Sunday, 22 June 2025
SPECIAL

พร้อมสู้ทุกเขต!! ‘ปชป.’ เปิดตัว ‘นายกฯ หนึ่ง’ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีฯ คนที่ 10 ดีกรีเด็กนอก ผลงานแน่น พร้อมนำเมืองคอนสู่เมืองมหานคร

(17 มี.ค. 66) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคฯ ร่วมกันต้อนรับและมอบบัตรสมาชิกพรรคฯ ตลอดชีพ ให้กับนายทรงศักดิ์ มุสิกอง หรือ ‘นายกหนึ่ง’ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากนคร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 นครศรีธรรมราช (อำเภอเมือง, อำเภอพระพรหม) ซึ่งถือเป็นเขตเลือกตั้งสุดท้ายที่ทางพรรคฯ ได้มีการเปิดตัวในการสู้ศึกเลือกตั้ง

นายชัยชนะ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทั้งทางศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้วินิจฉัยคำนิยามคำว่า ‘ราษฎร’ ตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ทำให้ จ.นครศรีธรรมราช ได้มี ส.ส.เพิ่มขึ้นอีก 2 เขต เป็น 10 เขต เหมือนกับในอดีต ซึ่งทางพรรคฯ ก็ได้เร่งคัดเลือกบุคคลที่มีอุดมการณ์และความเหมาะสมที่จะมารับใช้ประชาชนในพื้นที่ จนได้ข้อสรุปว่าพรรคฯ จะส่ง นายทรงศักดิ์ เป็นผู้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในเขตที่เพิ่มขึ้นมา นั่นคือ เขต 2  ที่ประกอบด้วย อ.เมืองนครศรีธรรมราช 9 ตำบล 1 เขตเทศบาล และ อ.พระพรหม

ซึ่งก่อนหน้านี้ อ.พระพรหม เคยเป็นส่วนหนึ่งของ อ.เมือง และในปัจจุบัน อ.พระพรหม ถือเป็นอีก 1 พื้นที่ที่รองรับความเจริญของตัวเมืองนครศรีธรรมราช ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องส่งนักการเมืองที่มีประสบการณ์ และวิสัยทัศน์กว้างไกล อย่างนายทรงศักดิ์ มาลงสมัคร ส.ส.ในเขตนี้ เพื่อที่จะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และผลักดันให้เกิด เมืองมหานครใน จ.นครศรีธรรมราช ตามนโยบายของพรรคฯ ที่มุ่งหวังไว้ว่า จะทำให้เกิดขึ้นได้จริงภายหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย 

‘เศรษฐา’ โชว์นโยบาย ‘กระตุ้นศก. ครั้งใหญ่’ หนุนเงินผ่าน ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ ใช้จ่ายร้านค้าใกล้บ้าน

(17 มี.ค.66) ที่อาคารยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ เปิดตัวนโยบายใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 400 คน ณ ยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

นายเศรษฐา ได้กล่าวถึงที่ผ่านตนได้เล็งเห็นถึงปัญหาความยากลำบากของประชาชน ได้เห็นปัญหาเศรษฐกิจที่รายได้น้อยลงสวนทางรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ที่สร้างช่องว่างความเหลื่อมในสังคมให้กว้างขึ้น และเห็นถึงปัญหาทางสิทธิที่ประชาชนถูกรัฐกัดกัน โดยเฉพาะสิทธิในการแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นประชาธิปไตยของประชาชน

ตนจึงขอฝากให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคนที่ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 400 คน ได้เป็นตัวแทนประชาชน นำนโยบายของพรรคเพื่อไทยแก้ไขปัญหาความเป็นเป็นให้พี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ การประกาศนโยบายใหม่ ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยการสร้าง ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ (Digital Wallet) ให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้จับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันใกล้บ้าน พร้อมเงินติดกระเป๋าที่รัฐจะแจกให้ทุกคน แต่เงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้ เฉพาะกับร้านค้าชุมชน และต้องอยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร เท่านั้น เงินดิจิทัลนี้ มีอายุการใช้งาน 6 เดือน และร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารรัฐในภายหลัง นโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับชุมชน เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งตั้งแต่ระดับชุมชนขึ้นไปจนระดับประเทศ

นอกจากนี้ นายเศรษฐายังพูดเสริมถึงแนวทางการต่างประเทศของพรรคเพื่อไทยที่จะเปิดประตูการค้าและสร้างโอกาส ให้คนไทยได้มีบทบาทมากขึ้นในเวทีโลก โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของรัฐบาลในการเป็นผู้เจรจาและเชื่อมสายสัมพันธ์กับนานาประเทศ เรียกความมั่นใจและความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในเวทีโลกให้กลับคืนมา

