Thursday, 19 June 2025
NEWS FEED

เพิ่มอัตราค่าจ้าง 3 กลุ่มแรงงาน สูงสุด 630 บาทต่อวัน

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง เพิ่มอัตราค่าจ้าง 3 กลุ่มแรงงาน สูงสุด 630 บาทต่อวัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อมูลว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการเห็นชอบเพิ่มอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 กลุ่มสาขาอาชีพ รวม 13 สาขา ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพื่อให้ลูกจ้างที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติในแต่ละสาขาอาชีพ และแต่ละระดับได้รับค่าจ้างที่เหมาะสมเป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือความรู้ความสามารถของตน แต่ทั้งนี้ประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ จะมีผลบังคับใช้ 90 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา

โดยอัตราค่าจ้างแต่ละสาขาอาชีพ มีรายละเอียดดังนี้

1. กลุ่มช่างอุตสาหกรรม ค่าจ้างตั้งแต่ 460 – 630 บาทต่อวัน ได้แก่

1.1 ช่างกลึง

1.2 ช่างควบคุมเครื่องกลึง CNC

1.3 ช่างควบคุมเครื่อง Wire Cut

1.4 ช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ

2. กลุ่มช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ค่าจ้างต่อวันตั้งแต่ 440 - 540 บาทต่อวัน ได้แก่

2.1 ช่างไฟฟ้าภายนอกอาคาร

2.2 ช่างโทรคมนาคม (ไมโครเวฟและการสื่อสารดาวเทียม)

2.3 ช่างควบคุมด้วยระบบโปรแกรมเมเบิ้ลลอจิกคอนโทรลเลอร์ (Programmable Logic Controller: PLC)

2.4 ช่างไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมการจัดประชุม การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และการแสดงสินค้า (MICE : Meeting Incentives Conventions Exhibitions)

2.5 ช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์

3. กลุ่มช่างเครื่องกล ค่าจ้างตั้งแต่ 415 – 430 บาทต่อวัน ได้แก่

3.1 พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถยกไฟฟ้า

3.2 พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถยกใช้เครื่องยนต์

3.3 ช่างตั้งศูนย์และถ่วงล้อรถยนต์

3.4 ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์

และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจาก กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th หรือโทร. 02 6182323

(หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี)​


ที่มา: https://www.antifakenewscenter.com/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87-3-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94-630-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD/

ทนายยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัว 4 แกนนำราษฎรอีกครั้ง หลัง 8 กปปส. ได้ประกันตัวพ้นคุก

วันนี้ (26 ก.พ. 2564)​ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทีมทนายความแกนนำกลุ่มราษฎร เดินทางมายื่นอุทธรณ์ขอประกันตัว นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม 4 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่ได้รับการประกันตัว หลังถูกยื่นฟ้องคดีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ในความผิดตาม ป.อาญา ม.112 ม.116 และข้อหาอื่น

นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ เพื่อต้องการยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวจำเลยทั้ง 4 คนอีกครั้ง หลังจากที่อดีตอธิบดีการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยื่นขอปล่อยชั่วคราวไปเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

การยื่นอุทธรณ์ครั้งนี้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งตามปกติแล้วการไม่ให้ประกันตัวจำเลยมี 4 ข้อ คือ

1.) จำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี แต่ในกรณีนี้ 4 แกนนำ ไม่มีพฤติการณ์ดังกล่าว ทั้ง 4 คน มีที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง มีอาชีพชัดเจน

2.) หลักประกันไม่น่าเชื่อถือ แต่ในกรณีนี้ได้ยื่นหลักทรัพย์คนละ 4 แสนบาท โดยมีบุคคลเป็นถึงระดับอดีตอธิการบดี และอดีตคณบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำ อย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมยื่นประกันตัว ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง มีอาชีพดีและมีเกียรติ ประวัติไม่เคยด่างพร้อย ทำหน้าที่ค้ำประกัน ยืนยันได้ว่า ทั้ง 4 คน มีหลักทรัพย์น่าเชื่อถือ และไม่หลบหนีคดี

3.) การไม่ให้ประกันเนื่องจากจำเลยจะเข้าไปยุ่งกับพยานหลักฐาน แต่คดีนี้หลักฐานหรือสำนวนอยู่ที่พนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นพนักงานตำรวจ จำเลยทั้ง 4 ไม่มีโอกาวเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว

และ 4.) คดีนี้ศาลยังไม่พิพากษาถึงที่สุด จำเลยทั้ง 4 คนควรได้โอกาส ได้อิสรภาพ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว

สำหรับกรณีที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตประกันตัว 8 อดีตแกนนำ กปปส. นั้น นายนรเศรษฐ์ มองว่า เป็นบรรทัดฐานที่ดีให้กับคดีการเมืองอื่นๆ พึงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับกลุ่มแกนนำราษฎร คดีนี้ศาลชั้นต้นยังไม่ได้พิพากษาว่ามีความผิด จึงทำให้ตนและจำเลยทั้ง 4 คนมีความหวังว่าศาลอุทธรณ์จะให้ความเป็นธรรม อนุญาตให้ประกันตัวจำเลยได้

สีจิ้นผิง ยกย่องความสำเร็จของประเทศที่สามารถขจัดความยากจนขั้นสูงสุดเป็นปาฏิหาริย์ที่จะ “ถูกจารึกในประวัติศาสตร์”

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง (CMC) เข้าร่วมการประชุมใหญ่ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเชิดชูความสำเร็จด้านการบรรเทาความยากจนและมอบรางวัลต้นแบบการต่อสู้กับความยากจนของประเทศ

สีจิ้นผิงประกาศ “ชัยชนะโดยสมบูรณ์” ในการต่อสู้กับความยากจน ซึ่งเกิดจากความพยายามร่วมกันของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ พร้อมเน้นย้ำว่าการขจัดความยากจนในชนบทเป็นส่วนสำคัญของการบรรลุเป้าหมายสร้างสังคมมั่งคั่งระดับปานกลางในทุกด้าน โดยจีนได้สร้าง “ตัวอย่างฉบับจีน” ในการลดความยากจน และสร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ในการบรรเทาความยากจนระดับโลก

อนึ่ง ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา จีนได้ช่วยเหลือชาวชนบทที่อยู่ใต้เส้นแบ่งความยากจนหลุดพ้นจากความยากจนถึง 98.99 ล้านคน โดยมีหมู่บ้าน 128,000 แห่ง และอำเภอ 832 แห่ง ถูกปลดออกจากบัญชีพื้นที่ยากไร้

ตั้งแต่ปลายปี 2012 จีนได้สร้างหรือปรับปรุงถนนในชนบทเป็นระยะทางรวม 1.1 ล้านกิโลเมตร จัดหาพลังงานไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพแก่พื้นที่ชนบท และขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตใยแก้วนำแสงและสัญญาณ 4จี (4G) ให้ครอบคลุมหมู่บ้านยากไร้กว่าร้อยละ 98

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ประชาชนยากจนราว 25.68 ล้านคนจาก 7.9 ล้านครัวเรือน ได้รับการปรับปรุงบ้านที่อยู่อาศัยอันชำรุดทรุดโทรม และประชาชนมากกว่า 9.6 ล้านคน ได้รับการโยกย้ายออกจากพื้นที่ทุรกันดารสู่บ้านหลังใหม่ที่ดีกว่าเดิม ด้าน 28 กลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งมีประชากรค่อนข้างน้อย ยังหลุดพ้นจากความยากจนพร้อมกันด้วย

จีนได้ช่วยเหลือชาวชนบทหลุดพ้นจากความยากจน 770 ล้านคน นับตั้งแต่เริ่มต้นการปฏิรูปและเปิดประเทศเมื่อ 40 ปีก่อน หากคำนวณตามเส้นแบ่งความยากจนในปัจจุบันของจีน และคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 70 ของประชากรยากจนทั่วโลก หากอ้างอิงเส้นแบ่งความยากจนสากลของธนาคารโลก

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงกล่าวอีกว่า​ จีนได้บรรลุเป้าหมายขจัดความยากจนเร็วกว่าที่กำหนดไว้ใน “วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 แห่งสหประชาชาติ” (United Nations 2030 Agenda for Sustainable Development) ถึง 10 ปี


ที่มา: https://www.newtv.co.th/news/77452

ธนาคารทหารไทย เผยชื่อใหม่หลังควบรวมกับธนาคารธนชาตเสร็จสิ้น เป็น 'ธนาคารทหารไทยธนชาต'​ ชื่อย่อหลักทรัพย์เปลี่ยนเป็น TTB

ธนาคารทหารไทย หรือ TMB ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนชื่อธนาคารและแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ

ทั้งนี้ จะแก้ไขชื่อเป็น ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ TMBThanachart Bank เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยนภาพของแบรนด์ หรือ Rebranding ของธนาคารภายหลังการดำเนินการตามโครงการซื้อหุ้นเพื่อการโอนและรับโอนกิจการทั้งหมดของธนาคารธนชาต มายังธนาคารทหารไทย

นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนจะเปลี่ยนแปลงชื่อย่อหลักทรัพย์จาก TMB เป็น TTB ต่อไป โดยการเปลี่ยนแปลงชื่อย่อหลักทรัพย์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติเปลี่ยนชื่อธนาคาร และนายทะเบียนมหาชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์รับจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ

ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารได้มีมติเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 454,937,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.95 บาท ดังนี้

- จำนวนไม่เกิน 305 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.95 บาท เพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้บริหาร และพนักงานของธนาคาร และธนาคารธนชาต (TBANK) ภายใต้โครงการ 2021 TMB Stock Retention Program และ

- จำนวนไม่เกิน 149,937,500 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.95 บาท เพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้บริหารและพนักงานของธนาคาร และ TBANK ภายใต้โครงการ 2019 TMB Stock Retention Program ที่ยังคงมีผลอยู่


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/stocks-gold/2039937

'หมออนุทิน'​ เผยวัคซีน Sinovac ผ่านการตรวจสอบแล้ว พร้อมลุยให้บริการประชาชน

เฟซบุ๊ก 'อนุทิน ชาญวีรกูล'​ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการโพสต์ข้อความว่า..

ว้คซีน Sinovac ได้รับการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรียบร้อยแล้ว พร้อมจัดส่งให้โรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อฉีดให้ประชาชน ตามแผนบริหารจัดการวัคซีน ของกระทรวงสาธารณสุข

#คนไทยต้องปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัคซีนของ Sinovac ได้รับการตรวจสอบ ในช่วงบ่ายของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นไปตามระบบคุณภาพของการรับวัคซีนตัวอย่าง และดำเนินการทดสอบทางห้องปฏิบัติการทันที

สำหรับผลการทบทวนเอกสารข้อมูลกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพของวัคซีนรุ่นการผลิตที่ประเทศไทยได้รับมาจากผู้ผลิตนั้น​ มีความสอดคล้องตามกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์​ จึงได้ให้การรับรองรุ่นการผลิตวัคซีน CoronaVac ของซิโนแวครุ่นที่ส่งให้ประเทศไทย เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำวัคซีนไปใช้ได้ตามแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19

รัฐบาลญี่ปุ่นใจถึง !!​ ใครฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วตาย​ จ่าย​ 12​ ล้านบาท​ หวังจูงใจประชาชนให้เลิกกลัว

จากกรณีเมื่อ วันที่ 17 ก.พ.64 ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลญี่ปุ่น ได้เริ่มการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่ประชาชน แต่กลับปรากฏว่า มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนไม่มากนัก

โดยดูจากผลสำรวจความคิดเห็นของสื่อหลายสำนักในญี่ปุ่น พบข้อมูลว่า ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่กล้าไปเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เนื่องจากไม่มั่นใจถึงความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีน

ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงหาวิธีดึงดูด โดยนาย โนริฮิสะ ทะมุระ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยจำนวน 44,200,000 เยน หรือ 12,536,372 บาท ให้แก่ครอบครัวหากฉีดวัคซีนต้าน โควิด-19 แล้วเสียชีวิต และจะจ่ายค่าทำศพอีกไม่เกิน 209,000 เยน หรือ 59,275 บาท หลังพบชาวญี่ปุ่นไม่กล้าฉีดวัคซีน เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีอาการเจ็บป่วย หรือได้รับผลข้างเคียงระยะยาว อาทิ พิการ จะได้รับเงินชดเชยปีละ 5 ล้านเยน หรือ 1,417,096 บาท

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายจ่ายเงินชดเชยผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนอยู่แล้ว แต่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ


ที่มา: https://www.facebook.com/336295587309275/posts/768683140737182/

https://japantoday.com/category/features/health/If-you-die-from-the-COVID-19-vaccine-in-Japan-the-government-will-give-your-family-over-¥44-mil

https://www.independent.co.uk/news/world/asia/japan-covid-vaccine-pay-families-death-b1806799.html

https://www.posttoday.com/world/646333

ดำเนินคดีเณร 3 นิ้ว มหาเถรสมาคมมีมติร่วม ผิดวินัยสงฆ์ หมิ่นสังฆราช

เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบ​ 'สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า'​ หรือ 'โฟล์ค'​ นักศึกษาวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล สมาชิกแนวร่วมราษฎรศาลายา ที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองกับม็อบราษฎรว่า มีพฤติกรรมขัดต่อคำสั่งมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า...

