Friday, 27 June 2025
NEWS FEED

ทหารจิตอาสา ร.15 พัน.1 จัดชุดช่างซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ ตามโครงการ "ซ่อมบ้านทั่วไทย ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับผู้ยากไร้และด้อยโอกาส"

พ.อ.ธนพล นุ้ยสุข ผบ.ร.15 พัน.1 จัดกำลังพลชุดช่างของหน่วย ร่วมกับ กอ.รมน.จว.กระบี่ สำนักงานสัสดีจังหวัดกระบี่ และบ้านพักเด็ก พร้อมครอบครัวจังหวัดกระบี่ เข้าดำเนินการซ่อมแซมบ้านให้กับนายโสม ชูกุล อายุ 84 ปี บ้านเลขที่ 150 ม.6 ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งเป็นผู้ยากไร้ ตามโครงการ "ซ่อมบ้านทั่วไทย ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับผู้ยากไร้และด้อยโอกาส"  โดยได้ดำเนินการปรับปรุงบ้านดังนี้

1.ปรับปรุงโถส้วมแบบนั่งยอง เป็นแบบชักโครก

2.เปลี่ยนหลังคาสังกะสีที่รั่วและทรุดโทรม

3.เปลี่ยนพื้นชานบ้าน จากไม้เป็นแผ่นยิปซัม

โดยวัตถุประสงค์ของโครงการนี้เพื่อให้ความสำคัญของผู้ยากไร้และด้อยโอกาส และเป็นการพัฒนา ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนกลุ่มเหล่านี้ในเรื่องที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้นต่อไป


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

ทบ. เผยตรวจพบทหารใหม่ติดเชื้อก่อนเข้าประจำการ 69 นาย พร้อมดูแลรักษา ตามมาตรการสธ. อย่างดี ระบุ  ฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ทหารใหม่แล้ว 96 % มั่นใจมีภูมิ 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงซิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพยก เปิดเผยว่ส จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19  ซึ่งพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้หน่วยฝึกทหารใหม่ทุกหน่วยของกองทัพบก ได้ดำเนินการตามแนวทางการป้องกันควบคุมโรค เพื่อดูแลทหารกองประจำการผลัด 1/2564 ที่เพิ่งเข้าประจำการใน 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา และเรื่องมาตรฐานการฝึก พร้อมกำหนดมาตรการพิทักษ์พลเป็นการเฉพาะไว้หลายด้าน ที่สำคัญคือการตรวจคัดกรองเชื้อ COVID-19 และเตรียมการด้านการแพทย์รองรับ รวมถึงแผนการฉีดวัคซีนให้กับทหารใหม่ในสัปดาห์แรกที่เข้าประจำการเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค

โดยตั้งแต่วันที่ 6 -20 ก.ค.64 โรงพยาบาลสังกัดกองทัพบกในพื้นที่ค่ายทหารทั้ง 37 แห่งได้ดำเนินการฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกให้กับทหารใหม่ตามแผนที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนจาก ศบค.  มีการลงทะเบียนข้อมูลในระบบสาธารณสุข  ประเมินสภาพร่ายกายผู้ที่จะเข้ารับการฉีด  ประวัติสุขภาพ  พร้อมให้คำแนะนำสังเกตอาการหลังฉีด  

ทั้งนี้ช่วง14 วันที่ผ่านมากองทัพบกได้ฉีดวัคซีนCOVID-19ให้ทหารใหม่ไปแล้ว  33,561 นาย คิดเป็น 96% ของผู้ที่เข้ามาประจำการ โดยมีทหารใหม่บางนายได้รับวัคซีนมาแล้วก่อนเข้าประจำการ  ส่วนผู้ที่มีข้อจำกัด สาเหตุจากร่างกายยังไม่พร้อมในขั้นต้นหน่วยฝึกทหารใหม่ได้ชะลอการฉีดและให้เข้ารับวัคซีนเมื่อพร้อมในลำดับต่อไป  ในภาพรวมการฉีดวัคซีนทหารใหม่ในครั้งแรกนี้ดำเนินการได้อย่างเรียบร้อย ทหารใหม่ส่วนใหญ่ดีใจที่ได้รับการฉีดวัคซีน ทำให้มั่นใจในสุขภาพและการสร้างภูมิคุ้มกันโรคของตนเอง  ช่วยคลายความกังวลของครอบครัว และมีความพร้อมที่จะเข้ารับการฝึกฝน เรียนรู้เพื่อทำหน้าที่ทหารของชาติต่อไป

