Sunday, 29 June 2025
NEWS FEED

กระทรวงแรงงาน เปิดโครงการสนับสนุน และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน “ดวงตาแรงงาน”

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 เวลา 08.30 น. นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการสนับสนุนและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการต่อต้านการทุจริต “ดวงตาแรงงาน” รุ่นที่ 1 ในรูปแบบ Online Platform ผ่านระบบ Zoom โดยมี นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน และ นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล รองปลัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

โดยโครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ให้แก่ข้าราชการ / เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานแรงงานจังหวัด อาสาสมัครแรงงานต้านทุจริต และเครือข่ายภาคประชาชน ที่เคยผ่านการอบรมด้านการป้องกับการทุจริตร่วมกับกระทรวงแรงงาน สามารถเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ด้านการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ สร้างเครือข่ายเฝ้าระวัง สอดส่อง และแจ้งเบาะแสการทุจริตในระดับพื้นที่ โครงการแบ่งเป็น 2 รุ่น ๆ ละ 152 คน จาก 76 จังหวัด

นายสุทธิฯ กล่าวว่าการอบรมในวันนี้ จะนำพาผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านเกิดการตระหนักรู้ และต่อต้านกับการทุจริตในทุกรูปแบบ และขอขอบคุณท่านวิทยากร หน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐ โดยเฉพาะเครือข่ายภาคประชาชนทุกท่าน ที่มีความตั้งใจและเสียสละเวลามาเข้าร่วมการอบรม และร่วมเป็นเครือข่ายในการต่อต้านการทุจริตร่วมกับกระทรวงแรงงาน

ทางการจีนประกาศลงดาบ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ลบโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง หลังเจอมือดีขุดรูปเก่าออกมาแฉ

เป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตามองมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว สำหรับกรณีดราม่าของนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ (张哲瀚) ที่เมื่อไม่นานมานี้ถูกมือดีออกมาขุดภาพในอดีตที่เจ้าตัวได้เคยถ่ายไว้ขณะเยี่ยมชม “ศาลเจ้ายาสุคุนิ” (Yasukuni Shrine) ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดันมีส่วนไปเชื่อมโยงกับประเด็นอ่อนไหวทางประวัติศาสตร์ระหว่างจีน-ญี่ปุ่นที่มักถูกนำมาพูดถึงและกลายเป็นที่ถกเถียงกันอยู่บ่อยครั้ง…

ก่อนอื่นต้องขอเล่าเท้าความก่อนว่าสำหรับกรณีดราม่าสุดร้อนแรงของนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่เจ้าตัวถูกขุดภาพเก่าขณะที่ไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่จัดขึ้นใน “ศาลเจ้าโนกิ” (Nogi Shrine) ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในศาลเจ้าแห่งนี้มีการเก็บรวบรวมป้ายวิญญาณของทหารญี่ปุ่นบางส่วนที่เคยรบกับจีนในสมัยสงครามจีน-ญี่ปุ่นเอาไว้ อีกทั้งภายในงานครั้งดังกล่าว ตัวของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ เองยังได้มีการถ่ายภาพคู่กับ ‘เดวี ซูการ์โน’ (Dewi Sukarno) อดีตภรรยาชาวญี่ปุ่นของประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซียที่เคยเป็นประเด็นกับจีน เนื่องจากเธอเคยออกมาสนับสนุนหนังสือที่ปฏิเสธการกระทำของฝ่ายญี่ปุ่นใน “เหตุการณ์สังหารหมู่ที่นานกิง” (Nanjing Massacre) ซึ่งเป็นดราม่ากันอยู่พักหนึ่งเมื่อช่วงปี 2017

นอกจากประเด็นของเรื่องการไปร่วมงานแต่งเพื่อนแล้ว ภาพถ่ายในอดีตของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ขณะกำลังเที่ยวชม “ศาลเจ้ายาสุคุนิ” ในประเทศญี่ปุ่นก็ได้ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาพูดถึงอย่างร้อนแรงเช่นเดียวกัน โดยเดิมทีว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่ที่คนจีนรับไม่ได้และพากันตีตราว่าไม่ควรไปอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นสถานที่เก็บรวบรวมป้ายวิญญาณเพื่อสักการะเหล่าทหารและอาชญากรทางสงครามหลายคนในกองทัพญี่ปุ่นแล้ว ยังเปรียบเสมือนตัวแทนของการบิดเบือนความโหดร้ายที่ญี่ปุ่นเคยกระทำไว้กับชนชาติอื่น ๆ ในช่วงก่อสงครามอีกด้วย

