Monday, 16 June 2025
NEWS FEED

‘หมอธีระ’ แนะวิธีปฏิบัติเมื่อเปิดเรียนอีกครั้ง เน้นผู้ปกครองย้ำเด็กถึงอันตรายของโควิด-19 ต้องชินกับการรักษาความสะอาด, เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ ปฏิบัติให้คุ้นเคยจนกลายเป็น New Normal ของทุกคนในครอบครัว

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงการรับมือกับโควิด-19 ในช่วงใกล้เปิดเรียนอีกครั้งให้แก่ผู้ปกครองและเด็กๆ ได้ทราบว่า...

New Normal...New "Me" ของพ่อแม่ลูกเมื่อเปิดเรียน

1. ตื่นเช้ามา เช็คกันสักหน่อยว่าทุกคน"สบายดีไหม?" มีอาการไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอบ้างไหม? จมูกดมกลิ่นได้ดี ลิ้นรับรสได้ดีนะ?

ถ้าใครไม่สบาย...ให้อยู่กับบ้าน รับผิดชอบต่อตัวเองครอบครัวและสังคม เท่ห์มาก

2. ย้ำกันเสมอ "ออกจากบ้านมีความเสี่ยงต่อโรค COVID-19" นะ รีบไปรีบกลับ ไม่เถลไถล

3. ทบทวนกันว่า ถ้า"ใช้ห้องน้ำห้องส้วมข้างนอกต้องระวัง" ก็ต้องรักษาความสะอาดดีๆ พ่อแม่และเด็กโตควรใส่หน้ากากเสมอ เด็กเล็กใส่หน้ากากไม่สะดวก ดังนั้นต้องเน้นว่าใช้ห้องน้ำห้องส้วมแล้วต้องรีบไปล้างมือทุกครั้ง

4. แจ้งกันให้ทราบทั่วกันทั้งพ่อแม่ลูก ว่าให้หลีกเลี่ยงการไปใช้ของร่วมกับคนอื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ตะเกียบ โทรศัพท์ ปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด ยางลบ หรือแม้แต่ขนมอมยิ้มก็ตามแต่

5. เน้นเด็กๆ ว่า "เจอเพื่อนฝูง ทักทายกันได้ตามสมควร แต่ให้สังเกต" ว่าเพื่อนคนไหนที่มีอาการไม่สบาย ไอ จาม ต้องหลีกมาห่างๆ ไม่ไปคลุกคลี และบอกคุณครูให้ช่วยดูแลเพื่อน

6. เตือนเด็กๆ ว่า "อย่าเอามือขยี้ ล้วง แคะ แกะ เกา บริเวณตา จมูก และปาก"

7. "เช็คอาวุธ"ประจำตัวของทุกคนก่อนออกจากบ้าน

• 1) หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ใส่ไว้เสมอเวลาอยู่ข้างนอก

• 2) เจลแอลกอฮอล์แบบพกพา หากลูกๆ ยังเล็ก ไม่สะดวกในการพกหรือใช้ลำบาก ก็เน้นย้ำให้ไปล้างมือบ่อยๆ และล้างทุกครั้งที่ไปจับสิ่งของสาธารณะ

8. ตอนเย็น ไปรับที่โรงเรียน เจอกันพ่อแม่ลูก อย่าเพิ่งดีใจไปกอดหอมกันให้หายคิดถึง

เจอปุ๊บ ทักทายกันก่อนว่า สบายดีไหม? ถ้าดีก็โอเค ถ้าไม่สบายก็ไถ่ถามต่อ และจัดการไปตามระเบียบ

ยัง...อย่าเพิ่งไปกอดหอมกัน ให้คุณพ่อคุณแม่ควักเจลแอลกอฮอล์มาหยดให้ทุกคนล้างมือกันก่อน หรือพากันไปล้างมือที่ห้องน้ำ

จะกอดจะหอมกันได้ เมื่อตอนกลับถึงบ้าน อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วค่อยทำครับ

เหล่านี้คือ New Normal = New "Me" ที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูกควรนำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวันหลังจากเปิดเรียนนะครับ

อยากให้ทุกคนสุขภาพดี ปลอดภัยจากโรค COVID-19 ครับ


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?

'สุริยะ’ เร่งบังคับใช้กฎหมายโรงงานติดตั้งระบบตรวจมลพิษ จากเดิมที่บังคับใช้ในจังหวัดระยองแห่งเดียวเท่านั้น

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบนโยบายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม กำชับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ให้เร่งติดตั้งระบบระบบตรวจสอบการระบายมลพิษอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 โดยขอให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเร่งบังคับใช้กฎหมาย

พร้อมทั้งปรับปรุงประกาศกระทรวงฯ ที่ให้โรงงานประเภทต่างๆ ต้องติดตั้งระบบตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติ พ.ศ. 2544 เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ติดตามปริมาณการปลดปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมได้ทันที

สำหรับปัจจุบัน กรมโรงงานอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างปรับปรุงประกาศกระทรวงฯ เพื่อขยายขอบเขตการบังคับติดตั้งระบบระบบตรวจสอบการระบายมลพิษอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติต่อเนื่องทั่วประเทศ คาดว่า จะประกาศใช้ได้ในต้นปี 65 โดยปัจจุบันมีโรงงานเพียง 79 แห่ง หรือ 228 ปล่อง ที่ติดตั้งระบบนี้ เบื้องต้นหากประกาศกระทรวงฯ มีผลบังคับใช้ คาดว่าจะมีโรงงานทั่วประเทศติดตั้งระบบไม่น้อยกว่า 600  แห่ง  จำนวน 1,200 ปล่อง เพิ่มเติมจากเดิมที่บังคับใช้ในจังหวัดระยองแห่งเดียวเท่านั้น

