Monday, 24 June 2024
POLITICS

จับตา ครม.ถกด่วนหาช่องคุมโควิดระบาด

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 เมษายน นี้ จะปรับรูปแบบการประชุมจากการประชุมแบบเต็มคณะมาเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference บริเวณห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาลแทน หลังจากมีรองนายกฯ และรัฐมนตรี แจ้งลาประชุมถึง 10 คน และในจำนวนนี้มีผู้ที่ขอลาและกักตัว 14 วัน เพราะมีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนั้นในการประชุมครม.วันนี้จึงกลับมาใช้มาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดอีกครั้ง และต้องพิจารณาว่า ในการประชุมครั้งนี้นายกรัฐมนตรี จะมีข้อสั่งการเร่งด่วนถึงกรณีการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิดระลอกล่าสุดอย่างไร

สำหรับวาระการประชุมสำคัญ กระทรวงการคลัง เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ส่วนกระทรวงมหาดไทย เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดการปฏิบัติงานการทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัลและค่าธรรมเนียม ทางด้านกระทรวงคมนาคม เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 726.25 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ (จำนวน 4 จังหวัด) ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท

ขณะที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสนอการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ ประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 500 ล้านบาท ส่วนกระทรวงคมนาคม รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-สิงคโปร์ ทางด้านกระทรวงสาธารณสุข เสนอร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 

รมต.ทยอยฉีดซีโนแวค เข็ม 2 จับตาศบค.ชุดเล็กประชุมยกระดับมาตราการเข้มข้นอีกครั้ง ด้านบิ๊กตู่ต้องรอเวลา เพราะเป็นแอสต้าฯ ด้าน รมว.ดีอีเอส ไม่กังวลหลังใกล้ชิดตรีนุช

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่าก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ห้องเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า เจ้าหน้าที่จากสถาบันบำราศนราดูรจะได้ทำการฉีควัคซีนป้องกันโควิด-19 ซิโนแวค ให้กับรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกไปก่อนหน้านี้แล้ว อาทิ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  ซึ่งเป็นการได้รับการฉีคครั้งแรก ส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นเข็มที่สอง นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาที่การนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมนั้นยังไม่ฉีดวัคซีนรอบสองเรื่องจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่สองจะต้องใช้ระยะเวลาห่างกัน 10-12 สัปดาห์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเข้าฉีคเข็มที่สองที่สถาบันบำราศนราดูรตามใบนัดอีกครั้ง 

ขณะที่วันเดียวกันนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ลาการประชุมคณะรัฐมนตรีและกักตัว 14 วัน ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ นายวิษณุได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อฉีดวัคซีนแอสตราซิเนกาเป็นเข็มแรก ทางด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉีดวัคซีนเป็นเข็มที่สอง ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร 

นอกจากนี้ในส่วนความเคลื่อนไหวของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในเช้าวันเดียวกันนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้มีการประชุม ศบค.ชุดเล็กและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือด่วนของมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดที่ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยต้องจับตาดูว่าจะมีการยกระดับความเข้มข้นอีกครั้ง ซึ่งสามารถที่จะประกาศออกมาได้ทันทีเนื่องจากยังมีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายชัยวุฒิ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.ผ่านระบบวิดีโอวิดีโอคอนเฟอร์เร็นซ์ ว่า ในส่วนของตนเจอกับนางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เพราะอยู่พรรคเดียวกัน แต่โดยหลักการแล้ว ถ้าเราไปเจอผู้ป่วยที่มีเชื้อโควิดถือว่าเราเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องกักตัว 14 วัน แต่ถ้าเจอกับผู้ที่ไม่ได้มีเชื่อโควิด ซึ่งนางสาวตรีนุชได้เข้าตรวจแล้วไม่พบเชื้อโควิด เราไม่จำเป็นต้องกักตัวเพราะถือว่าเราไม่ได้สัมภาษณ์ผู้ติดเชื้อโดยตรง ขอให้เข้าใจตรงกัน “ผมเจอกัยคุณตรีนุชแต่ท่านตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะไปติดคนอื่นได้ แต่ก็ถือว่าคุณตรีนุชเป็นกลุ่มเสี่ยงเพราะใกล้ชิดกับผู้ที่มีเชื่อโควิด ขอร้องว่าอย่าวิตกกังวลมากไปเดี๋ยวจะทำงานกันไม่ได้ เราต้องมีหลักการในการมองปัญหาที่เกิดขึ้น” 

เลขาฯสมช. ยืนยัน สงกรานต์ยังข้ามจังหวัดได้ ยึด มาตรการป้องกันเดิม เน้น สวมแมส ล้างมือ เว้นระยะห่าง

วันที่ 7 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ ปฏิบัติการศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศปก.ศบค.)ให้สัมภาษณ์ถึงการทบทวนมาตรการช่วงสงกรานต์ เพื่อป้องกัน โควิด-19 ขณะนี้ยังคงดำเนินมาตรการเดิม แต่ได้เน้นย้ำให้มีการเว้นระยะห่างสวมหน้ากากอนามัย นอกนั้นยังสามารถดำเนินการได้ตามที่เคยอนุญาต รวมถึงการเดินทางข้ามจังหวัดยังทำได้ปกติ

"สุชาติ" เชื่อ​ รมต.ทุกคนระมัดตัวดี​ เล็งเสนอครม.ขยายเวลาตรวจเชื้อโควิด-19 ออกไป​ 1-2เดือน

​วันที่ 7 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ รมว.แรงงาน​ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ ถึงกรณีที่มีรัฐมนตรีกักตัวหลายคน​ สืบเนื่องจากคณะทำงานติดเชื้อโควิด-19​ ว่า​ รัฐมนตรีทุกคนระมัดระวังตัวเองอยู่แล้ว ส่วนที่ต้องกักตัวเพราะมีการบอกต่อ ๆ กันว่าคนนั้นคนนี้ที่มาหาติดเชื้อโควิด-19​ ซึ่งเชื่อว่ารัฐมนตรีระมัดระวังตัวเอง​ เช่น เดียวกับตนที่ระมัดระวังตนเอง สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้คิดว่ารัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขกำลังหามาตรการควบคุมอย่างดีที่สุด 

