Wednesday, 23 April 2025
POLITICS NEWS

รัฐบาลลดภาระหนี้ กยศ. ยกเลิกการกำหนดให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุน และลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี ตั้งแต่ปีการศึกษา 64 เป็นต้นไป 

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยปัญหาหนี้ทั้ง กยศ. และปัญหาหนี้สินครู จึงมอบหมายให้หน่วยงานเร่งหามาตรการช่วยเหลือ ดังนั้น รัฐบาลโดยกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จึงได้ยกเลิกการกำหนดให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุน สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับอนุมัติให้กู้ยืมเงินและทำสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป

รวมทั้งลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี เป็นการเฉพาะกิจ สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและมิได้เป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้หรือเคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 – 31 ธันวาคม 2564    พร้อมขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมสู้ภัยโควิดถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 นอกจากนี้ จะชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ผิดนัดชำระหนี้ประจำปี 2563 และปี 2564 ยกเว้นคดีที่จะขาดอายุความในปี 2564  ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากที่มีการเปิดตัว “กยศ. Connect”  เพื่อเป็นช่องทางดิจิทัลสำหรับการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป มียอดดาวน์โหลด ถึงวันที่ 28 เม.ย. ตำนวน 2,580,553 ราย โดยเงื่อนไขการกู้ยืมยังเป็น 4 ลักษณะ คือ ลักษณะที่ 1 นักเรียนหรือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลักษณะที่ 2 นักเรียน/นักศึกษาที่ศึกษาในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหลัก ซึ่งมีความชัดเจนของการผลิตกําลังคนและมีความจําเป็นต่อการพัฒนาประเทศ ลักษณะที่ 3 นักเรียนหรือนักศึกษา ที่ศึกษาในสาขาวิชาขาดแคลน หรือที่กองทุนมุ่งส่งเสริมเป็นพิเศษ และลักษณะที่ 4 นักเรียนหรือนักศึกษาที่เรียนดี เพื่อสร้างความเป็นเลิศ โดยเปิดให้กู้ในระดับปริญญาโทด้วยซึ่งเป็นตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องเห็นเด็กไทยมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาทุกคน   

“จุรินทร์” ย้ำคำสั่งรมต.คุมโซนจังหวัดจบแล้ว ถือเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด ยัน ณ เวลานี้พรรคร่วมยังทำงานมีเอกภาพอยู่ มั่นใจรบ.แก้ปัญหา “ศก.-โควิด-การเมือง”ได้ ปัดตอบยุบสภาปลายปี

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นากยรัฐมนตรี ยกเลิกคำสั่งมอบหมายรัฐมนตรี รับผิดชอบภารกิจขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันแลในแต่ละจังหวัด โดยให้รองนายกรัฐมนตรีดูแลกลุ่มจังหวัดแทน โดยอ้างสถานการณ์โควิด-19 แต่ ส.ส.ภาคใต้พรรคพลังประชารัฐยังไม่พอใจ และจะเคลื่อนไหวกดดันให้รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐได้ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ว่า เรื่องดังกล่าวตนไม่ได้คุยกับพลังประชารัฐ เพราะเข้าใจว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีไม่ได้แจ้งอะไร แต่ตนได้หารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่เห็นตรงกันว่า การออกคำสั่งดังกล่าว น่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดแล้วในสถานการณ์นี้

จึงเรียกได้ว่าอย่างน้อยในเบื้องต้นเรื่องนี้บอกว่าจบแล้วก็น่าจะได้ และถัดจากนี้หากจะมีเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ ตนคิดว่าก็จะมีการหารือกัน เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาโดยไม่จำเป็นเมื่อถามว่า ถือว่าเรื่องนี้เข้าใจกันดีแล้วใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ถือว่าจบได้ อย่างน้อยที่สุดในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ส่วนนายกรัฐมนตรี ได้ส่งสัญญาณใดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสั่งหรือไม่นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งในที่ประชุมแล้ว ถึงการแบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบในเขตจังหวัด แทนการแบ่งให้รัฐมนตรีไปดูแล จึงเป็นการยกเลิก และยุติความเห็นที่ไม่ตรงกัน 

