Monday, 23 June 2025
NEWS FEED

เตือนสติชายไทย!! ระวังโดนแก๊งต่างชาติอัดคลิปแบล็คเมล์ หลังใช้รูปสาวเซ็กซี่ขอแอดเป็นเพื่อนแล้วชวนเปิดกล้องช่วยตัวเอง

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียหายเป็นชายไทยหลายรายตกเป็นเหยื่อแก๊งคนร้ายต่างชาติข่มขู่เรียกเงินแลกกับคลิปที่แอบบันทึกไว้ขณะเหยื่อถูกหลอกสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง

วิธีการของแก๊งคนร้าย เรียกว่า “Sextortion” คือ การใช้อำนาจที่ฝ่ายหนึ่งมีอำนาจเหนือฝ่ายหนึ่ง บังคับ ข่มขู่หรือกรรโชกทางเพศ เพื่อหวัง “สิ่งตอบแทน” ในลักษณะนี้คือต้องการเงิน โดยใช้ช่องทางออนไลน์ในการกระทำผิด ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการใช้ภาพโปรไฟล์หญิงสาวสวยเซ็กซี่ชาวต่างชาติทั้งฝรั่ง หรือ หญิงสาวประเทศในแถบเอเซียแอดมาขอเป็นเพื่อนผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งไลน์และเฟซบุ๊ก

จากนั้นจะชวนเหยื่อแชตเป็นภาษาอังกฤษพูดคุยจนเหยื่อตายใจคิดว่าได้คุยกับหญิงสาวเหล่านั้นจริงๆ ก่อนจะชักชวนเหยื่อเปิดกล้องวีดิโอคอลแล้วชวนสำเร็จความใคร่ โดยอ้างว่าแลกกันดูก่อนจะแอบอัดคลิปไว้เรียกค่าไถ่

เมื่อคนร้ายได้คลิปแล้วจะขู่ว่า จะส่งคลิปลับไปให้ ภรรยา ลูก เจ้านาย ลูกน้องในที่ทำงาน หรือเพื่อนของเหยื่อ ฯลฯ ทำให้เหยื่อมีความวิตกกังวล กลัวจะได้รับความเสื่อมเสียและอับอาย จึงยอมโอนเงินไปให้คนร้าย โดยจะเปิดราคาเริ่มต้นที่ 50,000 บาท และอาจมีการต่อรองกันจนเหลือประมาณ 20,000-30,000 บาท

แต่เรื่องกลับไม่จบแค่นั้น เพราะคนร้าย จะเรียกเงินต่อไปอีกเป็นครั้งที่ 2 หรืออีกหลายครั้ง จนทนไม่ไหว จึงมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สำหรับวิธีการเลือกเหยื่อ แก๊งคนร้ายจะเลือกชายไทยที่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ฐานะตำแหน่งหน้าที่การงานดี เป็นคนรักครอบครัว ประเภทแฟมิลี่แมน เพราะรู้ว่าเหยื่อจะกลัวครอบครัวรู้ อีกทั้งเป็นที่รู้จักนับถือของคนในสังคม เกรงจะได้รับความอับอาย คนร้ายย่อมได้เงินจากการข่มขู่แน่นอน

รอง โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า แก๊งคนร้ายเหล่านี้มักเป็นชาวต่างชาติ ที่พบส่วนใหญ่เป็นแก๊งฟิลิปปินส์ จึงใช้ภาษาอังกฤษในการแชต และการโอนเงินมักจะให้เหยื่อโอนเป็นเงินสกุลดิจิทัล เพื่อให้ยากต่อการติดตาม ส่วนกรณีแก๊งคนไทย ส่วนใหญ่จะแชตด้วยภาษาไทย โดยเลือกเหยื่อเป็นผู้หญิงหน้าตาดี และมักอ้างตัวเองว่าเป็นโมเดลลิ่ง ชักชวนเหยื่อเข้าวงการถ่ายแบบ หรือวงการบันเทิง จากนั้นจะขอดูสัดส่วนเหยื่อผ่านกล้อง บางครั้งมีการว่าจ้างให้สำเร็จความใคร่ด้วยตนเองผ่านกล้องวิดีโอคอล เมื่อได้ภาพนิ่ง คลิป ก็จะข่มขู่ในรูปแบบตัวเงิน หรือบังคับให้ทำอย่างอื่นต่อ จากนั้นจะนำภาพ คลิป ไปขาย หรือไปปล่อยในเว็บไซต์ลามก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคนร้ายดังกล่าว จึงฝากข้อควรระวัง ดังนี้

1.) ไม่ควรรับแอดเพื่อนในสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้ภาพสาวสวยเซ็กซี่ หรือหากจำเป็นหรือต้องการจะรับจริงๆ ก็ขอให้ตรวจสอบข้อมูลในบัญชีให้ดี