มาตราการป้องกันโรคอีกเรื่อง ที่กองทัพบกได้ดำเนินการคือ การตรวจคัดกรองหาเชื้อCOVID-19 กับทหารใหม่ทันทีก่อนเข้าหน่วยฝึก โดยตั้งแต่วันแรกของการรายงานตัว โรงพยาบาลค่ายประจำพื้นที่ได้เข้าทำการคัดกรองอย่างเป็นระบบด้วยการตรวจร่างกาย  ซักประวัติ  แยกประเภทกลุ่มเสี่ยง การตรวจหาเชื้อ และการส่งตรวจซ้ำด้วยวิธี RT- PCR  จากนั้นมีการคัดแยกประเภทของกลุ่มทหารใหม่ตามประวัติ อาการ และความเสี่ยง  ก่อนส่งทหารใหม่เข้ารับการกักตัวเพื่อสังเกตุอาการ 14วันตามมาตรการที่กองทัพบกกำหนดไว้ทุกนาย  ส่วนทหารใหม่ที่มีอาการ มีผลตรวจเป็นบวกหรือพบการติดเชื้อได้ถูกส่งเข้ารับการรักษาที่ รพ.ค่าย หรือ รพ.สนาม ที่จัดเตรียมไว้ เมื่ออาการกลับสู่ปกติและตรวจไม่พบการติดเชื้อ ก็จะส่งตัวเข้าหน่วยฝึกทหารใหม่เพื่อรับการฝึกต่อไป  

สำหรับผลการตรวจหาเชื้อไวรัสกับทหารใหม่ผลัด1/2564 จำนวน 34,822 นาย  ตรวจพบทหารใหม่ติดเชื้อCovid-19 มาก่อนเข้าประจำการจำนวน 69 นาย  คิดเป็น 0.19% ของทหารใหม่ผลัดนี้ทั้งหมด โดยตรวจพบในวันแรกที่เข้าหน่วยจำนวน 41นาย และตรวจพบเพิ่มในระหว่างกักตัวสังเกตุอาการอีก 28นาย ซึ่งหน่วยฝึกได้นำทั้งหมดเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลค่ายประจำพื้นที่ เรียบร้อย ปัจจุบันมียอดทหารใหม่ที่ติดเชื้อและยังอยู่ในระหว่างรับรักษา 54 นาย( 21 กค.64) 

อย่างไรก็ตาม ยอดการติดเชื้อของทหารใหม่ดังกล่าวนับว่ามีจำนวนน้อย อยู่ในเกณฑ์ตามที่กองทัพบกประเมินไว้ ประกอบกับการวางแผนดูแลและกำหนดมาตรการเฉพาะไว้อย่างครบวงจร ทำให้ตรวจพบผู้ติดเชื้อได้ตั้งแต่เริ่มเข้าหน่วยทหาร และนำเข้าสู่กระบวนการรักษาตามระบบการแพทย์ที่เตรียมไว้  สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ นอกจากนี้การตรวจพบทหารใหม่ติดเชื้อก่อนประจำการดังกล่าว ยังเป็นผลดีต่อทหารใหม่ที่จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ลดภาระของตนเองและครอบครัว ลดการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ภายนอก ช่วยลดภาระของหน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยฝึกทหารใหม่ยังถือได้ว่าเป็นจุดคัดกรองโรคอีกทางหนึ่งด้วย

และไม่ว่าทหารใหม่จะมีการติดเชื้อมาก่อนหรือไม่มีการติดเชื้อก็ตาม นโยบายของกองทัพบกยังคงให้ความสำคัญสูงสุดต่อการปฎิบัติตนตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ในระดับบุคคล หน่วยทหาร ทั้งในระหว่างการฝึก การปฎิบัติภารกิจ หรือการดำรงชีวิตประจำวัน อย่างเคร่งครัดตามแนวทาง ศบค.