ส่วนในภาคแรงงานนั้น ได้กำชับไปทุกสถานประกอบการให้มีการป้องกันอย่างเข้มงวด​ ส่วนแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนก็ได้มีการตรวจหาเชื้อไปหลายแสนรายแล้ว​ โดยวันเดียวกันนี้จะขออนุมัติที่ประชุม​ ครม. ขยายเวลาในการตรวจหาเชื้อโควิด-19​ ของแรงงานต่างด้าวที่ไม่ทันวันที่ 16 เมษายนนี้ โดยจะขยายการตรวจออกไป 1-2 เดือน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนเป็นห่วงคือแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาโดยการให้ขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้รับการตรวจโควิด-19 เป็นการตัดประเด็นที่น่ากังวลออกไปทีละประเด็น

“บิ๊กตู่”ยอมรับกังวล​โควิด ครม.ลาประชุมเยอะ เผยตรวจSwob แล้วยังไม่พบเชื้อ ‘ย้ำ’ห่วงความรู้สึก​ประชาชน จ่อออกมาตรการคุมเข้ม​เพิ่มเติม

วันที่ 7 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนให้ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกล่าวยอมรับว่า กังวลถึงการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิค 19 ในขณะนี้ ซึ่งมีบุคคลใกล้ชิดคณะรัฐมนตรีติดเชื้อโควิค 19 ถึงทำให้ต้องลาประชุมและกักตัวเพื่อดูอาการ 14 วัน จึงได้มีการเปลี่ยนการประชุมผ่านระบบ Video Conference รวมทั้งในส่วนของกิจกรรมก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีการยกเลิกไป โดยให้กลับไปทำงานที่บ้าน สำหรับตน ได้มีการตรวจหาเชื้อโควิดแบบ Swob แต่ยังไม่พบเชื้อ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเรียกประชุมด่วน ศบค.ก่อนช่วงสงกรานต์หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องประชุมอะไรอีก ที่ผ่านมาได้มีการสั่งกำชับด้านมาตรการในทุกวันอยู่แล้ว พร้อมให้แนวคิดนำไปพิจารณาร่วมกันในคณะกรรมการส่วนที่เกี่ยวข้อง และในวันนี้อาจจะมีมาตรการออกมาเพิ่มเติมอีก ถึงอย่างไรก็ตามจะต้องห่วงความรู้สึกของประชาชน โดยทุกคนจะต้องร่วมมือกันหากไม่ร่วมมือก็จะเกิดขึ้นแบบนี้ซ้ำอีก พร้อมขอให้ระมัดระวัง​มากขึ้น ซึ่งก็ได้มีการกำชับ ครม.ไปแล้วทุกคน ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน ขออย่าให้อะไรต้องแย่ไปกว่าเดิมซึ่งก่อนเดินขึ้นตึกบัญชาการ 1 นายกรัฐมนตรี ยังได้ย้ำว่า เป็นห่วงประชาชนและได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว

“ชวน”ขอดูองค์ประชุมรัฐสภาก่อน หลังส.ส.ประกาศกักตัว 14 วัน ชี้หากตรวจไม่พบเชื้อสามารถร่วมประชุมได้ปกติ

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัยประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงกรณีที่ส.ส.และส.ว.อาจติดเชื้อโควิด-19 จนไม่สามารถเข้าร่วมประชุมรัฐสภาในวันนี้ทางรัฐสภามีมาตรการป้องกันโควิดป้องกันโควิดที่เข้มงวด ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนใครที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่าไปใกล้ชิดเอกอัคราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ก็ได้ไปตรวจหาเชื้อครบทุกคนแล้ว ไม่พบว่าบุคคลใดติดเชื้อ อีกทั้งท่านทูตก็ติดเชื้อหลังจากงานเลี้ยงดังกล่าว 

แต่สำหรับกรณีล่าสุดที่ไปร่วมกิจกรรมวันเกิดพรรคภูมิใจไทย และมีส.ส.ขอกักตัว 14 วันนั้น ตนยังไม่ทราบเพียงแต่วันนี้เราก็ต้องประชุมร่วมเรากันตามปกติ และต้องรอดูเรื่ององค์ประชุมว่าจะมีปัญหาหรือไม่  อย่างไรก็ตามหาก ส.ส.ไปตรวจแล้วไม่พบว่าติดเชื้อ ก็สามารถเข้าร่วมประชุมรัฐสภาได้ตามปกติ เมื่อถามว่าหากองค์ประชุมไม่ครบมีแผนรองรับอะไรหรือไม่นายชวนกล่าวว่า ไม่มีแผนรองรับ เพราะสมาชิกรัฐสภาไม่สามารถสำรองได้ แต่เชื่อว่าสมาชิกไม่ได้ติดเชื้อโควิดกันทุกคน

‘ศิริกัญญา ตันสกุล’ กล่างถึงกรณีไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว จี้รัฐเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ - ออกมาตรการการเงินช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพราะถือเป็นโอกาสสุดท้ายของประเทศขออย่าพลาดเป้าซ้ำรอยเดิม