คลังพร้อมเปิดลงทะเบียน ‘เราชนะ’ วันแรก 29 ม.ค.นี้ มั่นใจระบบไม่ล่ม ย้ำ ไม่ต้องแย่งกันลงทะเบียน เพราะระบบจะไม่มีการเต็ม สามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงวันที่ 12 ก.พ.นี้

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงโครงการเราชนะ ว่า กระทรวงการคลัง ได้เตรียมความพร้อมเปิดให้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาโครงการเราชนะ 3,500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน ผ่านเว็บไซต์เราชนะ วันแรกคือวันที่ 29 ม.ค.64 ตั้งแต่เวลา 6.00 น. เป็นต้นไป โดยมั่นใจว่าระบบจะไม่ล่มเพราะเว็บไซต์สามารถรองรับการลงทะเบียนได้ 5 แสนรายการต่อวินาที

สำหรับกลุ่มผู้ที่ต้องลงทะเบียนข้อมูลในเว็บไซต์ จะเป็นกลุ่มที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการคนละครึ่ง หรือเราเที่ยวด้วยกันมาก่อน ซึ่งการลงทะเบียนโครงการนี้ กระทรวงการคลังขอแจ้งว่า ไม่ต้องแย่งกันลงทะเบียน เพราะระบบจะไม่มีการเต็ม สามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงวันที่ 12 ก.พ.นี้

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งไปแล้ว แต่ยืนยันตัวตนรับสิทธิหลังวันที่ 27 ม.ค.64 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 3 แสนกว่าคน หากต้องการเข้าร่วมโครงการ ต้องมาลงทะเบียนในเว็บไซต์นี้ด้วย ส่วนผู้ที่ยืนยันตัวตนเสร็จไปก่อนแล้ว ระบบจะตรวจสอบคุณสมบัติให้อัตโนมัติและจะแจ้งผลให้ทราบอีกครั้งในวันที่ 5 ก.พ.นี้ รวมถึงผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ก็ไม่ต้องลงทะเบียนและจะได้รับเงินอัตโนมัติไปทันที

พรุ่งนี้ 29 มกราคม 2564 วันแรกของผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนใด ๆ สามารถลงชื่อและข้อมูลเพื่อรับสิทธิ์เยียวยาในโครงการ ‘เราชนะ’ ลองศึกษาขั้นตอนให้มั่นใจ เพื่อที่จะไม่พลาดในการลงทะเบียนวันพรุ่งนี้

ปุกาดๆ!! พรุ่งนี้ 6 โมงเช้า ผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนใด ๆ มาก่อน และต้องการจะลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ในโครงการ ‘เราชนะ’ เพื่อรับเงินเยียวยา 7,000 บาท (2 เดือน) สามารถลงทะเบียนได้แล้วเป็นวันแรก ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะลงอย่างไร หรือกลัวจะลงทะเบียนไม่ถูก มาดูวิธีการง่าย ๆ ตามนี้

และสำหรับผู้ที่ไม่มีมือถือหรือสมาร์ทโฟน ทางรัฐก็ไม่ได้ทิ้งกันนะ กำลังหารือเพื่อหาทางให้กลุ่มคนเหล่านี้ ได้รับการช่วยเหลือเช่นกัน ไปศึกษาดูได้จากภาพนี้ได้เลย

อัยการนัดฟังคำสั่ง ‘เอกชัย’ กับพวกผิดประทุษร้ายพระราชินีหรือไม่ 25 ก.พ.นี้ ส่วน ‘สมยศ’ กับ ‘หมอลำเเบงค์’ ขึ้นปราศรัยโดนคดี 112 นัดฟังคำสั่ง 9 ก.พ. ชี้ดำเนินคดีเเบบกลั่นแกล้งให้เกิดความลำบาก ถือเป็นการใช้สิทธิกฎหมายไม่สุจริตใจ

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนสน.ดุสิตได้นำตัว นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง หรือฟรานซิส นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ หรือตัน ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง (Active Youth), นายชนาธิป ชัยชะยางกูร และนายภาณุภัทร ไผ่เกาะ

5 ผู้ต้องหาพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ในความผิดฐานประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินีฯ ตาม ป.อาญา ม.110 กับข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ ให้เกิดความวุ่นวาย ม.215 และกีดขวางการจราจรฯ กรณีชุมนุมใกล้ขบวนเสด็จพระราชินีเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563

โดยภายหลังพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 ได้รับสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาเเละนัดฟังคำสั่งในวันที่ 25 ก.พ.64

ขณะเดียวกัน วันนี้ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ทางพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงครามได้นำนาย สมยศ พฤกษาเกษมสุข เเกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เเละนายปฏิภาณ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ เเนวร่วมกลุ่มราษฎรความเห็นสมควรสั่งฟ้องคดี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

นาย สมยศ กล่าวว่า วันนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงครามได้ประสานนัดหมายเเจ้งว่า จะนำส่งตัวพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องคดีต่อพนักงานอัยการ โดยคดีนี้มีผู้ต้องหาจำนวนมาก เเต่ทราบว่าพนักงานสอบสวนนัดตนกับนายปฏิภาณหรือ หมอลำแบงค์ โดยตนกับหมอลำเเบงค์โดนเเจ้งข้อหาตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 จากการขึ้นเวทีปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.63 ที่ผ่านมา