เมื่อถามถึงปัญหารการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ลงรอยกัน ระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นปัญหาจนถึงขั้นต้องยุบสภาเหมือนที่มีการปล่อยข่าวออกมาหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า การเป็นรัฐบาลผสม ถือเป็นเรื่องปกติเพราะมาจากหลายพรรคการเมืองที่มารวมกันอาจจะมีปัญหาความไม่เข้าใจเกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งเป็นธรรมชาติของรัฐบาลผสมทั่วโลก เมื่อมีปัญหาความไม่เขาาใจเกิดขึ้นก็ต้องหาทางคลี่คลายทำความเข้าใจกัน โดยถือเป้าหมายในการทำงานเพื่อบ้านเมืองร่วมกัน ถ้ามีกลไกลรูปแบบวิธีการเหมือนที่ผ่านมา ตนคิดว่าทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปได้ และผ่านพ้นสถานการณ์ที่อาจจะเกิดความไม่เข้าใจต่อกันไปได้ 

“ขณะนี้ผมคิดว่านายกรัฐมนตรี ก็จะพยายามแก้ไขปัญหาไปที่ละเปาะก็น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น สำคัญที่สุดก็คือ พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องช่วยกันแก้ปัญหาของประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดประชาชน เพราะตอนนี้รัฐบาลต้องเผชิญทั้งปัญหาเศรษฐกิจ โควิด และปัญหาทางการเมือง แต่ผมมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ แม้ว่าทั้งสามปัญหาจะสัมพันธ์กัน แต่สุดท่านน่าจะมีทางออกในการแก้ปัญหาร่วมกันได้” นายจุรินทร์ กล่าว

เมื่อถูกถามย้ำว่า จากปัญหาดังกล่าวจะทำให้มีการยุบสภาในช่วงปลายปีนี้หรือไม่ นายจุรินทร์ได้แต่หัวเราะ ปฎิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว เมื่อถามย้ำว่า การทำงานร่วมกันของรัฐบาลยังเป็นเอกภาพอยู่หรือไม่ นายจุรินทร์​ กล่าวว่า ณ วันนี้การทำงานยังเป็นเอกภาพอยู่ ตามที่ตนบอกว่าเราเป็นรัฐบาลผสม

นายจุรินทร์ ยังกล่าวย้ำถึงการรวมอำนาจกฎหมาย 31 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ไปไว้ที่ตนเองว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะการออกประกาศขอใช้อำนาจตามกฎหมายของนายกรัฐมนตรี มีการดำเนินการมาตั้งแต่เกิปัญหาโควิด-19 ปีที่แล้ว และอำนาจที่นายกัฐมนตรีนำไปใช้ ก็เฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาโควิดเท่านั้น แต่เชื่อว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง คาดว่าอำนาจการบริหาร ก็จะกลับไปสู่สถานการณ์ปกติ

กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่ม 3 นิ้ว เล่นแรง ลงมือปฏิบัติการ ‘ล่าแม่มด’ ขุดประวัติผู้พิพากษา ‘ชนาธิป เหมือนพะวงศ์’ พร้อมบุคคลในครอบครัว โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ‘เยาวชนปลอดแอก-Free YOUTH’ เจตนาชี้เป้าให้ชาวเน็ตรุมถล่ม

เมื่อวันที่ 29 เมษายน เฟซบุ๊ก ‘เยาวชนปลอดแอก-Free YOUTH’ ได้โพสต์รูปภาพ พร้อมข้อความประวัติของ นายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พร้อมบุคคลในครอบครัว เนื่องจากไม่พอใจการทำงานของผู้พิพากษาท่านดังกล่าว

ที่มา : https://www.facebook.com/FreeYOUTHth/photos/a.115688233213576/502374804544915/

 

รมว.สุชาติ รุดให้กำลังใจ จนท.ตรวจโควิด-19 ที่สนามไทย – ญี่ปุ่น ดินแดง ก่อนปิดศูนย์ชั่วคราว 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำทีมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตรวจ
โควิด-19 เชิงรุก เพื่อผู้ประกันตน ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) ดินแดง ซึ่งเปิดเป็นวันสุดท้าย ก่อนปิดศูนย์ชั่วคราวและเปิดให้บริการใหม่ในวันที่ 5 -11 พ.ค.นี้ 

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย -ญี่ปุ่น) เขตดินแดง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการตรวจโควิด-19 เชิงรุกเพื่อผู้ประกันตน ตามโครงการแรงงาน...เราสู้ด้วยกัน ซึ่งเปิดให้บริการเป็นวันสุดท้าย ก่อนที่จะปิดศูนย์ชั่วคราว และเปิดให้บริการใหม่ในวันที่ 5 - 11 พฤษภาคมนี้ เช่นเดียวกับศูนย์ตรวจโควิด-19 ที่อาคารโดมอเนกประสงค์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาจังหวัดปทุมธานีจะเปิดในวันนี้ (30 เม.ย.64) เป็นวันสุดท้าย ก่อนปิดศูนย์ชั่วคราวและเปิดให้บริการใหม่ในวันที่ 5-11 พ.ค.นี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ได้หยุดพักและดำเนินการกลุ่มที่ตกค้างให้แล้วเสร็จ