ประชาชนจะได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากมายท้ังจาก การค้าระหว่างประเทศ การท่องเที่ยวที่จะเติบโตขึ้นหลายเท่า และดึงดูดเงินจากต่างประเทศให้เข้ามาฝากในเมืองไทย เพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย แล้วพาสปอร์ตไทยจะต้องมีอิทธิพลพาคนไทยเดินทางไปได้ทั่วโลก

‘พิธา’ นำทัพผู้สมัคร ขึ้นรถแห่ ลุยหาเสียงทั่วนครรังสิต ชวน ปชช.ฟังปราศรัย หวัง รักษาแชมป์เขตเดิม-รุกเพิ่มเขตใหม่

(17 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ปทุมธานี 3 เขต ประกอบด้วย นายเจษฎา ถาวรธรรมฤทธิ์ (เขต 2) น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว (เขต 3) และนายสกล สุนทรวาณิชย์กิจ (เขต 4) ลงพื้นที่ตลาดรังสิต จังหวัดปทุมธานี โดยนายพิธาขึ้นรถแห่เชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และร่วมรับฟังการปราศรัยแนะนำแนวนโยบายพรรคก้าวไกล และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี ครบทั้ง 7 เขต ในเย็นวันนี้ ที่ตลาดจัมโบ้ คลองสาม

นายพิธา กล่าวว่า ปัจจุบันเหลือเวลาอีกไม่ถึง 60 วัน จะมีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อการเลือกตั้ง 2562 พี่น้องชาวปทุมธานี จำนวน 1 ใน 4 เลือกพรรคอนาคตใหม่ มาคราวนี้เป็นพรรคก้าวไกล ต้องขอคะแนนพี่น้องประชาชนชาวปทุมธานีอีกครั้ง ตนหวังว่าพรรคก้าวไกลจะปักธงในจังหวัดปทุมธานี รักษาแชมป์เขตเดิม เพิ่มเติมเขตใหม่ได้ จึงขอให้ประชาชนกาก้าวไกล 2 ใบ เลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อให้พรรคก้าวไกลได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศ

สำหรับกำหนดการเวทีปราศรัยใหญ่ที่ปทุมธานี พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครครบ 7 เขต จะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ณ ตลาดจัมโบ้ คลองสาม ผู้ปราศรัยนอกจากนายพิธา ยังประกอบด้วย นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล, น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล

‘กรณ์’ ควง ‘ผกก.หนุ่ย’ อ้อน ปชช. เขตบางแค ชูนโยบาย ‘ดูแลแม่-เด็ก’ ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ

(17 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ เขตบางแค เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์เด็กเล็กชุมชนศิริเกษม พร้อมทั้งเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งเขตบางแค ซึ่งมี พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางแค โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มาร่วมให้กำลังใจกันอย่างอบอุ่น ประกอบด้วย นายศราพงศ์ อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา นายธนาวุฒิ รัศมีฉาย นายกฤษณ์ สุริยผล นางสาวอรไพลิน อัครเลิศวรปรีชา นายณัฐวรรธน์ พัชรพรนุกูล นายธนาวุฒิ รัศมีฉาย นายรัชตะ สมบัติลาภตระกูล นายสงกรานต์ พงษ์พันนา รวมถึงนางสาววิเวียน จุลมนต์ ที่ปรึกษาทีมนโยบายพรรคชาติพัฒนากล้า โดยมีประชาชนให้การต้อนรับกันอย่างคึกคัก 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พ.ต.อ.ทศพล หรือ ผู้กำกับหนุ่ย เป็นว่าที่ผู้สมัครฯ ที่พรรคได้คัดมาแล้วว่า ประชาชนพึ่งได้แน่นอน โดยเจ้าตัวเองก็เป็นคนขยัน ทำความคุ้นเคยช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่ง บทบาทหน้าที่อย่างเป็นทางการ คนแบบนี้ตนมั่นใจว่าจะมีโอกาสได้สนับสนุน รวมทั้งว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.อีกหลายคนก็มาช่วยเป็นกำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับว่า ยังสับสนกับการแบ่งเขตของ กกต. อยู่ อย่างไรก็ตามแม้พรรคชาติพัฒนากล้าจะเป็นพรรคที่ไม่ใหญ่มาก แต่มั่นใจได้เลยว่า พรรคเราเป็นที่พึ่งให้พี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน 

