Thursday, 12 June 2025
SPECIAL

ชลบุรี - วางแผนฉีดวัคซีน 3 หมื่นคนต่อวัน ผู้ติดเชื้อโควิดลดลงต่อเนื่อง

จังหวัดชลบุรี จัดเตรียมสถานที่พร้อมและศักยภาพบุคลากรที่ให้บริการฉีดวัคซีนได้ 3 หมื่นคนต่อวัน  ขณะที่ภาพรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19  ลดลงต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 ที่ห้องประชุมชลบุรี ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชลบุรี นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคจากเชื้อไวรัสโควิด-19  ครั้งแรก เพื่อเตรียมความพร้อมบูรณาการขับเคลื่อนการกระจายแจกจ่ายวัคซีน การลงทะเบียนรับวัคซีนและฉีดวัคซีน ซึ่งรัฐบาลกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ


โดยนายแพทย์อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สรุปภาพรวมบริหารจัดการฉีดวัคซีน ในบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ด่านหน้า  และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ตั้งแต่มีนาคมถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม นี้ จะครอบคลุมครบร้อยเปอร์เซ็นต์  โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนทเป็นต้นไป เป็นบริการฉีดให้ผู้รับวัคซีนในกลุ่มหลัก 7 โรคเสี่ยง กลุ่มผู้สูงอายุ และประชาชนทั่วไป กำหนดรูปแบบร้อยละ 30 ในกลุ่มลงทะเบียนผ่านไลน์หรือแอปหมอพร้อม ร้อยละ 50 ในกลุ่มประชาชนทั่วไป องค์กรหรือหน่วยงานที่ประสานโรงพยาบาล นัดวันฉีดวัคซีนซึ่งจะเป็นจำนวนหลัก และร้อยละ 20 ในประชาชนที่เดินทางเข้ามารับวัคซีน ซึ่งทีมสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีสามารถให้บริการวัคซีนที่ผ่านมามากกว่าหมื่นคนต่อวันต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพพร้อมให้บริการ 3 หมื่นคนต่อวัน ภายใน 30-45 วันจะครบร้อยละ 70 ของประชากรล้านคนเศษ ตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรรช้าหรือเร็ว 9 แสนโด้ส  


ในส่วนพื้นที่ทั้ง 11 อำเภอได้กำหนดสถานที่นอกโรงพยาบาล  เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในการเข้ารับวัคซีนเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ วันนี้  33 ราย เป็นผู้สัมผัสในครอบครัว 19 ราย ที่ทำงาน 6 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวนโรค 8 ราย  ยอดสะสมรวม 3,770 ราย  หายป่วยเพิ่ม 156 ราย รวมเป็น 2,728 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 สะสม 15 ราย โดยยังค้นหาผู้สัมผัสจำนวน 241 ราย ค้นหาเชิงรุกในพื้นที่ 620 ราย และด้วยรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน อีกจำนวน 569 ราย



ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 
 

ขอนแก่น - มข. คว้ารางวัล “เหรียญเงิน” ระดับนานาชาติ จาก “อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่” ณ สมาพันธรัฐสวิสเซอร์แลนด์

“อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ หรือ Nasal Creator Device” คว้ารางวัล “เหรียญเงิน” ระดับนานาชาติ จากผลงานประกวด 800 ชิ้น กว่า 40 ประเทศ ของการประกวดแข่งขัน Geneva Inventions ในงาน The 48th International Exhibition of Inventions Geneva ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิสเซอร์แลนด์

โดย “อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ หรือ Nasal Creator Device” เป็นสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งเป็นความร่วมมือจากทีมวิจัยสหสาขาวิชาชีพจากคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี รศ.ดร.ทพ.พูนศักดิ์ ภิเศก เป็นหัวหน้าทีม โดยผลงานดังกล่าว มีจุดเริ่มต้น ในปี พ.ศ. 2561 ในรายวิชาโครงการวิจัยทางทันตกรรม ซึ่งรศ.พูนศักดิ์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัย และนักศึกษาทันตแพทย์ชั้นปีที่ 5 ประกอบด้วย นทพ.วนิดา อัครโชติสกุล, นทพ.ชลนภา พัฒนภิรมย์ และนทพ.ธนาภรณ์ นีละกาญจน์ (ปัจจุบันทุกท่านสำเร็จการศึกษารับราชการเป็นทันตแพทย์แล้ว) สนใจออกแบบพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ โดยมี รศ.ดร.สุรสิทธิ์ ปิยะศิลป์ คณะวิศวกรรมศาสตร์, ผศ.นพ.พลากร สุรกุลประภา คณะแพทยศาสตร์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาในลักษณะของทีมสหสาขาวิชาชีพ และต่อยอดด้วยการศึกษาเชิงคลินิกของ ทพญ.สุลาวัลย์ แววสง่า นักศึกษาหลังปริญญาหลักสูตรวุฒิบัตร สาขาทันตกรรมจัดฟัน โครงการวิจัยนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ “Research Fantasia Season X” จากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อมาผลงานนี้ได้รับการรับรองจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการใช้งานในผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ในโรงพยาบาลและสถานบริการทั่วประเทศ โดยเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายอุปกรณ์นี้จาก สปสช.

