Thursday, 15 May 2025
ECONBIZ NEWS

'เฉลิมชัย'ห่วงใยชาวประมง เร่งดีเดย์สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง 5 พันล้านเปิดยื่นกู้ 15 ธันวาคมนี้

'อลงกรณ์' มอบกรมประมงจับมือกรมเจ้าท่าเตรียมเปิดขึ้นทะเบียนเรือประมงเพื่อการท่องเที่ยวเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ให้ชาวประมง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยเปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมครั้งที่5/2565 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบตามโครงการ ดังนี้
1) คณะกรรมการฯ เห็นชอบให้สนับสนุนการดำเนินการจัดทำโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารสัตว์น้ำและการเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาสวยงามในการส่งออกต่างประเทศ (Aqua Feed & Ornamental Fish Industry : AFOF) และมอบหมายกรมประมง กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมพิจารณาหารือในการสนับสนุนงบประมาณหรือการลงทุนจากภาคเอกชนโครงการนี้ 
2) ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการใช้ประโยชน์เรือประมงเพื่อการท่องเที่ยว โดยมอบหมายกรมประมง กรมเจ้าท่าและหน่วยงานรัฐอื่นๆจัดประชุมหารือในความร่วมมือกับตัวแทนองค์กรประมงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางออกใบอนุญาตทะเบียนเรือประมงเพื่อการท่องเที่ยวสามารถประกอบการทั้งประเภทท่องเที่ยวจับสัตว์น้ำ และการท่องเที่ยวรูปแบบอื่นๆเช่นการดูปลาวาฬบรูดาและการดำน้ำเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวประมง

นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังรับทราบความก้าวหน้าในโครงการ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งรัดดำเนินการเพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวประมง ได้แก่ 
(1) ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง ระยะที่ 2 โดยมีวงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงดำเนินการ สำหรับวงเงินสินเชื่อแบ่งเป็น (1.1) ธนาคารออมสิน ให้สินเชื่อผู้ประกอบการประมงที่มีเรือประมงขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสขึ้นไป วงเงินสินเชื่อ 2,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนรายละไม่เกิน 10 ล้านบาท (1.2) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้สินเชื่อผู้ประกอบการประมงที่มีเรือประมงขนาดต่ำกว่า 60 ตันกรอส วงเงินสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท

ทั้งนี้คณะกรรมการอำนวยการด้านสินเชื่อ ระยะที่ 2 ซึ่งมี อธิบดีกรมประมง เป็นประธานจะมีการประชุม กำหนดหลักเกณฑ์การกู้ยืม ในวันที่ 6 ธันวาคม 2565จากนั้นหน่วยงานในพื้นที่จะทำการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรชาวประมงมายื่นความประสงค์ขอกู้ยืมภายตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมนี้ซึ่งเป็นข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย 
ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ห่วงใยพี่น้องชาวประมงจึงได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและมอบกรมประมงเร่งรัดดำเนินการโดยเร็วเพื่อเป็นสินเชื่อเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ

(2) ความก้าวหน้าการดำเนินงานคณะอนุกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติสภาการประมง พ.ศ. .... และ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนประมง พ.ศ. ....ซึ่งกรมประมงได้มีการปรับปรุง ร่าง ดังกล่าว และได้จัดทำหน้งสือเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป 
(3) รับทราบโครงการน้ำมันเพื่อการประมง เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงพาณิชย์และพื้นบ้านในการลดต้นทุนกการประกอบอาชีพประมง
(4)ความคืบหน้าโครงการนำเรืออกนอกระบบโดยวิธีบริหารจัดการแบบใหม่ให้แล้วเสร็จภายในปีหน้า
(5) ความร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล การส่วเสริมการปลูกป่าโกงกาง การเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเล การเพิ่มหญ้าทะเลที่เป็นอาหารสัตว์น้ำ

