Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

ด่วน “บิ๊กตู่” สั่งตั้งคกก.ตรวจสอบส่งออกถุงมือยางใช้แล้ว 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการส่งออกถุงมือยางที่ใช้งานแล้วจากประเทศไทยไปต่างประเทศ ซึ่งมีปลัดหลายกระทรวง และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมกันตรวจสอบ ซึ่งจะนัดประชุมนัดแรกวันที่ 27 ต.ค.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเริ่มตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงกรณีนี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร รวมทั้งการดำเนินการในช่วงต่อไป เบื้องต้นนายกฯ ไม่ได้ระบุกรอบเวลา แต่จะต้องเร่งสรุปให้เร็วที่สุด  

ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้นับหนึ่ง จึงขอให้รอผลการหารือในวันที่ 27 ต.ค.ออกมาก่อน แต่ก็เข้าใจว่า กรณีนี้เป็นการกระทำผิดกฎหมายของผู้ที่เอาสิ่งที่ผิดกฎหมายออกไปนอกประเทศ คือถุงมือยางที่เป็นเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ใช้แล้วส่งออกไปนอกประเทศถือว่ามีความผิด อย่างไรก็ตามรายละเอียดทั้งหมดนั้นตอนนี้ยังไม่อยากพูดมากเพราะต้องให้ทางกรรมการที่มาจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลทั้งหมดก่อน  

แอดมินเพจ ‘พิสูจน์บั้งไฟพญานาค’ หอบเอกสารรายชื่อหมู่บ้าน ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ ร้องสถานทูตลาว พร้อมพิสูจน์ความจริง ‘บั้งไฟพญานาค’

คลิปที่ นายสมภพ ขำสวัสดิ์ เจ้าของเพจพิสูจน์บั้งไฟพญานาค พร้อมด้วยสมาชิกในกลุ่มบันทึกไว้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา  เป็นคลิปที่ถ่ายไว้ ที่ บ้านตาลชุม อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย คลิปดังกล่าว จะเห็นลูกไฟสีแดงอมชมพู พุ่งขึ้นฟ้า นายสมภพ แสดงความมั่นใจว่า ลูกไฟที่พุ่งขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นที่บริเวณแม่น้ำโขง แต่เกิดขึ้นที่ บ้านห้วยสายพาย เมืองท่าพระบาท แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว

นอกจากนี้ ยังมีอีกคลิปที่มีการทดลองยิงลูกไฟพญานาค จากฝีมือมนุษย์ ที่มีการทดสอบยิงขึ้นฟ้าหลายนัด

ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายสมภพ ขำสวัสดิ์ แอดมินเพจพิสูจน์บั้งไฟพญานาค นำหลักฐานเป็น รายชื่อหมู่บ้าน ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่บันทึกการเกิดบั้งไฟพญานาค มาเป็นหลักฐานยื่นให้สถานเอกอัครราชทูตลาว สืบหาความจริงกรณีการเกิดบั้งไฟพญานาคเป็นการยิงกระสุนแสงจากหมู่บ้านฝั่งลาว ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดให้กับคนไทยมานานหลายสิบปี

สายพันธุ์ ‘เดลตา พลัส’ บุกไทย พบแล้วผู้ป่วยรายแรก เผยแพร่ไวขึ้น 15%

จากกรณีที่ นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน เปิดเผยถึงการพบชายอายุ 49 ปี มีประวัติทำงานที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีการส่งตัวอย่างที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทางทหาร กองทัพบก (AFRIMS) พบติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ AY.4.2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของสายพันธุ์เดลตา ทว่า เป็นการตรวจพบตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 ปัจจุบันผู้ป่วยได้รักษาหายแล้ว มีการสุ่มตรวจรายอื่นๆ และยังไม่พบผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับผู้ป่วยรายดังกล่าว

