Sunday, 8 June 2025
SPECIAL

ยะลา - เจ้าหน้าที่ตำรวจ ป่าไม้ อส. สนธิกำลังจับชายบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเบตง ปลูกผลไม้ ได้พร้อมของกลาง หลังรับแจ้งจากชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 8 เม.ย.64 นายฟูอาดี แตปูซู หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.4 (บ่อน้ำร้อน-จันทรัตน์) สั่งการให้ นายภพ สิงห์สุวรรณ พนักงานพิทักษ์ป่า ส.3 ประสานนายพิชัย แก้วจำรัส ปลัดงานป้องกัน พ.ต.ต. มานพ ดำแดง สว.สส.สภ.เบตง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อส. ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับป่าไม้ หลังได้รับแจ้งขากชาวบ้านว่า ที่บ้านกงสี 8 สวนแป๊ะหลิม ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย มีการลักลอบบุกรุกถางป่าต้นน้ำเพื่อทำสวนปลูกผลไม้

เจ้าหน้าที่ได้วางแผน ขี่รถจักรยานยนต์ไปตามทางลูกรัง ผ่านสวนผลไม้ สวนยางของชาวบ้านจนสุดทาง จากนั้นได้เดินเท้าเข้าไปยังจุดที่ได้รับแจ้ง พบว่าป่าต้นน้ำถูกบุกรุกแผ้วถาง ตัดต้นไม้ขนาดกลางและขนาดเล็ก และได้ปลูกต้นทุเรียน ซึ่งป่าต้นน้ำอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเบตง บริเวณดังกล่าวยังพบนายอับดุลเลาะ แกแซแอ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 หมู่6 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา และพบของกลาง จอบ 2 เล่ม มีดพกพร้อมปลอก 1 เล่ม เจ้าหน้าที่ตรวจวัดพื้นที่ซึ่งถูกบุกรุก เป็นเนื้อที่จำนวน 6 ไร่ 3 งาน 35 ตารางวา ส่วนค่าเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องประสานเจ้าหน้าที่ประเมินมูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม มาประเมินค่าเสียหาย

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ตาม พรบ ป่าสงวนแห่งชาติ พุทธศักราช 2507 มาตรา14 ห้ามบุคคลใดยึดถือครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่าหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ และข้อหา พรบ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พุทธศักราช 2535 มาตรา 97 ผู้ใดกระทำผิดหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใด โดยชอบกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือสูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐ หรือสาธารณะสมบัติแผ่นดิน มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายสูญหายหรือเสียหายไปนั้น พร้อมทั้งนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เบตง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ยโสธร – อำเภอกุดชุม เตรียมความพร้อมเพื่อรับอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์

8 เมษายน 2564 เวลา 09.30 น ที่อาคารแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลกุดชุม อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร นายดุสิต สุทธิประภา ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายบริหารงานปกครองอำเภอกุดชุม ปฏิบัติราชการแทน นายอำเภอกุดชุม เป็นประธานเปิด โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรองรับอุบัติเหตุบนท้องถนน อำเภอกุดชุม ประจำปีงบประมาณ 2564

ในการนี้แพทย์หญิงนันทิยา เข็มเพชร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกุดชุม กล่าวว่าสืบเนื่องจากอุบัติเหตุหมู่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด หรือเตรียมตัวมาก่อนเมื่อมีเหตุ เกิดขึ้นจึงทำให้ผู้ป่วยและญาติ มีความคาดหวังสูงในการบริการ ต้องการให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ถูกต้องและปลอดภัย รอดชีวิตและพ้นจากความพิการ ทางอุบัติเหตุ งานอุบัติเหตุเป็นงานแรกและศูนย์กลางที่ต้องเตรียมตัวรับและให้การบริการผู้ป่วยผู้บาดเจ็บต้องอาศัยความรวดเร็วถูกต้องและทันท่วงที

นอกจากจะให้บริการผู้ป่วยและญาติแล้วยังต้องประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมสถานการณ์ให้พร้อมบริการต้องจัดผู้ป่วยฉุกเฉินให้เหมาะสมทั้งในด้านบุคลากรและอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ให้พร้อมเพื่อตอบสนองผู้ป่วยและญาติได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องปลอดภัยมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหมู่หรืออุบัติเหตุกลุ่มชนได้รับบริการและช่วยเหลือในทันท่วงที เป็นวัตถุประ​สง​ค์หลักในการในการช่วยเหลอประชาชนในช่วงเทศกาล​สงกรานต์​มีผู้เข้าร่วม​ประชุม​เป็น​บุคลากร​โรงพยาบาล​กุดชุม ​/ บุคลากร​หน่วยกู้​ชีพ / เจ้าหน้าที่​ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกุดชุม​รวมทั้งสิ้น 150​  คน


ภาพ/ข่าว  พลากร​ แก้ว​ขวัญข้า​ รายงาน 

พังงา - เฮ...ผู้ว่าตั้งเป้าฉีดวัคซีน 65-70% ในเดือนมิถุนายน พร้อมเปิดรับการท่องเที่ยว 1 ตุลาคมนี้

วันที่ 8 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดพังงา นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพังงา โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามประเมินสถานการณ์ เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาได้กำชับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เน้นย้ำให้ทุกอำเภอเข้มงวดดูแลทุกสถานที่เสี่ยงต่าง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะแหล่งที่มีคนรวมตัวกันจำนวนมาก อสม.ยังคงเข้า SCAN ตรวจสอบถึงหน้าบ้าน และให้ผู้ที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงเข้ามาในจังหวัดพังงาจะต้องรายงานตัวกับพื้นที่ ในส่วนของวัคซีนล็อตแรกจำนวน 10,000 โดส จะฉีดเข็มแรกให้กลุ่มเป้าหมายเสร็จในวันที่9 เมษายน และมีข่าวดีว่าจังหวัดพังงาได้รับการจัดสรรวัคซีนล็อตที่2 ฉีดให้กับประชาชนร้อยละ65-70 ภายในเดือนมิถุนายนนี้ และพร้อมเปิดจังหวัดรับการท่องเที่ยวในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า จากการที่มีประชาชนติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นและมีแนวโน้มจะแพร่ระบาดไปอีกหลายจังหวัด จำเป็นที่สุดที่ทุก ๆ คนจะต้องปฏิบัติตนตามมาตรการ DMHTT ภาครัฐจะดูแลพื้นที่ควบคู่กันไป ที่สำคัญการป้องกันตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในขณะนี้อย่าได้ละเลยหรือประมาท สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยและมีติดตัวไว้เสมอ การจัดกิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ต้องเป็นไปตามที่ ศบค.กำหนดเท่านั้น สำหรับวัคซีนในล็อตที่ 2 รัฐบาลได้ทำการจัดสรรให้จังหวัดพังงาครอบคลุมประชาชน 130,000-140,000 คน เพื่อทำการฉีดให้ประชาชนจังหวัดพังงากว่าครึ่งจังหวัดจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่มากที่สุด สำหรับสถานที่ฉีดได้มอบหมายให้หน่วยงานสาธารณสุขและทางอำเภอทุกแห่งพิจารณาจัดเตรียมสถานที่ ซึ่งจะต้องอยู่ไม่ไกลจากสถานพยาบาล เพราะหากพบว่ามีคนไหนที่มีอาการแพ้วัคซีนอย่างรุนแรงจะถูกนำตัวส่งไปโรงพยาบาลได้อย่างทันท่วงที ส่วนพื้นที่อำเภอไหนที่เป็นเกาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดเตรียมเรือเร็วในการเดินทางทางน้ำต่อไป โดยภายหลังจากการที่ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว คาดว่าจะเปิดจังหวัดรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1ตุลาคม 2564 นี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาก็ได้รับวัคซีนแล้วประกอบกับจังหวัดพังงาเองมีภูมิคุ้มกันหมู่อีกด้วย จะทำให้เกิดการเดินหน้าของเศรษฐกิจการค้าขายในทุกระดับได้


