Saturday, 5 July 2025
NEWS FEED

ตำรวจนครบาล จับแล้วมือยิงเด็ก 15 ใกล้ สน.ดินแดง เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับเป็นบุคคลในภาพวงจรปิด เผย มูลเหตุไม่พอใจม็อบวุ่นวาย ไม่พบเชื่อมโยงตร.

30 ก.ย. 64 - พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผย รายละเอียดการจับกุมนายชุติพงษ์ หรือ แบ้งค์ ทิศกระโทก อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานพยายามฆ่าผู้อื่น และ ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน จากการถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเยาวชนชายอายุ 15 ปี ระหว่างการชุมนุมบริเวณหน้า สน.ดินแดง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังอยู่ในอาการโคม่าขณะนี้ ว่า หลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีไปหลบซ่อนตัวที่จังหวัดกาญจนบุรี จนวันนี้ ตำรวจสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ติดตามจับกุมตัวมาส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมาย 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ 50 เขตกรุงเทพฯ แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่า 15 ล้านบาท เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2564

ระหว่างวันที่ 4 กันยายน – 2 ตุลาคม 2564  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยนายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ  จัดคาราวานเครื่องอุปโภคบริโภค นำทีมโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยนายพินัย ศรีพนาสณฑ์ ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2564  ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา น้ำพริก เจลแอลกอฮอล์ บรรจุถุงผ้าดิบ พร้อมเงินสดที่ในปีนี้กลุ่มบริษัท นันยางเท็กซ์ไทล์ จำกัด ได้ร่วมบริจาคทำบุญ นำออกแจกจ่ายให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร  (รวม 50 เขต) เขตละ 500 ชุด รวมจำนวน 25,000 ชุด รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 15 ล้านบาท  

โดยมีอาสาสมัครกิตติมศักดิ์  และอาสาสมัครศิลปิน นำโดย นางศิริพร โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์  นายกวินรัฏฐ์ ยศอมรสุนทร (หยวน-กวินรัฏฐ์) นางสาวธวนัฏฐิตา ฐานวิเศษ (เมย์-ธวนัฏฐิตา) นางสาวพรชดา วราพชระ (มะเหมี่ยว-พรชดา) และนายวาทิต โสภา(วินน์-วาทิต) อาสาสมัครกู้ภัยเขตต่างๆ ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคพร้อมให้กำลังใจแก่ประชาชน พร้อมด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นผู้จัดเตรียมพื้นที่แต่ละเขต และร่วมแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในพื้นที่



และในวันนี้ (วันที่ 30 กันยายน 64) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายพินัย ศรีพนาสณฑ์ ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์  พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่เขตบางพลัด และเขตบางรัก รวม 2 เขต รวมจำนวนถุงยังชีพ 1,000 ชุด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 600,000 บาท (หกแสนบาทถ้วน) 



สำหรับการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2564 นี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจึงได้ประสานงานกับสำนักงานเขตทุกเขต ในการกำหนดวัน จัดเตรียมสถานที่และชุมชนในพื้นที่ เพื่อจัดระเบียบ ตั้งจุดคัดกรองประชาชนในแต่ละจุดตามหลักการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่และกำลังอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทยอยลงพื้นที่เพื่อแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร (รวม 50 เขต) เขตละ 500 ชุด รวมจำนวน 25,000 ชุด รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 15 ล้านบาท  

สธ. ไฟเขียวขาย ATK ผ่านร้านค้า - ออนไลน์แล้ว ย้ำ! ต้องมีฉลากภาษาไทย และได้รับอนุญาตอย.

30 ก.ย. 64 - นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลมีนโยบายผ่อนคลายสถานประกอบการต่างๆ แต่ยังคงยกระดับมาตรการความปลอดภัย (COVID Free Setting) ซึ่งประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้ชุดตรวจ ATK ในการคัดกรองการติดเชื้อโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาช่องทางการจำหน่ายชุดตรวจเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจ ATK ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว จึงได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ อนุญาตให้ชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง หรือ ATK Self Test สามารถจำหน่ายได้ทั่วไปตามร้านค้าและช่องทางออนไลน์ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2564 

รมว.พม. รับข้อเสนอการพัฒนาเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชนจากเครือข่ายภาคประชาชน ย้ำยังได้รับสิทธิเหมือนเดิม

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) รับหนังสือข้อเสนอเรื่องการพัฒนาเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชน จากตัวแทนเครือข่ายสลัม 4 ภาค และเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ โดยมีผู้ร่วมชุมนุมเรียกร้อง จำนวน 300 คน ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กทม.

