Tuesday, 24 June 2025
NEWS FEED

เปิดตัวเลขน่ารู้ ศึกฟุตบอลยูโร 2020

อย่างที่ทราบว่า ฟุตบอลยูโร 2020 หนล่าสุดนี้ ถูกเลื่อนมากว่า 1 ปี จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด แต่ถึงตอนนี้ก็ได้บรรเลงเพลงเตะกันไปแล้วเรียบร้อย ดีกรีความมันส์ตามสไตล์ ‘บอลยุโรป’ ยังคงเหมือนเดิม เพื่อเพิ่มความสนุกมากขึ้น เราไปรวบรวมบรรดา ‘ตัวเลข’ น่ารู้ทั้งหลาย ที่เกี่ยวข้องกับศึกฟุตบอลยูโร มาให้ทราบกัน


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแอฟริกาใต้ต้องทิ้งวัคซีนโควิด-19 ของจอห์สัน แอนด์ จอห์นสัน จำนวนกว่า 2 ล้านโดส สืบเนื่องจากประเด็นปัญหาสารที่ใช้ผลิตวัคซีนโรงงานผลิตแห่งหนึ่งในบัลติมอร์ สหรัฐฯ เกิดการปนเปื้อน ขณะเดียวกัน แคนาดา เองก็ระงับแจกจ่ายวัคซีนของจอห์สัน แอนด์

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแอฟริกาใต้ต้องทิ้งวัคซีนโควิด-19 ของจอห์สัน แอนด์ จอห์นสัน จำนวนกว่า 2 ล้านโดส สืบเนื่องจากประเด็นปัญหาสารที่ใช้ผลิตวัคซีนโรงงานผลิตแห่งหนึ่งในบัลติมอร์ สหรัฐฯ เกิดการปนเปื้อน ขณะเดียวกัน แคนาดา เองก็ระงับแจกจ่ายวัคซีนของจอห์สัน แอนด์ จอห์นสัน ในบางล็อตจากข้อวิตกเดียวกัน

หน่วยงานเฝ้าระวังความปลอดภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพของแอฟริกาใต้ (SAHPRA) ตัดสินใจไม่อนุมัติใช้วัคซีนโควิด-19 จำนวน 2 ล้านโดสที่จัดเก็บไว้ ณ โรงงานแห่งหนึ่งในเมืองเยอบีรา เนื่องจากสารที่ใช้ผลิตวัคซีนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปนเปื้อนที่โรงงานในบัลติมอร์ สหรัฐฯ จากคำยืนยันของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของประเทศ

“ก่อนหน้านี้ SAHPRA ได้ระงับใช้วัคซีนล็อตที่อยู่ในความสงสัยมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน เพื่อรอรายงานด้านความปลอดภัยจากสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (FDA) โดยจากคำแถลงของเอฟดีเอ ได้ชี้ถึงผลกระทบเกี่ยวกับวัคซีนล็อตดังกล่าวที่โรงงานในเมืองเยอบีราด้วย ซึ่งที่นั่นเรามีวัคซีน 2 ล้านโดส" เอ็มมาโมโลโก คูบายี-เอ็นกูบาเน รักษาการรัฐมนตรีสาธารณสุขแอฟริกาใต้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่น พร้อมระบุว่าวัคซีนเหล่านี้จะไม่ถูกใช้ในแอฟริกาใต้อีก

ส่วนทางนายแพทย์บอยตูเมโล เซเมเต ซีอีโอของ SAHPRA ก็ยืนยันเช่นกันว่าวัคซีนที่อยู่ในความสงสัย “วัคซีนล็อตดังกล่าวจะไม่ถูกนำมาฉีดให้กับประชาชน”

ขณะเดียวกันหน่วยงานเฝ้าระวังแห่งนี้ระบุในถ้อยแถลงยอมรับว่า วัคซีนโควิด-19 ปนเปื้อนล็อตใหม่อีกราว 300,000 โดสของบริษัทแจนเซ่น ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ผ่านอนุมัติจากเอฟดีเอแล้วและจะถูกลำเลียงมายังแอฟริกาใต้ในอนาคต แต่ไม่ระบุวันเวลาที่แน่ชัด และไม่ได้บอกว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับวัคซีนล็อตดังกล่าว

เซเมเต ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ส่งผลกระทบในทางลบอย่างมากต่อโครงการฉีดวัคซีนของแอฟริกาใต้ โดยประเทศแห่งนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้วราว 1.7 ล้านคนและเสียชีวิต 57,000 ราย จากประชากรทั้งหมด 58.5 ล้านคน แต่จนถึงวันที่ 9 มิถุนายน เพิ่งฉีดวัคซีนประชาชนไปได้แค่ 183,000 โดส