ในปีพ.ศ. 2562 ผลงานนี้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านสังคม (National Innovation Awards for Social Contribution 2019) จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ปี พ.ศ.2563 ได้รับรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ รางวัลประกาศเกียรติคุณผลงานสิ่งประดิษฐ์คิดค้น จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

ปี พ.ศ.2564 ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติให้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าประกวดแข่งขัน ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิสเซอร์แลนด์ จนคว้ารางวัลระดับนานาชาติในครั้งนี้

รศ.ทพ.ดร. พูนศักดิ์ ภิเศก หัวหน้าทีมผู้คิดค้นอุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า “การออกแบบอุปกรณ์สำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ได้ทำการวิจัยร่วมกันในลักษณะสหสาขาวิชาชีพ ซึ่งเริ่มจากนักศึกษาทันตแพทย์ระดับปริญญาตรีได้ทำการศึกษาออกแบบพัฒนาเครื่องมือเป็นตัวต้นแบบ ตามมาด้วยการศึกษาวิจัยต่อยอดทางคลินิกโดยนักศึกษาหลังปริญญาในหลักสูตรทันตแพทย์ประจำบ้านสาขาทันตกรรมจัดฟัน ได้ศึกษาผลของอุปกรณ์นี้ในเชิงคลินิก ซึ่งเป็นการศึกษาต่อเนื่องติดตามผลการใช้งานในผู้ป่วยหลังใช้เครื่องมือนี้ในการผ่าตัดตกแต่งจมูกและริมฝีปาก โดยคณาจารย์จากคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้ร่วมกันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการวิจัย เดิมทีอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ยังไม่มีการผลิตขึ้นมาในประเทศ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศในราคาชิ้นละ 3,500 – 4,000 บาท ต่อชิ้น ซึ่งคนไข้ปากแหว่งเพดานโหว่ 1 คนต้องใช้ประมาณ 3 ชิ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อผู้ป่วย 1 คน อยู่ที่ประมาณ 12,000 บาท เมื่ออุปกรณ์นี้สามารถผลิตได้สำเร็จจะทำให้ลดการนำเข้าจากต่างประเทศและต้นทุนการผลิตถูกลง เฉลี่ยชิ้นละ 200-300 บาท ทำให้ค่าอุปกรณ์ในการรักษา ลดลงถึง 10 เท่า สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้ ผมขอขอบคุณ ผศ.ทพ. วัชรินทร์ หอวิจิตร ผศ.ดร.ทพ. เอกสิทธิ์ มโนสุดประสิทธิ์ อ.ดร.ทพญ. พุทธธิดา วังศรีมงคลและ คุณสุธีรา ประดับวงศ์ ที่มีส่วนช่วยเหลือในงานวิจัยและเตรียมการประกวดแข่งขัน ขอขอบพระคุณประธานมูลนิธิตะวันฉาย ศ.นพ.บวรศิลป์ เชาวน์ชื่น รศ.(พิเศษ) ดร.ทพญ. สมใจ สาตราวาหะ และท่าน รศ.ดร.ทพญ. วรานุช ปิติพัฒน์ คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ ที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด”

“อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ หรือ Nasal Creator Device” เป็นอุปกรณ์ที่ผลิตจากโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหาร (อย.) เป็นวัสดุที่มีความปลอดภัย และได้มาตรฐาน ซึ่งได้รับการรับรองจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช) จึงอนุมัติให้สถานพยาบาลทั่วทุกประเทศได้ใช้งาน และยังได้ส่งต่อไปในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ พม่า ลาว และกัมพูชาอีกด้วย

ขอนแก่น - กฟผ.และบริษัทในกลุ่มกฟผ. มอบเงินสนับสนุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลในจังหวัดขอนแก่น

วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นางจิรประภา ศิริสูงเนิน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น 
เป็นประธานรับมอบเงินจำนวน 1,900,000 บาท จากนายพิพัทต์ คงสินทวีสุข ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายไวฑูรย์ เกียรติเฉลิมคุณ ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าน้ำพอง และนายสหชาติ พิลาออน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 ผู้แทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัทในกลุ่ม กฟผ. เพื่อสนับสนุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลในจังหวัดขอนแก่น จำนวน 5 โรงพยาบาล ได้แก่โรงพยาบาลศรีนครินทร์จำนวน 500,000 บาท โรงพยาบาลขอนแก่นจำนวน 500,000 บาท โรงพยาบาลชุมแพจำนวน 300,000 บาท โรงพยาบาลน้ำพองจำนวน 300,000 บาท และโรงพยาบาลสมเด็จพระเด็จพยุพราชกระนวนจำนวน 300,000 บาท 


นอกจากนี้ยังได้มอบเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่กดเจลแอลกอฮอล์แบบเท้าเหยียบพร้อมเจลแอลกอฮอล์ขนาด 450 มล.10 ชุด หน้ากากอนามัย 1,000 ชิ้น หมวกคลุมผม 1,000 ชิ้น ถุงมือยาง 1,000 ชิ้น ชุดกาวน์กันน้ำ 100 ชุด น้ำดื่ม 100 โหล ให้สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น และน้ำดื่ม 100 โหลให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อใช้ในการออกปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและเฝ้าระวัง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019

ตามที่ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ระลอกใหม่นี้ กฟผ.และบริษัทในกลุ่ม กฟผ. ได้แก่ บริษัท ราชกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ระดมเงินงบประมาณจำนวน 81 ล้านบาท เพื่อร่วมบริจาคให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 149 โรงพยาบาล นำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ของบุคลากรทางการแพทย์ และนับตั้งแต่การเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ตั้งแต่ปี 2563 – 2564 กฟผ.ได้สนับสนุนงบประมาณรวม 400 ล้านบาทในการสนับสนุนการทำ จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ให้กับโรงพยาบาล 300 โรงพยาบาล และชุมชนกว่า 1,000 ชุมชนทั่วประเทศ เพื่อให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ตามแนวการดำเนินงานว่า กฟผ.เคียงข้างคนไทยทุกวิกฤต


 

ระยอง - นายกช้าง รณรงค์ให้ชาวระยองฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 หากเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน จ่ายทันที 500,000 บาท

เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2564 ที่ห้องประชุมชั้น 3  อบจ.ระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง เปิดแถลงข่าวรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนชาว จ.ระยอง ไปรับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ทุกคน เพื่อให้ จ.ระยอง เป็นจังหวัดที่ปลอดจากเชื้อไวรัสโควิด-19
นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง กล่าวว่า หลังจากที่ตนติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 18 เม.ย.64 ที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว 1 เข็ม จึงทำให้อาการทั่วไปไม่รุนแรง เชื้อไม่ลงปอด ล่าสุดหายเป็นปกติแล้ว ซึ่งตนได้เล็งเห็นถึงประโยนช์ของการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ดังกล่าว จึงควรให้ประชาชนชาว จ.ระยอง เข้ารับการฉีดวัคซีนกันทุกคน เพื่อทุกคนจะได้ปลอดภัยจากโควิด-19 เพราะการฉีดวัคซีนมีประโยชน์กว่าไม่ฉีด และไม่ต้องไปกลัวว่าจะได้รับอันตรายจากการฉีด เพราะ ทางภาครัฐก็มีประกันให้ หากใครเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนมีการจ่ายเงินช่วยเหลือ จำนวน 400,000 บาท โดยตนจะควักเงินส่วนตัวจ่ายเงินช่วยเหลือเพิ่มให้อีก โดยทางตนได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ต่อการฉีดวัคซีน จึงได้เสนอจ่ายเงินส่วนตัวจากผลกระทบต่อการฉีดวัคซีน 


โดยฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิต หรือพิการถาวร ประชาชนที่อาศัยอยู่ใน จ.ระยอง ที่ทะเบียนบ้านอยู่ในระยอง จ่าย 400,000 บาท  ประชาชนที่มีทะเบียนบ้านและเป็นชาวระยองโดยกำเนิด จ่ายเพิ่มให้ 100,000 บาท เป็น 500,000 บาท ฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการพิการหรือสูญเสียอวัยวะทางร่างกาย จ่าย 240,000 บาท เป็นประชาชนที่มีทะเบียนบ้านเป็นชาวจ.ระยองโดยกำเนิด จ่าย 340,000 บาท บาดเจ็บจากการฉีดวัคซีน ประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ใน จ.ระยอง จ่าย 100,000 บาท สำหรับประชาชนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ใน จ.ระยอง จ่าย 200,000 บาท ส่วนประชาชนที่ไม่มีทะเบียนบ้านอยู่ใน จ.ระยอง จะตรวจสอบหลักฐานจากบัตรประกันสังคม และบัตรพนักงานแต่ก็จะต้องตรวจสอบกันอย่างละเอียดว่าอาศัยอยู่ใน จ.ระยอง จริง และมีเงื่อนไขว่าต้องฉีดวัคซีนกับโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น ขอเชิญให้ชาวระยอง ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโควิดทุกคน หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อได้ที่ อบจ.ระยอง


ภาพ/ข่าว  วฐิต กลางนอก / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน 
 

ชลบุรี - กองเรือยุทธการ บริจาคโลหิตฝ่าวิกฤตโควิด-19 เนื่องในวันอาภากร

พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานในการจัดกิจกรรม กองเรือยุทธการ บริจาคโลหิตช่วยวิกฤตชาติ เนื่องในวันอาภากร ประจำปี 2564 มีคุณสุนันท์  สมานรักษ์ ประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ พร้อมคณะร่วมกิจกรรมฯ และร่วมมอบของ เพื่อให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ของกองทัพเรือ ให้มีพลังร่วมกันฝ่าวิกฤตชาติ COVID-19 ณ ห้องคลังเลือด โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี   

จากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้บริจาคโลหิตมีจำนวนลดลงทั่วประเทศ ทำให้ปริมาณโลหิตสำรองขาดแคลน ไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาลต่างๆ รวมทั้งโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ฯ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของกองทัพเรือ และเป็นศูนย์รับบริจาคโลหิตของสภากาชาดไทย ที่รองรับผู้ป่วยในพื้นที่ จ.ชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง เข้าสู่ภาวะของการขาดโลหิตอย่างหนัก จนกระทั่งปัจจุบันจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ระรอกที่ 3 ก็ยังคงอยู่ในสภาวะวิกฤตของการขาดโลหิต กองเรือยุทธการ จึงได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนกำลังพลร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิตในครั้งนี้

โดยจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตฯ ขึ้นระหว่างวันที่ 8 - 18 พ.ค.64 มีกำลังพลของกองเรือยุทธการ ที่มีความตั้งใจเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 149 นาย นับเป็นโลหิต จำนวน 149 ยูนิต หรือประมาณ 67,050 ซีซี

ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ที่ตั้งไว้ว่า กองเรือยุทธการต้องร่วมแรงร่วมใจในการร่วมแก้วิกฤตของชาติ จาก COVID-19 อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งกิจกรรมหนึ่งคือการบริจาคโลหิต โดยได้จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จากวันที่ 8 ก.พ.64 ร่วมกับกาชาดจังหวัดชลบุรี และจะดำเนินการจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตเป็นระยะไปจนถึง วันที่ 30 ก.ค.64 หรือจนกว่าสถานการณ์การขาดโลหิตจะบรรเทา สอดคล้องกับนโยบายของกองทัพเรือ ในการร่วมแก้ปัญหาการขาดแคลนโลหิตในภาพรวมของประเทศ อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สุโขทัย - ทหารลุยสวนส้มแม่สิน อุดหนุนผลผลิต หลังจากพิษโควิดระบาด ราคาตกฮวบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.เสมอ แจ่มใส ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ ที่ 4มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทหารในสังกัด ร่วมกับ พ.อ.หญิง คชาภา หัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผนฯ กอ.รมน จังหวัดสุโขทัย พ.ท.คะเนตร รักวุ่น รองหัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผนฯ กอ.รมน จังหวัดสุโขทัย พร้อมให้ เจ้าหน้าที่ทหารร่วมลงพื้นที่สวนส้มเขียวหวานที่ หมู่ 1 ตำบลแม่สิน อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย  ซึ่งเป็นของนายกิตติชัย พองาน  อายุ 28 ปี เพื่อสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นตามที่ นายจักราวุธ ยาน้อย ได้ลงเฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือเรื่องส้มเขียวหวาน ผลผลิตออกจำหน่ายไม่ได้ทำให้ราคาดิ่งลงมามากเมื่อเทียบกับทุก ๆ ปี หากเก็บใว้ก็ไม่ได้เพราะส้มเขียวหวานถึงอายุเก็บผลผลิตแล้วถ้าไม่เก็บจะทำให้ผลส้มนั้นเกิดความเสียหาย   