จากกระแสดราม่าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถึงแม้ในช่วงบ่ายของวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา ตัวของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ เองจะได้มีการออกมาขอโทษ พร้อมทั้งยอมน้อมรับทุกคำวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นจากความไม่รู้ในอดีตของตน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ดูเหมือนสถานการณ์ต่าง ๆ กลับไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย โดยชาวเน็ตจีนส่วนใหญ่ต่างก็ยังคงไม่ยอมรับคำขอโทษและยังมีการจับลากประเด็นโน้นโยงประเด็นนี้มาวิพากษ์วิจารณ์ตัวของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ กันอยู่อย่างต่อเนื่อง (เช่น เรื่องความไม่รักชาติ)

ซึ่งด้วยผลกระทบจากกระแสเชิงลบที่ไม่ยอมซาลงนี้เอง ทำให้ต่อมาเริ่มมีสินค้าหลายแบรนด์ รวมถึงผลงานหลายรายการที่ทยอยออกมาประกาศยุติการร่วมงานกับหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ กันแบบรัว ๆ

ล่าสุดในวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 76 ปีที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 และตรงกับวาระที่ทางฝั่งจีนมักจะออกมารำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นเคยบุกจีนในทุกปี บทลงโทษทางสังคมในกรณีของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ที่มีส่วนโยงใยกับประเด็นอ่อนไหวนี้ก็ดูท่าจะเริ่มบานปลายขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทาง “สมาคมอุตสาหกรรมการแสดงของจีน” (China Association of Performing Arts) ที่สังกัดภายใต้กระทรวงวัฒนธรรมได้ออกมาทำการลงดาบ ประกาศแถลงการณ์คว่ำบาตร ‘จางเจ๋อฮั่น’ อย่างจริงจัง ซึ่งในหนังสือแถลงการณ์ดังกล่าวได้ระบุเนื้อความโดยสรุปไว้ว่า

“ตามความประพฤติอันไม่เหมาะสมของนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ อย่างการไปเยี่ยมชมศาลเจ้ายาสุคุนิในประเทศญี่ปุ่นที่เพิ่งถูกเปิดเผยและได้รับความสนใจจากทุก ๆ ภาคส่วนไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ ทางสมาคมฯ เอง ด้วยความที่มีความกังวลต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงได้มีการเริ่มทบทวนวินัยและระเบียบข้อบังคับด้านจริยธรรม จนมีความเห็นกับประเด็นดังกล่าวนี้ว่า

‘ศาลเจ้ายาสุคุนิ’ เป็นเครื่องมือทางจิตวิญญาณและสัญลักษณ์ของกองทัพทหารญี่ปุ่นในการก่อสงครามรุกรานนานาประเทศ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่อำนาจฝ่ายขวาในญี่ปุ่นใช้เพื่อบิดเบือนและตกแต่งหน้าประวัติศาสตร์สงครามของตัวเองให้ดูสวยงาม ในฐานะของการเป็นบุคคลสาธารณะ การสร้างมุมมองที่ถูกต้องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ถือเป็นพื้นฐานของความเป็นมืออาชีพอย่างหนึ่ง ซึ่งคำว่า “ไม่รู้” ไม่สามารถใช้มาเป็นข้อแก้ตัวได้

ในครั้งนี้ทางสมาคมฯ มองว่า การกระทำของนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ นั้นไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง เนื่องจากไม่เพียงแต่เป็นการทำร้ายความรู้สึกของคนในชาติ แต่ยังส่งผลที่ไม่ดีต่อค่านิยมด้านความคิดของเยาวชนในกลุ่มผู้ติดตาม ซึ่งด้วยเหตุนี้เองสมาคม ฯ ขอตำหนิการกระทำของตัวนักแสดงหนุ่มและเพื่อให้สอดคล้องกับ “มาตรการการจัดการตามวินัยข้อบังคับของคนในวงการอุตสาหกรรมการแสดง” จึงขอกำหนดให้มีการคว่ำบาตร ‘จางเจ๋อฮั่น’ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ในขณะเดียวกัน ทางสมาคมฯ ก็ขอเตือนให้ศิลปินส่วนใหญ่เสริมสร้างการศึกษาและความตระหนักรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติอย่างจริงจัง หากมีผู้ใดฝ่าฝืน จะต้องถูกลงโทษ”