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฝ่ายนโยบาย เปิดเผยทางเฟซบุ๊กแฟนเพจพรรคก้าวไกล ว่า หลังจาก ศบศ. มีข่าวดีเรื่องมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 ระยะ ระยะแรก เริ่มแล้วตั้งแต่เมื่อ 1 เม.ย. เปิดรับเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส แต่ยังต้องมีการกักตัวในโรงแรม 7 วันโดยไม่ต้องกักตัวในห้องพัก หลังจากนั้นจะสามารถเดินทางไปพื้นที่ปิดเพื่อท่องเที่ยวในพื้นที่ที่กำหนดภายนอกโรงแรมได้ โดยพื้นที่นำร่องได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา เกาะสมุย พัทยา และเชียงใหม่ ระยะที่ 2 ดีเดย์วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตได้และต้องกักตัวอยู่ในภูเก็ตอย่างน้อย 7 วัน ก่อนที่จะสามารถเดินทางไปที่อื่นๆ ได้ และใช้มาตรการป้องกันควบคู่กับ Vaccine Certificated รวมถึงใช้แอปพลิเคชันติดตามตัว ส่วนระยะที่ 3 ในไตรมาส 4 ปี 2564 จะเพิ่มพื้นที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ต้องกักตัวมากขึ้น เช่น กระบี่ พังงา เกาะสมุย พัทยา และเชียงใหม่

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนทางมาจำนวน 1 แสนคนในไตรมาส 3 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศยุโรป และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 6.5 ล้านคนในปี 2564

เท่ากับเรามีเวลาอีก 3 เดือน เพื่อเตรียมตัวเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังมีอีก 2 เรื่องใหญ่ๆ ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาให้ทัน เรื่องแรกคือการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในจังหวัดนำร่องให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ หรือ herd immunity ให้ทันเวลา และเรื่องที่ 2 คือ เตรียมการให้ผู้ประกอบการพร้อมรับนักท่องเที่ยว

สำหรับเรื่องแรก การเร่งฉีดวัคซีน เพื่อเตรียมรับการเปิดประเทศในเดือนกรกฎาคม ภูเก็ตจะได้วัคซีนราว 100,000 โดส สำหรับ 50,000 คน ในปัจจุบันอัตราการฉีดในภูเก็ตขณะนี้ยังอยู่ที่วันละ 4,000 คนเท่านั้น และยังต้องรออีกระยะเพื่อให้ประชาชนเกิดภูมิคุ้มกัน ตอนนี้ได้รับจัดสรร 50,000 โดสแรกมาแล้ว จากรายงานข่าวของมติชน สาธารณสุขคาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้คนภูเก็ตได้เพิ่มเป็นวันละ 7,000 คน นั่นหมายความว่าหากเป็นไปตามแผน จังหวัดภูเก็ตก็จะกระจายวัคซีนล็อตสอง 50,000 โดส เสร็จสิ้นก่อนสงกรานต์ แต่หากจะฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ จังหวัดภูเก็ตต้องฉีควัคซีนให้ได้ถึง 70% หรือคิดเป็นประชากรราว 460,000 คน ซึ่งต้องใช้วัคซีนประมาณ 920,000 – 930,000 โดส ก่อนเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ฉีดวัคซีนครบแล้วให้เดินทางเข้ามา นับว่าเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง

การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นเรื่องสำคัญมาก ถึงแม้เราจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วถึงจะเข้าประเทศได้ แต่อย่าลืมข้อเท็จจริงที่ว่าการฉีดวัคซีนโควิดนั้นจะช่วยลดความรุนแรงของอาการป่วย แต่ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ และการแพร่เชื้อ ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วจะยังเป็นพาหะของโรคโควิดและสามารถแพร่กระจายโรคได้ ประโยชน์ของการรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วอยู่ที่เราไม่ต้องเสียทรัพยากรทางการแพทย์ไปรักษานักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังมีความเสี่ยงจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในจังหวัดนำร่องได้เพราะการกักตัวลดลงเหลือ 7 วัน ดังนั้นอย่างน้อยที่สุดหลังกักตัวก็ควรมีการตรวจโควิดแบบ rapid test ดูว่าร่องรอยการติดเชื้อหรือไม่ เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่น่าจะสร้างความอุ่นใจให้ประชาชนได้ไม่น้อย

สำหรับเรื่องที่สอง ศิริกัญญา กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการ ครม. เพิ่งมีมติเห็นชอบ 2 มาตรการทางการเงินช่วยเหลือ SME คือมาตรการซอฟต์โลนรอบที่ 2 วงเงิน 250,000 ล้านบาท และ มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ (Asset Warehousing) วงเงิน 100,000 ล้านบาท ที่มีแผนจะออกเป็น พรก. โดยอ้างว่าเป็นความเร่งด่วน แต่ยังไม่คลอดออกมาเสียที ทั้งที่ความจริงถ้าจะออกเป็น พ.ร.บ. ก็ไม่น่าจะมีใครขัดข้อง ยอมให้ตั้งกรรมาธิการทั้งสภาเพื่อเปิดช่องทางด่วนให้ผ่านวาระ 2,3 ได้ในวันเดียว แถมสภาฯ ก็เปิดสมัยวิสามัญกันอยู่เป็นระยะ

2 มาตรการช่วยเหลือด้านการเงินนี้ ดูจะเป็นความหวังสำหรับภาคท่องเที่ยว มาตรการซอฟต์โลนรอบ 2 น่าช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้สภาพคล่องไปเตรียมตัวเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังจากโรงแรมหลายแห่งต้องปิดตัวชั่วคราวมาระยะหนึ่งหลังการแพร่ระบาดและนักท่องเที่ยวหดหาย ข้อดีของมาตรการรอบนี้คือยอมให้เอกชนที่ยังไม่เคยมีหนี้กับแบงก์ขอกู้ได้ด้วย ยืดระยะเวลาการจ่ายคืนหนี้ออกไปได้สูงสุดถึง 10 ปี แต่ต้องยอมให้แบงก์ชาร์จดอกเบี้ยแพงขึ้นเป็น 5% และแก้ปัญหาแบงก์ไม่อยากปล่อยลูกค้ากลุ่มเสี่ยงอย่างภาคท่องเที่ยวด้วยการการันตีสินเชื่อโดย บสย. สูงถึง 40% ของพอร์ตสินเชื่อ และอยู่ระหว่างการออกประกาศสัดส่วนการันตีหนี้ตามขนาดของสินเชื่อ รายเล็กอาจจะได้ค้ำประกันในสัดส่วนที่มากกว่าเพื่อจูงใจให้แบงก์กล้าปล่อยมากขึ้น

