Tuesday, 18 June 2024
SPECIAL

ในอนาคตผู้เรียนในระดับอุดมศึกษาจะลดลง แต่จะมีกลุ่มคนทำงาน และผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น สถาบันการศึกษาจำเป็นต้องมีภารกิจในการพัฒนาคนกลุ่มนี้ ด้วยการ Reskill Upskill รวมถึงการพัฒนา New Skill เพื่อการประกอบอาชีพ

แนวโน้มที่คาดการณ์กันว่า ในอนาคตมหาวิทยาลัยทุกแห่งจะประสบปัญหามีผู้เรียนลดจำนวนลง หลายแห่งจึงเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ด้วยการนำระบบการเรียนแบบออนไลน์มาช่วย เพิ่มความยืดหยุ่นในการเรียนการสอน เปิดสาขาวิชาทางเลือกเฉพาะกลุ่ม และหันไปสอนหลักสูตรระยะสั้นให้คนในวัยทำงาน หรือกระทั่งคนในวัยเกษียณมากขึ้น หรือเปิดโอกาสให้คนวัยทำงาน เข้ามาสังเกตการณ์การเรียนการสอนในบางวิชา

จากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในรอบปีที่ผ่านมา หลายมหาวิทยาลัยได้จำนวนผู้เรียนไม่เป็นไปตามเป้าในการรับนิสิตนักศึกษา จากเด็กที่เข้าเรียนในระบบมัธยมศึกษาจะสอบเข้าในระดับอุดมศึกษา มีจำนวนน้อยกว่าจำนวนที่มหาลัยเปิดรับ แต่ในทางกลับกัน ประชาชนทั่วไปหรือคนในวัยทำงาน รวมถึงคนที่เกษียณอายุไปสู่ผู้สูงอายุในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคนกลุ่มวัยทำงานนี้ เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศรวมคือ การนำไปสู่การหาเลี้ยงชีพของตัวเอง เห็นภาพชัดขึ้น ในช่วงปี 63 ที่ผ่านมาที่เราเจอกับสถานการณ์ Covid-19 มีผลต่อการทำงาน ของคนในวัยทำงานเป็นอย่างมากบางบริษัท

ในอนาคตก็จะมีผู้เรียนในระดับอุดมศึกษาลดลงแต่จะมีกลุ่มคนทำงาน และผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น นอกจาการสร้างบัณฑิตแล้ว สถาบันการศึกษาจำเป็นต้องมีภารกิจในการพัฒนาคนกลุ่มนี้ ด้วยการ Reskill Upskill รวมถึงการพัฒนา New Skill เพื่อการนำไปพัฒนางานเดิม ประกอบอาชีพ หรือเป้าสู่การเป็นผู้ประกอบการเอง

ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาคน ทุกช่วงวัย รวมถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต การสร้าง ออกแบบหลักสูตร Non Degree จะช่วยได้อีกทาง และหาก Non Degree ที่ได้เรียนนั้น สามารถนำไปสู่ Degree ได้ โดยมีระบบการเทียบโอน หรือ ระบบสะสมหน่วยกิต ที่เรียกว่าธนาคารหน่วยกิต (Credit bank) รวมถึงการเทียบโอนประสบการณ์ ก็จะเป็นการเปิดโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างแท้จริง  เป็นการเรียนการสอนแบบนอกเหนือจากภาคปกติ เรียนจบได้ใบประกาศนียบัตร

หลักสูตร Non Degree เพื่อการ Reskill Upskill ในการเรียนรู้ตลอดชีวิต นั้น ต้องเปิดโอกาสให้แก่คนทุกวัยทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็นคนวัยทำงานหรือคนวัยเกษียณ คือ เรียนวิชาที่นำไปใช้งานได้จริง สำหรับประกอบอาชีพ ไม่ได้เน้นเชิงวิชาการหรือเชิงทฤษฎีเหมือนภาคปกติ เป็นวิชาสำหรับประกอบอาชีพเสริม เช่น การทำการเกษตรแนวใหม่ การเลี้ยงปลาสวยงามหรือปลาเศรษฐกิจ

การเรียนที่ออกแบบขึ้นนั้น จะศึกษาความต้องการของตลาด เราจะทำผลิตภัณฑ์อะไรที่ตอบโจทย์กับตลาด หลังจากนั้นก็เริ่มลงมือปฎิบัติจริง หรือเรียนรู้ในสถานประกอบการ เป้าหมายของการเรียน คือ คิดเป็น วางแผนเป็น และแก้ปัญหาเป็น สู่การเป็นผู้ประกอบการ สร้างรายได้ ได้อีกด้วย

วิทยาลัยบูรณาการศาสตร์ ม.เกษตร เปิด Non Degree รองรับคนทุกช่วงวัย หลายชุดวิชา อาทิ ชุดวิชาการสร้างความสุขของสังคมผู้สูงวัย เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่อยากทำธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งต้องมีจิตวิทยาในการดูแลผู้สูงอายุให้ผู้สูงอายุมีความสุข เพื่อตอบโจทย์สังคมสูงวัย อีกกลุ่มก็คือหลักสูตรการดูแลเด็กปฐมวัยช่วงก่อนเข้าโรงเรียน สำหรับโรงเรียนอนุบาลภาคเอกชนที่มักจะไม่ค่อยมีอาจารย์ที่จบทางด้านปฐมวัยหรือด้านศึกษาศาสตร์โดยตรง

“วิชาเหล่านี้สามารถนำไปสะสมเป็นปริญญาตรีอีก 1 ใบได้ หลักสูตร Non Degree เราให้หน่วยกิตไว้ประมาณ 20 หน่วย และเรามีโครงการธนาคารหน่วยกิต ซึ่งเมื่อคุณจบ 1 ชุดวิชา แล้วคุณก็จะเก็บหน่วยกิตได้ 20 หน่วย และเมื่อคุณเรียนเพิ่มอีก 1 ชุดวิชา ก็จะได้อีก 20 หน่วย โดยใครที่จบปริญญาตรีมาแล้วก็สามารถใช้เทียบเป็นอีก 1 ปริญญาได้เลย”


