Saturday, 21 June 2025
POLITICS NEWS

“ศรีสุวรรณ” ยื่น “ปลัดสปน.” ตรวจสอบองค์กรผู้บริโภคทิพย์

ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะนายทะเบียนกลาง ตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 หลังจากที่มีเครือข่ายสื่อมวลชนปกป้องผลประโยชน์ชาติ ได้นำข้อมูลการจัดตั้งองค์กรผู้บริโภคจังหวัดต่าง ๆ 16 องค์กรมาให้เพื่อดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เป็นที่ตั้งข้อสังเกตถึงองค์กรเหล่านี้อาจถูกจัดตั้งขึ้นมาลอย ๆ หรือไม่ เพื่อให้ครบตามจำนวนและจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคได้ จึงได้ทำการสุ่มตรวจสอบองค์กรผู้บริโภคตามบัญชีรายชื่อที่ สปน.ประกาศในระดับจังหวัด พบว่าองค์กรผู้บริโภคที่แจ้งไว้กับทางราชการนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อเลย และเมื่อตรวจสอบเชิงลึกโดยการพูดคุยกับผู้นำท้องถิ่น ชาวบ้าน พบว่าหลายองค์กรไม่มีที่ตั้งตามที่แจ้งไว้ หรือไม่มีการทำกิจกรรมตามที่จดแจ้ง ชาวบ้านในพื้นที่ไม่รู้จักเลย ซ้ำร้ายกว่านั้นที่อยู่ที่จดแจ้ง ในทะเบียนราษฎร์ไม่มีเลขที่นี้ในสารบบเลย บางองค์กรไม่มีที่ตั้ง ไม่มีคนที่อ้างว่าเป็นประธานเครือข่ายอยู่ในพื้นที่เลย อาจถือได้ว่ามีคุณลักษณะไม่เป็นไปตาม ม.6 ประกอบ ม.5 ของกฎหมายข้างต้น จึงได้ทำบันทึก เก็บหลักฐานทั้งหมดมามอบให้นายทะเบียนกลาง หรือปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในวันนี้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตาม ม.8 แห่ง พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคฯ กำหนดไว้ว่า ผู้ใดเห็นว่าองค์กรของผู้บริโภคที่ได้แจ้งไว้ตาม ม.6 มีลักษณะไม่ถูกต้อง ตาม ม.5 ให้มีสิทธิยื่นคำคัดค้านพร้อมทั้งหลักฐานต่อนายทะเบียนกลางได้ เมื่อนายทะเบียนกลางได้รับคำคัดค้านแล้ว ต้องดำเนินการสอบข้อเท็จจริงแล้ววินิจฉัยโดยเร็ว ในกรณีที่เห็นว่าองค์กรของผู้บริโภคนั้นมีลักษณะไม่ถูกต้องตาม ม.5 ให้เพิกถอนการรับแจ้ง พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ร้องและองค์กรของผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องทราบ

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หากการสอบข้อเท็จจริงและวินิจฉัยองค์กรผู้บริโภคเหล่านี้ไม่มีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะตามที่กฎหมายบัญญัติ ผู้ที่ร่วมจัดตั้งย่อมเข้าข่าย “แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่รัฐ” ตาม ป.อ.มาตรา 137 ที่บัญญัติไว้ความว่า “ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” สมาคมฯ จึงขอให้นายทะเบียนกลางดำเนินการเอาผิดบุคคลและหรือองค์กรผู้บริโภคนั้น ๆ ตามกฎหมายข้างต้นหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไปด้วย และถือเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคที่ผ่านมาไม่สมบูรณ์ อาจถือเป็น “โมฆะ” ตามกฎหมาย การทำนิติกรรมใดๆขององค์กรดังกล่าวย่อมเป็นโมฆะและจะกระทำมิได้ด้วย

“ธีรรัตน์” จี้ รัฐเร่งชดเชยผู้ประสบภัยเหตุโรงงานกิ่งแก้วระเบิด เหน็บอย่าทำงานแบบผักชีโรยหน้า ขอให้ดูสถานการณ์จริง เตรียมลงพท.โรงงานน้ำหอมไฟไหม้