ซึ่งตนเข้าใจว่าวันนี้พนักงานอัยการอาจจะมีคำสั่งเลื่อนนัดออกไป เนื่องจากตัวผู้ต้องหาไม่ครบ ตนสงสัยว่าทำไมพนักงานสอบสวนเร่งรัดคดีผิดปกติ อีกทั้งคดีนี้เดิมพนักงานสอบสวนเเจ้งข้อหาเดียวคือความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตามมาตรา116 ซึ่งตนก็ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำ 20 วัน จึงได้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมคือ112 ชี้ให้เห็นว่าเป็นการดำเนินคดีเเบบกลั่นเเกล้งให้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิต ถือเป็นการใช้สิทธิกฎหมายไม่สุจริตใจ หลายคนได้รับผลกระทบจากการเดินทางมารายงานตัว

ตนจะร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการเนื่องจากข้อความที่ปราศรัยเป็นเจตนาที่ดีที่เรากำลังเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ การทำคดีนี้จึงไม่ยุติธรรม เรื่องคดี112 รัชกาลที่9 เเละ10 เองก็ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็เป็นคนพูด

พระองค์มีเมตตาไม่ประสงค์จะดำเนินคดีเเล้ววันนี้มาทำคดี จะหมายถึงว่า พล.อ.ประยุทธ์จะทำให้คดีนี้เป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติเเละให้เกิดการเผชิญหน้าหรือไม่ ตรงนี้ที่อยากขอความเป็นธรรมกับทางสำนักงานอัยการสูงสุด

โดยภายหลังรับสำนวน ทางพนักงานอัยการได้นัดฟังคำสั่งคดีนายสมยศกับพวกในวันที่ 9 ก.พ. นี้ เวลา 10.00 น.

ดูเหมือนในโลกออนไลน์จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงที่มาของการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่เดิมมีแนวทางชัดเจนว่าสนับสนุนกลุ่มม็อบราษฎร และมีท่าทีเป็นปรปักษ์ต่อสถาบันฯ แต่เหตุใดถึงยื่นเรื่องขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์

ต่อมากลับมีข้อโต้แย้งจากสมาชิก และผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล โดยอ้างว่าเรื่องดังกล่าวเป็นขั้นตอนของราชการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2536 ที่ระบุว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เสนอรายชื่อผู้ที่สมควรขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองประจำสภาผู้แทนราษฎร โดย ส.ส.แต่ละคนไม่ได้ยื่นขอเอง

ทว่าทีมข่าวการเมือง MGR Online ก็ได้รับข้อมูลเป็นเอกสาร “แบบรับรองคุณสมบัติบุคคล ประกอบการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประจำปี ๒๕๖๓” ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละคนต้องกรอกเอกสารดังกล่าวด้วยลายมือตัวเอง ใน 3 ข้อ คือ 1. สถานะ 2. คำยืนยันเกี่ยวกับการไม่เคยเป็นผู้ต้องรับโทษจำคุก ไม่เคยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางอาญา หรือไม่เคยเป็นผู้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหรือชี้มูลความผิดโดยองค์กรอิสระ และ 3. คำรับรองกรณีเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่คู่สมรส

เมื่อกรอกเอกสารดังกล่าวแล้ว ในตอนท้ายต้องลงนามรับรองว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงทุกประการ พร้อมกับลงวันที่กำกับด้วย โดยพบว่า ส.ส.ก้าวไกลทั้ง 7 ราย ประกอบไปด้วย นายคารม พลพรกลาง, นายณัฐวุฒิ บัวประทุม, นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร, นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์, นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์, นายวาโย อัศวรุ่งเรือง และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กรอกเอกสารและลงนามในช่วงวันที่ 23-24 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา โดย ส.ส. บางคนกรอกขอเครื่องราชย์ฯ ให้กับคู่สมรสด้วย

เรื่องนี้จึงเดือดถึง ศศิพัฒน์ พงษ์ประภาพันธ์ หรือ กาณฑ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แนวร่วมคณะราษฎร 63 ที่ออกมาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า…

นักการเมืองใครได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นเรื่องปกติ ทุกพรรคได้หมด ทุกประเทศมีเครื่องราช ยิ่งอังกฤษ นักการเมืองคนไหนมีความดีความชอบ ผลงานทำประโยชน์แก่ประชาชน ควีนเอลิซาเบธพระราชทานเครื่องราชชั้นสูง พร้อมสถาปนาบรรดาศักดิ์เป็น “อัศวิน” เลย ผู้ชายมียศนำหน้าเป็น Sir ถ้าเป็นผู้หญิงจะมียศนำหน้าด้วย Dame

แต่กลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย ที่แสดงออกว่าเป็นพวก anti-monarchism ชัดเจนอย่างพรรคก้าวไกล สส.กับทีมงานที่ได้เครื่องราชคือ shame on you น่าอายและน่าสมเพช เพราะเป็นผู้ทรยศต่ออุดมการณ์ พฤติกรรมที่คุณแสดงออกกับมวลชน ปากบอกสู้กับศักดินา แถมยังมาด่าพรรคเพื่อไทยว่าสู้ไปกราบไป แต่สส. พรรคส้มไปสาระแนไปขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เเบบนี้เข้าข่าย “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลแต่ชอบกินน้ำแกง” ในขณะที่คุณเรียกร้องการปลดแอกจากเผด็จการ คุณกลับไปขอเครื่องราชเพื่อเป็นสายรัดคอแห่งการครอบงำ แบ่งแยกคนไม่เท่ากัน เพิ่มความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น ยอมก้มหัวอเป็นฝุ่นใต้ตีนของผู้มีอำนาเอง