รมว.เฮ้ง เปิดบ้าน ต้อนรับกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เผย นโยบายช่วงโควิด ช่วยแรงงาน - ธุรกิจอยู่ได้ เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว

วันนี้ (28 พฤศจิกายน 2565) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีครั้งที่ 10/2565 โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และผู้เข้าร่วมประชุมให้การต้อนรับ ซึ่งการประชุมครั้งนี้กระทรวงแรงงานได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ ณ ห้องประชุมอำพล สิงหโกวินท์ ชั้น 6 อาคารอำนวยการ สำนักงานประกันสังคม จังหวัดนนทบุรี และการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล 

นายสุชาติ กล่าวว่า การประชุมกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีในครั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ซึ่งการประชุมดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีถือว่าเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการพิจารณาและประเมินผลการดำเนินการของผู้ช่วยรัฐมนตรี และเสนอแนะมาตรการอันเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี หรือของรัฐมนตรี ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้สถานประกอบการ และพี่น้องผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ตลอดระยะ 2 ปี ที่ผมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีนโยบายและมาตรการช่วยเหลือพี่น้องลูกจ้าง ผู้ประกอบการที่สำคัญ อาทิ ในปี 2564 ได้เปิดจุดตรวจโควิดแบบประจำจุดและตรวจเชิงรุกในโรงงาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกจ้างเพื่อให้ภาคเอกชนยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งผลตรวจโควิด 409,972 คน ในเดือนพฤษภาคม 2564 แรงงานไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จึงขอรับการสนับสนุนวัคซีนให้แก่ผู้ใช้แรงงานกว่า 11 ล้านคน ต่อรัฐบาล และได้ฉีดวัคซีนให้แรงงานแล้ว 3,962,206 โดส ในเดือนสิงหาคม 2564 โรงงานปิดตัวลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในโรงงาน กระทรวงแรงงานจัดโครงการแฟคทอรี่ แซนบ๊อก บนฐานแนวคิดเศรษฐกิจศาสตร์และสาธารณสุขมุ่งเป้าภาคการผลิตส่งออกสำคัญทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ อาหาร ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ใน 12 จังหวัด 730 โรงงาน มีแรงงานเข้าร่วม 407,770 คน ตรวจ RT-PCR พบผู้ติดเชื้อ 11,298 คน โดยทั้งหมดได้เข้าสู่กระบวนการรักษา และได้มีฉีดวัคซีนให้ทุกคน ผลสัมฤทธิ์จากโครงการทำให้โรงงานไม่มีการปิดตัวลง ภาคการผลิตส่งออกสูงสุดในรอบ 30 ปี 

'กรณ์' ชวนชาวไทยร่วมเชียร์ภูเก็ต 28 พ.ย.นี้ นั่งเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo2028

(28 พ.ย. 65) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์เชิญชวนคนไทยส่งใจเชียร์ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised #Expo2028 ว่า...

ช่วงนี้นอกจากจะเชียร์ฟุตบอลโลกแล้ว เราคนไทยยังมีแมตช์สำคัญให้ได้ลุ้นกันอีกด้วย

ช่วยกันส่งแรงใจเชียร์ให้จังหวัดภูเก็ต ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised #Expo2028 

ซึ่งต้องแข่งขันกับอีก 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา, สเปน, เซอเบียร์ และอาร์เจนตินา

หากประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน ระหว่างวันที่ 20 มี.ค. - 17 มิ.ย. 2571 

Runway 3 ยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดใช้งาน ปี 67 พร้อมเตรียมแผนพื้นที่รองรับอาคาร SAT 2 ในอนาคต

(26 พ.ย.65) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

พอดีผมไปเจอคลิปประชาสัมพันธ์โครงการ Runway 3 สุวรรณภูมิ ของทาง ทีมที่ปรึกษาโครงการ กลุ่มบริษัท AEC ซึ่งสรุปรายละเอียดโครงการไว้ได้ดีมาก