โรงงานของบริษัทอีเมอร์เจนท์ ไบโอโซลูชันส์ (Emergent BioSolutions) ในบัลลิมอร์ สหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากประเด็นสุขอนามัยและการปนเปื้อนไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปในเดือนเมษายน โดยทางสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ แสดงความกังวลด้านสุขภาพและความปลอดภัยต่างๆนานา พร้อมชี้ว่าสภาพแวดล้อมต่างๆ ของโรงงาน คือ องค์ประกอบสำคัญของความปลอดภัยวัคซีน

ประเด็นปัญหาต่างๆ ที่รายงานออกมา มีทั้งสุขอนามัยส่วนบุคคลของพนักงาน การฝึกฝนที่ไม่เพียงพอ และล้มเหลวในการรักษาความสะอาดพื้นผิวต่างๆ โดยการตรวจสอบดังกล่าวมีต้นตอจากเหตุการณ์หนึ่งก่อนหน้านั้น ซึ่งได้เห็นวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จำนวน 15 ล้านโดสเกิดการปนเปื้อน ระหว่างผสมวัตถุดิบเพื่อผลิตวัคซีน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุว่า เอฟดีเอมีคำสั่งให้จอห์นสันแอนด์จอห์นสันทิ้งวัคซีน 60 ล้านโดสที่ผลิต ณ โรงงานบัลติมอร์ สืบเนื่องจากความเป็นไปได้จะเกิดการปนเปื้อน อย่างไรก็ตามพวกเขาได้อนุมัติวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ล็อตอื่นๆ 2 ล็อตที่ผลิต ณ โรงงานดังกล่าว

ความเคลื่อนไหวของแอฟริกาใต้ มีขึ้นไม่กี่วันหลังจากเมื่อวันศุกร์ (11 มิ.ย.) กระทรวงสาธารณสุขแคนาดา ประกาศว่าจะไม่แจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จำนวน 300,000 โดส ที่ส่งมาถึงแคนาดาในเดือนเมษายน เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของวัคซีนล็อตดังกล่าว

ถ้อยแถลงของกระทรวงระบุว่า สาธารณสุขแคนาดาจะไม่แจกจ่ายวัคซีนดังกล่าว เพื่อปกป้องด้านสุขภาพและความปลอดภัยให้กับชาวแคนาดา อันเนื่องมาจากความวิตกเกี่ยวกับคุณภาพของสารยา (drug substance) ที่ใช้ผลิตวัคซีนดังกล่าวที่โรงงานของ บริษัท อีเมอร์เจนท์ ไบโอโซลูชั่นส์ อิงค์ ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ ของสหรัฐฯ

“สารยาดังกล่าวได้ถูกผลิตขึ้นในเวลาที่วัคซีนล็อตหนึ่งถูกปนเปื้อนด้วยส่วนประกอบของวัคซีนที่ต่างกัน ทางกระทรวงสาธารณสุขของแคนาดาไม่สามารถระบุได้ว่า การขนส่งวัคซีนของแจนเซ่นล็อตนี้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวดของทางกระทรวงหรือไม่” ถ้อยแถลงระบุ

 

(ที่มา : รัสเซียทูเดย์)

ที่มา: https://mgronline.com/around/detail/9640000057164


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"โฆษกพรรคกล้า" ขอรัฐเร่งยื่นมือช่วยเหลือสถานศึกษาเอกชน ปล่อยซอฟโลน เสริมมาตรการคืนค่าเทอมบางส่วนให้ผู้ปกครอง โดยเฉพาะพื้นที่เข้มงวดสูงสุดที่ต้องเรียนออนไลน์ 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงการเปิดภาคเรียนอย่างเป็นทางการวันแรกว่า จากสถานการณ์โควิด-19 แม้กระทรวงศึกษาธิการจะมีมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ปกครอง ด้วยการคืนค่าเล่าเรียนในส่วนที่ไม่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน หรือผ่อนผันการจ่ายค่าเล่าเรียน แต่มาตรการนี้ครอบคลุมเฉพาะสถานศึกษาในกำกับกระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น แต่โรงเรียนเอกชนหลายโรงเรียน โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุด ได้แก่จังหวัดกรุงเทพมหานคร , นนทบุรี ,สมุทรปราการ และปทุมธานี ซึ่งยังต้องเรียนออนไลน์อยู่ ไม่สามารถมาเรียนที่โรงเรียนเต็มรูปแบบได้ แต่ยังจำเป็นต้องเก็บค่าเล่าเรียนเต็มจำนวนอยู่ 