จากการสอบถามนายกิตติชัย พองาม เจ้าของสวนให้การว่า ผลผลิตส้มเขียวหวานนั้นขายไม่ได้เนื่องจากพิษโควิด-19 แม่ค้าส่วนมากจะรับซื้อแต่ส้มที่ลูกเล็กส่วนลูกใหญ่จะขายไม่ได้ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจำหน่ายดังกล่าว จึงขอฝากพี่น้องที่ได้ดูข่าวนี้แล้วมาช่วยซื้อส้มเขียวหวานตนเองเบอร์ใหญ่สุดขายเพียงกิโลละ 18 บาทเท่านั้น และในวันนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้ช่วยซื้อส้มเขียวหวานจำนวน 200 กก. เพื่อนำมาแจกจ่ายให้กับกำลังพล และพลทหารกองประจำการ

ทางด้าน นายจักราวุธ ยาน้อย ตัวแทนชาวสวนที่นำเรื่องราวไปลงในเฟซบุ๊ก บอกถึงสาเหตุว่า ซึ่งปัจจุุบันในการจำหน่ายสู่ท้องตลาดหรือการรับชื้อของพ่อค้าคนกลางนั้นลดน้อยลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัสโควิด-19 ที่กระจ่ายอยู่ทุกพื้นที่ ส่งผลให้พ่อค้าที่จะเดินทางมารับซื้อนั้นเดินทางเข้ามาในพื้นที่อยากลำบาก ประกอบกับช่วงนี้สภาพอากาศมีพายุฝน ทำให้ผลผลิตเสียหาย  ชาวสวนต้องเร่งเก็บผลผลิตส้มเพื่อจำหน่ายในราคาที่ต่ำก่อนที่จะได้รับผลกระทบเสียหายมากกว่านี้  
ในวันนี้ตนเองและชาวสวนส้มเขียวหวานหมู่ 1 ตำบลแม่สิน รู้สึกดีใจอย่างมากที่มีทหารลงมาช่วยดูเรื่องปัญหาและช่วยซื้อส้มเขียวหวาน และหวังว่าจะได้รับการแก้ไขในเร็ว ๆ นี้



ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร สุโขทัย
 

ปะทะเดือด !! ล่าพรานป่าไหวตัวหลบหนีทัน คาดชำนาญพื้นที่ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ยึดปืนลูกซอง และซากสัตว์ป่า อ.บ้านไร่

วันที่ 16 พฤษภาคม 2564 เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเชิงคุณภาพ ( Smart Patrol) ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่12(นครสวรรค์) ได้รับรายงานจากสายข่าวแจ้งมาว่า จะมีกลุ่มบุคคลไม่ทราบชื่อจะเข้าไปลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ท้องที่ตำบลคอกควาย อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี หลังได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่วางแผนโดยได้ลาดตระเวนไปเฝ้าระวังในพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้งมา

จนเวลา 20.30 น. ได้ยินเสียงปืน 1 นัด ห่างจากจุดพักแรมระยะประมาณ 400 เมตร​ เช้าวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนชุดดังกล่าว ได้เข้าตรวจสอบ ณ จุดที่ได้เสียงปืน พบรอยเท้าคนเป็นรอยใหม่ 1 รอย​ จึงทำการค้นหา​ จนเวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ได้พบชายต้องสงสัยไม่ทราบชื่อ จำนวน 2 คน อยู่​บริเวณโป่ง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าขอตรวจค้น แต่ชายต้องสงสัยไม่ยอม และได้หันปากกระบอกปืนมาหาเจ้าหน้าที่ และยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ จำนวน 1 นัด

เจ้าหน้าที่ได้เข้าที่กำบังและยิงอาวุธปืนตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง หลังจากเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ อย่างละเอียด ไม่พบชายต้องสงสัยทั้ง 2 คน ดังกล่าว คาดว่าอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไป จากนั้นได้ร่วมกันตรวจสอบสถานเกิดเหตุโดยรอบ พบของกลางในที่เกิดเหตุ หลายรายการ ดังนี้

1.อาวุธปืนลูกซองเดี่ยว ไม่มีหมายเลขทะเบียน 1 กระบอก2.เครื่องกระสุนลูกซอง จำนวน 4 นัด3.เป้สนาม 2 ใบ 4.เปลสนาม 2 ผืน5.ผ้ายางกันฝน 1 ผืน6.ไฟฉายคาดศีรษะ 3 อัน7.มีด 2 เล่ม8.ซากหมูป่า 1 ซาก 9 ซาก ลิงกัง 2 ซาก 10 ซาก อีเห็น 1 ซาก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดทำบันทึกตรวจยึดและนำของกลางส่งสถานีตำรวจภูธรบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่


ภาพ/ข่าว  ภาวิณี ศรีอนันต์ รายงาน

ฟ้าผ่า ภัย(ไม่)เงียบ ที่มาพร้อมกับพายุ ฝนฟ้าคะนอง | LOCK LENS GURU EP.17

LOCK LENS GURU / EP.17 วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม

???? GURU : ผศ.ดร.สุทัศน์ จันบัวลา อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

▶️ หัวข้อ : ฟ้าผ่า ภัย(ไม่)เงียบ ที่มาพร้อมกับพายุ ฝนฟ้าคะนอง

อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021041704

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES 

.

.

