Monday, 23 June 2025
NEWS FEED

'บราซิล' ฉีดซิโนแวคทั้งเมือง ทำยอดตายจากโควิดลด 95%

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลการศึกษาเบื้องต้นของรัฐเซาเปาลู และสถาบันบูตันตัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท ซิโนแวค ในบราซิล บ่งชี้ว่า วัคซีน CoronaVac ของซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองเล็กแห่งหนึ่งของบราซิล หลังจากที่ทางการบราซิลได้ฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับประชากรวัยผู้ใหญ่เป็นสัดส่วน 75% ของทั้งเมือง โดยเป็นการฉีดครบทั้งสองโดส

ผลการศึกษาดังกล่าวเป็นการศึกษาประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนในเมืองเซอร์รานา ซึ่งมีประชากรประมาณ 45,000 คน โดยอัตราการติดเชื้อลดลงอย่างมากหลังประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนโดสแรก แต่จำเป็นต้องฉีดครบสองโดสจึงจะควบคุมการแพร่ระบาดได้

ผลการศึกษาเบื้องต้นเปิดเผยว่า เมืองเซอร์รานามียอดผู้เสียชีวิตลดลงถึง 95% หลังปูพรมฉีดวัคซีนเป็นเวลา 5 สัปดาห์ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อแบบแสดงอาการลดลง 80% และอัตราการเข้ารักษาในโรงพยาบาลลดลง 86% เมื่อเทียบกับเมืองใกล้เคียงที่ยังได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ เมืองเซอร์รานายังไม่พบผลข้างเคียงรุนแรงจากการฉีดวัคซีนของซิโนแวคด้วย และไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด หลังฉีดวัคซีนครบสองโดสเป็นเวลา 14 วัน

ผลการศึกษาเบื้องต้นซึ่งจะมีการเผยแพร่เร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่า วัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการจัดการกับไวรัสโควิดสายพันธุ์บราซิล โดยดร.ดิมาส โกบาส ผู้อำนวยการสถาบันบูตันตัน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อที่ 31 พ.ค. ว่า การค้นพบนี้จะช่วยรัฐบาลในการคิดค้นนโยบายสาธารณะต่อไป

 

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/577080


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รมว.ยุติธรรม สั่งป.ป.ส.เร่งขยายผลสอบเครือข่ายขนยาเสพติดข้ามชาติ หลังจับผีน้อยคาสนามบินอินชอน พบยาไอซ์มูลค่า 341 ล้านบาท

สืบเนื่องจาก วันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำสนามบิน อินชอน (เกาหลีใต้) ได้ตรวจยึดยาเสพติด (ยาไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม ประมาณ 4,040.49 กรัม มูลค่ากว่า 12.14 พันล้านวอน หรือประมาณ 341ล้านบาทไทย พร้อมจับกุมผู้ต้องหาที่ส่งมาจากประเทศไทย นั้น 

ล่าสุดนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ได้เร่งสั่งการให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการสูงสุด สาธารณรัฐเกาหลี (SPO) เพื่อขยายผลไปถึงผู้สั่งการ และเครือข่ายที่ร่วมลักลอบคนยาเสพติดไปประเทศเกาหลีใต้ เพื่อหาพยานหลักฐานเตรียมดำเนินคดี พร้อมสอบเส้นทางการเงิน เพื่อทำการยึดทรัพย์สินต่อไป 

ขณะที่ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ป.ป.ส. ได้ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการสูงสุดเกาหลีใต้ ที่ประจำอยู่ในสำนักงาน ป.ป.ส. มาโดยตลอด จนขยายผลทราบว่า ของกลางดังกล่าว (ยาไอซ์) ถูกส่งมาจากบริษัทส่งสินค้า ซอยอิทาปัจ 13 ถนนเพชรเกษม เขตบางแค ซึ่งระบุตัวผู้ส่งชัดเจนแต่อยู่ระหว่างการสอบสวน โดยมีการส่งยาเสพติดผ่านทางเครื่องบิน