ดูได้จากลิ้งค์นี้ครับ
https://youtu.be/Kpk7H-aG8uM

โดยเมื่อ Runway 3 เสร็จ จะเพิ่มความสามารถในการรองรับเครื่องบิน จากเดิม จาก 68 เป็น 94 เที่ยวบิน/ชม ซึ่งสอดคล้องกับแผนการพัฒนาสนามบินในส่วนอื่นๆ เพื่อให้รองรับผู้โดยสารได้ 65-80 ล้านคน/ปี
—————————
รายละเอียดงานก่อสร้าง Runway 3 ประกอบไปด้วยงานย่อย ทั้งหมด 6 ส่วน คือ...

1. งานก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 และทางขับขนาน                                                                    

ก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ความยาว 4,000 เมตร กว้าง 60 เมตร ทางด้านตะวันตกขนานกับระบบทางวิ่งเส้นปัจจุบัน (ทางวิ่งเส้นที่ 1) โดยทางวิ่งเส้นที่ 3 จะใช้สำหรับการบินร่อนลงเป็นหลัก ส่วนทางวิ่งเส้นปัจจุบันจะใช้สำหรับการบินขึ้น ทั้งนี้ ทางขับขนาน (Parallel Taxiway) จะอยู่ขนานกับทางวิ่งเส้นที่ 3 โดยจะมีทางขับออกด่วนเชื่อมต่อถึงกัน          

2. งานก่อสร้าง Rapid Exit Taxiway และทางขับเชื่อม                                                                           

การก่อสร้าง Rapid Exit Taxiway หรือทางขับออกด่วน จะมี 7 เส้น เพื่อให้อากาศยานที่ร่อนลงบนทางวิ่งเส้นที่ 3 ไม่ต้องเสียเวลาอยู่บนทางวิ่งนาน และสามารถเคลื่อนตัวออกจากทางวิ่งเข้าสู่ทางขนานได้รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้สามารถรองรับจำนวนเที่ยวบินได้มากขึ้น

3. งานก่อสร้าง Perimeter Taxiway                         

ก่อสร้าง Perimeter Taxiway ต่อจากทางขับขนานไปทางทิศใต้ โดยเชื่อมระหว่าง Taxiway F และ Taxiway D เพื่อใช้เป็นทางขับให้อากาศยานสามารถขับเคลื่อนไปยังลานจอดได้สะดวก โดยไม่ต้องเคลื่อนตัดผ่านทางวิ่งเส้นปัจจุบันด้านตะวันตก (ทางวิ่งเส้นที่ 1)

.
4. งานก่อสร้าง Taxiway D Extension

การก่อสร้าง Taxiway D Extension เป็นการต่อขยายทางขับเดิม เพื่ออำนวยความสะดวกให้อากาศยานสามารถขับเคลื่อนออกจากทางวิ่งไปยังลานจอดได้โดยตรง                 
.                                                                     

5. งานผิวทางของทางวิ่งเส้นที่ 3 และทางขับต่างๆ                                                                          

รูปแบบผิวทางของทางวิ่งและทางขับ แบ่งเป็น 2 รูปแบบ...       

- Flexible Pavement ผิวทางแอสฟัลต์ สำหรับทางวิ่งและทางขับทั่วไป                                                   

- Rigid Pavement ผิวทางแบบคอนกรีต ผิวทางชนิดนี้จะสามารถรองรับน้ำหนักและแรงเฉือนได้ดี โดยจะก่อสร้างที่บริเวณจุดจอดรอก่อนเข้าทางวิ่ง (Holding Position) บนทางขับขนาน เพื่อให้บริเวณดังกล่าวมีความคงทนมากยิ่งขึ้น และก่อสร้างบริเวณ Taxiway D Extension-1

6. งานปรับปรุงคุณภาพดิน บริเวณลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (SAT 2) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

งานปรับปรุงคุณภาพดินบริเวณลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 มีพื้นที่รวมประมาน 917,000 ตร.ม.

