Wednesday, 3 July 2024
SPECIAL

‘กกต.’ รับเลือกตั้งล่วงหน้า นนทบุรี ‘กปน.’ ใส่รหัสหน้าซองผิด 100 ราย ยัน!! ไม่กระทบสิทธิ์ ขอให้มั่นใจ เลือกพรรคไหน ได้คะแนนถึงพรรคนั้น

(7 พ.ค. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงข่าวกรณีพบปัญหาในการเลือกตั้งล่วงหน้า หลังเปิดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าผ่านมาแล้วกว่า 6 ชั่วโมง เหลือราวๆ 3 ชั่วโมง ก็จะปิดหีบ แต่เมื่อประมาณ 10 โมงกว่าๆ มีการตรวจพบหน่วยเลือกตั้งที่จังหวัดนนทบุรี พบว่ากรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) มีการเขียนรหัสเขตเลือกตั้งที่หน้าซองสำหรับใส่บัตรเลือกตั้งผิด โดยเขียนของหน่วยเลือกตั้ง จากเขต 2 แต่เจ้าหน้าที่กรอกเป็นเขต 4 และกรอกรหัสไปรษณีย์แทนรหัสจังหวัด ซึ่งพบผิดพลาดประมาณ 100 คน เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบก็มีการเปลี่ยนหีบบัตรเลือกตั้งใหม่

นอกจากนี้ยังพบว่ามีข้อถกเถียงของประชาชนในโลกโซเชียลมีเดีย จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า กรรมการประจำหน่วยกรอกรหัสจังหวัดผิด ไม่ตรงกับรหัสไปรษณีย์ที่ผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งมีภูมิลำเนาอยู่ เรื่องนี้ขอชี้แจงว่า รหัสที่กรรมการประจำหน่วยจะกรอก รหัส 2 ตัวแรกคือ รหัสจังหวัด ส่วน 3 ตัวหลังคือรหัสเขตเลือกตั้ง ซึ่งรหัสเขตเลือกตั้ง จะเป็นไปตัวเลขคนละตัวกับรหัสไปรษณีย์ เช่น จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ 2 ตัวแรกคือ 12 แต่รหัสเขตเลือกตั้ง 2 ตัวแรก คือ 11

‘ผู้พิการ’ พร้อมใจออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเกือบ 100% โดยมี จนท. ช่วยอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างทั่วถึง

(7 พ.ค.66) ที่หน่วยเลือกตั้งกลางสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านนนทภูมิ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เขตเลือกตั้งที่ 4 จ.นนทบุรี ซึ่งมีคนพิการประเภทต่างๆที่อาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์ต่างๆ ใน จ.นนทบุรี ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าในเขตจังหวัดนนทบุรีไว้ จำนวน 136 คน และลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดนนทบุรี จำนวน 2 คน

โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดหน่วยเลือกตั้งไว้กว้างขวางเป็นพิเศษ รวมทั้งมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการประเภทต่างๆ เมื่อเปิดหีบบัตรให้ลงคะแนนเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ผู้ปกครองที่ดูแลสถานสงเคราะห์ต่างๆ ที่มีอยู่กว่า 4 แห่งในบริเวณใกล้เคียง ได้มีการนัดแนะให้พาออกมาใช้สิทธิ์ทีละสถานสงเคราะห์

‘ชัชชาติ’ ส่งลิงก์ชวนปชช. เฝ้า ‘ห้องเก็บหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า’ ฟาก ‘ปลัดกทม.’ ชี้ มีวงจรปิด 24 ชม. มั่นใจ!! ปลอดภัยแน่นอน

(7 พ.ค.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ โดยระบุว่า…

“กรุงเทพมหานครได้ติดตั้งกล้อง cctv เพื่อตรวจดูหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความโปร่งใสเป็นธรรม สามารถดูได้ตามลิงก์นี้ครับ https://general-election.bangkokcc.com/ และสำหรับคนที่ลงทะเบียน #เลือกตั้งล่วงหน้า ทั้งในเขตและนอกเขต ไปเลือกตั้งวันนี้อย่าลืมบัตรประชาชนหรือเอกสารแสดงตัวตน 8:00-17:00 สำหรับคนที่ไม่ได้เลือกตั้งล่วงหน้า วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันให้มาก ๆ เพื่อเลือกอนาคตของประเทศไทยในแบบที่เราต้องการครับ”