หลังจากองค์กรระดับทางการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแสดงโดยตรงได้มีการออกมาลงดาบกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทางด้านโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ของจีนอย่างเว๋ยป๋อ (Weibo) จึงได้มีการตัดสินใจปิดบัญชีแอคเคาน์เว่ยป๋อส่วนตัวและสตูดิโอของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ รวมไปถึงล้าง Super Topic (超话) หรือหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับตัว ‘จางเจ๋อฮั่น’ ออกจากหน้าระบบทั้งหมด โดยแอคเคาน์ทางการของเว่ยป๋อได้ออกมาแถลงการณ์ยืนยันเหตุที่ต้องปิดทุกอย่างเกี่ยวกับ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ตามทำนองเดียวกับประกาศจากสมาคมอุตสาหกรรมการแสดงของจีน แถมยังมีการเสริมเน้นเช่นเดียวกันอีกว่า “ในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะซึ่งมีแฟนคลับติดตามเป็นจำนวนมาก การมีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ควรเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมขั้นพื้นฐานที่เหล่าศิลปินคนดังนั้นควรยึดถือ”

โดยนอกจากเว่ยป๋อที่เริ่มเปิดฉากออกมาปิดบัญชีของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ แล้ว ทางด้านของแพล์ตฟอร์มวีดิโอคอนเทนท์ชื่อดังอย่าง “Douyin” (โต่วอิน) หรือที่รู้จักกันในนาม Tiktok ของจีนก็ได้มีการออกมาลบแอคเคาน์ของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นในส่วนของแพล์ตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์ อาทิเช่น QQ Music, Wangyi (NetEase) ก็ได้ออกมาลบเพลงของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ออกจากระบบทั้งหมด และที่ล่าสุดเลยสำหรับทางด้านของ YOUKU ถึงขั้นมีการลบชื่อของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ออกจากคำอธิบายรายละเอียดเบื้องต้นของซีรีส์ดังที่เคยนำแสดง งานนี้เรียกได้ว่าค่าของ “ความไม่รู้” ที่เกิดขึ้นในอดีตและนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ ต้องเก็บนำมาจ่ายชดใช้ในปัจจุบันนั้นค่อนข้างเป็นราคาที่สูงแบบที่ใครหลาย ๆ คนต่างก็คาดไม่ถึงเลยทีเดียว...


ที่มา : https://mgronline.com/china/detail/9640000080690


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ผู้บริหาร บริษัท อริยะ’ ตามรอยบุญ 'พระครูแจ้' มอบเงินสด 100,000 บาท และข้าวสาร 2,000 ถุง ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

นาย​สมชาย​ เลิศ​อริยา​นันท์​ ประธาน​กรรมการบริหาร​ บริษัท​อริยะอีค​วิป​เม้นท์​ จำ​กัด​ พร้อมด้วยนาย เลิศศักดิ์ เลิศอริยานันท์ กรรมการผู้จัดการ ตลอดจนครอบครัวเลิศอริยานันท์ มอบเงินสดจำนวน 100,000 บาท พร้อมทั้งมอบข้าวสาร ถุงละ 5 กิโลกรัม จำนวน 2,000 ถุง ถวายแด่ท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เพื่อส่งมอบต่อให้ประชาชนในเขตพื้นที่บางพลี จำนวน 1,000 คน  และมอบให้กับผู้ประกอบอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง  จำนวน 1,000 คัน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิตฝ่าวิกฤตโควิค- 19

โดย ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า ในวันนี้ได้รับมอบข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม จำนวน 2,000 ถุง และเงินสดอีกจำนวน 100,000 บาท จากนายสมชาย เลิศอริยานันท์ ผู้บริหารบริษัท อริยะ เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค-19  และจะนำข้าวสารพร้อมเงินที่ได้รับมอบนำไปแจกให้กับผู้ประกอบอาชีพวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จำนวน 1,000 คัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ทางคุณพ่อ​สมชาย​ อริยะ ซึ่งมีธุระกิจกว้างขวางอยู่ในเขตพื้นที่บางพลี และได้นำปัจจัยมาถวาย พร้อมทั้งได้บอกอีกว่า “ถ้าไม่ช่วยพี่น้องประชาชนในตอนนี้แล้วจะช่วยในตอนไหน”

ทางคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมด้วย นายพิเชษฐ  พัวพันกิจเจริญ ผอ.โรงพยาบาลบางพลี จะได้นำข้าวสารที่ได้รับมอบจากทางคุณพ่อสมชาย นำไปแจกจ่ายตามวัตถุประสงค์ของท่านต่อไป นั้นก็คือนำไปแจกให้กับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เนื่องจากว่าทางคุณพ่อสมชายนั้น  ได้เห็นคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางนำข้าวสารและเงินมอบให้กับคนขับรถแท็กซี่ไปแล้วก่อนหน้านี้ตามที่เป็นข่าวออกไป

เมื่อเห็นอย่างนั้น จึงติดต่อมาทันทีว่าผมจะเอาข้าวสารมาถวายอีกเพื่อจะได้แจกให้กับวินมอเตอร์ไซค์บ้าง ซึ่งวินมอเตอร์ไซค์ก็ยากจน และได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน ฉะนั้น ในวันนี้ทางครอบครัวเลิศอริยานันท์ จึงได้นำข้าวสารจำนวน 2,000 ถุง มาถวายให้กับทางวัดเป็นที่เรียบร้อย เดี๋ยวเราก็จะได้ดำเนินการแจกก่อนภายในสิ้นเดือนนี้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

รบ.สหรัฐฯ ส่อแววเมิน ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน พร้อมยินดีรับรองตอลิบาน หากเคารพสิทธิเด็ก-สตรี

เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ส.ค. 64 สหรัฐฯ ระบุว่า จะรับรองรัฐบาลตอลิบานในอัฟกานิสถาน ก็ต่อเมื่อพวกเขาเคารพสิทธิสตรีและตีตัวออกห่างจากขบวนการเคลื่อนไหวหัวรุนแรงต่าง ๆ อย่างเช่นอัลกออิดะห์ ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธยืนยันว่ายังให้การรับรอง อัชราฟ กานี ในฐานะประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานอยู่หรือไม่

"ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อพูดถึงท่าทีของเราต่อรัฐบาลใด ๆ ของอัฟกานิสถานในอนาคต มันจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของรัฐบาลนั้น ๆ มันจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของตอลิบาน" เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการรับรอง

"รัฐบาลอัฟกานิสถานในอนาคตที่ยึดมั่นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนของพวกเขา ไม่ให้แหล่งพักพิงแก่พวกก่อการร้ายและปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนของพวกเขา ในนั้นรวมถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้หญิงและเด็ก ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากร รัฐบาลนั้น ๆ จะเป็นรัฐบาลที่เราสามารถทำงานร่วมกันได้" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

ไพรซ์ บอกด้วยว่า ซัลเมย์ คาลิลซัด ผู้แทนเจรจาของสหรัฐฯ ด้านอัฟกานิสถาน ยังคงอยู่ในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ดินแดนที่ตอลิบานมีสำนักงานทางการเมืองและการทูต พร้อมระบุเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อยู่ระหว่างเจรจากับตัวแทนของตอลิบานในประเทศแห่งนี้

ตอลิบาน บุกจู่โจมและเข้ายึดกรุงคาบูลได้อย่างรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ ในวันอาทิตย์ที่15 ส.ค. 64 สามารถโค่นล้มรัฐบาลอัฟกานิสถาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางทหารจากสหรัฐฯ มานานกว่า 2 ทศวรรษได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ทั้งนี้ ตอลิบานเคยกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดสำหรับสตรีระหว่างที่พวกเขาขึ้นปกครองประเทศช่วงปี 1996-2001 ในนั้นรวมถึงห้ามมอบการศึกษาแก่เด็กผู้หญิง ก่อนที่สหรัฐฯ จะยกทัพโค่นล้มรัฐบาลตอลิบาน ตามหลังโศกนาฏกรรมโจมตีนิวยอร์กและวอชิงตัน 11 กันยายน 2001