โดยนโยบายการดูแลทหารกองประจำการข้างต้น กองทัพบกมุ่งสร้างให้ทหารกองประจำการมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้  ฝึกฝน ทักษะความสามารถทางทหารและงานด้านความมั่นคง เพื่อให้พร้อมกับการปฏิบัติงานในภารกิจเพื่อประเทศชาติและประชาชนที่รออยู่ข้างหน้าได้อย่างสมบูรณ์ต่อไป

ผปค.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ยิ้มได้ รัฐบาลสนับสนุนลดค่าเล่าเรียน/ ค่าธรรมเนียมการศึกษา คนละ 5,000 บาท ก่อนนำมาตรการลดค่าเทอมนักเรียน-นักศึกษา เข้า ครม.

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (21 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบในหลักการแนวทางลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษา ในปีการศึกษา 2564 ตามทีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ซึ่งทางกระทรวงศึกษาฯ ได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายต่างๆของนักเรียน ครู และผู้ปกครองในสถานการณ์โควิด ซึ่งจะครอบคลุมทั้งโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โรงเรียนสังกัดกทม.และโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขณะที่ ทางกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ได้เตรียมมาตรการซึ่งครอบคลุมสถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน  โดยสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ จะมีการลดค่าเล่าเรียน และค่าธรรมเนียมการศึกษา โดยกำหนดเป็น 3 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 ส่วนที่ไม่เกิน 50,000 บาท ลดค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา ร้อยละ 50 ขั้นที่ 2 ตั้งแต่ 50,001-100,000 บาท ลดร้อยละ 30 และขั้นที่ 3 ตั้งแต่ 100,001 บาทขึ้นไป ลดร้อยละ 10 โดยรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณสำหรับส่วนลดนี้ ร้อยละ 60 และสถาบันอุดมศึกษาสมทบ ร้อยละ 40

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน รัฐบาลจะสนับสนุนลดค่าเล่าเรียน/ ค่าธรรมเนียมการศึกษา คนละ 5,000 บาท และให้ทางสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแต่ละแห่งพิจารณาลดค่าเล่าเรียนเพิ่มเติม และสนับสนุนมาตรการอื่นๆ เช่น ขยายเวลาผ่อนชำระ หรือผ่อนจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษา ตั้งกองทุนสนับสนุนการศึกษา จัดหาอุปกรณ์/ โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับนักศึกษายืมเพื่อใช้ในศึกษาออนไลน์ ส่วนลดค่าหอพักนักศึกษา จัดสวัสดิการพิเศษกรณีนักศึกษาป่วยด้วยโรคโควิด-19 เป็นต้น

“การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองได้อย่างมาก ซึ่งเป็นอีกมาตรการเร่งด่วนที่นายกรัฐมนตรีเร่งรัดให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ทั้งนี้ มาตรการที่ท่านนายกได้เห็นชอบในหลักการครั้งนี้ จะนำเข้าให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 27 ก.ค.ต่อไป” นางสาวรัชดาฯ กล่าว

“บิ๊กตู่”  ร่วมส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาไทย เข้าแข่งขันในโอลิมปิกและพาราลิมปิก “Tokyo 2020 Olympics” ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามกำหนดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 และพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พร้อมให้กำลังใจนักกีฬา และเชิญชวนชาวไทยส่งแรงเชียร์นักกีฬาไทยให้คว้าชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้ สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2564 และพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม -  5 กันยายน 2564 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ “Tokyo 2020 Olympics” ซึ่งมีนักกีฬาจาก 206 ประเทศ จำนวนกว่า 11,000 คนเข้าร่วมการแข่งขัน จัดการแข่งขันทั้งหมด 33 ชนิดกีฬา ในสนามกีฬา 42 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทยจัดทัพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย 