ที่รัฐสภา น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. เขตลาดกระบัง พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล จำกัด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ว่า สำหรับพื้นที่เขตลาดกระบังมีวัดหลายแห่งที่รับช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งตนได้รับการประสานนำข้าว อาหาร น้ำ และเครื่องนุ่งห่ม เข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากยังขาดแคลนอยู่ และจากการลงพื้นที่ก็ยังไม่เห็นการดำเนินการใดที่เป็นรูปธรรมจากภาครัฐเลย ทั้งการเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุ การชดเชยผู้ประสบภัยและผู้อพยพ ดังนั้น อยากให้รัฐเร่งดำเนินการชดเชยผู้ประสบภัยหรือดำเนินการด้านกฎหมาย และสอบถามข้อเท็จจริงว่าเหตุใดโรงงานจึงตั้งอยู่เขตพื้นที่ชุมชนหรือถ้าโรงงานก่อตั้งมาก่อนเหตุใดจึงปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ เพื่อป้องกันเกิดปัญหาเช่นนี้อีก รัฐต้องมาทำงานอย่างจริงจัง 

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหามลพิษส่วนตัวมีความกังวล รัฐอย่าทำงานแบบผักชีโรยหน้าหรือลูบหน้า ปากจมูก แต่ขอให้มาดูสถานการณ์จริงและแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยเผยแพร่ข่าวสารและประชาสัมพันธ์ทำให้ได้รับความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือจากภาคประชาชนด้วยกันเอง ส่วนเหตุการณ์ไฟไหม้ที่โรงงานน้ำหอมที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังนั้น ตนจะลงพื้นที่ไปมอบหน้าหากอนามัยให้แก่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง 

ส่วนราชการเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดโรงงานหมิงตี้ฯ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกส่วนราชการได้เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุโรงงานหมิงตี้ เคมิคอล อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ระเบิด ตามบัญชาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงการเฝ้าระวังในพื้นที่อีกระยะหนึ่ง เพื่อป้องกันเหตุเพลิงไหม้ไม่ให้เกิดซ้ำ พร้อมยืนยันจะให้การดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและความเสียหายตามสิทธิ รวมทั้งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งค้นหาสาเหตุ เพื่อป้องกันไม่ได้เกิดเหตุขึ้นอีกในอนาคต   

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือจากส่วนราชการ อาทิ กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคมจะได้ตรวจสอบสถานะความเป็นผู้ประกันตนที่ได้รับบาดเจ็บทั้งผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 38  มาตรา 39 และมาตรา 40 ให้เข้ารับการรักษาพยาบาลตามสิทธิประโยชน์ในเรื่องของการรักษาพยาบาล และสิทธิอื่น ๆ ที่พึงได้ โดยแยกเป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงาน ซึ่งมีสิทธิได้รับสิทธิความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 เป็นค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น และค่าทดแทนกรณีหยุดพักรักษาตัว ร้อยละ70 ของค่าจ้างรายเดือน กรณีลูกจ้างสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกาย จะจ่ายร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือนตามระยะเวลาที่กำหนดแต่ไม่เกิน 10 ปี ในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ได้ให้เงินช่วยเหลือสำหรับการย้ายบ้านชั่วคราว จากไม่สามารถอยู่อาศัยในที่พักเดิมได้ ครอบครัวละ 18,000 บาท การเคหะแห่งชาติ จัดหาโรงแรม/ห้องพักราคาถูก สำหรับผู้ต้องการที่อยู่อาศัยเร่งด่วน หากไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่าย การเคหะแห่งชาติจะจัดสรรห้องพักเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป โดยติดต่อที่สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง สำหรับกระทรวงศึกษาธิการจัดหาที่พักให้ครู บุคลากร และครอบครัว ของโรงเรียนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 

นางสาวรัชดา กล่าวว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย บูรณาการร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทประกันภัย ตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัยของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านประกันภัยอย่างเร่งด่วน เพื่อบูรณาการการจ่ายสินไหมทดแทนให้กับประชาชนผู้เดือดร้อนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ สำหรับรายที่ไม่ได้ทำประกันภัยครอบคลุมความสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นไว้ จะได้รับการชดใช้จากการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก ซึ่งโรงงานได้ทำประกันภัยดังกล่าวรองรับไว้ด้วยวงเงินเอาประกันภัย 20 ล้านบาท 