นายกรณ์ กล่าวในระหว่างการเข้าเยี่ยมชมศูนย์เด็กเล็กชุมชนศิริเกษม ว่า สิ่งที่ประเทศนี้ไม่เคยลงทุนเลย คือการดูแลเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนถึง 6 ขวบ เพราะเป็นช่วงที่สำคัญมากต่อการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ จึงได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญและออกนโยบายว่าจะมีงบให้กับแม่และเด็กเล็ก ตั้งแต่แม่เริ่มตั้งครรภ์ แม่ควรได้รับอาหารการกินที่ดี เพราะจะส่งผลต่อความแข็งแรงของเด็กในครรภ์ ปู่ย่าตายายที่ต้องรับเลี้ยงหลาน งบประมาณที่ได้รับทุกวันนี้ 600 บาทไม่เพียงพอที่จะซื้อนมดี ๆ อาหารดี ๆ และอุปกรณ์การเลี้ยงดูเด็กที่มีมาตรฐาน เราจึงให้ความสำคัญตรงไปที่แม่ เพราะเชื่อว่าโดยสัญชาตญานแม่ทุกคนรักลูก จึงได้เสนองบประมาณในการดูแลแม่และเด็กที่เราคำนวณมาแล้วคือ 2,000 บาทต่อเดือน อีกส่วนคือ สนับสนุนให้มีศูนย์เด็กเล็กที่เราจะจัดงบประมาณ 500 บาท ต่อหัวเด็ก ที่ได้รับการดูแลในศูนย์เด็กเล็กทั่วประเทศ เพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอในการเพิ่มมาตรฐานการดูแลเด็ก ทั้งเรื่องโภชนาการที่ถูกต้อง เหมาะสมกับเด็กที่กำลังโต ต้องการสารอาหารมาเสริมพัฒนาการการเติบโต โดยเฉพาะสมองซึ่งเป็นส่วนสำคัญ    

‘แพทองธาร’ นำทัพ พท. เปิดตัวนโยบายใหม่ ชู “คนไทยไร้จน” เติมรายได้ขั้นต่ำ 2 หมื่นทุกครอบครัว

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.66 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ เปิดตัวนโยบายใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 400 คน ณ ยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

นางสาวแพทองธาร กล่าวบนเวทีประกาศความพร้อมพรรคเพื่อไทยที่จะพาประเทศไทยข้ามผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่กำลังเผชิญทั้งสภาวะยากจน สภาวะสงคราม และโรคระบาด หมดเวลายื้ออำนาจรัฐบาลที่ไม่เข้าใจประชาชน ขาดความรู้ ความเท่าทันสถานการณ์โลก เพราะท่ามกลางปัญหาที่ถูกทับถมเอาไว้ หากคิดไม่ใหญ่ เอาไม่อยู่

พรรคเพื่อไทยจึง ‘คิดใหญ่ ทำเป็น’ พร้อมประกาศ 3 นโยบายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี

เริ่มจากนโยบายแรก ลดช่องว่างรายได้คนไทยที่ต้องช่วยเหลือทันที ให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอ ต่อการดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีรายได้ที่สูงมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยมีอัตราเติบโตของรายได้ต่อหัวโตช้ากว่าประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียน พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายเติมรายได้ให้ทุกครอบครัวมีรายได้ขั้นต่ำ 20,000 บาท / เดือน เราจะเติมเงินให้ในระยะชั่วคราวไปจนกว่านโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนจะสำเร็จ เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบ รัฐก็จะมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น แพทองธารเพิ่มเติมว่านโยบายนี้อาจดูเหมือนประชานิยม แต่ความจริงแล้วคือการยกระดับ GDP ประเทศ  เงินที่จะใช้ ก็จะมาจากภาษีที่เก็บได้เพิ่มขึ้นนั่นเอง 

ถัดมาในนโยบายที่สองคือการสร้าง Blockchain ที่จะทำให้ไทยการเป็นศูนย์กลาง Fintech (เทคโนโลยีทางการเงิน) ของอาเซียน เปิดโอกาสให้คนไทยสามารถระดมทุนจากทั่วโลกได้ โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดเล็ก รวมทั้งการระดมทุนให้กับเกษตรกร  ตลอดจนการขายสินค้าล่วงหน้า รวมถึงผู้ที่มีความสามารถทางด้านอื่นๆ ก็จะขายผลงานของตนไปทั่วโลกได้สะดวกขึ้น ผ่านระบบที่ง่ายเหมือนแอพพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์

และนโยบายที่สาม แพทองธารได้เน้นย้ำปัญหา PM2.5  ที่พรรคเพื่อไทยตั้งใจจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยยกภาพถ่ายดาวเทียมของนาซ่า ที่แสดงร่องรอยสีแดงในประเทศไทย และเพื่อนบ้าน อันเกิดจากการเผาป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย 