2.) เมื่อมีเพื่อนในสื่อสังคมออนไลน์ชวนให้วิดีโอคอล แล้วชักชวนให้สำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง อย่าทำเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะโน้มน้าวอย่างไรก็ตาม

3.) หากตกเป็นเหยื่อโดยถูกถ่ายคลิปและมีการข่มขู่เรียกเงิน อย่าโอนเงินให้ เพราะท่านจะถูกข่มขู่เรียกเงินซ้ำอีก ให้รวบรวมพยานหลักฐานแจ้งตำรวจ

สำหรับความผิด ผู้กระทำผิดจะมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ที่ระบุว่า ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากมีการนำภาพไปปล่อยในเว็บไซต์ลามก ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ก็จะผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ระบุว่า ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชน ทั่วไปอาจเข้าถึงได้


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"รวมพลัง ส่งใจช่วยเหลือคนพิการ" ดารา, ผู้ใหญ่ใจบุญ รวบรวมอุปกรณ์ช่วยคนพิการ ส่งต่อ "ผู้นำคนพิการ"

วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทยและตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน พร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ เหมือนเพชร (จิตอาสา) เข้าพบ "คุณเขตต์ ฐานทัพ" ดารา นักแสดง ชื่อดัง เพื่อนำงาน "ถักตะกร้า" ฝีมือ "กลุ่มพัฒนาอาชีพคนพิการแม่สำ" ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ไปจำหน่ายใน "CD OUTLET" แพลตฟอร์มรายแรกในประเทศไทย ที่เป็นช่องทางให้คนพิการนำสินค้ามาจำหน่ายได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อเป็นการ "คืนความดี สู่สังคมแบ่งปัน" และให้โอกาสกับคนพิการ คนชรา และผู้ด้อยโอกาส ให้มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าที่ทันยุคทันสมัยกับในสถานการณ์โลกปัจจุบัน

อีกทั้ง ยังได้ร่วมกันมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการ เช่น รถวีลแชร์ วอร์คเกอร์ 4 ขา แพมเพริต เพื่อนำไปส่งมอบต่อให้กับ "นายสายันต์ ดีเลิศ" นายกสมาคม ส่งเสริมอาชีพและช่วยเหลือรถเข็นเพื่อคนพิการ (ปทุมธานี) นำไปแยกชิ้นส่วน ถอดเก็บเป็นอะไหล่ใช้ทดแทน ซ่อมบำรุง รถวีลแชร์มือ 2 ที่ได้รับบริจาคมาจากประเทศญี่ปุ่น และเมื่อสามารถใช้งานได้ตามปกติทางสมาคมฯ ก็จะส่งมอบต่อให้กับคนพิการ คนชรา คนเจ็บไข้ได้ป่วย ที่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ อย่างสมบูรณ์ต่อไป

สุดท้ายนี้ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทยได้กล่าวขอบพระคุณ "พี่เขตต์ ฐานทัพ, คุณณัฐวุฒิ เหมือนเพชร, นายวีระ ลาเสือ (น้าหม่อม), คุณมานพ, คุณสุธาทิพย์ อยู่เมือง ที่ได้มอบโอกาสแบ่งปันช่วยเหลือสังคม "คนพิการ" ให้น่าอยู่สืบไป 
#คนละไม้_คนละมือ
#คนพิการยุคใหม่_หัวใจเดียวกัน

คนละครึ่งเฟส 3 กำลังมา!

กระทรวงการคลัง เตรียมเปิดให้ลงทะเบียน โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 โดยกำหนดผู้เข้าร่วมโครงการไม่เกิน 31 ล้านคน ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-22.00 น. ของทุกวัน


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘หมอยง’ แจงเหตุผล ยืดระยะห่างฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็ม 2 เป็น 16 สัปดาห์ เพราะได้ผลภูมิต้านทางที่ดีกว่า

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า...โควิด-19 วัคซีน ระยะห่างของการให้วัคซีน AstraZeneca หลายคนมีข้อสงสัยในการกำหนดระยะห่างของการให้วัคซีน AZ

ทำไมประเทศไทยขณะนี้จึงกำหนดระยะห่าง จากเดิม 10 สัปดาห์ เป็น 16 สัปดาห์ จากการศึกษาในการวิจัยทางคลินิก เดิมระยะห่าง การให้วัคซีน AZ อยู่ที่ 4 สัปดาห์

เมื่อทำการศึกษาระยะที่ 3 ผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 ครั้ง ห่างกันมากกว่า 6 สัปดาห์ ถึง 12 สัปดาห์ ได้ผลภูมิต้านทาน และประสิทธิภาพดีกว่าผู้ที่ได้รับห่างกันน้อยกว่า 6 สัปดาห์