การแก้ไขซอฟต์โลนรอบนี้ก็คล้ายคลึงกับร่างแก้ไขพรก.ซอฟต์โลนที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นต่อสภาไปแล้ว เพื่อปลดล็อกซอฟต์โลน 500,000 ล้านก้อนแรกที่ผ่านไปเกือบปี เพิ่งปล่อยออกไปเพียง 130,000 ล้าน เพราะแบงก์เองยังไม่กล้าปล่อยด้วยความที่กลัวความเสี่ยง และดอกเบี้ย 2% นั้นเข้าเนื้อ ส่วนลูกหนี้ก็บ่นว่าให้กู้แค่ 2 ปีจ่ายคืนหนี้ไม่ไหว

ส่วนมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ หรือ Asset Warehousing น่าจะมาช่วยต่อลมหายใจ ลูกหนี้ที่ใกล้จะหมดลม เพราะจ่ายหนี้ไม่ไหว มาตรการนี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้ โดยการยกทรัพย์สิน เช่น อาคาร หรือที่ดินให้เป็นของแบงก์แทนการจ่ายหนี้ ลูกหนี้ยังคงสิทธิ์ในการซื้อคืนในราคาตีโอน เช่น ธุรกิจโรงแรมสามารถโอนตึกโรงแรมให้เป็นของแบงก์เพื่อปลดหนี้ส่วนหนึ่ง หลังจากนี้ยังสามารถเช่าใช้ตึกทำธุรกิจต่อได้ จนครบ 5 ปีก็สามารถซื้อคืนได้ตามมูลค่าที่แบงก์ตีราคาในวันที่โอน บวกค่าใช้จ่าย carrying cost 1% และค่าบำรุงรักษา ส่วนแบงก์เองก็น่าจะชอบแนวทางนี้ เพราะนอกจากจะได้ซอฟต์โลนจากแบงก์ชาติ ในอัตรา 0.01% แล้ว ยังไม่ต้องกันสำรองหนี้ที่กำลังจะกลายเป็น NPL กำไรเพิ่มเห็น ๆ

ดูเผินๆ ก็น่าจะช่วยแบ่งเบายอดหนี้ให้กับลูกหนี้ ส่วนแบงก์ก็ได้ลดหนี้ NPL วิน-วินทั้งสองฝ่าย แต่ก็ต้องตามดูในรายละเอียดที่ออกตามมา ในการกำกับดูแลการคิดค่าเช่า ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษา การประเมินราคาว่าจะเป็นธรรมกับทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้หรือไม่ หรือกลายจะเป็นการอุ้มแบงก์เหมือนที่ผ่าน ๆ มา

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ รอแค่ให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการนี้มาโดยเร็ว ให้ทันการณ์ และจะรอช้าไม่ได้ เพราะประเทศกำลังจะเปิดรับนักท่องเที่ยวชุดใหญ่ในอีกไม่กี่เดือนแล้ว กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวได้มีสภาพคล่องไปรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว ปรับปรุงฟื้นฟูสถานที่ เตรียมการจ้างงาน ถึงแม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะกลับมาไม่มากเท่าเดิมในปีนี้ และไม่น่าจะถึงเป้า 6.5 ล้านคนที่ ททท. คาดหวัง แต่ก็เป็นการต่อลมหายใจให้เมืองท่องเที่ยวได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เป็นความหวังเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาผงกหัวขึ้นได้ต่อในปี 2564

“ที่ต้องออกมาเตือนกัน เพราะไม่อยากให้ซ้ำรอยเดิม ที่รัฐบาลเพิกเฉยกับงบฟื้นฟูที่มีอยู่ตรงหน้า ทำให้พลาดโอกาสพลิกฟื้นเศรษฐกิจไปอย่างน่าเสียดาย โครงการต่างๆ ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านภายใต้ พรก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน ที่เพิ่งอนุมัติกันไปเพียง 130,000 ล้านบาท เบิกจ่ายไปได้ไม่ถึงครึ่ง มีโครงการพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว งบ 15 ล้าน เบิกจ่ายไปไม่ถึง 2 ล้าน หรือแม้แต่โครงการเราเที่ยวด้วยกันที่แป๊กแล้วแป๊กอีก วาดฝันโครงการไว้ 20,000 ล้าน แต่เพิ่งใช้งบไปเพียง 8,700 ล้านบาทเท่านั้นเอง” นางสาวศิริกัญญา กล่าวปิดท้าย

“อนุทิน” แจงแผนจัดการวัคซีนโควิด 19 ลุ้น เดือนเมษาฯ ได้ 1.5 ล้านโดส

วันที่ 5 เมษายน ที่ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงแผนบริการจัดการวัคซีนโควิด -19 ว่า สำหรับวัคซีนป้องกันโควิด 19 จากบริษัท Sinovac จำนวน 1 ล้านโดส สุดท้ายจากการคำสั่งจัดหาทั้งสิ้น 2 ล้านโดส ได้รับการยืนยันว่าจะส่งเข้ามาถึงไทยภายในกลางเดือนเมษายน 2564 และล่าสุด ได้รับรายงานว่า ได้ประสบความสำเร็จ ในการเจรจาสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มเติมจากบริษัท Sinovac อีก 500,000 โดส  ซึ่งตามแผนไทยจะได้รับวัคซีนในเดือนเมษายนเช่นกัน  สรุปเดือนนี้ ไทยน่าจะได้วัคซีน 1.5 ล้านโดส

"การที่ประเทศไทยมีวัคซีนที่จัดหาได้เพิ่มเติมเช่นนี้ ก็เพื่อรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้า และเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรให้เป็นไปตามแผนระยะต่างๆ ระหว่างรอวัคซีนจากแอสตร้าเซเนก้า ที่ผลิตใน ประเทศไทย ซึ่งทยอยออกมาฉีดให้ประชาชนในเดือนมิ.ย. เดือนละ 5-10 ล้านโดส" 