‘หน่วย AITF’ ผนึกกำลัง ‘ไต้หวัน’ ยึดไอซ์ซุกใน ‘ขันโตก’ พร้อมจับกุมผู้รับชาวไต้หวัน 1 ราย เร่งขยายผลหาเครือข่าย

(17 มี.ค. 66) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เผยถึง ความร่วมมือระหว่างหน่วย AITF ประเทศไทย และกระทรวงยุติธรรมไต้หวัน MJIB (Ministry of Justice Investigation Bureau) ในการขยายผลจากการจับกุมไอซ์ 5,060 กรัม ที่ประเทศไทย ก่อนประสานงานขยายผลจนสามารถจับกุมไอซ์ 3,320 กรัม พร้อมผู้รับพัสดุ ที่สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 หน่วยสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดทางท่าอากาศยานสากล (Airport Interdictoin Task Force : AITF) ประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือของ สำนักงาน ป.ป.ส., กรมศุลกากร, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และศูนย์รักษาความปลอดภัย ได้ตรวจยึดไอซ์ น้ำหนัก 5,060 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในขันโตกบรรจุกล่องกระดาษ 2 กล่อง ก่อนถูกส่งไปยังสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เหตุเกิดที่คลังสินค้าขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

หลังจากกทราบข้อมูลการจับกุมดังกล่าว ตนได้มอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. เร่งประสานงาน กระทรวงยุติธรรมไต้หวัน (MJIB) โดยเร็วที่สุด เนื่องจากทราบข้อมูลว่าเครือข่ายยาเสพติดนี้ได้มีการส่งยาเสพติดซุกซ่อนในรูปแบบเดียวกันไปยังไต้หวัน

'เศรษฐา' โชว์ฟิตขึ้นรถแห่ทักทาย ปชช.ครั้งแรก วอนเลือก ‘เพื่อไทย’ ยกเข่ง ทั้งคนทั้งพรรค

‘เศรษฐา’ นำ ‘เพื่อไทย’ เดินตลาดโกสุมรวมใจ เขตดอนเมือง บรรยากาศสุดคึกคัก เจ้าตัวชูเข่งปลาทูบอกขอเลือก พท.ยกเข่ง ทั้งคนทั้งพรรค ก่อนขึ้นรถแห่ทักทาย ปชช. เป็นครั้งแรก

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 16 มีนาคม 2566 แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายวราวุธ ยันต์เจริญ กรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายสุธนพจน์ กิจธนาภิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินตลาดโกสุมรวมใจ เขตดอนเมือง กทม.เพื่อพบปะพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในตลาด โดยระหว่างเดินผ่านแผงขายปลาทู พ่อค้าปลาทูได้ยกเข่งปลาทูให้นายเศรษฐาดู ทำให้ นายเศรษฐา กล่าวว่า "เลือกเพื่อไทยยกเข่ง ทั้งคน ทั้งพรรคนะครับ"

‘บิ๊กป้อม’ นำทีมเศรษฐกิจ พปชร.เยือนหอการค้าไทย-จีน รับฟัง-แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สู่การพัฒนา ศก.อย่างยั่งยืน

(16 มี.ค. 66) ที่หอประชุมใหญ่ ชั้น 9 หอการค้าไทย-จีน ถนนสาทรใต้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจพรรค อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เลขาธิการพรรค, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เหรัญญิกพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานยุทธศาสตร์การเมือง, นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายอภิชัย เตชะอุบล และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน ร่วมพบปะหอการค้าไทย-จีน เพื่อร่วมหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-จีน ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนการท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ระหว่างสองประเทศ

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีนให้การต้อนรับและกล่าวขอบคุณคณะของ พล.อ.ประวิตร ที่ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียนหอการค้าไทย-จีน ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทยและจีน และอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ ให้แก่นักธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และสานต่อภารกิจส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนในทุกมิติ หอการค้าไทย-จีน มีหน้าที่สร้างเวทีใหม่ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของนักธุรกิจชาวจีนทั่วโลกหลังยุคโควิด ร่วมกันค้นหาโอกาสใหม่ภายใต้วิกฤต และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือแบบพหุภาคีและหลากหลายรูปแบบของความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อเปิดยุคใหม่ในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในโลกในยุคใหม่

‘จุรินทร์’ นำทัพ ปชป. ปราศรัยใหญ่สกลนคร คนร่วมกว่า 3 หมื่น เสียงเชียร์นั่งนายกฯ กระหึ่ม

อีสานสะเทือน!!! ‘จุรินทร์’ นำทัพ ปชป. ปราศรัยใหญ่สกลนคร คนกว่า 3 หมื่นเข้าร่วม อ้อนขอโอกาสให้พรรคการเมืองที่มีนโยบายตอบโจทย์คนอีสานและซื่อสัตย์สุจริต