ด้านนายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมการเลือกตั้งล่วงหน้า ณ สำนักงานเขตห้วยขวาง และศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง โดยกล่าวว่า วันนี้จากที่ไปตรวจเลือกตั้ง ตั้งแต่เช้าเวลา 07.00 น. มีประชาชนมาคอยตั้งแต่ก่อนเปิดหน่วยเลือกตั้ง ดีใจที่ประชาชนตั้งใจออกไปใช้สิทธิที่ได้ลงทะเบียนไว้ ซึ่งกรุงเทพมหานครมีจำนวน 8 แสนกว่าคน อาจมีปัญหาติดขัดนิดหน่อยเรื่องการตรวจสอบรายชื่อเพราะมีหน่วยเลือกตั้งหลายหน่วยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งทุกแห่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาจมีอากาศร้อนมากที่หน่วยเลือกตั้ง ม.รามคำแหง เขตบางกะปิ ที่มีประชาชนลงทะเบียนไว้มากที่สุด 5 หมื่นกว่าคน ก็ได้นำรถน้ำไปพ่นละอองให้เพื่อลดความร้อนให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่

การเมืองนครศรีฯ ใครใจถึงกว่า จัดเต็มคาราเบล คนนั้นเข้าเส้นชัย

กล่าวถึงการเมืองในนครศรีธรรมราช เมื่อยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ยิ่งน่าติดตาม และมีเรื่องน่าจับตามองกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ 

กล่าวได้ว่า การเมืองในนครศรีธรรมราช ยังคงเป็นการต่อสู้กันของ 4 พรรคการเมืองใหญ่ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ และภูมิใจไทย แต่ในช่วงท้ายๆ ของการหาเสียง เมื่อบวกรวมกับกระแสพรรคก้าวไกล จึงมีคนจับตามองไปยังผู้สมัครพรรคก้าวไกลในบางเขตเลือกตั้งตามผลโพลล์ของบางสำนัก เช่น เขต 1 เริ่มปรากฏชื่อของ 'แมน-ปกรณ์ อารีกุล' คนรุ่นใหม่ที่ขยันลงพื้นที่ เมื่อบวกรวมกับกระแสพรรคจึงดีดตัวขึ้นมาอยู่ในระดับคู่ชิงอีกคนหนึ่ง

จากการเฝ้าติดตามการเมืองในนครศรีธรรมราชมาอย่างใกล้ชิด ยังเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์เจ้าถิ่นเดิมน่าจะคว้าชัยได้ในระดับ 5+ ซึ่งหมายถึง 5 คนน่าจะได้ชัวร์ ๆ และอาจจะได้เพิ่มในบางเขตเลือกตั้ง 1-2 เขต

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ต้องยอมรับความจริงว่า 'อยู่ในช่วงขาลง' จากเดิมที่เคยมี ส.ส.อยู่ 4 คน คือ ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ, สัญหพจน์ สุขศรีเมือง, สายัณห์ ยุติธรรม และอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ แต่คราวนี้สายัณห์ ไปอยู่กับลุงตู่ ที่รวมไทยสร้างชาติ เขตแห่งความหวังจึงเหลืออยู่ที่เขต 1 ดร.รงค์ แต่ต้องสู้กันหนักกับ 'ราชิต สุดพุ่ม' จากพรรคประชาธิปัตย์ แถมยังมี 'จรัญ ขุนอินทร์' จากพรรคภูมิใจไทย มาคอยตอดคะแนนไปด้วย ดร.จึงอยู่ในฐานะน่าหวาดเสียว แม้จะมีสองโกมาช่วย ก็ยังหนักกับเครือข่ายของราชิต แถมยังมี 'สมนึก เกตุชาติ' อดีตนายกเทศมนตรีนครศรีธรรมราช มาช่วยอีกแรง ทำให้ ดร.รงค์ เบาใจไม่ได้เลย

แต่น่าแปลก 'สัญหพจน์ สุขศรีเมือง' อดีต ส.ส.แท้ ๆ กลับไม่ค่อยมีกระแส โพลทุกสำนักไม่มีชื่อสัญหพจน์อยู่ในลำดับที่จะได้เลย เขตนี้กลับมีชื่อของ 'โก้เท่ห์ -พิทักษ์เดช เดชเดโช' คนใหม่จากประชาธิปัตย์ ทายาทของ 'วิฑูรย์ เดชเดโช' อดีตนายกฯ อบจ.นครศรีธรรมราช และเป็นลูกชายของ 'กนกพร เดชเดโช' นายกฯ อบจ.นครศรีธรรมราช คนปัจจุบัน ยืนโดดเด่นกว่า โดยมี 'มานะ ยวงทอง' จากภูมิใจไทย และ 'นนทิวรรตน์ นนท์ภักดิ์' จากพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้นมาเป็นคู่ชิง

ส่วนอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีต ส.ส.พลังประชารัฐ สองปี เพราะมาจากการเลือกตั้งซ่อม ยังทำงานได้ไม่เต็ม 100 เจอคู่แข่งเดิม 'พงศ์สิน เสนพงศ์' ที่ย้ายจากประชาธิปัตย์ไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ แถมยังมีเจ้าถิ่น 'ณัฐกิตติ์ หนูรอด' จากพรรคภูมิใจไทย มาร่วมชิงด้วย อาญาสิทธิ์จึงอยู่ในฐานะเข็นครกขึ้นเขา