จากนั้นจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง นายสุชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยผู้ประกันตนจากกรณีการแพร่ระบาดของโควิด -19  จึงกำชับให้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด และกระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช.เปิดศูนย์ตรวจคัดกรองโรคโควิด -19 เชิงรุก ตามโครงการแรงงาน...เราสู้ด้วยกัน ซึ่งจากการดำเนินงานใน 5 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี เชียงใหม่ และชลบุรี ซึ่งภาพรวมตรวจแล้วทั้งหมด 40,353 คน พบผู้ติดเชื้อ 690 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 29 เม.ย.64 เวลา 17.00 น.) ซึ่งแต่ละศูนย์มีผลการตรวจ ดังนี้ กรุงเทพมหานคร ตรวจแล้ว 27,095 คน พบผู้ติดเชื้อ 679 คน ซึ่งได้ประสานส่งเข้าโรงพยาบาลแล้วจำนวน 104 คน ส่งเข้า Hospitel จำนวน 397 คน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการสอบสวนโรค ชลบุรี ตรวจแล้ว 1,094 คน พบผู้ติดเชื้อ 11 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค ปทุมธานี ตรวจแล้ว 7,389 คน เชียงใหม่ ตรวจแล้ว 2,783 คน นนทบุรี ตรวจแล้ว 1,992 คน ในส่วน 3 จังหวัดยังรอผลตรวจ

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจโควิด-19 รวมทั้งกรณีที่ต้องการรถพยาบาลให้ไปรับที่บ้านเพื่อไปตรวจรักษา ประสานหาเตียงให้ผู้ที่ติดเชื้อ กระทรวงแรงงาน ยังมีสายด่วน 1506 กด 6 ให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 -17.00 น.ทั้งที่สำนักงานประกันสังคมและทีมงานหน้าห้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด

“ขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจได้ว่าจากการดำเนินการดังกล่าว รัฐบาลและกระทรวงแรงงานได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสามารถช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้สถานการณ์คลี่คลายลงโดยเร็ววันและให้ผู้ประกันตนได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดอีกทางหนึ่งด้วย” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

“ราเมศ” เตือนผู้ชุมนุมกดดันศาล อย่าใช้กฎหมู่ เหนือกฎหมาย  อัดส.ส.อยู่ในเหตุการณ์ควรห้ามปราบ จี้ศาลฯดำเนินการตามกฎหมาย หากปล่อยไว้ต่อไปใครไม่พอใจผลพิจารณาก็ยกพวกมาคุกคามอีก

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมที่ศาลอาญา รัชดา เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมาของแนวร่วมกลุ่มราษฎร เพื่อยื่นเรียกร้องศาลอนุญาตให้ประกันตัวแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรว่า การกระทำดังกล่าวของผู้ชุมนุม ไม่ถือว่าเป็นการเรียกร้องที่ชอบกฎหมาย แกนนำและผู้ชุมนุมทราบกระบวนการต่างๆของศาลดี ว่าศาลต้องทำหน้าที่ตามกฎหมาย อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพื่อนำมาชั่งน้ำหนักออกมาเป็นดุลพินิจที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ประกันตัว หากจำเลยหรือผู้ต้องหาที่จะขอประกันตัวได้ประกันตัวมาแล้วหลายต่อหลายครั้งแต่กลับไม่ใช้โอกาสในการใช้ชีวิตในสังคม กลับเดินหน้าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การอนุญาตให้ประกันตัว ศาลย่อมนำข้อเท็จจริงต่างๆเหล่านี้ประกอบการตัดสินใจด้วย และการที่ผู้ชุมนุมเปิดปราศรัยที่หน้าบันไดศาล โดยมีถ้อยคำมุ่งหมายโจมตี ศาลอย่างชัดเจน 