ถ้าจะมาว่าเพื่อไทยขอได้ เสรีรวมไทยขอได้ ทำไมไม่ด่า พรรคฝ่านค้านคนอื่นเขาต้านเผด็จการก็จริง แต่เขาไม่แสดงออกถึงการต่อต้านระบอบกษัตริย์ เขายังยึดตามหลักการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่เคยไปทับถมพรรคคุณสักนิด ไม่ว่าพรรคคุณไม่เคยมีมารยาททางการเมืองขนาดไหนก็ตาม

ถ้าจะมาแถว่า รัฐสภาทำเรื่องให้ฟรี ประชาชนเขาไม่โง่นะ

1.) ตามกฏหมาย ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและอันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฏไทย พ.ศ. 2536 เขียนไว้ชัดเจน ให้สำนักงานส่งเรื่องพร้อมเอกสารประกอบการพิจารณาไปยังสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก่อนวันที่ 10 พฤศจิกายน ของปีก่อนที่จะเสนอพระราชทาน

2.) ให้นับระยะเวลาถึงวันที่ 29 พฤษภาคมเป็นปีเสนอขอพระราชทาน

3.) วันที่ 28 กรกฎาคม เป็นวันพระราชทาน

รายชื่อ สส. พรรคก้าวไกลและอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฏ (ชั้นสายสะพาย- ต้องเข้าวังไปรับ)

1. ) พลตำรวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ

ประถมาภรณ์มงกุฏไทย (ชั้นสายสะพาย- ต้องเข้าวังไปรับ)

1.) นายชำนาญ จันทร์เรือง

2.) นายคำพอง เทพาคำ

3.) นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์

4.) สุรวาท ทองบุญ

5.) อภิชาติ ศิริสุนทร

ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก

1.)นายเอกถพ เพียรพิเศษ

ทวีติยาภรณ์มงกุฏไทย

1.) นายเกษมสันต์ มีทิพย์

2.) นายไกลก้อง ไวทยากร

3.) นางสาว กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ

4.) นายขวัญเลิศ พานิชมาท

5.) นายคารม พลพรกลาง

6.) นางสาวจารุวรรณ ศรัณย์เกตุ

7.) นายจรัล คุ้มไข่น้ำ

8.) นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์

9.) นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ

10.) นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์

11.) พ.ต.ต ชวลิต เหล่าหะอุดมพันธุ์

12.) นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ

13.) นายนิรามาน สุไลมาน

14.) นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์

15.) นายณัฐวุฒิ บัวประทุม

16.) นายทวีศักดิ์ ทักษิณ

17.) นายทศพร ทองศิริ

18.) นายทองแดง เบญจปัก

19.) นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตกร

20.) นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

21.) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา

22.) นายปริญญา ช่วยเกตุศิริรัตน์

23.) นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์

24.) นายพีรเดช คำสมุทร

25.) นายมานพ ศิริภูวดล

26.) นายวรภพ วิริยะโรจน์

27.) นายวาโย อัศวรุ่งเรือง

28.) นายวินทร์ สุธีรชัย

29.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร

30.) นายวุฒินันท์ บุญชู

31.) นายศักดินัย นุ่มหนู

32.) นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล

33.) นายสมเกียรติ ถนอมศิลป์

34.) นายสมชาย ฝั่งชลจิตร

35.) นายสุเทพ อู่อ้น

36.) นางสาวเยาวลักษณ์ วงศ์ประภารัตน์

37.) นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์

38.) นางสาวเบญจา แสงจันทร์

39.) นางสาววรรณวิภา ไม้สน

40.) นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล

41.) นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา

นักกิจกรรมที่ล้วนโดน ม.112 เป็นสิบๆแล้ว จะทำอะไร ก็ขอให้ซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ตนเองด้วยนิดนึง เลือกตั้งท้องถิ่นสอบตกทั้งประเทศ ควรมีเครดิตให้มันน่านับถือหน่อย เราสงสารติ่ง


ที่มา:

https://mgronline.com/politics/detail/9640000008232

https://www.thaipost.net/main/detail/90967

คงต้องยอมรับว่าสนามมวย เป็นอีก ‘ต้นตอ’ ใหญ่ของการระบาดโควิด-19 ในเมืองไทยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563และคนในแวดวงมวยไทยก็ถูกยัดเยียดให้เป็น ‘ต้นตอ’ ก่อโรคไปเป็นที่เรียบร้อย แม้จะไม่ใช่ทุกค่ายมวยหรือทุกสนาม

บาป ที่ไม่ได้ก่อ แต่สุดท้ายก็โดนยาแรงแบบเต็ม Max จากรัฐบาลที่ต้องสั่งปิดสนิท ทำให้หนึ่งในธุรกิจด้านหมัดมวยชั้นนำของประเทศอย่าง ‘แม็กซ์’ มวยไทย ต้องถูกหางเลขไปด้วย

เมื่อสังเวียนปิด รายได้หด โอกาสไม่เหลือ การอยู่รอดแบบไหนที่ ‘อาสิระ เตาะเจริญสุข’ บิ๊กบอส แห่ง บริษัท แม็กซ์ มวยไทย จำกัด จะต้องทำ!!