กล่าวสำหรับพลังประชารัฐ ควรให้น้ำหนักกับ 'สุนทร รักษ์รงค์' เขต 8 ที่เขามาฐานอยู่กับชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์มไม่น้อย แต่เขาต้องไปสู้กับทายาทของ 'ชิณวรณ์ บุณยะเกียรติ์' น้องบีท-ปุณณสิริ บุณยเกียรติ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ สุนทรก็จะนิ่งนอนใจไม่ได้เหมือนกัน เพราะเขตนี้ยังมี 'มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล' จากพรรคภูมิใจไทย เดินคู่กันมาอีกคนที่ในทางการเมืองไม่ควรมองห้ามกับการเป็น สจ.มาก่อน และเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเธอลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.กับคะแนน 18,000 คะแนน ก็ถือว่าไม่ธรรมดา

สำหรับประชาธิปัตย์ 5 ที่นั่งเป็นตัวตั้ง คือ ชัยชนะ เดชเดโช แต่ให้ระวัง สจ.สนั่น พิบูลย์ ที่คราวนี้สู้จริงในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเขามีฐานที่เหนียวแน่อยู่จุฬาภรณ์ ในฐานะ สจ. และยังมี สจ.ยา จากลานสกา มาช่วยอีกแรง ชัยชนะก็จะชะล้าใจไม่ได้เช่นกัน ชิณวรณ์ บุณยเกียรติ์ ที่ยังลงเขตเหมือนเดิม โดยลงเขต 7 ที่เชื่อกันว่า น่าจะสอบผ่าน แต่อย่าลืมว่า เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ชิณวรณ์ก็ชนะไม่มาก และคราวนี้ พรรคภูมิใจไทย ไปได้ 'ษฐา ขาวขำ' อดีตนายอำเภอ มาลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ทำให้ชิณวรณ์หวั่นไหวได้เหมือนกัน ยิ่งโค้งสุดท้าย ญาติ ๆ จากพัทลุง กระโดดเข้ามาช่วย ส่งท่อน้ำเลี้ยงเข้าใน 'นายอำเภอษฐา' ก็มีกำลังใจขึ้น ยิ่งมีผู้มากบารมีจากปากพนังขนญาติมาช่วยอีกแรง สถานการณ์นี้จึงไม่ควรมองผ่าน 'ษฐา' จากภูมิใจไทย

นอกจากนี้ก็จะมี 'ประกอบ รัตนพันธ์' ที่มีคู่แข่งทั้งจากภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ และพลังประชาธิปัตย์ อีกคนคือ 'โก้เท่ห์ -พิทักษ์เดช' นี้แหละ
 

‘กกต.’ ไขทุกข้อสงสัย เกี่ยวกับภาพรวม ‘เลือกตั้งล่วงหน้า’ พร้อมการันตี!! บัตรทุกใบถึงหน่วยนับคะแนนปลอดภัยแน่นอน

(7 พ.ค.66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือก (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. แถลงข่าวภาพรวมการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากทุกจังหวัดว่าสถานที่ลงคะแนนล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง จำนวน 447 แห่ง และในเขตเลือกตั้ง 422 แห่ง จากจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไว้จำนวนทั้งสิ้น 2,235,830 คน ขอเชิญผู้ที่ลงทะเบียนไว้ออกมาใช้สิทธิ เพราะเมื่อลงทะเบียนใช้สิทธิวันที่ 7 พฤษภาคมแล้วจะไม่สามารถใช้สิทธิในวันที่ 14 พฤษภาคมได้ อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุจำเป็นไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ ก็สามารถแจ้งเหตุจำเป็นนั้นได้ก่อนและหลังการเลือกตั้ง 7 วัน ทั้งนี้เท่าที่ดูการจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเพียงบางจุด เช่น ที่ กทม. อากาศร้อนมาก สถานที่คับแคบ การจราจรติดขัด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและมีบริการในบางแห่ง รวมถึงการจราจรหนาแน่น เพราะบางแห่งมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิจำนวนมาก ก็มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หน่วยเลือกตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง มีจุดพักคอยใกล้กับคูหาลงคะแนน ทำให้มีผู้ไปนั่งอยู่บริเวณดังกล่าวชะโงกมอง และบางส่วนใช้โทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป จะกระทบความบริสุทธิ์ เที่ยงธรรมในการเลือกตั้งหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่เชื่อว่าทางกทม.และกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง คงสังเกตและหาทางป้องกันได้