ระหว่างแถลงข่าวในวันจันทร์ (16 ส.ค.) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธยืนยันว่าสหรัฐฯ ยังคงให้การรับรอง อัชราฟ กานี ในฐานะประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานหรือไม่ ขณะที่เขาหลบหนีออกนอกประเทศในวันอาทิตย์ (15 ส.ค.) หลังจากพวกนักรบตอลิบานสามารถโค่นล้มรัฐบาลของเขาได้ภายในไม่กี่สัปดาห์

"นี่เป็นบางอย่างที่เรากำลังทำงานร่วมกับประชาคมนานาชาติ" ไพรซ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อถูกถามว่าวอชิงตันจะให้การรับรองใครในฐานะผู้นำอัฟกานิสถาน

นอกจากนี้แล้ว ไพรซ์ ยังปฏิเสธตอบคำถามที่ว่า แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งพูดคุยทางโทรศัพท์กับ กานี ในวันเสาร์ (14 ส.ค.) ทราบหรือไม่ว่าในตอนนั้นประธานาธิบดีอัฟกานิสถานอยู่ที่ไหน หรือได้รับการบอกกล่าวจากกานีหรือไม่ ว่าเขากำลังหลบหนีออกนอกประเทศ

"สถานการณ์ทางการเมืองกำลังมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว เราจะปล่อยให้ประธานาธิบดีกานีเป็นคนเล่าเองว่าเขาบอกอะไรกับท่านรัฐมนตรี ยังไม่มีการถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นทางการ" ไพรซ์ ระบุ

สำนักข่าวอัลจาซีเราะห์รายงานว่า กานี บินหลบหนีไปยังอุซเบกินสถาน อย่างไรก็ตามทางรอยเตอร์ยังไม่ยืนยันข่าวนี้


(ที่มา : รอยเตอร์)

https://mgronline.com/around/detail/9640000080738


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“พระครูแจ้” หนุนเกษตรกรพิจิตร เหมาแตงโม 8,000 โล แจกประชาชนที่มาฉีดวัคซีน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่  อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้มีรถกระบะบรรจุผลไม้มาเต็มคันรถ  และจากการสอบถามทราบว่ารถคันดังกล่าว  ได้มีการลำเรียงผลไม้มาเป็นจำนวนมากเดินทางมาจากทางจังหวัดพิจิตร  โดยการสนับสนุนจากท่าน​  พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  ที่มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรชาวสวนจังหวัดพิจิตร จึงได้ให้การสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรชาวสวน โดยการสั่งผลไม้ประเภท แตงโม  ของพี่น้องชาวสวนจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและให้กำลังใจเกษตรกรชาวสวนเพื่อช่วยกันฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19

โดย  ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  กล่าวว่า  ผลไม้ทั้งหมดได้สั่งตรงมาจากสวนผลไม้ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและอุ้มพี่น้องเกษตรกรชาวสวนเพื่อฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19

อีกทั้ง  ในวันนี้ศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง  ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรกให้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12-18 ปี 7 กลุ่มโรคเสี่ยง  ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100  กิโลกรัม และผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน 80 กิโลกรัม  โดยตั้งแต่ในช่วงเช้าภายในศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง  ได้มีผู้ปกครองนำบุตรหลานเดินทางมารอรับการฉีดวัคซีนกันอย่างต่อเนื่อง  ตามที่โรงพยาบาลได้มีการแจ้งผ่านทาง SMS  และได้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้  โดยมีการจัดระเบียบและเว้นระยะห่างแบบ New normal

โดย  ทุกคนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนยังศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลางจะได้รับมอบแตงโมจากท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ  เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  มอบแตงโมให้คนละ 2 ลูก นำกลับไปทานที่บ้านโดยสั่งตรงมาจากเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร  จำนวน 8,000 กิโลกรัม  

อย่างไรก็ตาม  ผลไม้ทั้งหมดที่ช่วยเกษตรกรอุดหนุนมานั้น จะนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ โรงพยาบาลสนาม รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชนในชุมชน อีกทั้ง ยังเป็นการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนและจะนำผลผลิตทั้งหมดแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนในวันนี้แต่จะทำการแจกทุกๆวัน  จนกว่าผลไม้ที่สั่งมานั้นจะหมดเพื่อแทนความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อย รวมถึงประชาชนที่เดือดร้อน  ประชาชนที่ขาดรายได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 

