Saturday, 17 May 2025
ECONBIZ NEWS

ท่าเรือ 'มาบตาพุด' ระยะ 3 คืบ!! คาดปี 70 เปิดใช้ท่าเรือก๊าซ ช่วยรองรับการขนส่งก๊าซธรรมชาติได้ 31 ล้านตันต่อปี

(8 ก.พ. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ว่า เป็นการรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการ 6.4 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนของภาคเอกชน 5.2 หมื่นล้านบาท ภาครัฐ 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งดำเนินการเป็น 2 ช่วง คือ

ช่วงที่ 1 เป็นการร่วมทุนระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กับเอกชน เพื่อขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นพื้นที่ถมทะเล 1,000 ไร่ (พื้นที่หลังท่าและหน้าท่าพร้อมใช้งาน 550 ไร่ และพื้นที่กักเก็บตะกอนดิน 450 ไร่)
ช่วงที่ 2 เพื่อก่อสร้างท่าเรือสินค้าเหลว (แปลง A) และพื้นที่คลังสินค้าธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (แปลง C)

โดยในช่วงที่ 1 ได้ดำเนินการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและงานออกแบบรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ส่วนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน แบ่งเป็น การถมทะเลคืบหน้า ร้อยละ 35.88 เร็วกว่าแผน ร้อยละ 2.91 ขณะที่การดำเนินการก่อสร้างเขื่อนกันทราย (Revetment) ก่อสร้างได้ระยะทาง 5,410 เมตร มีการใช้หินสะสม 1.17 ล้านลบ.ม. และได้เริ่มงานลงหิน Toe Rock & Rock Underlayer ก่อสร้างได้ระยะทาง 240/5,410 เมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดดำเนินการท่าเรือก๊าซได้ในปี 2570

เสร็จแล้ว 1 พื้นที่ สานต่ออีก 7 โครงการ ‘บ้านคนไทยประชารัฐ’ เอาใจผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-ผู้มีรายได้น้อย

(7 ก.พ. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม. รับทราบผลการดำเนินโครงการ ‘บ้านคนไทยประชารัฐ’ บนที่ดินราชพัสดุ และมีมติอนุมัติให้กำหนดระยะเวลาการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน สำหรับธุรกรรมนโยบายภาครัฐ โดยขยายระยะเวลาออกไปอีก 1 ปี ระหว่างวันที่ 3 ม.ค. 2566 - 2 ม.ค. 2567 เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยคงเดิม โดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจปฏิบัติ ตามประกาศ ธปท. กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และมติ ครม. อย่างเคร่งครัด

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มุ่งมั่นดำเนินโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ จำนวน 2,757 ยูนิต เพื่อให้ประชาชน 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ได้รับสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ / ผู้มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อเดือน และประชาชนทั่วไปได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง โดยเป็นโครงการบ้านแฝด บ้านแถวอาคารชุดพักอาศัย ที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตร.ม. ในระดับราคา 350,000-700,000 บาท ซึ่งเป็นโครงการการผ่อนชำระสู่การเช่าระยะยาว กรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเป็นของผู้ได้รับสิทธิอยู่อาศัยและผู้ได้รับสิทธิพัฒนาโครงการ ซึ่งมีมาตรการสินเชื่อ ดังนี้... 

‘บิ๊กตู่’ ชวนคนไทยมอบ 'หอม' แทนใจในวันวาเลนไทน์ หนุนเกษตรกรศรีสะเกษ หลังปั้น 'ผลผลิตดี-มีราคา'

(7 ก.พ. 66) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสำรวย เกษกุลผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และคณะผู้บริหารจังหวัดศรีสะเกษ เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม 'สื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอ' ปี 2566 จังหวัดศรีสะเกษ โดยมี พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอชื่นชมการดำเนินโครงการเกษตรแปลงใหญ่จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีส่วนสำคัญทำให้ได้ผลผลิตและราคาหอมสูงขึ้น ดีใจกับเกษตรกร ขอขอบคุณทุกส่วนราชการที่บูรณาการทำงานจนประสบความสำเร็จ ช่วยขับเคลื่อนการเกษตรส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมเชิญชวนให้คนไทยทุกคนช่วยกันอุดหนุนหอมแดง กระเทียมศรีสะเกษ ผ่านกิจกรรม 'สื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอม' ซึ่งนอกจากจะได้อุดหนุนสินค้าเกษตรยังได้รับความสุขด้วย และเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก อยากให้ทุกคนส่งความรักให้กันผ่านหอม 

“ขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมอุดหนุนหอมแดง ของจังหวัดศรีสะเกษที่ได้จัดทำเป็นแพ็กเกจ ใช้เป็นของแทนใจสื่อความรักในวันวาเลนไทน์ ในโอกาสวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้ทั้งความสุขและความสดชื่นได้ช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรงด้วย เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ว่าคนนี้ดีคนนี้เก่งแล้วที่เหลือไม่ทำงาน เพราะทุกคนช่วยกันทำงานด้วยกันทุกคน ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้หอมกันเยอะๆ และเลือกหอมให้ดี อย่าหอมผิดคน ไม่เช่นนั้นจะโดนนะ" ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกล่าวกับตัวแทนเกษตรกรในตอนท้ายว่าว่า "รู้ใช่ไหมนายกรัฐมนตรีชอบหวาน เป็นคนไม่ค่อยหวาน ต้องเติมน้ำตาล" พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียัง ได้ชิมชาศรีสะเกษ พร้อมกล่าวชมว่า "ชาดี อร่อย ให้นำชาไปในห้องประชุม ครม. และนายกรัฐมนตรี"

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ.66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 6 - 10 ก.พ.66

ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 เดือน จากธนาคารกลางหลักทั่วโลกทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายพร้อมกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75%, ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 4.0% และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Deposit Facility Rate) และอัตราดอกเบี้ยสำหรับปล่อยสภาพคล่องให้แก่ธนาคารพาณิชย์ (Main Refinancing Operations Rate) มาอยู่ที่ 2.5% และ 3.0% ตามลำดับ

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payroll) ในเดือน ม.ค. 66 เพิ่มขึ้น517,000 ราย จากเดือนก่อนหน้า สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 187,000 ราย จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่อัตราว่างงาน (Unemployment Rate) อยู่ที่ 3.4% ต่ำสุดในรอบ 54 ปี ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง กดดันให้เศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ดี ประธาน Fed นาย Jerome Powell คาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2-3 ครั้ง เพื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและสามารถลดอัตราเงินเฟ้อสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% (อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. 65 อยู่ที่ 6.5%)

โดยทางเทคนิค สัปดาห์นี้คาดว่าราคา ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 80 - 85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

>> ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
-Caixin/Markit รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคบริการ (Composite Purchasing Manager Index: PMI) ของจีน ในเดือน ม.ค. 66 เพิ่มขึ้น 2.8 จุด จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 51.1 จุด ขยายตัวครั้งแรกตั้งแต่เดือน ส.ค. 65 โดยได้แรงหนุนจากการยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19

-วันที่ 1 ก.พ. 66 ที่ประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ของกลุ่ม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) คงนโยบายลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบตามผลการประชุมเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 65 ที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2566 ทั้งนี้ จะมีการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 3 เม.ย. 2566

‘แสนสิริ’ ครองแชมป์เปิดโครงการใหม่ปี 66 เดินหน้า 52 โครงการ มูลค่ากว่า 7 หมื่นลบ.

ไม่นานมานี้ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในปี 2565 แสนสิริสามารถเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยประสบความสำเร็จด้วยยอดขายรวม 50,000 ล้านบาท เติบโตเกือบ 50% จากปี 2564 มียอดโอน 36,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 เช่นกัน

สำหรับในปี 2566 แสนสิริ วางแผนเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท นับเป็นการทุบสถิติการเปิดตัวโครงการใหม่ ด้วยมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือเติบโต 74% จากปี 2565 และเติบโตจากช่วงเกิดโควิด-19 ถึง 1,000% หรือ 10 เท่าตัว