ในการใช้จริงที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงที่มีโรคระบาดมาก และวัคซีนไม่เพียงพอ อังกฤษจึงยืดระยะห่างของการให้วัคซีนเข็มที่ 2 ออกไปอีกถึง 16 สัปดาห์ เพื่อให้ประชากรส่วนใหญ่ ได้รับวัคซีนเข็มแรกให้มากที่สุด ไม่ต้องใช้แรงงาน มาพะวงกับการฉีดเข็มที่ 2 จะได้ปูพรมเข็มแรกได้กว้างที่สุดเพื่อระงับการระบาด

ผลการศึกษาในสกอตแลนด์ พบว่าการให้ AZ เพียงเข็มเดียว มีประสิทธิภาพ ถึง 80% การให้เข็มที่ 2 จะเพิ่มประสิทธิภาพเป็น 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ เห็นว่าเข็ม 2 เพิ่มประสิทธิภาพก็จริง ถ้าเปรียบเทียบกับการปูพรมเข็มแรกให้มากที่สุดแล้ว ค่อยเติมเข็ม 2 น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า ในการควบคุมการระบาดของโรค

โดยหลักของวัคซีน การทิ้งระยะห่าง ยิ่งห่างนาน ก็จะกระตุ้นภูมิต้านทานได้ดีกว่า ระดับภูมิต้านทานหลังเข็ม 2 จะสูงกว่า ในการหวังผลให้อยู่นาน

การยืดเข็ม 2 ออกไป จะมีข้อเสียตรงที่ว่าประสิทธิภาพจะสู้การให้ 2 เข็มไม่ได้ ต้องคำนึง คือถ้ามีเชื้อกลายพันธุ์โดยเฉพาะสายพันธุ์ แอฟริกาใต้ ( Beta) วัคซีนทั่วไป ประสิทธิภาพลดลงอยู่แล้ว ก็อาจจะป้องกันไม่ได้ แต่สายพันธุ์อังกฤษและอินเดีย ไม่น่าจะมีผลมาก

ดังนั้น ประเทศไทยอยู่ในช่วงการระบาดขาขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในการควบคุมโรคให้เร็วที่สุด จำเป็นที่จะต้องให้ AZ วัคซีนปูพรมในแนวกว้างให้มากที่สุดก่อน โดยต้องระดมทรัพยากรทั้งหมดรวมทั้งวัคซีน มาใช้ในการให้วัคซีนเข็มแรก ภายใน 16 สัปดาห์ ประชากรส่วนใหญ่ทั้งประเทศก็จะได้วัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม แล้วค่อยไปเติมเข็มที่ 2 ภูมิจะสูงขึ้นและอยู่นาน

สิ่งสำคัญในระหว่างนี้ จะต้องเฝ้าระหว่างสายพันธุ์กลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่อาจจะสร้างปัญหาในระดับที่ภูมิต้านทานยังไม่สูงมากเกิดขึ้นได้ สายพันธุ์อังกฤษและอินเดียไม่น่าจะมีปัญหา

การควบคุมการระบาดในประชากรหมู่มาก ทั้งประเทศไทย ในภาวะที่ทรัพยากรที่จำกัด จึงจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวม ดังนั้น การกำหนดระยะห่างไปที่ 16 สัปดาห์ จึงเป็นการที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับประเทศไทย ในภาพรวม

 

ที่มา : https://www.facebook.com/yong.poovorawan


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สำนักงานประกันสังคม แจง ไม่รับวอล์ค อิน ผู้ประกันตนมาตรา 33 เข้ารับวัคซีนโควิด-19 ย้ำ! ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ e-service และได้รับแจ้งนัดฉีดวัคซีนจากนายจ้างเท่านั้น

นางสาวลัดดา แซ่ลี้ ผู้อำนวยการสำนักสิทธิประโยชน์ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานประกันสังคมเปิดเผยว่าตามที่ สปส. ได้เปิดให้บริการศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 45 จุดทั่วกรุงเทพฯ โดยร่วมกับสถานพยาบาลเครือข่ายประกันสังคมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา มีเป้าหมายการฉีดวันละ 50,000 คน ปรากฏว่ามีผู้สอบถามและติดต่อเข้ามาจำนวนมาก รวมถึงผู้ประกันตนที่ไม่ได้ลงทะเบียน หรือลงทะเบียนไว้แต่ยังไม่ถึงกำหนดนัด ได้ walk in มาที่ศูนย์เพื่อขอรับบริการฉีดวัคซีน

สำนักงานประกันสังคมขอแจ้งให้ทราบว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนฯ จะให้บริการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่แจ้งความประสงค์กับนายจ้าง มีการบันทึกเข้าระบบ e-service ของสำนักงานประกันสังคม และมารับการฉีดวัคซีนตามที่ได้รับการนัดหมายแล้วเท่านั้น โดยจะไม่ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้ที่ยังไม่ได้รับการนัดหมาย หรือ walk in มายังศูนย์ฯ

รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงต่อไปว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้รับจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกทั้งสิ้น 1 ล้านโดส จะใช้ฉีดให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่เป็นลูกจ้างสถานประกอบการในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งสำนักงานประกันสังคมสำรวจความประสงค์ไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้แจ้งความประสงค์มามากเกินกว่าวัคซีนที่ได้รับจัดสรร

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอน ลดความแออัด และให้ผู้ลงทะเบียนได้รับวัคซีนตามลำดับอย่างครบถ้วน สำนักงานประกันสังคมจะทำการแจ้งนัดวันและสถานที่ฉีดให้นายจ้างทราบ และจัดให้ลูกจ้างมาฉีดตามกำหนดนัดหมายเท่านั้น อย่างไรก็ดีหากสำนักงานประกันสังคมได้รับจัดสรรวัคซีนล็อตที่สอง จะแจ้งให้ผู้ประกันตนที่นายจ้างลงทะเบียนไว้ในลำดับถัดไปมารับการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม ซึ่งขอย้ำว่า จะไม่มีการเปิดให้ walk in เข้ารับการฉีดวัคซีน

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ติดต่อสายด่วน 1506 กด 7 เจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐบาลจีนไฟเขียว อนุมัติการใช้วัคซีน Sinovac ในกลุ่มเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 3-17 ปี ได้ในกรณีฉุกเฉิน หลังผ่านการทดสอบเฟส 2 ฉลุยในกลุ่มตัวอย่างเด็กเล็กว่ามีประสิทธิภาพ และปลอดภัยเพียงพอ

รัฐบาลจีนไฟเขียว อนุมัติการใช้วัคซีน Sinovac ในกลุ่มเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 3-17 ปีได้ในกรณีฉุกเฉิน หลังผ่านการทดสอบเฟส 2 ฉลุยในกลุ่มตัวอย่างเด็กเล็กว่ามีประสิทธิภาพ และปลอดภัยเพียงพอ พร้อมเดินหน้าฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กรอเพียงการประเมินจากทีมสาธารณสุขว่าจะเริ่มฉีดให้เด็กในช่วงอายุเท่าใดก่อน

รัฐบาลจีนสั่งเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีน Covid-19 ทั่วประเทศอย่างเต็มกำลัง ด้วยวัคซีนที่พัฒนาขึ้นเองจากบริษัทยาในประเทศ ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 80% ของประชากร หรือราวๆ 1.12 พันล้านคน

ซึ่งตอนนี้จีนก็มีวัคซีนได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีนอย่างเป็นทางการแล้วถึง 5 บริษัท ได้แก่ Sinovac, Sinopharm, Wuhan Institute ที่ต้องฉีด 2 เข็ม CanSinoBIO ฉีดเพียงเข็มเดียว และล่าสุดคือ Anhui Zhifei ที่ต้องฉีดถึง 3 เข็ม

ข้อได้เปรียบของวัคซีนจีนทั้งหมดนี้คือ สามารถเก็บได้ในตู้เย็นอุณหภูมิทั่วไปได้ จึงง่ายต่อการเก็บ และขนส่งทั้งใน และต่างประเทศ

รัฐบาลจีนยอมรับว่า โครงการฉีดวัคซีนของจีนในช่วงแรก ดำเนินการได้อย่างล่าช้ามาก มีปัญหาเรื่องการผลิต และกระจายวัคซีนได้ไม่เต็มที่ ส่วนประชาชนก็ยังวิตกกังวลกับการฉีดวัคซีน

แต่จนถึงวันนี้ มีชาวจีนได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มแล้วราวๆ 723.5 ล้านคน แซงขึ้นมาเป็นที่ 1 ของโลก ด้วยอัตราการฉีดวัคซีนเฉลี่ย 19 ล้านเข็มต่อวัน ซึ่งเร็วมากกว่าช่วงเริ่มต้นโครงการในเดือนเมษายนที่ฉีดได้เพียง 3.4 ล้านคนต่อวัน

หากเทียบความเร็วระดับนี้ จะสามารถฉีดวัคซีนเข็มแรกให้คนไทยอย่างน้อย 80% ทั่วประเทศได้ภายใน 3 วันเท่านั้น

จึงทำให้จีนค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถบรรลุเป้าหมายโครงการฉีดวัคซีนในประเทศได้ภายในไม่เกินสิ้นปี 2021 นี้อย่างแน่นอน

รวมถึงการผลิตวัคซีนจำนวนหลายพันล้านโดส ที่ต้องเพิ่มกำลังการผลิตออกมาได้อย่างรวดเร็วให้ทันกันกับโครงการของรัฐบาล และยังต้องมากพอที่จะส่งไปต่างประเทศอีกด้วย