เขียนโดย ผศ.ดร.ธานินทร์ คงศิลา อาจารย์ภาควิชาส่งเสริม และนิเทศศาสตร์เกษตร คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

กองทัพภาคที่ 2 มอบทุนการศึกษา ‘พี่ทหารสานฝัน’ เอนทรานซ์สู่รั้วมหาวิทยาลัย

วันที่ 24 มีนาคม 2564 พ.ท. ชิษณุชา กาญจนอัครเดช ผบ.นฝ.นศท.มทบ.26 เป็นผู้แทนพลโท ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาเป็นประธาน โครงการ ‘พี่ทหารสานฝัน’ มอบทุนการศึกษา จำนวน 40,000 บาท ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีนางสารภี เลไธสง ผู้อำนวยการโรงเรียนนางรองพิทยาคม กล่าวรายงานและให้การต้อนรับ ณ ศูนย์สื่อและเทคโนโลยี โรงเรียนนางรองพิทยาคม อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์

กองทัพภาคที่ 2 ได้เล็งเห็นความสำคัญการศึกษาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศ จึงสานต่อโครงการ ‘พี่ทหารสานฝัน’ โดยสนับสนุนคอร์สเรียน ‘ภาษาอังกฤษครูนะ ออนไลน์ คอร์ส Entrance’ จำนวน 5 ทุนการศึกษา จำนวน 40,000 บาท เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างมีคุณภาพ และเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองอีกทางหนึ่งด้วย

พ.ท. ชิษณุชา กาญจนอัครเดช กล่าวว่า พิธีมอบทุนโครงการ ‘พี่ทหารสานฝัน’ ในครั้งนี้ ซึ่งมีพลโท ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานโครงการ และ อาจารย์ศักดิ์ครินช์ จงหาญ หรือ ครูนะ เป็นผู้ดำเนินโครงการ เพื่อให้นักเรียนมีทักษะทางภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์ในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา และเป็นส่วนในการสร้างขวัญกำลังใจ ให้เป็นคนที่มีคุณภาพของสังคม ขอชื่นชมผู้ปกครองและนักเรียนที่ได้รับทุน ให้รักษามาตรฐานการเรียน การสร้างความดี มีจิตสาธารณะ พร้อมที่จะช่วยเหลือสังคมเมื่อมีโอกาส

ภาพ/ข่าว  สมพุด เกตขจร (ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดบุรีรัมย์)

สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดลำพูน จัดโครงการเสริมสร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อ-จัดจ้าง ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ที่ โรงแรม กัชชัน พาโนรามา กอล์ฟ คลับ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานเปิดโครงการเสริมสร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดลำพูน  จัดโดย สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดลำพูน  โดยมีนางสาววิศรา รัตนสมัย  ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดลำพูน   กล่าวรายงาน  มีนายชาตรี กิตติธนดิตถ์  ปลัดจังหวัดลำพูน หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหน่วยงานขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น 58 หน่วยงาน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง  จำนวน 140 คน  เข้าร่วมโครงการ

สืบเนื่องจากสภาพปัญหาการกระทำความผิดและเรื่องร้องเรียนที่ สำนักงาน ป.ป.ช. รับไว้ดำเนินการในปีที่ผ่านมา พบว่าในระดับประเทศและระดับจังหวัด จากข้อมูล สถิติเรื่องกล่าวหาที่สำนักงาน ป.ป.ช. รับไว้ดำเนินการในปี พ.ศ. 2563 ปรากฏว่าการกระทำความผิดมีสัดส่วนสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. การจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน  1,199 เรื่อง    2. ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำนวน 1,024  เรื่อง โดยพบว่า จำนวน เรื่องร้องเรียนกล่าวหาเกี่ยวกับการกระทำความผิดการจัด จัดจ้างสูงเป็นลำดับที่ 1 ดังกล่าว หน่วยงานที่ถูกร้องเรียนกล่าวหา เป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถึง 2,212 เรื่อง คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของเรื่องร้องเรียนกล่าวหาทั้งหมด

สำนักงาน ปปช. ประจำจังหวัดลำพูน จึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้น โดยมีการเสวนา แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560  และประเด็นปัญหาด้านพัสดุ ในเพื่อสร้างความตระหนักและความเข้าใจให้แก่ผู้บริหาร และข้าราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดลำพูน ในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยความถูกต้องโปร่งใส อันเป็นการลดปัญหาการกระทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ตลอดจนส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน  ต่อไป

ภาพ/ข่าว  นายคมศักดิ์  หล่อเถิน

ชาวประมงบ้านเก้าเส้ง เจอสภาพอากาศแปรปรวนช่วงหน้าร้อน คลื่นลมแรงทำให้ต้องหยุดออกเรืออีกรอบ

หลังกรมอุตุใต้รายงานสภาพอากาศแปรปรวนช่วงหน้าร้อน มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และฝนหนักกับลมกระโชกแรง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

วันนี้ 24 มีนาคม 2564  สภาพอากาศบริเวณชายฝั่งจังหวัดสงขลาทะเลเริ่มมีคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่งเป็นระลอก ๆ บริเวณชายหาดบ้านเก้าเส้ง เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา มีลมกรรโชกแรงตลอดเวลา ทะเลมีคลื่นกำลังแรงพัดเข้าหาฝั่งเช่นเดียวกัน

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก รายงานสภาพอากาศในวันนี้ว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และฝนหนักกับลมกระโชกแรงบางแห่งทางตอนล่างของภาค บริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง  ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง

สำหรับบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ชาวประมงพื้นบ้านเก้าเส้ง จึงจำเป็นต้องหยุดออกเรือจับปลานำเรือขึ้นมาจอดบริเวณชายฝั่ง ปากคลองสำโรงที่ถูกคลื่นซัดทรายขึ้นมาปิดปากคลองสำโรงเป็นสันดอนชายหาด สามารถนำเรือขึ้นไปจอดได้ กว่า 20 ลำ เนื่องจากไม่สามารถนำเรือเข้าไปจอดในคลองสำโรงได้

ในขณะเดียวกัน ก็ต้องคอยระมัดระวัง หมั่นเดินมาดูแลเรืออยู่เป็นระยะ ๆ เนื่องจาก บางครั้ง ช่วงน้ำขึ้น คลื่นมีกำลังแรง จะชัดขึ้นมาถึงบริเวณที่จอดเรือ หากผูกมัดหรือไม่ดีเรืออาจจะลอยตามน้ำลงไปในทะเลได้

เนื่องจากในช่วงนี้ปรกติเป็นหน้าร้อน ทะเลจะเรียบไม่มีคลื่นลม ชาวประมงพื้นบ้านจะออกเรือจับสัตว์น้ำได้ ตลอดช่วงหน้าร้อน แต่ในช่วงนี้สภาพอากาศแปรปรวน ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านเก้าเส้ง ต้องหยุดออกเรือทำการประมง มา 2-3 วันแล้วและในวันนี้ก็ยังคงหยุดต่อไปอีก เพื่อรอให้คลื่นลมสงบจึงจะสามารถออกไปทำการประมงได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตามชาวประมงพื้นบ้านก็จะต้องดูสภาพอากาศและคลื่นลมในช่วงย่ำรุ่งก่อนออกเรือทุกวัน เพราะสภาพอากาศแปรปรวนไม่แน่นอน  วันนี้ลมตะวันออกความเร็ว 15-35 กม./ชม. ยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ อ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ (หาดใหญ่ จ.สงขลา)

พบพญาเต่าประหลาด 6 ขา ใกล้สูญพันธุ์ ขนาดเกือบครึ่งเมตร หนัก 12 กิโลฯ ด้านหลังมี 4 ขา เชื่อว่า ให้โชคให้ลาภแห่ตีเลขเด็ด

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (24 มีค 64) ว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่หมู่ 6 ต.คลองท่อมใต้  อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ว่า มีชาวบ้านพบเต่า 6 ขา จึงไปตรวจสอบตามที่บ้านเลขที่ 12/2 ม.6 ต.คลองท่อมใต้ พบนายสุวิทย์ แก้วบุญ อายุ 54ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านวังหินเจ้าของบ้านซึ่งได้พาไปดูเต่าที่เลี้ยงไว้หน้าบ้าน เป็นเต่าขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร น้ำ หนักประมาณ 12 กิโลกรัม ไม่สามารถระบุเพศได้ โดยบริเวณด้านหลังของเต่านอกจากจะมีหางและขาปกติมี    อีก 2 ขาซ่อนไว้ระหว่างหางและขาทั้ง 2 ข้างรวมด้านหลังเต่าจะมีขา 4 ขา

นายสุวิทย์  กล่าวว่า เต่าตัวดังกล่าวใช้ขาด้านหลังปีนขึ้นที่สูงชัน โดยจะยื่นออกมา 4 ขาพร้อมกัน ซึ่งวันที่ 20 มีค ที่ผ่าน ได้ไปเที่ยวบ้านภรรยา ไปพบเต่าดังกล่าว พร้อมกับพบไข่ 7 ฟอง   ที่ต.เขาแดง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ที่ผ่านมาชาวบ้านไม่เคยพบเต่าลักษณะมานาน ซึ้งเต่าใกล้สูญพันธุ์ ส่วนใหญ่ถ้าชาวบ้านพบเต่าในลักษณะเดียวกันนี้ อยู่ริมภูเขาในเขตป่าที่เล็กกว่าตัวที่ตนจับได้ ก็จะนำไปฆ่าแกงและกินเป็นอาหาร เต่าชนิดนี้เป็นเต่าภูเขา ส่วนใหญ่จะอยู่ตามภูเขาในป่าใหญ่แถบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนกับภรรยาจึงคิดขอซื้อมาจากชาวบ้านในราคา 1,000 บ เพื่อนำกลับมาเลี้ยงที่บ้านกระบี่ เพื่อจะแจ้งให้ จนท.สวนสัตว์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเลี้ยงต่อ เพราะมีไข่ติดมา 7 ฟองมาด้วย เพื่อขยายพันธุ์ต่อไป และรอดพ้นจากที่ชาวบ้านจะนำเต่าตัวนี้ไปทำเป็นอาหาร และเป็นกุศลให้กับตน้องและครอบครัว  จึงขอฝากยังถึง จนท ที่เกี่ยวข้องให้นำเต่าดังกล่าวไปรับเลี้ยงดูต่อไป  



ส่วนเต่าชนิดนี้ ชาวบ้านมีความเชื่อว่า เป็นพญาเต่า ที่มีจำนวน 6 ขา ใครพบใครเห็นจะได้โชคได้ลาภ ต่างก็แวะมาดู พร้อมตีเลขสวยเลขเด็ดตามความเชื่อ


ภาพ/ข่าว : มโนธรรม  ใจหาญ  (กระบี่)

รมต.กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนในพื้นที่บ้านสุเหร่าสำลี ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีเพื่อเฝ้าระวังป้องกันและแลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่

วันที่ 24 มีนาคม 2564 เวลา 6.00 น.  นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานปล่อยแถวชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด ลดความเดือดร้อนของประชาชน “ชุมชนสีขาวสร้างสุข” ตามยโยบายรัฐบาล ณ ศาลาว่าการจังหวัดนนทบุรี  จากนั้นเวลา 7.30 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าที่ ร.ต. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์  เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายสุจินต์  ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และหน่วยงานภาคี ลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนในพื้นที่บ้านสุเหร่าสำลี ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 