โดยนักค้ายาเสพติดกลุ่มนี้จะมีการติดต่อซื้อขายยาเสพติดผ่าน แอปพลิเคชั่น ไลน์ กับเฟซบุ๊ก ก่อนขนส่งยาเสพติดผ่านพัสดุ และจัดส่งบริษัท ขนส่งพัสดุเอกชนแห่งหนึ่งโดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ SPO (เกาหลีใต้) รายงานว่า กลุ่มผู้รับสินค้าดังกล่าวเป็นคนไทยที่ลักลอบเข้าเมือง ซึ่งสำนักงานป.ป.ส. กำลังเร่งดำเนินการขยายผลเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แอสตร้าเซนเนก้า รับมอบวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในไทย โดยสยามไบโอไซเอนซ์ล็อตแรกตามแผนที่กำหนด เตรียมส่งมอบกระทรวงสาธารณสุขกระจายต่อ

แอสตร้าเซนเนก้า ประกาศพร้อมทยอยส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศไทย ให้กับรัฐบาลใช้ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่สยามไบโอไซเอนซ์ได้ส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกได้สำเร็จตามแผน โดยพิธีส่งมอบได้รับเกียรติจาก พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ประธานกรรมการ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด และ นายเจมส์ ทีก ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด

ศูนย์การผลิตวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย เกิดจากความร่วมมือระหว่างแอสตร้าเซนเนก้าและสยามไบโอไซเอนซ์ ผู้ผลิตยาชีววัตถุชั้นนำของไทย เพื่อสนับสนุนให้ประชากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

ทั้งนี้ แอสตร้าเซนเนก้าจะส่งมอบวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยล็อตแรกให้กับกระทรวงสาธารณสุขทันที ตามแผนการส่งมอบและเก็บรักษา เพื่อนำไปดำเนินการฉีดวัคซีนเร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนต่อไป และจะเริ่มส่งออกวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังต่อสู้กับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เหตุการณ์ในวันนี้มีความสำคัญและมีความหมายต่อพวกเราเป็นอย่างยิ่ง การที่ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่มีมาตรฐานด้านคุณภาพได้ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนนั้นถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นจากการมีพันธมิตรด้านการผลิตที่ยอดเยี่ยมอย่าง สยามไบโอไซเอนซ์ ผมขอขอบคุณสยามไบโอไซเอนซ์ที่ร่วมกันผลิตและส่งมอบวัคซีนได้ตามแผนที่กำหนดไว้”

“ในขณะนี้ เมื่อเรามีวัคซีนคุณภาพสูงที่ผลิตในประเทศไทยพร้อมส่งมอบแล้ว ก็จะสามารถสนับสนุนรัฐบาลให้ดำเนินการเร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิผลให้กับประชาชนได้โดยเร็วที่สุด”

นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า “สยามไบโอไซเอนซ์ในฐานะผู้รับจ้างผลิต ตระหนักดีถึงหน้าที่สำคัญในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากลให้สำเร็จโดยรวดเร็วที่สุด และรู้สึกภาคภูมิใจที่บริษัทของคนไทยได้รับเลือกจากแอสตร้าเซนเนก้า ให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 และสามารถส่งมอบวัคซีนล็อตแรกให้กับแอสตร้าเซนเนก้าได้ตามกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาระหว่างสยามไบโอไซเอนซ์และแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อจะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพของคนในชาติ รวมถึงประชาชนและเศรษฐกิจไทยจะได้กลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้ง”

วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ได้รับการอนุมัติให้เริ่มจัดส่งภายในสัปดาห์นี้ โดยได้ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศ รวมถึงผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตร้าเซนเนก้าในต่างประเทศ นับเป็นการยืนยันคุณภาพของวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศไทยว่ามีมาตรฐานในระดับสากล ทั้งนี้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าในแต่ละรุ่นการผลิตต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพต่างๆ รวมกันมากกว่า 60 รายการ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากล เพราะแอสตร้าเซนเนก้าให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

ผลการทดลองทางคลินิกยืนยันว่า ผู้รับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าสามารถทนต่อผลข้างเคียงของวัคซีนได้ดีและวัคซีนยังช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 ในทุกระดับความรุนแรง นอกจากนี้ จากข้อมูลการใช้วัคซีนในประชากรหลายสิบล้านคนทั่วโลก ยังแสดงให้เห็นว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิผลลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 ในระดับที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้มากถึง 80% หลังจากการฉีดเข็มแรก