“หน่วยงานยังมีการเฝ้าระวังในพื้นที่ เพื่อไม่เกิดเหตุซ้ำรวมทั้งหาทางกำจัดสารเคมีที่เหลืออยู่ และหลังจากนี้ จังหวัดสมุทรปราการจะร่วมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสำรวจความเสียหายและผลกระทบกับประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหาย เพื่อให้การเยียวยาตามระเบียบหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินต่อไป” นางสาวรัชดา กล่าว 

พรรคกล้า จี้ นายก ขยายมาตรการช่วยเหลือครอบคลุมผู้ประกอบการในหัวเมืองใหญ่ที่เดือนร้อนไม่น้อยกว่า 6 จังหวัดที่รัฐประกาศชดเชย พร้อมเสนอแผนเยียวยาละเอียดยิบแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก พร้อมด้วยนางสาวภรณี วัฒนโชติ รองโฆษกพรรคฯ เข้า ยื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ จันทร์นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ในวงกว้าง และด้วยมาตรการที่ครอบคลุม โดยมีนายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่อง  

โดยนายวรวุฒิ ได้ระบุถึงข้อเสนอในหนังสือ ว่า สืบเนื่องจากการประกาศราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 27 มิถุนายน 2564 มีคำสั่งปิดสถานที่ก่อสร้าง ห้ามรับประทานอาหารในร้าน รวมกลุ่มสังสรรค์ งานเลี้ยงรื่นเริง และห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดได้ถึง 3 ทุ่ม ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการออกประกาศดังกล่าว ในวันที่ 29 มิถุนายน 2564 ด้วยหลักการจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือลูกจ้างกิจการก่อสร้างและร้านอาหารใน 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 ได้รับเงินช่วยเหลือ 2,000 บาทต่อคน ส่วนนายจ้างในระบบประกันสังคมที่มีลูกจ้างไม่เกิน 200 คน ได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท ต่อคน กรณีผู้ประกอบการที่ไม่มีลูกจ้าง ช่วยเหลือจ่ายผ่านแอปฯ ถุงเงิน ในโครงการคนละครึ่ง รายละ 3,000 บาท

ทั้งนี้พรรคกล้าได้ทำการสำรวจสถานการณ์ผลกระทบและความต้องการความช่วยเหลือจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงบุคคลในอาชีพที่ได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศ ทำให้สามารถสรุปความจำเป็นในการขยายมาตราการเยียวยาให้ครอบคลุมกลุ่มผู้ได้รับความเดือดร้อนให้มากขึ้น และครอบคลุมทั่วประเทศ จึงขอเสนอแนวทางเพื่อช่วยเหลือดังนี้

1.) ขยายเขตพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ จากประกาศฯ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี และปทุมธานี ให้ครอบคลุมจังหวัดที่ได้รับผลกระทบในระดับเดียวกัน เช่น พัทยา ภูเก็ต สงขลา หาดใหญ่ สมุย เป็นต้น นอกจากนี้ควรขยายวงเงินช่วยเหลือจาก 2,000 บาท นาน 1 เดือน เป็น 5,000 บาท นาน 3 เดือน 

2.) เพิ่มการเข้าถึงเงินกู้ในระบบ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจสำหรับสภาวะวิกฤตของผู้ประกอบการขนาด Micro ที่มีพนักงานน้อยกว่า 10 คน โดยผ่อนปรนหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อ และพิจารณาการให้สินเชื่อในรายที่เป็นหนี้เสีย (NPL) อันเกิดมาจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด    

3.) เยียวยาผู้ประกอบอาชีพอิสระ และผู้ให้บริการในวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานตาม
ประเพณี งานรื่นเริง ทั้งห่วงโซ่ เช่น ผู้จัดการการจัดงาน ผู้วางแผนงาน ช่างแต่งหน้า นักร้องนักดนตรี ผู้ให้บริการเช่าชุด ช่างจัดดอกไม้ ผู้ให้บริการเครื่องเสียงและแสงสว่าง เป็นต้น ด้วยเงินช่วยเหลือเช่นเดียวกับผู้ประกอบการร้านอาหารและลูกจ้างร้านอาหาร 

4.) รัฐฯ ออกสัดส่วนเงินประกันสังคมให้เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกันตน และรักษาสภาพการประกันตนไม่ให้หลุดออกจากระบบ

5.) ลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ลง 50% เป็นระยะเวลา 6 เดือนเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย ครัวเรือนของประชาชน 