“ที่น่าสลดใจคือมี ส.ส.อยู่ในบริเวณใกล้ๆนั้นด้วย ซึ่งควรจะห้ามปราม และไม่ควรสร้างพฤติกรรมที่บุกไปประชิดถึงบริเวณหน้าบันไดศาล ซึ่งถือว่าอยู่ในบริเวณศาล การกล่าวปราศรัยด้วยถ้อยคำที่คุกคามศาล ผู้ชุมนุมต้องระวัง ควรให้อยู่ในกรอบของกฎหมายบ้านเมือง อย่าชุมนุมด้วยเจตนาทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันตุลาการ  ควรให้ทนายความเตรียมหลักฐานต่อสู้คดี โดยยึดหลักที่กฎหมายกำหนด หากใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย บ้านเมืองก็วุ่นวายไม่จบสิ้น” นายราเมศ กล่าว

 
นายราเมศกล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำนักงานศาลยุติธรรมควรดำเนินการตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดตัวอย่างที่ไม่ดีในบ้านเมือง หากปล่อยให้ทำได้ ต่อไปใครไม่พอใจผลการพิจารณาของศาลก็ยกพวกมากดดัน ข่มขู่ คุกคาม ก็จะเกิดความวุ่นวายไม่จบสิ้น การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำความผิดฐานละเมิดศาลอย่างชัดเจน และเทียบเคียงได้ชัดว่าเป็นการกระทำที่ไม่ต่างจากกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงร่วมวางพวงหรีดหน้าศาลแพ่งรัชดาฯ และชูป้ายข้อความ วิจารณ์การทำหน้าที่ของศาลแพ่ง แต่กรณีนี้ชัดเจนกว่ามาก

แรปเปอร์สาว มิลลิ เจ้าของเพลงดัง​ 'พักก่อน'​ ออกมาพูดถึงนักเคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมติดแฮชแท็ก #saveเพนกวิน จนชาวเน็ตแห่รีทวิตต่อเนื่อง

แรปเปอร์สาว “มิลลิ หรือ มินนี่-ดนุภา คณาธีรกุล”เจ้าของเพลงดังอย่าง #พักก่อน ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง​ โดยโลกโซเชี่ยลอย่างทวิตเตอร์ ได้มีการรีทวิตของนักร้องสาวคนดังหลังจากที่เธอได้ออกมาเคลื่อนไหวพร้อมกับติดแฮชแท็ก #saveเพนกวิน

ส่งผลให้แฮชแท็ก และประเด็นของเพนกวิน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น ถูกพูดถึงมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาก และมีกระแสแรงขึ้น เมื่อศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวเป็นครั้งที่ 9

และนั่นก็ทำให้สาวมิลลิ ได้ออกมาทวิตผ่านทวิตเตอร์ของเธออีกครั้งว่า “พี่คะ ทำไมหนูหมดหวังในความยุติธรรมขนาดนี้ มันจะไม่มีเหลือเลยจริง ๆ​ หรอคะ #saveเพนกวิน”

ข้อความดังกล่าว​ ทำให้คนในโลกออนไลน์ต่าง ออกมาร่วมแสดงความเห็น พร้อม ๆ กับการรีทวิต อย่างต่อเนื่อง อาทิ...

"ไม่ใช่ไม่เหลือ ก่อนหน้านี้ก็ได้รับการปล่อยมาหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงจำไม่ได้ แต่คราวนี้ไม่ปล่อย ไม่ให้ประกันตัว เพราะศาลนี้คือ ศาลสลิ่ม ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย!"

"จึ้งหวะ ดาราในวงการควรออกมาดูมิลลี่เป็นตัวอย่างนะ"

"คือความหวังทั้งหมดในวันนี้ มันพังแบบ สามเสาหลักค้ำ มันพังลงเพราะมือของตัวศาลเอง"

"นี่คือประเทศไทยจริง ๆ​ หรือในยุคนี้...เปลี่ยนแปลงไปมาก"

"ศาลให้ประกันหลายครั้ง แต่ทำผิดเงื่อนไขเองซ้ำ ๆ ซาก ๆ เองหรือต้องให้ศาลตัดสินตามใจพวกคุณ"


ทึ่มา: https://www.komchadluek.net/news/ent/465303

ภาพ : https://www.instagram.com/phuckitol/

เทพไท เชียร์ บิ๊กตู่ ตัดสินใจถูกต้อง ยกเลิกคำสั่งแบ่งพื้นที่ให้ รมต.  เตือน ระวังสนิมเกิดจากเนื้อในเหล็ก