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี

นครราชสีมา - ศูนย์อนามัยที่ 9 จับมือเครือข่าย เปิดเมืองปลอดภัย จัดงาน KORAT MICE มั่นใจ ด้วยมาตรฐาน

วันที่ 8 เมษายน 2564  ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา ร่วมกับ จังหวัดนครราชสีมา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา จัดงาน “เปิดเมืองปลอดภัย  จัดงาน KORAT MICE  มั่นใจ ด้วยมาตรฐาน” อาหารปลอดภัย ห่างไกลโควิด พิชิต PM2.5  โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน  นพ.ประสาน ชัยวิรัตนะ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 9 กล่าวรายงาน  ร่วมด้วย นายบรรจง กิติรัตน์ตระการ ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9   ,ผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา  หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่  ศูนย์ส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการจังหวัดนครราชสีมา (NCEP) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานศึกษา รวมกว่า 200 คน ณ ห้องนกยูง รร.เซ็นเตอร์พอยท์ เทอมินอล 21 โคราช

จากวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบ เกิดภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเป็นที่มาที่หน่วยงานทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ท้องถิ่นและภาคเอกชน จับมือกันร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่กับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ภายใต้นโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุล ระหว่างมิติสาธารณสุขกับมิติทางเศรษฐกิจและสังคม จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดทางภาคอีสาน ที่ใหญ่ที่สุดของไทย เป็นเมืองที่น่าสนใจ ในด้านธุรกิจการจัดประชุม และงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ ซึ่งมีความเหมาะกับการเป็นเมืองไมซ์

เมืองไมซ์ หรือ MICE City  เป็นเมืองที่มีความพร้อมและศักยภาพในการเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อรองรับการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจไมซ์ใน 4 กิจกรรมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ MEETINGS  การประชุม โดยอาจจัดประชุมระดับภูมิภาค ระดับชาติหรือระดับนานาชาติ INCENTIVES TRAVEL การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล เช่น งานเลี้ยง กิจกรรมสันทนาการ รวมถึงกิจกรรม CSR ซึ่งมีการกำหนดที่พัก โปรแกรมท่องเที่ยว วางแผนกิจกรรมต่างๆ ไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจน CONVENTIONS การประชุมขนาดใหญ่ใช้เวลาหลายวันและมีผู้เข้าร่วมหลายร้อยหรือหลายพันคนจากทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นการจัดของสมาคมในระดับนานาชาติ และ EXHIBITIONS เป็นงานแสดงสินค้า และนิทรรศการ รวมไปถึงงาน Trade Show, Trade Fair, Trade Expo และงาน Mega Event

ทั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งผู้ประกอบการในระบบนิเวศน์ไมซ์ การจัดประชุม งานแสดงสินค้า และอีเวนท์ เทศกาล ไปจนถึงกิจกรรมรองรับการเดินทางการท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร ตลาด โรงแรมที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว การเดินทาง และธุรกิจต่าง ๆ  โดยมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานสุขอนามัยของสถานประกอบการและกิจการอย่างเป็นระบบ รวมทั้ง กลไกกำกับดูแลแบบบูรณาการ เพื่อร่วมกันสร้างมาตรฐาน เกิดการขับเคลื่อนทั้งระบบอย่างปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่จัดงาน ซึ่งจะนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่  โดยสถานประกอบกิจการ/กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง ที่พัก และการท่องเที่ยวทุกแห่งในจังหวัดต้องประเมินตนเองเพื่อให้ได้การรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ทั้งมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย (TMVS) มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) และ มาตรฐาน Thai Stop COVID Plus  อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  วิลัยพร  อุ่มพิมาย  

ขอนแก่น - ผู้ว่าฯขอนแก่นย้ำชัด ใครเดินทางมาจาก 5 จังหวัดพื้นที่เสี่ยง ต้องรายงานตัวและกักตัวที่บ้าน 14 วันทันที โดยไม่มีละเว้น

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 เม.ย. 2564 นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อและห่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้เฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด ซึ่งขณะนี้ผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ของจังหวัดยังสะสมอยู่ที่ 16 ราย โดยรวมอาการดีขึ้นตามลำดับ ในส่วนของข่าวลือต่าง ๆ ที่ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มในพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่นนั้น ขอให้ประชาชนรับทราบข้อมูลจากทางจังหวัดเท่านั้นเพื่อให้เป็นข้อมูลที่ไปในทิศทางเดียวกัน ขณะนี้ยังไม่มีรายงานยืนยันจากทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด หากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มทางจังหวัดจะมีการแถลงข่าวให้ทราบทันที

"คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่นยังได้ออกประกาศฉบับที่ 30 สั่งงดการจัดคอนเสิร์ตทุกพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอของจังหวัด พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดขอนแก่นที่มาจากพื้นที่เสี่ยงทั้ง 5 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานครฯ, ปทุมธานี,นนทบุรี, สมุทรปราการ และ นครปฐม โดยในส่วนของ กรุงเทพฯ นั้น ก็จะแยกเป็นเขตพื้นที่เสี่ยงต่ำเสี่ยงสูง โดยที่เขตทองหล่อนั้นถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง ในส่วนเขตอื่น ๆ ที่ไม่ปรากฏผู้ติดเชื้อก็ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงต่ำ แต่ทั้งนี้ทุกคนที่เดินทางเข้ามาที่จังหวัดจะต้องทำการสแกนคิวอาร์โค้ดของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น เพื่อรายงานตัวและใน 5 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงดังกล่าวจะต้องทำการกักตัว 14 วันที่บ้านตัวเองทันทีโดยไม่มีการละเว้น ส่วนประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่อื่น ๆ เมื่อกลับเข้าที่พักอาศัยให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานในพื้นที่ คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อสม. และ อบต.ในแต่ละพื้นที่ที่อาศัยอยู่ทั้งหมด เพื่อเป็นไปตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19มาตรฐานปลอดภัยสูงสุด ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่าจะมีประชาชนที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงสูงเข้ามายังพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดและขอเข้ารับการกักตัวทั้งหมดแล้ว"

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของการเดินทางออกนอกพื้นที่นั้นทางจังหวัดไม่ได้มีการห้ามแต่อย่างใด ทุกคนยังใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ขอให้ทุกคนช่วยกันตั้งการณ์ดให้สูง การ์ดอย่าตก สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ และพกติดตัวไว้ เว้นระยะห่างทางสังคม 1-2 เมตร หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงที่มีคนรวมตัวกันเยอะ ๆ และสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะในทุกสถานที่ที่เดินทางไป เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพ และขอให้ทุกคนอย่าตระหนกจนเกินไป ขอให้เชื่อมั่น และปฏิบัติตามประกาศในการดำเนินการของทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

