Monday, 9 June 2025
SPECIAL

‘นฤมล’ ควง ‘เอ๋ บุณณดา’ ลุยหาเสียงย่านกุฎีจีน ชูนโยบายระบบสาธารณสุขเพื่อประชาชนทุกคน

(3 พ.ค. 66) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าทีมผู้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่เขตบางซื่อ เพื่อช่วย น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ หรือเอ๋ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 32 เบอร์ 6 เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช) เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง) เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) เดินรณรงค์หาเสียง โดยได้พบปะพูดคุยกับประชาชนย่านกุฎีจีน
.
โดย นางนฤมล กล่าวว่า พื้นที่เขตนี้ถือว่ามีความกว้างขวางพอสมควร ซึ่งเป็นการแบ่งเขตใหม่ของ กกต.โดยผู้สมัครของเราก็ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อสอบถามปัญหาต่าง ๆ ของพี่น้องประชาชน ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ เราพร้อมผลักดันให้เกิดการพัฒนาสร้างอาชีพให้กับประชาชน เพราะถือว่าเป็นเขตที่สามารถพัฒนาเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้
.
นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังให้ความสำคัญไปยังการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ โดยวันนี้การลงพื้นที่ของเราก็ตรงกับวันที่ทางชุมชนมีกิจกรรมตรวจสุขภาพของผู้กลุ่มอายุ ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ๆ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เน้นย้ำเรื่องนโยบายสาธารณสุข เพื่อให้ทั้งคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเข้าถึงบริการทางการแพทย์ด้วยการใช้เทคโนโลยี ซึ่งเป็นนโยบายที่เราดำเนินการมาตั้งแต่ปี 62 โดยชื่อว่า หมอถึงบ้านพยาบาลถึงเรือน ผ่านมา 4 ปี วันนี้เทคโนโลยีก็มีการพัฒนาขึ้นมาก เราก็จะใช้เทคโนโลยีตรงนี้เข้ามาช่วยเหลือประชาชน 
.
นโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา เอายาไปส่ง’ มีเนื้อหาระบุว่า จะหาหมอทั้งทีต้องเดินทาง ต้องรอคิว เข้าถึงการรักษายากลำบาก แต่วันนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะพรรคพลังประชารัฐจะนำระบบ Telelmed หรือการแพทย์ทางไกลมาใช้ โดยจะทำให้ไม่ว่าประชาชนอยู่ที่ไหน ก็สามารถพบแพทย์ได้"

‘2 พ.ค. 66’ เมืองชลขนลุก มืดฟ้ามัวดิน อิทธิฤทธิ์ ‘ลุงตู่’ ยังขลัง ดึงพลังเงียบฟื้น

ถ้าลืมกันไปแล้ว ก็คงต้องนำกลับมาทบทวนกันอีกครั้ง สำหรับทวิตเตอร์ของคนแดนไกล ที่ประกาศจะกลับบ้านประมาณครั้งที่ 20...เข้าไปแล้ว!!

“เช้าวันนี้ (1 พ.ค.) ผมดีใจมากที่ได้หลานคนที่ 7 เป็นชาย ชื่อ ธาษิณ จากน้องอิ๊งค์ แพทองธาร หลานทั้ง 7 คนคลอดในขณะที่ผมต้องอยู่ต่างประเทศ ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปีในเดือนกรกฎานี้แล้ว พบกันเร็ว ๆ นี้ครับ ขออนุญาตนะครับ…”

จะเป็นเพราะทวิตเตอร์ร้อน ๆ ของคุณพ่อ หรือเป็นเพราะกระแสร้อนแรงของพรรคก้าวไกล หรืออาจจะทั้งสองอย่างก็มิทราบได้ ทำให้ก่อนหน้า ‘เล็ก เลียบด่วน’ จะเขียนเรื่องนี้สัก 1-2 ชั่วโมง คุณอุ๊งอิ๊งพร้อมสามีต้องนัดสื่อมวลชนแถลงใหญ่…

ทวิตเตอร์ของ ‘โทนี่ วู้ดซัม’ หรือ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ รอบนี้ ถูก ‘จตุพร พรหมพันธุ์’ อดีตแกนนำ นปช. คนที่รู้ทางมวยทักษิณถอดรหัสว่า...คำว่า “ผมขออนุญาต” ของทักษิณนั้นหมิ่นเหม่และบังอาจเป็นอย่างมาก...ว่าแล้วจตุพรก็ชี้เปรี้ยงว่า แผนการของทักษิณที่จะกลับบ้านโดยการกลับมารับโทษ แต่ถูกคุมขังที่บ้านได้ตามกฎกระทรวงที่อดีต รมว.ยุติธรรม สมศักดิ์ เทพสุทินแก้ไขไว้นั้น อย่าคิดว่าทำกันได้ง่าย ๆ…