(16 มี.ค. 66) เวลา 15.00 น.ที่สนามข้างศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) สกลนคร อ.พังโคน จ.สกลนคร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำทัพผู้สมัครจังหวัดสกลนคร ทั้ง 7 เขต พร้อมกับแกนนำพรรค ตั้งแต่ นายไชยยศ จิรเมธากร ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค พร้อมกับผู้สมัคร ส.ส. ภาคอีสาน ตั้งแต่ หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ เลย อำนาจเจริญ ชัยภูมิ เดินทางมาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่อย่างคับคั่ง ที่สนามข้างศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ สกลนคร อำเภอพังโคน จ.สกลนคร 

ในช่วงที่นายจุรินทร์และคณะพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาถึงเวทีปราศรัย มีพี่น้องประชาชนมารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และผูกผ้าขาวม้าให้กับนายจุรินทร์อย่างใกล้ชิด พร้อมเข้ามากอดนายจุรินทร์ และพูดว่า "รูปหล่อจังเลย ท่านนายก" และส่งเสียงเรียก "จุรินทร์เป็นนายก" “อยากให้นายก ชื่อจุรินทร์” “ท่านคือนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย” ดังกระหึ่ม ทำให้บรรยากาศการปราศรัยซึ่งมีพี่น้องประชาชนมาร่วมฟังในวันนี้กว่า 30,000 คน อย่างมืดฟ้ามัวดิน มีความคึกคักเป็นพิเศษ 

นอกจากนี้บนเวทีปราศรัยมีการจัดเซอร์ไพร์สให้กับนายจุรินทร์ ด้วยการนำเค้ก และช่อดอกไม้มามอบให้ พร้อมกับให้พี่น้องประชาชนที่มาฟังการปราศรัยร่วมกันอวยพรวันเกิดย้อนหลังให้กับนายจุรินทร์ พร้อมกับส่งเสียงเชียร์ให้ นายจุรินทร์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป 

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ได้ปราศรัยแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. จังหวัด สกลนคร ทั้ง 7 คน ประกอบด้วย เขต 1 นายณปภัช เสโนฤทธิ์ (เฟิร์ส) เขต 2 นายชาตรี หล้าพรหม เขต 3 ดร.อภิลักษณ์ เคนไขยวงศ์ เขต 4 นายสาคร พรหมภักดี อดีตรองโฆษกรัฐบาล อดีต ส.ส. 5 สมัย เขต 5 นายพงษ์ศักดิ์ สุทธิคีรี เขต 6 นายวีรศักดิ์ พรหมภักดี เขต 7 นางยุพาวรรณ จักรพิมพ์

ผบ.ตร. รับใช้กระสุนจริงคุมสถานการณ์ ยัน 'สารวัตรคลั่ง' ไม่ได้เครียดจากเรื่องงาน

ผบ.ตร.ยอมรับ ชุดปฏิบัติการใช้กระสุนจริงระงับเหตุ “สว.กานต์” คลุ้มคลั่ง เนื่องจากมีการตอบโต้ด้วยกระสุนจริง ลั่น ยืนยันปฏิบัติตามแผนยุทธวิธี ยืนยันไม่ได้เครียดจากเรื่องงานคาดเป็นสภาวะทางจิตที่ผิดปกติ

(16 มี.ค. 66) พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการเข้าควบคุมสถานการณ์พันตำรวจโทกิตติกานต์ แสงบุญ ที่คลุ้มคลั่งในบ้านพักย่านซอยสายไหม 46 และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลภูมิพล เมื่อวานที่ผ่านมา พร้อมแสดงความเสียใจกับญาติของผู้เสียชีวิต และยืนยันว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยากต่อการเจรจา ตำรวจได้พยายามทุกวิถีทางในการระงับเหตุแล้ว แต่ทางพันตำรวจโทกิตติกานต์ ไม่มีท่าทีสงบ และไม่ยอมวางอาวุธ ชุดปฏิบัติการจึงตัดสินใจเข้าจับกุม

พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ ยอมรับว่าชุดอรินทราช 26 ได้มีการใช้กระสุนจริงในการปฏิบัติการ เนื่องจากพันตำรวจโทกิตติกานต์ มีอาวุธที่เป็นกระสุนจริงอยู่ด้วย และมีการโต้ตอบเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา ทำให้ชุดปฏิบัติการจำเป็นต้องมีอาวุธที่เท่าเทียมกับผู้ก่อเหตุ แต่ก็มีทั้งกระสุนยาง และปืนไฟไฟ้ ใช้ร่วมปฏิบัติด้วย โดยขั้นตอนการปฏิบัติตามแผนกรกฎ ได้มอบหมายให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา

ส่วนกรณีที่พบว่ามีรอยกระสุน 6 จุด ตามร่างกาย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างให้แพทย์ชันสูตรศพให้ละเอียดก่อนว่าเป็นการเสียชีวิตจากสาเหตุใด

‘ไทยสร้างไทย’ เปิดตัว ‘ไข่มุก’ นักร้องวงพริกไทย ลงสมัคร ส.ส. เจ้าตัว เผย ชอบนโยบาย ลั่น!! ขอโอกาสใช้ความรู้ทำเพื่อ ปชช.