6.) กำกับการเรียกเก็บค่า GP ที่ร้านอาหารจ่ายให้แก่ผู้ประกอบการส่งอาหาร ที่ไม่เกิน 15% เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการร้านอาหารที่ไม่สามารถเปิดจำหน่ายให้ลูกค้านั่งรับประทานในร้านได้ตามปกติและต้องปรับรูปแบบการให้บริการด้วยการส่งอาหารแทน 

นอกจากนี้ยกเลิกการกำหนดขั้นต่ำของการสั่งซื้ออาหารในแต่ละครั้ง เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสั่งอาหาร ในขณะกักตัวอยู่ที่พักอาศัยเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโควิด และ     

7) เริ่มใช้มาตรการวัคซีนพาสพอร์ตภายในประเทศ อนุญาตให้มีการจัดงานด้วยมาตรการตรวจสอบการได้รับวัคซีน ทั้งผู้ให้บริการในงานและผู้เข้าร่วมงาน เพื่อนำผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วกลับเข้าระบบเศรษฐกิจ

นอกจากนี้รองหัวหน้าพรรคกล้า ยังกล่าวย้ำด้วยว่า กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจการจ้างงานในประเทศ และเป็นตัวแปรสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด รัฐฯ ยังมีความจำเป็นต้องมีแผนเยียวยา เพื่อพยุงและฟื้นฟูกิจการอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านมาตรการผ่อนปรนทางภาษีและสินเชื่อ ดังนี้  

1.) งดเว้นการเรียกเก็บภาษีป้าย ตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 ที่ระบุว่าหากไม่ได้ประกอบกิจการแต่ยังมีป้ายโฆษณาให้เห็นอยู่ เจ้าหน้าที่จะต้องทำการจัดเก็บภาษีตามหน้าที่  

2.) ค่าธรรมเนียมกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตาม พรบ. สาธารณสุข เช่น ร้านเสริมสวย ร้านขายยาฆ่าหญ้า ร้านซ่อมรถ ฟาร์มปศุสัตว์ เป็นต้น เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการรายเล็กที่ต้องหยุด หรือ ปิดกิจการชั่วคราว เพื่อทำตามมาตรการรัฐฯ

3.) นโยบายคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.30 ที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำส่ง โดยคำนวณคืนจากยอดนำส่งภาษีของผู้ประกอบการแต่ละราย ร้อยละ 50 เพื่อเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการแต่ละราย โดยเร็ว

4.) การลด ยกเว้น หรือยืดระยะเวลาการจ่ายชำระ ภาษีเงินรายได้นิติบุคคล สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) เพื่อช่วยรักษาเงินทุนหมุนเวียนในสภาวะวิกฤตให้ผู้ประกอบการสามารถรักษาสภาพคล่องได้มากขึ้น

5.) เงินกู้ยืมระยะยาวเพื่อเป็นเงินหมุนเวียนกิจการในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางสามารถดำรงกิจการต่อได้ โดยใช้ข้อมูลประวัติการชำระภาษีจากกรมสรรพกรร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาให้สินเชื่อด้วย ผ่านธนาคาร SME Bank เป็นสินเชื่อแบบปลอดดอกเบี้ยในช่วงวิกฤตโควิด-19 และปรับเป็นดอกเบี้ยขั้นต่ำหลังจากสภาวะการขาดทุนสะสมลดลง เพื่อลดอัตราการปิดกิจการอย่างถาวรของผู้ประกอบการรายย่อย และ

6.) สินเชื่อระยะสั้นเพื่อกลับมาเปิดกิจการ ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และหลักเกณฑ์ที่ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงได้จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมพาศ กล่าวภายหลังการรับเรื่องว่า จะเร่งนำข้อเสนอดังกล่าว นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาต่อไป

“เสกสกล” อัด “เพื่อไทย” ไม่เหมาะยื่นญัตติซักฟอกครม.ช่วง วิกฤต 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในเดือน ส.ค.นี้ และคาดว่าจะมีการอภิปรายก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 18 ก.ย.นี้ ว่า การขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นสิทธิ สามารถทำได้แต่ในสถานการณ์ประเทศที่กำลังเกิดการระบาดเชื้อโควิด-19 ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ และญัตติที่จะอภิปรายเพื่อประโยชน์ของพรรคเพื่อไทย หวังโจมตีนายกรัฐมนตรี ต้องการกลับเข้ามามีอำนาจ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ในขณะที่ทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงาน และประชาชนร่วมมือกันเพื่อให้สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 คลี่คลายลง