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตัดสินใจยกเลิกคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 85 / 2564 เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ การมอบหมายงานให้รัฐมนตรีแต่ละท่าน ลงพื้นที่ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 242 / 2563 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 85 / 2564 จะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากท่าทีของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งสัญญาณผ่านสื่อมวลชนอย่างชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจการมอบหมายงานให้รัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 85 / 2564 ดังนั้นการยกเลิกคำสั่ง และชะลอการทำทำหน้าที่ของรัฐมนตรีในพื้นที่จังหวัดต่างๆไว้ก่อน จะไม่เป็นการซ้ำเติมปัญหาของรัฐบาล ที่กำลังถูกรุมเร้าอย่างหนักหน่วง จากวิกฤติโควิด-19 และแรงกดดันทางการเมืองจากทุกภาคส่วนที่มีต่อรัฐบาล ถ้ายังยืนยันคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 85/2564 ต่อไปอีก ก็จะไม่เป็นผลดีต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างแน่นอน 

เพราะในอดีตที่ผ่านมารัฐบาลจะอยู่หรือไปนั้น ไม่ได้เกิดจากแรงกดดัน หรือฝีมือของพรรคฝ่ายค้าน แต่จะเกิดจากสนิมเนื้อใน เกิดจากปัญหาภายในของรัฐบาลเอง ซึ่งปัญหาที่ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ที่สำคัญที่สุด ก็คือ ความขัดแย้งหรือความแตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล และปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลเอง ไม่ว่ารัฐบาลชุดใดก็ตามถ้าไม่มีปัญหา2เรื่องนี้ ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้รัฐบาลต้องล้มได้ ไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดถูกล้ม จากอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน หรือการเรียกร้องให้ลาออกเลย และในรัฐบาลชุดนี้ก็เช่นเดียวกัน ยังมองไม่เห็นช่องทางใด ที่จะทำให้รัฐบาลชุดนี้ต้องออกไป นอกจากความขัดแย้ง แตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง 

จึงขอสนับสนุนการตัดสินใจของพลเอกประยุทธ์ในครั้งนี้ที่ตัดสินใจ ตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้รอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลบานปลาย ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น จนรัฐบาลไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้

‘คมนาคม’ ทำอะไรอยู่!! ‘ก้าวไกล’ แซะภาพ ‘รถเมล์คนแน่น’ ว่อนเน็ต ตอกย้ำ!! ‘ต้องเพิ่มเที่ยวรถ-รักษาระยะห่างระหว่างคน’

สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้านคมนาคม และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากกรณีที่มีกระแสในโลกออนไลน์เรื่องรถเมล์คนแน่นมาก ดังที่บางคนระบุพร้อมโชว์ภาพว่า…

“แน่นไปจนถึงบันไดประตูรถเมล์เลยค่ะ ชีวิตมีความเสี่ยงมากค่ะ กลัวจะติดเชื้อโควิดค่ะ ให้ภาพเล่าเรื่องดีกว่านะคะ เพราะมันสวนทางกับที่ทาง ศบค. หรือทางรัฐบาล อยากให้รักษาระยะห่าง Social Distancing มากเลยค่ะ...คือตอนแรกที่ดิฉันขึ้นรถเมล์ โชคดีที่ได้ขึ้นต้นทางค่ะ จึงได้นั่งและบนรถก็ยังโล่งอยู่ แต่ต่อมาคนเริ่มทยอยขึ้นรถเมล์คันนี้เพิ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากพวกเราทุกคนต่างก็อยากเดินทางกลับบ้านเพื่อนอนพักผ่อนเช่นเดียวกัน หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมากจากการทำงาน จึงจำเป็นต้องขึ้นรถเมล์คันเดียวกันดังกล่าว คนบนรถเบียดกันจนดิฉันนึกถึงเพลงของวงซาซ่าอยู่เพลงหนึ่งคะ ชื่อเพลง ‘เลือกได้ไหม?’...แล้วฉันเลือกอะไรได้มั้ย เลือกให้เธอไม่ไปได้หรือเปล่า?” 

จากกรณีดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะได้เคยเตือนไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว แต่ท่านไม่ฟัง ท่านต้องเข้าใจเสียใหม่ว่า ขสมก. เป็นบริการสาธารณะ อย่ามองเรื่องกำไรหรือขาดทุน ในกรณีนี้ต้องเพิ่มความถี่เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างคน ไม่ใช่ลดเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถ และนี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในฐานะรัฐมนตรีที่ต้องกำกับดูแลไม่ให้ไปซ้ำเติมสถานการณ์ทางสาธารณสุขและบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน ท่านต้องทำหน้าที่ของตัวเองบ้าง