ทั้งนี้โครงการใหม่ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ คอนโดมิเนียม 22 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายปี 2566 อยู่ที่ 55,000 ล้านบาทและตั้งเป้ารายได้รวม 40,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงตั้งเป้ากำไรสุทธิที่จะทุบสถิติ ALL-Time High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ตั้งบริษัท

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2566 ครอบคลุมทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์โฮม ในทุกระดับราคา ทุกทำเล และเจาะกลุ่ม Real demand โดยเฉพาะโครงการแนวราบ วางแผนเปิดตัว 30 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,700 ล้านบาท และเตรียมเปิดตัว 9 แบรนด์ใหม่ ครอบคลุมทุกกลุ่ม ส่วนโครงการแนวสูงนั้น มีแผนจะเปิดตัวคอนโดมิเนียม 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 24,300 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 151% จากปี 2565

“ในปี 2566 นี้แสนสิริได้ปรับภาพแบรนด์ใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ในคอนเซปต์ Stay Well-Rounded คอนโดที่คิดเพื่อชีวิตดีรอบด้าน โดยนำเสนอคอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่ใส่ใจความเป็นอยู่ที่ดีในชีวิตทุกด้าน กับแบรนด์ดีคอนโด ซีรีส์ใหม่ 5 โครงการ 5 ทำเล รวมมูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท”นายอุทัย กล่าว

‘ปตท.’ มุ่งต่อยอด ‘ขยะ’ สู่วัสดุทดแทนที่มีคุณค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - สอดคล้อง BCG Model

ปตท. มุ่งพัฒนาศักยภาพ 'ขยะ' ต่อยอดเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ร่วมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ (BCG Model) ของประเทศไทย

จากวัสดุเหลือทิ้ง หรือ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองข้าม ปตท. โดยทีมนักวิจัย จากสถาบันนวัตกรรม และ บริษัท เอช จี เนกซ์ จำกัด จับมือร่วมพัฒนาต่อยอดจนได้ทางออกที่สมบูรณ์ให้กับผู้ที่อยากเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทรัพยากรทดแทนที่มีคุณค่า เติมเต็มช่องว่างของการค้นหาทรัพยากรใหม่ ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัดในปัจจุบัน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดพิธีเปิดงานนิทรรศการ ‘Waste is MORE’ โดยมี นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้เห็นถึงมิติของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการพัฒนาศักยภาพของ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองว่าไร้ค่า ให้กลายเป็นวัสดุทดแทนที่ ‘ไม่ไร้ค่า’ อีกต่อไป โดย ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันศักยภาพของนวัตกรรมการวิจัย และการออกแบบของคนไทย ให้เติบโตไปแข่งขันในเวทีระดับโลก ทั้งยังคำนึงถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน

‘กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม’ พอใจ!! ความคืบหน้าโครงการส่งเสริมวิทย์ฯ เพื่อเด็กไทย

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินทางไปตรวจเยี่ยม โครงการโปรแกรมการชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ดิจิทัล (Digital Science Museum Guides Program) เมื่อวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566  

(6 ก.พ. 66) นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 
พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร และนางสุรีพร พรโสภณวิชญ์ ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมเจ้าหน้าที่กองทุนฯ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม โครงการโปรแกรมการชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ดิจิทัล (Digital Science Museum Guides Program ณ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) โดยงานในครั้งนี้ มี นายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รองผู้อํานวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ให้การต้อนรับ

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! ทัวร์จีนมองไทยเป็นประเทศในฝัน เชื่อ!! ปีนี้ นทท.จีน เข้าไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน

(6 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝัน ของนักท่องเที่ยวจีน ที่ต้องการมาเยือนหลังมีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 