นายเสกสกล กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่าย อย่าเอาเวลาการทำงานของนายกฯมาใช้ในสภาฯและบิดเบือนกล่าวหาโจมตีใส่ร้ายป้ายสีในข้อมูลเดิมโดยไม่มีเนื้อหาสาระ เพราะตนเสียดายเวลาในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนในยามวิกฤต หรืออยากมีอำนาจรัฐจนทำทุกวิถีทางเพื่อล้มนายกฯและรัฐบาล ทั้งที่ควรเตรียมตัวไปหาเสียงเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเลือกตั้งมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง

"ชวน" ร่อนหนังสือถึง "บิ๊กป๊อก"ขอวัคซีนป้อันโควิดให้สัปเหร่อ ชี้ใกล้ชิดศพเสี่ยงติดเชื้อ

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่าน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ลงนามในหนังสือที่ สผ. 0001.02/255 ถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขอความอนุเคราะห์จัดสรรวัคซีนแก่เจ้าหน้าที่มูลนิธิ สัปเหร่อ และผู้ทำหน้าที่ในการจัดการศพของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) และครอบครัว โดยเนื้อหาว่า ในช่วงวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มูลนิธิ สัปเหร่อ และผู้ทำหน้าที่ในการจัดการศพทั่วประเทศในฐานะบุคลากรด้านหน้าซึ่งต้องรับความเสี่ยงจัดการใกล้ชิดและผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ในการนี้จึงขอความอนุเคราะห์จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาจัดสรรวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่บุคลากรผู้ปฏิบัติงานดังกล่าว พร้อมทั้งบุคคลในครอบครัวด้วย 

ปชป.ไม่กังวล หากร่าง รธน.ของพรรคถูกยื่นศาล รธน. ยัน เป็นความตั้งใจเขียนหลักการอย่างกว้าง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการประชุม ส.ส. ของพรรคเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงกรณีที่มีความเป็นห่วงว่าร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่ ... พ.ศ. .… (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) ซึ่งเป็นร่างที่พรรคประชาธิปัตย์เสนออาจไม่สมบูรณ์ เนื่องจากมีมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องและต้องแก้ไขอีก แต่ที่ประชุมเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญที่พรรคเสนอนั้น เป็นความตั้งใจเขียนโดยมีหลักการอย่างกว้าง เพื่อแสวงหาความร่วมมือในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.)

อีกทั้ง ตามข้อบังคับก็มีบทบัญญัติว่าสามารถแก้ไขมาตราที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการและเหตุผลได้ และ ฝ่ายกฎหมายของสภาฯ และคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็มีความเห็นว่าสาระสำคัญของร่างคือการมีบัตร 2 ใบ จำนวน ส.ส. 500 คน และวิธีการคำนวณคะแนน ดังนั้นหากจะมีการปรับเปลี่ยนข้อความในมาตราที่เกี่ยวข้องภายใต้หลักการและเหตุผลนี้เพื่อให้สอดคล้องกันก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง จะได้ไปจัดเตรียมเสนอแปรญัตติอีกด้วย อย่างไรก็ตามพรรคไม่มีความกังวลหากหลังจากการพิจารณาผ่านวาระ 3 จะถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็ว่ากันตามกระบวนการหลักการที่รัฐธรรมนูญกำหนด  

“วราวุธ” ให้ กรมน้ำบาดาล-นักวิทยาศาสตร์-นักเคมี-นักธรณี ตรวจสารตกค้าง ใต้ดิน-บนดิน ระยะ 0-12 กม. จาก รง.หมิงตี้ ระบุ จะรีบแจ้งผล ปชช.จะได้กลับเข้าบ้าน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงผลกระทบจากเหตุไฟไหม้ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซ.กิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ว่า ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้หารือกับ บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NPC ว่าจะสามารถใช้ออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์ฉีดลงไปยังจุดที่มีสารสไตรีนเพื่อให้แข็งตัวติดไฟยากขึ้น ควบคุมเชื้อเพลิงได้ง่ายขึ้น ไม่ให้เกิดปะทุขึ้นมาใหม่ ซึ่งในวันเดียวกันนี้ทางกรมควบคุมมลพิษจะได้ประสานงานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อหารือให้ความเห็นชอบว่าจะให้นำสาร ดังกล่าวนี้มาหรือไม่