“ต้องเข้าใจหัวอกประชาชนบ้างว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถหยุดอยู่บ้านเฉย ๆ แล้วมีเงินใช้ได้ และไม่ได้ร่ำรวยพอที่จะซื้อรถยนต์ส่วนตัว เรียกแท็กซี่ หรือขึ้นรถไฟฟ้าราคาแพง อย่าลืมว่าโควิดรอบนี้รัฐบาลที่ท่านนั่งร่วมอยู่ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วมีแต่คำสั่งบังคับให้ประชาชนทำนั่นทำนี่ แต่มาตรการเยียวยาช่วยเหลือกลับไม่มีให้เห็นออกมาเลย”

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ สุรเชษฐ์ ได้เคยแสดงความเห็นในเฟซบุ๊กถึงกรณี ขสมก. ปรับลดเที่ยววิ่งรถโดยสารทุกประเภท เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยระบุว่า การลดเที่ยววิ่ง เป็นการลด ‘ความถี่’ ของการให้บริการ ทำให้ผู้ใช้บริการต้องรอนานขึ้น ส่วนการที่รถโล่งขึ้นก็เป็นเรื่องที่ควรจะเป็นอยู่แล้วในช่วงโควิด เพราะเป็นการรักษาระยะห่างระหว่างคน รัฐมนตรีควรเข้าใจว่า รถเมล์เป็นบริการสาธารณะที่รัฐควรอุดหนุนโดยไม่ลดระดับการให้บริการความถี่ ซึ่งก็คือการใช้เงินภาษีอุดหนุนผู้มีรายได้น้อยโดยตรง นอกจากนี้ เขายังแนะนำว่า เมื่อรัฐบาลไม่เห็นหัวประชาชน ประชาชนก็ต้องดูแลตัวเอง โดยแนะนำให้ใช้ ‘Via Bus’ แอปติดตามรถเมล์บนมือถือที่อย่างน้อยก็ทำให้ประชาชนเดินทางอย่างมีความหวังขึ้น เพราะสามารถทราบพิกัดรถเมล์แบบเรียลไทม์ได้ด้วย GPS


ที่มาภาพ: Drama-addict

ศบค. หวั่น ผู้ป่วยกทม.อาการหนัก สวนทางติดเชื้อลด เผย นายกฯ หนุนศูนย์แรกรับฯ เล็ง เปิดเพิ่มสี่มุมเมือง แจง 3 ช่องทางลงทะเบียนวัคซีน “หมอทวีศิลป์”ขออภัย ผู้ได้รับผลกระทบจากข้อกำหนดเข้ม แจง ทำตามสถิติหมอ

วันที่ 30 เมษายน 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ศบค.แถลงว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อ กทม.ที่ลดลงเหลือ 417 รายในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ต้องมาดูว่าลดลงจริงหรือไม่ เพราะถ้าดูจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจ เสียชีวิต รวมถึงผู้ป่วยในโรงพยาบาล ผู้ป่วยที่อาการรุนแรงยังคงเพิ่มอยู่ นี่คือวิกฤต ดังนั้นจำเป็นต้องลดตัวเลขผู้ติดเชื้อลง และถ้าไปดูการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีประวัติเชื่อมโยงกับสถานบันเทิงในรอบเดือน เม.ย. พบว่ามีทั้งสิ้น 7,755 ราย อยู่ใน กทม.ถึง 6,828 ราย อยู่ต่างจังหวัด 831 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 68 ราย จำนวนคนที่มีภูมิลำเนา 831 รายนี้หรือไม่ที่ไปแพร่เชื้อในช่วงสงกรานต์ ทั้งนี้ในที่ประชุมอีโอซี กระทรวงสาธารณสุข มีการรายงานตัวเลขการค้นหาเชิงรุกใน กทม. ตั้งแต่วันที่ระหว่าง 5-29 เม.ย. มีการค้นหาทั้งในสถานประกอบการ สถานบันเทิง ประชาชนเดินเข้ามา ตลาด ชุมชน รวมทั้งสิ้น 28,022 ราย พบเชื้อ 1,273 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.54 และการลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกเฉพาะชุมชนต่างๆ ระหว่างวันที่ 27-30 เม.ย. ตรวจไปแล้วทั้ง 5,300 ราย เฉพาะชุมชนคลองเตยตรวจไปแล้ว 1,000 ราย พบติดเชื้อแล้วถึง 67 ราย ดังนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุกตรงนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค. และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผอ.ศปก.ศบค.มองว่าสิ่งที่เราต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ เรื่องคู่สายต่างๆ รวมถึงการใช้ศูนย์กีฬานิมิตรบุตรในการคัดแยกผู้ป่วย การค้นหาเชิงรุกต้องทำโดยเร็ว ต้องบูรณาการกับฝ่ายรักษาและฝ่ายควบคุมโรค ต้องช่วยกัน เรามีเวลาไม่นาน ต้องจัดการให้ได้ 

