Saturday, 17 May 2025
ECONBIZ NEWS

เจ้าของ 'เต่าบิน' เตรียมปูพรมตู้ชาร์จ 'กิ้งก่าอีวี' เบื้องต้นรุกตลาด 'คอนโด-สำนักงาน' 5,000 จุด

(16 ก.พ. 66) บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) เปิดตัวตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 'GINKA Charge Point' อย่างเป็นทางการ ตั้งเป้าหมายขยายปีนี้ 5,000 จุดผ่านการร่วมลงทุนกับเจ้าของพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และอพาร์ทเม้นท์ ช่วงแรกจะเน้นคอนโดมิเนียมที่มีตู้เต่าบินติดตั้งอยู่ราว 5,000 จุด ก้าวต่อไปกระจายไปในหัวเมืองหลักในต่างจังหวัด คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์และติดตั้งได้ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.66

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ FSMART กล่าววว่า การติดตั้ง GINKA Charge Point จะเป็นการร่วมลงทุนกับเจ้าของพื้นที่ โดยจะมีโมเดลเดียวกับตู้เต่าบิน ซึ่งบริษัทจะลงทุนให้ตู้ชาร์จ ระบบบริการ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมเปิดให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันในช่วงไตรมาส 2/66 ขณะที่ค่าบริการขึ้นอยู่กับการตกลงกับเจ้าของพื้นที่ แต่จะไม่ให้เกิน 6.5 บาท/หน่วย ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในตลาดที่ 7.5 บาท/หน่วย

บริษัทคาดว่า รายได้จากการใช้บริการ GINKA Charge Point จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยตั้งเป้ารายได้ภายใน 3 ปีข้างหน้าไว้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท/เดือน และมีเป้าหมายที่จะเห็น 'GINKA Charge Point' เพิ่มขึ้นแตะ 50,000 ถึง 100,000 จุดในอนาคต

BEV บริษัทย่อยในกลุ่ม EA รับมอบ Certificate ISO/EC 17025 : 2017ยกระดับมาตรฐานศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์ เทียบเท่าระดับสากล

บจก. ศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์ หรือ BEV บริษัทย่อยในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ได้รับมอบ  มอก.17025-2561 (ISO/IEC 17025-2017)ความสามารถของปฏิบัติการทดสอบ โดยมี นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นประธานในพิธีมอบให้แก่ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์

'อลงกรณ์' เร่งเดินหน้าเศรษฐกิจสีน้ำเงิน(Blue Economy) เผยปี2565 'ปลาทู' เพิ่ม 63% ชี้มาตรการปิดอ่าวของกรมประมงบรรลุความสำเร็จภายใต้นโยบาย '3ป.' ของรัฐมนตรีเกษตรฯ.

พร้อมประกาศปิดอ่าวไทยดีเดย์ 15 ก.พ. คุ้มครองพ่อแม่พันธุ์ปลาทูและสัตว์น้ำมีไข่ หวังเพิ่มผลผลิตและฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับมอบหมายจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานในพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ในพื้นที่ทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2566 เพื่อคุ้มครองพ่อแม่พันธุ์ปลาทูและสัตว์น้ำมีไข่ให้แพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างยั่งยืน 

โดยมี นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกรมประมง สมาคมประมง องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น เข้าร่วม ณ สวนสาธารณะปากน้ำปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำดังกล่าว ครอบคลุมพื้นที่บริเวณอ่าวไทยทั้งหมด แบ่งเป็น บริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนกลาง 2 ช่วงระยะเวลา ได้แก่ ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 15 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ถึงอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน 2566 

ในบริเวณอาณาเขตตามแผนที่แนบท้ายของประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลางและเขตต่อเนื่องตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และบริเวณพื้นที่อ่าวไทยรูปตัว ก 2 ช่วงระยะเวลา ได้แก่ ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน – 15 สิงหาคม 2566 ในพื้นที่อ่าวไทยตอนในฝั่งตะวันตกของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร และระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน ในพื้นที่อ่าวไทยตอนในด้านเหนือของจังหวัดสมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี  

สำหรับพิธีประกาศปิดอ่าวฯ ในวันนี้ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกอบพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และกล่าวคำปฏิญาณตนที่บริเวณด้านหน้าอ่าวประจวบฯ พร้อมกล่าวเปิดพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ มีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ในพื้นที่ทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2566 พร้อมทั้งได้มอบแผ่นป้ายเงินอุดหนุนโครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมงให้กับผู้แทนองค์กรประมงท้องถิ่นทั่วประเทศ จำนวน 200 ชุมชน 