ย้อนไปเมื่อ 25 มี.ค. 2566 ทักษิณ ชินวัตร เคยให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นด้วยความอหังการว่า...”.ตอนนี้ผมเหมือนติดอยู่ในคุกขนาดใหญ่มา 16 ปีแล้ว เพราะพวกเขากีดกันไม่ให้ผมอยู่กับครอบครัว ผมทรมานมามากพอแล้ว ถ้าผมต้องทนทุกข์ทรมานอีกครั้งในคุกที่เล็กกว่านั้นก็ไม่เป็นไร...เพราะผมอยากอยู่กับหลาน ๆ”

ต้องขยายความ เบื้องต้นว่า...ขณะนี้นายทักษิณมีคดีถึงที่สุดแล้วง 3 คดีรวมโทษจำคุก 10 ปี...ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่มีใครห้ามไม่ให้เขากลับบ้าน กลับมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม...ถ้าใจถึงจริง ๆ ก็คงกลับมาแล้ว   

ดังนั้นใช่หรือไม่ ว่าระดับนี้หากจะกลับมาก็คงเตรียมการกันหลายชั้น เช่น การขอรื้อฟื้นคดี และอย่างน้อยก็เชื่อมั่นกฎกระทรวง 2 ฉบับของกระทรวงยุติธรรมที่ออกมาเมื่อปลายปี 2563 โดยอาศัยมาตรา 33 มาตรา 40 และมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 จะเป็นที่รองรับได้

ไฮไลต์ของกฎกระทรวง 2 ฉบับ อยู่ที่ตรงที่วิธีการและสถานที่คุมขัง...ซึ่งสามารถตีความสุดโต่งได้ว่าสามารถใช้บ้านหรือเซฟเฮ้าส์เป็นที่คุมขังก็ได้...!!

ฝันของคนแดนไกลดังว่ามาจะเป็นจริงหรือเข้าใกล้ความเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อ...พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น...

‘สมาคมทนาย’ ติง กกต. ปรับปรุงการทำงานให้โปร่งใส-เป็นกลาง ชี้!! ใช้งบกลางอุ้มค่าไฟไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน เเต่เป็นการใช้หาเสียง

(3 พ.ค. 66) นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ระบุว่า…

ตามที่ได้เกิดปัญหาความผิดพลาดเกี่ยวกับการทำงานและการจัดการเลือกตั้ง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดังปรากฏข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนออย่างแพร่หลายนั้น สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า กกต.มีเวลาในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเพียงพอ เพราะเป็นการยุบสภาฯ และจัดการเลือกตั้งช้ากว่ากำหนดเดิมที่ กกต.เคยประกาศในกรณีรัฐบาลอยู่จนครบวาระ คือ ในวันที่ 7 พ.ค.2566 ถึง 7 วัน กกต.จึงมีเวลาอย่างเพียงพอที่จะจัดการเลือกตั้งอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

แต่ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกลับปรากฏว่า การจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ เต็มไปด้วยความผิดพลาด โดยความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เช่น การพิมพ์ชื่อผู้สมัคร สัญลักษณ์ หรือชื่อพรรคการเมืองผิด ซึ่งเกิดกับผู้สมัครและพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลทั้งสิ้น ประกอบกับเคยมีความผิดพลาดจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ได้แก่ การนับคะแนนที่ส่งมาจากต่างประเทศไม่ทัน หรือการนับคะแนนแบบบัตรเขย่ง จนทำให้ฝ่ายที่เคยแพ้กลับมาชนะเลือกตั้ง จนได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ยิ่งทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในความเป็นกลางของ กกต.

นิพนธ์ ‘การันตี’ นิพัฒน์ฯเขต 2 สงขลา เหมาะสมกับหาดใหญ่ ‘ชี้’เป็นคนรุ่นใหม่/ประสบความสำเร็จทางธุรกิจมาก่อน ด้านดร.รัชดาฯ ‘ลั่น’ ปชป.พร้อมนำชาติไปสู่การพัฒนาในยุคศตวรรษที่ 21 ‘เ

ที่ตลาดยรรยง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคณะ เดินสายขอคะแนนช่วยผู้สมัครในพื้นที่เขต 2 สงขลา นายนิพัฒน์ อุดมอักษร หมายเลข 4  

โดยนายนิพนธ์ บุญญามณี พร้อมด้วยดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ดร.รัชดา ธนาดิเรก  กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์  พร้อมด้วยผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น สลับกันขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อขอคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครฯ

โดยดร.รัชดา ได้กล่าวบนเวทีปราศรัยตอนหนึ่งว่า จากการที่หาดใหญ่เป็นศูนย์กลางการศึกษา ศูนย์กลางการแพทย์ ศูนย์กลางการท่องเที่ยว ประโยชน์เหล่านี้ถ้าพัฒนาให้ถูกทิศถูกทางความเจริญจะขยายไปสู่จังหวัดชายแดนใต้ และพื้นที่ตรงนั้นจะเป็นพื้นที่แห่งสันติสุขอย่างแน่นอน วันนี้มาขอคะแนนจากชาวหาดใหญ่ทุกท่าน ว่า 14 พฤษภาคม เข้าคูหากาเบอร์ 26 ให้พรรคประชาธิปัตย์ และชาวหาดใหญ่ขอคะแนนให้คุณนิพัฒน์ เบอร์ 4  ถ้าเลือกประชาธิปัตย์ตนมั่นใจว่าพวกเราจะเป็นพรรคการเมือง เป็นสถาบันการเมือง เป็นนักการเมือง ที่จะนำการพัฒนาลงมาในพื้นที่อย่างแน่นอน ด้วยเหตุผล 3 อย่างคือมีนโยบายที่ตอบโจทย์พื้นที่ มีนโยบายที่พัฒนาประเทศชาติให้ขับเคลื่อนไปอยู่ในยุคศตวรรษที่ 21 อย่างไม่น้อยหน้าใครในโลกนี้ เราเป็นพรรคที่เป็นสถาบันความเก่าแก่จะไม่มีความหมายเลยถ้าอยู่อย่างไม่มีศักดิ์ศรี เราคงอยู่ยึดมั่นด้วยอุดมการณ์ ทุกย่างก้าวที่เรานำเสนอนโยบายแก่พี่น้องประชาชนมันทำได้จริง อาจจะไม่หวือหวาไม่ลด แลก แจก แถมเหมือนพรรคอื่น แต่มันไม่เคยทำให้ประเทศเจ๊งและเป็นหนี้ เรามีคนที่มีคุณภาพเสนอตัวเข้ามาทำงาน ตั้งคำถามว่าเลือดประชาธิปัตย์กำลังไหลออก ประชาธิปัตย์กำลังจะตายหรือเปล่า ไม่ใช่ เราต้องมองใหม่ที่ว่าจากการที่คนประชาธิปัตย์ไปอยู่พรรคอื่น นั่นคือการบริจาคเลือด เพราะเลือดของเราดีจึงเป็นประโยชน์ต่อพรรคอื่น และเราสร้างคนรุ่นใหม่มาดูแลพี่น้องประชาชน 

ด้านนายนิพนธ์ ได้กล่าวว่า ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ปกติในทางการเมือง ที่ในแต่ละพรรคก็มีโอกาสที่จะมาทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนหลังจากที่ก่อนหน้านั้นก็มีหลายพรรคลงมาในพื้นที่ ประชาธิปัตย์เองก็ลงพื้นที่ปราศรัยอย่างต่อเนื่องมาตลอด ที่สำคัญโค้งสุดท้ายเท่าที่ได้ประสานกับพรรคเอาไว้ ท่านชวน หลีกภัยจะมาในพื้นที่สงขลาในวันที่ 8 จะมาพบกับพี่น้อง จะเป็นการปราศรัยใหญ่ และผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคก็จะมาในวันที่ 8 ซึ่งจะเป็นการปราศรัยใหญ่ระดับจังหวัด สิ่งสำคัญคือวันที่ 3-4 พ.ค.นี้ ท่านชวนจะลงพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ได้ปรับแผนในการเดินในพื้นที่ครบทุกจังหวัดมากขึ้น  นอกจากนั้นจะให้ในเขตเลือกตั้งทำงานเต็มที่ในเขตของตัวเอง  รอบนี้จึงขอโอกาสคนที่คราวที่แล้วน้อยใจประชาธิปัตย์บ้าง ไม่ได้ลงคะแนนให้ประชาธิปัตย์ รอบนี้จึงขอโอกาสลงคะแนนให้ประชาธิปัตย์กลับมาร่วมสร้างประชาธิปไตยที่มั่นคงให้กับบ้านเมืองเรา

ตร.-กรมโรงงานฯ-อย. บุกค้นบริษัทนำเข้าสารเคมี ย่านลาดกระบัง เตรียมตรวจสอบรายชื่อสั่งซื้อ หาจุดเชื่อมโยงคดี ‘แอม ไซยาไนด์’

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 66 เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 3 นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรี เข้าตรวจค้นห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหา สูง 4 ชั้น ประกอบธุรกิจจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ตั้งอยู่บนถนนเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ

โดยการตรวจค้นครั้งนี้ ตำรวจได้ข้อมูลมาจากการเก็บหลักฐานขวดไซยาไนด์ ที่พบในถุงดำที่ แอม ว่าจ้างให้นายตะวัน หลานของนายแด้ นำถุงดังกล่าวไปทิ้ง โดยเมื่อตรวจสอบหมายเลขการผลิตข้างขวดไซยาไนด์ดังกล่าว พบว่าตรงกับหมายเลขการผลิตที่บริษัทนี้ได้ทำการจำหน่าย

จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และชุดขยายผลของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาตรวจค้น หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม

สำหรับบริษัทนี้ ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 คูหา ด้านหน้าปิดประตูเหล็กเอาไว้ ส่วนด้านในมีกล่องเก็บผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จำนวนมาก ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่แสดงหมายค้น พนักงานที่ดูแลบริษัทก็ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นด้านใน แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพ

ขณะที่ นายวราวุฒิ พิทักษ์จำนงค์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านฮาร์ดแวร์ ซึ่งอยู่ติดกับบริษัทที่ตำรวจเข้าตรวจค้น บอกว่า บริษัทนี้เปิดมาได้ 3-4 ปีแล้ว เป็นโกดังเก็บสินค้าประเภทสารเคมี และอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ตนรู้จักกับเจ้าของ แต่ไม่ได้คุยกันลึก ๆ ก่อนหน้านี้ โกดังไม่ปิดประตูด้านหน้า แต่ที่ปิด เพราะฝุ่นเยอะ เจ้าของกลัวของจะเสียหาย ซึ่งมีพนักงาน 3-4 คน คอยดูแลแพ็กของอยู่ แต่ถ้ามีลูกค้ามารับของก็จะเปิดโกดังและปิดทันที และเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตนเห็นว่าตำรวจสอบสวนกลาง เข้ามาตรวจค้นแล้ว ประมาณ 2 ครั้ง

ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย คณะทำงานชุดคลี่คลายคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจค้น แต่เบื้องต้นไม่พบสารไซยาไนด์ และมีข้อมูลว่า มีการจำหน่ายจริง ซึ่งทางบริษัทให้การว่า บริษัทจะรับสารไซยาไนด์ต่อมาจากบริษัทที่นำเข้ามาอีกทีหนึ่ง แล้วนำมาจำหน่ายให้กับผู้ซื้อ ซึ่งไม่ได้มีการสต็อกสินค้า แต่จะต้องให้ผู้ซื้อสั่งสินค้าเข้ามาแล้ว จึงจะสั่งจากบริษัทนำเข้ามาแล้วส่งให้ผู้ซื้อทันที

สำหรับการซื้อขายสารไซยาไนด์ ในปริมาณไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน ไม่ต้องมีใบอนุญาต โดยยอมรับว่า จุดนี้เป็นช่องโหว่ให้บุคคลทั่วไปสามารถครอบครอง และซื้อขายสารดังกล่าวได้ โดยหลังจากนี้ จะดำเนินการตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่ซื้อสารไซยาไนด์จากบริษัทนี้ทุกราย เพื่อหาความเชื่อมโยงกับคดีของแอม เพราะยังไม่มีข้อมูลว่า แอม ซื้อสารไซยาไนด์จากบริษัทนี้โดยตรงหรือไม่ แต่เบื้องต้นพบว่า เลขการผลิตตรงกันกับขวดที่เป็นหลักฐานที่พบในคดี

ทั้งนี้ กรณีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ ‘แอม ไซยาไนด์’ ก่อเหตุวางต่อเนื่อง ตำรวจยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกรายคดี โดยทางสำนักข่าวได้รวบรวมหมายจับทั้งหมด เป็นข้อมูล ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2566 มีรายละเอียด ดังนี้

‘พปชร.’ ชูนโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา’ ยกระดับ สธ.ทั้งระบบ ช่วยคนไทยใกล้ชิดหมอแค่ปลายนิ้ว ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว

(3 พ.ค. 66) เพจของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีการเผยแพร่คลิปที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ การพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศไทยด้วย นโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา เอายาไปส่ง’ มีเนื้อหาระบุว่า…

“จะหาหมอทั้งทีต้องเดินทาง ต้องรอคิว เข้าถึงการรักษายากลำบาก แต่วันนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะพรรคพลังประชารัฐจะนำระบบ Telelmed หรือการแพทย์ทางไกลมาใช้ โดยจะทำให้เห็นว่า ไม่ว่าประชาชนอยู่ที่ไหน ก็สามารถพบแพทย์ได้ ซึ่งนโยบายนี้ คือสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้เกิดขึ้นทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศภายหลังการเลือกตั้ง โดยคนไทยทุกคนจะต้องมีสุขภาพที่ดี ด้วยเทคโนโลยีสาธารณสุขใหม่ ไม่ว่าอยู่ไกลแค่ไหน คนไทยก็ใกล้หมอกว่าที่เคย”

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวว่า จากนี้ไปไม่ว่าจะพบแพทย์จ่ายยาหรือดูแลรักษา จะสามารถเข้าถึงที่บ้านของคนไทยทั่วประเทศ แม้ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ได้ใกล้ชิดหมอมากกว่าเดิม พรรคพลังประชารัฐจะใช้เทคโนโลยีทางไกล เชื่อมต่อทุกบริการทางการแพทย์ คนไทยจะใกล้หมอแค่ปลายนิ้ว เจ็บป่วยจะจัดการได้ด้วยโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว

‘ดร.เอ้’ นำทัพ ‘ปชป.’ หาเสียงข้าม 2 จังหวัด แปดริ้วยาวถึงพัทยา ขอคะแนน ปชช.ให้โอกาสคนรุ่นใหม่พลิกฟื้นเศรษฐกิจตะวันออก

(3 พ.ค. 66) ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัคร บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุยขอคะแนนหาเสียงวานนี้ (2 พ.ค.) ให้กับผู้สมัคร ส.ส.ภาคตะวันออก 2 จังหวัด ตั้งแต่แปดริ้ว บางแสน ศรีราชา พัทยา โดยร่วมกับนายประโยชน์ โสรัจจกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 เบอร์ 4  นายศรุต วัฒนสมบูรณ์ ชลบุรี เขต 1 เบอร์ 8 นายสุขสันต์ มิสสาจันทร์ ชลบุรี เขต 7 เบอร์ 5 ว่าที่ ร.ต.ประกฤต กลิ่นวิชิต ชลบุรี เขต 9 เบอร์ 1 และมีผู้สมัครจากเขตอื่นมาร่วมกันเดินขอคะแนนในครั้งนี้ด้วย

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ได้กล่าวถึงปัญหาน้ำทะเลหนุนของแม่น้ำบางปะกง เพื่อจะได้ช่วยหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกับนายประโยชน์ โสรัจจกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 เบอร์ 4 จากปัญหานี้ ทำให้พี่น้องฉะเชิงเทราได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก น้ำทะเลหนุนจนน้ำประปาเค็มจัด ผู้ที่ไม่มีน้ำประปาใช้สุดลำบาก จึงมีแนวคิด ‘สูบน้ำกลับอ่างสียัด’ เพื่อให้ชาวแปดริ้วในพื้นที่ฝั่งซ้ายใช้น้ำจากอ่างสียัด ส่วนพื้นที่ฝั่งขวา ใช้น้ำจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา และปล่อยน้ำจากแม่น้ำบางปะกงให้ไหลลงทะเล

อ่างสียัดมีศักยภาพบรรจุน้ำได้ 455 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเก็บน้ำเพียง 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อปี แสดงว่ายังสามารถบรรจุได้อีก 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อปี จึงหาทางแก้ปัญหานี้ คือการสูบน้ำกลับอ่างสียัด เพื่อให้ได้ประโยชน์อื่น เพื่อชะลอการรุกตัวของน้ำเค็ม เพื่อมีน้ำให้ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง และสำคัญมีน้ำดิบผลิตน้ำประปาเพียงพอตลอดทั้งปี แนวคิดนี้เป็นความคิดจากผู้สมัครเขต 1 ฉะเชิงเทรา ที่มุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ มุ่งหน้าต่อเข้าบางแสน ศรีราชา พัทยา จ.ชลบุรี ได้พบกลุ่มคนทุกอาชีพ ทั้งโซนโรงงาน โซนธุรกิจกลางคืน ผู้ประกอบอาชีพค้าขายทั่วไป โดยเสนอย้ำนโยบาย ‘ตรวจสุขภาพ ฟรี รักษา ฟรี บัตรประชาชนใบเดียว’ ให้กับกลุ่มโซนโรงงาน เป็นมาตรการเพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงการ รักษาพยาบาล และสร้างแรงจูงใจในการได้รับสวัสดิการที่พึงได้รับโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

กระแส 'ลุงตู่' ช่วยดัน ส.ส.เขต 'รทสช.' โดดเด่น เชื่อ!! 'ทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อ' ช่วยปักธงได้แน่

ในวันที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางไปช่วยหาเสียงที่จังหวัดตรัง ซึ่งมี 4 เขตเลือกตั้ง

พลันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ลงจากเครื่องบินที่สนามบินตรัง นอกจากจะมีผู้สมัครในจังหวัดตรัง เช่น สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล จากเขต 4, อำนวย นวลทอง จากเขต 3 ไปต้อนรับแล้ว ได้มีมวลชนจำนวนมากที่ทราบข่าว เดินทางไปต้อนรับ และให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ถึงสนามบินตรังกันแน่นขนัด

หลังจากนั้นคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีทั้งพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ, เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางต่อไปยัง อ.กันตัง เพื่อช่วยหาเสียงให้กับสมบูรณ์ ซึ่งมีมวลชนจำนวนมากแห่ไปต้อนรับให้กำลังใจเช่นกัน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้อธิบายถึงแนวทาง 'ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ' ให้ประชาชนเข้าใจ