และเมื่อพูดถึงความเร็วในระบบการผลิตของจีน ก็มักทึ่งในศักยภาพของจีน ที่แทบไม่มีใครสู้ได้เลย ไม่เว้นแม้แต่การผลิตวัคซีน ที่ยังสามารถผลิตได้ทันกับความต้องการในประเทศ ยังสามารถส่งวัคซีนให้ชาติอื่น ไม่ว่าจะขาย หรือเข้าโครงการทูตวัคซีนได้นับพันล้านโดสในเวลาเดียวกัน

จุดสำคัญที่ทำให้จีนยังสามารถขยายการผลิตวัคซีนได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะที่อินเดีย ประเทศผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดในโลกทำไม่ได้ในวันที่อินเดียเผชิญหน้ากับวิกฤติ Covid-19 ครั้งใหญ่ที่สุดในโลกก็คือ จีนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสารเคมีตั้งต้นในการผลิตวัคซีนจากต่างประเทศ ซึ่งต่างจากอินเดียที่ต้องใช้สารเคมีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ที่ตอนนี้กลายเป็นสินค้าควบคุมในการส่งออก เพื่อป้องโรงงานวัคซีนในสหรัฐก่อน

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้จีน ที่เคยทุลักทุเลในโครงการวัคซีนช่วงแรก สามารถตั้งหลักได้ และกลายเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของโลกในการผลิตวัคซีน Covid-19 ซึ่งตอนนี้ ทั้งบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่างก็เร่งขยายโรงงานผลิตอย่างรวดเร็วในหลายเมือง โดยเฉพาะผู้ผลิต 2 วัคซีนหลักที่ใช้ในจีน และได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกแล้ว อย่าง Sinovac สามารถผลิตได้ถึง 2 พันล้านโดสต่อปี ส่วน Sinopharm ก็มั่นใจว่า 3 พันล้านโดสต่อปีก็ไม่เกินความสามารถ

แต่ข้อเสียของจีนที่แก้ไม่หายคือเรื่องของความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล ที่ตอนนี้ก็ยังรู้ตัวเลขแน่นอนว่ามีชาวจีนกี่คนที่ได้รับวัคซีนครบโดส ตามจำนวนวัคซีนที่ต้องฉีดในแต่ละประเภท หรือจำนวนวัคซีนที่ได้ผลิตออกมาแล้วจริงๆ ในตอนนี้มีเท่าไหร่

หากจีนสามารถแก้ไขจุดเสีย ที่เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพในตัววัคซีน ก็น่าจะทำให้วัคซีนของจีนก้าวขึ้นมาทัดเทียมวัคซีนจากชาติตะวันตกได้ไม่ยากเลยทีเดียว

 

อ้างอิง :

https://www.reuters.com/world/china/sinovacs-covid-19-vaccine-gains-china-approval-emergency-use-children-2021-06-05

https://www.ndtv.com/world-news/coronavirus-china-authorises-coronavac-covid-19-vaccine-for-children-above-3-years-2457570

https://www.aljazeera.com/news/2021/6/3/slow-to-start-china-mobilizes-to-vaccinate-at-headlong-pace

https://www.bmj.com/content/373/bmj.n912


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศปลดล็อค ‘วัคซีนโควิด-19’ เปิดโอกาสให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, เอกชน, รพ.เอกชน ซื้อวัคซีนโควิด-19 ได้ พร้อมให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดหา-สั่ง หรือนำเข้าวัคซีนอย่างเร่งด่วน

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยได้กำหนดแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ดังนี้

1.) ให้มีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีคุณภาพและมีจำนวนเพียงพอแก่ประชาชน โดยอย่างน้อยให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของจำนวนประชากร (ไม่น้อยกว่าจำนวนประชากรห้าสิบล้านคน)

2.) ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประสานงาน ส่งเสริม และสนับสนุนผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในการดำเนินการขึ้นทะเบียนวัคซีนให้เป็นไปอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ

3.) ให้กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สภากาชาดไทย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หรือหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่และอำนาจในการให้บริการทางการแพทย์ หรือสาธารณสุข แก่ประชาชน ร่วมมือกันในการดำเนินการจัดหา สั่ง หรือนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ภายใต้กฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง หรือตามหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานนั้นๆ กำหนด

4.) เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้มากขึ้น สถานพยาบาลเอกชนและภาคเอกชนอาจจัดหาหรือขอรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากหน่วยงานตามข้อ 3 ภายใต้กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาให้บริการประชาชนหรือบุคลากรในความดูแลได้ตามความเหมาะสม โดยวัคซีนดังกล่าวต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยา และต้องพิจารณากำหนดราคาวัคซีนและการให้บริการที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