นายวราวุธ กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ทั้งที่กิ่งแก้ว และที่ลาดกระบัง บริเวณโรงงานน้ำหอมนั้นก็สามารถควบคุมเพลิงได้หมดแล้ว ได้ให้ทางกรมควบคุมมลพิษ เข้าประเมินสถานการณ์ในช่วงเช้าว่าทั้งสองแห่งนั้นเกิดมลภาวะอย่างไรหรือไม่ โดยมีการเก็บตัวอย่างน้ำไปสำรวจ ทั้งเรื่องคราบน้ำมัน สารตกค้าง สารระเหย รวมถึงให้ตรวจสอบคุณภาพอากาศโดยรอบพื้นที่ด้วย

นายวราวุธ กล่าวว่า นอกจากนี้ได้ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ก็ได้ให้เร่งสำรวจคุณภาพน้ำทั้งบนผิวดินและใต้ดินโดยมีทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักเคมีและนักธรณี ประชุมหารือร่วมกัน เพื่อดูในรัศมี ตั้งแต่ 0-12 กม. ให้ตรวจสอบตัวอย่าง ทั้งผิวดินและใต้ดินเนื่องจากอาจจะมีการซึมลงไปในน้ำผิวดินได้ หากได้ผลเป็นอย่างไรจะรีบแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ

นายวราวุธ กล่าวว่า ตอนนี้เรื่องอากาศอยู่ในระดับที่ปลอดภัยแล้วเพราะปริมาณสารพิษที่ขึ้นมานั้นลอยขึ้นไปสูงมาก และลอยไปไกลกระจายตัวไปในชั้นบรรยากาศแล้ว แต่ที่เรายังเป็นห่วงยังไม่กล้าให้เข้าไป อย่างเช่นเมื่อวานก่อนที่มีเพิ่งปะทุขึ้นมา จึงต้องทำให้แน่ใจเสียก่อนว่า เราสามารถบริหารเชื้อเพลิงได้ทั้งหมด จะได้ไม่มีการประทุตัวของไฟขึ้นมาอีก จึงได้พยายามประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อนำออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์ มาฉีดเพื่อทำให้สารเคมี ในพื้นที่แข็งตัวแล้วสามารถเก็บออกมาได้ เมื่อเราบริหารจัดการเชื้อเพลิงได้ทั้งหมดแล้วก็มั่นใจว่าการสำรวจน้ำ ก็จะได้ผลภายใน1-2 วัน ประชาชนจะได้อุ่นใจได้ว่าจะสามารถกลับเข้าบ้านได้เมื่อไหร่

นายวราวุธ กล่าวว่า ในส่วนของรถโมบาย ของกรมควบคุมมลพิษที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ก็ยังประจำอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุและวิ่งตรวจสภาพอากาศโดยรอบอยู่ นอกจากนั้นยังมีสถานีตรวจอากาศขนาดย่อม และมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วที่ใช้ชุดตรวจแบบมือถือ ที่สามารถเข้าตรวจในพื้นที่ได้อย่างทันควัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญนั้น ก็ยังทำงานอยู่ในพื้นที่ จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้โดยปกติเหมือนจะไม่ค่อยได้ใช้แต่ในช่วงภาวะวิกฤตเช่นนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ขาดไม่ได้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษทุกคนที่เป็นหนึ่งในทีมที่เข้าไปสำรวจคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ มลภาวะต่าง ๆ เพื่อทุกคน เป็นหน่วยงานที่เข้าไปหลังเพลิงสงบซึ่งถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน

นายวราวุธ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจได้ว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประสานงานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะทำให้สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมและปลอดภัย ประชาชนจะได้กลับเข้าเคหสถานได้ในเร็ววัน

