร่วมทดสอบ

(6 มี.ค. 67) เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานเรื่องราวสุดอึ้ง กรณีลุงชาวเยอรมันวัย 62 ปีได้รับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 มากถึง 217 เข็ม ภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง อึ้งร่างกายไม่พบอะไรผิดปกติ จนนักวิจัยต้องเชิญตัวมาร่วมการทดสอบ เพื่อหาว่า การฉีดวัคซีนจำนวนมาก มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันอย่างไร

ตามรายงานเผยว่า แผนกจุลชีววิทยาของมหาวิทยาลัย เอร์ลางเงิน-นูเริมเบิร์กในเยอรมนี ระบุว่า พวกเขารู้เรื่องของชายคนนี้จากข่าวหนังสือพิมพ์ จึงติดต่อและเชิญเข้ามาร่วมทำการทดสอบหลายๆ อย่าง ซึ่งเจ้าตัวสนใจที่จะเข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง

โดยทีมวิจัยได้เก็บตัวอย่างเลือดและน้ำลายของชายคนนี้ที่เก็บมาตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วย ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังสามารถเก็บตัวอย่างเลือดของชายคนนี้หลังได้รับวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อศึกษาระบบภูมิคุ้มกันมีปฏิกิริยาต่อวัคซีนอย่างไรกันแน่ โดยเขายืนยันที่จะรับวัคซีนเอง

อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกทีมวิจัยกังวลว่า การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนซ้ำๆ มากเกินไป อาจทำให้เซลล์ในร่างกายบางตัวเหนื่อยล้า แต่นักวิจัยกลับไม่พบหลักฐานว่า ชายวัย 62 ปีรายนี้จะมีอาการเหล่านั้นขึ้น และไม่มีสัญญาณด้วยว่าเขาเคยติดเชื้อโควิดมาก่อน

นอกจากนี้ นักวิจัยย้ำว่า การได้รับวัคซีนป้องกันโควิดมากเกินไป เพื่อเพิ่มการปรับตัวของภูมิคุ้มกัน ยังไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการ และผลการทดสอบชายวัย 62 ปีผู้นี้ ก็ไม่เพียงพอที่จะมีข้อสรุปที่มีอิทธิพลเป็นวงกว้าง รวมถึงการแนะนำต่อสาธารณะ

ขณะเดียวกัน การวิจัยในปัจจุบันชี้ว่า การฉีดวัคซีน 3 โดส ร่วมกับการฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับคนกลุ่มเสี่ยง ยังคงเป็นวิธีที่ได้รับการสนับสนุน พร้อมย้ำว่า ไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ที่บอกว่าจำเป็นต้องฉีดวัคซีนมากกว่านี้

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ชายคนนี้เคยถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกง หลังพบหลักฐานว่าเขาได้รับวัคซีนจากศูนย์การแพทย์ถึง 130 เข็มภายในระยะเวลา 9 เดือน แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่ได้มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด

รวมถึงยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ชายคนนี้ยังซื้อวัคซีนมาฉีดเองอีกจำนวนมาก ทำให้ตัวเลขรวมอยู่ที่ราว 217 เข็ม

‘กลุ่มหัวรุนแรง’ วางเพลิงเสาไฟฟ้าข้างโรงงาน Tesla ในเยอรมัน อ้าง!! ต้องการโค่น ‘อีลอน มัสก์’ พร้อมตราหน้า ‘นักเทคโนโลยีฟาสซิสต์’ 

‘อีลอน มัสก์’ ฉุนขาด เมื่อโรงงานผลิตรถยนต์ Tesla ในแคว้นบรันเดินบวร์ค ของเยอรมัน กลายเป็นเป้าหมายในการโจมตีของกลุ่มคนหัวรุนแรงฝ่ายซ้ายจัด ที่ชื่อว่า ‘Vulkangruppe’ หรือ กลุ่มภูเขาไฟ ได้ลอบวางเพลิงเสาไฟฟ้าข้างโรงงาน ส่งผลให้ไฟฟ้าดับทั้งเมือง โรงงานรถยนต์ต้องหยุดชะงัก และ หมู่บ้านในบริเวณใกล้เคียงไม่มีไฟฟ้าใช้ 

เมื่อวันอังคาร (5 มี.ค. 67) ที่ผ่านมา เกิดเพลิงไหม้เสาไฟที่จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าโรงงาน Tesla กระทบต่อระบบไฟฟ้าในโรงงานทั้งหมด จนต้องหยุดการผลิตชั่วคราว คาดว่าอาจต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะกลับมาเดินสายการผลิตรถยนต์ได้อีกครั้ง 