คณะ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางต่อไปในตลาดทับเที่ยง ช่วยถนอมพงศ์ หลีกภัย หาเสียง ซึ่งต้องเสียเวลาไปมาก เนื่องจากมีผู้คนแห่ต้อนรับหน้าแน่นจนไม่มีเวลาทานข้าว เวลาล่วงมาถึงบ่ายสองถึงจะได้ทานข้าว

เสร็จจากทานข้าวเที่ยงเดินทางต่อไปยังอำเภอนาโยง เพื่อช่วย 'อำนวย นวลทอง' หาเสียง โดยก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางไปถึง 'อำนวย นวลทอง' ได้กล่าวปราศรัยก่อนแล้วถึงความมุ่งมั่น-ตั้งใจในการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้

“ผมลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อชัยชนะ และจะสู้ไม่มีถอย โดยตั้งใจจะเข้าไปแก้ไขปัญหา 3 อย่าง อย่างแรกคือปัญหาเรื่องการบริหารจัดการน้ำ บ้านเรามีฝนมาก เพราะอยู่ใกล้ภูเขา จึงเกิดปัญหาน้ำท่วมบ่อย แต่น้ำท่วมไม่นานก็จะเกิดปัญหาน้ำแล้งตามมา ที่ผ่านมาไม่มีใครคิดวางโครงสร้างใหญ่ในการแก้ไขปัญหาน้ำ”

อำนวย กล่าวอีกว่า อีกปัญหาที่ต้องการเข้าไปแก้คือปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน ที่ชาวบ้านถูกครหาว่าบุกรุกอุทยานบ้าง บุกรุกทุ่งเลี้ยงสัตว์บ้าง ทั้งๆ ที่สภาพของที่ดิน ไม่มีต้นไม้ไม่มีทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์แล้ว ชาวบ้านเข้าไปอยู่อาศัยมานานแล้ว แต่ไม่มีการยกเลิกความเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ และ/หรือเขตอุทยาน ชาวบ้านจึงโดนขับไล่มาโดยตลอด เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข

‘บิ๊กตู่’ ขอบคุณชาวชลบุรี ที่ยังรักกันอยู่ พร้อมอ้อนอย่าให้ตนสู้โดดเดี่ยว ขอฝากเบอร์ 22 ไว้ในใจ ลั่น!! เราจะต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน

(2 พ.ค.66) พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรี​ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี​ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวปราศรัยว่า ขอบคุณคนจังหวัดชลบุรี วันนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเรายังรักกันอยู่รักกันจริง รักแล้วรักอยู่และรักต่อ ตนเกิดโคราชย้ายมาอยู่กรุงเทพฯเรียนหนังสือจบโรงเรียนนายร้อย และมาอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ค่ายนวมินทร์ ตั้งแต่ปี 2519 จนถึงปี 2541 ที่นี่คือแหล่งที่พบความแข็งแรงของตน ทำให้ตนมีวันนี้ และวันนี้ได้เห็นพวกเรามีความสุข ไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว 

“อย่าปล่อยให้ผมโดดเดี่ยว อย่าให้ใครทำร้ายประเทศที่รักยิ่งของเรา และอย่าให้ใครมาด้อยค่าประเทศของเรา สิ่งที่เราต้องการวันนี้ เวลานี้ บางคนเรียกว่าผมว่า รปภ. เรียกว่ายามผมรับได้ ผมรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนคนไทยทุกคนจะต้องได้รับการดูแลจากตนและรัฐบาลจากพรรครวมไทยสร้างชาติใช่หรือไม่ เราแบ่งแยกกันไม่ได้ เพราะแผ่นดินคืนนี้ เป็นแผ่นดินของคนไทยทั้งหมด เราเกิดที่นี่ เกิดที่อื่นก็มีทำกินที่นี่ หลายคนต้องรักแผ่นดินผืนนี้ของเรา”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แต่แน่นอนมันต้องไม่มีปัญหา ต้องไม่สร้างความขัดแย้งไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ทำให้ลูกไม่เคารพพ่อแม่ ไม่เคารพครูอาจารย์ การเปลี่ยนแปลงแบบนี้อันตรายเราต้องสามัคคีกัน ดังนั้นขออย่างเดียวอย่าแตกแยก ความสามัคคี ถ้าไม่สามัคคีมันไปไม่ได้ทั้งหมด ขอฝากบ้านเมืองไว้กับมือพวกเราทุกคน มือที่จะกาบัตรเลือกตั้ง และวันนี้จะเรียกพี่ตู่ ลุงตู่หรือตู่เฉย ๆ ก็ได้เพราะหลายคนเป็นน้องตน หลายคนเป็นพี่ตน คนที่เป็นน้องก็เรียกตนว่าพี่ตู่ ทั้งนี้ วันนี้มาให้กำลังใจทั้ง 10 เขตต้องได้ทั้งจังหวัดและจะต้องได้ทั้งประเทศด้วย เพราะเรามา เหนือเมฆ ลองไปเปิดดูหนังสือ เราไม่ได้เป็นคนเขียนมีคนก็เขียนให้ เพราะเห็นเราทำงาน และเมื่อกี้ก็กลัวว่าฝนจะตกหรือเปล่าจะได้เจอหรือเปล่า ตนก็อธิษฐานว่าฝนอย่าตก ฉะนั้นคำอธิษฐานของตนมีผลเหมือนกัน