แอสตร้าเซนเนก้ามีเครือข่ายการผลิตวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก ประกอบด้วยศูนย์การผลิตเฉพาะ 16 แห่ง และพันธมิตรผู้ผลิตวัคซีนอีก 25 แห่งในกว่า 15 ประเทศ สยามไบโอไซเอนซ์เป็นศูนย์การผลิตวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าแห่งแรกและแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยผลักดันยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาค ที่ผ่านมา แอสตร้าเซนเนก้าได้ร่วมกับสยามไบโอไซเอนซ์ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการผลิตวัคซีนและสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยแอสตร้าเซนเนก้าจะทยอยส่งออกวัคซีนโควิด-19 ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเดือนกรกฎาคม ณ ขณะนี้ แอสตร้าเซนเนก้าได้จัดส่งวัคซีนมากกว่า 500 ล้านโดส ให้แก่ 168 ประเทศทั่วโลก


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ขสมก. จัดเดินรถ Shuttle Bus จำนวน 3 เส้นทาง ให้บริการฟรี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เดินทางไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เริ่ม 7 มิ.ย.นี้

นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงคมนาคม จะให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แก่ประชาชนทั่วไป ที่ได้ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนฯ ผ่านค่ายโทรศัพท์มือถือ AIS, Dtac, True Move และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ (CENTRAL VACCINATION CENTER : CVC) ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ขสมก. จึงเตรียมจัดเดินรถ Shuttle Bus ให้บริการฟรี จำนวน 3 เส้นทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางมาเข้ารับการฉีดวัคซีนฯ เริ่มให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 08.00-20.00 น. หรือจนกว่าประชาชนจะออกจากพื้นที่หมดโดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.) เส้นทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศยูโรทูจำนวน 12 คัน ความถี่ในการปล่อยรถ คันละ 5-10 นาที

-เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ฝั่งเกาะพหลโยธิน) ไปตามถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายไปตามถนนกำแพงเพชร เลี้ยวขวาไปตามถนนโรงปูน ผ่านศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สุดเส้นทางที่สถานีกลางบางซื่อ (ไม่จอดรับ-ส่งระหว่างทาง)

2.) เส้นทางท่าเรือบางโพ-สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 6 คัน ความถี่ในการปล่อยรถ คันละ 10 นาที

-เริ่มต้นจากท่าเรือบางโพ ไปตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 (จอดรับผู้ใช้บริการที่สถานี MRT เตาปูน) เลี้ยวขวาไปตามถนนเตชะวณิช เลี้ยวซ้ายไปตามถนนประดิพัทธ์ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนกำแพงเพชร เลี้ยวซ้ายไปตามถนนโรงปูน ผ่านศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สุดเส้นทางที่สถานีกลางบางซื่อ

3.) เส้นทางเซ็นทรัลลาดพร้าว-สถานีกลางบางซื่อ (เดินรถวงกลม) ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 12 คัน ความถี่ในการปล่อยรถ คันละ 5-10 นาที

-เริ่มต้นจากเซ็นทรัลลาดพร้าว ไปตามถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหอวัง เลี้ยวซ้ายไปตามถนนวิภาวดีรังสิต เลี้ยวขวาไปตามถนนพหลโยธิน (จอดรับ-ส่งผู้ใช้บริการที่สถานี BTS หมอชิต) เลี้ยวขวาไปตามถนนกำแพงเพชร เลี้ยวขวาไปตามถนนโรงปูน ผ่านศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง (จอดรับ-ส่งผู้ใช้บริการที่สถานีกลางบางซื่อ) เลี้ยวขวาไปตามถนนกำแพงเพชร 6 เลี้ยวซ้ายไปตามถนนกำแพงเพชร 2 (จอดรับ-ส่งผู้ใช้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร)) เลี้ยวขวาไปตามถนนรัชดาภิเษก เลี้ยวขวาไปตามถนนวิภาวดีรังสิต เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพหลโยธิน สุดเส้นทางที่เซ็นทรัลลาดพร้าว

นอกจากนี้ ขสมก. ได้จัดเดินรถ Shuttle Bus ให้บริการรับ-ส่งประชาชน ณ บริเวณประตูทางเข้าศูนย์ฯ (จุดติดตั้งนาฬิกาประจำสถานี) และบริเวณประตูทางออก (ฝั่งสถานีรถไฟบางซื่อ) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอีกด้วย

ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับการใช้บริการสอบถามเส้นทางรถเมล์ หรือ แนะนำบริการได้ที่ www.bmta.co.th, facebook : BMTA องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ Call Center 1348 ทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 05.00 - 22.00 น.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทรงพระเจริญ ในหลวงพระราชทานอุปกรณ์การแพทย์กรมราชทัณฑ์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่ กรมราชทัณฑ์ เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับรองรับและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่แพร่กระจายในทัณฑสถาน และเรือนจำต่างๆ ส่งผลให้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในหมู่ผู้ต้องขังเพิ่มมากขึ้น และบางรายมีอาการหนัก ซึ่งต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์พิเศษ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ผบ.ทบ.’ ปธ.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ‘พระราชินี’ 3 มิถุนายน 2564

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 43 พรรษา 3 มิถุนายน 2564 ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จากวัดโสมนัสราชวรวิหาร จำนวน 10 รูป ณ บริเวณลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5, พิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคล ณ ห้องจัดเลี้ยง 221 อาคาร 2 ชั้น 2, พิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์, พิธีสงฆ์สำหรับการไถ่ชีวิตกระบือ และพิธีมอบบัตรประจำตัวสัตว์ ณ ห้องรับรอง 212-213 อาคาร 2 ชั้น 1 และกิจกรรมบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล

นอกจากนี้ภายในงานมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ อีกทั้งได้จัดสถานที่ให้กำลังพล รวมถึงประชาชน ได้ลงนามถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างร่วมใจกันจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ท่าน กองทัพบกในฐานะหน่วยงานความมั่นคงที่มีภารกิจสำคัญสูงสุด คือ การพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงพร้อมกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ และกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล อาทิ การบริการทางการแพทย์ การบริจาคโลหิต รวมทั้งการจัดนิทรรศการ พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระมหากรุณาธิคุณอย่างสมพระเกียรติและสง่างาม ทั้งในส่วนกลาง และหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกทั่วประเทศ

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานสถาปนาพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมราชินี ทรงพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท และทรงแบ่งเบาพระราชภาระ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชนและประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการพระราชดำริต่างๆ อีกทั้งทรงเป็นแบบอย่างแก่ทหารในด้านความเข้มแข็ง มีระเบียบวินัย และสง่างาม

กองทัพบก ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อน้อมถวายพระพรชัยมงคล แสดงพลังแห่งความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ พบ “บิ๊กตู่” ย้ำความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้น พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-19

ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบ รัฐบาล นางเวนดี้ อาร์. เชอร์แมน (H.E. Mrs. Wendy R. Sherman) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับการรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมเชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ รมช.กต. สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่ยาวนานกว่า 188 ปี ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีฝากความยินดีถึงนายโจเซฟ อาร์. ไบเดน ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พร้อมระบุว่าไทยได้ติดตามนโยบายของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และหวังว่าไทยกับสหรัฐฯ จะเพิ่มพูนความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อกันในลักษณะ Win-Win ต่อไป

ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับ พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ มีความร่วมมือระหว่างกันที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะด้านความมั่นคง และเศรษฐกิจ และ เห็นว่าขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากจากโควิด-19 ซึ่งสหรัฐฯ เข้าใจและมีนโยบายด้านการจัดหาวัคซีนเพื่อช่วยเหลือหลาย ๆ ประเทศให้ผ่านพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวรวมถึงพร้อมให้การสนับสนุนไทยในการเข้าถึงวัคซีน ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณและยินดีรับการสนับสนุนโดยจะดำเนินการตามกระบวนการนำเข้าวัคซีนต่อไป

จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นสำคัญอื่น ๆ ร่วมกัน อาทิ ประเด็นเรื่องสภาพภูมิอากาศที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไทยให้ความสำคัญ และสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว  (Bio-Circular-Green  Economy: BCG Economy) ของไทย ซึ่งจะนำเข้าเป็นวาระสำคัญในการประชุมเอเปค ปี 2565 ต่อไป ในส่วนประเด็นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ โดยเฉพาะการต่อต้านการค้ามนุษย์ รัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และมุ่งมั่นแก้ปัญหาผ่านความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่ง รมช.กต. สหรัฐฯ ชื่นชมความมุ่งมั่นของไทยและพร้อมสนับสนุนไทย