เชียงราย - โควิด-19 ลามเกาะคาสิโนคิงส์โรมัน เกือบ 300 คน ในเขตชายแดนสามเหลี่ยมทองคำ

คิงส์โรมันเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เกือบ 300 คน หลังเกิดการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง จีนส่งทีมแพทย์ฉีดชิโนฟาร์ม ให้กับพนักงานควบคุมการแพร่ระบาด พร้อมทั้งขอความร่วมชาวประมงไทยงดทำการประมงเส้นเขตแดน

วันที่ 17 พ.ค. 64 พบการระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในโครงการคิงส์โรมัน ที่อยู่ในเขตเศรษฐพิเศษสามเหลี่ยมคำ แขวงบอแก้ว สปป.ลาว ชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พบว่าตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อรวมจำนวน 284 ราย เป็นคนจีน 81 คน ลาว 138 คน เมียนมา 33 คน และไทย 7 คน โดยล่าสุดได้มีทางสาธารณสุขจากประเทศจีนเดินทางไปแก้ไขการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำแล้ว ขณะที่ทาง จ.เชียงราย ได้ประสานไปยังเขตดังกล่าวเพื่อขอรับคนไทยข้ามกลับมาแล้ว

เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำได้มีการประกาศปิดการเข้าออก หรือล็อคดาวน์เขตระหว่างวันที่ 6-20 พ.ค.64 โดยมีการระดมฉีดวัคซีนชิโนฟาร์มจากประเทศจีนให้กับพนักงาน  แล้วจำนวน 223 คน  และได้มีประกาศจากแขวงบ่อแก้วให้ล็อคดาวน์เมืองและหมู่บ้านทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ทั้ง 5 เมืองของแขวงบ่อแก้ว โดยได้ขอความร่วมมือมายังพื้นที่ชายแดน จ.เชียงราย ที่ติดกับแม่น้ำโขง ให้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านงดการทำประมงในแม่น้ำโขงที่เป็นเส้นเขตแดนเพื่อป้องกันกลุ่มคนปะปนไปกับชาวประมงลักลอบเข้าหนีเข้าเมืองได้


ภาพ/ข่าว  วัตร ลาพิงค์ / หมายเหตุภาพจาก คาสิโนคิงส์โรมัน

ตราด - หนุ่มตังเก เจ็บ 5 เสียชีวิต 1 ขณะกำลังช่วยกันโกยปลา น๊อคแก๊สไข่เน่าในท้องเรือ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16 นาฬิกาเศษ วันที่ 16 พค. 64 สมาคมสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราดเขตอำเภอคลองใหญ่ ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเรือประมงชื่อศักดิ์มงคลชัย 5 สาเหตุ น๊อคแก๊สไข่เน่าในท้องเรือ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดจำนวน 6 คน หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ไปถึงที่เกิดเหตุสะพานท่าเทียบเรือชลาลัย ม.5 บ้านคลองสน ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด  ในเรือประมงลำดังกล่าวที่จอดเทียบสะพานอยู่ พบลูกเรือจำนวนมากกำลังช่วยผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจากห้องดองปลาใต้ท้องเรือ จึงรีบช่วยปฐมพยาบาล พบว่าเป็นแรงงานประมงทั้งหมด 6 คน โดยเป็นแรงงานพม่า 5 คน แรงงานไทย 1 คน ในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหมดสติ จำนวน 1 คน พยายามปั๊มหัวใจแต่ไม่สามารถช่วยได้ ชีพจรหยุดเต้นไม่สามารถกู้ได้ จึงรีบนำส่งรพ.คลองใหญ่ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย มีอาการสาหัส 1 ราย และอาการไม่สาหัสอีก 4 ราย จึงนำทั้งหมดส่งต่อมายังรพ.ตราด ขณะนี้ผู้อาการหนักยังอยู่ในขั้นโคม่า ส่วนอีก 4 รายอาการดีขึ้นบ้าง ส่วนผู้เสียชีวิตทราบชื่อว่า นายระ ไม่ทราบนามสกุล เป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์

นายเชษฐ อ่อนเนียม อายุ 62 ปี 221 ม.4 ต.บางหญ้าแพร จ.สมุทสาคร  เป็นลูกเรือลำดังล่าวเล่าให้ฟังว่า เรือลำดังกล่าวมาจากมหาชัย มาจับปลาทะเลตราด เป็นเรือไดปลาประเภทปลาไก่ (ปลาเล็กปลาน้อยหลาย ๆ ชนิดผสมกัน) ออกจับปลา 3 วันเข้าเทียบท่า 1 ครั้ง ก่อนเกิดเหตุไปจับปลาครบ 3 วันจึงนำเรือมาเทียบท่า และให้แรงงาน 6 คน ลงไปทำหน้าที่โกยปลาไก่ ที่หมักดองเกลือมา 3 วันขึ้นชั่งขาย แต่ขณะกำลังช่วยกันโกยปลา แรงงานทั้งหมดเดอาการหมดสติ หายใจไม่ออกเพราะสูดดมแก๊สจากการดองปลาเข้าไป จึงให้ลูกเรือที่เหลือช่วยกันนำขึ้นมาข้างบน และแจ้งกู้ภัยมาช่วยเหลือดังกล่าว ส่วนสาเหตุคาดว่าในห้องดองปลาคงจะมีอากาศอยู่น้อย ประกอบกับแก๊สจากการดองปลามีมาก ทำให้ลูกเรือทั้งหมดที่ลงไปสูดแก๊สเข้าไปจนหมดสติ และเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งลูกเรือที่ส่งไปรพ.ตราดคาดว่าน่าจะเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน ขณะนี้แพทย์อยู่ระหว่างการช่วยชีวิตอยู่ ส่วนที่เหลืออีก 4 คน น่าจะปลอดภัย


ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าว จ.ตราด

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่ด่านชุมชนอ่าวน้อยปูพรม ค้นหา 20 พม่าเถื่อนหลบหนีเข้าเมือง

วันที่ 17 พฤษภาคม นางลั่นทม งุ่ยไก่ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ชุด ชรบ. เจ้าหน้าที่ อสม. ด่านตรวจเขาดิน ใกล้ชายแดนไทย –พม่า ควบคุมตัวนายจอนาอู อายุ 36 ปี ชาวพม่าหลบหนีเข้าเมืองพร้อมกระเป๋าสัมภาระ พบว่าอยู่ในสภาพอิดโรย สอบถามเบื้องต้นนายจอนาอูอ้างว่า ก่อนหน้านี้มาจากเมืองย่างกุ้ง ได้เดินเท้าพร้อมกับเพื่อนชาวพม่าอีก 20 คน จากบ้านมูด่อง ประเทศพม่า ผ่านช่องทางธรรมชาติที่ช่องตะแบกพื้นที่หมู่ 9 ต.อ่าวน้อย เพื่อไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร โดยจ่ายค่านายหน้าให้นายทุนชาวพม่าคนละ 10,000 บาท แต่ขณะเดินไปจุดนัดหมายได้พลัดหลงกับเพื่อน ซึ่งรอรถนายทุนมารับในฝั่งไทยนาน 3 วัน ทำให้เสบียงอาหารและน้ำไม่พอกับการยังชีพ

