Saturday, 28 June 2025
POLITICS NEWS

'หมอวรงค์' ท้า 'พท.' ฟื้นจำนำข้าว! เตือน!! ระวังเจอคุก-เผ่นนอกซ้ำแน่

‘หมอวรงค์’ ย้อนคดีจำนำข้าว แดงโร่โกงทั้งแผ่นดิน ท้า พท. กล้าฟื้นโครงการจริงมั้ย เตือนระวังติดคุก หรือได้เผ่นนอกประเทศซ้ำอีกแน่

8 พ.ย. 64 - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “จำนำข้าวยิ่งลักษณ์” โดยระบุว่า

ช่วงนี้พรรคเพื่อไทย ออกมาพูดเรื่องข้าวกันมาก เลยเถิดไปถึงโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกมาเบี่ยงประเด็นเรื่องการขาดทุน

สิ่งที่ต้องย้ำให้พรรคเพื่อไทยให้ตาสว่าง ต้องแยกระหว่าง “ขาดทุน” กับ “โกง” การช่วยประชาชน ลำพังขาดทุนนั้นพอรับได้ แต่ไม่ควรให้ถึงชาติล่มจม

แต่ปัญหาใหญ่ของโครงการรับจำนำข้าวคือ “โกง” โกงกันทุกขั้นตอน ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ จนทำให้เงินที่ควรจะถึงชาวนา เกวียนละ 15,000 บาท ถ้าหักความชื้นถูกต้อง น่าจะเหลือ 14,000 บาท แต่เอาเข้าจริง ๆ เหลือ 10,000 - 12,000 บาทต่อเกวียนเท่านั้น

“สงคราม” อัดรัฐมนตรีหนีสภาไม่อายประชาชนบ้างหรือ ชี้! 7 ปี “บิ๊กตู่” ไร้ค่าไม่ให้ความสำคัญกับภาคเกษตรกรรมเมินช่วยเกษตรกร 

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปี ของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร โดยเฉพาะราคาข้าวตกต่ำมากที่สุดในรอบหลาย 10 ปี แต่รัฐบาลยังคงไม่ให้ความสำคัญที่จะรับฟังปัญหาของประชาชน  

ที่ผ่านมารัฐบาลกู้เงินมามากกว่า 5.8 ล้านล้านบาท แต่รัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญกับชาวนาเลย กู้เงินมาจำนวนมหาศาล  รัฐบาลนำไปใช้ในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ และอื่นๆ เป็นภาษีของประชาชน และเป็นภาระหนี้ที่แม้แต่ชาวนาก็ต้องรับภาระหนี้ด้วยส่งผลให้ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะสะสมหลายล้านล้านบาท รัฐบาลอ้างว่ากู้มาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน สุดท้ายเงินกู้ทั้งหมดรัฐบาลนำไปใช้ในโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์ ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้ประชาชนเลย 

นายสงครามกล่าวด้วยว่า  นโยบายที่พรรครัฐบาลหาเสียงไว้กับประชาชน ว่าจะช่วยเหลือชาวนาทั้งในเรื่องต้นทุนการผลิตและราคา ไม่ถูกนำไปสู่การปฏิบัติเลย เป็นได้แค่สร้างภาพลวงตาให้ประชาชนหลงไปกับคำพูดของพรรคการเมือง ที่เสนอให้พลเอกประยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ค่าแรก 425 บาทต่อวัน ข้าวเปลือกตันล่ะ 18,000 บาท อยู่ที่ไหนครับ เพราะวันนี้ราคาข้าว ก.ก.ละ 5-6 บาท ขายข้าว 1 กิโลซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ได้ ซื้อเครื่องดื่มชูกำลังหรือกาแฟไม่ได้ และต้องขายข้าวถึง 3 กิโล ถึงจะซื้อปลากระป๋องได้ 1 กระป๋อง และจะต้องขายข้าวถึง 10 กิโล ถึงจะซื้อน้ำมันพืชได้ 1 ขวด แม้จะมีโครงการประกันส่วนต่างของกระทรวงพาณิชย์ แต่ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้น 