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว “ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย” ระบุถึงการพบสายพันธุ์เดลตาพลัสในประเทศไทยว่า ไทยพบไวรัสเดลตาพลัส (Delta Plus) รายแรกที่อยุธยา แพร่ระบาดเร็วขึ้น 15% หลังจากที่มีข่าวการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลตาพลัสในอังกฤษ โดยพบจำนวนผู้ติดเชื้อ 6% จนทางการอังกฤษจัดให้เป็น VUI (Variant Under Investigation) เนื่องจากมีความสามารถในการระบาดเพิ่มขึ้น 15% แต่ยังไม่ได้ยกระดับขึ้นเป็นไวรัสที่น่าเป็นกังวล : VOC (Variant of Concern) เพราะยังขาดข้อมูลเรื่องความรุนแรงในการก่อโรค และการดื้อต่อวัคซีน

“ไวรัสเดลตาพลัสเป็นปัจจัยที่ทางอังกฤษให้ความสนใจ เพราะเกิดขึ้นในห้วงเวลาเดียวกับที่มีการระบาดระลอกใหม่ มีผู้ติดเชื้อหลายหมื่นคนต่อวัน แต่คงไม่ได้เกิดจากปัจจัยไวรัส Delta Plus เพียงลำพัง แต่น่าจะเกิดจากการผ่อนคลายมาตรการของทางการอังกฤษ ร่วมกับการที่ประชาชนอังกฤษหย่อนวินัยในการป้องกันโรคระบาด

“ทางกรมควบคุมโรคได้แถลงว่า พบไวรัส Delta Plus ที่อยุธยา จากการถอดรหัสจีโนม ซึ่งทำเป็นประจำอยู่แล้ว และเคยพบว่ามีสายพันธุ์ย่อยของไวรัสเดลตาในประเทศไทย 4 สายพันธุ์ ซึ่งไม่ได้มีลักษณะการแพร่ระบาด หรือความสามารถในการก่อโรครุนแรง แตกต่างกับไวรัสสายพันธุ์เดลตา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564

“บิ๊กตู่”เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 เร่งอาเซียนขับเคลื่อนข้อริเริ่มต่างๆ และการร่วมมือแก้ปัญหาโควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรม

ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 ผ่านระบบการประชุมทางไกล พร้อมผู้นำสมาชิกอาเซียน โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 นี้ ซึ่งที่ประชุมมีประเด็นหลักที่หยิบยกขึ้นหารือหลักได้แก่ การรับมือกับความท้าทายสำคัญ โควิด – 19 บรูไนในฐานะประธานได้กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดและผลกระทบของโควิด – 19 ซึ่งได้ติดตามความคืบหน้าและพัฒนาการที่สำคัญของประชาคมอาเซียนด้วย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงว่า การต่อสู้กับโควิด – 19 สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของภูมิภาคต่อภัยคุกคาม ดังนั้น นอกจากเราจะต้องร่วมมือกันแก้ไขเรื่องการแพร่ระบาดและผลกระทบของโควิด – 19 แล้ว ควรถอดบทเรียนจากโควิด – 19 มาใช้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประชาคมอาเซียนพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ในอนาคต ซึ่งก็แต่ง จึงขอเสนอประเด็นที่อาเซียนควรให้ความสำคัญ 3 ประการประการแรก ต้องดำเนินการตามข้อริเริ่มในกรอบอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพ และยินดีที่มีความคืบหน้ากรณีการเงินจากกองทุนอาเซียนจัดซื้อวัคซีนโควิด –19 และหวังว่าประเทศสมาชิกจะได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงโดยเร็ว