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้เครือข่ายภาคประชาชนที่ติดตามนโยบายสวัสดิการสังคมของภาครัฐ ได้มายื่น 5 ข้อเสนอ ได้แก่ 1.ให้รัฐบาลยกระดับและพัฒนานโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชน เพื่อเป็นหลักประกันรายได้พื้นฐานและเป็นสิทธิสวัสดิการถ้วนหน้าขั้นพื้นฐานของประชาชน อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยใช้อัตราไม่ต่ำกว่าเส้นความยากจน ผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงน้อยจากการตกหล่นจากระบบคัดกรองความยากจน  2.การกำหนดอัตราเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับเกณฑ์รายได้ที่เพียงพอแก่การยังชีพ ซึ่งต่ำกว่าเส้นความยากจน 3 - 5 เท่า จากข้อมูลเฉลี่ยทั่วประเทศ 2,763 บาทต่อคนต่อเดือน ปี 2,562 และอัตราเบี้ยยังชีพ ทั้งนี้ ผู้สูงอายุไม่มีการปรับขึ้นมานับตั้งแต่ ปี 2554  3.ให้คณะกรรมการผู้สูงอายุนำ ร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ พ.ศ.... ฉบับประชาชน และ ผู้สูงอายุ และบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ ฉบับที่... พ.ศ... ของคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม มาพิจารณา เพื่อให้เกิดการพัฒนานโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นกฎหมายบำนาญประชาชน 4.ให้คณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ (ใหม่) ยกเลิกแนวทางการกำหนดการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะให้จัดสรรเบี้ยยังชีพเฉพาะกลุ่มคนยากจน หรือพิจารณาจากเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ โดยผู้ที่ได้รับต้องแสดงตัวตนและรายได้ และประกาศรายชื่อให้สาธารณชนรับรู้  และ 5.ให้เปิดเผยการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ  และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง ให้สาธารณชนได้รับทราบ

นายจุติ กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นของประชาชนทุกท่าน ซึ่งเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ตนได้ลงมารับหนังสือกับตัวแทนเครือข่ายสลัม 4 ภาค และได้เสนอไปว่าให้นำผลดี ผลเสีย ผลกระทบของแต่ละข้อมาเสนอในวันนี้ โดยตนจะนำไปอ่านและส่งให้กับคณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่กำลังศึกษาเรื่องนี้ ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ต้องนำไปเสนอยต่อคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จากนั้น จะเสนอความเห็นไปยังคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป  หากจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกฎหมายจะต้องเสนอกลับเข้าไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระบวนการนี้ไม่สามารถตัดสินใจเพียงผู้เดียวได้ สำหรับวันนี้ทุกคนได้มายื่นหนังสือแล้ว หากตนมีข้อสงสัยหรือหารือเพิ่มเติม จะขอเรียนเชิญท่านมาพูดคุยกัน

“จุรินทร์" ออนทัวร์ 4 จว.ภาคเหนือตอนล่าง สั่งพาณิชย์จว.-ขอร่วมมือผู้ประกอบการกระจายสินค้าอุปโภค-บริโภค วัสดุซ่อมแซมบ้าน รับมือหลังน้ำลด พร้อมมอบถุงน้ำใจ ปชป.ให้ชาวบ้านพร้อมสร้างความมั่นใจแม้พืชผลการเกษตรถูกน้ำท่วมยังได้รับเงินประกันชด-ชยค่าเสียหาย

ที่จ.นครสวรรค์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช พร้อมคณะลงพื้นที่ จังหวัดนครสวรรค์  เพื่อมอบถุงน้ำใจบรรเทาทุกข์ ให้แก่กลุ่มซาเล้ง และประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในชุมชนต่างๆ ณ ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์ – ศาลเจ้าแม่ทับทิม อําเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ 

โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ออนทัวร์ภาคเหนือตอนล่าง 4 จังหวัด คือ จังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร สุโขทัย และเพชรบูรณ์       ภารกิจสำคัญที่ตั้งใจมาเยี่ยมพี่น้องชาวนครสวรรค์วันนี้จะมาติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่พี่น้องกำลังได้รับความเดือดร้อนและประสบปัญหาในขณะนี้ และในฐานะรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ถือโอากสมาดูแลปริมาณและราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดติดตามอย่างใกล้ชิด อย่าให้มีการค้ากำไรเกินควร ไม่เช่นนั้นต้องถูกเนินคดีโดยเด็ดขาด โดยโทษสูงสุด จำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือ ทั้งจำ ทั้งปรับ พร้อมประสานภาคเอกชนให้เร่งเติมสินค้า ที่ศูนย์กระจายสินค้าแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะ อุปกรณ์ ทำความสะอาด และสินค้า ซ่อมแซมบ้าน สินค้าอุปโภค บริโภคทุกชนิด ไม่ให้ขาด เพราะคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าน้ำจะลดในช่วงเวลาใด 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ในฐานะรองนายกฯได้สั่งการให้เกษตรจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหาย พืชผลทางการเกษตร หรือปศุสัตว์และอื่นๆในความรับผิดชอบให้สำรวจความเสียหายและรายงานให้ตนทราบ เพื่อมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดมาตรการชดเชยเยียวยาให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว รวมทั้งได้ให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)โดยพม.จังหวัดฯ ติดตามผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้รับผลกระทบจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ให้ติดตามโดยใกล้ชิดและเร่งรัดในการเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วนอย่าปล่อยปละเลย ติดขัดอะไรให้ประสานไปที่ส่วนกลาง

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นตนตั้งใจมาติดตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกรซึ่งเป็นนโยบายสำคัญ แม้ข้าว และมันสำปะหลังซึ่งปลูกกันมากใน 4 จังหวัด จะได้รับความเสียหาย จะยังได้รับเงินประกันรายได้เหมือนเดิม พร้อมกับเงินชดเชยจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งในส่วนของข้าวและมันสำปะหลังที่เสียหายกว่าล้านไร่ ได้รับผลกระทบในแง่คุณภาพ ในการควบคุมความชื้น ที่ต้องตากให้แห้งก่อนนำไปขาย ไม่เช่นนั้นจะราคาตก ส่วนในแง่ของปริมาณพืขผลทางการเกษตรจะส่งผลให้ราคาสูงขึ้นแน่นอน  จึงต้องดูกลไกตลาดด้วย
       

หนุ่มจีน เสียชีวิตจากภาวะก๊าซสะสม หลังยกซดโค้ก 1.5 ลิตร 10 นาทีหมดขวด

เชื่อกันว่าชายชาวจีนคนหนึ่งถึงตายจากภาวะก๊าซสะสม หลังยกซดเครื่อมดื่มโคคา-โคลา ขวดใหญ่ ภายในเวลา 10 นาที เหตุการณ์แปลกประหลาดที่รายละเอียดถูกเผยแพร่ในวารสาร คลินิกและวิจัยโรคระบบทางเดินอาหารและตับ

เหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นหลังจากคนไข้วัย 22 ปี ยกดื่มโค้กขนาด 1.5 ลิตรรวดเดียว เพื่อความสดชื่นท่ามกลางสภาพอากาศอันร้อนระอุ หนังสือพิมพ์เดลิเมล์รายงาน แต่ในอีก 6 ชั่วโมงต่อมา เขามีอาการท้องบวมและปวดท้องอย่างรุนแรง จนต้องรุดไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเฉาหยางในกรุงปักกิ่ง

ผลการตรวจวินิจฉัยโรคพบว่าคนไข้ ซึ่งเชื่อว่าไม่มีโรคประจำตัวใดๆ มีอัตราการเต้นของหัวใจสูงลิ่ว ความดันเลือดต่ำและหายใจถี่ ทั้งนี้แพทย์ยังได้ทำการ CT สแกน ซึ่งพบว่าเขามีความผิดปกติในผนังลำไส้และหลอดเลือดดำพอร์ทัลที่ป้อนเลือดไปยังตับ

รายงานข่าวระบุว่าความผิดปกติดังกล่าวทำให้ตับของเขาอยู่ในภาวะขาดเลือด (Hepatic ischemia) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ตับช็อก" ซึ่งเป็นสาเหตุจากการไม่มีออกซิเจนป้อนสู่อวัยวะดังกล่าว