นายอนุชา กล่าวว่า ทางการจีนประกาศเปิดประเทศ และอนุญาตให้บริษัทนำเที่ยว บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ทั่วประเทศจีน รวมถึงธุรกิจตั๋วเครื่องบิน-โรงแรม ดำเนินกิจการจัดการท่องเที่ยวสำหรับชาวจีนแบบหมู่คณะ ไป 20 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.นี้ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้จัดแคมเปญดึงดูด และมีมาตรการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเดินทางมาประเทศไทย โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้ากลยุทธ์ 'China is Back' ดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยร่วมกับภาคเอกชนจัดแคมเปญใหญ่ Two Lands, One Heart (ไทย-จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน) ส่งเสริมการตลาดดึงนักท่องเที่ยวจีนมาท่องเที่ยวไทย พร้อมทั้งใช้เครื่องมือทางดิจิทัลในลักษณะ Worldwide Platform และสานต่อกลยุทธ์ Celebrity Marketing และเร่งฟื้นเที่ยวบินรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวจีน และร่วมกับพันธมิตรขายแพ็กเกจท่องเที่ยว ทั้งเดินทางข้ามชายแดนทางบก (R3A) รถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว และเรือครุยส์แม่น้ำโขง ทั้งนี้ ททท. ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยได้ไม่น้อยกว่า 5 ล้านคนในปีนี้

บทสรุปการเปลี่ยนแปลง 'สถานีกลางฯ' หลังผ่านไป 2 สัปดาห์ รถไฟตรงเวลา - ผู้โดยสารปรับตัว - เจ้าหน้าที่คุ้นเคย

(6 ก.พ. 66) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

สรุปการเปลี่ยนแปลง สถานีกลางฯ หลังผ่านไป 2 สัปดาห์ รถไฟตรงเวลา, ผู้โดยสารปรับตัว, เจ้าหน้าที่คุ้นเคย สู่ศักราชใหม่ของระบบราง 

เมื่อวานผมได้ไปสังเกตการณ์ การพัฒนาการของสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หลังจากที่เปิดให้บริการมา 2 สัปดาห์ ผ่านดรามาต่าง ๆ และการเปลี่ยนแปลงระบบการให้บริการใหม่

เลยขอมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังกันหน่อยครับ ขอแบ่งเป็นส่วน ๆ คือ...

- ผู้โดยสาร
ผมต้องชื่นชมผู้โดยสารที่ปรับตัว และทำความเข้าใจกับขั้นตอนในการใช้บริการใหม่ ซึ่งพอทุกคนเข้าใจ ทุกอย่างก็ราบรื่นยิ่งขึ้น

เริ่มตั้งแต่การเข้าแถว รอขึ้นชานชาลา ไปจนถึงการขึ้นรถ เพื่อเตรียมออกเดินทางภายใน 20 นาที

แต่ในหลาย ๆ ส่วนก็ยังต้องปรับปรุงอยู่บ้าง เช่น ป้ายสัญลักษณ์ และหน้าจอแสดงผลในระดับดิน ซึ่งทราบจากพี่ ๆ ที่อยู่ในการรถไฟว่า ตอนนี้กำลังออกแบบ และเตรียมติดตั้งอยู่

- เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย
ก็ต้องชื่นชมทีมงานทุกส่วนของการรถไฟที่ได้ปรับเปลี่ยน รวมถึงจัดเตรียมระเบียบใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการให้บริการในสถานีกลาง

โดยเฉพาะทีมงานที่อยู่หน้างานทั้งฝ่ายประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่สถานี และทีมบริหารจัดการเดินรถ

จนทำให้ ระยะเวลาที่เลท ในวันแรกบางขบวนถึง 3 ชั่วโมง จนล่าสุด ก็ตรงเวลามา 2 วันติดต่อกันแล้ว ซึ่งก็หวังว่าจะรักษามาตรฐานนี้กันอย่างต่อเนื่อง

กลุ่ม ปตท. ดันเทคโนโลยีดิจิทัล หนุน ศก.สร้างสรรค์ ช่วยขับเคลื่อนเสน่ห์ Soft Power ไทยสู่เวทีสากล

กลุ่ม ปตท. ร่วมขับเคลื่อน Soft Power ไทย ดันเทคโนโลยีดิจิทัลหนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมส่งออกคอนเทนต์ไทยคุณภาพสู่เวทีสากล จับมือพันธมิตรต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย สนับสนุน ‘ระบบนิเวศสร้างสรรค์’ ผ่านอุตสาหกรรมคอนเทนต์ มุ่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้ได้มาตรฐานสากล รองรับการผลิตคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลก เพื่อพัฒนารายได้และคุณภาพชีวิตคนไทย ยกระดับเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน

เมื่อวันที่ 3 ก.พ.66 นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ซอฟท์พาวเวอร์ (Soft Power) เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการแพร่ขยายอิทธิพลทางค่านิยม หรือ วัฒนธรรม ที่นานาประเทศผลักดันให้เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) 

ปตท. เล็งเห็นถึงโอกาสของการต่อยอดแนวคิดดังกล่าว เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงานให้พร้อมรับการแข่งขันบนเวทีโลก ด้วยวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” จึงจัดตั้งโครงการ Soft Power for Better Thailand ขึ้น เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยยกระดับการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย หรือ 'เสน่ห์ไทย' ที่เกิดจากวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีปฏิบัติอันเป็นภูมิปัญญาของประเทศไทย ที่อยู่ในความสนใจของชาวต่างชาติ ซึ่งนอกจากจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจที่จะสามารถดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อขยายฐานอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Industry) ในประเทศไทย ที่จะช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังสถานการณ์โรคติดเชื้อ COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกได้อีกทางหนึ่งด้วย 

“ปตท. จับมือพันธมิตรภาคส่วนต่างๆ ทั้งจาก บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านซอฟท์พาวเวอร์ ผ่านการนำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ภายใต้แนวคิด TECH CREATE FUN คือ การนำเทคโนโลยี (TECH) เช่น Virtual Reality, Augmented Reality, Drone และ Metaverse เป็นต้น มาเสริมศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงาน (CREATE) เช่น ภาพยนตร์ ดิจิทัลคอนเทนต์ หรือ งานศิลปะ เพื่อให้ทั้งผู้สร้างสรรค์ผลงานและผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีขึ้น (FUN) รวมไปถึงยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ในการจัดกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมคอนเทนต์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งการพัฒนาทักษะบุคลากร การสนับสนุนด้านทรัพยากรและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยมียุทธศาสตร์สำคัญในการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่...

1. สร้างคอนเทนต์ไทยสู่สากล ผ่านโครงการ Content Lab โดยร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) (CEA) จัดโปรแกรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการใช้งานเทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับผลิตภาพยนตร์ ซีรีส์ งานโฆษณา งานอีเวนต์ และเกม ให้กับนักเรียน นักศึกษา นักสร้างอนิเมชั่น และบุคคลทั่วไปที่สนใจ เพื่อต่อยอดการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) สำหรับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ทันสมัยเทียบเท่ามาตรฐานระดับสากล รวมถึงได้รับประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีการถ่ายทำชั้นนำของประเทศไทย โดยจะมีกิจกรรม Open House โครงการในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้

2. สร้างบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผ่านโครงการ TGIF - Technology is Fun โดยนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการยกระดับซอฟท์พาวเวอร์ จัดแสดงที่มหาวิทยาลัย 11 แห่งทั่วประเทศ ในช่วงเดือนมีนาคม - กันยายน 2566 เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ได้มีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่จะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของประเทศได้ในเชิงพาณิชย์ 

และ 3. จัดแสดงศักยภาพซอฟท์พาวเวอร์ด้านศิลปะไทย ผ่านนิทรรศการ “Locating the Locals: A Virtual Exhibition by PTT” โดยคัดเลือกผลงานบางส่วนจากการจัดประกวดศิลปกรรม ปตท. ที่เคยได้รับรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 นำออกจัดแสดงอีกครั้ง โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชมบนพื้นที่จัดแสดงศิลปะแบบเสมือนจริง (Virtual Art Gallery) ซึ่งนอกจากการจัดแสดงครั้งแรก ณ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ เมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ได้การตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว นิทรรศการนี้จะมีการจัดแสดงขึ้นอีกในงาน Bangkok Design Week 2023 ณ River City Bangkok ระหว่างวันที่ 4 - 12 กุมภาพันธ์ 2566 และ Isan Creative Festival 2023 ณ จ.ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 1 - 9 เมษายน 2566 ซึ่งผู้สนใจยังสามารถชมนิทรรศการในโลกเสมือนที่ virtualspacebyptt.com ได้อีกด้วย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top