ซึ่งเป็นพื้นที่เครือข่ายตามกองทุนแม่ของแผ่นดิน เป็นตำบลสีขาวในในด้านการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในชุมชนร่วมกันภายในชุมชน เพื่อเฝ้าระวังป้องกันและแลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ และเยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการปฏิบัติงานกับตัวแทนผู้นำชุมชนเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านยาเสพติดอย่างใกล้ชิดเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการปรับปรุงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพัฒนาในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อยากตรงประเด็น ชัดเจน พร้อมทั้งแถลงนโยบายการปฏิบัติการชุมชนสีขาวสร้างสุขครั้งที่1 / 2564 ในระหว่างวันที่ 17- 24 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา มีเป้าหมายในการปฎิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่รวมจำนวน 22 จังหวัดและเป้าหมายผู้ค้าผู้เสพจำนวน 379 ราย

นายสมศักดิ์กล่าวว่าหลังจากนี้สำนักงาน ป.ป.ส.จะกำหนดให้มีการปฎิบัติการ ”ชุมชนสีขาวสร้างสุข” อย่างต่อเนื่องเพื่อให้พี่น้องคนไทยปลอดภัยจากยาเสพติด และประชาชนมีความพอใจมีความเชื่อมั่นของการแก้ไขปัญหายาเสพติดจากรัฐบาล ดังนั้น หากประชาชนพบเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติดสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ป.ป.ส โทร 1386 โดยทุกข้อมูลของผู้แจ้งจะถูกเก็บเป็นความลับและได้รับการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วนตามนโยบายของภาครัฐ โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามผู้ค้าในพื้นที่แพร่ระบาด นำผู้เสพยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา เพื่อคืนคนดีสู่สังคมและให้สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด

ตำรวจน้ำสตูล ให้ความช่วยเหลือรับผู้ป่วยเส้นเลือดตีบเฉียบพลันกลางทะเล ส่งโรงพยาบาล

วันนี้ 24 มีนาคม 2564 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 เวลา 19.30 น. พ.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี  สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. ได้รับแจ้งเหตุว่ามีไต๋เรือประมง ร่างกายอ่อนแรงฉับพลับ ไม่สามารถขยับตัวได้ขณะนำเรือทำการประมงบริเวณเกาะกลาง  ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ต้องการให้รับตัวผู้ป่วยเพื่อรีบเข้าทำการรักษา  



จึงใด้สั่งการให้ ร.ต.ท.นราทร เทียมประทีป รอง สว.(ป.ทางน้ำ) ส.รน.3 ฯ พร้อมกำลัง รวม 3 นาย นำเรือตรวจการณ์ รน.28 พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย เดินทางไปรับผู้ป่วย ชื่อนายสุวรรณ ภู่หงษ์ อายุ 60 ปีอยู่บ้านเลขที่ 40/6 ม.8 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร มีอาการแขน ขา อ่อนแรง ซึ่งทำงานอยู่บนเรือประมงชื่อ สินประเสริฐ เดินทางมาจาก จ.ระนอง ทำการประมง ระหว่างเกาะอาดัง - เกาะตะรุเตาอ.เมือง จ.สตูล โดยรับตัวผู้ป่วย บริเวณ แลต 6°33'53.37" ลอง 99°51'14.91"  ได้นำผู้ป่วยส่งต่อ โรงพยาบาลสตูล


ภาพ/ข่าว : นิตยา แสงมณี  (ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล)

ททท.นำคณะสื่อมวลชนสำรวจวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ที่วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนบ้านทุ่งประดู่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำคณะสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ขึ้นรถแท็กซี่ชุมชน หรือรถซาเล้ง สำรวจแหล่งท่องเที่ยวและวิถีชีวิตชาวชุมชนทุ่งประดู่ ทั้งวิถีประมงและวิถีเกษตร เริ่มด้วยกิจกรรม “สปาทราย” หรือ “ห่มทราย” บริเวณหาดสน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชุมชนที่สืบทอดกันมาเพื่อเป็นการบำบัดความเครียด และยังขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย แถมทรายที่นี่ยังมีรุธาตุที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยดูดซับสารพิษ ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการเหน็บชาและอัมพฤกษ์ได้ด้วย

จากนั้นก็ไปตามเส้นทางเลียบชายทะเล แวะชมสตรีทอาร์ตและสะพานไม้ชายเลทับสะแก ที่เป็นสะพานปลาเก่าแก่สร้างยื่นออกไปในทะเลและมีแห่งเดียวในทะเลอ่าวไทย  ซึ่งได้กลายเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของอำเภอทับสะแก ต่อด้วยเยี่ยมชมสวนมะพร้าวลุงบูรณ์ ที่รวบรวมมะพร้าวทานสดไว้หลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะมะพร้าวนกคุ่ม ที่มีรสชาติน้ำหวาน หอม เนื้ออร่อย ผลเล็ก ต้นเตี้ย ออกลูกดก ทลายใหญ่  เมื่อทุกคนได้ชิม ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสมคำร่ำลือจริงๆ และได้ร่วมกันทำของที่ระลึกจากกะลามะพร้าวอีกด้วย


ภาพ/ข่าว : อโนทัย งานดี (พังงา)

ปปช.จัดอบรมเยาวชนเชิงวิชาการ โครงการ STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต สร้างเยาวชน Anti-corruption Young Leaders (ACYL)

วันที่ 23 มีนาคม 2564 เวลา 09.30 น. ที่หอประชุมอำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี “ นายจรัส คงเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด เป็นประธานเปิดโครงการ STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต สร้างเยาวชน Anti-corruption Young Leaders (ACYL) โดยมี นายณรงค์ชัย ภักดีณรงค์ชัย ประธานชมรม STRONG จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัดปราจีนบุรี เป็นผู้กล่าวรายงาน