5.) โดยที่ในปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ผลิตหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักร ยังมีจำนวนจำกัด หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ ให้จัดหาจากหน่วยงานตามข้อ 3 และต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง

รวมถึงหลักเกณฑ์หรือแผนการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต้องสอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือนายกรัฐมนตรีกำหนด

การดำเนินการตามวรรคหนึ่งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ ให้เป็นไปตามแนวทางหรืออยู่ในการกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการจัดหาวัคซีนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพด้านงบประมาณและรายได้ที่แตกต่างกัน และเพื่อให้การกระจายวัคซีนในห้วงเวลาวิกฤติมีความเป็นธรรมมากที่สุด ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนและให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวก แก่ประชาชนในพื้นที่ในการเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนรวมของประเทศ

6.) ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทุกภาคส่วนเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูล กับระบบแพลตฟอร์มหมอพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชนที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และเพื่อให้การบริหารจัดการข้อมูลเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ

โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ 8 มิ.ย.64 เป็นต้นไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ดำรง พุฒตาล’ เข้าแจ้งความเอาผิด เพจเฟซบุ๊ก The Yello Painting ละเมิดลิขสิทธิ์ และใช้นิตยสารคู่สร้าง คู่สม เป็นเครื่องมือทางการเมือง

นายดำรง พุฒตาล เจ้าของนิตยสารคู่สร้าง คู่สม อดีตสมาชิกวุฒิสภา เข้าร้องทุกข์ กล่าวโทษ กับว่าที่ ร.ต.อ. สายยนต์ ขึ้นนกซุ้ม ตำแหน่ง รอง สว. (สอบสวน) สภ.ชะอำ จว.เพชรบุรี

แจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2564 เวลา 16.34 น. ผู้แจ้งได้ตรวจสอบพบว่ามีบุคคลไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดได้โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Facebook) ชื่อบัญชี The Yellow Painting ขายเสื้อซึ่งมีการสกรีนรูป โดยการนำเอาปกนิตยสาร คู่สร้าง คู่สม ไปประกอบรูปภาพตัดต่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

และนำเสนอจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป ราคาตัวละ ๗๕o บาท และมีการนำภาพบุคคลทั้งสอง ไปวางประกอบกับปกนิตยสาร คู่สร้าง คู่สม ให้มีลักษณะรูปแบบเหมือนกับ นิตยสาร คู่สร้าง คู่สม ที่ได้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือดังกล่าวออกมาวางจำหน่าย และอาจทำให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าใจผิดว่า

นิตยสาร คู่สร้าง คู่สม เกี่ยวข้องกับการผลิตเสื้อออกจำหน่ายและการพิมพ์ปกหนังสือดังกล่าว

โดยผู้แจ้งขอยืนยันว่า นิตยสาร คู่สร้าง คู่สม ได้ยุติการผลิตหนังสือ คู่สร้าง คู่สม เพื่อออกจำหน่ายให้กับประชาชน ตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2560 แล้ว และยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้แต่อย่างใค

ในส่วนของการดำเนินการทางกฎหมาย จะได้ดำเนินการในภายหลังต่อไป ในชั้นนี้จึงมา สภ.ชะอำ เพื่อขอให้บันทึกข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้เป็นพยานหลักฐานเบื้องต้นไว้ส่วนหนึ่งก่อน

 

ที่มา : https://www.plewseengern.com/plewseengern-5228/?fbclid=IwAR3DoFiKVS3rnIbBwq_E4wxOHNFwlXD4JpahHGPUS5EkGAKz4_mYRbrgUnE

https://www.facebook.com/257383740965663/posts/4042653865771946/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ผู้ประกอบการใจดี’ ห่วงใยคนพิการ มอบข้าวสาร-อาหาร แก่ ‘มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ’

วันนี้ (8 มิ.ย. 64) ที่มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ องค์กรสาธารณะกุศลด้านคนพิการ ที่ดูแลผู้พิการกว่า 800 คน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ แห่งพัทยา จังหวัดชลบุรี ทาง ‘อ.สัมฤทธิ์ ชาภิรมย์’ ผู้จัดการศูนย์พิทักษ์สิทธิคนพิการ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ได้ให้การต้อนรับ ‘คุณชวิศ ยงเห็นเจริญ’ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด เพื่อรับมอบข้าวสารอาหาร และของใช้จำเป็นนำมาบริจาคให้กับทาง ‘มูลนิธิฯ’ ซึ่งปัจจุบันเข้าขั้นวิกฤติหนัก ทั้งขาดแคลนข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้จำเป็นในการเลี้ยงดูคนพิการที่อยู่ในความดูแล ขาดแคลน จนเดือนร้อนถ้วนหน้า