'เศรษฐา' กร้าว!! พร้อมพาไทยเจริญ ไม่กระจุกอยู่แต่ในเมืองใหญ่ เลือก 'เพื่อไทย' ให้เด็ดขาด ประเทศไทยเปลี่ยนทันที

(7 พ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมาในเวทีที่ Siam Paragon ได้พบกับคนหลากหลายกลุ่ม เจอตั้งแต่รุ่นใหม่จนรุ่นเก๋า (ที่ไม่เก่า) คนที่เริ่มทำงาน มีไฟแรงกล้า เป็นกลุ่มที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลต่อทิศทางของประเทศในอนาคต

คนเหล่านี้เป็น Generation ที่เกิดมาพร้อมเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดครับ เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แทบจะไร้ขีดจำกัดด้วย Search Engine, Social Media, หรือแม้กระทั่ง ChatGPT เทียบกับสมัยของผมที่ต้องรอฟังข่าวหรืออ่านจากหนังสือพิมพ์

เทคโนโลยีไม่ได้นำมาแต่ความสะดวกสบาย แต่เป็นความกดดันที่มากขึ้นสำหรับคนยุคใหม่ด้วย คนรุ่นใหม่ถูกคาดหวังว่าจะต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ ต้องฝันไกล ต้องทำให้ครอบครัวอยู่สบาย ต้องมีกินมีใช้ ต้องเก่งกว่าคนรุ่นพ่อแม่ ต้องอะไรหลายๆอย่างอีกมากมาย ความ “คาดหวัง” จากสังคมอาจจะไม่ใช่ “ความหวัง” ของคนเหล่านี้ ถ้าผู้ใหญ่ลองสวมหมวกของคนรุ่นใหม่ดู ผมว่าทุกท่านคงรู้สึกเห็นใจ การคืนและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทำตาม “ความหวัง” ได้ เป็นโจทย์ใหญ่ของผมในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

เรื่องของเศรษฐกิจ ผมได้พูดถึงนโยบายของพรรคไปหลายเรื่องก่อนหน้านี้ ทั้งกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท การยกระดับรายได้เกษตรกร วันนี้ผมเลยอยากพูดถึงโจทย์อีกข้อที่สำคัญของผม คือการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้ประเทศไทยเนื้อหอมอีกครั้ง กรุงเทพเรามีศักยภาพมาก เป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะต้องออกไปเจรจา นำเงินลงทุน นำศักยภาพจากต่างชาติเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย สร้างงานและอาชีพ

ผมได้มีโอกาสพบกับทูต 23 ประเทศในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีมูลค่าเศรษฐกิจรวมกันมากกว่า 70% ของโลก ทุกประเทศล้วนให้ความสนใจกับการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศไทยทั้งสิ้น แต่มีหลายเรื่องที่ถูกยกมาเป็นข้อติดขัด ไม่ว่าจะเป็นการขอวีซ่า การขอใบอนุญาต อุปสรรคด้านคอรัปชั่น ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจและลงทุนของบริษัทข้ามชาติจำนวนมาก

อีกเรื่องที่ได้พูดคุยกับท่านทูตยุโรปคือเรื่องการเจรจาเพื่อพี่น้องชาวประมง ในรัฐบาลที่ผ่านมาได้ไปเซ็นกฏ IUU ที่ทำให้ชาวประมงออกหากินไม่ได้ เรือกว่า 40,000 ลำจอดอยู่ ส่งผลต่อคนนับแสนที่เกี่ยวข้องกับการประมง ผมยกประเด็นนี้ไปแล้วบอกกับท่านไปว่าผมจะกลับไปเจรจาเพื่อชาวประมงไทย ทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นเจ้าสมุทรอีกครั้ง

อีกเรื่องที่อยากจะย้ำคือความห่วงใยของคนกรุงเทพ ที่รัฐบาลจะใช้เงินภาษีอย่างสุรุ่ยสุร่าย ผมเองก็เป็นผู้เสียภาษี ผมเข้าใจความเป็นห่วงเหล่านี้ดี และผมขอให้มั่นใจว่าหากผมได้เข้าไปทำงานให้พี่น้องประชาชน การวางแผนใช้จ่ายเงินจะต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน จับต้องได้ 

ในช่วงท้ายของงาน ผมได้ทิ้งท้ายไว้ถึงเหตุผลที่ทำไมเราต้องมาพูดคุยกันเรื่องแลนสไลด์ในวันนี้ หลังจากรัฐประหารปี 57 ประเทศไทยได้ถูกปรับแก้กฏกติกา เสียงของประชาชนกับผู้มีอำนาจ มีไม่เท่ากัน ถูกกลไกภาครัฐที่บิดเบือน นำมาซึ่งรัฐธรรมนูญ 60 ที่ไม่เป็นธรรม พวกเราประชาชนคนไทยตอนนั้นหวังว่าการเลือกตั้งในปี 62 จะทำให้ประชาธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชนอีกครั้ง 