(16 มี.ค. 66) หลังจากที่ นางสาวปัณณรัตน์ สิรินันท์ หรือ ‘ไข่มุก’ นักร้องนำคนล่าสุดของวงดนตรีระดับตำนานอย่าง ‘วงพริกไทย’ ได้หวนกลับมาเป็นนักร้องนำอย่างเต็มตัว หลังจากห่างหายไปถึง 2 ปี กลับมาคราวนี้ ขอทุ่มสุดตัว ทั้งด้านวงการบันเทิง และขอลงสนามสมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ กับพรรคไทยสร้างไทย เป็นครั้งแรกอีกด้วย

โดยน้องไข่มุก เปิดใจถึงความสนใจการเมืองอยากทำงานการเมืองว่า ตนขอกราบขอบพระคุณ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ หรือที่ทุกคนเรียกว่า ‘คุณแม่’ ที่มอบโอกาสให้ตนได้เข้ามาทำงานทางการเมือง และอีกบุคคลที่ตนจะลืมไม่ได้คือ คุณต้น กุณฑล ประจวบเหมาะ ที่สนับสนุนและดูแลตนมาตั้งแต่แรก รวมทั้งคุณอุดมเดช และคุณสุธา รวมถึงผู้ใหญ่อีกหลายคนที่คอยช่วยเหลือ แนะนำสิ่งดี ๆ ให้ตนมาตลอด ตนคิดว่า การเมืองเป็นเรื่องของคนไทยทุก ๆ คน เพราะการเมืองมีผลต่อการดำเนินชีวิตของพวกเรามาตลอด อีกทั้งประชาชนไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียง มีอำนาจ แค่ในวันเลือกตั้งเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว พวกเราควรมีสิทธิ์และควรได้รับสิทธิ์ภายใต้กฎหมายทุก ๆ วัน ตลอดเวลา

ดังนั้น ในฐานะคนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจรักประชาธิปไตย ตนจึงตัดสินใจที่จะใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เคยช่วยเหลือคนด้อยโอกาส และคลุกคลีกับกลุ่มคนรากหญ้า จึงพอที่จะรู้ปัญหาของคนกลุ่มนี้ ว่าพวกเขาต้องการอะไร และเรามีวิธีที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร ซึ่งตนอยากเห็นประเทศไทย เป็นรัฐสวัสดิการเพื่อประชาชนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์

“ประชาชนทุก ๆ คนควรต้องได้รับสวัสดิการที่ดีของภาครัฐ ไว้ว่าจะเป็นหน่วยงานประกันสังคม สวัสดิการรักษาแบบยกระดับเทียบเท่าผู้ที่ทำประกันชีวิต เช่นได้รับยาที่มีคุณภาพ มีหมอเฉพาะทางคอยให้การรักษา การลดขั้นตอนของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งการกระจายอำนาจออกจากส่วนกลางไปชนบท โดยมองค์กรที่มีประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบได้ตามกฎหมาย ไม่ใช่เสือกระดาษ น้องมุกอยากเห็นการเก็บภาษีที่เป็นธรรมต่อประชาชน และประชาชนทุกคนควรเสียภาษี ถ้ารายได้เข้าเกณฑ์นะคะ คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 150,000 บาท/ปี ไม่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดา” น้องไข่มุก กล่าว

‘อรรถวิชช์’ ร้องศาลปกครอง เพิกถอนแบ่งเขตเลือกตั้ง กทม. ชี้ วิธีแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หวั่น ทำประชาชนสับสน

(16 มี.ค. 66) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ของกรุงเทพมหานครว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 27 (1) กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งเขตให้ ‘รวมอำเภอต่าง ๆ เป็นเขตเลือกตั้ง’ ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีอำเภอหลักอยู่ในเขตเลือกตั้ง แต่ปรากฎว่าการแบ่งเขตที่ออกมา มีการรวมเฉพาะแขวงโดยไม่มีเขต (อำเภอ) หลัก มาเป็นเขตเลือกตั้งใหม่