โดยมอบให้กับผู้แทนสมาคมประมงพื้นบ้าน และมอบป้ายเงินอุดหนุนให้แก่ประธานองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในเขตจังหวัดชุมพร จำนวน 4 ชุมชน ได้แก่ สมาคมประมงด่านสวี หมู่ที่ 3 ตำบลด่านสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ชุมชนประมงท้องถิ่นบ้านควนเสาธง หมู่ที่ 9 ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร กลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านกลางอ่าว 1 หมู่ที่ 13 ตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร กลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านกลางอ่าว 2 หมู่ที่14 ตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ประธานองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในเขตจังหวัดชุมพรประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 3 ชุมชน ได้แก่ กลุ่มแปรรูปอาหารทะเลบ้านเขาแดง ตำบลเขาแดง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านปากคลอง ตำบลบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนประมงและการท่องเที่ยวบางสะพาน ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และประธานองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นจังหวัดเพชรบุรี จำนวน 3 ชุมชน ได้แก่ 

กลุ่มประมงพัฒนาสาหร่ายทะเลเพชรบุรี ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี และกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้ง ตำบลนาพันสาม อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี และได้มอบพันธุ์สัตว์น้ำให้แก่ตัวแทนชุมชนประมงท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวนรวมทั้งสิ้น 215,000 ตัว ประกอบด้วย กุ้งกุลาดำ 200,000 ตัว กุ้งแชบ๊วย 10,000 ตัว และปลากะพง 5,000 ตัว

 

จากนั้นนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดแผ่นป้ายประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ มีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2566 พร้อมพิธีปล่อยเรือตรวจประมงทะเลออกปฏิบัติงานในพื้นที่ ประกอบด้วย เรือตรวจประมงทะเลขนาด 60 ฟุต เรือตรวจประมงทะเล ขนาด 38 ฟุต เรือตรวจประมงทะเลขนาด 24 ฟุต เรือตรวจประมงทะเลขนาด 19 ฟุต และเรือยางตรวจประมงทะเล และได้เยี่ยมชมนิทรรศการจากหน่วยงานกรมประมงและนิทรรศการหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อาทิ นิทรรศการการจัดตู้แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่เพาะพันธ์เพื่อการอนุรักษ์พร้อมบอร์ดแสดงข้อมูล นิทรรศการผลการศึกษาทางวิชาการมาตรการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน บริเวณอ่าวไทยตอนกลาง อ่าวไทยรูปตัว ก นิทรรศการมาตรการปิดอ่าวไทยตอนกลางและมาตรการปิดอ่าวไทยตอนในในภาพรวม รวมไปถึงมาตรการที่เกี่ยวข้อง นิทรรศการการลงทะเบียนเพื่อขอรับใบอนุญาตประมงพื้นบ้านและเตรียมความพร้อมก่อนลงทะเบียนขอรับใบอนุญาตประมงพื้นบ้าน นิทรรศการการควบคุมการทำประมงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมชุมชนประมง การอนุรักษ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (MMPA) นิทรรศการการจัดทำหนังสือคนประจำเรือ (Sea book) ฯลฯ

'รมว.คลัง' ชี้ 'การท่องเที่ยว' เครื่องยนต์หลักเคลื่อน ศก. ยัน!! แม้ ศก.โลกไม่แน่นอน แต่คลังไทยยังแข็งแกร่ง

(15 ก.พ. 66) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานสัมมนา Thailand's Future Economic Forum 2023 โดยปาฐกถาพิเศษเรื่อง ฝ่าคลื่นเศรษฐกิจ ปี 2566 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ว่า ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับการลงทุนจากภาครัฐและภาคเอกชน ส่วนการส่งออกอาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะชะลอตัว

ทั้งนี้ ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แต่ฐานะทางการคลังของไทยยังแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันจากการขยายเพดานเงินกู้ ส่งผลให้ไทยยังมีพื้นที่ทางการคลัง และมีช่องว่างที่จะกู้เงินเพิ่มเติมได้ถึง 10% ของจีดีพี ในกรณีที่เกิดวิกฤติและต้องหาเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น โดยไม่เสียวินัยทางการคลังด้วย

'บิ๊กตู่' เร่งเดินหน้าศูนย์ทดสอบยานยนต์-ยางล้อ รองรับฐานผลิต EV ดันไทยเป็นศูนย์กลางมาตรฐานโลก