จากนั้นได้รายงานให้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึกทราบ เพื่อสนธิกำลังร่วมกับ ตชด.146 เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ออกปูพรมค้นหาแรงงานพม่าที่หลบหนีเข้าเมือง โดยเฉพาะในสวนยางพาราที่มีคนงานชาวพม่าซึ่งอาจให้ที่พักพิง พร้อมตั้งด่านสกัดบนถนนสายรองภายในหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อสังเกตรถต้องสงสัย พร้อมตรวจสอบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกราย เนื่องจากเคยมีเบาะแสชาวพม่าลักลอบขนแรงงานเถื่อนในลักษณะกองทัพมด รวมทั้งการตรวจสอบรถยนต์ของทางราชการ และรถยนต์ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานที่ใช้เส้นทางผ่านด่าน

มีรายงานว่า สำหรับ กรณีเจ้าหน้าที่หน้าที่หลายหน่วยสนธิกำลังควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวชาวพม่า 50 คน ลักลอบเดินเท้าหลบหนีเข้าเมืองบริเวณ ช่องทางธรรมชาติทางทิศเหนือของช่องวังเป้า หมู่ 12 บ้านน้ำโจน ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่เกิดเหตุใกล้แนวสันเขา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำไปกักตัว 14 วัน ที่สถานกักกันที่กองร้อย ตชด.146 ด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามโทรศัพท์มือถือจำนวน 31 เครื่องของชาวพม่าที่สูญหายทั้งหมดขณะควบคุมตัว ทำให้หน่วยงานระดับจังหวัดสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ล่าสุดผู้นำท้องที่หมู่ 12 ต.อ่าวน้อย พบโทรศัพท์มือถือ 12 เครื่องบางส่วนบรรจุในถุง และถูกทิ้งกระจัดกระจายใกล้กับจุดควบคุมตัวแรงงานเถื่อนที่หุบตาเสริฐ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ค้นหาโทรศัพท์มือถืออีก 9 เครื่องที่สูญหาย


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สงขลา – ชาวอำเภอนาทวี แห่ฉีดวัคซีนที่ รพ.สมเด็จพระบรมราชินี ณ อำเภอนาทวี หลังเกจิดังภาคใต้ และผอ.รพ.เชิญชวน ส่วนเจ้าคณะอำเภอสะเดา ยืนยันฉีดแล้วไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น

วันนี้ 17 พฤษภาคม 2564 ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินี ณ อำเภอนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา ได้มีประชาชนชาวอำเภอนาทวีประมาณ 400 คน เดินทางเข้ามารับการฉีดวัคซีนชิโนแวค หลังจาก ที่ พระครูสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนาทวี/รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา หรือเกจิดังภาคใต้ พร้อมด้วยนายแพทย์สุวัฒน์ วิริยพงษ์สุกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินี ณ อำเภอนาทวี ก่อนหน้านี้ได้มีการเชิญชวนชาวอำเภอนาทวี ให้มาลงทะเบียนและรับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด 19 กัน และในวันนี้จึงมีประชาชนชาวอำเภอนาทวีแห่กันมาที่ รพ.ฯเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนชิโนแวคเพื่อป้องกันเชื้อโควิด 19 กัน โดยทาง รพ.ฯจะมีขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อการตรวจ และสอบประวัติผู้เข้ามารับการฉีดวัคซีน อย่างพร้อมเพียง สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่เข้ามารับการฉีดวัคซีนชิโนแวคในครั้งนี้

ครูบัณฑิตธรรมาลังการ (ประสิทธิ์ ปณฺฑิโต) เจ้าอาวาส วัดยางทอง – เจ้าคณะอำเภอสะเดา กล่าวว่า เจริญพร อาตมาได้มีโอกาสได้ไปฉีดวัคซีนโควิดชิโนแวค เมื่อวันที่ 5 เมษายน เป็นเข็มที่ 1 แล้วก็วันที่ 25 เมษายน เข็มที่ 2 ครบ อาการหลังจากที่ได้ฉีดวัคซีนนั้น ก็จะทำให้มีความเชื่อมั่นในเรื่องของการติดต่อเชื้อโรค จะได้ไปไหนมาไหนก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ในส่วนอาการนั้นก็ไม่ได้พบว่าจะมีอาการใด ๆ เกิดขึ้น จากที่บรรดาท่านทั้งหลายนั้นได้เสพข่าวไม่ว่าในทางทวีก็ดี ทางด้านหนังสือพิมพ์หรือในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊คอะไรต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งสื่อส่วนใหญ่นั้นก็บางครั้งก็อาจจะลงไปผิดพลาดทำให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจ แต่หลังจากที่อาตมาฉีด 2 เข็มผ่านไป ซึ่งถือว่าฉีดอยู่ในล็อตแรก ๆ ของส่วนภูมิภาคที่ทางรัฐบาลได้แจกจ่ายให้ส่วนภูมิภาคต่าง ๆ ก็ยังไม่ได้พบอาการใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาการผื่นคันก็ดีหรืออาการแพ้ยา หรือจะอะไรก็ตามที่บรรดาท่านทั้งหลายมีความวิตกกังวน ว่าเมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะมีอาการใกล้เคียงอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งรับว่าไม่เป็นความจริง เพราะฉนั้นก็ขอเชิญชวนบรรดาพระภิกษุซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง เนื่องจากว่าต้องติดต่อกับบรรดาญาติโยมตามสถานที่ต่าง ๆ ก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงกลุ่มหนึ่ง จึงขอนิมนต์เชิญชวนเพื่อไปลงทะเบียนแล้วก็ฉีดให้ครบ ไม่ฉะนั้นถ้าแม้ว่าเรายังฉีดกันไม่ทั่ว ก็จะเป็นผลทำให้เกิดโรคติดต่อที่กำลังรุมเร้าอยู่ในยุคปัจจุบัน แล้วก็ฝากว่าเราอย่าพึ่งไปเชื่อข่าวเสพข่าวจนเกินไป แล้วก็อย่าไปวิตกกังวนเป็นโรคตาขาวนั้นก็คือมีความกลัว ว่าจะติดเชื้อให้เราคิดว่าการฉีดวัคซีนนั้นเป็นการป้องกันการติด ไม่ได้ป้องกันการตาย เพราะฉนั้นบางท่านนั้นจะกลัววัคซีนโควิดมากกว่ากลัวเชื้อที่จะมาติดกับตัวตน จึงอยากที่จะเชิญชวนท่านทั้งหลายให้ไปลงทะเบียนและก็ไปฉีดวัคซีนตามระบบไม่มีอาการใกล้เคียงใด ๆ ทั้งสิ้น ขอเจริญพร