...ปรับเชิง ‘ชก’ นอกสังเวียน

...ปั้นคอนเท้นท์ออนไลน์ ประคองธุรกิจจาก ‘บาป’ ที่ไม่ได้ก่อ

‘อาสิระ เตาะเจริญสุข’ หรือ ‘เพชร’ เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ขึ้นนั่งบัลลังก์บริหาร บริษัท แม็กซ์ มวยไทย จำกัด ตั้งแต่ยังวัยไม่ถึง 20 ปี

ช่วงแรกที่เพชรเข้ามารับตำแหน่งบริหารตามคำขอของคุณพ่อณวัธ เตาะเจริญสุข เรียกว่าท้าทายอย่างมาก เพราะตลาดกีฬามวยไทยยุคนี้ทั้งแข่งขันสูง แถมตนเองก็ไม่ได้ชื่นชอบมวยเป็นทุน

แต่แววนักธุรกิจในตัวของเด็กคนนี้ ถือว่าเด่นมาก เพราะเป็นคนที่คิดสร้างสิ่งต่างๆ จาก ‘ความเป็นไปได้’ อะไรคือโอกาส อะไรคือสิ่งที่ตอบโจทย์คนและตลาดได้อย่างว่องไว

โดยก้าวแรกที่เข้าสู่ธุรกิจแม็กซ์ฯ เพชร เลือกที่จะเรียนรู้กับสิ่งที่ไม่ได้ถนัด ภายใต้ความรับผิดชอบในภารกิจที่ได้รับ จนปั้นคอนเท้นท์ แม็กซ์มวยไทย ติดลมบนแบบเฉิดฉายบนช่องทีวีชั้นนำของประเทศอย่างช่อง 8 และขยายผลไปขายลิขสิทธิ์ แม็กซ์ มวยไทย ในระดับอาเซียนและเอเชียตามลำดับ

ประเด็นที่น่าสนใจของเพชรในการปั้นแม็กซ์ฯ จนน่าจะเป็นอีกกรณีศึกษาทางการตลาดที่น่าสนใจ คือ เขามองแกนหลักของมวยไทยออกที่ว่า มวยคือความบันเทิงของผู้ชม แต่ความบันเทิงของมวยในปัจจุบัน ที่ชกกัน 5 ยก มันยังไม่สะใจ เขาจึงกล้าที่จะปรับ แม็กซ์ มวยไทย ให้เป็นมวย 3 ยก เหตุผลเพราะมวย 3 ยก จะทำให้นักมวยซัดกันได้หมดแม็กซ์ ไม่ต้องมาเต้นฟุตเวิร์คติ๊ดชึ่งให้เสียเวลา

ผลคือ แม้คนที่ไม่เคยดูมวยไทยมาก่อน ก็รู้สึกได้ถึงความมันส์ของทุกคู่ชก ที่ไหลเวียนกันขึ้นมาฟาดปากกันราว 7 คู่ต่อวัน (ตลอดสัปดาห์) จนเข้าถึงกลุ่มคนส่วนใหญ่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

เมื่อแนวคอนเท้นท์หมัดมวยโดนใจในระดับหนึ่ง คราวนี้ เพชร ก็หันมาปรับ สนามแม็กซ์มวยไทยที่ตั้งอยู่พัทยา ให้มีความแตกต่างจากสนามมวยทั่วไป ด้วยการสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตา ผ่านแต่งแสงสีเสียง และความบันเทิงเข้ามาผสมผสาน มีกิมมิคให้นักมวยเดินทักทายกับแฟนๆ มีเครื่องดื่ม อาหารจำหน่าย และเพลงประกอบสนามให้คึกกคักอย่างเร้าใจ ซึ่งให้อารมณ์ของการเป็น Sport Complex มากกว่าเวทีมวยทั่วไปภายใต้เวลาไพรม์ไทม์ที่ 18.00-20.00 น.

สีสันเหล่านี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากๆ ของแม็กซ์ฯ เพราะทำให้ช่อง 8 ของเฮียฮ้อ ที่เดิมให้แม็กซ์ฯ ออนแอร์ช่วงวันอาทิตย์นั้น หันมาออนแอร์ให้ช่องทุกวัน เนื่องจากมองเห็นความเป็น ‘ซุปเปอร์คอนเท้นท์’ ที่สามารถเรียกฐานผู้ชมในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ได้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่า เพชร เองก็ตอบรับจากช่อง 8 แบบไม่ลังเล แต่เขาก็คิดอยู่ในใจว่าโจทย์นี้มันก็ไม่ง่าย เพราะการออนแอร์ทุกวัน นั่นเท่ากับคนก็จะเห็นการชกแบบเดิมๆ ทุกวัน แล้วมันจะทำให้คนดูแอบเบื่อหรือไม่?

เมื่อเป็นเช่นนั้น กลยุทธ์การทำมวย 7 วันให้คนดูติดตลอดทั้งสัปดาห์จึงเกิดขึ้นในหัวของเขา

เพชร เลือกปรับรูปแบบการชกทั้งหมด โดยใส่ ‘ธีม’ เข้ามาในแต่ละวัน ดังนี้

    • จันทร์ - อังคาร The Fighter เฟ้นหานักมวยใหม่

    • พุธ – พฤหัสบดี The Global Fight แชมป์ชนแชมป์ของรุ่นน้ำหนักนั้นๆ

    • ศุกร์ The Battle ค่ายชนค่าย

    • เสาร์ The Champion ต่อยแบบทัวร์นาเม้นท์ จบใน 1วัน ซึ่งรายการนี้คนนิยมมาก และนักมวย 1 คน ต้องฟิตมาก ท้าทายสุดๆ เพราะเท่ากับต้องต่อยไม่ต่ำกว่า 6 ยกใน 1 วัน