(15 ก.พ. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก โดยนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามและผลักดันการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างไปอย่างมาก

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 อนุมัติโครงการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ วงเงิน 3,705.7 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ส่วนทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 และระยะที่ 2 ส่วนทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วน โดยการก่อสร้างระยะที่ 1 ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว ส่วนระยะที่ 2 ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 55 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! 'กกพ.' ขานรับนโยบาย 'BCG Model' หนุนใช้พลังงานสะอาด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

(15 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ขานรับแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมตามแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม โดยจะพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) และเป็นที่น่าชื่นชมการทำงานของทุกหน่วยงานในประเทศ ที่รับเอาแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรี เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม โดย กกพ. มีแนวทางที่จะสร้างกลไกเพิ่มการแข่งขันในกิจการพลังงาน ทั้งก๊าซธรรมชาติ ที่อาจปรับปรุงโครงสร้างรองรับการแข่งขัน พร้อมกับรักษาความมั่นคงด้านพลังงาน โดยสนับสนุนการใช้พลังงานสีเขียว

โดยระยะเร่งด่วน กกพ. ให้ความสำคัญกับการใช้เชื้อเพลิงทางเลือก เช่น พลังน้ำ พลังงานหมุนเวียน และในส่วนระยะยาว จะให้ความสำคัญกับการผลิตพลังงานไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้พลังงานสีเขียว ตอบสนองความต้องการภาคธุรกิจการค้า และการลงทุนของภาคเอกชนระหว่างประเทศ ซึ่งมีความต้องการซื้อและได้รับการรับรองการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ในการลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนจากมาตรการภาษีคาร์บอนข้ามแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) และข้อกีดกันทางการค้าการลงทุนอื่น ๆ หนึ่งในกลไกสำคัญได้แก่ ไฟฟ้าสีเขียว หรือ Green Tariff ที่ออกแบบให้มีการขายไฟฟ้าพร้อมใบรับรอง (REC) ที่สามารถระบุที่มาของแหล่งผลิตไฟฟ้า เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว โดยไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้า

‘บิ๊กตู่’ สั่งเร่ง ‘บัตรสวัสดิการฯ’ โอนเงินภายใน 1 มี.ค. นี้ ย้ำ!! คุ้มครองข้อมูลผู้มีสิทธิ - ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ

(14 ก.พ.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมตนได้สั่งการให้เร่งนำโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติจะได้เริ่มโอนเงินให้ประชาชนได้ในวันที่ 1 มี.ค. นี้ และข้อมูลผู้มีสิทธิแต่ละคน จะได้รับการคุ้มครองข้อมูลภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตนได้เข้มงวดไปไม่ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีสิทธิ

‘อลงกรณ์’ ผนึกเครือข่าย ชู ‘ตลาดท้ายเกาะโมเดล’ ขับเคลื่อน ‘ตลาดกลางเกษตรอินทรีย์’ ทั่วประเทศ

(14 ก.พ. 66) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนเป็นประธานเปิดเวทีขับเคลื่อนตลาดเกษตรอินทรีย์ท้ายเกาะ อำเภอสามโคก ปทุมธานี ภายใต้โครงการออกานิค เวิล์ดไทยแลนด์ (Organic World Thailand) พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง ‘ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนระบบเกษตรกรรมยั่งยืนของประเทศไทย ภายใต้ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนและ BCG โมเดล’ ในวันนี้ว่า การพัฒนาและขับเคลื่อน ‘ตลาดกลางเกษตรอินทรีย์ท้ายเกาะ’ หรือ โครงการ Organic World Thailand สามโคก-ปทุมธานี ในวันนี้ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืน (Sustainable Agriculture) โดยมีคณะกรรมการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน (แห่งชาติ) มี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเป็นประธาน และมีคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนซึ่งมีตนเป็นประธาน มีคณะทำงาน ขับเคลื่อนหลายคณะ ได้แก่ คณะทำงานขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ คณะทำงานขับเคลื่อนเกษตร ผสมผสานและเกษตรทฤษฎีใหม่ คณะทำงานขับเคลื่อนเกษตรธรรมชาติและวนเกษตร และคณะทำงานขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Sustainable Urban Agriculture) ใน 76 และกรุงเทพมหานคร 