ทั้งนี้ ไทยได้แจ้งรายการสิ่งของที่บริจาคแก่คลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์อาเซียนแล้ว หวังว่าจะมีการนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ซึ่งอาเซียนควรเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่และเสริมสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุขในระยะยาว ส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีน ซึ่งไทยกำลังพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ และยินดีร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนในเรื่องนี้ต่อไป 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประการที่สอง ควรเริ่มเปิดภูมิภาคและส่งเสริมการเดินทางไปมาหาสู่กันอย่างปลอดภัย ใช้ประโยชน์จากกรอบการจัดทำระเบียงการเดินทางของอาเซียน และควรจัดทำแนวทางการรับรองวัคซีนระหว่างกัน เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ที่ผ่านมาประเทศไทยได้เปิดพื้นที่นำร่องต้อนรับนักท่องเที่ยวภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัสไปแล้ว และจะเริ่มเปิดประเทศอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป เราต้องหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนย้ายสินค้า เพื่อรักษาความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน และใช้ประโยชน์จากตลาดภายในอาเซียนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในการนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่าเพื่อส่งเสริมสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการค้าการลงทุน ความตกลง RCEP จะมีผลใช้บังคับตามเป้าหมาย และจะเดินหน้าการเจรจา FTA อาเซียน-แคนาดาได้โดยเร็ว ประการที่สาม โควิด–19 ตลอดจนภัยธรรมชาติอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุทกภัย ไฟป่า และหมอกควันข้ามพรมแดน สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนของแนวทางการพัฒนาในปัจจุบันที่เน้นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยละเลยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ อันเป็นที่มาของวิกฤตต่าง ๆ ที่รุนแรง ดังนั้น ถึงเวลาที่จะต้องปรับกระบวนทัศน์ในการใช้ชีวิตทุกด้าน    เพื่อสร้างความสมดุล ทำให้การฟื้นฟูและพัฒนาอาเซียนเป็นไปอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่ไทยดำเนินการอยู่ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วาระสีเขียวของอาเซียน ควรเป็นแนวทางของภูมิภาคในอนาคตเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนเป็นมิตรกับโลก โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียวเข้ามาช่วยสนับสนุน และต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงจากทุกภาคส่วน อาทิ

ทบ.เปิด “รพ.สนามศูนย์คัดกรอง ” ตรวจโควิดครบวงจร แห่งใหม่ที่แหล่งชุมนุมนายทหาร พร้อมปรับปรุงสโมสร ทบ. รับนโยบายเปิดประเทศ 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน รัฐบาลได้ปรับมาตรการและเตรียมการเปิดประเทศใน 1 พ.ย. นี้ ในส่วนกองทัพบกยังคงดำรงความต่อเนื่องในการสนับสนุนรัฐบาลเพื่อคลี่คลายสถานการณ์และได้ปรับการปฏิบัติให้สอดคล้องกับมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) 

ทั้งการสกัดกั้นตามแนวชายแดนทั่วประเทศโดยกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และควบคุมให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศทุกคนต้องผ่านการตรวจคัดกรองโควิด-19 ตามมาตรการของสาธารณสุข 

พ.ต.หญิง ปวีณา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กองทัพบกยังได้ใช้ศักยภาพของหน่วยสายแพทย์ในการสนับสนุนงานด้านสาธารณสุข ทั้งเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนตามการจัดสรรของรัฐบาล, โรงพยาบาลสังกัดกองทัพบกทั้ง 37 แห่งทั่วประเทศ ได้จัดทีมบุคลากรทางการแพทย์ รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่กักตัวที่บ้าน (Home Isolation) และอยู่ในระบบการกักตัวในชุมชน(Community Isolation) อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรองกองทัพบกใน 3 พื้นที่ ได้แก่ โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง (กรมการทหารช่าง), โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง (มณฑลทหารบกที่ 11) และ โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง (สโมสรทหารบก) ถ.วิภาวดี  ซึ่งเปิดดำเนินการ ตั้งแต่ 2 ส.ค. 64  ที่ให้บริการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชน รวม 42,793 ราย 