“นายกรัฐมนตรีได้ฝากกำลังใจ และอวยพรไปยังทัพนักกีฬาทุกคนและทีมงานที่เกี่ยวข้องจะเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ขอบคุณความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ที่ร่วมกันฝึกซ้อมแม้ในสถานการณ์ที่มีความท้าทายมากกว่าสถานการณ์ปกติ ขอให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้เพื่อนำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศไทย และไม่ว่าจะได้รับเหรียญจากการแข่งขันหรือไม่ก็ตาม นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า นักกีฬาไทยทุกคนจะเป็นต้นแบบ เป็นแรงผลักดันให้แก่เยาวชนในด้านความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสามารถและฝึกฝนตนเองต่อไปในอนาคต พร้อมเน้นย้ำให้นักกีฬาปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขของประเทศเจ้าภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน” นานอนุชา กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 มีกีฬา 5 ชนิดที่เพิ่งได้รับการบรรจุเข้ามาหรือได้รับการบรรจุกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง ได้แก่ 1. เบสบอล(ชาย)/ซอฟต์บอล(หญิง) 2. คาราเต้ 3. ปีนหน้าผา (sport climbing) 4. กระดานโต้คลื่น (surfing) และ 5. สเก็ตบอร์ด (skateboarding) และในส่วนของ กีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2020 มีกีฬา 2 ชนิดที่บรรจุเข้ามาใหม่ ได้แก่ เทควันโด และแบดมินตัน ทั้งนี้ ประเทศไทยจัดทัพนักกีฬาโอลิมปิกไทยซึ่งผ่านการควอลิฟาย (Qualify) โอลิมปิกเกมส์ จำนวน 41 คน เป็นนักกีฬาชาย 15 คน นักกีฬาหญิง 26 คน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 74 คน ในครั้งนี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการกีฬาที่จะจำกัดจำนวนผู้เข้าชมและใช้การถ่ายทอดสดการแข่งขันเป็นหลัก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะมีพิธีเปิด Tokyo 2020 Olympics และเริ่มการแข่งขันในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เป็นวันแรก ได้แก่ โปรแกรมการแข่งขันกีฬาขี่ม้า , เรือพาย และยิงปืน ซึ่งประชาชนสามารถรับชมและให้กำลังใจนักกีฬาไทยได้ผ่านช่องทางต่างๆ 

"บิ๊กแก้ว"มอบ​ เสธ.ศปม.ตรวจหลังเคอร์ฟิวเข้ม​ 111 ​จุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่​  กทม.- ปริมณฑล​ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19​ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อมากขึ้น​ รัฐบาลโดย​ศบค.จึงกำหนดมาตรการต่าง ๆ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สามารถควบคุมโรคอยู่ในวงจำกัด 

โดยพล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง(ศปม.)​ มอบหมายให้ พล.อ.สุพจน์  มาลานิยม เสนาธิการทหาร/เสธ.ศปม. ลงพื้นที่ตรวจการปฏิบัติการจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดในพื้นที่กทม. และปริมณฑล โดยอากาศยาน เพื่อตรวจการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค การบังคับใช้มาตรการต่างๆ​ โดย​ศปม.และศปม.เหล่าทัพ ได้สนับสนุน​ ศบค.เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาที่สำคัญ​ อาทิ 

การสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยใช้กำลังจากกองกำลังป้องกันชายแดน 8 กองกำลัง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง 3 ทัพเรือภาค และกำลังอีก​ 6​ กองร้อย เพื่อสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองชาวเมียนมาปัจจุบันมียอดการจับกุม 5,810 คน จากตอนใน 622  คน พื้นที่ชายแดน 1,765 คนผู้นำพา 38​คน 

การสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์พิเศษต่างๆ ในการตรวจคัดกรองโรคบริเวณแนวชายแดน​ ช่องทางผ่านแดนเข้าออกทั้งในพื้นที่ทางบก ทางน้ำ ท่าอากาศยานต่างๆซึ่ง ศปม.ได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน (ศปม.ทย.) หรือ EOC เพื่อบูรณาการจัดการเดินทางเข้าประเทศและสถานกักกันโรคแห่งรัฐ (SQ) 

รวมถึงการจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด​ ห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่าง​ 21.00​ น.ถึง​ 04.00​ น. ในพื้นที่​ กทม. 88 จุด จังหวัดปริมณฑล 23 จุด และจังหวัดชายแดนภาคใต้ 39 จุด และด่านตรวจควบคุมการเคลื่อนเข้าออกจังหวัดสูงสุดเข้มงวด 13 จังหวัด จัดสายตรวจร่วม​ ลาดตระเวนในกทม.และปริมณฑล​  กวดขันห้ามการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน

 

สำหรับการควบคุมแคมป์คนงานในกทม.จำนวน 593 แคมป์  เพื่อควบคุม/ป้องกันการเคลื่อนย้ายแรงงาน​ การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในหน่วยทหาร 24 แห่ง ทั่วประเทศ รองรับผู้ป่วยได้ 4,947 เตียง​ รวมถึงในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสนามเขตบางขุนเทียน จัดเจ้าหน้าที่ล่ามภาษาเมียนมาให้กับโรงพยาบาลสนามวัฒนา แฟคตอรี่ จังหวัดสมุทรสาคร โรงพยาบาลสนาม (บุษราคัม) เมืองทองธานี 