ต่อมาไม่นาน เว็บไซต์ ‘kontrapolis.info’ ของเยอรมัน ได้โพสต์จดหมายของกลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายซ้ายในเยอรมัน ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มภูเขาไฟ (Vulkangruppe) ออกมาแสดงตนว่าเป็นผู้ก่อเหตุลอบวางเพลิงดังกล่าว ด้วยการตัดกระแสไฟเข้าโรงงาน Tesla เพื่อสร้างความปั่นป่วนจนต้องปิดโรงงาน

โดยทางกลุ่มได้ประกาศเป้าหมายอย่างชัดเจนว่า ต้องการทำลายโรงงานยักษ์ใหญ่ระดับ Gigafactory ของ Tesla และโค่นล้ม อีลอน มัสก์ ที่ทางกลุ่มกล่าวหาว่าเขาเป็น ‘นักเทคโนโลยีฟาสซิสต์’ ที่เสวยสุขบนทรัพยากรธรรมชาติ และแรงงานผู้คน ซึ่งการทำลายอีลอน มัสก์ จะถือเป็นก้าวสำคัญของการปลดปล่อยระบอบปิตาธิปไตย (ระบอบที่ชายเป็นใหญ่) พร้อมลงชื่อท้ายจดหมายว่า ‘Agua De Pau’ ภูเขาไฟในประเทศโปรตุเกส

กลุ่มภูเขาไฟ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มหัวรุนแรงซ้ายจัดกลุ่มหนึ่งในเยอรมัน ที่เคยก่อเหตุลอบวางเพลิงในกรุงเบอร์ลินมาตั้งแต่ปี 2554 ภายใต้ชื่อ ‘Vulkangruppen’ โดยมักเล็งเป้าหมายไปที่ท่อสายเคเบิลบนทางรถไฟ, เสาสัญญาณวิทยุ, สายสัญญาณข้อมูลสื่อสาร หรือ รถยนต์ขององค์กรต่าง ๆ หลังก่อเหตุมักส่งจดหมายออกมาแสดงตนเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์พร้อมลงท้ายจดหมายด้วยชื่อภูเขาไฟที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาไฟของไอซ์แลนด์ เช่น ‘Grimsvotn’, ‘Katla’ และ ‘Ok’ เป็นต้น 

กลุ่มภูเขาไฟ ไม่มีแกนนำชัดเจน มีอุดมการณ์ทางการเมืองใกล้เคียงกับระบอบอนาธิปไตย (ระบอบที่ปฏิเสธการมีอยู่ของรัฐบาล และ ลำดับชั้นทางสังคม) ซึ่งถือเป็นแนวคิดสุดขั้วที่สุดในอุดมการณ์ทางการเมืองฝ่ายซ้าย 

ต่อมาทางกลุ่มพยายามเข้ามามีอิทธิพลในการเคลื่อนไหวเรื่องปัญหาสภาพอากาศโลก และถูกนำมาเป็นข้ออ้างหนึ่งในการโจมตีโรงงาน Tesla ในวันนี้ที่ Tesla ถูกโยงว่าเป็นสัญลักษณ์ของ ‘ทุนนิยมสีเขียว’ 

ด้านอีลอน มัสก์ ได้โพสต์ข้อความลงใน X ถึงกลุ่มภูเขาไฟว่า เป็นผู้ก่อการร้ายเชิงนิเวศที่โง่ที่สุดในโลก รักษ์โลกแบบใด ถึงมาโจมตีโรงงานที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แทนที่จะไปโจมตีโรงงานที่ผลิตรถยนต์พลังงานฟอสซิล แล้วจะบอกว่าเป็นนักขับเคลื่อนเพื่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร 

อีลอน มัสก์ เปิดโรงงาน Tesla ในเยอรมันเมื่อปี 2565 ซึ่งเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และยังเป็นการท้าทายผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันที่เป็นหนึ่งในประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกอีกด้วย

แต่ Tesla ก็กำลังมีประเด็นกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมในเยอรมัน เมื่อ อีลอน มัสก์ วางโครงการที่จะขยายโรงงานในเยอรมันเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ Tesla ให้ได้ถึง 1 ล้านคันต่อปี เพื่อรองรับตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างมากในยุโรป ซึ่งจำเป็นต้องถางพื้นที่ป่าเพิ่มอีกอย่างน้อย 420 เอเคอร์ จึงเกิดกระแสต่อต้านของกลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อม และชาวบ้านในพื้นที่ ที่มาปักหลักตั้งแคมป์เพื่อขัดขวางการถางป่าเพื่อขยายโรงงาน Tesla มาแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top