เชียงราย - เข้มรับมือสงกรานต์ ป้องกันอุบัติเหตุและอาชญากรรม

เวลา 19.45 น.วันที่ 7 เม.ย. 64  พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้เดินทางตรวจ จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์นางแล สภ.บ้านดู่ ตามนโยบายของ รัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นการอกนวยความสะดวกในการใช้รถใช้ถนนให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมไปถึงดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่เดินทางกลับมาจากต่างจังหวัด โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด

โดยได้เน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ ให้ปฏิบัติด้วยความสุภาพ เรียบร้อย ในการให้บริการต่อพี่น้องประชาชน เน้นบริการและอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทางและดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่เดินทางกลับต่างจังหวัดและเข้ามาในพื้นที่ เพิ่มความเข้มในการตรวจเฝ้าระวัง  สืบสวน และจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง  แรงงานต่างด้าว ทั้งขาเข้าและขาออก ที่จะมีผลกระทบต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้อุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น หน้ากาก, ถุงมือ โดยเคร่งครัดเพื่อป้องกันการติดต่อโรคโควิด-19  การตั้งด่านห้ามมีการเรียกรับผลประโยชน์โดยเด็ดขาด  การปฏิบัติหน้าที่ให้แต่งกายให้ถูกต้องตามระเบียบ ทั้ง เสื้อผ้า ทรงผม การพกพาอาวุธและเครื่องมือสื่อสาร การตั้งจุดตรวจฯ ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดทั้งรูปแบบและอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

มหัศจรรย์เด็กไทยสร้างชื่อ!! 'พลอย พิชามญชุ์' ได้รับการตอบรับเข้าเรียน จากสองมหาวิทยาลัยระดับโลก อย่าง Massachusetts Institute of Technology (MIT) และ Harvard University

การอบรมบ่มเพาะจากครอบครัวคุณพ่อคุณแม่เป็นหมอ ที่มองเห็นศักยภาพความเป็นเลิศทางวิชาการและสนับสนุนสาวน้อยมหัศจรรย์ ‘พลอย พิชามญชุ์ อัศวผดุงสิทธิ์’ มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในวันนี้เธอประสบความสำเร็จไปอีกขั้น สร้างความภาคภูมิใจ และชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

เมื่อน้องพลอย ได้รับการตอบรับเข้าเรียน จากทั้งสองมหาวิทยาลัยระดับโลก อย่าง Massachusetts Institute of Technology (MIT) และ Harvard University

ล่าสุด ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณแม่ของน้องพลอย เปิดเผยว่า น้องพลอยตัดสินใจเลือกศึกษาต่อที่ Harvard University

ย้อนกลับไป น้องพลอยมีประวัติการเรียนที่น่าทึ่ง รางวัลการแข่งขันที่สร้างชื่อมากมาย รวมทั้งการร่วมกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย!

ประวัติการศึกษา

- จบชั้นม.6 ปีการศึกษา 2562 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษทางคณิตศาสตร์ (Gifted Math) โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา GPA 4.00

- ปัจจุบันน้องพลอยเป็นนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง (สายวิทย์) ประจำปี 2563 โดยได้รับการตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยจาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) นอกจากนี้ยังได้รับการตอบรับจากอีกแห่ง คือ Harvard University

ซึ่งในปีนี้ถูกจัดอันดับโดย QS World University Rankings 2021 ให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลกอีกด้วย

ทั้งนี้ Harvard และ MIT ในปีแรกยังไม่เลือกสาขา จะเลือกตอนปี 2 โดยสาขาที่น้องพลอยมีความสนใจ คือ

- Biochemical Engineering

- Data Science

รางวัลการแข่งขัน

- เหรียญทอง เคมีโอลิมปิกระดับนานาชาติ (International Chemistry Olympiad: 51st IChO)

- เหรียญเงิน เคมีโอลิมปิกระดับนานาชาติ (International Chemistry Olympiad: 50th IChO)

- เหรียญเงิน วิทยาศาสตร์โอลิมปิก ระดับม.ต้น (International Junior Science Olympiad: 13th IJSO)

- เหรียญทอง วิทยาศาตร์โอลิมปิกระดับประถมปลาย (International Mathematics and Science Olympiad for Primary School: 11th IMSO)

กิจกรรมสาธารณประโยชน์

- โครงการดูแลดวงใจนักรบเสื้อกาวน์ คอร์สออนไลน์เคมีเฉลยข้อสอบ 9 วิชาสามัญ ฟรีเพื่อลูกบุคลากรในโรงพยาบาล และระดมทุนเพื่อแจกข้าวสารกับไข่ไก่ ร่วมมือกับอบจ. แจกให้กับผู้ประสบภัยโควิด อ.เมือง และ อ.หัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช

- โครงการเตียงลอยน้ำจากขยะพลาสติกเพื่อผู้ป่วยติดเตียง ประกอบเตียงลอยน้ำจากตะกร้าพลาสติกและขวดพลาสติกเหลือใช้ นำไปบริจาคแก่ 5 ครัวเรือนในตำบลปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งประสบอุทกภัยบ่อยครั้งจากมรสุมและจากทะเลหนุน

โอกาสนี้ THE STUDY TIMES ต้องขอแสดงความยินดีกับน้องพลอยและครอบครัวด้วยนะคะ เก่งมาก ๆ เลย


สามารถติดตาม รับชมบทสัมภาษณ์ของน้องพลอย ได้ในรายการ Click on Clever EP.6 ที่ช่อง THE STUDY TIMES https://youtu.be/8uOadDRSQ-k

บึงกาฬ - กกล.สุรศักดิ์ฯบูรณาการ ไล่จับเรือบรรทุกยาเสพติดหนีพลิกคว่ำกลางโขง

กองกำลังสุรศุกดิ์มนตรี บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) โดย ร้อย.ฉก.ทพ.2106 ฉก.ทพ.21 ร่วมกับหลายฝ่ายดักซุ่มริมน้ำโขงพบเรือต้องสงสัย 2 ลำติดเครื่องยนต์วิ่งข้ามน้ำโขงมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเข้ามาจอดริมตลิ่งฝั่งไทย จึงได้ส่งสัญญาเพื่อตรวจค้น แต่เรือทั้ง 2 ลำได้รีบขับแล่นหนีจะข้ามน้ำโขงกลับไป เรือลำหนึ่งได้เฉียวชนกับโขดหินที่น้ำโขงกำลังลดมาก ทำให้เรือพลิกคว่ำสิ่งของในเรือกระจายไหลตามน้ำไป รุ่งเช้า จนท.ออกเคลี่ยร์พื้นที่พบยาเสพติดทั้งยาบ้าและไอซ์จำนวนมาก

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 เม.ย.ที่หน้าศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ นายวราดิศร อ่อนนุช ปลัดจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับ พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่13 และรองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พ.ต.อ.สุกฤษณ์ ข้อร่วมคิด ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.ดาบทอง อุภัยพรม ผกก.สภ.ปากคาด พ.ต.อ.วิชยานนท์ นิติกุล ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ หน่วยเรือ นรข.บึงกาฬ  ฝ่ายปกครองอำเภอบึงกาฬและปากคาด แถลงผลการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ได้ จำนวน 1,345,540 เม็ด และยาไอซ์ 62 กิโลกรัม รวมมูลค่าของกลางทั้งสิ้น 122,643,200 บาท หลังทหาร ตำรวจ นรข.และฝ่ายปกครอง ร่วมกันตรวจยึดได้ริมแม่น้ำโขงในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ

ทั้งนี้จากการสืบทราบของ พ.อ.มงคล ห่อทอง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่13 และรองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดข้ามน้ำโขงเข้ามาส่งมอบให้กับกลุ่มผู้ค้าชาวไทยจำนวนมาก ที่บริเวณริมน้ำโขงบ้านเวินโดน หมู่ 8 ต.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ หลังจากทางภาคเหนือมีการสู้รบกันระหว่างทหารพม่าและกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ทำให้การขนย้ายยาเสพติดเข้าไทยยากลำบาก จึงหันมาทะลักส่งเข้าไทยทางภาคอีสาน ดังนั้น ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงต่อ กกล.สุรศักดิ์มนตรี เฝ้าระวังตรวจเข้มตามแนวชายแดนริมน้ำโขง กระทั่งเวลาประมาณ 04.30 น.เช้านี้ ร.ท.บุญทัน นกกระโทก ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2106 หน่วยเฉพาะกิจ ทพ.21 ได้บูรณาการร่วมกับ หน่วยเรือ นรช.รัตนวาปีและ นรข.บึงกาฬ ตร.ชุดสืบสวน สภ.ปากคาด ตร.กก.สืบสวน ภ.จว.บีงกาฬ ชุดสืบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ตชด.244 บึงกาฬ และปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอปากคาดและอำเภอบึงกาฬ ร่วมกันลาดตระเวนทั้งบนบกและในแม่น้ำโขง เวลาดังกล่าวขณะชุดลาดตระเวนในน้ำโขงสังเกตเห็นเรือหาปลาติดเครื่องยนต์ 2 ลำแล่นข้ามน้ำโขงมาจอดใกล้ริมตลิ่ง จึงแสดงตัวขอตรวจค้น คนขับเรือพร้อมผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยกันประมาณลำละ 3 คน เห็นท่าไม่ดีจึงได้ขับเรือเร่งเครื่องยนต์หลบหนีอย่างรวดเร็วทันที แต่เรือ 1 ใน 2 ลำเกิดแล่นพลาดท่าไปชนโขดหินห่างออกไป 150 เมตรซึ่งน้ำโขงเริ่มลดลงทุกวัน ทำให้เรือพลิกคว่ำทั้งคนและสิ่งของตกน้ำไปด้วย แต่เรืออีกลำคนขับก็แล่นวนกลับมารับเพื่อนขึ้นเรือกลับไปด้วย แต่ จนท.ก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้าเคลียร์พื้นที่ เนื่องจากยังมืดค่ำอยู่เกรงจะได้รับอันตราย

และเช้าวันนี้ได้ร่วมกันออกลาดตะเวนตามลำแม่น้ำโขง พบกระสอบปุ๋ยสีขาวขนาดใหญ่จำนวน 2 กระสอบ ลอยเข้ามาติดริมฝั่งโขง ในพื้นที่บ้านเวินโดน ต.ปากคาด อ.ปากคาด เป็นยาบ้า 570,000 เม็ดและไอซ์ 62 กิโลกรัม ที่บ้านต้าย ต.นากั้ง อ.ปากคาด  1 กระสอบและกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พบอีก 1 กระสอบที่บริเวณลำน้ำโขง ปากห้วยหนองมุม บ้านท่าสุขสันต์ ต.ปากคาด นับยาบ้าได้ 380,000 เม็ด ค่าสุดตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด สภ.เมืองบึงกาฬ ฝ่ายปกครองมีกำนันตำบลไคสี หมู่ที่ 2 ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ พบกระสอบปุ๋ยลอยมาติดอยู่บริเวณริมน้ำโขง ปากห้วยผาคาง อีก 1 กระสอบยาบ้า 391,540 เม็ด

ช่วงหัวค่ำก่อนหน้านี้ น.ต.วชิรวิทย์ ใจสัตย์ หน.สน.เรือบึงกาฬ ร่วมกับพวกออกลาดตระเวนบนถนสาย 212 บึงกาฬ-ปากคาด พบชายต้องสงสัยขี่รถมอเตอร์ไซค์ ยี่ห้อ ฮอนด้าโซนิค ทะเบียน 1 กฉ 1166 สุพรรณบุรี ขี่รถจอดอยู่บริเวณ หลักกิโลเมตรที่ 105  ท้องที่บ้านโนนยาง  ต..หอคำ  อ.เมืองบึงกาฬ  จึงยึดรถเพื่อสอบถาม แต่ชายคนดังกล่าวได้ทิ้งรถ จยย.วิ่งหลบหนีฝ่าความมืดไปได้ เข้าตรวจสอบพบยาบ้า จำนวน 4,000 เม็ดวางอยู่ข้างหลักกิโลเมตรจึงทำการตรวจยึด จึงรวมกันนำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน รวมของกลางยาบ้า 4 รายการ จำนวน 1,345,540 เม็ด มูลค่า 107,643,200 บาท และไอซ์ 62 กิโลกรัม มูลค่า 15,000,000 บาท รวมมูลค่าของกลางทั้งสิ้น 122,643,200 บาท นำของกลางส่ง พงส.สภ.ปากคาดและสภ.บึงกาฬ สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์

ราชบุรี - เปิดเมนูสุดซิค ธรรมชาติเย็น ท่ามกลางบรรยากาศริมธาร ในอำเภอสวนผึ้ง

เปิดเมนูสุดซิค “ธรรมชาติเย็น” กับ “เลมอนชีท” ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติติดริมธาร จากร้าน ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe ที่อำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี จุดเช็คอินท่องเที่ยวของอำเภอสวนผึ้ง

(7 เม.ย.64) พาไปกันที่ร้าน ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe ตั้งอยู่ริมธารน้ำ ใน ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างตลาดโอ๊ะป่อย กับ เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม รีสอร์ท สวนผึ้ง แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และเป็นจุดแลนมาร์คแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย

ร้าน ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe เป็นร้านกาแฟที่อยู่กลางธรรมชาติแบบสุด ๆ โดยเจ้าของร้าน “คุณเป้” สาวชาวราชบุรีนักเรียนนอก ที่บินกลับมาอยู่บ้านที่ประเทศไทยเนื่องจากสถานการณ์โควิด “ธรรมชาติ คาเฟ่” เกิดจากความตั้งใจที่อยากจะให้ลูกค้าได้ดื่มกาแฟรสชาติที่ดีได้สัมผัสบรรยากาศที่ดีอีกมุมของสวนผึ้ง ซึ่งเป็นจุดเด่นของ อ.สวนผึ้ง คือ “ภูเขาและลำธาร”

โดยพื้นที่ของร้านทั้งหมด เป็นที่เซลฟี่ และ นั่งพักผ่อนเพื่อเป็นการผ่อนคลายหลังจากที่ต้องเดินทางมาไกลจากต่างจังหวัด จุดเด่นของที่ร้าน คือ ต้นสน 2 ต้นที่จะมีลำต้นเอนเอียงเพื่อรับแดด จากการที่ต้นสนอยู่รายล้อมไปด้วยต้นใหญ่ที่ขึ้นปกคลุม จึงได้นำมาเป็นโลโก้ ของ ร้านธรรมชาติ คาเฟ่ นอกจากนี้ที่บริเวณริมธาร ได้มีการตกแต่งด้วยไม้ไผ่ และ มีต้นกอไผ่ขึ้นสูงใหญ่ให้นักท่องเที่ยวได้เซลฟี่ และนั่งพักผ่อน ชิมอาหาร เมนูเด็ด พร้อมเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านที่มีให้เลือกกว่า 50 เมนู และมีที่นั่งหลายมุม หรือจะลองถ่อแพบนน้ำใส ๆ ไหลเย็นสบาย ๆ