เมื่อถามว่า ศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วยที่ศูนย์กีฬานิมิตบุตรทำงานอย่างไร ถ้าประชาชนรู้ว่าติดเชื้อไปสถานที่ดังกล่าวได้เลยหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เจตนาของการตั้งศูนย์ดังกล่าว เนื่องจากมีประชาชนที่ติดเชื้อโทรศัพท์หาเตียงไม่ได้ ไม่มีที่ไป บางคนเริ่มมีอาการจึงเขามาตรวจที่ศูนย์นี้เพื่อคัดแยก หากมีอาการหนักมากจะส่งต่อไปให้โรงพยาบาล อีกทั้งศูนย์ดังกล่าวยังระดมบุคลากรทางการแพทย์เพื่อดูแลผู้ป่วยที่มีอาการแต่ไม่หนักมากได้ด้วย เพื่อให้การดูแลเบ็ดเสร็จในที่เดียว วันนี้เปิดวันแรก มีการสนับสนุนจากภาคเอกชน เปิดสายด่วน 02-0791000 จำนวน 40 คู่สาย ใครที่รอการแอดมิด ไม่มีคนติดต่อไป สามารถโทรศัพท์เข้ามาได้เลย นายกฯระบุว่าถ้ามีความต้องการจำนวนมากและจำเป็นให้เปิดไปเลยสี่มุมเมือง เราต้องหาเคสให้ได้ และมีเตียงรองรับ การดำเนินการตรงนี้ทำภาคส่วนช่วยกัน เป็นนโยบายการรวมศูนย์การให้บริการ
 
เมื่อถามว่า ขณะนี้คนสับสนเรื่องการลงทะเบียนจองคิววัคซีน และแอปพลิเคชั่นหมอพร้อมที่จะมีการเปิดลงทะเบียนวันแรกในวันที่ 1 พ.ค. หมอจะยังพร้อมใช่หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เป็นความท้าทายของกระทรวงสาธารณสุขในการจัดการแอปพลิเคชั่นดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม การลงทะเบียนรับวัคซีนดำเนินได้ 3 ทาง คือ ไปที่โรงพยาบาลที่ตัวเองมีสิทธิการรักษา หรือบอก อสม.ให้ลงทะเบียนให้ หรือลงทะเบียนที่แอปพลิเคชั่นหมอพร้อมสำหรับคนที่มีสมาร์ทโฟน เพื่อลดการเดินทาง แต่อย่างไรก็ตาม การเริ่มลงทะเบียนวันที่ 1 พ.ค.ผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อมถือเป็นระบบใหม่ ซึ่งทุกระบบถ้าทุกคนเข้าไปใช้พร้อมกันจะเป็นปัญหา ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องรีบลงทะเบียนทันที เพราะไม่ได้เปิดให้ลงทะเบียนวันเดียว สามารถทยอยลงทะเบียนได้ 
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อกำหนดฉบับที่ 22 ที่จะมีผลบังคับใช้หลังเที่ยงคืนวันนี้ สามารถให้ข้ามจังหวัดได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการประกาศห้าม แต่เป็นการขอความร่วมมือให้งดเดินทาง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในการจำกัดเป้าหมายในการเดินทาง แต่ขณะเดียวกัน ในส่วนของด่านตรวจเองต้องไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน โดยจะทำเพียงสอบถามความจำเป็นของประชาชน แต่ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นมีใบยืนยันความจำเป็นจากอำเภอเพื่อยืนยันว่ามีธุระ ย้ำว่าเป็นการขอความร่วมมือประชาชนว่าถ้าไม่จำเป็นให้เลื่อนการเดินทางไปก่อน เพราะยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ 
 