ทางด้านพระครูสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนาทวี และ รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา หรือเกจิดังภาคใต้ กล่าวว่า วันนี้ก็มีญาติโยมพุทธบริษัทเข้ามารับวัคซีนกันมาก วันนี้มีเข็ม 2 เยอะ เช่นอำเภอนาทวี ก็เยอะ ดั่งนั้นก็ขอเชิญญาติโยมพี่น้องพุทธบริษัทที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนรับวัคซีนก็ขอเชิญมาเพื่อปกป้องร่างกายตนเอง วัคซีนแต่ละตัวดีหมด ที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่เราฉีดในปัจจุบันนี้เอง อย่าเที่ยวรอโยม เมื่อคืนวาน เมื่อคืน อาตมาภาคได้ไปหาพระเพื่อนที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา คือวัดหาดใหญ่ใน ก็นั่งๆอยู่ก็เห็นมีศพเข้ามา ศพเข้ามาก็เป็นเรื่องธรรมดาที่วัดก็ไม่มีอะไร แต่พอเข้ามาแล้วเห็นคนนั่งศาลาวิ่งกันหมด เขาบอกว่าเป็นศพที่เสียชีวิตจากโรคโควิด ก็เลยเห็นแล้วสงสาร เมื่อคืนมี 2 ศพด้วยกัน ก็อยากคิดว่าเรายังมีชีวิตอยู่ เรายังดำเนินชีวิตของเราได้อยู่ สงสารครอบครัวสงสารตัวเองก็อยากขอเชิญญาติโยมพี่น้องพุทธบริษัททุกคนทุกท่านได้มาร่วมกันลงทะเบียนเพื่อปกป้องตัวเองตามที่พูดไว้ก็คือ สร้างกำแพงเพื่อปกป้องร่างกายของเราจากโรคโควิดโดยการฉีดวัคซีนชิโนแวค ขอเจริญพร

สงขลา - สงขลานครินทร์ ส่งมอบ “นวัตกรรมสู้ภัยโควิด-19” แก่ รพ. กว่า 200 แห่ง ทั่วประเทศ

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยคณะวิทยาศาสตร์ ส่งมอบ 4 นวัตกรรม ในโครงการ SciJai แก่โรงพยาบาลกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับ COVID-19 พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดให้คลี่คลายลง

รองศาสตราจารย์ ดร.อัญชนา ประเทพ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ตามที่คณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. ได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนทุกท่านมีส่วนร่วมในการสนับสนุนนวัตกรรม โดยนักวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้กับ COVID-19 ของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อส่งมอบไปยังโรงพยาบาลในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดย 4 นวัตกรรมที่ได้ส่งมอบไปแล้ว ได้แก่ แผ่นกรองเพิ่มประสิทธิภาพหน้ากากผ้าใกล้เคียง N95, เครื่องจ่ายเจลล้างมืออัตโนมัติ, ระบบตรวจจับอุณภูมิร่างกายและคัดกรองอาการไข้ด้วยภาพถ่ายความร้อน และเครื่องวัดอุณหภูมิระยะไกล ซึ่งได้ส่งมอบนวัตกรรมให้กับโรงพยาบาลและโรงเรียนกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ

โดยหนึ่งในนวัตกรรมที่ได้ส่งมอบให้กับโรงพยาบาล และเพจดัง “Drama Addict” เพื่อส่งต่อไปยังทีมแพทย์ คือ แผ่นกรองเพิ่มประสิทธิภาพหน้ากากผ้าใกล้เคียง N95 ซึ่งแผ่นกรองดังกล่าว เป็นการผลิตเส้นใยนาโนอิเล็กเทรทพอลิเมอร์ด้วยเทคนิคอิเล็กโตรสปินนิงมาใช้เป็นตัวกรองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหน้ากากผ้าใกล้เคียง N95 คุณลักษณะเด่น คือ มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับหน้ากากทางการแพทย์ โดยการผลิตเส้นใยนาโน ด้วยเทคนิคอิเล็กโทรสปินนิง ทำเป็นแผ่นกรอง "Sci-Mask Filter" จึงมีคุณสมบัติเป็น Biocompatible มีความปลอดภัยในการใช้งาน มีประสิทธิภาพในการกรองที่สูง ทั้งการกรองอนุภาคและการกรองไวรัสเทียบเท่าใกล้เคียงกับหน้ากาก N95 และที่สำคัญมีคุณสมบัติ Super hydrophobic ซึ่งจะไม่ยอมให้ละอองน้ำหรือละอองลอยสามารถซึมผ่านแผ่นกรองได้ ทีมนักวิจัยได้นำแผ่นกรอง "Sci-Mask Filter" ไปทดสอบทางวิทยาศาสตร์ พบว่า มีประสิทธิภาพการกรองสูงถึง 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งได้ทำการทดสอบเรื่องความปลอดภัยในเซลล์ของปอด ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผลพบว่าสามารถใช้งานและมีประสิทธิภาพในการกรองแบคทีเรีย (ขนาด 1 micron) และไวรัส (ขนาด 0.2 micron) ที่ปนเปื้อนในละอองฝอยได้มากกว่า 99% เฉพาะแผ่นกรองมีประสิทธิภาพกรองฝุ่นที่ PM 2.5 ได้ถึง 91.17 %