น.ส.นฤมล ศรีสวัสดิ์ อายุ 20 หรือ น้องเวิร์ค บาริสต้าประจำร้าน ร้านจะมีจุดเด่นอยู่ที่ความเป็นธรรมชาติ เรียบง่าย และได้รับความร่มรื่นจากร่มไม้ กลิ่นอายความบริสุทธิ์ทั้งสายน้ำจากลำธาร และ เสียงไผ่กระทบกันเวลาที่มีลมพัดทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน “ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe”

เมนูเครื่องดื่มของทางร้านมีให้เลือกหลากหลายเมนูทั้งเมนูร้อน และ เย็น อาทิ Espresso, Americano, Honey Americano, Orange Americano, Cappuccino หรือ Latte ราคาเริ่มต้นที่ 60 – 90 บาท ส่วนเมนู ปั่น 80 – 100 บาท

สำหรับ Special Menu หรือ เมนูซิกเนเจอร์ เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า เมนูแรก “ Tham•ma•chart ” เป็นเครื่องดื่มเมนูกาแฟ ที่ใช้เยลลี่สตอเบอร์รี่ วางที่ก้นแก้ว เทด้วยนมสด จากนั้นเท กาแฟที่เชคด้วยความเย็น รสชาติของกาแฟจะกลมกล่อม ราคาแก้วละ 90 บาท

เมนูที่ 2 คือ “ Tham•ma•chart Smoothie ” เป็นเครื่องดื่มเมนู ที่นำ สตอเบอร์รี่ โกโก้ ช็อคชิพ ปั่นรวมกัน แต่งหน้าด้วยวิปครีม แกโนล่า ราคาแก้วละ 120 บาท

ส่วนเมนูที่ 3 คือ Choco Mint เป็นมนูนมชาเขียว ที่ผสมกับโกโก้แท้ 100% รสชาติจะหอมหวานโกโก้ แบบธรรมชาติลงตัว ราคาแก้วละ 80 บาท

นอกจากนี้ยังมี เมนูของหวาน อาธิ ขนม “คานาเล่” เป็นขนมฝรั่งเศสทานคู่กับกาแฟสด จุดเด่นคือสีของขนมจะเข้มทั้งชิ้น ด้านนอกกรอบด้านในนุ่ม ที่สำคัญจะมีส่วนผสมของเหล้าลังเพิ่มความหอมและรสชาติของ คานาเล่ ราคา 60 บาท

และอีก 1 เมนู คือ “เลมอนชีสพาย” ที่มีความกรอบของแครกเกอร์ นุ่มจากครีมชีส และเด้งด้วยเจลลีเลมอนด้านบนอีกชั้น แถมลาดด้วยน้ำผึ้ง ราคาชิ้นละ 80 บาท

สำหรับร้าน ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe ตั้งอยู่ริมธารน้ำ ใน ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างตลาดโอ๊ะป่อย กับ เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม รีสอร์ท สวนผึ้ง เปิดทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ ทั้งแตเวลา 08.30 – 17.00 น. โทรสอบถามเส้นทางหรือรายละเอียดได้ที่หมายเลข 061-495-5989 หรือ ติดตามข่าวสารต่าง ๆ  ได้ทาง เฟสบุ๊คแฟนเพจ ชื่อ กาแฟกุมภาพันธ์ ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe


ภาพ/ข่าว  ตาเป้ จ.ราชบุรี

 

ชลบุรี - เกาะล้านยังปลอดภัยไร้คนติดเชื้อโควิด เมืองพัทยาเข้มมาตรการคัดกรองคนเที่ยวเกาะล้าน

วันนี้ 7 เม.ย.64 นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังจากที่มีนักท่องเที่ยวชาวจังหวัด นนทบุรี ติดเชื้อโควิด-19 ได้เดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะล้าน ซึ่งทางเมืองพัทยาก็ได้ทราบจากสาธารณะสุขจังหวัดนนทบุรี โดยนักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อได้เดินทางมาเที่ยวเกาล้านในวันที่ 3 เมษายน 2564 โดยท่องเที่ยวบนเกาะล้าน และเดินทางกลับในวันที่ 4 เมษายน 2564 หลังจากที่ทราบข่าวทางเมืองพัทยาก็ได้ลงพื้นที่ไปดูแลผู้ที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวชาวนนทบุรี โดยให้ผู้ที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้เฝ้าระวังตัวเอง  ไม่ว่าเรือโดยสารที่ข้ามไปยังเกาะล้าน ร้านสะดวกซื้อที่นักท่องเที่ยวชาวนนทบุรีได้เดินทางเข้าไป ซึ่งวันนี้ทางเมืองพัทยาก็ได้ไปยังเกาะล้านก็ยังไม่พบผู้ใกล้ชิดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ติดเชื้อแต่อย่างใด ซึ่งประชาชนที่อยู่บนเกาะล้านยังไม่มีการติดเชื้อโควิด 19

อย่างที่ทราบกันดีเกาะล้านมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งการระบาดรอบ 1 และรอบ 2 ทางเมืองพัทยามีมาตาการให้เกาะล้านมีการปิดเกาะ ซึ่งตอนนี้ทางเมืองพัทยาก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวทั้งจากท่าเรือแหลมบาลีฮาย และท่าเรือบนเกาะล้านทุกท่าเรือจะมีจุดคัดกรอง ถ้าเกิดกรณีนักท่องเที่ยวมีไข้ขึ้นสูง ทางเมืองพัทยามีเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขอยู่บนเกาะล้านคอยดูแล  แต่ถ้าพัก 1-2 ชั่วโมงอาการไข้ยังสูง ทางเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขก็จะทำการส่งตัวให้กับโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

กระบี่ - รพ.คลองท่อม เร่งฉีดวัคซีนเข็มแรก ให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชน กลุ่มเสี่ยง 100 คน

เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลคลองท่อม อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่  สอบถามประวัติ ตรวจสุภาพ ผู้ที่ เข้าฉีด วัคซีน เข็มแรก ประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์ อสม.ผู้นำชุมชน ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า ประชาชนกลุ่มเสี่ยง จำนวน100 คน หลังจากได้รับวัคซีน จำนวน 200โดส ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย เข็มแรก ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 เมษายน นี้ จากนั้น 3 สัปดาห์ ทำการฉีดเข็มที่ 2 

ขณะที่ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดกระบี่ ประกาศผลตรวจหาเชื้อจากกลุ่มเสี่ยง จำนวน  145 รายของ จ.กระบี่ ที่เดินทางไปร่วมกิจกรรม  จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 1-2 เมษายน ที่ผ่านมา  แยกเป็นกลุ่มผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดกระบี่ เป็นกลุ่มผู้เสี่ยงสูง จำนวน  12 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ กลุ่มเสี่ยงต่ำ นักเรียน สถานศึกษาต่าง ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม  133 ราย ตรวจหาเชื้อแล้ว จำนวน  27 ราย ผลไม่พบเชื้อ 26 ราย  รอผลตรวจ 1 ราย ที่เหลือกักตัวเองสังเกตอาการ 14 วัน