นายอนุทิน กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในสถานบันเทิง ว่า กรมควบคุมโรค รายงานข้อมูลการติดเชื้อจากสถานบันเทิงสูงตัวเลขค่อนข้างสูง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของประชาชน  จะต้องเสนอมาตรการที่มีความเข้มข้นต่อที่ประชุม ศบค. อาจถึงขั้นเสนอให้ปิดสถานบันเทิงในพื้นที่เสี่ยงหรือมาตรการที่มากกว่านั้น เพราะหากติดในพื้นที่หนึ่ง แต่บางพื้นที่ยังเปิดอยู่ ก็อาจจะเกิดการเคลื่อนย้ายของคน ซึ่งจะควบคุมได้ยาก 

"แต่ก็ต้องให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกันอีกครั้งหนึ่ง ขอให้ประชาชนช่วยกัน ให้ความร่วมมือในมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ในปีที่ผ่านมาเราสามารถควบคุมการระบาดไว้ได้ เพราะทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ระหว่างนี้ก็จะมีการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนตามแผนที่เราได้วางไว้" อนุทินกล่าว 

นายอนุทิน กล่าวว่า ในพื้นที่ กทม. ได้ปรับแผนบริการวัคซีนโดยจะนำลงไปฉีดให้กับ พนักงานที่ทำงานในสถานบันเทิงและครอบครัว ในข้อเสนอนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละพื้นที่ โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ทำงานอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแผนหลักสำหรับจัดการสถานการณ์ แต่เมื่อมีเหตุเร่งด่วนก็พร้อมปรับแผนเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่เข้ามา ขอย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขทำงานอย่างเต็มความสามารถ ทุกอย่างอยู่ในแผนหลัก และแผนรอง 

ทบ. ร่วมกับทุกส่วน ตั้งจุดบริการดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนเทศกาลสงกรานต์ 2564 สร้างความปลอดภัย ร่วมสืบสานประเพณีไทยใต้รูปแบบวิถีใหม่

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2564 พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก มีข้อห่วงใยต่อกำลังพล ครอบครัวและประชาชน อยากให้เฉลิมฉลองเทศกาลอย่างมีความสุข โดยไม่ประมาท กองทัพบกได้บูรณาการร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ภาคเอกชนและประชาชนจิตอาสาใช้ศักยภาพของทุกองค์กรในการจัดตั้งจุดบริการร่วมและอำนวยความสะดวกในรูปแบบ New Normal “สงกรานต์ ปลอดภัยกองทัพบกห่วงใยประชาชน” บริเวณเส้นทางปมคมนาคมที่มีการจราจรหนาแน่นและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จุดที่ประชาชนสามารถเข้าถึง และรับบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10-17 เมษายน 64 โดยบริการในรูปแบบครบวงจรตามมาตรการ ศบค.  

ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ กล่าวต่อว่า โดยประชาชนที่มีแผนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลนี้ นอกจากแวะพักรับบริการตามจุดต่างๆ แล้ว กองทัพบกยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในเขตทหารเป็นทางเลือกให้ได้เข้าชม และพักผ่อนจากการขับยานพาหนะในการเดินทาง อาทิ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์เรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศรวมทั้งสถานพักฟื้นและพักผ่อนของกองทัพบก กรีนเลครีสอร์ท จ.เชียงใหม่, สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ จ.เชียงราย สำหรับพื้นที่ที่มีการจัดกิจกรรมสงกรานต์ตามแต่ละจังหวัด กำลังพลจิตอาสาของกองทัพบกได้ลงพื้นที่ทำความสะอาดเตรียมสถานที่ สนับสนุนบุคลากรสายแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายทั้ง 37 แห่ง ร่วมกับสาธารณสุขในพื้นที่ให้บริการดูแลรักษาประชาชน รวมทั้งหน่วยทหารมีการเตรียมเข้าบริจาคโลหิตหากมีเหตุฉุกเฉินหรือความจำเป็นเร่งด่วนด้วย 

‘บิ๊กตู่’ แย้มอยู่ระหว่างพิจารณาปิดสถานบันเทิง หลังพบผับ ย่านทองหล่อ เป็นคลัสเตอร์ใหม่ กระจายเชื้อโควิด-19

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่าขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาปิดสถานบันเทิงที่เป็นคลัสเตอร์แพร่ระบาดใหม่

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีเข้าไปในสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ซึ่งพบว่ามีผู้ติดโควิด-19 เข้าไปใช้บริการนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีที่เป็นข่าวได้มีการชี้แจงเรื่องนี้แล้ว โดยขอให้มองเป็นบุคคลธรรมดาเหมือนประชาชนทั่วไป เพียงแต่บุคคลดังกล่าวจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นถ้าทำเช่นนั้นจริง ซึ่งตนก็ได้เตือนไปแล้ว

นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบว่าจากนี้ไปต้องมีการย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)หรือไม่ ว่า หากจะเดินทางไปสถานที่ใดก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ส่วนจะพิจารณาปิดสถานบันเทิงที่เป็นคลัสเตอร์แพร่ระบาดใหม่หรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

ขณะเดียวกัน ทางด้านศบค.จะมีการหารือกำหนดมาตรการ โดยอธิบดีกรมควบคุมโรค จะเสนอมาตรการกันโควิด-19 ต่อที่ประชุม ศบค. โดยจะให้เจ้าพนักงานมีอำนาจ หากพบมีความเสี่ยง สามารถสั่งปิดสถานประกอบการ แล้วให้ไปจัดการทำตามมาตรการที่กำหนด ได้ทันที โดยมีข้อสรุปเป็น 3 ประเด็น