อย่างที่ทราบดี ประชาชนแพ้ ฝ่ายประชาธิปไตยแพ้ พวกเรารวมเสียงได้ รวมเป็น 234/500 ที่นั่ง โดยพรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งมากที่สุดถึง 137 ที่นั่ง หากวันนั้นเรารวมใจ ประชาชนคนไทยให้เพื่อไทยอีก 17 ที่นั่ง เยาวชนไทย ประเทศไทย คงไม่เผชิญปัญหาหลากหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมา

ทีม Data Analytics ของพรรคเพื่อไทยวิเคราะห์มา กว่าครึ่งนึงในเขตที่พรรคเพื่อไทยแพ้จากร้อยกว่าเขต เป็นเขตที่ฝั่งประชาธิปไตยเรารวมใจกันไม่พอ หากพวกเรารวมใจให้พรรคเพื่อไทยในวันนั้น วันนี้เราคงจะไม่ “จนแล้ว จนอยู่ จนต่อ” เยาวชนคนไทยจะไม่ถูกจับเพราะเห็นต่าง และวลี “ชังชาติ” คงจะไม่ถูกนำมาใช้โดยกลุ่มผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ฝักใฝ่เผด็จการ 

สะกิดใจคนไทย!! รัฐบาล 'ชุดไหน-พรรคใด' ก็เปลี่ยนประเทศยาก หากคนไทยยังเปี่ยมนิสัย 'ไม่ชอบให้บังคับ-กฎหมายไม่เคารพ'

(7 พ.ค. 66) ผู้ใช้งานติ๊กต็อก บัญชี ‘KornnikarThewie’ ได้โพสต์วิดีโอพูดถึงประเด็นของคนไทยกับพรรคการเมือง โดยระบุว่า...

"ได้อ่านนโยบายของพรรคก้าวไกล พูดอย่างเป็นกลาง ถึงได้กล้าพูดชื่อพรรค หลายๆ นโยบายได้มาจากประเทศยุโรป และดิฉันขอพูดในฐานะเมียฝรั่งที่อยู่ต่างประเทศ อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์มานาน มันดีมากถ้าใครถ้านโยบายพวกนี้จะทำได้จริงๆ 

"แต่สำหรับตัวเทวีเอง (คนอื่นไม่รู้ว่าคิดยังไง) คิดว่า โดยนิสัยและพื้นฐานของคนไทยแล้วเนี่ย เราจะต้องเกิดและตายใหม่ประมาณ 5 รอบ มันจึงจะใช้ได้ผลกับสิ่งที่เขาเขียนมาตามนโยบายแบบนี้

"เพราะประเด็นมันไม่ใช่นโยบาย ประเด็นมันอยู่ที่สันดานคนไทย เฮ้ย!! ที่พูดนี่ฉันคนไทย ฉันรู้ว่าสันดานฉันเป็นยังไง นิสัยคนไทยรักอิสระ นิสัยคนไทยไม่ชอบให้ใครมาบังคับ กฎหมายที่มันใช้ไม่ได้ผลเพราะเราหรือเปล่า ที่ทำให้กฎหมายมันใช้ไม่ได้ผล ถ้าเราพร้อมใจกัน เชื่อฟังตามกฎที่เขาออกมาไม่ว่ามันจะอะไรก็แล้วแต่ แต่เราเชื่อไหมอะ เอาจริงๆ เลยนะเทวีจะโคตรดีใจเลย ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลและทำได้ แต่ขอโทษ รัฐบาลชุดไหนก็ทำไม่ได้ ถ้าคนไทยไม่เอาด้วย กูไม่เอาด้วยมึงจะทำยังไง 

‘รองโฆษกฯ’ แจง หากลืมบัตร ปชช. ‘วันเลือกตั้งล่วงหน้า-วันจริง’  สามารถใช้บัตรปชช. ใบขับขี่ บัตรคนพิการ โชว์ผ่านแอปฯได้

(7 พ.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งส่วนของการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันนี้ 7 พ.ค. 66 และใช้สิทธิในวันจริง 14 พ.ค. 66 จะต้องมีเอกสารที่เป็นหลักฐานในการแสดงตนเพื่อขอใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ บัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งรวมถึงบัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุก็สามารถใช้แสดงตนได้เช่นกัน บัตรหรือหลักฐานอื่นที่ทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐออก โดยต้องเป็นบัตรที่มีรูปถ่ายและมีเลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือบัตร เช่น บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)