ด้าน พ.ต.อ.​จเร​ คณาวิทยา​ผกก.สภ.คลองท่อม​ ซึ่งเป็นผู้รับวัคซีนเข็มแรกคนแรกของอำเภอคลองท่อม​ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจากนั่งพักสังเกตอาการเป็นเวลา 30 นาทีว่า​ สำหรับการฉีดวัคซีนในครั้งนี้ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด และได้พูดชักชวนให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชน​ เข้ารับวัคซีนเพื่อป้องกันตัวเองจากการแพร่ระบาดของcovid19ในครั้งถัดไป


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ  จ.กระบี่ รายงาน

ขอนแก่น - ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว ชุดแรก 5,000 คน คาด 3 วันแล้วเสร็จ ขณะทีทางจังหวัดประกาศงดจัดกิจกรรมถนนช้าวเหนียว และการแสดงคอนเสริต์ต่าง ๆ เด็ดขาด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 เม.ย.2564 ที่ณ ห้องประชุมจำลอง มุ่งการดี ชั้น 4 อาคารสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รพ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 เป็นประธานในพิธีเปิดปฎิบัติการคิกออฟฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเขตพื้นที่ จ.ขอนแก่น ตามการได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลชุดแรกจำนวน 10,000 โดส ที่จะเริ่มทำการฉีดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่าขอนแก่นเป็น 1 ใน 8 จังหวัดที่ได้รับจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำมาฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะที่ 1 รอบเดือน เม.ย. 2564 จำนวน 10,000 โดส เป็นยี่ห้อ Sinovac (ซิโนแวค) จากประเทศจีน โดยผู้ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนนั้ย 1 ราย ต่อ 2 โดส ทำให้ในรอบนี้จะทำการฉีดวัคซีนทั้งสิ้น จำนวน 5,000 ราย โดยกำหนดให้หน่วยบริการที่มีความพร้อมดำเนินการฉีดกลุ่มเป้าหมายให้แล้วเสร็จ 9 แห่ง ในระหว่างวันที่ 7 - 9 เม.ย. 2564 ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด คือที่ โรงพยาบาลขอนแก่น, โรงพยาบาลศรีนครินทร์, โรงพยาบาลชุมแพ ,โรงพยาบาลสิรินธร , โรงพยาบาลพล ,โรงพยาบาลบ้านไผ่ . โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกระนวน อละ โรงพยาบาลน้ำพอง โดยที่กลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับวัคซีนชุดแรก คือ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่มีความเสี่ยงสูง

"ส่วนในเดือน มิ.ย. 2564 ขอนแก่นจะได้รับวัคซีนอีกจำนวน 200,000 โดส เป็นวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า โดยระยะที่ 2 จะนำมาฉีดให้แก่กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ซึ่งจะเน้นฉีดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการสำรวจและขึ้นทะเบียนไว้แล้วตามความสมัครใจ และประชาชนตามลำดับกลุ่มเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยทั้งนี้สำหรับขั้นตอนการฉีดวัคซีนในวันนี้ ใช้ระบบเดียวกับที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กำหนดไว้  8 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 การลงทะเบียน (ทำบัตร) ขั้นตอนที่ 2 การชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต ขั้นตอนที่ 3 การคัดกรอง ซักประวัติประเมินความเสี่ยง และลงนามในใบยินยอมการรับวัคซีน ขั้นตอนที่ 4 รอฉีดวัคซีน ขั้นตอนที่ 5 ฉีดวัคซีน ขั้นตอนที่ 6 พักสังเกตอาการ 30 นาที สแกนไลน์ "หมอพร้อม" ขั้นตอนที่ 7 ตรวจสอบก่อนกลับพร้อมรับเอกสารคำแนะนำการปฏิบัติตัวหลังการฉีดวัคซีน และขั้นตอนที่ 8 ประเมินความครอบคลุมการฉีดวัคซีนและอาการไม่พึงประสงค์ และในการฉีดวัคซีนครั้งนี้จะใช้เวลาตั้งแต่เริ่มกระบวนการลงทะเบียนขั้นตอนการฉีดวัคซีนประมาณ 5-7 นาทีต่อคน พักสังเกตอาการอีก 30 นาที ในระหว่างการสังเกตอาการจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ สังเกต และสอบถามอาการผู้ได้รับวัคซีนเป็นระยะ ส่วนการประเมินผลหลังการฉีดวัคซีน แบ่งเป็นหลังการฉีดวัคซีนทันที และประเมินผลที่ระยะเวลา 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน หลังการได้รับวัคซีน โดยบันทึกการประเมินในไลน์ หมอพร้อมอีกด้วย"

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า ภายหลังจากทางจังหวัดขอนแก่นพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น 2 ราย ทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่นก็ได้มีการประชุมและมีมติที่ประชุมออกประกาศคำสั่งฉบับที่ 30 เรื่องมาตรการ การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมีคำสั่ง 2 เรื่องประกอบด้วย 1.ให้งดการจัดคอนเสิร์ตในทุกสถานที่และทุกเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 18 เม.ย.2564 และ2.เป็นเรื่องของการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค ให้เจ้าของ ผู้ประกอบการ หรือผู้ดูแลรับผิดชอบสถานที่กิจกรรมและกิจการต่างๆ จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด และให้ผู้ใช้บริการหรือเข้าไปยังสถานที่หรือร่วมทำกิจกรรมเช่นว่านั้น ถือปฏิบัติ 6 ข้อ ประกอบด้วย การจัดบริการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย หรือคัดกรองอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ การให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า การอำนวยความสะดวกในการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อยหนึ่งเมตร และจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมมิให้แออัด หากมีการจัดกิจกรรมให้พิจารณาตามสัดส่วนของพื้นที่ กับผู้ร่วมกิจกรรมในพื้นที่ปิดขนาด 5 ตารางเมตรต่อคน ในพื้นที่เปิดขนาด 4 ตารางเมตรต่อคน การจัดให้มีที่ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค การจัดให้มีการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้องก่อนการทำกิจกรรม รวมทั้งระหว่าง และภายหลังการทำกิจกรรมด้วย และจัดให้มีการลงทะเบียนแพลตฟอร์มไทยชนะ หรือแพลตฟอร์มหมอชนะ ในการเข้าออกสถานที่สาธารณะ และสแกน QR Code รายงานตัวของจังหวัดขอนแก่น เมื่อเข้ามาในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น

" ในส่วนการตรวจบุคลาการในคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ รวมทั้งผู้ที่เข้ามาใช้บริการในสถานบันเทิงมาเจนต้า ผลออกมาเป็นลบ ซึ่งจะต้องมีการตรวจซ้ำเป็นรอบที่ 2 อีกครั้ง โดยทั้งหมดจะต้องมีการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อจะมาตรวจรอบที่ 2 ต่อไป รวมทั้งจะมีการเรียกสถานประกอบการทุกแห่งในจังหวัด ได้มาทำความเข้าใจ หลังจังหวัดขอนแก่นได้ประกาศฉบับที่ 30 ออกไป เพื่อจะได้ไม่ให้มีการจัดคอนเสิร์ต รวมทั้งมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เข้มข้นและรัดกุม"