โดยใช้เทคนิคการปรับปรุงคุณภาพดินด้วยวิธี PVD Conventional Consolidation (PVD) พื้นที่ประมาณ 666,000 ตร.ม.

การปรับปรุงคุณภาพดินด้วยวิธี Vacuum Consolidation Method (VCM) พื้นที่ประมาณ 251,000 ตร.ม.

'บิ๊กตู่' หนุน SMEs ไทย บุกตลาดสินค้าออนไลน์ไต้หวัน ยก 'PChome-PINKOI' ช่องทางเหมาะต่อผู้ประกอบการไทย

'ทิพานัน' ชวน SMEs บุกตลาดสินค้าออนไลน์ไต้หวัน ผ่านแพลตฟอร์ม PChome และ PINKOI เพิ่มโอกาสสร้างรายได้และต่อยอดส่งออกสินค้า ย้ำ 'พล.อ.ประยุทธ์' สนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโอกาสของผู้ประกอบการขนาดกลางหรือขนาดย่อม (SMEs) ไทยใช้ช่องทางออนไลน์ขายสินค้าไปยังต่างประเทศว่า ล่าสุดกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้ทำการสำรวจโอกาสลู่ทางการส่งออกให้กับสินค้าไทยเข้าสู่ไต้หวันผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ที่กำลังเติบโตและได้รับความนิยมในไต้หวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ขายสามารถใช้แพลตฟอร์มพีซีโฮม (PChome) และพินคอย (PINKOI) ที่มีสาขาสามารถติดต่อในได้ประเทศไทย สะดวกสำหรับผู้ประกอบการต่างชาติในการเปิดร้านและรับจ่ายเงินค่าสินค้า เป็นแพลตฟอร์มที่สินค้าไทยเป็นสินค้าต่างชาติประเทศที่ 2 ที่ได้รับความนิยมรองจากญี่ปุ่น ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการทดลองตลาดก่อนในระยะที่ยังไม่มีผู้นำเข้า

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับแพลตฟอร์ม PChome Thai Shopping นั้นเป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ประสานเปิดร้าน TOPTHAI เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าไทยไปไต้หวัน และยังมีแผนขยายธุรกิจโดยคัดเลือกสินค้าที่ได้รับความนิยมใน PChome Thai Shopping มาวางจำหน่ายใน PChome 24h  ซึ่งมีฐานลูกค้าที่ใหญ่กว่า โดยร้อยละ 98 ของรายได้ของ PChome มาจาก PChome 24h และได้เริ่มนำสินค้าแบรนด์ไทยเข้ามาวางจำหน่ายแล้ว 

ที่ผ่านมาทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้เปิดร้าน TOPTHAI ขึ้นใน PChome Thai Shopping เพื่อเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าจากไทยไปยังไต้หวันได้โดยตรง และทางแพลตฟอร์มก็มีนโยบายที่จะจัดซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการไทยโดยตรงและจะเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคไต้หวันโดยตรงด้วย และหากเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก PChome Thai ก็จะจัดซื้อเป็นล็อตใหญ่มาเก็บไว้ในคลังสินค้าและส่งให้ลูกค้าเมื่อมีการสั่งซื้อ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม PINKOI ที่เน้นงานฝีมือ งานหัตถกรรม ลูกค้าบนแพลตฟอร์มนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่นิยมสินค้ามีดีไซน์ ปัจจุบันมีสินค้าไทยวางขายบน PINKOI กว่า 3,600 รายการแล้ว

'บิ๊กตู่' สั่ง ให้สิทธิค่ายรถเลือกผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก เอื้อลงทุนต่อเนื่อง หลังตลาดในประเทศเติบโตชัด

'บิ๊กตู่' สั่ง ให้สิทธิค่ายรถเลือกผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก หวังดึงดูดลงทุนในไทย