ทั้งนี้ จากการแพร่ระบาดระลอก 3 ของโควิด-19 ที่รุนแรงกว่าเดิม ส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจที่ทำท่าจะดีกับตกต่ำอย่างต่อเนื่องลงไปอีก อันเป็นเหตุให้การดำเนินงานของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการได้รับผลกระทบอย่างหนักถึงขึ้นวิกฤติก็ว่าได้ เนื่องจากขาดแคลนข้าวสารอาหารและของใช้จำเป็นต่างๆ อย่างหนัก ซึ่งปัจจุบันมูลนิธิฯ ได้บริโภคข้าวสาร 7 หมื่นกก.ต่อปี สืบเนื่องจากมูลนิธิฯ มีนักเรียนและนักศึกษาซึ่งเป็นคนพิการในความดูแลที่อาศัยอยู่ประจำ รวมบุคลากรและครู ซึ่งอยู่ในความดูแลกว่า 800 คน ซึ่งทั้งหมดนี้มูลนิธิฯ ดูแลโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือคนพิการในทุกๆ เรื่องเพื่อให้พวกเขาเหล่านี้มีวิชาชีพ สามารถนำไปประกอบอาชีพที่ยั่งยืน มีรายได้เลี้ยงตนเอง ครอบครัว และอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ สถาบันศึกษาในการดูแลของมูลนิธิฯ ทั้ง 4 แห่ง เป็นการให้บริการแบบประจำที่มูลนิธิฯ จะต้องดูแลทั้งในเรื่องที่พัก อาหาร การจัดการศึกษาและกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากคนพิการมีฐานะยากจน ดังนั้นมูลนิธิฯ จะต้องหางบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการ โดยการรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา รวมไปถึงการขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

สำหรับเหตุการณ์ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อมูลนิธิฯ จนยอดบริจาคลด สต๊อกข้าวสารอาหารแห้งและของใช้จำเป็นของมูลนิธิลดลงอย่างมาก เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤติก็ว่าได้ จึงวอนขอความเมตตาจากผู้มีจิตศรัทธา หรือพอจะมีกำลังให้ช่วยบริจาคข้าวสาร อาหารและของใช้จำเป็นต่างๆ อาทิ นม ทิชชู่ น้ำมันพืช หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ทั้งแบบเจลและแบบน้ำ เป็นต้น เพื่อต่อลมหายใจให้คนพิการ ให้ท้องอิ่ม มีแรงสู้ชีวิตต่อไป หรือท่านใดไม่สะดวก สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือคนพิการเหล่านี้ได้ ผ่านบัญชี ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี ‘มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ’ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0 ทั้งนี้ นำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้หรือสอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 02-572 4042 ต่อ 8100, 8102 มือถือ 099-394-4795, 094-665-2223

ร่วมด้วยช่วยกัน ต่อลมหายใจให้คนพิการให้ท้องอิ่ม มีแรงสู้ชีวิตต่อไป 

เพจ หลง อินเดีย โพสต์เรื่องราวประทับใจ ของหนุ่มใหญ่ชาวอินเดีย ที่หลงรักการปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ กว่า 30 ปีที่ผ่านมา ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 3 แสนต้น โดยระบุว่า

#คนรักต้นไม้ ที่แท้ทรู พนักงานขับรถเมล์ในอินเดีย รักการปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ และวันนี้เขาปลูกต้นไม้ไปแล้วมากกว่า 300,000 ต้น

M. Yoganathan หรือ คุณพี่ โยคะนาธาน ชาวอินเดียจากรัฐทมิฬนาฑู หรือ รัฐทางตอนใต้ของประเทศ ในวัย 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่รักต้นไม้ และ รักการปลูกต้นไม้เป็นที่สุด และเขาได้ใช้เวลาในการปลูกต้นไม้มาทั้งสิ้นกว่า 30 ปี

“ผมทำงานเป็นข้าราชการขับรถประจำทางสาย 70 ครับ ในเวลา 30 ปีมานี้ ผมปลูกต้นไม้มามากกว่า 3 แสนต้น และการปลูกต้นไม้ทั้งหมดนี้ ก็เป็นการนำเงินส่วนตัวของผมมาใช้เองด้วยครับ"

“ผมจะแบ่งเงินทุกเดือน เดือนละ 40% เพื่อซื้อต้นไม้ เพาะต้นกล้า เพาะเมล็ด เพื่อนำไปปลูก นำไปแจกคนอื่นปลูก และนำไปสอนเด็กๆ ในโรงเรียนและวิทยาลัยกว่า 3,743 แห่งในรัฐ เพื่อให้ความรู้พวกเด็กๆ เกี่ยวกับเกษตรและพันธุ์พืช"