1.) หากพบ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ใด มีการพบการติดเชื้อโควิด-19 จะต้องมีการปิดสถานบันเทิงในทันที เบื้องต้น เป็นเวลา 2 สัปดาห์

2.) หากพบโซนสถานประกอบ ที่มีการติดเชื้อเป็นวงกว้าง และพบว่า ไม่สามารถควบคุมไม่ได้ ให้อำนาจ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ผู้ว่าฯ กทม.พิจารณาสั่งปิดเป็นโซน หรือหากแย่จริงๆ ขยายปิดทั้งจังหวัดได้ ดังนั้น เน้นย้ำ ผู้ประกอบการทุกราย ต้อง "ยกการ์ดสูง"

และ 3.) สิ่งสำคัญ คือ มาตรการเข้มงวดร้านอาหาร แม้ตอนนี้ยังไม่พบมีการติดเชื้อโควิด-19 เป็นกลุ่มเป็นก้อนในร้านอาหารก็ตาม แต่พบว่า ผู้ที่ไปในสถานบันเทิงก็มีการไปกินอาหารในร้านอาหารกับญาติพี่น้องด้วย ดังนั้น ศบค.ฝากเน้นย้ำ ให้สถานบันเทิง ร้านอาหาร พื้นที่ชุมนุม อยากให้ช่วยกันเฝ้าระวัง อย่างเข้มงวดที่สุด โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ ที่จะถึงนี้ ศบค. จะขอติดตามดูแลท่าน แบบ "หายใจรดต้นคอ" ตอนนี้ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อ แต่หากอีก 3 วัน มีรายงานเมื่อใด ก็ต้องสั่งปิด ดังนั้นของเจ้าของสถานประกอบการ และประชาชน ได้ช่วยกันสอดส่องดูแลอย่างเข้มงวดด้วย

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน

ประจำวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2564

‘วราวุธ’ ไม่กังวล กระแสโซเชียล เปรียบเจาะบ่อบาดาลรัฐกับ ‘พิมรี่พาย’ ยันโปร่งใส ตรวจสอบได้ เล็งดำเนินคดีผู้ลักลอบขุดเจาะบ่อบาดาล ผิดกฎหมาย

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์กรณีโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์การขุดบ่อบาดาล ที่ ‘พิมรี่พาย’ แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ช่วยชาวบ้านขุดโดยใช้แสนกว่าบาท กับของภาครัฐ ว่า แต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน บางพื้นที่ขุดเป็นร้อยเมตรจึงเจอน้ำ แต่บางพื้นที่ขุดเพียง 40 - 50 เมตรแล้วเจอน้ำบาดาล ส่วนในพื้นที่ภาคกลางขุดอย่างต่ำ ต้องลึกถึง 300 - 400 เมตร

โดยค่าใช้จ่ายก็มีราคาในการขุดแตกต่างกันไป ถ้าขุดตื้นราคาอยู่ในหลักแสน หากขุดลึกลงไปถึง 400 เมตร ราคาหลักแสนเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะคุณภาพและมาตรการต่าง ๆ ที่จะต้องมีเทคนิคเข้ามาช่วย ทั้งรถเจาะ หรือเครื่องกรองน้ำที่จะต้องมากรองน้ำที่อาจมีโลหะหนักอย่างสนิมเหล็ก ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

นายวราวุธ กล่าวว่า ยืนยันว่าโดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มีราคากลางที่สำนักงบประมาณกำหนดเอาไว้ว่าอุปกรณ์ในการขุดเจาะน้ำบาดาลแต่ละอย่างมีราคาเท่าไหร่ สามารถตรวจสอบได้ หากบางพื้นที่มีการร้องเรียนเข้ามาทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก็จะลงไปตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลกับกระแสทางโซเชียลฯ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบบ้างหรือไม่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเวลาเปรียบเทียบก็คงเปรียบเทียบกับสิ่งที่ใกล้เคียงกัน คือหากเจาะลงไป 40 เมตรแล้วเจอน้ำเลย จะดีใจมากเพราะงบประมาณที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีอยู่ จะสามารถนำไปเจาะได้อีกหลายพันบ่อ และปีที่ผ่านมากรมทรัพยากรน้ำบาดาลเจาะไปเกือบพันบ่อแล้ว ซึ่งระบบที่ทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการ ทางพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เน้นให้ดูแลประชาชนในวงกว้าง บางแห่งสามารถดูแลประชาชนได้ทั้งตำบล เราเดินบาดาลระยะไกล พื้นที่การเกษตรเกือบพันไร่ ไม่ใช่ดูแลแค่หมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่ง

“เป็นสิ่งที่ดีที่ปัจจุบันมีประชาชนหลายฝ่ายให้ความสนใจและมาช่วยชาวบ้านที่เดือดร้อนเรื่องน้ำ แต่การทำงานอาจแตกต่างกันทั้งในลักษณะการทำงานและความยากง่ายในการทำงานเพราะราชการก็ทราบกันดีว่ากฎระเบียบหลายอย่าง”

เมื่อถามว่าก่อนขุดเจาะน้ำบาดาลปกติจะมีกรมทรัพยากรธรณี ไปสำรวจก่อนหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ต้องมีการสำรวจก่อนเพื่อดูสภาพพื้นที่โดยรวมว่าปลอดภัยแค่ไหนที่จะเจาะ ถ้าเจาะแล้วพื้นที่ดังกล่าวยุบลงไปก็จะมีปัญหาได้ และต้องดูด้วยว่าโดยรอบมีแหล่งน้ำบนดินหรือไม่ ถ้ามีก็จะพัฒนาแหล่งน้ำบนดินก่อน เพราะไม่จำเป็นเราไม่อยากเอาขึ้นมาใช้เพราะเป็นสมบัติที่ปู่ ยา ตา ทวด เก็บเอาไว้