นอกจากนี้ได้จัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนในระดับตำบล 7,255 ตำบลใน 76 จังหวัดแล้วซึ่งเป็นกลไกสำคัญ ในการทำงานเชิงพื้นที่ และในส่วนของเกษตรอินทรีย์ ได้ร่วมมือกับเครือข่ายเกษตรอินทรีย์และเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืนจัดตั้งสภาเกษตรอินทรีย์ พี จี เอส แห่งประเทศไทยสำเร็จเป็นครั้งแรก

“การเปิดเวทีขับเคลื่อนตลาดกลางเกษตรอินทรีย์ท้ายเกาะโดยจะมีการเปิดตลาดอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้บนความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคเกษตร และภาควิชาการเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับตลาดเกษตรอินทรีย์ทุกจังหวัดและยกระดับสู่การเป็นตลาดส่งออกด้วย ทั้งนี้มีนโยบายที่จะส่งเสริมขยายผลให้มีตลาดกลางและตลาดเกษตรอินทรีย์ทั่วประเทศ

ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประธานคณะ อนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนขอแสดงความชื่นชม คุณวิเชียร สวาทยานนท์ ประธานกรรมการบริหาร ตลาดโรงเกลือท้ายเกาะ ที่มีจิตอาสาในการช่วยเกษตรกรให้มีตลาดจำหน่ายสินค้าเกษตร อินทรีย์ และขอขอบคุณ ดร.อนุรักษ์ เรืองรอบ และเครือข่าย ที่มีความมุ่งมั่นใน การพัฒนาห่วงโซ่มูลค่าเกษตรอินทรีย์ซึ่งนำมาสู่การก่อเกิดตลาดกลาง และการเตรียมความพร้อมในการเปิดตลาดกลางเกษตรอินทรีย์ท้ายเกาะภายในเดือนเมษายนนี้

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 6 - 10 ก.พ. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 13 - 17 ก.พ.66

ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent และ NYMEX WTI เฉลี่ยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความกังวลว่าอุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัว หลังนาย Alexander Novak รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เผยแผนลดการผลิตน้ำมันดิบในเดือน มี.ค. 66 ลง 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 5% ของปริมาณการผลิตของรัสเซีย เพื่อตอบโต้ชาติตะวันตกที่ออกมาตรการตั้งเพดานราคาน้ำมัน (Price Cap) จากรัสเซียซึ่งขนส่งทางทะเล ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 65 พร้อมทั้งกล่าวย้ำว่าจะไม่จำหน่ายน้ำมันให้แก่ชาติที่เข้าร่วมมาตรการ Price Cap น้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปจากรัสเซียทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งนี้ รัสเซียผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสทในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ก.พ. 66 อยู่ที่ 10.93 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ผลิตคอนเดนเสทประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน)

ในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยธนาคาร Australia and New Zealand Banking Group Ltd. (ANZ) ของออสเตรเลียชี้ว่าอุปสงค์น้ำมันของจีนที่ฟื้นตัว หลังยกเลิกมาตรการ Zero-COVID ที่ดำเนินการอย่างเข้มงวดมานานกว่า 3 ปี จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันโลกในปีนี้ ทั้งนี้ ANZ คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของจีนในปี 66 จะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า หรือประมาณ 50% ของอุปสงค์โลกซึ่งจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า ขณะที่เลขาธิการ OPEC นาย Haitham al-Ghais คาดว่าอุปสงค์น้ำมันโลกในปี 66 จะอยู่ที่ 102 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 และจะเติบโตสู่ 110 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในปี 68

สัปดาห์นี้คาดว่าราคา ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 83 - 88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยนาย Haitham al-Ghais คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent จะแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในปี 66 ขณะที่นาย Afshin Javan ผู้แทนอิหร่านประจำ OPEC คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในช่วงครึ่งหลังของปี 66

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! Financial Times ชื่นชมไทย ยกเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อน้อยที่สุด

(13 ก.พ. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า…

พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน 

วันนี้ มีบทความเกี่ยวกับประเทศไทย ใน Financial Times ซึ่งเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลทั่วโลก นำเสนอเนื้อหาชื่นชมประเทศไทยว่ามีการบริหารเศรษฐกิจด้วยความเชี่ยวชาญ และมีความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในหลาย ๆ เรื่อง ส่งผลให้สามารถพูดได้ว่าเงินบาทเป็นสกุลเงินที่มีความมั่นคงที่สุดเป็นอันดับแรกของโลก และทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อน้อยที่สุดด้วยครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top