นอกจากนี้ ในประเด็นความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรีชื่นชมสหรัฐฯ ที่มีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน และอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมาโดยตลอด ยืนยันว่า ไทยพร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์และความร่วมมือกับสหรัฐฯ ต่อไป ซึ่งในตอนท้าย ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในเมียนมา ที่ผ่านมาได้ติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด เชื่อมั่นว่าไทยและอาเซียนมีการดำเนินการที่สร้างสรรค์เพื่อหาทางออกที่สันติ 

รมช.ต่างประเทศฯ สหรัฐฯ กล่าวแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับกรณีผู้หนีภัย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยมีประสบการณ์เกี่ยวกับผู้หนีภัยภายใต้หลักมนุษยธรรมพร้อมยืนยันว่าไทยมุ่งหวังให้เกิดการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี 

ทนายตั้ม พา ‘ลุงพล’ มอบตัว หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดี ‘น้องชมพู่’

จากกรณีการหายตัวไปของ “น้องชมพู่” ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ซึ่งหายตัวไปจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ก่อนถูกพบเสียชีวิตอยู่บริเวณเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 เวลาผ่านไปนานกว่า 1 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมานำเนินคดีได้

โดยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ศาลจังหวัดมุกดาหารได้อนุมัติหมายจับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” เลขหมายจับที่ 53/2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ใน 3 ข้อหา

คือพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย, และกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความของนายไชย์พล หรือลุงพล ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่เลขหมายจับที่ 53/2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ในข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตายและกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป เปิดเผยว่า วันนี้ตนจะพานายไชย์พลไปมอบตัวกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 10.00 น.

 

ที่มา : https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2754307

ภาพจาก : ภาพจาก ทวิตเตอร์ @fm91trafficpro


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ประกันสังคม สรุปผลดูแลผู้ประกันตนตรวจโควิด-19 เชิงรุก ภาพรวม 10 จุด ล่าสุด 31 พ.ค. 64 ช่วยคัดกรองฯ ไปแล้วกว่า 2.35 แสนคน

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายให้ความสำคัญกับการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน จึงได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช. ดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ให้กับผู้ประกันตนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ภายใต้โครงการ “แรงงาน...เราสู้ด้วยกัน” เป้าหมายเพื่อดูแลผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 โดยเพิ่มช่องทางบริการตรวจเชื้อให้กับผู้ประกันตนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 10 จุดที่อยู่ในพื้นที่ในกรุงเทพฯ ปทุมธานี สมุทรปราการ นนทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ สมุทรสาคร ภูเก็ต ระยอง และพระนครศรีอยุธยา เพื่อลดปัญหาความแออัดการตรวจคัดกรองในโรงพยาบาล และให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดีโครงการดังกล่าว ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาคเอกชน และโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมดำเนินการตรวจโควิดเชิงรุกเป็นไปอย่างเรียบร้อย สามารถช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายความแออัดจากการเข้ารับบริการตรวจคัดกรอง ลดการกระจายของโรคป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ในสถานประกอบได้เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก

นายทศพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับภาพรวมในการดำเนินการตรวจโควิด-19 เชิงรุกให้กับผู้ประกันตน ณ 31 พ.ค. 64 ยอดรวมสะสมทั้งสิ้น ของการเปิดให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.-31 พ.ค.64 จุดตรวจอาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชน กรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง มีผู้มาตรวจจำนวน 89,921 คน ที่จังหวัดปทุมธานี จุดตรวจวิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี มีผู้มาตรวจจำนวน 15,862 คน ตรวจเชิงรุก ในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจ จำนวน 25,416 คน รวมทั้งสิ้น 41,278 คน ที่จังหวัดสมุทรปราการ จุดตรวจสถาบันฝีมือแรงงาน ภาค 1 มีผู้มาตรวจจำนวน 9,453 คน ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการมีผู้มาตรวจจำนวน 23,727 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 32,680 คน ที่จังหวัดนนทบุรี จุดตรวจเทศบาลเมืองพิมลราช มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 3,369 คน ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจจำนวน 12,494 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 15,863 คน ที่จังหวัดชลบุรี ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 23,000 คน ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้น จำนวน 10,777 คน ที่จังหวัดสมุทรสาคร ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 11,413 คน ที่จังหวัดภูเก็ตมีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 690 คน ที่จังหวัดระยอง ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 6,675 คน และที่จังหวัดอยุธยา ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 3,211 คน โดยภาพรวมทั้ง 10 จุด ในการตรวจโควิด-19 เชิงรุกให้กับผู้ประกันตน มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 235,508 คน