“เลขาฯ สมช.” รอ ฟังสธ.เสนอล็อกดาวน์ ขอประเมินตัวเลข 15 วัน แจง หากล็อกปชช. กระทบมาก-ใช้งบเยียวยาสูง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศปก.ศบค.กล่าวถึงข้อเสนอให้ ศบค.ล็อกดาวน์ เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้นต่อเนื่อง ว่า ได้ยินอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้รอข้อเสนออย่างเป็นทางการ และรับฟังความเห็นจากทางกระทรวงสาธารณสุขก่อนเป็นลำดับแรก โดย ศบค.พร้อมรับไว้พิจารณาอยู่แล้ว จากนั้นจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัวอยู่ แต่ตัวเลขจะถึงขั้นไหนค่อยมาว่ากันอีกที อยากให้สื่อทำความเข้าใจกับคำว่าล็อกดาวน์ ว่าหมายความว่าอย่างไร ถ้าเป็นเหมือนตอนเดือนเม.ย. 2563 คือการล็อกดาวน์จริง เพราะรวมถึงการเคอร์ฟิวส์ด้วย แต่หลังจากนั้นไม่ใช่ล็อกดาวน์แต่เป็นการปิดกิจการและจำกัดการเคลื่อนย้าย ฉะนั้นถ้าใช้คำว่าล็อกดาวน์ ในขณะนี้ที่เป็นการปิดบางกิจการ คนจะเข้าเข้าใจว่าเหมือนเดือน เม.ย.2563ซึ่งความหมายจผิดเพี้ยนไป

ผู้สื่อข่าวถ้าถามว่าจะพิจารณาเรื่องนี้ ในวันที่ 12 ก.ค.นี้ หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าตัวเลขเพิ่มขึ้นก็อาจจะเร็วกว่านั้น แต่ถ้ายังเป็นลักษณะขึ้นลงแบบนี้ อาจรอดูสถานการณ์ให้ครบ 15 วัน เพื่อประเมินทีเดียวแล้วดูให้ครบถ้วน โดยเราทำอย่างอื่นไปด้วยเช่น ควบคุมการเคลื่อนย้าย การแก้ปัญหารักษาพยาบาลเรื่องเตียงไม่พอ ไม่ใช่ว่าจะนั่งรอดูตัวเลขเฉย ๆ

เมื่อถามวาหากจะประกาศล็อกดาวน์ จะประกาศเฉพาะพื้นที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลต้ามากที่สุด หรือจะประกาศในภาพรวมทั้งหมด พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จะเน้นเข้มข้นในพื้นที่แพร่ระบาดทั้งในกทม.และปริมณฑล หรือ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนพื้นที่อื่นจะมีมาตรการเสริม หากล็อกดาวน์หรือเซมิล็อกดาวน์ หรืออะไรก็ตาม ถ้าทำเฉพาะกทม.หรือปริมณฑล แต่พื้นที่อื่นไม่ทำจะไม่สอดคล้องกันฉะนั้นต้องลดหลั่นไปตามเหมาะสม

เมื่อถามว่าเหตุใดรัฐบาลถึงเลี่ยงคำว่าล็อกดาวน์ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ได้หลีกเลี่ยง แต่ความหมายต้องชัดเจน คำว่าล็อกคือไม่ให้ไปไหน แต่ช่วงหลังให้ไปไหนมาไหนได้ เมื่อใดที่ต้องใช้คำว่าล็อกดาวน์ หรือทำบางช่วงเวลาและบางพื้นที่ต้องระบุให้ชัดเจน 

เมื่อถามย้ำว่าการล็อกดาวช่วงเดือนเม.ย. 2563 ได้ผลจึงมีข้อเสนอให้ล็อกดาวน์ขึ้นมาอีกครั้ง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่าผู้ประกอบการหาเช้ากินค่ำ หรือผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำเดือดร้อนมาก ถ้าทำอย่างนั้นคนจะเดือดร้อนจำนวนมาก ทั้งนี้ การทรวงการคลัง ได้แจ้งข้อมูลในช่วงเม.ย. 2563 ว่าใช้งบประมาณเยียวยา เดือนละเกือบ 3 แสนล้าน ถ้าเราทำอีกจะต้องหางบประมาณมาเยียวยาประชาชนอีกมาก ซึ่งในข้อเท็จจริงแม้จะใช้งบถึงเดือนละ 3 แสนล้านบาทก็ยังไม่สามารถเยียวยาประชาชนได้ทั่วถึง ทางศบค.คำนึงผลกระทบตรงนี้ที่มีต่อประชาชน จึงให้บางส่วนยังหากินได้ ไม่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดคือสิ่งที่ดีที่สุด และหากจะทำต้องวิเคราะห์ปัจจัยที่เป็นสาเหตุทั้งหมด ถ้ากระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าต้นเหตุคือทั้งหมดทุกส่วนก็จำเป็นต้องล็อกดาวน์