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดย กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ร่วมกับพระครูสถิตปริติวศ์ วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ เจ้าคณะแขวงบางชื่อ พระวินยาธิการ ออกตรวจตราตามที่ได้รับรายงานข่าว และแจ้งเบาะแส กรณีพบเห็นสามเณรมีพฤติกรรมขัดต่อคำสั่งมหาเถรสมาคม

เรื่องห้ามภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตร่ และพักค้างแรมตามบ้านเรือน พ.ศ.2521 , คำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ.2538, ประกาศคณะสงฆ์ เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรพักแรมในสถานที่เป็นที่รังเกียจทางพระวินัย วันที่ 31 มกราคม 2501 และอาจเข้าข่ายขัดต่อประกาศมหาเถรสมาคม เรื่องห้ามภิกษุสามเณรไม่ให้เป็นสมาชิกในสมาคม หรือสโมสรคฤหัสถ์ ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2476

ซึ่งประกาศห้ามภิกษุสามเณรเข้าเป็นสมาชิกในสมาคม หรือสโมสรคฤหัสถ์ เพราะไม่สมควรเกี่ยวข้องในกิจที่ไม่ควรแก่บรรพชิต เป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา และเป็นที่ติเตียนวิพากษ์วิจารณ์ของพุทธศาสนิกชนถึงความไม่เหมาะสม ภายหลังจากที่เจ้าคณะผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ละแวกบ้านพักนักกิจกรรมแนวร่วมราษฎร ย่านเตาปูน ตรวจสอบตามที่ได้รับรายงาน

โดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ประกอบกับข้อมูลที่ได้รับจากสื่อสังคมออนไลน์ พบว่า สามเณรรูปดังกล่าวคือ สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า หรือ โฟล์ค ไม่มีสังกัด ซึ่งเป็นบุคคลตามมติมหาเถรสมาคม ที่ 57/2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 เรื่องกรณีสามเณรเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง โดยเข้าร่วมชุมนุม และปราศรัยกับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองหลายครั้ง

ทั้งในระหว่างการชุมนุมยังแสดงพฤติกรรมละเมิดองค์แห่งพระวินัยปิฎก กล่าวติพระธรรม กล่าวติพระสงฆ์ มีความเห็นผิด ไม่เหมาะสมในสมณะแห่งพระพุทธศาสนา มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอามาตมาดร้ายสมเด็จพระสังฆราช ใส่ความคณะสงฆ์ให้เสื่อมเสีย หรือแตกแยก

มหาเถรสมาคม จึงมีมติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้แจ้งมติมหาเถรสมาคมนี้ ไปยังเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด และจังหวัดทุกจังหวัต เพื่อดำเนินการตามแนวทางการลงทัณฑกรรมแก่สามเณร

พร้อมแจ้งขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแจ้งสถานีตำรวจในท้องที่ต่างๆ หากพบเห็นสามเณรดังกล่าว ให้นำเข้าพบเจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่นั้นๆ เพื่อดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคม แล้ว

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งข่าว และขอความร่วมมือพุทธศาสนิกชนทุกท่าน หากพบเห็นพระภิกษุสามเณที่มีพฤติกรรมเช่นดังกล่าว หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในความเป็นสมณะ และในลักษณะอื่นที่อาจเข้าข่าย และเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา

โปรดแจ้งข่าว และเบาะแสมาที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โทร.02-441-7992 , 02-441-7936 เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป


ที่มา:

https://www.thaipost.net/main/detail/94250

https://www.facebook.com/www.onab.go.th/posts/2511133115858641

โฆษกพรรคกล้าเตือน!! หื่นกระหายแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกัน ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลเสื่อม แนะลุงตู่ 'ปรับ ครม.'​ ให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่านักการเมือง

ธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊ก Thanva Krairiksh - ธันวา ไกรฤกษ์ แสดงความเห็นถึงเรื่องการ 'ปรับ ครม.'​ ว่า...