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้ายว่า สำนักงานประกันสังคม พร้อมร่วมขับเคลื่อน การดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ และควบคุมการแพร่ระบาดในช่วงที่รอการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนต่อไป

รองโฆษก ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กกรณีตำรวจออกหมายจับ “ลุงพล” ในคดีน้องชมพู่

โดยนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษก ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีตำรวจออกหมายจับ “ลุงพล” ในคดีน้องชมพู่ ว่า 1 ปี คดีน้องชมพู่ #บางทีฆาตกรก็มาในรูปแบบของสื่อ (บางคน) ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับครอบครัวน้องชมพู่ ที่ตำรวจได้อกหมายจับลุงพล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากใช้เวลามาปีกว่า

คดีน้องชมพู่ อาจไม่ใช่เด็กคนเดียวที่เป็นเหยื่อจากฆาตกร แต่ยังมีผู้ใหญ่อีกหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อของสื่อบางคน บางค่าย ที่ไร้จรรยาบรรณ ที่สมควรต้องแสดงความรับผิดชอบบ้างในฐานะที่มีส่วนฉุดกระชากสังคมให้บิดเบี้ยวจากการทำหน้าที่ เพียงแค่หวังเรทติ้ง 

เฝ้าติดตามการรายงานนี้อย่างห่างๆ เพราะทนดูไม่ได้กับสื่อบางช่องที่นั่งเล่าข่าวเรื่องนี้ได้เป็นเวลานานในแต่ละวัน เหมือนเป็นซีรีส์หนังดังอยู่แรมเดือน สร้างให้ผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งกลายเป็นฮีโร่ ทั้งๆ ที่มีสถานะที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นฆาตกร หรือแค่ผู้ต้องสงสัย 

ทฤษฏีการกำหนดวาระของสื่อหรือ Agenda Setting ทำให้เห็นปรากฏการณ์นี้ได้ชัด ว่าความพยายามที่จะยัดเยียดข้อมูลให้ผู้รับสารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนสนใจในประเด็นเหล่านั้นไปสักระยะ จนทำให้ผู้คนคล้อยตามจนทำให้รู้สึกว่าต้องสนใจและให้ความสำคัญราวกับดูละครหลังข่าวที่พลาดไม่ได้ในสักตอน โดยอาศัยช่องว่างทางความรู้ของผู้รับสารในฐานะคนเสพสื่อที่อาจไม่รู้เท่าทัน

และตราบใดที่สื่อ (บางคน) ยังต้องการเรทติ้งจนลืมความรับผิดชอบ เหตุการณ์แบบนี้คงเกิดขึ้นได้อีก 

พฤติกรรมแบบนี้จึงไม่ต่างกับการเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนไทยแบบผ่อนส่งด้วยการสร้างค่านิยมที่ผิดๆ ให้กับสังคมไทย จากการที่มีคนหลายคนติดตามรายการ และอาจนำไปเป็นแบบอย่างได้ว่าการเป็นผู้ต้องหาที่คดียังไม่ถึงที่สุดก็สามารถกลายเป็นพระเอกได้ในชั่วข้ามคืน ถ้ามีสือช่วยทำหน้าที่ในการประกอบสร้างความจริง ช่วยปั้นดินให้เป็นดาว แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นดินที่เปื้อนโคลนด้วยซ้ำ

วันนี้นอกจากเอาใจช่วยให้ตำรวจจับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว ยังอยากได้ยินคำขอโทษจากสื่อบางคน และไม่แน่ใจว่าระหว่างคำขอโทษจากสื่อ กับการจับตัวผู้ต้องหาได้ อะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน 
ดรุณวรรณ

2 มิถุนายน 2564


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top