‘คณะนักศึกษาปริญญาเอก รุ่นที่ 21,23’ วิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ ‘มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา’ ร่วมกันบริจาคเงิน อุปกรณ์ สิ่งของและอาหาร ให้กับผู้พิการและด้อยโอกาส

เมื่อวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 ณ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ อาคาร 60 ปี ถ.ราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ "นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ" อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้เกียรติรับมอบเงิน / อาหาร / สิ่งของ / อุปกรณ์ต่าง ๆ จาก "คณะนักศึกษาปริญญาเอก รุ่นที่ 21,23" วิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ "มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา" รวมพลังสายบุญ พลังจิตศรัทธา ของการทำคุณงามความดี ตอบแทนแผ่นดิน เพื่อช่วยเหลือคนพิการ / คนยากไร้ /  คนด้อยโอกาส 

โดยกิจกรรมในวันนี้เล็งเห็นความสำคัญของการร่วมมือร่วมใจกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน และจิตอาสาทุกท่านเพื่อแก้ไขวิกฤติเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่หลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วยกันอย่างเต็มที่ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนคนไทย ที่จะคอยเป็นขวัญและกำลังใจ ในการปฏิบัติภารกิจ หน้าที่ของบุคลากรทุกท่าน เพื่อให้การช่วยเหลือมนุษยชาติ และประชาชนคนไทยอยู่รอดปลอดภัย และผ่านพ้นวิกฤตการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้ด้วยดี พร้อมกัน

ในการนี้ "นายชัยพร ภูผารัตน์" ผอ.สำนักงานสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ได้เป็นเกียรติเข้าร่วมกิจกรรมที่ดีงาม นี้ด้วย

17 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันสถาปนาศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย 

ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2508 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางการรับแสดงความจำนงบริจาคดวงตา จัดเก็บดวงตาผู้บริจาคเมื่อเสียชีวิต และจัดสรรดวงตาบริจาคให้จักษุแพทย์นำไปปลูกถ่ายกระจกตาให้แก่ผู้ป่วยกระจกตาพิการ โดยวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2512  ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ได้รับดวงตาบริจาคจากผู้ถึงแก่กรรมเป็นคู่แรก นำไปปลูกถ่ายกระจกตาให้แก่ผู้ป่วยกระตาพิการ 2 ราย  ดังนั้น เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณความดีของผู้บริจาคดวงตา คณะกรรมการจัดหาและบริการดวงตาแห่งสภากาชาดไทย จึงมีมติให้วันที่ 17 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยได้ดำเนินงานมาครบ 56 ปี ในปี พ.ศ. 2564 นี้

​ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ในปัจจุบัน ทำให้ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและหน่วยงานเครือข่าย ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลทำให้สามารถจัดหาดวงตาบริจาคได้น้อยลง ตลอดจนปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยได้มีการกำหนดมาตรการคัดกรอง

ผู้บริจาคที่เสียชีวิตก่อนดำเนินการจัดเก็บดวงตาอย่างเข้มข้น ​เพื่อความปลอดภัยของผู้รับดวงตาบริจาคและเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจว่าดวงตาบริจาคที่ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยได้รับนั้นมีความปลอดภัย ก่อนส่งมอบดวงตาบริจาคให้จักษุแพทย์นำไปปลูกถ่ายกระจกตาให้แก่ผู้ป่วยกระจกตาพิการ อย่างไรก็ตาม ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและหน่วยงานเครือข่าย ยังมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการให้ได้รับการรักษาอย่างดีที่สุดในท่ามกลางวิกฤติครั้งนี้

​ในปี 2564 ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและหน่วยงานเครือข่าย ยังร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการให้ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา ตลอดจนการพัฒนาองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์และความร่วมมือด้านการแพทย์ เพื่อให้บุคลากรหน่วยงานเครือข่ายสามารถปฏิบัติงานด้านการจัดหาและบริการดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้ ข้อมูลศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย (ตั้งแต่ 2508 - สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564) มีผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา 
จำนวน 15,506 ราย และมีผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตา (ตั้งแต่ 2508 - สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564) จำนวน1,452,327 ราย

​สำหรับการบริจาคดวงตาในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ที่ต้องการแสดงความจำนงบริจาคดวงตาให้แก่ ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย สามารถใช้ช่องทางการแสดงความจำนงบริจาคได้ดังต่อไปนี้ บริจาคดวงตาผ่านเว็บไซต์ www.eyebankthai.com แจ้งความจำนงผ่านโทรศัพท์ หมายเลข 0 2256 4039-40 (ในวันและเวลาราชการเท่านั้น) หรือสอบถามข้อมูลได้ที่เหล่ากาชาดจังหวัด โรงพยาบาลเครือข่ายศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย และที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ

​เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 30) ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จำเป็นต้อง เลื่อนการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลให้แก่ผู้อุทิศดวงตาให้แก่สภากาชาดไทยที่ล่วงลับไปแล้ว เนื่องในวันศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ประจำปี 2564 ออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

‘บิ๊กตู่’ ตั้ง ‘เสรี วงษ์มณฑา - เกษมสันต์ วีรกุล’ เป็นบรรณาธิการบริหาร ศูนย์บริหารสื่อสารในภาวะวิกฤต วางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. ช่วยตอบโต้เฟกนิวส์อย่างทันท่วงที

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลและศบค. กำลังเร่งควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ไทยที่ยังถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤตมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนให้ได้โดยเร็ว โดยได้เร่งแก้ไขปัญหาและอุปสรรค ทั้งในการเร่งรัดการจัดหาวัคซีน ปูพรมฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด การค้นหาผู้เสี่ยงติดเชื้อเชิงรุกและนำผู้ป่วยทุกคนเข้าระบบการรักษาให้เร็วที่สุด รวมถึงให้ผู้ป่วยติดเชื้อเข้าถึงยาให้ไวที่สุด การสร้างสถานที่กักตัวให้เพียงพอทั้งในประเภท Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) ให้เพียงพอทุกพื้นที่ รวมทั้งดูแลแรงงานและโรงงานในรูปแบบ Bubble and Seal ใช้ระบบการแพทย์ทางไกล (Tele-Medicine) ในระบบ HI และ CI จัดระบบการส่งยา รวมทั้งติดตามการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร และสูตรยาอื่น ทั้งของยาจากต่างประเทศ เช่น Remdesivir หรือ Oseltamivir หรือ Hydroxychloroquine เพื่อให้ผู้ป่วยสีเหลืองและสีเขียวเข้าถึงยาได้กว้างขวางที่สุด รวมทั้งให้มีการจัดซื้อชุดตรวจ ATK อย่างโปร่งใส ชัดเจน ขณะเดียวกันต้องมีการจัดการขยะติดเชื้อแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นทาง คือ การทิ้งขยะติดเชื้อที่ถูกต้อง การจัดเก็บ และปลายทาง คือ กระบวนการทำลายขยะติดเชื้อ

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบบริหารการสื่อสารในภาวะวิกฤต ด้วยการตั้งศูนย์บริหารสื่อสารในภาวะวิกฤต โดยมีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นเลขานุการ มีนายเสรี วงษ์มณฑา และนายเกษมสันต์ วีรกุล เป็นบรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. โดยขอให้ทุกฝ่ายเร่งสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชน ทั้งในรูปแบบคู่มือประชาชน คู่มือชุมชน ช่องทางติดต่อทั้งโทรศัพท์ สายด่วน ไลน์ แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ของหน่วยงาน เพื่อให้ประชาชนทราบการปฏิบัติตัวตั้งแต่เริ่มติดเชื้อ สิ่งที่สังคมต้องการ คือข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง มีความเป็นเอกภาพ โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลทางวิชาการ ทั้งเรื่องวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ ยาสมุนไพร สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน ทุกหน่วยต้องแก้ข่าวบิดเบือน (Fake News) ให้ทันท่วงที  


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผบช.สตม. มอบอาหารกล่องพร้อมน้ำดื่ม 500 ชุด และอุปกรณ์ป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ชุมชน 4 ชุมชน ย่าน ถ.เจริญราษฎร์  ตามโครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน"

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19  ให้หน่วยงานในสังกัดช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และยึดมั่นในหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งประชาชน และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจสามารถพึ่งพาได้ 

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 ร่วมกับ สน.วัดพระยาไกร โดย พ.ต.อ.ธงชัย บัวรังษี ผกก.สน.วัดพระยาไกร มอบอาหารกล่อง,น้ำดื่ม,น้ำจิ้มสุกี้ จำนวน 500 ชุด 