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ภาคเอกชนสามารถขุดเจาะไปได้ก่อนแล้วค่อยมาทำเรื่องขอทีหลัง นายวราวุธ กล่าวว่า อาจจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเพราะอะไรก็แล้วแต่ที่มีความลึกเกิน 15 เมตร ไปจะต้องได้รับการอนุญาตกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก่อน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่อาจเจาะแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา หรืออาจมีผลต่อสภาพของชั้นใต้ดิน จึงต้องสำรวจและขออนุญาตก่อน ส่วนกรณีที่มีผู้ลักลอบขุดเจาะบ่อบาดาล เรากำลังดำเนินการตรวจสอบและปราบปราม เนื่องจากกระทบกับชั้นน้ำใต้ดินที่อาจส่งผลทำให้ปริมาณน้ำลดลงอย่างมีนัยยะ จนทำให้แผ่นดินทรุด

ทบ.เริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้กำลังพลปฏิบัติงานกองกำลังชายแดน 5,361 นาย ตั้งแต่ มี.ค.แล้ว เหตุภารกิจด่านหน้าเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคสูง

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองกำลังชายแดนยังคงดำรงภารกิจในการสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID -19 ด้วยการช่วยคัดกรองโรค ณ จุดผ่านแดน การสกัดกั้นการลักลอบเมืองโดยผิดกฎหมายไม่ผ่านการคัดกรองโรค ด้วยการเฝ้าตรวจ ลาดตระเวน การติดตั้งเครื่องกีดขวางในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการใช้เครื่องมือพิเศษในการเฝ้าตรวจ ซึ่งเป็นการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค เพราะถือเป็นด่านหน้าหากตรวจพบผู้ลักลอบเข้าเมือง และเพื่อเป็นการให้กองกำลังชายแดนได้ปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย มีภูมิคุ้มกัน และเป็นไปตามมาตรการของสาธารณสุขในการป้องกันเจ้าหน้าที่หน้าด่าน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสโรค ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรวัคซีนให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณแนวชายแดนไทย – เมียนมา จำนวน 5,361 นาย ซึ่งได้เริ่มฉีดให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานใน กองกำลังนเรศวร, กองกำลังผาเมือง, กองกำลังสุรสีห์ และกองกำลังเทพสตรี ในห้วงเดือน มีนาคมที่ผ่านมา 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การทำงานในพื้นที่ชายแดนซึ่งถือเป็นด่านหน้าในการป้องกัน COVID-19  ด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่กำลังพลจะต้องได้รับวัคซีน COVID ซึ่งขณะนี้ทางกรมแพทย์ทหารบกได้ประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดูแลให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วน สำหรับในภาพรวมของกองทัพบก กำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต่างๆ ได้รับการฉีดวัคซีน รวม 3,625 นาย  จำแนกเป็น บุคลากรทางการแพทย์ 1,830 นาย, สถานที่กักกันโรค 20 นาย, กองกำลังป้องกันชายแดน 567 นาย, พื้นที่ควบคุมสูงสุด (จ.สมุทรสาคร) 1,187 นาย และ พื้นที่เฝ้าระวัง 21 นาย

ทบ. จัดตรวจเลือกทหาร 1-20 เม.ย.นี้ ย้ำระบบสมัครใจ-คัดเลือก เผยเพิ่มโอกาสต่อยอดสู่ทหารอาชีพ สร้างแรงจูงใจให้คนสมัครเป็นทหาร ปลื้มภาพรวม4วันเรียบร้อย

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ขณะนี้กองทัพบกอยู่ในระหว่างดำเนินการตรวจเลือกทหารประจำปี 2564 ระหว่าง 1 – 20 เมษายน 64 ภายใต้มาตรการป้องกัน COVID-19 ทั้งเรื่องสถานที่คณะกรรมการการตรวจเลือกจำกัดจำนวนผู้เข้ารับการตรวจเลือกโดยได้รับความร่วมมือจากทั้งฝ่ายปกครองของแต่ละจังหวัดและสาธารณสุข การตรวจเลือกฯ ผ่านมา 4 วันแล้วภาพรวมได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชายไทยที่อยู่ในเกณฑ์เข้ารับการตรวจเลือกกองทัพบกขอขอบคุณชายไทยที่ได้ทำหน้าที่ของตนเองตามที่กฎหมายกำหนดและขอเชิญชวนสำหรับผู้ที่มีความพร้อมสมัครเป็นทหารกองประจำการในวันที่เข้ารับการตรวจเลือก

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับนักศึกษาที่มีวันสอบของสถานศึกษาตรงกับวันที่เข้ารับการตรวจเลือกในปีนี้กองทัพบกได้อำนวยความสะดวกให้ เพราะถือว่ามีเหตุจำเป็นสุดวิสัย ขอให้ไปรายงานตัวกับสัสดีอำเภอ/เขต ตั้งแต่ 21 เมษายน -15 พฤษภาคม 64 และต้องเข้ารับการตรวจเลือกในปีถัดไป ล่าสุดในการตรวจเลือกฯ วันที่ 1-4 เมษายน 64 ที่ผ่านมา มีผู้ที่สมัครใจเป็นทหารกองประจำการถึง 11,834 คน ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้กำชับให้หน่วยงานที่ดำเนินการตรวจเลือกทหารกองประจำการอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้ารับการตรวจเลือกตามขั้นตอนของทางราชการ โดยเฉพาะการเชิญชวนให้สมัคร ทำให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อการเป็นทหาร

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามการคัดเลือกทหารกองประจำการในปีนี้จากนโยบายของกระทรวงกลาโหมที่มุ่งพัฒนาการตรวจเลือกทหารไปสู่ระบบทหารกองประจำการอาสาทดแทนการเรียกเกณฑ์ให้เป็นรูปธรรมในอนาคต ซึ่งกองทัพบกได้นำนโยบายดังกล่าวมาสู่การปฏิบัติ โดยเมื่อช่วง ก.พ.- มี.ค. ได้เปิดรับสมัครทหารกองเกินอายุ 18-20 และ 22-29 ปี เป็นทหารกองประจำการด้วยระบบออนไลน์ มีผู้สมัครและผ่านคุณสมบัติ จำนวน 3,220 คน และที่ผ่านมาก็รณรงค์ ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้มีการสมัครเป็นทหารกองประจำการ  