โดยทางชมรม STRONG – จิตพอเพียง ต้านทุจริต จังหวัดปราจีนบุรี ได้บูรณาการความร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดปราจีนบุรี ดำเนินการจัดโครงการ STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัด ปราจีนบุรี กิจกรรม A3 สร้างเยาวชน Anti-corruption Young Leaders (ACYL)

ในปัจจุบันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประชาชนทุกคนมองว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาที่ไกลตัว และมีค่านิยมที่ผิดในการยอมทน ยอมเฉย จนกระทั่งชินชากับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งรัฐบาลและสำนักงาน ป.ป.ช. ได้พยายามสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต น้อมนำหลักปรัญชาของเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ทุกวันนี้เกิดกระแส การตื่นตัวของประชาชนต่อการทุจริตคอร์รัปชันมากขึ้น ให้ความสนใจต่อข่าวสารและตระหนักถึงผลกระทบของการทุจริตคอร์รัปชัน ที่มีต่อประเทศมากขึ้น มีการแสดงออกซึ่งการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งในชีวิตประจำวัน และการแสดงออกผ่านสื่อสาธารณะและสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ

ซึ่งการจัดกิจกรรมในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันการป้องกันการทุจริตเชิงรุก ด้วยการสร้างเสริมให้เยาวชนมีจิตพอเพียงต้านทุจริตด้วยกรอบ STRONG จนกระทั่งพัฒนาเป็นวัฒนธรรมต้านทุจริต ปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัว และผลประโยชน์ส่วนรวม รวมทั้งความอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพที่จะร่วมสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ปลูกฝังค่านิยมซื่อสัตย์สุจริตให้แก่ทุกคน ผ่านกระบวนการกิจกรรมการต่อต้านการทุจริต และเกิดการป้องปรามการทุจริตในชุมชน เพื่อจับตามอง ดูแลพื้นที่ การประกอบกิจการหรือการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลให้การทุจริตเกิดได้ยากมากขึ้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประเทศให้มีความโปร่งใส ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ

ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 พ.ศ.2560 – 2564 วิสัยทัศน์ "ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต" รูปแบบการจัดกิจกรรมในวันนี้ เป็นการอบรม เชิงปฏิบัติการ แก่เยาวชน Anti-corruption Young Leaders (ผู้นำเยาวชนต่อต้านการทุจริต) แบ่งกลุ่มทำกิจกรรมการมีส่วนร่วมจำนวน 5 กลุ่ม ในการกำหนดข้อเสนอแนะที่เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาการทุจริตในพื้นที่ อย่างน้อยกลุ่มละ 1 เรื่องกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย เยาวชน จากโรงเรียนประจันตราษฎรบำรุง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 - 6 จำนวน 100 คน และโค้ชกรรมการชมรมฯ สมาชิกชมรมฯ จำนวน 10 คน


กองบรรณาธิการข่าว รายงาน

ชาวบ้านงมหาหอยในคลอง ต้องตกใจพบ ‘ลูกระเบิด’ รีบแจ้งตำรวจ

ชาวบ้านออกงมหอยในคลอง งมขึ้นมาเป็นลูกระเบิดตกใจรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ศูนย์วิทยุเมืองนายกได้รับแจ้งเหตุมีชาวบ้านไปหางมหอยที่ลำคลอง แต่งมได้ลูกระเบิด บริเวณคลองบ้านขาม-วังไทรระหว่างหมู่ที่ 5 บ้านใหญ่เขตติดต่อกับหมูที่ 7 ตำบลเขาพระ  ตรงข้ามวัดบ้านข้าม

จึงรายงาน พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ คำมาตย์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้ระเบิด (อีโอดี )ไปยังที่เกิดเหตุพบลูกระเบิดถูกนำจากคลองมาวางไว้ที่ป่าหญ้าริมทาง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้ระเบิดได้เข้าตรวจสอบพบว่าเป็นลูกระเบิด กปรส. ขนาด 75 มม. ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ที่มีประสิทธิภาพแรงระเบิดระยะประมาณ 20 เมตร มีสภาพเก่าแต่ยังมีประสิทธิภาพอยู่ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดอีโอดีจึงได้นำลูกระเบิดชนิดนี้เข้าไปเก็บไว้ยังที่ปลอดภัยเพื่อรอการทำลายร้างต่อไป

จากการบอกเล่าของนางสาวสำรอง อยู่สุข อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ที่ 7 ตำบลเขาพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ได้มางมหอยในลำคลองหมู่ที่ 5 ตำบลบ้านใหญ่เขตติดต่อหมู่ที่ 7 ตำบลเขาพระ ได้มางมหอยแต่มาพบลูกระเบิดตกใจรีบนำขึ้นมาไว้ริมบ่อ เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ (นครนายก)

สส.เดชอิศม์ ทำสงครามบ่อทรายเถื่อน ประกาศจับตามกฎหมาย ไม่ยอมให้มีเจ้าพ่อเพื่อทำลายสิ่งแวดล้อม

ที่สำนักงานประสานงาน ผู้แทนราษฎรเขต 5 นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ ”นายกชาย” ได้มีการประชุม ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น  และประชาชน ในพื้นที่ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาคลองภูมี ซึ่งเป็นลำคลองขนาดใหญ่ ที่คนใน อ.รัตภูมิ และ ควนเนียง ใช้ประโยชน์ในการเกษตร  โดยคลองภูมี มีความยาว 65 กิโลเมตร  ต้นน้ำอยู่ที่ ต.เขาพระ อ.รัตภูมิ และไหลลงทะเลสาบสงขลาที่ อ.ควนเนียง โดยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา มีนายทุนดำเนินกิจการ ดูดทรายเถื่อนเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายให้กับคลองภูมี ทั้งในเรื่องของน้ำเสีย  ,ตะกอนดิน, ตลิ่งพัง และอื่น ๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับคนในพื้นที่และน้ำเสีย ตะกอนดินดังกล่าว ไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา ตื้นเขิน และน้ำเน่าเสีย