นายแสนยากรณ์ กล่าวว่า ผู้ปกครองโรงเรียนเอกชนหลายโรงเรียนในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด ต่างบอกว่า หากการเรียนการสอนยังเป็นรูปแบบออนไลน์ ก็ควรคืนค่าเล่าเรียนในส่วนที่ไม่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน เช่นเดียวกับที่กระทรวงศึกษาธิการวางมาตรฐานไว้ หรืออาจนำส่วนต่างค่าเล่าเรียนไปทบในเทอมถัดไป และขอให้ภาครัฐปล่อยเงินกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟโลน) หรือใช้งบ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เข้าไปสนับสนุนสถานศึกษาเอกชน เพื่อลดภาระให้ผู้ปกครอง และสามารถประคองธุรกิจไปได้ 

"ในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 เราเห็นใจทั้งผู้ปกครอง ที่บุตรหลานไม่สามารถเรียนได้อย่างเต็มที่ และยังต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ถูกที่ทำงานหักเงินเดือนหรือตกงาน จึงอยากให้มีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือเช่นเดียวกับสถานศึกษาของภาครัฐ ขณะที่สถานศึกษาเอกชนก็ต้องแบกรับภาระทั้งค่าจ้างครู และพนักงานในสถานศึกษาเช่นเดียวกัน จึงอยากให้ภาครัฐเร่งยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เพื่อให้สถานศึกษาประคองตัวไปได้ ลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ปกครอง" นายแสนยากรณ์ กล่าว

สตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ หวาน บอกรักผ่านเสื้อ ร่วมประชุม G7

ภารกิจเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะ ‘สตรีหมายเลขหนึ่ง’ ของสหรัฐ คือ การติดตามประธานาธิบดีโจ ไบเดน มาร่วมการประชุม จี7 ครั้งที่ 47 ณ เมืองเซนต์อีฟส์ ในแคว้นคอร์นวอลล์ ของสหราชอาณาจักร ก่อนที่จะไปพบปะกับประเทศในสหภาพยุโรป ที่กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม พร้อมพบเจอกับผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน

การประชุม 7 ประเทศสุดยอดผู้นำเศรษฐกิจโลก เลื่อนมาจากปีที่แล้ว เนื่องจากเกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่า จึงอัดแน่นไปด้วยประเด็นที่ต้องพูดคุยกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก หรือโครงการวัคซีน COVID-19

ในวันแรก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะพบกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษแบบทวิภาคีก่อน โดยคาดว่าจะเจรจากันเรื่องการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ เรื่องวิกฤตสภาพอากาศ ที่สำคัญคือ การเจรจาผูกพันเป็นคู่ค้า ‘แอตแลนติก ชาร์เตอร์’ สำหรับยุคอังกฤษหลัง ‘เบร็กซิท’

สำหรับทริปสำคัญครั้งแรก ดร.จิล ไบเดน เลือกสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ อย่างเดรสลายจุดโพลกา-ดอตของ แบรนดอน แมกซ์เวลล์

สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ อาศัยแจ็กเก็ตยี่ห้อ ซาดิก เอต์ โวลแตร์ ของฝรั่งเศส บอกสารที่ต้องการสื่อ โดยที่ด้านหลังของเสื้อแจ็กเก็ตปักหมุดเหล็กเป็นคำว่า ‘LOVE’

แจ็กเก็ต ‘รัก’ ของเธอทำให้ทุกคนนึกไปถึงด้านหลังแจ็กเก็ตของเมลาเนีย ทรัมป์ ตัวหนึ่ง ที่มีข้อความเขียนไว้เหมือนกัน แต่เป็นคำที่ไม่ค่อยน่ารัก อย่าง “I Really Don’t Care, Do U?” (“ฉันไม่สนหรอก”) ยิ่งเป็นโอกาสที่เธอสวมใส่ไปเยี่ยมศูนย์กักกันผู้ลี้ภัยด้วย ยิ่งเป็นภาพสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง เช่นเดียวกับข้อความบนแจ็กเก็ตของ ดร.จิล ที่แสดงให้เห็นท่าทีของสหรัฐฯ ที่มีต่อโลกได้เปลี่ยนไป

“เรานำพาความรักมาจากอเมริกา” สตรีหมายเลขหนึ่งกล่าว “นี่เป็นการประชุมระดับโลก เราพยายามที่จะสร้างความเป็นเอกภาพให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่โลกใบนี้กำลังต้องการมากที่สุด ฉันรู้สึกได้ว่า โลกของเราจะมีความเป็นหนึ่งเดียว และมีความหวังมากขึ้นหลังโรคระบาดครั้งนี้”