    
“ศปม.จะยังคงปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของประเทศไทยในการควบคุมสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ต่อไป” รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าว 

ทบ. ตั้ง “รพ.สนามศูนย์คัดกรอง (สโมสร ทบ.)” สนับสนุนรัฐบาล เพิ่มการดูแลผู้ป่วยโควิดเข้าสู่ระบบการรักษา

พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก (ผอ.ศบค.19 ทบ.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมมีข้อห่วงใยต่อประชาชนในสถานการณ์การแพร่ะระบาดโควิด-19 ในปัจจุบัน ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบางส่วนยังตกค้างไม่ได้เข้ารับการรักษาตามระบบ ทำให้เกิดข้อกังวลใจทั้งตัวผู้ป่วยเองและญาติที่อาจมีการแพร่กระจายเชื้อต่อได้ โดยสั่งการให้ทุกเหล่าทัพระดมทรัพยากรดูแลประชาชน ขยายขีดความสามารถของโรงพยาบาลสนามที่มีอยู่เดิมและเพิ่มการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่หน่วยทหาร เพื่อบริหารจัดการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ให้เข้าสู่ระบบของ สธ. โดยเฉพาะใน 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตามประกาศ ศบค.

ในส่วนของกองทัพบก มีสถานภาพโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศที่ได้สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์, สิ่งอุปกรณ์และสถานที่ในหน่วยทหาร ร่วมกับ สธ.จังหวัด รวม 19 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้ 3,323 เตียง 

โดยพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)  ได้สั่งการให้หน่วยทหารทั่วประเทศ ใช้อาคารสโมสรหรืออาคารเอนกประสงค์ในค่ายทหารทั่วประเทศ เป็นโรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง เพื่อประเมินอาการ และดูแลผู้ป่วยสีเขียวในเบื้องต้น ก่อนประสานส่งต่อให้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลตามระบบของ กระทรวงสาธารณะสุขแต่ละพื้นที่ต่อไป 

ซึ่งในพื้นที่ กทม. จะใช้สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี จัดเตรียมตั้งเป็น “โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง (สโมสร ทบ.)” เพื่อเป็นศูนย์แรกรับผู้ป่วย ประเมินและดูแลผู้ป่วยสีเขียวในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ก่อนส่งต่อเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่ สธ. กำหนด ซึ่งเมื่อพร้อมเปิดดำเนินการจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 300-400 เตียง 

“กองทัพบกยืนยันจะดำรงการใช้ศักยภาพที่มีอยู่ในทุกมิติ เตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ ร่วมกับทุกส่วนในการดูแลช่วยเหลือประชาชน ลดผลกระทบที่เกิดขึ้น ตลอดจน ลดภาระด้านสาธารณสุข พร้อมเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ข้ามผ่านสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน”พล.ท.สันติพงษ์ กล่าว        

                                      

ทร. แจง จัดหายุทโธปกรณ์เน้นการใช้งาน ที่สำคัญในการปฏิบัติงานในทะเลเพื่อรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) พล.ร.อ.เชษฐา  ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ  เปิดเผยถึงแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือ ที่ปรากฏรายการต่าง ๆ ตามการพิจารณางบประมาณอยู่ในขณะนี้นั้น ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาโดยละเอียดอย่างถูกต้อง เปิดเผย และเป็นไปตามแนวคิดที่มีความจำเป็นตามยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือในการป้องกันประเทศและอธิปไตยทางทะเล การรักษาความมั่นคง และ ผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของไทย 