“สำหรับการส่งมอบนวัตกรรมของคณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ด่านหน้าในการต่อสู้กับ COVID-19 ในครั้งนี้ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักวัจิยของคณะฯ ที่จะนำเอาองค์ความรู้ที่มี มาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ สิ่งใดที่สามารถแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ หรือทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดคลี่คลายลง ทางคณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. ยินดีอย่างยิ่งในการช่วยเหลือ ขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นส่วนสำคัญในการสู้วิกฤตในครั้งนี้” รองศาสตราจารย์ ดร.อัญชนา กล่าว

ทั้งนี้ หน่วยงานราชการ หรือท่านใดต้องการนำนวัตกรรมในโครงการ Scijai สามารถติดต่อมาที่ งานบริการวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โทร. 074-288023

สมุทรปราการ - ดับอีก 1เหยื่อโควิด-19 ชื่นชมเจ้าอาวาสวัดดัง ฌปณกิจศพฟรี !! เผยมั่นใจระบบความปลอดภัย ไม่ต้องกลัวติดโรค

พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ(พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เมตตาเป็นเจ้าภาพฌปณกิจศพ ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้เมตตาฌปณกิจศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19  ฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย อีกทั้งวัดบางพลีใหญ่กลาง มีความมั่นใจในระบบการป้องกันดูแล และมาตรการคุมเข้มเชื้อไม่สามารถแพร่กระจายได้ ไม่ต้องกลัวติดโรค

ที่วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา  นายอำเภอบางพลี เป็นประธานกดปุ่มสวิตช์ไฟฟ้าเผาศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 พร้อมด้วย พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ร่วมกดปุ่มสวิตช์ไฟฟ้าเผาศพผู้เสียชีวิต โดยมีทางเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิร่วมกตัญญู เป็นผู้รับศพผู้เสียชีวิตมาส่งยังวัดบางพลีใหญ่กลาง เพื่อให้ทางวัดช่วยเผาร่างผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า โดยมีบุคคลในครอบครัวของผู้เสียชีวิตและญาติสนิทร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย

ด้านนายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี  กล่าวว่า ทางอำเภอบางพลี ร่วมกับทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ดำเนินการป้องกันตามมาตรการ การป้องกันของทางกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด รวมถึงพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่บางพลี ไม่ต้องกังวนในเรื่องความปลอดภัยว่าเชื้อจะแพร่กระจาย  โดยทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอนอย่างเข้มงวด อีกทั้งยังมีความมั่นใจเนื่องจากว่า ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ใช้ระบบไฟฟ้าในการเผาศพผู้เสียชีวิต และมีอุณภูมิความร้อนที่สูงมาก จึงมีความมั่นใจว่าเชื้อไม่มีทางแพร่กระจายได้อย่างแน่นอน

ด้านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ(พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า วันนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้มีความเมตตาเผาศพร่างผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 อีก 1 ราย และในการเผาศพผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ที่ผ่านมานั้น  ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เมตตาเผาให้ฟรีมาโดยตลอดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างทางวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นผู้ที่ดูแลรับผิดชอบให้ทั้งหมด แต่หากทางฝ่ายญาติผู้เสียชีวิตมีความประสงค์จะร่วมทำบุญ ก็สุดแล้วแต่ตามกำลังศรัทธา เพราะทางวัดบางพลีใหญ่กลางคิดเสมอว่าอะไรที่วัดพอช่วยได้ ทางวัดก็มีความยินดีที่จะให้การช่วยเหลือ  อีกทั้งในสถานการณ์ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ประชาชนขาดรายได้เกิดความลำบาก ทางวัดจึงมีความเมตตาและสงสารประชาชนกับปัญหาที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามประชาชน หรือครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จะให้ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง เมตตาช่วยเหลือทางวัดก็ยินดี โดยจะติดต่อผ่านทางท่านนายอำเภอบางพลี  หรือจะเป็นผู้กำกับ สภ.บางพลี  โรงบาลบางพลี ก็สุดแล้วแต่จะสะดวก แต่ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ไม่รับฌปณกิจศพในทุก ๆ วันศุกร์เท่านั้น


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

กรุงเทพฯ - “ผบ.นทพ. สนับสนุนภารกิจสาธารณสุข จัดกำลังพลร่วมบริการประชาชน “คลองเตย” เข้าฉีดวัคซีนโควิด”

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 พล.อ. นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) สั่งการให้ สำนักงานสนับสนุน (สสน.นทพ.)  จัดกำลังพลปฏิบัติภารกิจร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย สำนักอนามัย กรุงเทพฯ ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้กับประชาชนผู้พักอาศัยอยู่ในชุมชนเขตคลองเตย โดยมีเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิว, กรอกข้อมูล ช่วยเหลือผู้รับบริการผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้มารับบริการ และให้ปฏิบัติงานทุกวันจนกว่าจะจบภารกิจ ณ บริเวณอาคารโกดัง สเตเดียม การท่าเรือแห่งประเทศไทย

พล.อ. นเรนทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกำลังไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม, พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (บก.ทท.) ที่สั่งการให้ทุกหน่วยจัดเตรียมกำลังพลที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ให้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19  มีการจัดระเบียบ ประชาสัมพันธ์ขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อลดความแออัดของประชาชนที่มารับบริการ  

โดยให้ปฏิบัติงานทุกวันจนกว่าจะจบภารกิจ ซึ่งทางด้านหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ได้สั่งการให้ พลตรี ธนินทร์ พู่ทองคำ ผอ.สสน.นทพ.จัดกำลังพลปฎิบัติงานและควบคุมผลการปฎิบัติให้ได้มีความพร้อมตลอดเวลาที่จะสนับสนุนกำลังพลออกปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที เพื่อช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ดูแลด้านความปลอดภัย และช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้คลี่คลายลง ทั้งนี้ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top