ตัวอย่างเช่น เขตเลือกตั้งที่ 8 ประกอบด้วย แขวงทุ่งสองห้องของเขตหลักสี่ และแขวงลาดยาว แขวงจตุจักร แขวงจอมพล ของเขตจตุจักร, เขตเลือกตั้งที่ 9 ประกอบด้วย แขวงอนุสาวรีย์ของเขตบางเขน และแขวงจันทรเกษม แขวงเสนานิคม ของเขตจตุจักร และแขวงตลาดบางเขนของเขตหลักสี่ และยังมีเขตเลือกตั้งอื่น ๆ ที่เป็นการรวมเฉพาะแขวง โดยไม่มีเขตหลักถึง 13 เขตเลือกตั้ง ได้แก่เขตเลือกตั้งที่ 8, 9, 12, 13, 17, 18, 19, 21, 26, 27, 28, 29 และ 30 ซึ่งเป็นการรวมแขวงต่าง ๆ เป็นเขตเลือกตั้ง ไม่ได้รวมอำเภอต่าง ๆ เป็นเขตเลือกตั้ง ขัดต่อหลักเกณฑ์ตามมาตรา 27 (1)

‘ศรัณย์วุฒิ’ ชัดเจน!! ย้ายซบ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ยก 3 จุดเด่น ‘บิ๊กตู่’ มั่นใจ!! นั่งนายกฯ อีกสมัย

(16 มี.ค. 66) ที่รัฐสภา นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อชาติ แถลงว่า วันนี้เป็นการตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญของตน ที่เตรียมจะย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งสมัยตนอยู่พรรคเพื่อไทย (พท.) ก็ไปด้วยกันไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ให้ตนอภิปราย และไม่ให้แตะต้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตนจึงแตกหักกับพรรคเพื่อไทย เมื่อไปอยู่กับพรรคเพื่อชาติก็แตกหัก และอยู่ด้วยกันไม่ได้ จากนั้นตนไปอยู่กับพรรคเสรีรวมไทยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็มีความคิดเห็นไม่ตรงกันบางอย่างที่ต้องสงวนเอาไว้ รวมถึงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เคยประกาศว่าสามารถร่วมงานกับ พล.อ.ประวิตร ได้ ก็ทำให้ตนอึดอัดใจ

นายศรัณย์วุฒิ กล่าวต่อว่า ตนสู้เต็มร้อย ตนถูกฟ้องหลายคดีและไม่มีใครช่วยตน ตนเป็นนักรบผู้ต้องการประชาธิปไตยตัวจริง จึงอยู่พรรคไหนไม่ได้ เพราะพรรคที่มีอยู่ก็เป็นประชาธิปไตยจอมปลอม หลอกลวงประชาชน คนไทยทั้งแผ่นดินต้องหูตาสว่าง อย่าให้ใครมาหลอกเรา ตนจึงเลือกได้ 2 ทางคือ ด้วยความสามารถและการต่อสู้เพื่อประชาชน วันนี้จึงไม่สนใจขั้วประชาธิปไตยจอมปลอมที่ผสมพันธุ์กันไปหมดแล้ว และทำพรรคเพื่อบริษัทหนึ่งตระกูลหนึ่ง ตนหมายถึงพรรคไหนคนก็รู้ ส่วนอีกพรรคหนึ่งก็สุดโต่งจนประชาชนหวั่นไหวกันหมด อีกทางเลือกหนึ่งคือการทำงานกับพรรคที่ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน

นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า พรรคการเมืองปัจจุบันคือพวกประชาธิปไตยจอมปลอม และหลอกลวงประชาชน โดยใช้ประชาธิปไตยบังหน้า แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีจุดเด่น 3 ข้อ คือ 1. เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับพวกประชาธิปไตยปล้นชาติ 2. มีความจงรักภักดี และ3. ประชาชนรากหญ้าได้รับประโยชน์มากมายจากรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเปรียบเทียบรัฐบาลอื่นๆ ที่ผ่านมาพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รับอะไรเลยมิหนำซ้ำชาวบ้านยังบอกกับตนว่าชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์ เพราะได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และแม่ค้าก็บอกว่าชอบโครงการคนละครึ่ง

‘พปชร.’ ย้ำจุดยืน!! ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ โว!! พปชร.เวอร์ชันใหม่ เก๋าแต่ไม่เก่า