ณ จุดนี้ เจ้าหน้าที่แพทย์พยายามปกป้องชีวิตของคนไข้รายนี้ด้วยการปล่อยก๊าซออกจากระบบย่อยอาหารของเขา นอกจากนี้แล้วยังทำการฉีดยาเพื่อช่วยปกป้องไตและอวัยวะอื่นๆ จากการได้รับความเสียหายเพิ่มเติม

'สโลวีเนีย' ระงับใช้วัคซีน 'จอห์นสัน&จอห์นสัน' หลังพบผู้เสียชีวิต จากเลือดออกในสมอง-ลิ่มเลือดอุดตัน

รัฐบาลสโลวีเนียสั่งให้ระงับการใช้งานวัคซีนป้องกันโควิด-19 ‘แจนเซน’ ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันชั่วคราวเมื่อวันพุธ ภายหลังมีหญิงวัย 20 ปีเสียชีวิต เพราะภาวะเลือดออกในสมองและลิ่มเลือดอุดตัน หลังจากฉีดวัคซีนนี้ได้ไม่กี่วัน

เอเอฟพีอ้างคำแถลงของยาเนซ โพคลูคาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสโลวีเนีย ที่กรุงลูบลิยานา เมื่อวันพุธที่ 29 กันยายน ว่า กระทรวงได้ขอให้สถาบันสาธารณสุขระงับการฉีดวัคซีนแจนเซนเป็นการชั่วคราว จนกว่ารายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้จะมีความชัดเจน

โบยานา บีโอวิช หัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษารัฐบาลแนะนำให้ระงับการใช้วัคซีนนี้ หลังจากรับรู้ว่าอาจมีความเชื่อมโยงไม่พึงประสงค์ระหว่างการเสียชีวิตกับการฉีดวัคซีน

รายงานของสื่อสโลวีเนียกล่าวว่า สตรีรายนี้เข้ารักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันจันทร์ด้วยอาการรุนแรง เธอเพิ่งฉีดวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันไม่กี่วันก่อนหน้านี้

ที่ปรึกษาฮุนเซน เข้าพบ "จุรินทร์" ขอให้ไทยเร่งเปิดด่านหนองเอี่ยน ส่วนไทยหวังประชุม JTC จะส่งเสริมการค้าระหว่าง ไทย-กัมพูชา ในต้นปีหน้า

รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ได้ทำหน้าที่ประสานและนำ Dr.Sok Sokrethya ที่ปรึกษาส่วนตัวของท่านนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซน ผู้แทนรัฐบาลกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เข้าพบท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องรับรอง ชั้น 9 กระทรวงพาณิชย์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลของสองประเทศให้มั่นคงยิ่งขึ้น

นอกจากนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักการเมืองรุ่นใหม่ของกัมพูชากับของประเทศไทย ตลอดจนเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแสวงหาความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ในช่วงที่ทั้งสองประเทศเกิดโควิดและหลังจากสถานการณ์โควิดผ่านไปแล้วด้วย

ภายหลังจากที่ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กล่าวต้อนรับท่านรัฐมนตรีจากกัมพูชาด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งแล้ว

ท่านที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโซ ฮุนเซน และรัฐมนตรีช่วยการท่องเที่ยวของกัมพูชาได้ขอหารือในประเด็นสำคัญ 3 ประเด็นคือ

ประเด็นที่1 ให้ฝั่งไทยช่วยเร่งรัดในการแก้ปัญหาการจราจรหน้าด่านที่ฝั่งไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้สินค้าจากไทยข้ามไปกัมพูชาได้โดยเร็วและสะดวกขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของระบบการจัดทำเอกสารที่กัมพูชาเห็นว่าอาจสามารถลดลงได้ เพื่อความสะดวกในการทำการค้าระหว่างสองประเทศ

ประเด็นที่2 กัมพูชาใคร่ขอให้ไทยเร่งรัดการเปิดด่านหนองเอี่ยน เพื่อถ่ายเทการจราจรระหว่างสองประเทศอีกช่องทางหนึ่ง เพื่อให้เกิดความสะดวกในการค้าระหว่างสองประเทศมากยิ่งขึ้น

ประเด็นที่3 กัมพูชาใคร่ขอให้ฝั่งไทยอำนวยความสะดวกในเรื่องของการนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างกันให้ได้รับความสะดวกมากขึ้นโดยเฉพาะข้อตกลงในเรื่องมาตรการด้านสุขอนามัยระหว่างกัน

ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เรียนให้ท่านที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซนและผู้แทนของรัฐบาลกัมพูชาว่า