‘อนุทิน’ ขอปล่อยวาง-ใช้อุเบกขา ชี้!! ‘ภท.’ ไม่สร้างความขัดแย้ง หลัง ‘ชูวิทย์’ ป่วนเวทีดินแดน ขณะช่วย ‘ภาดาท์’ หาเสียง

(2 พ.ค. 66) ที่โดมหน้าสถานีตำรวจนครบาลดินแดง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้งกทม. คณะผู้บริหารพรรค น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 5 เปิดเวทีปราศรัยช่วย น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 6 หาเสียง มีประชาชนมาฟังการปราศรัยประมาณ 1,000 คน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกคึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอนุทินกำลังพูดแนะนำนโยบาย ปรากฏว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้เข้ามาฟังการปราศรัยจากด้านนอก ก่อนกล่าวโจมตีพรรคภูมิใจไทย ผ่านโทรโข่งเกิดเสียงแทรกเข้ามาในเวทีปราศรัย ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมงานของน.ส.ภาดาท์ ได้ขอร้องให้นายชูวิทย์ ออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันเหตุความวุ่นวาย 

ด้าน นายอนุทิน เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จึงกล่าวบนเวทีว่า “ต่างคนก็นำเสนอนโยบายของตัวเอง ตนนำเสนอนโยบายของภูมิใจไทย ส่วนนายชูวิทย์ ก็คงมีเรื่องราวอยากจะสื่อสาร ก็ปล่อยไป รับฟัง และต้อนรับด้วย พี่น้องประชาชนจะมองว่าใครถูกใครผิด ตนไปบังคับใครไม่ได้ นโยบายของพรรคภูมิใจไทยทั้งเรื่องของการพักหนี้ กองทุนผู้สูงอายุ เงินกู้ฉุกเฉินที่พี่น้องปรบมือให้คือสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยทำได้ จะเลือกตั้งแล้วต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า ส่วนคนข้างนอกที่มาโวยวายอยู่นั้น ตนขอตั้งจิตเป็นอุเบกขา ปล่อยวาง และขอทำหน้าที่เพื่อคนไทย ให้ดีที่สุด ภูมิใจไทย ไม่สร้างความขัดแย้ง

‘ศาลเชียงใหม่’ ค้านประกันตัว ‘ไอ้ณัฐ’ คดีฆ่าเซลล์สาว ชี้!! อัตราโทษสูง หวั่นผู้ต้องหาหลบหนี

(2 พ.ค.66) เวลา 15.40 น. ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวน สภ.สันทราย ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 นายณัฐ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดีข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นฯ, ฆ่าผู้อื่นฯ, ข่มขืนกระทำชำเรา ซ่อนเร้นอำพรางศพฯ น.ส.บี อายุ 35 ปี เซลล์ขายรถยนต์ยี่ห้อดัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี

‘รทสช.’ คลอดคลิป ‘ห่านกับไข่ทองคำ’ นิทานสอนใจ ชูแนวคิดใช้จ่ายงบแบบมีวินัย ช่วยปชช. แบบไม่หว่านแห

พรรครวมไทยสร้างชาติยิงคลิป ‘ห่าน’ เตือนสังคมอย่าให้ใครฆ่าห่านเพื่ออิ่มเพียงมื้อเดียว แต่อดกินไข่ตลอดไป สะท้อนนโยบายช่วยเหลือประชาชนของพรรคทำแบบพุ่งเป้าไม่หว่านแห ใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีวินัย  

(2 พ.ค. 66) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกคลิปชุดใหม่ ‘ห่านกับไข่ทองคำ’ เป็นนิทานสอนใจว่า พึงรักษาทรัพย์สินเงินทองที่มี แม้จะไม่มากมาย แต่ก็ให้ดอกผล เพียงพอที่จะแบ่งปันกันในครอบครัว ชุมชน อย่าให้ใครมาหลอกว่า ฆ่าห่านกินเนื้ออร่อยกว่าอิ่มกว่า รอกินไข่ทีละฟอง เพราะกินเนื้อห่านได้มื้อเดียว แต่ต้องอดกินไข่ห่านตลอดไป

การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรไทย ในสหรัฐอเมริกา มีผู้ใช้สิทธิเกือบ 4 พันคน ทั้งแบบเข้าคูหาและทางไปรษณีย์