อย่างไรก็ตาม หากเกิดกรณีหลงลืมหรือบัตร/หลักฐานข้างต้นไม่อยู่กับตัว สามารถใช้ภาพอิเล็กทรอนิกส์ที่เปิดผ่านแอปพลิเคชันของหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งปัจจุบันสามารถใช้ได้ 3 แอปพลิเคชัน คือ แอปพลิเคชัน ThaID (ไทยดี) เพื่อแสดงบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์, แอปพลิเคชัน DLT QR LICENCE เพื่อแสดงใบอนุญาตขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ และแอปพลิเคชันบัตรคนพิการ เพื่อแสดงบัตรประจำตัวคนพิการอิเล็กทรอนิกส์

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. สุพรรณบุรี ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 5 เขตของจังหวัดสุพรรณบุรี ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้

‘ดินแดง-บางซื่อ’ บรรยากาศการเลือกตั้งล่วงหน้าเริ่มคึกคัก หลังผู้คนเริ่มทยอยมาใช้สิทธิ บางคนก็มารอตั้งแต่เช้า

(7 พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดงและเขตบางซื่อ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีคนมารอใช้สิทธิตั้งแต่เช้า


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3964649

ธรรมะประจำวันวันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม 2566

ถ้าอยู่กับใคร ที่เราไม่ชอบ
แต่ไม่มีทางเลือก...
เทคนิคอย่างหนึ่ง คือ
แผ่เมตตาให้กับตัวเอง
ขอให้เป็นผู้ไม่มีเวร
ชื่นชมในความดี...ของตัวเอง

‘กกต.’ ย้ำ!! เลือกตั้งส.ส.ล่วงหน้าวันนี้อย่าทำผิด ไม่งั้นเจอโทษ พร้อมวางกำลังตำรวจเกือบ 3 พันนายดูแลเข้ม

(7 พ.ค. 66) เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ล่วงหน้า โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารแจ้งเตือนผู้สมัครรับเลือกตั้งและประชาชนให้พึงระวังไม่ทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 เนื่องในวันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้งและนอกเขตเลือกตั้ง ดังนี้

1.ห้ามขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิด ในเขตเลือกตั้ง ในระหว่างเวลา 18.00 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

2.ห้ามไม่ให้ผู้สมัครผู้ใดจัดยานพาหนะนำผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปยังที่เลือกตั้ง หรือนำกลับไปจากที่เลือกตั้ง หรือจัดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป หรือกลับเพื่อการออกเสียงลงคะแนน โดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารยานพาหนะ หรือค่าจ้างซึ่งต้องเสียตามปกติ โดยห้ามไม่ให้ผู้ใดกระทำการเพื่อจูงใจ หรือควบคุมให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปลงคะแนนเลือก หรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ทั้งนี้ ไม่ใช้บังคับหน่วยงานของรัฐในการจัดยานพาหนะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

3.ห้ามไม่ให้ผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้างผู้ใดขัดขวาง หรือหน่วงเหนี่ยว หรือไม่ให้ความสะดวกพอสมควรต่อการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกจ้าง แล้วแต่กรณี หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ขอเชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้ยื่นคำขอลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 7 พฤษภาคม ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ที่ได้ขอใช้สิทธิเลือกตั้งไว้

ขณะที่ ศูนย์กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ชั้น 2 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมจุดติดตั้งกล้อง CCTV ห้องเก็บรักษาหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า โดยนายชัชชาติกล่าวว่า ดูการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 7 พ.ค. 2566

ทั้ง กทม.มีผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้ากว่า 800,000 คน หน่วยเลือกตั้งที่จะมีประชาชนไปใช้สิทธิมากที่สุดคือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เขตบางกะปิ ประมาณ 52,000 คน ภาพรวมนั้นมีความพร้อมทุกจุด

นายชัชชาติ กล่าวว่า กล่องหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตจะมีกล้อง CCTV ติดตั้งไว้ทั้ง 33 จุด และมีลิงก์ที่ประชาชนเข้ามาดูได้ แต่กำลังดำเนินการขออนุมัติจาก กกต. เนื่องจากทำเสริมเพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อสร้างความโปร่งใสและขั้นตอนการเลือกตั้งต่างๆ ก็ได้มีการซักซ้อมมาอย่างดีแล้ว ยืนยันมีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งรวมถึงวันที่ 14 พฤษภาคมด้วย

ต่อมา นายชัชชาติ และคณะตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า ม.รามคำแหง เขตบางกะปิ และกล่าวว่า ผู้ที่ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ขั้นแรกต้องสแกนคิวอาร์โค้ดที่บอร์ด หรือสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย เพื่อหาจุดเลือกตั้ง ต้องเผื่อเวลาการเดินทาง