และยังมีภาคเอกชนมาร่วมบริจาคสิ่งของในครั้งนี้ ประกอบด้วยคุณ คุณโกมล ลาภพรหมรัตนะ ประธาน กต.ตร.สน.วัดพระยาไกร  บริจาคหน้ากากอนามัยจำนวน 5,000 ชิ้น คุณวัฒนา ดำรงทรัพย์ไพศาล ประธานกรรมการ บริษัท อาซากิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริจาคหน้ากากเฟสชิลด์ จำนวน 500 ชุด 

โดยทั้งหมดได้ร่วมกันมอบสิ่งของดังกล่าวให้แก่ทั้ง 4 ชุมชน (ชุมชนเมืองอยู่ดี, ชุมชนกิ่งจันทร์, ชุมชนปู่เหลี่ยม, ชุมชนหมู่บ้านเจริญสุขใจ) ที่ตั้งอยู่บริเวณ ถ.เจริญราษฎร์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ โดยมีตัวแทนชุมชนมาเป็นผู้รับมอบ ซึ่งจะนำไปแจกจ่ายให้แก่สมาชิกในชุมชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ กล่าวว่า โครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน" ครั้งนี้ เป็นการสนองนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งในครั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 และ สน.วัดพระยาไกร ร่วมกันให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้กำลังใจเพื่อให้สามารถก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

"เฮียเอี๋ยว" ประธาน กต.ตร. มอบเงิน 300,000 บาท สนับสนุนโครงการ SMART SAFETY ZONE 4.0 สภ.เมืองสมุทรปราการ

ที่บริเวณด้านหน้าอาคารสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ คณะกรรมการ กต.ตร.สภ.เมืองฯ สมุทรปราการ นำโดย ‘นายสุดใจ จิรยาภากร’ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โคมอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด และประธาน กต.ตร.สภ.เมืองสมุทรปราการ  พร้อมด้วย ‘พลเอกบุญเกิด วาดวารี’ ประธานชมรมชาวสมุทรปราการ ตลอดจน ‘นายเชาวลิต สามห้วย’  เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ‘นายสุรศักดิ์ บูรณะบุญวงศ์’ และคณะ กต.ตร.สภ.เมืองสมุทรปราการ 

ร่วมกันมอบอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อร่วมสนับสนุนภาระกิจตำรวจของทางสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ในโครงการ SMART SAFETY ZONE 4.0 สภ.เมืองสมุทรปราการ โดยทางบริษัท สแตนดาร์ด แมนูเฟคเจอริ่ง จำกัด ได้ร่วมกับ บริษัท โคมอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยการประสานความร่วมมือระหว่าง นายจิรโรจน์ สัญฉนะวณิชน์ และนายสุดใจ จิรยาภากร ร่วมกันบริจาคแอลกอฮอล์ทำความสะอาดและมอบผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค โดยจะมอบให้กับทางสถานีตำรวจภูธร ต่าง ๆ ในสังกัดของสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ

โดยมี พล.ต.ต. ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปกปภพ บดีพิทักษ์ พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์  ภัทรศรีวงศ์ชัย พ.ต.อ.ภูมินทร์  สิงหสุต พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล พ.ต.อ.อนันต์  ชัยชาญ รอง.ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ตลอดจนข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ร่วมให้การต้อนรับ

นอกจากนี้ นายสุดใจ จิรยาภากร ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองสมุทรปราการ ยังได้มอบเงินเพื่อร่วมสนับสนุนภาระกิจตำรวจ  เป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท โดยมี พ.ต.ท.สุวิชา ชั้นงาม รอง.ผกก.จร.สภ.เมืองสมุทรปราการ เป็นตัวแทน พล.ต.ต. ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เพื่อส่งเสริมการปฎิบัติหน้าที่และการดำเนินงานของศูนย์วัตกรรมใหม่ของความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะสุดล้ำ และการร่วมมือจากภาคประชาชน เชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัย ในชุมชน

โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนารูปแบบวิธีการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก เพื่อยกระดับการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่สาธารณะ ตามแนวคิดเรื่องเมืองอัจฉริยะ และเป็นการยกระดับระบบราชการเป็น 4.0 เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล พร้อมทั้ง บูรณาการร่วมกันระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และสํานักงานตำรวจแห่งชาติในด้านการป้องกัน อาชญากรรม ให้ครอบคลุมทุกชุมชน


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top