ประเด็นที่1 การเปิดด่านหนองเอี่ยนมีความเห็นตรงกันระหว่างสองประเทศคือไทยกับกัมพูชา เพราะเมื่อครั้งที่ตนไปเยือนกัมพูชาก่อนเกิดโควิด ได้เจรจากับท่านรัฐมนตรีการค้าท่านปาน สรศักดิ์ ที่พนมเปญ และมีความเห็นตรงกันว่าจะใช้วิธีการเปิดด่านหนองเอี่ยน โดยไม่ต้องรอให้ด่านฝั่งไทยสร้างเสร็จแบบถาวร แต่จะใช้ตู้คอนเทนเนอร์ไปพลางก่อนเพื่อการค้าระหว่างกันจะได้เดินหน้าได้ ซึ่งจะมีการหารือเพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหา เช่น การติดขัดในบางส่วนให้เสร็จโดยเร็ว

ประเด็นที่2 ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยได้ขอให้ท่านที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซน และผู้แทนของรัฐบาลกัมพูชาได้ช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าไทยที่ไปโพสต์ขายอยู่ใน klangthai.com ของกัมพูชาประมาณ 220 กว่ารายการ ให้ชาวกัมพูชาได้รับทราบเพิ่มเติม

ประเด็นที่3  ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้แจ้งให้ท่านที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซน ตัวแทนของรัฐบาลกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการการท่องเที่ยวของกัมพูชาทราบว่าใน หลังจากเลขาธิการอาเซียนของประเทศบรูไนหมดวาระ ลงในปีหน้า จะเป็นประเทศกัมพูชาที่จะทำหน้าที่เลขาธิการอาเซียนต่อไปประเทศไทยยินดีที่จะสนับสนุนชื่อบุคคลที่ประเทศกัมพูชาได้เสนอขึ้นมา และสุดท้าย

ประเด็นที่4 ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เรียนว่าท่านประสงค์จะเห็นการประชุม JTC เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชามากขึ้นโดยในปี 2561 กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ปี 2562 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ แต่เกิดสถานการณ์โควิดขึ้น ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จึงได้เรียนให้ทราบว่า ถ้าเป็นไปได้อยากเห็นการประชุม JTC ระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกันในต้นปีหน้า

น้ำใจ "ชาวจีน" ร่วมช่วยชาวไทยผู้ประสบภัยโควิด-19 มอบสิ่งของให้ "มูลนิธิออทิสติกไทย" ส่งต่อช่วยคนพิการ

ณ มูลนิธิออทิสติกไทย  (Autistic Thai Foundation) เลขที่ 11 หมู่ 12 ซอยบางพรม 29 แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร "Mr.Sunny Zhang-Cheng" ผู้บริหาร บริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด โดยการสนับสนุนจากมูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม  ติณสูลานนท์ และภาคธุรกิจ สถานประกอบการ "ชาวจีน" ในประเทศไทย เดินทางมามอบสิ่งของ อาทิเช่น ข้าวสาร / บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป / นม / หน้ากากอนามัย ฯลฯ ให้กับ "มูลนิธิออทิสติกไทย" เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนคนไทย คนยากไร้ คนพิการ และขอเป็นขวัญกำลังใจให้คนไทยและเพื่อนมนุษย์ ที่กำลังเผชิญปัญหาโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้มีพลังกาย พลังใจ ในการต่อสู้ปัญหาต่าง ๆ อยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกัน "เราไม่ทิ้งกัน"

ในการนี้ "อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ " ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย และ ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหาร และภาคธุรกิจ สถานประกอบ "ชาวจีน" ที่ในวันนี้ให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนคนไทย คนยากไร้ และคนพิการ ที่กำลังเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตทั้งทางตรง และทางอ้อม

คนไทย ผนึกกำลัง นักธุรกิจสิงคโปร์ ห่วง “บุคลากรทางการแพทย์” มอบอาหารคุณภาพดีจากครัวปันอิ่ม-เครื่องผลิตออกซิเจน ให้โรงพยาบาลธัญบุรี ใช้ดูแลผู้ป่วยโควิด