‘ชพก.’ เปิดเวทีปราศรัย ‘นครศรีฯ’ ลั่น!! รื้อระบบกองสลาก ชู ‘หวยจังหวัด’ หนุน ปชช.เป็นเศรษฐีเงินล้านเดือนละ 462 คน

วันนี้ (6 พฤษภาคม) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี, นายจูรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต็อก ขวัญใจชาวใต้ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดสงขลา เบอร์ 8 ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอคะแนนสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ได้แก่ นายโอฬาร สุตตะนาคา หรือ ‘ทนายแชมป์’ ผู้สมัครเขต 1 เบอร์ 7 และนายหัวสิทธิ์ สิทธิรัก ทิพย์อักษร ผู้สมัคร เขต 4 เบอร์ 9 โดยในช่วงเช้า นายกรณ์พร้อมคณะ ได้เดินหาเสียงที่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช และช่วงบ่ายช่วยหาเสียงที่ตลาดอำเภอชะอวด โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและอวยพรให้ได้ ส.ส.เข้าไปทำงานในสภาฯ มากๆ

ต่อมาในช่วงค่ำ ได้จัดเวทีปราศรัยที่สถานีรถไฟชะอวด มีประชาชนร่วมรับฟังกว่าครึ่งหมื่น โดยนายกรณ์ ได้ขึ้นปราศรัย โดยระบุว่า เหลือเวลาอีกเพียง 8 วันก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง ตั้งใจมุ่งมั่นมาตั้งแต่แรกว่ายังไงก็ต้องมาชะอวด เพราะมีความผูกพันเป็นพิเศษเนื่องจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วเราส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมในนามพรรคกล้า ทุกคะแนนที่ได้เป็นคะแนนเสียงบริสุทธิ์ ที่มีค่าทางใจมหาศาลกับเราและเป็นกำลังใจให้เราทำการเมืองตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ และวันนี้พวกท่านก็ได้มานั่งอยู่ตรงนี้และพร้อมสนับสนุนพรรคเรา

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงความกังวลของพี่น้องประชาชนบางคนที่ว่า เป็นพรรคเล็กเลือกไปแล้วจะเสียของหรือเปล่า เลือกไปแล้วจะได้ทำงานไหม ตนขอบอกว่า การเลือกตั้งมันเลือกด้วยหลากหลายเหตุผล แต่สำหรับคนที่มั่นใจว่าเราเป็นคนที่ท่านเลือกมาแล้วสามารถทำงานรับใช้ท่านได้แน่นอน พรรคชาติพัฒนากล้าถึงแม้จะเป็นพรรคเล็ก แต่เราต่อสู้กับทุนใหญ่ ทุนผูกขาดทุกประเภท วันนี้การผูกขาดเป็นต้นตอที่มาของสินค้าราคาแพง ต้นทุนค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนสูงขึ้น ปุ๋ยราคาแพง ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ

อีกทั้งยังมีปัญหาคอร์รัปชัน ที่ทุนผูกขาดไม่ได้ครอบงำแต่ระดับเศรษฐกิจ แต่ครอบงำไปถึงการเมืองระดับประเทศ เพราะความจริงพรรคยิ่งใหญ่ ยิ่งต้องใช้เงิน และยิ่งมีความจำเป็นต้องอยู่ในระบบอุปถัมภ์ของการผูกขาด เราไม่สามารถที่จะพึ่งพรรคที่อยู่ในระบบอุปถัมภ์ของการผูกขาด มาแก้ปัญหาการผูกขาด สร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนได้ และนี่คือสาเหตุที่ต้องเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า

นายกรณ์ ยืนยันด้วยว่า พรรคชาติพัฒนา ‘ไม่ยกเลิก ไม่แก้ มาตรา 112’ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว นายอรรถวิชช์ ได้เสนอทางออกให้กับรัฐบาล โดยเราบอกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องมีกฎหมายคุ้มครองนั่นคือมาตรา 112 เราไม่เห็นด้วยกับยกเลิก หรือแม้แต่แก้ไข แต่เราต้องการเสนอแนวทางมีคณะกรรมการกลั่นกรอง เพื่อไม่ให้มีข้ออ้างว่ามีการนำกฎหมายนี้ไปแกล้งใครในทางการเมือง

‘บิ๊กป้อม’ ลุยหาเสียง จ.ตรัง พร้อมเซลฟีกับ ปชช.เป็นที่ระลึก ลั่น!! หาก ‘พปชร.’ ได้เป็น รบ.จะทำให้ทุกคนหัวเราะดังกว่านี้

‘บิ๊กป้อม’ เซลฟีบอกรักชาวตรัง เก็บภาพเป็นที่ระลึก โปรยยาหอม แก้ราคาน้ำมันปาล์ม 7 ปี จากนี้ไปราคาจะมีความเสถียรภาพ