โดยนายเดชอิศม์ ได้มีการระดมความคิดเห็น จากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งในที่ประชุมได้เสนอความคิดเห็นอย่างหลากหลาย เพื่อที่จะทำให้กลับสู่สภาพเดิม โดยที่ไม่มีการทำลายด้วยการดูดทราย และการปล่อยน้ำเสียลงในลำคลอง และพัฒนาคลองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว การสร้างประโยชน์ร่วมให้คนที่อาศัยริมคลอง เพื่อร่วมกันดูแลอย่าให้ลำคลองถูกทำลาย รวมทั้งการตัดถนนริมคันคลองเพื่อง่ายในการดูแลการถูกบุกรุกและดูดทรายเถื่อน คลองภูมี มี”ธรรมนูญ” ที่ประกาศใช้ เพื่ออนุรักษ์ และมีกรรมการคณะต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว และแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาคือ ต้องนำ”ธรรมนูญ” ดังกล่าวมาใช้ และ กรรมการทุกคณะต้องร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยมี ท้องที่ ท้องถิ่น อบจ. และ สส.ให้การสนับสนุน

ซึ่งนายเดชอิศม์ฯ ได้ประกาศกับผู้อยู่ในห้องประชุมกว่า 100 คน ว่า จะดำเนินการตามกฎหมาย แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด สิ่งแวดล้อม และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เข้าไปตรวจสอบและจับกุม บ่อทรายเถื่อนทั้งหมด เพราะถ้าปล่อยไว้คลองภูมีต้องยับเยินกว่านี้  คนใน 2 อำเภอจะเดือดร้อนกว่านี้ “ผมไม่กลัวผู้มีอิทธิพล ที่ดูดทรายเถื่อน ผมไม่ยอมให้มีเจ้าพ่อเพื่อทำลายสิ่งแวดล้อม เจ้าพ่อต้องไปอยู่โคนต้นไทรเท่านั้น ไม่ใช่มาทำลายธรรมชาติ ทลายสิ่งแวดล้อม และทำร้ายประชาชนในเขตเลือกตั้งของผม” นายกชายประกาศในห้องประชุม

ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์  (หาดใหญ่ จ.สงขลา)

เจ้าคณะจังหวัดสั่งตรวจสอบพระสอนเสพกาม มอบเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะตำบลเข้าไปดูแล เผยคำสอนของหลวงตา ‘กรันยา’ ผิดเพี้ยน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า หลวงตากรันยา ถาวรธัมโม อายุ 59 ปี ประธานที่พักสงฆ์ วัดป่าเนื้อนาบุญ บ้านกอกหวาน ต.โพธิ์ศรี อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ได้แสดงธรรมในคลิปเสียงที่หลวงตาได้เทศนาเกี่ยวกับการเสพเมถุนว่า คุณจะมาจากไหนก็ตาม แต่เมื่อคุณมาทำตามกามเมื่อไหร่จะเกิดอะไร เกิดมรรคผลขึ้นทันที อนุโมทนาสาธุการ มีการฝึกปฏิบัติแบบสะเทินน้ำสะเทินบกดับวิญญาณ และอยากให้ผู้นำทุกระดับของประเทศเข้ามาฝึกปฏิบัติ  เมื่อสำเร็จแล้วจะเป็นอริยะบุคคล เมื่อผู้นำเป็นอริยะบุคคลแล้ว จะทำให้ประเทศชาติร่มเย็นเป็นสุขบ้านเมืองไม่เกิดความแตกแยกอีกต่อไป ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.64  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ที่พักสงฆ์วัดป่าเนื้อนาบุญ  บ้านกอกหวาน ต.โพธิ์ศรี อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ พบว่า มีบรรดาลูกศิษย์ที่ศรัทธาพากันเดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดอย่างต่อเนื่อง ทั้งลูกศิษย์ที่อยู่ในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และจากทั่วประเทศ  ต่างพากันสวมเสื้อสีรุ้งสีสันสดใสนั่งรับฟังการแสดงธรรมะจากหลวงตากรันยา ถาวรธัมโม ซึ่งบรรยากาศการแสดงธรรมเป็นไปอย่างสนุกสนาน ทำให้ลูกศิษย์ตั้งใจรับฟังการแสดงธรรมเป็นอย่างมาก ขณะที่ลูกศิษย์ส่วนหนึ่งพากันลงไปดำน้ำในถังพลาสติคขนาดใหญ่ โดยดำน้ำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานเพื่อต้องการให้บรรลุธรรมตามคำสอนของหลวงตากรันยา ที่ได้ให้แนวทางการปฏิบัติเอาไว้

ทางด้าน พระวินัยเมธี  เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธ.) กล่าวว่า จากการที่ได้รับทราบแนวทางการสอนของหลวงตากรันยา  ถาวรธัมโม แล้ว พบว่า ผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ทรงสอนเอาไว้ จึงได้สั่งตั้งเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะตำบลเข้าไปพูดคุยแล้ว  โดยทางฝ่ายสงฆ์ก็จะต้องเข้าไปดูว่า จะต้องวินิจฉัยด้านพระธรรมวินัยอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้เป็นกรอบในการทำงานต่อไปตามสั่งการ  ในด้านสังคมหลวงตากรันยาก็มีญาติพี่น้องอยู่ตรงนั้น ก็ให้เข้าไปพูดคุยเพื่อจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องในหลักการว่าผิดมากน้อยแค่ไหนและผิดกรอบทางวินัยสงฆ์หรือไม่  ในส่วนของตัวบุคคลนั้นท่านเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากหลักการ แต่ว่าในหลักการแล้วก็จะต้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนตามกระบวนการ จะได้ไม่เป็นข้อเสียหายทางด้านนี้อีกต่อไป จะไม่ใช้ความรู้สึกใด ๆ เข้าไปในการดำเนินการจะต้องทำตามหลักการให้ครบทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์  จากนั้น จะได้พิมพ์หนังสือแจ้งให้หลวงตากรันยาทราบ เป็นลายลักษณ์อักษรด้วย จึงจะเป็นการทำตามหลักการให้สมบูรณ์