 

ชลบุรี - ควาญและช้าง โอด พิษโควิดทำพิษตกงาน ไร้อาชีพไร้เงิน

ช้างยังตกงาน โควิดทำสะเทือนหนักภาคท่องเที่ยวพัทยา ควาญช้างขนครอบครัวพร้อมช้าง 5 เชือกเดินทางกลับสุรินทร์ โอดอยู่ไม่ไหวไร้นักท่องเที่ยว ทำไร้อาชีพ ไร้เงินอยู่กินนานนับปี หวังตายดาบหน้าบ้านเกิด

เมื่อวันที่ 6 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีครอบครัวควาญช้างจำนวนนับสิบชีวิต พากันขนข้าวของขึ้นรถ ยนต์ส่วนตัว พร้อมนำพาช้างจำนวน 5 เชือกเดินทางออกจากที่ทำงานเป็นฟาร์มช้างขนาดใหญ่ ในพื้นที่ตำบลห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อกลับบ้านเกิดที่ จ.สุรินทร์ โดยอาศัยการเดินเท้าเพื่อหาหญ้าให้ช้างกินใน ช่วงระหว่างการเดินทางประทังชีวิต จึงเดินทางไปตรวจสอบ กระทั่งพบกลุ่มควาญช้างกำลังนำพาช้างพัง และช้างพลายขนาดใหญ่จำนวน 5 เชือก พร้อมญาติๆที่โดยสารโดยรถยนต์กระบะ 2 คันประกบหน้า-หลังเพื่อความปลอดภัย เดินทางมาตามเส้นทางริมขอบอ่างเก็บน้ำมาบประชัน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

จากการสอบถาม น.ส.นภาลัย หมายงาม อายุ 26 ปี เล่าว่าได้พาครอบครัวและญาติจำนวน 5 ครอบ ครัวเดินทางมาจาก จ.สุรินทร์ เพื่อมาทำงานที่ฟาร์มช้างในเขต ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง ได้นานกว่า 5 ปีแล้ว โดยได้นำช้างมาด้วย 5 เชือกเป็นช้างพลาย 4 เชือกและช้างพัง 1 เชือก เพื่อมารับจ้างพานักท่องเที่ยวเดินเที่ยวชมธรรมชาติ ซึ่งในอดีตได้รับเงินค่าจ้างของช้างพร้อมควาญจากทางฟาร์มในอัตราเชือกละ 15,000 บาท/เดือน รวมกับค่าทิปในแต่ละเที่ยวก็สามารถมีเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นอย่างดี แต่ปรากฏว่าหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ทำให้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปทั้งหมดหรือ 0 % ทำให้ทางฟาร์มขาดรายได้ ประสพภาวะขาดทุนอย่างหนัก ส่งผลมาถึงควาญและช้างที่ต้องถูกงดจ่ายเงินเดือนทั้งหมดไปด้วยเช่นกัน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2563 หรือประมาณปีเศษ จึงทำได้แต่รอความหวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนปกติในไม่ช้า แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ทำให้ครอบครัวไม่สามารถอยู่ต่อไปได้เพราะไม่มีเงินมาประทังชีวิต จึงหารือกันและตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.สุรินทร์ ด้วยคงจะไปหาทำอาชีพเกษตรทำไร่ ทำนา เพื่อเลี้ยงชีวิต โดยยังไม่ทราบว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป

 

น.ส.นภาลัย กล่าวต่อไปว่าหลังตกลงปลงใจจะพากันกลับบ้านก็ขนข้าวของและพาช้างเดินออกจากปางตั้งแต่ช่วงเช้าเพราะอากาศไม่ร้อนจัดซึ่งอาจเป็นอันตรายแก่ช้าง ส่วนที่เลือกการพาช้างเดินเท้ากลับไม่ไม่มีเงินจ้างรถบรรทุกและอีกอย่างตลอดทางช้างก็ยังแวะหาหญ้ากินประทังชีวิตไปได้ โดยคาดว่าตลอดระยะทางกว่า 500 กม.ที่จะถึงบ้านที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ คงใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ซึ่งครอบครัวทั้งหมดก็จะหาจุดแวะพักค้างแรมตามริมถนนไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงบ้าน อย่างไรก็ตามตลอดเส้นทางพบว่ามีชาวบ้านและประ ชาชนที่เห็นก็พากันเอาผลไม้ น้ำดื่ม และอาหารมาให้เพื่อช่วยเหลือ ซึ่งรู้สึกซึ้งในน้ำใจของคนไทยเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีผู้ใจบุญหลายรายพยายามมาขอเลขบัญชีธนาคารด้วยจะโอนเงินช่วยเหลือให้ แต่ส่วนตัวคิดว่าอาจจะมีดราม่าหาว่าเอาช้างมาเร่ร่อนมาหากิน เลยไม่ได้ให้ใครไปเพียงแต่กล่าวขอบคุณในน้ำใจเท่านั้น ส่วนคนที่อยากจะเอาอาหารหรือผลไม้มาให้ช้างตามเส้นทางที่เดินทางกลับบ้านก็พร้อมน้อมรับและต้องขอบคุณล่วงหน้า สำหรับเส้นทางกลับนั้นก็จะเดินตามถนนสาย 331 มุ่งหน้ากลับสู่ภาคอีสานแต่จะเดินถึงช่วงไหนหรือแวะพักจุดใดเพื่อนำอาหารมาช่วยเหลือก็สามารถโทรสอบถามได้ที่หมายเลข 093-3357062


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

กาฬสินธุ์ - รำบวงสรวงฆ้องชัยใหญ่ศักดิ์สิทธิ์อธิษฐานขอความเป็นสิริมงคล

นางรำชาวอำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์สวมชุดผ้าพื้นเมืองกว่า 1,500 ชีวิต จัดริ้วขบวนรำบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และฆ้องชัยมหามงคลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมบูชาหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย และเหรียญเสมารุ่นฉลองครบรอบการก่อตั้งอำเภอ 24 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมอธิษฐานขอความร่มเย็นเป็นสุขก่อนเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ไม่ประสบปัญหาพายุฤดูร้อน และขอให้ประเทศไทยผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19

ที่บริเวณลานฆ้องชัยมหามงคล หน้าที่ว่าการอำเภอฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ พระครูโอภาสชยานุกูล เจ้าคณะอำเภอฆ้องชัย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายศิวัชฐ์ ระวังกุล นายอำเภอฆ้องชัย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลานฆ้องชัยมหามงคล โดยมีพระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ เจ้าอาวาสวัดป่าวังน้ำเย็น จ.มหาสารคาม พร้อมด้วยคณะสงฆ์ ข้าราชการ ผู้นำชุมชน ประชาชน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก และมีมาตรการคัดกรองและป้องกันโควิด-19 ผู้เข้าร่วมงาน

ทั้งนี้หลังประกอบพิธีบวงสรวง หน้าฆ้องชัยมหามงคล พระเกจิสมณศักดิ์ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ สวดชยันโตและปะพรมน้ำมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่สถานที่ และผู้เข้าร่วมพิธีแล้ว จากนั้นเหล่านางรำ ซึ่งแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าพื้นเมืองจำนวนกว่า 1,500 ชีวิต จัดริ้วขบวนรำบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างสวยงาม และพร้อมเพียงกัน