(6 พ.ค. 66) ที่จังหวัดตรัง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ภาคใต้ ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (ศาลากลางจังหวัดตรัง) นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง และ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทีมเศรษฐกิจพรรค พปชร. พร้อมด้วยผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายนิพันธ์ ศิริธร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายกิตติพงศ์ ผลประยูร เขต 1 เบอร์ 3, นายทวี สุระบาล เขต 2 เบอร์ 6, พ.ต.ท.นัทธพงศ์ ใจสมุทร เขต 3 เบอร์ 1 และ พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ เขต 4 เบอร์ 4

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมจะรับใช้ชาวจ.ตรังทุกคน เราเลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของประชาชน จึงขอให้เลือกผู้สมัครของพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต และเลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 บัตรสีเขียว วันนี้ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง และความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่ตรงนี้

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนดูแลและแก้ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มมา 7 ปี โดยราคาขยับขึ้นจากบาทกว่า ไปเป็น 7 บาท ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ประมาณ 5-6 บาท ทันทีที่พรรค พปชร.เป็นรัฐบาล ตนจะทำให้เกิดความเสถียรเพื่อให้ชาวจังหวัดตรังอยู่ดีกินดีขึ้น ปัญหาราคายางตกต่ำจะต้องหมดไป ซึ่งขอยืนยันว่า นโยบายแก้ไขปัญหาราคายาง และราคาปาล์ม ของพรรค พปชร.สามารถทำได้จริง และเราพร้อมทำทันที

“เราจะมาช่วยกันเพื่อพัฒนาประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ชาวจ.ตรังได้อยู่ดีกินดี ซึ่งตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เราต้องการให้คนไทยทุกคนมีความสุข เราจะทำให้เมืองตรังเป็นเมืองอัจฉริยะ เราจะพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่นี้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป ทุกคนที่นี่ต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน เราจะสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวจ.ตรัง เพื่อให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก ผมขอฝากพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครของพรรคไง้กับชาวตรังทุกคนด้วย” พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในวันที่ 7 พ.ค.นี้ เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า ขอให้ทุก ๆ คนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อย่าลืมกาเบอร์ 37 รวมถึงผู้สมัครทั้ง 4 เขตของพรรคพลังประชารัฐ ขอให้เราเข้าไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนในสภา และพรรคประชารัฐพร้อมที่จะดูแลประชาชนให้มีความเจริญรุ่งเรือง ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ดีกินดี และมีความสุขตลอดไป

‘เพจเชียร์’ ปลุกพลังเงียบ หนุน ‘ลุงตู่’ อยู่ต่อ เพื่อประเทศสงบ-มั่นคง ไม่แคร์ผลโพล-เสียงโซเชียล ชี้!! ผลงานตลอด 8 ปี เป็นที่ประจักษ์

(6 พ.ค. 66) แฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘ลุงตู่ตูน’ ซึ่งเป็นเพจสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์คลิปวิดีโอพูดคุยกับประชาชนถึงความรู้สึกที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ โดยต่างชื่นชมผลงานตลอด 8 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล รวมไปถึงนโยบายต่าง ๆ ที่หากเข้าใจ และนำไปสู่การปฏิบัติจริงแล้วจะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะจับต้องได้ และครอบคลุมถึงคนทุกกลุ่มทุกอาชีพ

รวมไปถึงบุคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นนักการเมืองที่ปากกับใจตรงกัน รวมทั้งเรียกร้องให้พลังเงียบออกมาช่วยกัน เพื่อจะได้สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ ต่อ ประเทศไทยไปไกลกว่านี้แน่นอน

“โซเชียล คือเรื่องของโซเชียล แต่เรื่องของความเป็นจริงเราต้องจับต้องได้ เราตัดสินใจได้ง่ายในการที่จะเลือกตั้งครั้งนี้ เราไม่ได้สนใจว่า โซเชียลจะเป็นอย่างไร โพลจะเป็นยังไง เพราะว่ามองเห็นความโดดเด่นของผลงาน 8 ปีที่ ลุงตู่ ทำมา ทำให้รู้สึกว่า ลุงตู่คือคนเดียวที่จะนำพาประเทศไปได้ ทำให้ประเทศเราเจริญรุ่งเรือง” ประชาชนรายหนึ่ง ระบุ

ด้าน ประชาชนอีกรายหนึ่ง ได้กล่าวถึงโครงการอุโมงค์ยักษ์ผันน้ำแม่แตง-เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลลงสู่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา ซึ่งแก้ปัญหาน้ำภาคการเกษตร และน้ำท่วม ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และลำพูน ว่า เป็นผลงานที่ชัดเจนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รวมไปถึงการลงพื้นที่พบปะและตรวจเยี่ยมประชาชน เป็นสิ่งที่ทำให้ตนประทับใจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top