แน่นอนว่า ท่านประธานาธิบดีและสตรีหมายเลขหนึ่ง จะต้องเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ ที่ 2 โดยมีหมายกำหนดการในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ประเด็นที่น่าสนใจ นอกจากคาดเดาว่า ดร.จิล ไบเดน น่าจะเลือกสวมชุดของดีไซเนอร์ชาวอเมริกันเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีของอังกฤษแล้ว ยังเนื่องจากสตรีหมายเลขหนึ่ง สนิทสนมกับเจ้าชายแฮร์รีด้วย

ระหว่างที่รอชมว่า ดร.จิล จะสวมชุดไหนเข้าเฝ้าฯ เรามาดูอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งรายอื่นๆ ไปพลางๆ ก่อน

สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ ที่ 2 ทรงครองราชย์มายาวนานกว่า 7 ทศวรรษ ทรงได้เลี้ยงต้อนรับพระราชอาคันตุกะระดับผู้นำประเทศมาแล้วมากมาย

ในปี 2019 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ เจ้าแม่แฟชันอย่าง เมลาเนีย ทรัมป์ จัดเต็มลุคเข้าเฝ้าฯ ณ พระราชวังบัคกิงแฮม ด้วยชุดของดีไซเนอร์คนโปรด โดลเช แอนด์ กาบบานา เป็นโค้ตเดรสสั้นสุดเก๋สีขาว มีปกและเข็มขัดสีน้ำเงินเนวีบลู แถมปิดท้ายลุคด้วยหมวกทรงกล่องสีเดียวกับเดรส ของ แอร์เว ปิแอร์

สำหรับงานเลี้ยงพระราชทาน เมลาเนียเลือกชุดราตรีผ้าไหมสีขาวของ คริสเตียน ดิออร์ โอตกูตูร์ และสวมรองเท้า (ที่มองไม่ค่อยเห็น) ของ มาโนโล บลาห์นิค

ด้าน มิเชล โอบามา และบารัก โอบามา เดินทางไปเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ในปี 2011 อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งมาในชุดสวยของดีไซเนอร์อเมริกัน ทอม ฟอร์ด ซึ่งอาศัยอยู่ในลอนดอนในขณะนั้น เป็นชุดยาวถึงพื้นสีขาว ผูกโบที่ใต้อก และทำเป็นแถบไขว้คล้องคอแบบเก๋ๆ สวมคู่กับถุงมือสีเดียวกันยาวถึงข้อศอก ดูสง่างามมาก

ราล์ฟ ลอเรน คือดีไซเนอร์อเมริกันที่มิเชลเลือกใช้ในงานเลี้ยงพระราชทานมื้อค่ำ คราวนี้เป็นชุดราตรีสีดำ จับเดรปเปิดไหล่เข้ารูปที่ส่วนบนของชุด ส่วนที่เป็นกระโปรงทำจากผ้ากำมะหยี่ล้อเล่นกับแสงไฟ ที่โดดเด่นคือสร้อยคอและสร้อยข้อมือเพชรที่เข้าชุดกัน ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวไอริช ทอม บินส์

ขณะที่ เผิงลี่หยวน ภริยาผู้นำสูงสุดของจีน สีจิ้นผิง เดินทางเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการ ในปี 2015 มาดามเผิง สวมชุดโค้ตเดรสสีเนวีบลูสุดสง่างาม มีลูกเล่นที่ปกเป็นกระดุมผ้าสไตล์จีน ประดับด้วยเข็มขัดเส้นเล็กๆ สีขาว ที่เข้ากับกระเป๋าคลัตช์ และต่างหูมุก

ในงานเลี้ยงพระราชทาน มาดามเผิง เลือกชุดเดรสสั้นแค่เข่าสีขาวแบบเรียบๆ ง่ายๆ ที่ยังคงกลิ่นอายของจีน ติดเครื่องประดับเข็มกลัดรูปใบไม้ประดับมุก และรองเท้าส้นเตี้ยสีดำ

สำหรับคนที่เป็นแฟนซีรีส์ The Crown ในเน็ตฟลิกซ์ อาจจะได้ชมฉากตอนที่อดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี และอดีตสตรีหมายเลขหนึ่ง ‘แจ๊คกี้’ แจคเกอลีน เคนเนดี เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ ที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ณ พระราชวังบัคกิงแฮม ในปี 1961

สตรีหมายเลขหนึ่งคนที่ 35 สวมชุดสีฟ้าอ่อนของดีไซเนอร์ชาวนิวยอร์กคนโปรดของเธอ เชซ์ นินง ที่แจ๊คกีใช้บริการเป็นประจำในช่วงที่เธออยู่ในทำเนียบขาว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

หัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจโควิด-19 ของคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านยาแห่งอียู ระบุในวันอาทิตย์ (13 มิ.ย.) เน้นย้ำว่าวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีประโยชน์เหนือกว่าความเสี่ยง สำหรับทุกกลุ่มอายุและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสูงวัยที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป

ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์ลา สแตมปาของอิตาลี รายงานอ้าง มาร์โก คาวาเลรี หัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจโควิด-19 ขององค์การยาแห่งยุโรป (EMA) แนะนำว่าประเทศต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้กับกลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มเติมจากกลุ่มคนหนุ่มสาว หากว่ามีวัคซีนทางเลือก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นน้อยมาก

อย่างไรก็ตามล่าสุด คาวาเลรี ระบุในถ้อยแถลงที่ส่งถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ส ว่า "โชคไม่ดีที่คำพูดของผมไม่ถูกตีความอย่างถูกต้องในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้กับลา สแตมปา" เขากล่าว "วัคซีนแอสตร้าเซเนก้ายังคงมีผลได้และความเสี่ยงในทางบวกในทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนสูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป"

จุดยืนของ EMA คือวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีความปลอดภัยและสามารถใช้กับทุกกลุ่มอายุเกิน 18 ปี อย่างไรก็ตามหลายชาติสมาชิกของสหภาพยุโรปหยุดฉีดวัคซีนตัวนี้ให้กับประชาชนในบางกลุ่มอายุ จำกัดการใช้เฉพาะกับคนสูงวัย สืบเนื่องจากพบเคสผู้ป่วยลิ่มเลือดอุตันซึ่งเกิดขึ้นน้อยมาก แต่ส่วนใหญ่พบในกลุ่มคนหนุ่มสาว

ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ (13 มิ.ย.) ลา สแตมปา ปรับแก้พาดหัวข่าวในรายงานข่าวทางออนไลน์และเพิ่มเติมคำชี้แจงของคาวาเลรีเข้าไปในข่าว อย่างไรก็ตาม มัสซิโม จิอันนินี บรรณาธิการของ ลา สแตมปา บอกว่าเขาไม่ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ รัฐบาลอิตาลีเผยว่าจะจำกัดการใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเฉพาะกับคนอายุเกิน 60 ปี หลังวัยรุ่นรายหนึ่งที่ได้รับวัคซีนตัวดังกล่าว เสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

โรแบร์โต สเปรันซา รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกกับผู้สื่อข่าวในวันอาทิตย์ (13 มิ.ย.) ว่าอิตาลีจะเดินหน้าใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าต่อไปกับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ในนั้นรวมถึงคนที่ยังไม่ได้เข้ารับวัคซีนโดสแรก

เช่นเดียวกับหลายประเทศในยุโรป อิตาลีระงับฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าช่วงสั้นๆ ในเดือนมีนาคม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นน้อยมาก กระนั้นพวกเขากลับมาใช้วัคซีนตัวดังกล่าวอีกครั้งในเดือนต่อมา ภายในคำแนะนำว่าผลิตภัณฑ์นี้เหมาะใช้กับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป หลังจากองค์การยาแห่งยุโรปเน้นย้ำว่ามันมีประโยชน์เหนือกว่าความเสี่ยง


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เกรียนคีย์บอร์ด ลุ้นตกเป็นจำเลย “เเมท” ขึ้นศาลไต่สวนมูลฟ้อฟ้องคดีหมิ่นประมาทฯ

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีหมายเลขดำ อ.2550-2557/2563 ที่ น.ส. ภีรนีย์ หรือเเมท คงไทย นักเเสดงชื่อดัง ยื่นฟ้อง กลุ่มจำเลยที่โพสต์ข้อความ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งข้อความดังกล่าวทำให้โจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยใส่ร้ายโจทก์ ทำนองว่า โจทก์ชอบแย่งสามีชาวบ้าน และข้อความอื่นๆโดยในวันนี้ น.ส. ภีรนีย์เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ มีสีหน้ายิ้มเเย้มพร้อมโบกมือทักทายผู้สื่อข่าว ก่อนขึ้นไต่สวนมูลฟ้อง

ส่อแขวนสตั๊ด!! ‘อีริคเซ่น’ ส่อปิดฉากอาชีพ หลังวูบคาสนามหัวใจหยุดเต้น

ควันหลงฟุตบอลยูโร 2020 หลังจาก คริสเตียน อีริคเซ่น วูบหมดสติไปคาสนามระหว่างการลงสนามนัดแรกของ เดนมาร์ก ในศึกยูโร 2020 เมื่อคืนวันเสาร์ และโชคดีที่เพื่อนร่วมทีมเข้าไปช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น รวมถึงแพทย์สนามเข้าไปช่วยทำ CPR ยื้อชีวิตกลับมาได้ทันนั้น คาดเป็นอาหารหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ราว 5 นาที

อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายครึ่งแรก ทุกฝ่ายโล่งอก มิดฟิลด์จาก อินเตอร์ มิลาน อาการพ้นขีดอันตรายและฟื้นกลับมาพูดอะไรได้บ้างแล้วหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตอนพักครึ่ง

ถึงกระนั้นด้าน ดร.สกอตต์ มาร์รีย์ แพทย์หัวใจของ NHS เผย อีริคเซ่น อาจไม่ได้กลับมาเล่นฟุตบอลได้อีก โดยเชื่อว่ากฎในฟุตบอลลีกของอิตาลี อาจจะแบนเขาจากการลงเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมในสนาม หรือก็คือ มิดฟิลด์ชาวเดนมาร์กรายนี้ น่าจะทำให้เขาต้องปิดฉากการค้าแข้งในเซเรีย อา ไปด้วย

"มันอาจเป็นการสิ้นสุดอาชีพของเขาในอิตาลี เพราะตามกฎหมายที่นั่นห้ามใครก็ตามที่พบว่ามีความผิดปกติของหัวใจอย่างมีนัยสำคัญ ลงเล่นกีฬาอาชีพอย่างเด็ดขาด พวกเขาทำอย่างนั้นมาเป็นเวลานานเกินกว่า 20 ปี พวกเขาสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นในการแข่งขันกีฬาจากกว่า 3% เหลือต่ำกว่า 1% ได้"

แม้ อีริคเซ่น จะอาการทรงตัวแล้วที่โรงพยาบาล แต่แฟนบอลและอดีตนักฟุตบอลหลายคนแสดงความไม่พอใจทางยูฟ่าอย่างแรงที่ยังสั่งให้เกมต้องดำเนินต่อไปจนจบทั้งที่เพิ่งหวิดเกิดโศกนาฎกรรมในสนาม แต่ทางยูฟ่า ก็ได้มีการประกาศในสนามว่าทั้งสองทีมต้องการเตะกันต่อจบจบแมทช์

สำหรับเดนมาร์ก ที่ลงเตะในฐานะเจ้าบ้าน หลังเจอเรื่องอกสั่นขวัญแขวนไปในช่วงท้ายครึ่งแรก และเสียผู้เล่นสำคัญอย่าง อีริคเซ่น ไป จากที่เล่นด้วยฟอร์มที่เหนือกว่า สถานการณ์ก็พลิกทันที และตกเป็นฝ่ายตามหลังในช่วงต้นครึ่งหลัง จากการทำประตูของ โยเอล โปยันปาโล นาทีที่ 59 ก่อนจะพ่ายไปหวุดหวิด 0-1

 

ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/106281


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา โพสต์ข้อความพบปัญหาผู้ได้รับวัคซีน ‘Sinovac’ 2 เข็มแล้ว แต่ภูมิคุ้มกันขึ้นน้อยถึงน้อยมาก ย้ำต้องระมัดระวัง

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า

“เริ่มเห็น ปัญหาภูมิขึ้นน้อยถึงน้อยมากมาก…ต้องเริ่มระมัดระวัง

นพ.เขตต์ ศรีประทักษ์

คุณชนิดา รุจิศรีสาโรช

นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา

ผู้ที่ได้รับวัคซีนชิโนแวค ครบสองเข็มไปแล้ว สามถึงสี่สัปดาห์พบว่ามีหลายรายที่ neutralizing antibody ไม่มี หรือที่สูงเพียง 20-30%

การวัด ตัดที่ 20% inhibition คือความสามารถในการยับยั้งไวรัสได้ต้องมากกว่า 20% จึงจะถือว่ามีภูมิคุ้มกัน (ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬา)

ทั้งนี้ อาจจัดแบ่งออกได้ เป็นสามลักษณะ

1.) คนที่ได้รับวัคซีนตามปกติจะมีการตอบสนองที่สูง กลางและต่ำเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ต้องขึ้น

วัคซีนเทคนิคเชื้อตายเช่นวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าต้องฉีดสามเข็มในวันที่ศูนย์ สามและเจ็ดถึงจะเริ่มเห็นภูมิคุ้มกันในเลือดประมาณวันที่ 10 และขึ้นในทุกคนในวันที่ 14