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพเรือต้องรับผิดชอบภารกิจการรักษาความมั่นคงทางทะเลมีพื้นที่สองฝั่งทะเล ซึ่งรับผิดชอบอาณาเขตทางทะเลประมาณ 323,388.32 ตารางกิโลเมตร  คิดเป็นร้อยละ 60 ของอาณาเขตทางบกที่มีเนื้อที่อยู่ประมาณ 513,115 ตารางกิโลเมตร ซึ่งจะต้องจัดกำลังทางเรือและอากาศยานปฏิบัติการในพื้นที่รับผิดชอบตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันโดยไม่มีวันหยุด เพื่อลาดตระเวนเฝ้าตรวจ รวมทั้งช่วยเหลือประชาชนในทะเลและเกาะแก่งต่าง ๆ ทั้งฝั่งอ่าวไทย และฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งการปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเรื่องที่กองทัพเรือให้ความสำคัญสูงสุด ทั้งนี้เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ในทะเล จะทำให้เรือและอากาศยานของกองทัพเรือสามารถปฏิบัติการได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากระยะทางในการเกิดเหตุในทะเล มักไม่เกิดใกล้ฝั่ง
      
พล.ร.อ.เชษฐา กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันสถานภาพของเรือและอากาศยานของกองทัพเรือนั้น จากการที่ต้องมีการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในการดำรงภารกิจการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจในทะเล ซึ่งการปฏิบัติการในทะเลนั้นจะทำให้เรือและอากาศยานมีผลการเสื่อมสภาพและสึกหรอมากกว่าปกติ ซึ่งมีผลต่ออายุการใช้งานของยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือ อีกทั้งเรือและอากาศยานส่วนใหญ่ก็มีอายุการใช้งานเกินเกณฑ์กำหนด รวมทั้งงบประมาณด้านปฏิบัติการของเรือรบและอากาศยานที่มีนักบินที่ได้รับแต่ละปีมีจำนวนจำกัด จึงส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติการของกองทัพเรือโดยตรง อาทิ  การใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ซึ่งสามารถสนับสนุนการลาดตระเวนตรวจการณ์ของเรือรบและอากาศยานที่มีนักบินทั้งด้านอ่าวไทยและทะเลอันดามัน เข้าถึงพื้นที่ปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็ว และสามารถปฏิบัติการบนอากาศได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น และช่วยประหยัดงบประมาณด้านการปฏิบัติการ รวมทั้งยังเป็นการใช้บุคลากรที่เป็นนักบิน ช่างเครื่อง และสิ่งอำนวยความสะดวกน้อยกว่าอากาศยานที่ใช้นักบิน ซึ่งจะสามารถช่วยเสริมการใช้นักบินและช่างเครื่องของกองทัพเรือจากการปฏิบัติการบินในพื้นที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่องอันเป็นการลดความเสี่ยงได้ 

ดังนั้นจึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าทุกรายการนั้นมีเหตุผลที่เหมาะสมรองรับการจัดหาดังกล่าว  ประการสำคัญที่สุด คือ ในภาวะปัจจุบันที่มีการระบาดของโควิด-19 ประเทศต้องมีภาระด้านงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะต้องรับมือ กองทัพเรือจึงได้ตระหนักในเรื่องดังกล่าวนี้เป็นอย่างมาก และต้องการมีส่วนในการร่วมมือกับหลายภาคส่วนในการช่วยเหลือรัฐบาล และพี่น้องประชาชนดังจะเห็นได้จากการที่กองทัพเรือได้ขอเลื่อนโครงการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ออกไปก่อน อย่างไรก็ตาม ใคร่จะขอเรียนทำความเข้าใจว่า ในส่วนของยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ที่เหลือนั้น ยังคงมีความจำเป็นด้วยจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการที่จะทำให้การปฏิบัติงานในทะเลเพื่อรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งผลกระทบต่ออธิปไตยของชาติทางทะเลมีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะเป็นหลักประกันในการสร้างความมั่นคงทางทะเลและสร้างความเชื่อมั่นในการดูแลพี่น้องประชาชนที่มีกิจกรรมทางทะเลให้ปลอดภัยตลอดไป
       