นายศิวัชฐ์ ระวังกุล นายอำเภอฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในโอกาสปี 2564 เป็นปีครบรอบ 24 ปีการก่อตั้งอำเภอฆ้องชัย  เพื่อร่วมกันสร้างสัญลักษณ์ในโอกาสครบรอบ 24 ปีดังกล่าว คณะสงฆ์รวมทั้งข้าราชการ ผู้นำชุมชน พ่อค้า ประชาชน จึงมีมติร่วมกันจัดสร้างหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัยองค์ใหญ่ ขนาดหน้าตัก 9 เมตร สูง 21 เมตร เพื่อเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานบริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอ โดยกำหนดประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อบอกกล่าวพระภูมิเจ้าที่ รุกขเทวดาทั้งหลาย เพื่อความเป็นสิริมงคลสำหรับการจัดสร้างหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย ซึ่งทุกคนที่เข้าร่วมพิธี ต่างน้อมจิตอธิษฐานขอความร่มเย็นเป็นสุขก่อนเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ไม่ให้ประสบปัญหาพายุฤดูร้อน และขอให้ประเทศไทยผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ไปให้ได้

นายศิวัชฐ์ กล่าวอีกว่า ในการจัดสร้างพระพุทธรูปหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัยดังกล่าว เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั่วไป ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธาได้มีส่วนร่วม จึงได้มีประชาสัมพันธ์เชิญชวน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการจัดสร้าง โดยสั่งจองหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย ขนาดบูชา 3 ขนาด คือ พระบูชา ขนาด 9 นิ้ว, พระบูชา ขนาด 5 นิ้ว และเหรียญบูชาเหรียญเสมา "รุ่นฉลองครบรอบการก่อตั้งอำเภอ 24 ปี” เนื้อทองเหลือง พร้อมเลี่ยมกรอบและสร้อยไมคอน ทั้งนี้ เพื่อนำรายได้ ดำเนินการจัดสร้างพระพุทธรูปหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย และพัฒนาลานฆ้องชัย ซึ่งมีฆ้องชัยขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เมตรเป็นสัญลักษณ์ ให้เป็นสถานที่แหล่งท่องเที่ยวประจำ อ.ฆ้องชัย ที่จะสามารถดึงดูดความสนใจทั้งจากนักท่องเที่ยวทั่วไป ได้แวะเวียนมาเยี่ยมชมกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับประชาชนชาวฆ้องชัยได้อย่างยั่งยืน

นายศิวัชฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูปหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย กำหนดวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 พิธีเททองหล่อและพิธีวางศิลาฤกษ์พระพุทธรูปหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย พร้อมรับวัตถุมงคลวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 24 ปีก่อตั้งเป็นอำเภอ ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธาสนใจร่วมทำบุญ และสั่งจองพระพุทธรูปและเหรนียญบูชา สามารถติดต่อได้ที่ที่ทำการปกครอง อ.ฆ้องชัย 0631870804  ธ.ก.ส.สาขาฆ้องชัย หรือโอนเงินเข้าบัญชีกองทุนสร้างพระองค์ใหญ่ หลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย และพัฒนาลานฆ้องชัย เลขที่บัญชี 020144546976

ทั้งนี้ ประวัติความเป็นมาของอำเภอฆ้องชัย จากคำบอกเล่าของบรรพบุรุษ เมื่อประมาณ 285 ปีมาแล้ว ในวันธรรมสวนะช่วงใกล้สว่างประมาณ ตี 3 หรือ ตี 4 จะมีเสียงฆ้องใหญ่ดังกังวานขึ้นมาจากหนองน้ำกุดฆ้องบึงขยอง แหล่งน้ำสาธารณะประจำ ต.ฆ้องชัยพัฒนา ซึ่งเสียงดังกล่าวคล้ายกับเสียงพระตีฆ้องตีกลอง หรือภาษาอีสานเรียกว่า “ตีกลองดึก” เพื่อเป็นสิริมงคลในการตั้งชื่อกิ่งอำเภอ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2540 จึงได้นำเอานาม “ฆ้องชัย” จากชื่อ ต.ฆ้องชัยพัฒนา มาตั้งเป็นชื่อกิ่งอำเภอฆ้องชัย ก่อนที่จะยกฐานะเป็นอำเภอฆ้องชัยในปี 2550


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

สระบุรี - ตำรวจสภ.มวกเหล็ก จับยาไอซ์ ได้ 450 กิโล ผู้ต้องหารับจ้างขนยาไอซ์ เพื่อนำส่งลูกค้าที่กรุงเทพฯ

วันที่ 6 เม.ย.64ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ขณะออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณ ถ.สายบ้านหินลับ – บ้านแซลงพัน หมู่ที่13 ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบรถกระบะ โตโยต้า แค๊ป สีบรอนทอง ติดฟิล์มทึบ ทะเบียน ขว8735 สกลนคร ได้วิ่งผ่านมาในพื้นที่ ลักษณะต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกขอตรวจค้นรถคันดังกล่าว

ขณะนั้นรถคันดังกล่าวได้เร่งเครื่องเพื่อหลบหนีมุ่งหน้าไปทาง อ.แก่งคอย จากนั้นเจ้าหน้าที่ ตำรวจได้ไล่ติดตามเรียกรถคันดังกล่าวหยุดลง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นในรถ ด้านหลังกระบะ พบ ยาไอซ์ จำนวน 450 กิโล  บรรจุใส่กระสอบถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 9 กระสอบ โดยมี นาย ณรงค์ หรือหนู) ปัญจรี อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 50 หมู่ 6 ต.นาคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เป็นผู้ขับรถ จึงนำตัวส่ง สภ.มวกเหล็ก ดำเนินคดี

ทางด้าน นาย ณรงค์ (หรือหนู)  ปัญจรี ( ผู้ต้องหา ) ให้การว่า เป็นคนรับจ้างขนยาไอซ์ดังกล่าว มาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จ.สกลนคร  เพื่อนำส่งลูกค้าที่กรุงเทพฯ ในระหว่างขับรถมาตาม ถ.มิตรภาพ ช่วง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้รู้ว่ามีด่าน ตรวจตามพื้นที่ จึงได้ใช้เส้นทางรัด จากปากช่องสู่จังหวัดสระบุรี  ในขณะขับมาในพื้นที่เข้าสู่ อ.มวกเหล็ก จึงได้ถูก เจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียกค้นและจับคุมดังกล่าว

ด้านนาย นาย ณรงค์ หรือหนู ปัญจรี ( ผู้ต้องหา ) เผยต่อว่า ตนรับจ้างจากเพื่อนเพื่อขนยาดังกล่าวไปส่งที่กรุงเทพฯ โดยเพื่อนบอกว่าเป็นกัญชาอย่างเดียว ค่าจ้างขนจำนวน 40,000 บาท  จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคุมตัวในครั้งนี้  

ต่อมาที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี นำโดย พล.ต.ท. อำพล บัวรับพร  ผบทช.พ.1 และ พล.ต.ต. ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.สว.จ.สระบุรี  พ.ต.อ.เรืองยศ โสภาพล ผกก.สภ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี   ร่วมกันนำตัว นาย ณรงค์ หรือหนู ปัญจรี พร้อมของกลาง แถลงข่าวในครั้งนี้ต่อไป


ภาพ/ข่าว  ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top