ดังนั้น วัคซีนซิโนแวค ฉีดสองเข็มห่างกันหนึ่งเดือนจึงทำการประเมินที่สามหรือสี่สัปดาห์หลังจากเข็มที่สอง แต่ทั้งนี้ ควรจะต้องมีภูมิขึ้นในระดับน่าพอใจในทุกคน

2.) แต่ในบางกลุ่มที่ได้รับวัคซีนในวันเดียวกัน รับการฉีดที่เดียวกัน ปรากฏว่าไม่มีภูมิขึ้นเลย (น้อยกว่า 20%) อาจเป็นไปได้ว่าวัคซีนในชุดเดียวกันนั้นอาจจะมีปัญหา

3.) มีภาวะประจำตัวที่สำคัญเช่น สูงอายุและมีเบาหวาน ที่ภูมิไม่ขึ้น ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลของสถาบันแห่งหนี่ง

4.) เริ่มมีการรายงานผู้ป่วย covid-19 ทั้ง ๆ ที่ฉีด Sinovac ครบ 2 เข็ม และ astra 1 เข็มแล้ว

บางรายที่ติดมีการตรวจวัดภูมิคุ้มกันหลังฉีดแล้วว่าขึ้น แต่ไม่สูงมาก

• ดังนั้น ในกรณีที่ภูมิไม่ขึ้นหรือขึ้นน้อยกว่า 68% ซึ่งเป็นตัวเลขในทางทฤษฎีที่มีความสัมพันธ์กับการป้องกันการติด อาจจะต้องพิจารณาถึงการได้รับวัคซีนเข็มที่สามไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อเก่าหรือยี่ห้อใหม่ก็ตาม

• นอกจากนั้น ในกรณีของการเกิดอาการแพ้หรือมีผลข้างเคียงไม่ว่าจะเป็นวัคซีนอะไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าทำให้ภูมิคุ้มกันยิ่งสูงขึ้น เพราะเป็นการอักเสบผ่านทางคนละระบบ

• ทางการสิงคโปร์ยินยอมให้ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาหรือแพ้อาหารอย่างรุนแรงฉีด mRNA ได้ แต่ปรากฏว่าด้วยสาเหตุอะไรอธิบายไม่ได้ คนสิงคโปร์มีปฏิกิริยาแพ้ค่อนข้างรุนแรงต่อวัคซีน ดังนั้น ให้เป็นข้อปฏิบัติว่าถ้ามีอาการแพ้ดังกล่าวให้ไปฉีดวัคซีนอื่นเช่นซิโนแวค”


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เสี่ยโจ้” อัดนายกฯ สอบตก ถามม้าตอบช้าง ไม่มีรายละเอียดใช้เงินกู้ ซัดกองทัพเรือยังจะซื้อเรือดำน้ำทั้งที่ประเทศต้องกู้เงิน จี้ทำโพลถาม ปชช.ควรซื้อไหม

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พร้อมด้วยนายจิรพงษ์ ทรงวัชรภารณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรค พท.ร่วมแถลงข่าว โดยนายยุทธพงศ์ ในฐานะโฆษกรรมาธิการงบประมาณฯ กล่าวถึงความคืบหน้าของกรรมาธิการงบประมาณ 65 ว่า เราเริ่มประชุมเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา เริ่มจากภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยสภาพัฒน์ฯ ยืนยันว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 4-5 ส่วนงบประมาณ 65 จำนวน 3.10 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการจัดเก็บ 2.60 ล้านบาท เงินกู้ 7 แสนล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังระบุว่าจะจัดเก็บตามเป้าได้ ส่วนงบประมาณปี 64 ที่กำลังใช้อยู่ประมาณ 3.30 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ 2.67 ล้านบาท ซึ่งปีนี้กระทรวงการคลังคาดว่าจัดเก็บต่ำกว่าเป้าประมาณ 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จะพิจารณาตั้งอนุกรรมาธิการรวม 8 คณะโดยจะตั้งอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ ในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ และในสัปดาห์นี้จะพิจารณากระทรวงการคลังต่อ กระทรวงพาณิชย์ และกระทวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้กองทัพเรือได้เปิดเพจเรือดำน้ำทางเฟซบุ๊ก "เรือดำน้ำไทย Thai Submarine" โดยยอมรับว่าตั้งงบซื้อเรือดำน้ำใหม่ 2 ลำ จำนวน 22,500 ล้านบาทอยู่ในงบประมาณปี 65 โดยอ้างว่ามีความจำเป็น เพราะเคยมีเรือดำน้ำประจำการมาก่อนตั้งแต่ปี 2481 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาถึงตอนนี้มีความจำเป็นเพราะเป็นเรื่องยุทธศาสตร์ทางทะเล แต่ตอนนี้มีวิกฤตเศรษฐกิจ คนอดอยาก และการแพร่ระบาดของโควิด-19 วันนี้เราไม่มีเงินจะซื้อ ต้องไปกู้เงินมา โดยปี 65 กู้ 7 แสนล้านบาท และสัปดาห์ที่ผ่านมาก็กู้อีก 5 แสนล้านบาท ถามว่าเรือดำน้ำสำคัญอย่างไรกว่าปากท้องและวัคซีนประชาชน หากกองทัพเรือมั่นใจว่าเรือดำน้ำเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ขอท้าให้กองทัพเรือทำโพลสอบถามประชาชน ว่าในภาวะเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่ที่จะซื้อเรือดำน้ำใหม่อีก 2 ลำ ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ จะได้ไม่ต้องมีปัญหาว่ากรรมาธิการฯ คัดค้านหรือมีอคติกับกองทัพเรือ แต่วันนี้ประเทศไม่มีงบประมาณ เป็นความเดือดร้อนของประชาชน อีสานบ้านตนตอนนี้วัวยังติดเชื้อ ไม่มีเงินช่วยเขาเลย ดังนั้นกู้เงินมาแล้วก็ต้องเอามาช่วยประชาชนก่อน