    • สุดท้าย อาทิตย์ ซึ่งฮิตแบบสุดๆ กับรายการ ‘Max มวยไทย’ เป็นการพบกันระหว่างนักชก ไทย VS ต่างชาติ

เหล่านี้ช่วยให้แฟนมวยที่เข้ามาในสนาม เกิดความตื่นเต้น ติดตามชม และจดจำแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น รายการที่ออนแอร์ก็เรตติ้งดี โฆษณาเข้าเป็นกอบเป็นกำ และทำให้เกิดความอยากมีส่วนร่วมของนักชกจากค่ายต่างๆ และนักชกต่างชาติมาร่วมการแข่งขัน ซึ่งปัจจุบันมีนักมวยไหลเวียนบนแม็กซ์มวยไทยมากถึง 1,500 คนกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ‘พายุฝน’ หลังฟ้าใส ก็ย่างกรายเข้ามา เมื่อโควิด-19 ระบาดหนักในเมืองไทย ซึ่งเพชรได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ช่วงนั้นว่า...

“ผมจำได้ว่าช่วงนั้นมีการแพร่ระบาดที่ค่ายมวยในเมืองกรุงและรอบข้าง รัฐบาลจึงสั่งไม่ให้จัดทุกสนาม ถึงแม้ว่านักมวยที่วนเวียนอยู่ในค่ายของผมจะไม่มีส่วนข้องเกี่ยว เพราะผมคุมเข้มไม่ให้ไปต่อยข้ามเวทีอยู่แล้ว แต่ปิดก็คือปิด

“ตอนนั้น ผมเองก็ยังไม่กังวลอะไรมาก เพราะคิดว่าหยุดแข่งสักพัก ก็ยังมีเทปมารีรันไปออนแอร์ ซึ่งทางช่อง 8 ก็กรุณาให้ออนแอร์ เพราะไม่อยากให้รายการของเราหายไปจากหน้าจอ

“แต่สิ่งที่ผมรู้สึกแย่มากๆ คือ นาทีนั้นภาพลักษณ์ของวงการมวยถูกครหาหนัก นักมวยในค่ายผม ไปกินข้าว เจ้าของร้านข้าวยังไล่กลับเลย เพราะเป็นนักมวย ทำไมถึงเกลียดนักมวยทั่วประเทศเหล่านั้น พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ไม่ควรเหมารวม เพราะในความเป็นจริงนักมวยทุกคนไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้น เรียกว่าตอนนั้นเจอแต่เรื่องเกินจินตนาการจริงๆ แต่อย่างว่าเราทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องอยู่นิ่งๆ รอจังหวะกลับมา”

แน่นอนว่าธุรกิจต้องมีรายได้ แต่เมื่อโควิดทำให้เวทีแม็กซ์มวยไทยต้องปิด และช่วงนั้นรายได้ของแม็กซ์ก็มาจาก 2 เส้นเลือดใหญ่ ได้แก่ จากโฆษณาที่ออนแอร์ในช่องทีวี และรายได้จากการขายบัตรแก่ผู้เข้าชม ทำให้ เพชร บอกตรงๆ กับ The States Times ว่า รายได้ในช่วงนั้น ‘จาก 100 เหลือ 0’ ทันที

“ตอนนั้นทุนผมยังมี ก็ยังประคองธุรกิจไป เน้นใช้จ่ายประหยัดเอา (หัวเราะ) และเราก็หากิจกรรมยามว่าง เช่น บริจาคอาหารให้กับชาวบ้านในท้องถิ่น และก็ทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยให้ทีมงานและนักมวยได้มีกิจกรรมทำแทน

“จากนั้นข่าวดีก็มา พอเข้าถึงเดือนสิงหาคม 2563 โควิดเริ่มจาง รัฐบาลก็ไฟเขียวให้เปิดสนามมวยได้อีกครั้ง แต่ก็จัดได้แบบไม่ปกติ ต้องมีข้อบังคับจากกระทรวงสาธารณสุข นักมวย กรรมการ เจ้าหน้าที่ต้องมีใบรับรองแพทย์ ซึ่งเราก็ทำตามเงื่อนไขเต็มที่ และก็ยังเข้มงวดกันเองทั้งพนักงานและนักมวย ให้กักตัวก่อนมาทำงาน มีการทำซุ้มทางเข้า มีการเว้นระยะห่าง และมีหมอเข้ามาตรวจตลอด

“แต่ผมก็ต้องบอกตามนี้ว่า รายได้มันไม่กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งผมก็พอเข้าใจได้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังเข้ามาไม่ได้ ความคึกคักแบบวันเก่าๆ มันก็ยังกลับมาไม่สุด”

เปิดเวทีได้ไม่นาน ในปลายเดือนธันวาคม 2564 ก็เป็นอีกช่วงเวลาที่คราวนี้ เพชร เริ่มกุมขมับอย่างจริงจัง หลังจากเกิดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ รอบนี้สนามมวยถูกสั่งปิดเหมือนเคย

ยอมแพ้ คือ ล้ม!! นั่นคือสิ่งที่ เพชร บอกกับตัวเอง ในรอบนี้ และจากประสบการณ์ปิดธุรกิจในรอบแรกของโควิดระบาด บอกกับ เพชร ว่า ‘มีอะไรก็ต้องทำไปก่อน’

เขาไม่ยึดติดกับคอนเท้นท์ยิ่งใหญ่บนสังเวียนมวย แต่พยายามหาวิธีต่อยอดสิ่งที่มีเพื่อสร้างโอกาสใหม่ขึ้นมา