(26 พ.ย.65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่รัฐบาลกำหนดนโยบายให้การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ติดตามผลสัมฤทธิ์ของนโยบายอย่างต่อเนื่อง และพอใจกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศที่เกิดขึ้นในขณะนี้

โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้รายงานว่าตั้งแต่รัฐบาลได้ประกาศมาตรการส่งเสริมการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าได้มีผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกให้ความสนใจประเทศไทย ประกอบกับไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์ทั้งรถยนต์นั่ง กระบะ จักรยานยนต์ ที่สำคัญของโลกอยู่แล้ว ซึ่งผู้ผลิตหลายรายทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนได้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามายังบีโอไอ และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุยกับผู้ผลิตรถยนต์หลายราย จากทั้ง จีน ญี่ป่น และยุโรป ที่ให้ความสนใจมาลงทุนในไทยด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ข้อมูลของบีโอไอแสดงให้เห็นว่านอกจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจนแล้ว ความต้องการและตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็วในไทยเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้ผลิตรถยนต์ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า สนใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานผลิตเพื่อขายในไทยและส่งออกไปทั่วโลก

ล่าสุด กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้รายงานว่า 10 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค.-ต.ค.)  ทั่วประเทศมียานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จดทะเบียนใหม่ 15,258 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 230.62 โดยส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง และจักรยานยนต์ ที่ 7,046 คัน และ 7,534 คัน ตามลำดับ ส่วนที่เหลือเป็นรถอื่นๆ เช่น รถโดยสาร รถกระบะ รถบรรทุก รถแวน รถสามล้อ เป็นต้น

สภาอุตสาหกรรมภาคกลางหนุนโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley)

‘อลงกรณ์’ เดินหน้าผลักดันต่อเล็งดึงการลงทุนจากในประเทศและดูไบ ซาอุดีอาระเบียและจีนขับเคลื่อนโครงการเน้นอุตสาหกรรมสีเขียวใช้เทคโนโลยีเมดอินไทยแลนด์

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) ได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยภาคกลาง 17 จังหวัด ครั้งที่ 3/2565 โดยมี นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโสสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสุรชัย โสตถีรวรกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคกลาง ดร.เลิศจันฑา สีเหลืองสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรีและเลขาธิการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 นายสมภพ ธีระสานต์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมภาคกลาง นายมานพ โตการค้า ผู้บริหารโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยคณะกรรมการและที่ปรึกษา สภาอุตสาหกรรมภาคกลาง สภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร นครปฐม สุพรรณบุรี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี  และสระบุรี ฯลฯ.เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมทะเล อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 

นายอลงกรณ์เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้แจ้งมติที่ประชุม ‘กรกอ.’ ครั้งล่าสุดที่เห็นชอบโครงการ เพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley ) ในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งทางด้านคมนาคม การสื่อสาร ไฟฟ้า และระบบน้ำ โดยพื้นที่ดังกล่าว เคยเป็นโครงการสร้างเมืองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวบริการ ปัจจุบันได้ปรับพื้นที่เป็นโครงการพัฒนาเกษตรกรรมและการแปรรูปทั้งพืช ประมงและปศุสัตว์ตามกฎหมายผังเมืองและกฎหมายอื่นๆ ถือเป็นหนึ่งในโครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งเป็นโครงการเรือธง (Flagship Project) ของคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในกลุ่มจังหวัดเพชรสมุทรคีรี (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงครามและสมุทรสาคร) มีศูนย์ AIC เพชรบุรีคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีให้การสนับสนุน จุดเด่นอีกประการคือการใช้เทคโนโลยีเกษตรเมดอินไทยแลนด์เป็นส่วนใหญ่ เป็นอุตสาหกรรมสีเขียวและหวังว่าจะช่วยสร้างงานสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนและจังหวัดเพชรบุรีเพิ่มขึ้น