นายยุทธพงศ์ กล่าวถึงการอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทที่การพิจารณาของรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นายกฯ ตอบไม่ตรงคำถาม ใช้เทคนิคถามม้า ตอบช้าง ไม่ตอบสาระสำคัญ พรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายว่าเหมือนตีเช็คเปล่าให้นายกฯ 5 แสนล้าน โดยไม่มีรายละเอียดการใช้เงิน มีเนื้อหาเพียง 3 บรรทัดว่า เพื่อแก้ไขเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากไวรัสโควิด-19 ใช้ในการแพทย์และสาธารณสุข 3 หมื่นล้านบาท ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและเกษตรกร 3 แสนล้านบาท และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 1.7 แสนล้านบาท ขณะที่เงินกู้เก่า 1.0 ล้านล้านบาท ก็ยังเหลืออยู่ 2.9 แสนล้านบาท ดังนั้นที่ฝ่ายค้านเสนอให้ออก พ.ร.บ.งบประมาณกลางปีเพื่อให้ตรวจสอบการใช้งบได้ ก็ไม่ยอมทำ ตอนนายกฯ มาถึงสภาฯ ก็ไม่ตอบคำถาม แถมมาก็ยังมาพูดข่มขู่ว่าพวกพูดข้างนอกให้ระวัง ตนถือว่าสอบตกเพราะชี้เแจงไม่ได้เลย ส่วนที่บอกว่าไม่โง่หรอกที่จะกู้ถึง 60% ก็ไม่อธิบาย ไปพูดสำนวนโวหาร แล้วก็พูดเลยไปพูดถึง ส.ส.พปชร.ที่ไปพาใครมาแถลงข่าวแทน สรุปไม่ตอบคำถามเรื่องวัคซีนเลย ไม่ตอบว่าจะเอาเงินกู้ไปทำอะไร ที่สำคัญที่ฝ่ายค้านถามเรื่องวัคซีนแอสตร้าฯ ว่าซื้อเท่าไร กำหนดส่งมอบเมื่อไร ที่บอกจะฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา สุดท้ายก็ฉีดได้ 4.1 แสนคน ฉีดไม่ถึงวันละ 5 แสนคนตามที่ตั้งเป้าไว้

ด้านนายจิรพงษ์ กล่าวว่า คนที่มีฐานะสามารถไปฉีดวัคซีนในต่างประเทศได้ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ท่านทำได้ แต่ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างของประเทศกลับไม่มีสิทธิเลือกวัคซีนได้เลย คนที่ป่วยยังต้องไปนอนโรงพยาบาลสนาม สะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้อย่างชัดเจน รัฐบาลพยายามฉีดวัคซีนให้ประชาชน แต่จำนวนการฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลับลดลงเรื่อยๆ จนหมอชนบทออกมาแนะนำให้กระทรวงสาธารณสุข ออกมาพูดความจริงว่าวัคซีนไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ก็เครียดเพราะกังวลเรื่องการถูกเพ่งโทษ ขณัที่บุคลากรทางการแพทย์ไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง ไม่สามารถเบิกเบี้ยเลี้ยงได้ ให้ใช้งบฯจากโรงพยาบาลไปก่อน ตนจึงขอเรียกร้องให้นำเงินจากการกู้เงินนำมาจัดสรรให้บุคลากรเหล่านี้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top