เมื่อถามถึงมาตรการขอความร่วมมือเวิร์กฟอร์มโฮม แต่ยังไม่ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ศบค.จะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ข้อกำหนดทุกฉบับที่ออกมาจะเน้นว่าให้ทำงานที่บ้านสูงสุด แต่ส่วนราชการบางส่วนมีภารกิจบริการประชาชน บางส่วนมีความสำคัญต่อการบริหารราชการแผ่นดิน บางส่วนมีหน้าที่ด้านความมั่นคง ที่จำเป็นต้องมาทำงาน โดยรัฐบาลและศบค.ย้ำเสมอว่าเมื่อมาทำงานต้องระวัง และที่ผ่านมาหน่วยงานที่จอความร่วมมือแต่ยังปฎิบัติไม่เต็มที่คือภาคเอกชน

กอ.รมน.แจง ไม่อพยพ 2 แคมป์แรงงาน ชี้ อยู่ห่างรัศมี เหตุไฟไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว ป้องกันโควิด-19

พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก บริเวณซอยกิ่งแก้ว 21 อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ระเบิดและมีเพลิงไหม้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย และบ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 70 หลังคาเรือนนั้น

จากเหตุการณ์การดังกล่าวได้มีการประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยการช่วยเหลือในขั้นต้น กอ.รมน.จังหวัด สมุทรปราการ ได้ประสานขอกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็วจาก กองพลทหารราบที่ 11 เข้าช่วยเหลือและดูแลประชาชนโดยรอบพื้นที่เกิดเหตุ และดำเนินการอพยพประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงในรัศมี 5 กม. ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีคำสั่งให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งได้จัดการจราจรในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกในการอพยพเคลื่อนย้าย และ รปภ. แก่ผู้ที่สัญจรผ่านเส้นทางที่กำหนด รวมทั้งการประชาสัมพันธ์กระจายข่าวสารตามประกาศของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้ประชาชนทุกคนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่เสี่ยง ต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมกลิ่นควันไฟที่เกิดจากการระเบิดของโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกดังกล่าว

ในห้วงวันเดียวกัน ได้มีกำลังพลจาก กองบัญชาการกองทัพไทย โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทยส่วนหน้า และกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็ว กองพลทหารราบที่ 11 โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้เข้าร่วมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่ 

โดยมีภารกิจสนับสนุนการเคลื่อนย้ายและอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ไปยังศูนย์อพยพที่ได้จัดเตรียมไว้ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ 1.โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ 2.องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ และ 3.วัดสลุด อ.บางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ นอกจากนี้กำลังพลของกองทัพบกบางส่วน ยังได้เตรียมการเข้าประจำจุดที่กำหนดหากกรณีมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นซ้ำในพื้นที่เกิดเหตุอีก 

สำหรับการดำเนินการตามข้างต้นนั้นได้มีการปฏิบัติเป็นไปตามขั้นตอนของการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยภายใต้การอำนวยการและกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในพื้นที่ และจากการนำเสนอข่าวกรณีมีเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ควบคุมมิให้แรงงานภายในแคมป์ก่อสร้างอพยพออกมายังพื้นที่ด้านนอกในขณะนั้น เนื่องจากนายอำเภอบางพลี ผู้บัญชาการเหตุการณ์ในระดับอำเภอ ได้ประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าทั้ง 2 แคมป์คนงานได้แก่ แกรนด์ เพอร์เฟค และ เล็ค เลเจนท์ ตั้งอยู่ในซอย ลาดกระบัง 20/3 ต.ราชาเทวะ มีระยะห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร ยังมีความปลอดภัยอยู่ในขณะนั้น 

ประกอบกับ อยู่ในห้วงมาตรการป้องกันอันตรายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 รวมทั้งแคมป์ได้มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่  โล่งแจ้งมีความปลอดภัยจากแรงระเบิดและกลุ่มควันจากสารเคมีในระดับหนึ่ง หากมีการประเมินสถานการณ์พิจารณาแล้วพบว่ามีการขยายวงกว้างของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จะดำเนินการเคลื่อนย้ายโดยใช้มาตรการการป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด - 19 อย่างเร่งด่วนทันที ทั้งนี้ กอ.รมน. มิได้นิ่งนอนใจได้มีการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรวมทั้งอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top