“ขอให้ทุกฝ่ายอย่าได้นำการทำหน้าที่และความจำเป็นเหล่านี้ ไปสร้างความเข้าใจที่ผิด สร้างความแตกแยก และทำให้เกิดผลกระทบและบั่นทอนต่อกำลังใจของพี่น้องประชาชน หรือผลในด้านอื่น ๆ อันจะเป็นการสร้างความเสียหายให้กับหลายๆ ฝ่าย เพราะความจำเป็นดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานที่ไม่กระทบต่อภาระจำเป็นที่มีอยู่ หากทุกฝ่ายได้พิจารณาในรายละเอียดด้วยเหตุและผล และมีความเป็นธรรมจากจิตใจ กองทัพเรือจึงขอเรียนชี้แจงด้วยความจริงใจ และความสำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อประเทศชาติที่เรารักในการดูแลอาณาเขตทางทะเลของไทยที่มีพื้นที่มหาศาลและมีทรัพยากรทางทะเลที่มีค่าเป็นจำนวนมากให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และ ปลอดภัย นั้น กองทัพเรือจะทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยจิตใจที่มั่นคง เพราะทะเลนั้นเป็นเหมือนถิ่นของเรา จะขอเฝ้าตราบจนชีวิตเราสิ้น”โฆษกกองทัพเรือ กล่าว

รมว.แรงงาน ชื่นชมแรงงานไทยที่ทำงานต่างประเทศ มอบอธิบดีกกจ.  ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแรงงานก่อนเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าประเทศฟินแลนด์ และประเทศสวีเดน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมาย นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ตรวจเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจแรงงานไทย จำนวน 384  คน ก่อนเดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่า และทำงานในตำแหน่งคนงานตามฤดูกาล (Seasonal Work) ในประเทศฟินแลนด์ และประเทศสวีเดน  

นายไพโรจน์  โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ในวันนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ตน ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแรงงานไทยที่กำลังจะเดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่า และทำงานในตำแหน่งคนงานตามฤดูกาล (Seasonal Work) ในประเทศฟินแลนด์ และประเทศสวีเดน   ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ  จังหวัดสมุทรปราการ สำหรับวันนี้ มีแรงงานเดินทาง จำนวน 384 คน แบ่งเป็นฟินแลนด์ จำนวน 296 คน สวีเดน  จำนวน 88 คน ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินทางด้วยเครื่องบินของสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบิน QR 833 

นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ท่านรัฐมนตรี สุชาติ ยังฝากแสดงความห่วงใยและมอบคำกล่าวให้กำลังใจแก่แรงงานไทยที่จะเดินทางว่า ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงาน ตั้งใจเรียนรู้ และดูแลสุขภาพให้ดี หากรู้จักเก็บออม เมื่อกลับมาจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้ตนเองและครอบครัวได้ นอกจากนี้ขอให้ทุกคนภูมิใจในตัวเอง ในสถานการณ์ที่ประเทศอยู่ในช่วงวิกฤตินี้ ทุกคนคือฮีโร่ ที่นำรายได้กลับเข้าสู่ประเทศไทย

“สำหรับฤดูกาลเก็บผลไม้ป่าปี 2021 มีเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์และสวีเดน จำนวน 8,200 คน โดยเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์ จำนวน 3,000 คน เดินทางแล้ว 1,112 คน และเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในสวีเดน จำนวน 5,200 คน เดินทางแล้ว 833 คนซึ่งจะทยอยเดินทางตั้งแต่ต้นเดือน ไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 จนครบจำนวนตามเป้าหมาย" อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

ทั้งนี้ คนหางานที่ต้องการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 -10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 หรือเว็บไซต์ www.doe.go.th/overseas

'ผบ.ร.7 พัน.5' จัดรถครัวสนาม ร่วมกิจกรรมมีแล้วแบ่งปัน ณ รพ.ปาย ทำอาหารปรุงสุก แจกประชาชนฉีดวัคซีน สู้ภัยโควิด-19

(21 ก.ค.64)​ น.พ.อ.สันติพงษ์ ชิงดวง ผบ.ร.7 พัน.5 กับภารกิจดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ได้จัดรถครัวสนาม ออกทำการประกอบอาหารบรรจุกล่อง พร้อมน้ำดื่ม จำนวน 250 ชุด หน้ากากอนามัย, เจลล้างมือและแผ่นพับประชาสัมพันธ์ แจกจ่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปที่เข้ามารับการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในห้วงปฎิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส (โควิด-19) ณ โรงพยาบาลปาย ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

น.พ.อ.สันติพงษ์ ชิงดวง ผบ.ร.7 พัน.5 กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และทางรัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือดูแล ป้องกัน ควบคุมต่างๆ รวมถึงจัดให้มีการฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส 