ซึ่งโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley) ยังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก (Western Economic Corridor: WEC) ตามนโยบายรัฐบาล จากการสร้างฐานการแปรรูปสินค้าเกษตรอาหาร กระจายการลงทุนใน 18 กลุ่มจังหวัด เพื่อการพัฒนาอย่างเท่าเทียมและยกระดับเกษตรแบบดั้งเดิมสู่เกษตรมูลค่าสูงตามหมุดหมายใหม่ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 เป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นครัวโลก พร้อมกับขอบคุณสภาอุตสาหกรรมภาคกลางที่ให้การสนับสนุนโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley)

S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือไทย BBB+ ชูความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ

'ทิพานัน' ชี้เศรษฐกิจฟื้นตัว 'พล.อ.ประยุทธ์' บริหารถูกทาง โชว์ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) จากปัจจัยท่องเที่ยวโตเกินคาด ประมาณ 10 ล้านคนในปี 65 ชี้ EEC การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า บริษัท S&P Global Ratings (S&P) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ถือเป็นข่าวดีของประเทศไทยที่ได้ภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาชาวโลกและจะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจาก S&P ถือเป็นบริษัทในเครือของ S&P Global Inc สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โดยจากรายงานของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ระบุเหตุผลสำคัญที่ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยมาจากการคลี่คลายของสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตลอดจนการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของ COVID-19 และอนุญาตให้มีการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย และการที่ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 อย่างทั่วถึง เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดย S&P คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 428,000 คน ในปี 2564 เป็นประมาณ 10 ล้านคนในปี 2565 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ และเศรษฐกิจไทย (Real GDP) จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 2.9 ในปี 2565 เป็นเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3.2 ในช่วงปี 2565-2568

ผู้ประกอบการใจชื้น!! ดัชนีเชื่อมั่น SME โตต่อเนื่อง 3 เดือนติด หลังรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวสำเร็จ

รัฐบาล ชี้ ผลสำเร็จมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ บูมท่องเที่ยว ดันดัชนีเชื่อมั่น SME โตต่อเนื่อง 3 เดือน พร้อมย้ำข่าวดีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำธุรกิจโรงแรมและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนตุลาคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ระดับ 53.1 โดยที่เดือนกันยายน และสิงหาคม 2565 มีค่าดัชนีอยู่ที่ 52.9 และ 51.2 ตามลำดับ โดยที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนตุลาคม 2565 มีปัจจัยบวกมาจากการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเป็นสำคัญ อีกทั้งราคาน้ำมันและราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ส่งผลดีต่อกำไรของภาคธุรกิจ

'โรงหนัง SF' ท้า!! 28 พ.ย.นำภาชนะใดก็ได้ไปใส่ป็อปคอร์น ข้อแม้!! ลูกค้าต้องสามารถยกไปได้ด้วยตนเองคนเดียว

โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ (SF) ร่วมกับ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอมเมอร์เชียล จำกัด จัดแคมเปญพิเศษ 'SF x COKE เปิดความซ่า ท้าให้ลอง!' มอบความสุขที่ขาดกันไม่ได้กับ 2 คำท้าที่ชวนให้ลูกค้ามาลองร่วมสนุกในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ

ท้าที่ 1 ซ่าจัดหนัก..ป๊อปจัดเต็ม เฉพาะโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิล์ด ซีเนม่า เมื่อซื้อน้ำอัดลม ขนาด 44 ออนซ์ พร้อมป๊อปคอร์น ในราคาพิเศษ 199 บาท รับสิทธิ์เติมน้ำอัดลมฟรี ไม่จำกัดทั้งวัน และรับสิทธิ์เติมป๊อปคอร์นในภาชนะใดก็ได้ ที่จุดขายป๊อปคอร์นเครื่องดื่มโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เท่านั้น

แต่ถึงจะบอกว่าใส่ในภาชนะใดก็ได้ ก็มีเงื่อนไขอยู่สักเล็กน้อย ดังต่อไปนี้...


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top