เห็นข่าวการเตรียมเสนอชื่อรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างลง จึงขอแสดงความคิดเห็นในฐานะอดีตสมาชิกพรรค ซึ่งเคยได้เสียงกว่า 3 หมื่นคะแนนในการเลือกตั้ง “เพราะลุงตู่” สักหน่อยครับ

แม้ฐานคะแนนเดิมของส.ส.จากหลายกลุ่มหลายก๊วนจะมีจำนวนไม่น้อย แต่ต้องยอมรับว่ากระแสความมั่นใจต่อความเข้มแข็งในการปกป้องสถาบัน รวมไปถึงความเด็ดขาดในการแก้ปัญหาต่างๆ สมัยรัฐบาล คสช. ของลุงตู่ เป็นปัจจัยหลักให้พลังประชารัฐสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้​ ซึ่งผมเองเคยลงเลือกตั้งมาหลายครั้ง ไม่เคยได้คะแนนถึงหมื่น แต่คราวนี้ได้เกือบ 3 หมื่น ก็เพราะลุงตู่เช่นกัน โดยสัมผัสได้ถึงความคาดหวังของประชาชนที่อยากเห็นลุงตู่นำพาประเทศไปสู่การปฏิรูปตามที่ตั้งใจและสัญญาไว้

แต่ปรากฏว่าตั้งแต่ตั้งรัฐบาลจนถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยมีการปฏิรูปด้านใดที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย มีแต่ข่าวการขัดแข้งขัดขา แย่งเก้าอี้รัฐมนตรี จนมาถึงวันนี้มีรัฐมนตรีหลุดไป เพราะคำพิพากษาในคดี กปปส. ก็ยังไม่วายแสดงท่าทียื้อแย่งตำแหน่งกันอยู่เช่นเดิม... ราวกับไม่เห็นหัวผู้ที่เคยลงคะแนนให้จริงๆ

แล้วการพิจารณาตัวบุคคลที่จะมารับตำแหน่ง ควรเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ส่วนสมาชิกพรรคควรจะรู้จักการสงวนท่าทีบ้าง เพื่อให้รัฐบาลยังคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือ ไม่ทำเหมือนหื่นกระหายใคร่อยาก จนทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลดูเสื่อมอย่างนี้

เขียนยาวไปก็เวิ่นเว้อ ขอฝากไว้ให้พิจารณากันเพียงเท่านี้ และหวังว่าจะเห็นความเด็ดขาดในการตัดสินใจ คัดกรองตัวบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นรัฐมนตรี เพื่อให้ประชาชนยังรู้สึกว่า "นายกให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่านักการเมือง"

#เก็บอาการบ้างก็ได้!!


ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/politics/470192

ด่วน!! สหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการแรกภายใต้ 'ไบเดน' โจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายในซีเรีย

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ได้สั่งการให้กองทัพอเมริกาโจมตีทางอากาศทางภาคตะวันออกของซีเรีย ถล่มสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่ทางเพนตากอนระบุว่า​ เป็นฐานของกลุ่มนักรบที่อิหร่านหนุนหลัง เพื่อตอบโต้เหตุยิงจรวดโจมตีฐานที่มั่นต่างๆ​ ของสหรัฐฯ​ ในอิรักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

โดยการโจมตีสถานที่ต่างๆ ของสหรัฐในอิรักก่อนหน้า​ ซึ่งรวมถึงสถานทูตอเมริกันนั้น​ เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐและอิหร่านกำลังหาทางที่จะกลับเข้าร่วมข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ซึ่งได้ถูกยกเลิกไปในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เจ้าหน้าที่ของอิรักและชาติตะวันตก​ ระบุว่า การโจมตีสหรัฐฯ​ ในอิรักนั้นเป็นฝีมือของกองกำลังติดอาวุธกาตาอิบ เฮสบอลเลาะห์ (Kataib Hezbollah) และกลุ่มกาตาอิบ ซัยยิด อัล-ชูฮาดาอฺ​ ที่ได้รับการสนับสนุนโดยอิหร่าน

เหตุโจมตีดังกล่าว ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเป็นแห่งแรก ดูเหมือนจะดำเนินการในขอบเขตจำกัด มีความเสี่ยงระดับต่ำที่จะก่อให้เกิดสถานการณ์ลุกลามบานปลาย​ โดยสหรัฐฯ​ ได้ตัดสินใจโจมตีกองกำลังอิหร่านเฉพาะในซีเรียเท่านั้น และไม่ได้ทำการโจมตีในอิรักแต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตามการโจมตีทางอากาศในซีเรียครั้งนี้ได้มีพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย ขณะที่ทหารของสหรัฐและของกองกำลังพันธมิตรบาดเจ็บหลายนาย


ที่มา: รอสเตอร์ส
https://mgronline.com/around/detail/9640000019103
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/924681


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top