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน

ในการเลือกตั้งทั่วไปของไทย พ.ศ. 2566 การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรไทยในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ถือว่าเป็นหน่วยเลือกตั้งที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่ง ด้วยเป็นประเทศที่มีประชาชนชาวไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก

ขั้นตอนการใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ปี พ.ศ. 2566 ในสหรัฐอเมริกา มีดังนี้

1) ผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งแบบคูหา (เฉพาะผู้ที่เลือกใช้สิทธิกับสถานเอกอัครราชทูตฯ เท่านั้น) ท่านที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งแบบคูหา สามารถมาลงคะแนนเลือกตั้งที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน (ที่อยู่ 1024 Wisconsin Avenue N.W. Washington D.C. 20007) ระหว่างวันที่ 28 - 30 เมษายน 2566 เวลา 9.00 - 17.00 น. 

(ในภาพ นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน กำลังใช้สิทธิเลือกตั้ง ณ หน่วยเลือกตั้งประจำที่เลือกตั้ง สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน)

'อลงกรณ์' ปักธง 10 นโยบาย ยกระดับเกษตรกรรมไทย ใต้ยุทธศาสตร์ 'เกษตรปลอดภัย - มั่นคง - ยั่งยืน'

(2 พ.ค.66) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค ในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมการดีเบตในหัวข้อ “พรรคการเมืองกับนโยบายเกษตรกรรมยั่งยืนและปัญหาความมั่นคงทางอาหาร” ที่อาคารชีววิถี จัดโดยภาคีเครือข่ายสมาคมสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ ไบโอไทย มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ 

โดยกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งเป้าหมายของนโยบายเกษตรทันสมัยสู่ครัวไทยครัวโลก
1. ประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารท็อปเทนของโลกอย่างมีความรับผิดชอบต่อเกษตรกรและผู้บริโภค
2. เพิ่ม GDP เกษตรเป็น 10%
3. เพิ่มรายได้เกษตรกร 100%

จึงได้กำหนด 10 นโยบายเกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรสุขภาพ และความมั่นคงทางอาหารเชิงปริมาณและคุณภาพภายใต้ยุทธศาสตร์ '3 เอส' (3 S : safety security sustainability) เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคง เกษตรยั่งยืนตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนบนฐานเทคโนโลยี ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาไทย

1. ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน ขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ 2 ล้านไร่ เดินหน้าเกษตรคาร์บอนต่ำลดโลกร้อน
2. เติมทุนเกษตรอินทรีย์แปลงใหญ่ 3 ล้าน ส่งเสริมสนับสนุนสภาเกษตรอินทรีย์ PGS แห่งประเทศไทยเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ออร์แกนิกและกสิกรรมธรรมชาติ
3. เพิ่มปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ 5 ล้านตัน จัดตั้งศูนย์บริการปุ๋ย-น้ำชุมชนทุกตำบล
4. ตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรนวัตกรรม เครื่องจักรกล (AIM C:Agritech Innovation Machine Center) Application Agrimap ส่งเสริมการวิจัยพัฒนานวัตกรรมชีวภัณฑ์ เกษตรอัจฉริยะ เกษตรอินทรีย์ อบรมบ่มเพาะและถ่ายทอด พัฒนาเกษตรกร-สหกรณ์และสถาบันเกษตรกร
5. คุ้มครองสิทธิเกษตรกร พันธ์ุพืชพันธ์ุสัตว์และความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity ) โดยเฉพาะในส่วนเกี่ยวข้องกับ FTA ที่จะเจรจาและข้อตกลงอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งปัจจุบันและอนาคตเช่น UPOV-CPTPP และ FTA EU /UAE EFTA
6. เร่งสนับสนุนการขับเคลื่อนกลไกเกษตรกรรมยั่งยืนระดับชาติ คณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง คณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล คณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนระดับพื้นที่ 77 จังหวัด
7. สนับสนุนความมั่นคงทางอาหารทั้งเชิงปริมาณ คุณภาพ และโภชนาการที่ดี
8. ส่งเสริมอาหารแห่งอนาคต เช่น โปรตีนทางเลือกใหม่ได้แก่โปรตีนจากพืช โปรตีนจากแมลงสาหร่าย ผำ แหนแดง อาหารฮาลาล
9. ส่งเสริมเกษตรปลอดภัย เกษตรสุขภาพ ลดใช้ปุ๋ยเคมีและสารพิษอันตราย 
10. สร้างกลไกใหม่ ขยายความร่วมมือภาคีเครือข่ายระหว่างภาคเอกชน ภาคเกษตรกรและภาควิชาการ และภาครัฐเพิ่มบทบาทด้านเกษตรกรรมยั่งยืนของ 'มกอช.' 'อย.' และกรมพัฒนาที่ดิน กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมข้าว กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top