“งวดนี้ผมบอกก่อนว่าลำบากเกินจินตนาการในการจะรอโอกาสให้แม็กซ์มวยไทยกับมาฟุตเวิร์คได้เหมือนเดิม ผมจึงคิดแบบเร็วๆ และไม่รอ โดยมองวัตถุดิบของคอนเท้นท์จากแม็กซ์มวยไทย ที่มีเยอะมากมาปรับทำอะไรไปก่อน โดยเริ่มต้นจากการทำแฟนเพจ Facebook: MAX Muay Thai และ ช่อง YouTube: MAX Muay Thai Official ซึ่งผมใช้วิธีคัดเลือกคอนเท้นท์เพื่อมาขยี้เป็นไฮไลท์ เช่น นักมวยคนนี้ดัง ก็นำเอามาทำไฮไลท์ หรือช็อตเด็ดต่างๆ ก็นำมาทำเป็นรวมสุดยอดคอนเท้นท์ด้านนั้นด้านนี้

“ผลปรากฎ คือ มีคนชอบเป็นจำนวนมาก และเราก็ได้ฐานคนดูเพิ่มมามหาศาล เพราะส่วนหนึ่งอาจจะเพราะ การวางฐานให้มวย 3 ยกของเราซัดกันมันส์ มันช่วยให้เรามีคอนเท้นท์ดีๆ อยู่ในมือเพียบ และบางคนที่อาจจะไม่เคยเห็นคอนเท้นท์เก่าๆ เหล่านี้ ก็นำมาแชร์กันต่อจนเกิดเป็นปากต่อปาก ผลลัพธ์ คือ ยอดผู้ติดตามทั้ง 2 ช่องทางของเราทะลุหลัก 7 แสนในช่วงเวลาไม่กี่เดือน จนกล้าเคลมว่ารายการกีฬาออนไลน์ที่เกี่ยวกับมวยในเมืองไทย ของเราเป็นเบอร์ 1 และเราเชื่อว่าปลายปีนี้จะมีผู้ติดตามทั้ง 2 ช่องทางหลักล้านอย่างแน่นอน”

อย่างไรก็ตาม แม้การปั้นช่องทางออนไลน์เข้ามาเสริมในช่วงวิกฤติโควิดจะพาธุรกิจแม็กซ์ฯ ให้มีที่ยืนใหม่ได้ และพอจะเป็นแสงสว่างแก่เพชร แต่เขาก็มองว่าอาจจะไม่ได้ใหญ่มากพอจะช่วยให้ประคองธุรกิจและบริษัทได้ในระยะยาว เพราะสุดท้ายคนติดแม็กซ์มวยไทย ที่ความเร้าใจแบบสดๆ ซึ่งเขาก็หวังว่าวิกฤตินี้จะผ่านไปแล้วได้กางผ้าใบอีกรอบโดยเร็ว

สำหรับบรรยากาศในเมืองพัทยา ณ ปัจจุบัน เพชร ได้ทิ้งท้ายคำเดียวสั้นๆ ว่า ‘เงียบ’ โดยจำนวนนักท่องเที่ยว 100% คิดเป็นคนไทย 20% ที่เหลือชาวต่างชาติ เช่น จีน 50% แล้วก็ฝรั่งอีก 30% ตอนนี้หายเรียบ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ แต่เขาก็เชื่อว่าถ้ารัฐบาลเปิดให้นักท่องเที่ยวมาไทยได้ ผู้รับชมคงกลับมาเยี่ยมแม็กซ์ฯ แน่นอน เพราะมั่นใจในแบรนด์ที่ทำไว้อย่างแข็งแรง

“ผมเชื่อว่าตอนนี้คนไทยทุกคน ธุรกิจทุกธุรกิจ ลำบากหมด แต่อยู่ที่เราจะยอมแพ้ไหม? อย่างผมเองไม่อยากแพ้ และยิ่งไม่อยากแพ้ให้คนรอบข้างเห็นด้วย เพราะเขาจะหมดกำลังใจหากเห็นเราล้ม ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง อะไรที่ทำได้ทำไปเถอะ อย่าล้มไปตามสถานการณ์” เพชร ทิ้งท้าย


ติดตามคลิปสัมภาษณ์ฉบับเต็ม

เพชร – อาสิระ เตาะเจริญสุข

‘บิ๊กบอส’ แห่ง บริษัท แม็กซ์ มวยไทย จำกัด

ผู้ปั้นวงการมวยไทย จนติดใจคนทั่วโลก ได้ใน ‘Game Changer เก่งพลิกเกม’

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 เวลา 23.00 น.

พรรคกล้า เปิดตัวนักธุรกิจรุ่นใหม่ “สราวุฒิ สุวรรณรัตน์” ชิงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ขณะที่หัวหน้าพรรค “กรณ์ จาติกวณิชย” ไม่หวั่นหากตกเป็นรอง ลั่นพร้อมสู้ทุกเวที ชี้เป็นเกียรติได้เปิดตัวผู้สมัครคนแรกของพรรคสู่สายตาประชาชน

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เปิดตัว นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ เป็นว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ในนามพรรคกล้า แทนตำแหน่งที่ว่าง หลังนายเทพไท เสนพงศ์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราชไปแล้ว

โดยนายสราวุฒิ เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช และมีบทบาทสำคัญในการส่งเครื่องถมเครื่องเงินของนครศรีธรรมราชส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ

ขณะที่ นายกรณ์ ย้ำว่า การเปิดตัวผู้สมัครครั้งนี้ มีความหมายของพรรค เป็นโชคและเป็นเกียรติที่ได้แนะนำตัวผู้สมัครคนแรกของพรรคกับชาวนครศรีธรรมราชและคนไทย ซึ่งพรรคกล้าตั้งใจทำให้ชาวนครศรีธรรมราชทุกคนอยู่ดีกินดี มีโอกาสก้าวหน้าในชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ส่วนเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ และยังมีพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงพรรคภูมิใจไทยส่งผู้สมัครชิง จะสู้ได้หรือไม่ นายกรณ์ ยืนยัน พรรคกล้า ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค และเมื่อปรากฎสัญญาณว่าจะเลือกตั้งซ่อม ว่าที่ผู้สมัครก็ได้ลงพื้นที่และฝังตัวมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 และช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ ยืนยันว่า พรรคกล้ามีโอกาสลงพื้นที่ได้เข้มข้นกว่าหลายพรรค และการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ พร้อมสู้ทุกพรรค เพราะมั่นใจในตัวผู้สมัคร และตัวคนนครศรีธรรมราช

เมื่อถามว่า หลายพรรคส่งตัวผู้สมัครที่เป็นคนในพื้นที่เดิมและมีประสบการณ์ด้านการเมือง แต่พรรคกล้ากลับส่งผู้สมัครที่เป็นคนรุ่นใหม่ นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคกล้าเป็นพรรคของคนทุกวัย เชื่อว่า สังคมจะเดินหน้าไปได้อย่างเต็มศักยภาพ แม้ว่าที่ผู้สมัครจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่เชื่อว่า คนอยากเห็นการเมืองแนวใหม่ที่สร้างสรรค์ และมีประสบการณ์สร้างเนื้อสร้างตัวและทำมาหากินมาเป็นผู้แทนเพื่อสร้างโอกาสให้ชาวนครศรีธรรมราช จึงไม่คิดว่า คะแนนของพรรคกล้าคงไม่ใช่มาแค่คนรุ่นใหม่เท่านั้น

ส่วนการส่งตัวผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. นายกรณ์ ยืนยันว่า พรรคกล้าพร้อมสู้ทุกเวที และเมื่อถึงเวลา ก็พร้อมที่จะเปิดตัว โดยที่ขณะนี้มีคนในใจแล้วแต่ขอยังไม่เปิดเผย ซึ่งเวลานี้เตรียมตัวผู้สมัคร สก.ไว้เกือบครบแล้ว และจะเดินหน้าไปเรื่อย ๆ แต่เป้าหมายสำคัญเวลานี้ คือ การเลือกตั้งซ่อม เขต 3 นครศรีธรรมราช

รมว.แรงงาน จ่อถกคลัง เยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 พิจารณารูปแบบการเยียวยา รอหารือข้อสรุปที่ชัดเจน เผย มีวินัยทางการเงินการคลังอย่างดี พร้อมจะพยุงช่วยเหลือทุกคนตามสิทธิที่ประโยชน์ที่ควรได้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการเรียกร้องให้เยียวยากลุ่มแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะมีมาตรการเยียวยาหรือไม่ ว่า ผู้ประกันตนมาตราดังกล่าวมีประมาณ 11 ล้านคน ซึ่งขณะนี้เรากำลังดูว่ารูปแบบที่กระทรวงการคลังจ่ายเยียวยามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง ส่วนรายละเอียดขอให้รอผลสรุปก่อน

เนื่องจากต้องหารือกับทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมา (สศช.) ถึงรูปแบบและวิธีการและต้องหารือกับรมว.คลัง เนื่องจากงบประมาณที่จะใช้ดำเนินงานจะเป็นของกระทรวงการคลัง แต่ขณะนี้มีแนวโน้มสัญญาณที่ดี โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็เป็นห่วง จึงให้ไปหาวิธีการในการช่วยเหลือ

"มีนักการเมืองที่อาจจะไม่เข้าใจระบบประกันสังคม ไม่เข้าใจรัฐบาลแล้วบอกว่ารัฐบาลไม่เคยช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานทั้งที่รัฐบาลอุดหนุนเงินกองทุนประกันสังคมปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยไปอยู่ในกองทุนว่างงาน และกองทุนชราภาพ ซึ่งกลับไปให้กับผู้ใช้แรงงาน ที่ผ่านมาในอดีตกองทุนประกันสังคมได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 2.75 % แต่รัฐบาลที่ผ่านมาติดค้างยาวนานมูลค่าเป็น 1 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลนี้ได้อุดหนุนและใช้หนี้เก่าให้กองทุนมีสภาพคล่องมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน" นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวว่า ในการระบาดของโควิด-19 รอบแรกใช้เงินประกันสังคม 62% ในการช่วยเหลือแรงงานกว่า 9 แสนคน ครั้งนี้รัฐบาลก็พยายามที่จะช่วยเหลือเยียวยา โดยล่าสุดรัฐบาลจ่ายไปอีก 3 หมื่นกว่าล้านบาทให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบและปิดกิจการ โดยคำสั่งของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัด ดังนั้นผู้ประกันตนในระบบไม่ต้องเป็นห่วง เรามีวินัยทางการเงินการคลังอย่างดีและจะพยุงช่วยเหลือทุกคนตามสิทธิที่ประโยชน์ที่ควรได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ทางกระทรวงแรงงาน จะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณารูปแบบการเยียวยา โดยเบื้องต้นคาดว่าจะจ่ายเป็นเงินให้กับผู้ประกันตน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย และมีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งสอดคล้องกับเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจ่ายเยียวยา 7,000 บาท ทั้งนี้กรอบวงเงินที่จะเยียวยาจะต้องหารือถึงให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top