(29 ก.ย.64)​  ที่โรงพยาบาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.นิรุธ ประสิทธิเมตต์ รอง ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี พร้อมกลุ่มคนรักรองรุธเพื่อสังคม นำโดย นายรัตนพัฒน์ ปีวิเศษกุลเดช ผชช.สว. เพื่อน 4ส11 สถาบันพระปกเกล้า นายรังสรรค์ กาญจนสมศักดิ์ ประธานกลุ่มบริษัท สินทรากรุ๊ป นายอรัล ลิม  (Mr.Alan Lim) ประธานหอการค้าสิงคโปร์ในประเทศไทย นำเครื่องผลิตออกซิเจนทางการแพทย์ความเข้มข้นสูง จำนวน 2 เครื่อง มอบให้ โรงพยาบาลธัญบุรี เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยของโรงพยาบาล ที่อยู่ระหว่างการเข้ารักษาโรคไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ตัวแทนนักศึกษา สถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่น 12 (สสสส.12) พร้อมกลุ่มพันธมิตรจิตอาสา มูลนิธิสหชาติ ส่งมอบอาหารปรุงสุขพร้อมทาน โครงการ ครัวปันอิ่ม เรียงร้อยใจ สู้ภัยโควิด-19 จากเครือซีพี มอบให้บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ และผู้ป่วยได้รับประทาน โดยมี นพ.มติ ดุรงค์ฤทธิ์ชัย แพทย์เชี่ยวชาญและเป็นประธานองค์กรแพทย์ โรงพยาบาลธัญบุรี เป็นผู้รับมอบและให้การต้อนรับ

นพ.มติ ดุรงค์ฤทธิ์ชัย เปิดเผยว่า ขอบคุณกลุ่มพันธมิตรจิตอาสา บริษัทซีพี และหอการค้าสิงคโปร์-ไทย ที่มาบริจาคเครื่องผลิตออกซิเจน 10 ลิตร เครื่องละ 2 หัวจ่าย ซึ่งมีประโยชน์มากในรายที่ผู้ป่วยต้องให้ออกซิเจน ทั้งผู้ป่วยโควิด และผู้ป่วยทั่วไป สามารถใช้ได้ทั้งในโรงพยาบาล และในบ้าน ซึ่งมีประโยชน์ ถือว่าเป็นการช่วยชีวิต หรือชลอการป่วยหนักของผู้ป่วยโควิด และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ 

นพ.มติ ดุรงค์ฤทธิ์ชัย เปิดเผยต่อว่า ส่วนอาหารกล่องของซีพี ซึ่งเป็นอาหารที่ดีมีคุณภาพ อันนี้ถือเป็นกำลังใจ ทางโรงพยาบาลสามารถแจกจ่ายให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยในหอผู้ป่วย และยังแบ่งปันให้ผู้ป่วย รวมทั้งประชาชนทั่วไป ได้บริโภคของดี มีคุณภาพ ถือเป็นน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของประชาชนชาวไทยที่เอื้อเฟื้อในสถานการณ์ที่ยากลำบากของประเทศ คนไทยไม่เคยลืมกัน ในนามโรงพยาบาลธัญบุรี และคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ ที่ได้รับการเกื้อหนุนนี้ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่มาให้กำลังใจถึงที่

ด้านนายอรัล ลิม กล่าวว่า เริ่มจากรัฐาลไทย ช่วยเหลือชาวต่างชาติที่มาอยู่เมืองไทย มาทำธุรกิจที่เมืองไทย ได้รับวัคซีนไปด้วย ไม่ได้ทิ้งเรา พวกนักธุรกิจจึงคิดกันว่าจะทำอะไรที่ช่วยสังคมกลับไปได้ ตอนนี้โควิดระบาด ส่งผลเกิดความลำบาก พวกเราจึงระดมทุน จากหอการค้ามาเลย์ หอการค้าเกาหลี หอการค้าไต้หวัน บางทีมาจากเพื่อน ที่มีบริษัท บริจาค ซึ่งข้าวไปแจก รวมทั้งเครื่องออกซิเจน ช่วยหายใจ มาบรรเทาภาระของโรงพยาบาล จริงๆเครื่องหายใจไม่เพียงพอ ถ้ามีเครื่องหายใจมากพอ จะทำให้ฟื้นฟูได้เร็วลดการรอห้อง รอเตียง ทางคณะของเราตั้งใจมอบเครื่องผลิตออกซิเจน 36 เครื่อง ได้แจกไปแล้ว 20 เครื่อง ยังเหลือ 16 เครื่อง ส่วนมากจะมอบให้โรงพยาบาล ที่เป็นโรงพยาบาลสนาม  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top