จนเมื่อสถานการณ์ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีขึ้น กองทัพบกจึงร่วมกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค กรุงเทพมหานคร ย้ายสถานที่มาจัดตั้ง “โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง (กรมแพทย์ทหารบก)” ณ แหล่งชุมนุมนายทหาร โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถ.ราชวิถี เขตราชเทวี กทม. เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งการตรวจคัดกรองโควิด-19, การเอกซเรย์ปอด, การรักษาโดยทีมแพทย์, รับยากลับบ้าน และการส่งต่อผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาตามระบบสาธารณสุขและสิทธิการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 64 ในวันและเวลาราชการ ให้บริการประชาชนทั่วไป วันละ 500 คน ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนนัดหมายล่วงหน้า 1 วัน ผ่านทางแอปพลิเคชั่น QueQ เพื่อรับรหัสการนัดหมาย จากนั้นสามารถเข้ารับบริการได้ โดยแสดงหลักฐานดังกล่าวพร้อมกับบัตรประจำตัวประชาชน

“บิ๊กบี้” ชูปลูกจิตสำนึกความรักชาติ พร้อมสนับสนุนนโยบายเปิดประเทศ พร้อมส่งกำลังพลช่วยปชช. รับมือพายุลูกใหม่

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมสถานการณ์ประจำวันผ่านระบบออนไลน์ของกองทัพบก  โดยได้กล่าวถึงการจัดงานน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 5 และ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พสกนิกรทุกภาคส่วนและหน่วยทหารของกองทัพบก ได้จัดกิจกรรมอย่างสมพระเกียรติในช่วงที่ผ่านมา

ซึ่งพระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ อันนำมาซึ่งความเจริญและความผาสุกของบ้านเมืองรวมทั้งประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นเรื่องที่กองทัพบกจะนำไปเผยแพร่ให้กำลังพลทุกระดับ ครอบครัวและทหารกองประจำการได้ศึกษา ได้รับทราบ เพื่อปลูกจิตสำนึกในความรักชาติ รักแผ่นดิน การทำความดี เป็นไปตามอุดมการณ์ของกองทัพบก เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน ซึ่งนอกจากจะใช้เรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยและความเป็นชาติ ในการปลูกจิตสำนึกกับกำลังพลแล้ว กองทัพบกมีแนวคิดที่จะนำความรู้ในข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นนักเรียนทหาร และข้าราชการของกองทัพบกในวาระต่าง ๆ ต่อไป  

สำหรับนโยบายของรัฐบาลในการกำหนดมาตรการเพื่อเปิดประเทศรับการท่องเที่ยวในเดือนพฤศจิกายนนี้ นั้น ผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้ทุกส่วนได้สนับสนุนตามแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยการประสานทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว โดยเฉพาะการสกัดกั้นลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ ย้ำให้กองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก ดำเนินการสกัดกั้นอย่างเข้มงวด ควบคู่กับการประสานกับส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน และติดตามการปฏิบัติทุกขั้นตอนนำไปสู่ต้นตอของขบวนการนำพา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยในขณะนี้ และที่อาจจะเกิดขึ้นในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมทั้งจากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ทุกเหล่าทัพสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการช่วยเหลือประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ เตรียมบูรณการร่วมฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว สิ่งสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนช่วงอุทกภัย คือ ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ระมัดระวังอุบัติเหตุในทุกเรื่อง 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับมอบเรือพาย จำนวน 40 ลำ จากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ในภารกิจช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันที่ 25 ต.ค. 64 
เวลา 14.00 น. ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับผู้แทนจากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)(CPN) นำโดย คุณวัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)(Deputy CEO), คุณเลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน (SEVP Property Management) และคุณรุจิเรศ  นีปัทมะ ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานรัฐกิจสัมพันธ์ (SVP สรรหาที่ดินและรัฐกิจสัมพันธ์) พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบและมอบเรือพาย จำนวน 40 ลำ ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อใช้ในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  

 

จับอีก 2 ล็อตใหญ่แรงงานพม่าหนีเข้าเมือง จ่ายค่าหัว 2 หมื่น แลกเข้าสมุทรสาคร

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ (กกล.สุรสีห์) เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ร้อย.ตชด.136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ไทรโยค รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.ไทรโยค ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่บริเวณบ้านพุน้อย หมู่ 7 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี 

ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่พบรถตู้หมายเลขทะเบียนนครปฐม วิ่งผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น ผลปรากฏพบแรงงานชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายนั่งมาเต็มคันรถ นับรวมกันได้ 14 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 4 คน ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวไทยที่เป็นผู้นำพาได้ 2 คน ประกอบด้วยนายหรรษา อายุ 27 ปี คนขับ และ นายสุพล อายุ 30 ปี ทั้ง 2 เป็นชาว ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค 

จากการสอบถามผู้ต้องหาที่เป็นแรงงานชาวเมียนมา ทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจากกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อข้ามมาถึงชายแดนฝั่งไทย ผู้ต้องหาคนไทยทั้ง 2 คน ได้ขับรถตู้มารับเพื่อมุ่งหน้าไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชั้นใน แต่เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าจะไปทำงานในพื้นที่ใด โดยได้จ่ายค่าหัวให้กับผู้นำพาไปแล้วคนละ 20,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวแรงงานชาวเมียนมา รวมทั้งผู้ต้องหาที่เป็นชาวไทย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมก่อนที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘รอมแพง’ เอาจริง! ไม่มียอมความ เดินหน้าฟ้องผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ ‘พรหมลิขิต’

‘รอมแพง’ แจ้งความดำเนินคดีคนละเมิดลิขสิทธิ์ ‘พรหมลิขิต’ แล้ว งานนี้แฟนคลับแห่ซัพพอร์ตพร้อมบอกว่าให้สู้ๆ และนิยายสนุกมากๆ อีกด้วย

ทำเอาแฟนคลับและคอละครเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’ ในภาค 1 โมโหตามเจ้าของบทประพันธ์ รอมแพง ทันทีหลังพบว่านิยายเรื่อง ‘พรหมลิขิต’ ซึ่งเป็นเสมือนภาค 2 ของบุพเพสันนิวาสที่กำลังดำเนินการถ่ายทำอยู่นั้นมีคนละเมิดลิขสิทธิ์ไป โดยรอมแพงได้ลงรูปเอกสารที่ยืนยันเรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญาของนิยายเรื่องนี้ว่าเป็นของเธอในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมเล่าผ่านแคปชั่นว่า...

“ผบ.ทร.” สั่งทุกพื้นที่บังคับใช้กม.อย่างจริงจัง สกัดลักลอบเข้าเมือง -สิ่งผิดกม. คาดโทษจนท.เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องฟันไม่เลี้ยง ทั้งวินัย-อาญา /พร้อมย้ำกำลังพล-ครอบครัว ในการใช้สื่อออนไลน์อย่างระมัดระวัง ในการแสดงความคิดเห็นที่บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร

ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) พล.ร.ท. ปกครอง  มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า กองทัพเรือ ได้จัดให้มีการประชุมหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ โดยมี พล.ร.อ.สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานการประชุม ร่วมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ โดยการประชุมในครั้งนี้ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 โดยได้มีการตรวจ ATK เพื่อทำการคัดกรองผู้เข้าประชุม ก่อนเข้าร่วมการประชุม


 
ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มีการสั่งการในที่ประชุม ให้กองกำลังป้องกันชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำที่กองทัพเรือมีหน้าที่รับผิดชอบ ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายโดยเฉพาะการนำแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง การค้ายาเสพติด สินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด

นอกจากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ผู้บังคับหน่วยเน้นย้ำกำลังพล และครอบครัวเกี่ยวกับการใช้สื่อออนไลน์ การสร้างการรับรู้กรณีเฟคนิวส์ ซี่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการใช้สื่อออนไลน์ในการแสดงความคิดเห็นที่บิดเบือนข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่องทำให้สร้างความแตกแยกและขาดความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่คนไทยเคารพเทิดทูน

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะ รอง ผอ.ศรชล.ได้สั่งการให้หน่วยต่างๆ บูรณาการการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวดและหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จะต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด ไม่มีการละเว้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top