จากที่แถลงเรื่องข้อกำหนดฉบับที่ 22 เมื่อวันที่ 29 เม.ย.นั้น มีทั้งคำชมจากผู้ที่อยากให้ปิดเสียที กับอีกฝั่งที่เป็นก้อนอิฐซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากข้อกำหนดดังกล่าว เพราะกิจการเขาย่ำแย่อยู่แล้ว แม้ตนไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้ แต่อยู่ในบรรยากาศของการพิจารณา ยืนยันว่าเรารับฟังทุกเสียง ชุดข้อมูลต่างๆ ที่นำมาประกอบการตัดสินมีสถิติอ้างอิงที่เป็นจริง อย่างกรณีร้านอาหาร ตนเห็นใจ แต่หากไปดูตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีความเชื่อมโยงกับร้านอาหารที่มีจำนวนมากเราก็ต้องยอมรับ พูดง่ายๆ คือ หมอสั่ง เหมือนคนเป็นโรคเบาหวานแล้วหมอให้ลดของหวาน หรือคนเป็นโรคความดันให้ลดของเค็ม ทุกฝ่ายฟังข้อมูลที่แพทย์เป็นผู้เสนอขึ้นมาทั้งสิ้น แตกต่างจากการระบาดเมื่อต้นปี 63 ที่เรายังไม่มีข้อมูลอะไรจนต้องปิดทั้งหมด แต่ครั้งนี้เรามีข้อมูลในการทำงาน ซึ่งสาธารณสุขมีเก็บข้อมูลชุดนี้มาตลอด อย่างไรก็ตาม คงไม่มีอะไรดีที่สุด แต่เราพยายามจะทำให้ดีที่สุด ขอให้อดทนและเดินไปด้วยกัน ผลกระทบต่อครอบครัวและธุรกิจต้องขออภัยอย่างสูง ซึ่งนายกฯได้ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 (ศบศ.) ให้ช่วยหามาตรการเยียวยา ผลจะเป็นอย่างไรขอให้ติดตาม และ 14 วันนี้เราจะสู้ไปด้วยกัน 

"บิ๊กป้อม"  ช่วยชาวสวนปาล์ม ประชุม กนป. เร่งขับเคลื่อนโครงการเพิ่มมูลค่าปาล์มน้ำมัน  เน้น 6 ผลิตภัณฑ์  สั่งขยายเวลาส่งออก  ลดผลผลิตส่วนเกิน  มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ควบคู่ ระวัง โควิด-19 มาตรการ สธ. "DMHTT"

เมื่อ 30 เมษายน 2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ(กนป.) ครั้งที่1/2564  ผ่านระบบ vedeo conference ทางไกล โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รอง นรม./รมว.พณ. เข้าร่วมประชุม  ณ  ห้องประชุม 301  ตึกบัญชาการ 1  ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ ความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงสร้างราคาผลปาล์มน้ำมัน และ น้ำมันปาล์ม ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กวดขันให้โรงงาน และลานเทรับซื้อผลปาล์มดิบ ตามโครงสร้างราคา อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการกดราคา และเร่งรัดการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เพื่อบริหารจัดการ และควบคุมสต็อกน้ำมันปาล์ม  จากนั้น กนป.ได้เห็นชอบ แผนปฏิบัติการฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่ เขตป่าสงวนแห่งชาติ จ.กระบี่,จ.ตรัง และจ.สุราษฎร์ธานี  และเห็นชอบมาตรการขับเคลื่อน การเพิ่มมูลค่าปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม โดยเน้น6 ผลิตภัณฑ์เป้าหมาย ที่สำคัญคือ 1)สารหล่อลื่นพื้นฐาน 2)น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ 3)ผงซักฟอกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (สารตั้งต้นMES) 4)น้ำมันหล่อลื่นและจาระบีชีวภาพ 5)พาราฟิน และ 6)สารกำจัดศัตรูพืช/แมลง  

ซึ่งจากการคาดคะเนของ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร มีแนวโน้มปริมาณผลผลิตน้ำมันปาล์ม ห้วง เม.ย.-มิ.ย.64 อาจทำให้ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบสูงขึ้น ขณะที่ความต้องการ การใช้ยังไม่ปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลทำให้ราคาปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ปรับลดลง ที่ประชุม จึงได้พิจารณาเห็นชอบ ขยายระยะเวลาส่งออก จากเดิม มี.ค.64 เป็น ก.ย.64 และขยายเวลาโครงการ จาก ส.ค.64 เป็น ธ.ค.64

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามมติ กนป. อย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์ ของเกษตรกรที่จะได้รับ อย่างเป็นธรรม  ทั่วถึง และยกระดับคุณภาพชีวิตชาวสวนปาล์ม ให้ดียิ่งขึ้น และขอให้เจ้าหน้าที่ รวมทั้งเกษตรกร ทุกคนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง จาก โควิด-19 ภายใต้มาตรการ ของ สธ. "D-M-H-T-T" อยู่ห่างไว้ ใส่แมสกัน หมั่นล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ ใช้แอป "ไทยชนะ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top