เน้นการให้โอกาสต่อยอดสู่ทหารอาชีพโดยในปี 2564 กองทัพบกได้ปรับเพิ่ม พลทหารเป็นนักเรียนนายสิบสูงถึง 80% จากเดิม 50% และมีการเพิ่มคะแนนพิเศษให้กับทหารกองประจำการในการสอบเป็นข้าราชการของกองทัพบกการปรับและพัฒนาแนวทางการรับทหารกองประจำการดังกล่าว จะช่วยให้การตรวจเลือกที่ดำเนินการมาในลักษณะแบบผสมผสาน คือการรับสมัครและการคัดเลือกนำไปสู่การตรวจเลือกทหารโดยสมัครใจอย่างเต็มรูปแบบ การให้โอกาสต่อยอดสู่ทหารอาชีพที่กองทัพบกได้ดำเนินการในห้วง2ปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับทั้งจากทหารกองประจำการและประชาชน ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนอยากเป็นทหารมากขึ้น             

ทบ.เข้มกฎเหล็กห้ามกำลังพลยุ่งการเมือง ยกคำสั่ง 388 / 2563 ขู่ หากฝืนตั้งกก.สอบฟันวินัย-อาญา จับตา “ม็อบจตุพร”

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.ประกาศชุมนุมต่อเนื่องว่า กองทัพบกมีระเบียบวินัยสำหรับกำลังพล โดยกองทัพบกได้ออกคำสั่งที่ 388 / 2563 ที่กำหนดไว้ว่ากำลังพลสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง รวมถึงการโพชส์ข้อความตามโซเชียลต่างๆ เรามีข้อห้ามชัดเจนและหากกำลังพลกระทำผิด กองทัพบกก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหากพบว่ามีความผิดก็ต้องได้รับโทษ หากเป็นความผิดทางวินัยก็ดำเนินการตามขั้นตอน แต่ถ้าไปเกี่ยวข้องกับคดีอาญาก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้ทหารทำได้เพียงการติดตามข้อมูลข่าวสารการชุมนุมเท่านั้น ยืนยันว่าการชุมนุมเป็นสิทธิของประชาชนที่สามารถทำได้ หากไม่ขัดต่อกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมากรมกำลังพลทหารบกได้ออกคำสั่งได้ออกข้อควรปฏิบัติและข้อไม่ควรปฏิบัติของกำลังพลสังกัดกองทัพบกโดยอ้างอิงจาก1.ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยข้าราชการกลาโหมกับการเมืองพ.ศ 2499 2. คําสั่งกองทัพบกที่ 388 / 2563 ลง 9 ก.ย.2563 เรื่องแนวทางการดำเนินการต่อกำลังพลที่กระทำผิดและหาก ผู้ใดฝ่าฝืนข้อบังคับกระทรวงกลาโหมและคำสั่งกองทัพบกถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาทหารมาตรา 33 ,11 และ 32 ตามแต่กรณี ทั้งนี้ กองทัพบก ได้ทำโปสเตอร์ติดภายในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยระบุ สิ่งที่กำลังพลสามารถทำได้ดังนี้ 1.การสมัครเข้าเป็นสมาชิกในพรรคการเมืองใดต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้บัญชาการทหารบกทราบ 2. การเข้าร่วมประชุมทางการเมืองในฐานะส่วนตัวได้แต่ต้องไม่สวมเครื่องแบบและไม่ใช้ในเวลาราชการ 3. ปฏิบัติราชการในหน้าที่ด้วยการวางตนเป็นกลางโดยไม่มุ่งหวังประโยชน์ของพรรคการเมืองใดโดยเฉพาะแต่ทั้งนี้ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล 4. ลงคะแนนเสียง/ แสดงความคิดเห็นส่วนตัวต่อผู้ลงสมัครได้5. การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองสามารถกระทำได้โดยไม่แต่งเครื่องแบบและไม่ใช้เวลาราชการทั้งนี้ในการเข้าร่วมประชุมในที่สาธารณะนั้นต้องเป็นไปอย่างสงบ

ส่วนสิ่งที่กำลังพลไม่สามารถกระทำได้ มีดังนี้1. ไม่กระทำการใดๆอันมีลักษณะพาดพิง ส่อเสียด ล้อเลียน สถาบัน รัฐบาล และผู้บังคับบัญชา 2. ไม่แต่งเครื่องแบบหรือชุดอื่นใดรวมถึงใช้ตราสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นทหารเข้าร่วมประชุมกับพรรคการเมืองหรือไปร่วมชุมนุมในที่สาธารณะอันเป็นการประชุมที่มีลักษณะทางการเมือง 3. ไม่ประดับเครื่องหมายหรือแต่งเครื่องแบบของพรรคการเมืองเข้าไปในสถานที่ราชการ 4. ไม่บังคับผู้อยู่ในบังคับบัญชา ทั้งโดย ตรงหรือโดยปริยายให้เป็นสมาชิกในพรรคการเมืองใดและไม่กระทำการในทางให้คุณหรือให้โทษ 5. ไม่แทรกแซงในทางการเมืองหรือใช้การเมืองเป็นเครื่องมือเพื่อการทำกิจการต่างๆ 6. ไม่แสดงออกโดยตรงหรือโดยปริยายที่จะเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งในระยะเวลา ที่มีการสมัครรับเลือกตั้ง 7. ไม่โพสต์ข้อความทางการเมืองในเวลาราชการในสถานที่ราชการหรือใช้คอมพิวเตอร์ของราชการรวมถึงห้ามใช้ account ของราชการร่วมกิจกรรมทางการเมืองบนสื่อสังคมออนไลน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top