ข่าว/ภาพ   บุญทัน  ธุศรีวรรณ  ศรีสะเกษ

ม.สงขลานครินทร์ ร่วมกับ ปปท.เขต 9 เสริมสร้างธรรมาภิบาลต่อต้านการทุจริตในภาครัฐ

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขต 9 (สำนักงาน ปปท.เขต 9) จัดโครงการเสริมสร้างธรรมาภิบาลต่อต้านการทุจริตในภาครัฐ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ 2564 เพื่อเตรียมพร้อมการรองรับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ประจำปี 2564 โดยมี ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นประธานเปิดงาน

นางประไพพรรณ รัตนะ ผู้อำนวยการกลุ่มงานป้องกันการทุจริตในภาครัฐ เขต 9 กล่าวรายงาน พันตำรวจเอกกษิดิศ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปท. เขต 9 เป็นวิทยากร ให้ความรู้เกี่ยวกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment ) (ITA) และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงการทุจริต และมีคณะผู้บริหาร และบุคลากร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จำนวน 100 คน เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมสยามออเรียนทัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 64

ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นในหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อส่วนรวมของประเทศ ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการพัฒนาประเทศแต่ละปีเป็นจำนวนมาก เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองในทุกมิติ และส่งผลให้คะแนนระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ติดต่อกันหลายปี รัฐบาลจึงมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาการทุจริตในระดับประเทศอย่างต่อเนื่องในทุกระดับ

ตั้งแต่การพัฒนากลไก มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้มีความเข้มแข็ง กำหนดเครื่องมือ กลไก และเป้าหมาย แนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน โดยให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 ซึ่งมุ่งเป้าหมายให้ทุกภาคส่วนในสังคมตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตตามบทบาทและหน้าที่ ตลอดจนมีการพัฒนาจิตสำนึกค่านิยมและจรรยาบรรณของเจ้าหน้าที่ในภาครัฐ

การอบรมในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จะได้ทราบถึงรูปแบบและวิธีการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นไปตามหลักธรรมมาภิบาล การพัฒนากระบวนงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม ตามหลักมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของสาธารณชน ตามหลักพื้นฐานการเป็นธรรมรัฐ (Good Governance) เพื่อพัฒนาก้าวไปสู่การปราศจากทุจริตคอรัปชั่น และการเสริมสร้างเครือข่ายภาครัฐทั้งในระดับองค์กรและตัวบุคคลให้เป็นกลไกเฝ้าระวัง ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในการต่อต้านการุจริตทุกรูปบบ รวมถึงมีการประสานความร่วมมือและการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2551 ต่อไป

ด้าน นางประไพพรรณ รัตนะ ผู้อำนวยการกลุ่มงานป้องกันการทุจริตในภาครัฐ เขต 9 กล่าวว่า การอบรมในครั้งนี้จัดขึ้นตามยุทธศาสตร์ชาติระยะเวลา 20 ปี ยุทธศาสตร์ที่ 6 ด้านการปรับความสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐยุทธศาสตร์ชาติที่ว่าด้วยการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 พ.ศ.2560-2564 เพื่อสร้างวัฒนธรรมการต่อต้านการทุจริต ยกระดับธรรมมาภิบาลในการบริหารจัดการทุกภาคส่วน และปฎิรูปกระบวนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตทั้งระบบให้มีมาตรฐานเท่าสากล โดยมีความสอดคล้องกับแผนปฎิบัติในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ สำนักงาน ป.ป.ท. ยุทธศาสตร์ที่ 2 ขับเคลื่อนการทำงานที่มีธรรมมาภิบาลในหน่วยงานภาครัฐ และยุทธศาสตร์ที่ 3 การบูรณาการที่มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการต่อต้านการทุจริต

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ สร้างค่านิยมและปลูกจิตสำนึกของเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีการปฏิบัติงานเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อนำบริการของรัฐที่มีคุณภาพไปสู่ประชาชนผู้รับบริการ ทำให้การบริการราชการมีความถูกต้อง โปร่งใส เป็นที่ยอมรับของสาธารณชน และบทบาทภารกิจของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่เป็นกลไกที่สำคัญของฝ่ายบริหารที่มีภารกิจหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตลอดจนการร่วมเป็นเครือข่ายภาครัฐในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในทุกรูปแบบ

เร่งตรวจสอบถ้ำโต๊ะหลวง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ แหล่งโบราณสถาน พบภาพเขียนสีโบราณ หลังพบกลุ่มนักขับวิบากนำจยย.ซิ่งในถ้ำ

เมื่อเวลา10.00 น.วันที่ 23 มี.ค.64   นายนายบัญชา ธนูอินทร์ นายอำเภออ่าวลึก จ.กระบี่  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่   พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและผู้นำท้องถิ่น  ได้ลงพื้นที่สำรวจถ้ำโต๊ะหลวง ม.2 บ้านนบ ต.คลองหิน อ.อ่าวลึก  จ.กระบี่  หลังรับแจ้งว่า มีกลุ่มขับจักรยานยนต์มอเตอร์ครอส  ขับรถเข้ามาแข่งกันในถ้ำ ซึ่งเป็นโบราณ   และมีการแชร์ในสังคมออนไลน์จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความไม่เหมาะสมและเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ

นายบัญชา  กล่าวว่า จากการตรวจสอบภายในถ้ำโต๊ะหลวง พบร่องรอยล้อรถจักรยายนต์มอเตอร์ครอสหรือรถวิบากจำนวนมาก ส่วนความเสียหายอื่น ๆ ยังอยุ่ระหว่างการสำรวจ ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง  ประสาน เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ซึ่งเป็นผู้ดูแลพื้นที่ที่ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน และจนท.ป่าไม้  เข้ามาตรวจสอบ และดำเนินการตามขึ้นตอนของกฎหมาย และให้จนท.นำป้ายเข้าพื้นที่มาติดตั้งไว้บริเวณปากถ้ำห้ามเข้าโดยเด็ดขาด เพื่อที่จะตรวจสอบร่องรอยความเสียหาย

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบคลิปที่มีการแชร์คลิปในโลกออนไลน์ พบว่ามีการขับมอเตอร์ครอสเข้าไปในถ้ำจำนวนประมาณ 10 คัน ขับรถจักรยายนต์ เข้าไปตามช่องแคบ ๆ ภายในโถงถ้ำโดยใช้เท้ายันตามเนินช่องทางเดินภายในถ้ำตลอดทาง และส่งเสียงโห่ร้องกันอย่างสนุกสนาน และมีรายงานว่ามีนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งร่วมในกลุ่มด้วย ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า กลุ่มขับรถวิบากดังกล่าว  เข้ามาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคมผ่านมา ใช้เวลาประมาณ 20 นาที  โดยพยายามยามขับรถผ่านโถงถ้ำแต่ ติดกิ่งไม้ จากนั้นก็พากันขับออกไป

ขณะที่นายวินิต พึ่งหล้า รอง ประธานสภาอบต.คลองหิน  กล่าวว่า เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนฐานะประธานชมรมเปตองตำบลคลองหิน จัดกิจกรรมรวมกลุ่มนักกีฬาประมาณ 50 ทีม ที่หน้าโรงเรียนบ้านคลองหินและเห็นกลุ่มขับรถจยย.วิบากขับผ่านมา แต่ตนก็ไม่ทราบว่าจะขับเข้ามาในถ้ำโต๊ะหลวง  ซึ่งที่ผ่านมาก็มีกลุ่มมวิบากขับเข้ามาบ่อย ส่วนใหญ่ตามสันเขาในสวนยางสวนปาล์มในพื้นที่  แต่คราวนี้มีการขับเข้าในพื้นที่แหล่งโบราณสถาน และไม่มีการแจ้งอบต.ในพื้นที่แต่อย่างใด  ซึ่งอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์  และขอฝากให้ช่วยกันดูแล เพราะถ้ำโต๊ะหลวงนอกจากเป็นแหล่งโบราณสถานแล้วยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวของตำบลคลองหินด้วย

นายนิวัฒน์ วัฒนยมนาพร กรรมการที่ปรึกษาหน่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดกระบี่  กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา  เบื้องต้นทราบว่ากลุ่มที่เป็นนักขับรถวิบาก เป็นกลุ่มคนในพื้นที่ จ.กระบี่ และ จ.ภูเก็ต มาจัดกิจกรรมขับรถเข้าไปในภายในถ้ำดังกล่าว ซึ่งถ้ำโต๊ะหลวง เป็นหนึ่งในโบราณสถานตามประกาศของกรมศิลปากร เรื่องรายชื่อโบราณสถานใน จ.กระบี่ ตามมาตรา 4 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 โดยถ้ำโต๊ะหลวง จัดอยู่ในลำดับที่ 35 ของโบราณสถาน ใน อ.อ่าวลึก  เป็นแหล่งค้นพบภาพเขียนสีโบราณ หรือเรียกอีกชื่อว่า เขาป่าหมาก ถูกประกาศไว้เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2559 โดยนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ในขณะนั้น

นายนิวัฒน์กล่าวอีกว่า การที่นำรถจักรยานยนต์เข้าไปขับขี่ หรือทดสอบรถ   ถือเป็นความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง   เพราะอาจจะสร้างความเสียหายแก่โบราณสถานได้ ควรจะมีจิตสำนึกให้มากว่านี้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง  ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เป็นแหล่งโบราณคดี แต่การที่เอารถเข้าไปขับขี่ในถ้ำนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะปัจจุบันมีพ.ร.บ.ถ้ำด้วย ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก....

ภาพ/ข่าว ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

พบอีก ไอซ์ ลอยทะเลตราด

ล่าสุด ( 22 มี.ค. 2564 ) เวลา ประมาณ 19.00 น.  นายสมศักดิ์  จุฑาวงศ์กุล  นายอำเภอเกาะกูด พร้อมด้วย ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ อส อำเภอเกาะกูด ร่วมกับผู้กำกับ รองผู้กำกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ  สถานีตำรวจภูธรอำเภอเกาะกูด กำนัน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ต.เกาะหมาก

เข้าตรวจยึดยาไอซ์ที่ลอยขึ้นมาติดที่ชายฝั่ง บ้านอ่าวโปง ตำบลเกาะหมาก อำเภอเกาะกูด เบื้องต้นตรวจสอบพบ ยาไอซ์จำนวนทั้งสิ้น 20 กิโลกรัม ทางฝ่ายปกครอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดำเนินการนำของกลางมาเก็บไว้ยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอเกาะกูด เพื่อดำเนินการต่อไป

สำหรับพื้นที่ จ.ตราด ก่อนหน้าที่ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ ยาไอซ์ ลอยทะเลตราด ลอยเข้าหลายจุดด้วยกันไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เกาะช้าง และพื้นที่เขตอำเภอเมือง ในพื้นที่ ต.แหลมกลัด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยาไอซ์ลอยทะเล ลอยเข้ามามากที่สุดของเขตอำเภอเมือง เมื่อช่วงต้นปี 63 ที่ผ่านมา สำหรับยาไอซ์ลอยทะเล ล็อตนี้ยังไม่สามารถคาดเดาว่าเป็นยาไอซ์ล็อตเดียวกับเมื่อปี 63 ที่ลอยทะเลหรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดได้กว่า 700 กิโลกรัม ในปี 63 ที่ผ่านมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top