โดยทางหน่วย กองพันทหารราบที่ 5 กรมทหารราบที่ 7 ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน พร้อมที่จะดูแล และสนับสนุนในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดรถครัวสนาม ร่วมกับกำลังพลจิตอาสา ประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ๆ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีนได้รับประทานอิ่มท้อง เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของประชาชน โดยมีประชาชนมารับแจกอาหารเป็นจำนวนมาก และได้มีการปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และมีการเว้นระยะห่างในการเดินเข้ามารอรับอาหาร   

ทั้งนี้ ทางกองพันทหารราบที่ 5 กรมทหารราบที่ 7 พร้อมที่จะดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ไปจนกว่าสถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆ จะคลี่คลายลง เราคนไทยไม่เคยทอดทิ้งกัน และขอส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชนให้ก้าวข้ามผ่านวิกฤติโควิดนี้ไปด้วยกัน 

ผบช.สตม.​ เดินทางตรวจเยี่ยม ติดตามความคืบหน้า การก่อสร้างอาคารที่ทำการ ตม.จว.สิงห์บุรี และตรวจเยี่ยม ด่านตรวจแยกต่างระดับสิงห์เหนือ ต.บางมัญ อ.เมืองฯ จว.สิงห์บุรี

ตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. (มค) ให้ผู้บังคับบัญชา ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ และให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 

วันนี้ (21 ก.ค.64) เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.เดินทางตรวจเยี่ยม ติดตามความคืบหน้า การก่อสร้างอาคารที่ทำการ ตม.จว.สิงห์บุรี 

เวลา 16.00 น.เดินทางมาตรวจเยี่ยมด่านตรวจแยกต่างระดับสิงห์เหนือ ต.บางมัญ อ.เมือง จว.สิงห์บุรี พบ พล.ต.ต.วีรวิชญ์ บัวประเสริฐยิ่ง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี, พ.ต.อ.สุรพจน์ รอดบำรุง รอง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี, พ.ต.อ.เมธาพงษ์ บุญศรี ผกก.สภ.เมืองสิงห์บุรี, พ.ต.ท.วิษณุ พงศ์พันธุ์อนุสร​ สว.ตม.จว.สิงห์บุรี พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุด และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่น ได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่กรมการขนส่ง ว.4 ร่วมบริเวณจุดตรวจฯ 

ทั้งนี้ ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ อาทิ หน้ากากอยามัย เจลแอลกอฮอล์ และเครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าตำรวจ ในการปฏิบัติหน้าที่ และได้แสดงความห่วงใยเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน และการใช้ชีวิต เนื่องจาก ห้วงเวลานี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด 19 และได้กล่าวขอบคุณในความเสียสละ และอวยพรให้เจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงาน ปลอดภัยจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19

พร้อมทั้งได้มอบนโยบาย กำชับการปฏิบัติราชการ ดังนี้

1.ให้ศึกษาข้อกำหนดฯฉบับที่ 27 และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในเรื่องการห้ามออกนอกเคหสถาน  การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ การปฏิบัติในการเข้าช่วยเหลือประชาชนและให้เตรียมพร้อมสนับสนุนกำลังพลและอุปกรณ์ให้กับตำรวจภูธรในพื้นที่ และถือปฏิบัติตามแนวทางด้านสาธารณสุขหรือ ศบค.กำหนด

2.กำชับการปฏิบัติตามข้อสั่งการ ตร. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้หน่วยปรับรูปแบบการปฏิบัติงานให้เกิดความเหมาะสมตามแนวทางที่ ตร.กำหนด โดยพิจารณาปรับรูปแบบการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) ต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการและการบริการประชาชน

3.จากเหตุคนจีนยิงตำรวจชลบุรี กำชับให้เพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมาย กรณีคนต่างด้าวสัญชาติจีนให้ตรวจสอบ สืบสวนก่อนการอนุญาต และตรวจสอบหลังได้รับอนุญาตว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หากพบว่าไม่ถูกต้องให้ดำเนินการเพิกถอนทุกราย ให้มีผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม

4.สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดสายพันธ์ใหม่ ให้มีมาตรการในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ในส่วนของเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด

5.กำชับให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการ ตร. เรื่อง แนวทางการปฏิบัติกรณีคนต่างด้าวเป็นผู้เสียหาย หรือผู้ต้องหาในคดีอาญา หรือถึงแก่ความตายโดยผิดธรรมชาติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top