(16 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พร้อมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังจัดเวที ‘ปลดล็อก ทลาย Gen ร่วมคิด ระดมทำ’ ที่มีการเชิญตัวแทนภาคประชาชนทุกช่วงวัย ระดมความเห็น 
.
นางนฤมล กล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หลายคนให้ความสำคัญกับเรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง จุดยืนของพรรคพปชร. เกี่ยวกับเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งสโลแกนก้าวข้ามความขัดแย้งของพรรคนั้น เป็นการก้าวข้ามไปสู่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่ดีขึ้น ทั้งมิติการเมือง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ให้ทุกเรื่องจบในสภา ถ้ายังมีความขัดแย้งอยู่จะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ 
.
นางนฤมล กล่าวว่า สิ่งที่เรารับฟังจากการทำกิจกรรมครั้งนี้ จะนำไปเสนอเป็นนโยบายของพรรค และนโยบายรายเขตในกทม. เป็นความตั้งใจของเราที่จะทำให้ชาว กทม. โดยในวันที่ 23 มี.ค. เราจะทำกิจกรรมลักษณะนี้อีก โดยจะมาขยายความเรื่องเศรษฐกิจชุมชนในแต่ละเขตว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางที่จะเสนอให้พรรค และหากเราได้เป็นรัฐบาลจะผลักดันให้เกิดขึ้นจริง หรือว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ได้เป็น ส.ส.จะผลักดันในสภา 

‘เพื่อไทย’ โวย ‘กกต.’ แบ่งเขตไม่เป็นธรรม-ส่อผิด กม. หวั่น เลือกตั้งเป็นโมฆะ ถาม กกต.รับผิดชอบไหวหรือ?

(16 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.เขตลาดกระบัง พร้อมด้วย นายสุรชาติ เทียนทอง ส.ส.กทม.เขตหลักสี่ พรรค พท.ร่วมแถลงข่าวคัดค้านแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง ของ กกต.กทม.

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ได้เห็นประกาศจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึง กกต. กทม.ว่าจะมีการเลือกใช้การแบ่งเขตการเลือกตั้งของ กกต.แบบที่ 1 ซึ่งเป็นแบบที่พรรค พท. กังวลใจว่า ส่อขัดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ที่ผ่านมามีความหวังว่า กกต.จะได้ยินเสียงการทักท้วงของพรรค พท. จึงไม่ลดละความพยายามที่จะแถลงข่าวให้เสียงดังขึ้น แต่สุดท้ายมีประกาศออกมาเลือกแบบที่ 1 จึงจำเป็นต้องส่งเสียงอีกครั้ง เพราะถือเป็นการแบ่งเขตการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม เรียกว่า Gerrymandering ที่ผู้มีอำนาจจงใจเปลี่ยนแปลงเส้นเขตเลือกตั้ง เพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ผู้ที่รับผลกระทบโดยตรงมากที่สุด คือภาคประชาชน คืนวานนี้ ประชาชนร้องเรียนมาว่า ได้รับผลกระทบจากการแบ่งเขต เพราะพวกเขาได้หมายมั่นปั้นมือว่าจะเลือก ส.ส.คนนี้ให้ไปเป็นผู้แทน ให้ได้มาทำงานต่อ เพราะเคยร่วมงานใกล้ชิดกันมาก่อน

ทั้งนี้ หาก กกต.ยืนยันที่จะใช้การแบ่งเขตแบบที่ 1 ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ท้ายที่สุดอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะทั้งประเทศ กกต.ต้องกำหนดเขตเลือกตั้งและจำนวน ส.ส.แต่ละเขตเลือกตั้งกันใหม่ แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ รวมไปถึงจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคง ความมีเสถียรภาพของประเทศชาติ ความขัดแย้งทางการเมือง และงบประมาณแผ่นดิน

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวต่อว่า หากการเลือกตั้งเป็นโมฆะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะรักษาการนายกฯ ต่อไปจนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จ ซึ่งนานเท่าใดก็ไม่มีใครรู้ หมายความว่าผู้มีอำนาจนำประเทศชาติ และประชาชนเป็นตัวประกันให้กับความเสียหายนี้ใช่หรือไม่ หาก กกต.ไม่ดูดีดูดาย พิจารณาคำท้วงติงของพรรค พท. หากเกิดอันตรายเสียหายขึ้น กกต.จะรับผิดชอบไหวหรือ ถ้าหากการเลือกตั้งเป็นโมฆะ

ทั้งนี้ พรรค พท.พร้อมสู้ทุกกติกาที่มีความยุติธรรมหรือที่ถูกกำหนดขึ้น พรรค พท.จะเดินหน้าต่อเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งให้ได้ ให้พี่น้องประชาชนได้ออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียง นำประชาธิปไตยกลับมา และทำให้ประชาชนเห็นว่าพรรคการเมืองที่พวกเขาสนับสนุนได้ใช้พลังประชาชน ไม่โอนอ่อนผ่อนตาม ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจที่ไม่เป็นธรรมเหล่านั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top