“ผมต้องการให้โลกได้รับสิ่งดีๆ ก็แค่นั้นเองครับ ผมขับรถเมล์มา 32 เมืองในรัฐ และทั้ง 32 เมืองนี้ ผมได้ลงมือปลูกต้นไม้ไว้ทั้งหมด จริงๆ แล้วผมปลูกต้นไม้มากว่า 4 แสนต้น เพียงแต่ 3 แสนต้นนั้นโตแล้ว และ อีก 1 แสน ยังไม่โตเป็นต้นที่แข็งแรงครับ”

“ทุกวันนี้ ผม ภรรยา และลูกสาว เราจะแบ่งหน้าที่กันก็คือ ผมทำงาน ภรรยาดูแลการเงิน โดยเฉพาะเงินในส่วนที่พวกเรานำมาปลูกต้นไม้ ลูกสาวคนโตจะดูแลเรื่องของสื่อโซเชียล ส่วนคนเล็กจะเป็นคนขับรถนำต้นกล้าไปดูแลที่เรือนเพาะชำ"

“ผมจะแจกต้นกล้าให้ผู้โดยสารและคนทั่วไปอย่างน้อยวันละ 10 ต้นครับ ทุกอย่างมันเริ่มมาจากที่มีผู้มีอิทธิพลมาลักลอบตัดต้นไม้กันเยอะมาก และผมต้องการเคลื่อนไหวให้มีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกิดขึ้น ผมจึงร่วมมือกับกลุ่มนักเคลื่อนไหว และผมก็ลงมือทำมันอย่างจริงจังมากๆ"

“เป้าหมายหลักของผมคือตั้งใจว่า อยากให้ทุกๆ บ้านในรัฐของเรา ทุกบ้านมีต้นไม้ปลูกอย่างน้อยๆ บ้านละ 5 ต้น ไม่ว่าจะเป็น มะพร้าว ขนุน มะขามป้อม มะม่วง และ ฝรั่ง เพราะไม้เหล่านี้ทน ดูแลง่าย ระบายน้ำดี มีผลผลิต และ ร่มรื่น"

“เพราะประเทศของเราบอบช้ำจากการถูกตัดต้นไม้ไปมากแล้ว เช่นการขยายถนน กลับกลายเป็นคนส่วนใหญ่ ไม่ได้ให้เงินแก่คนปลูกต้นไม้ #แต่กลับให้เงินแก่คนตัดต้นไม้ และเพื่อการจะพัฒนาชาติของเราได้ พวกเขาเองก็ไม่ควรมาทำลายป่าไม้เหมือนกัน"

คุณพี่โยคะนาธาน ได้รับรางวัลด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากมาย และได้ขึ้นพูดบนเวที TED Talk แต่เขา ไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงและรางวัลใดๆ แต่ทำไปเพราะอยากให้มนุษย์ได้ตอบแทนสิ่งดีๆ คืนแก่โลกใบนี้บ้าง

หัวใจคุณพี่นั้นช่างยิ่งใหญ่ และ กว้างใหญ่มากๆ เลยนะคะ การทำอะไรบางอย่างเพื่ออยากตอบแทน เพียงเพราะรู้คุณของสิ่งๆ หนึ่งมาร่วม 30 ปีได้นั้น บอกได้คำเดียวเลยว่า #ถ้าไม่ใช่เพราะใจที่เต็มไปด้วยรัก ก็คงอยู่ทนอยู่ทำกับบางสิ่งมานานขนาดนี้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ นับถือมากๆ เลย

เมื่อวานก็คุณตาเก็บขยะ วันนี้ก็คุณพี่ปลูกต้นไม้....เห็นมั้ยคะ ว่าอินเดียเนี่ย เขาก็มีมุมดีๆ มุมน่ารักๆ มุมที่โลกใบนี้ยังไม่มีคนเห็นอีกมากมาย และบอสจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะนำสิ่งที่ดีๆ ของประเทศๆ นี้ มาบอกเล่าแก่เพื่อนๆ #สาวกหลงอินเดีย ให้ได้รู้ได้เห็นกันอีกเยอะๆ เลยนะคะ

ขอบคุณคุณพี่โยคะนาธานมากๆ เลยค่า ที่หล่อ น่ารัก ใจดี มีต้นกล้าให้ปลูกเยอะสุดๆ 555 กราบใจๆ ขอให้สิ่งดีๆ กลับคืนย้อนคืน สู่คุณพี่และครอบครัวต่อๆ ไปนะคะ

ปล. และส่วนนี้คุณพี่โยคะนาธานและครอบครัว ก็ได้ลองเพาะปลูกต้นไม้เพื่อนำไปขายดูด้วยค่ะ ซึ่งก็จะเป็นพวกพันธุ์พืชสวนครัว หรือ พืชที่ได้ผลผลิตใช้รับประทาน ก็นับว่าเป็นรายได้เสริมของครอบครัวอีกทางนึงค่า

 

ที่มา : เพจ หลง อินเดีย https://www.facebook.com/101560597967366/posts/360325522090871/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top