'โฆษกรัฐบาลเผย' เปิดประเทศ 7 วันน่าพอใจ ประชาชนเชื่อมั่น คาดตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นช่วงปลายปี “นายก” กำชับควบคุมแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากเปิดประเทศแล้ว 7 วัน รัฐบาลประเมินว่าสถานการณ์เป็นที่น่าพอใจ โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 20,000 คน ในจำนวนนี้ตรวจพบเชื้อโควิดเพียง 15 คน จึงอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ นอกจากนี้ ประชาชนและนักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นต่อการเปิดประเทศและแนวทางอื่นของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ที่มีเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวนั้น ททท.คาดว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 300,000 คน ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ประเทศและกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศมีมากขึ้นและราคาสินค้าก็จะปรับตัวดีขึ้นอย่างเหมาะสม 

นายธนกร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แสดงความเป็นห่วงคือปัญหาการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว โดยได้กำชับฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงแรงงานให้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งในช่วง 7 วันที่ผ่านมาได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่จับกุมแรงงานต่าวด้าวลักลอบเข้าเมืองได้กว่า 2,800 คน

“ราเมศ” ยันพรุ่งนี้เพื่อ “ชาวนา”รอรับส่วนต่างงวดแรกจากโครงการประกันรายได้ ย้อนบางพรรคทำ “พรุ่งนี้เพื่อใคร”ชี้ชาวนาจำโครการจำนำข้าวได้ดี เตือนบิดเบือนคำพิพากษาระวังคนในคุกถาม

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีพรรคการเมืองพยายามโจมตีโครงการประกันรายได้ ว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีหลักการสำคัญตรงกันคือดูแลใส่ใจเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างเต็มที่ และโครงการประกันรายได้ ยังคงเดินเครื่องเพื่อเป็นหลักประกันในเรื่องรายได้ของพี่น้องเกษตรกร ซึ่งสถานการณ์ช่วงนี้เมื่อมีปัญหาเรื่องราคาข้าว แต่พี่น้องชาวนาก็จะได้รับส่วนต่างรายได้ที่ขาดหายไป ซึ่งรัฐบาลได้ชี้แจงล่าสุด เตรียมจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวงวดแรก 9 พ.ย.นี้ ซึ่งมีพี่น้องชาวนาเป็นจำนวนกว่า 4.68 ล้านครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีมาตรการเสริมเพื่อผลักดันให้ราคาข้าวสูงขึ้นอีกหลายประการ ที่สำคัญจะมีมาตรการส่งเสริมการส่งออกข้าว ซึ่งสิ้นปีนี้ ที่มีจำนวน กว่า 6 ล้านตัน เชื่อว่าสถานการณ์ราคาข้าวจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

“ความจริงแล้วพี่น้องชาวนาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โครงการประกันรายได้ เป็นโครงการที่ดีและเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกร พรรคการเมืองที่คิดเพียงแค่การบิดเบือนเพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงประชาชนเขาดูออก การที่ยกโครงการจำนำข้าวมาพูดถึงก็เป็นสิทธิ แต่ควรพูดให้จริงและให้ครบถ้วน หากคิดถึงพี่น้องชาวนาควรติติงเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ของชาวนา อย่าคิดเพียงเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือง”นายราเมศกล่าว

 

“องอาจ” จี้ “บิ๊กตู่”เร่งแก้แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างจริงจัง หวั่นทำโควิดระบาดระลอกใหม่

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองว่า ขณะนี้ปรากฎว่ามีแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านลักลอบเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ โดยผิดกฎหมายจำนวนมาก เจ้าหน้าที่สามารถตรวจพบและจับกุมได้แต่ละครั้งนับร้อยคน แสดงให้เห็นถึงการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว มีการวางแผนทำกันเป็นขบวนการ การนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายนี้ สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอย่างมาก เพราะไม่มีการตรวจคัดกรองตามระเบียบที่ทางราชการกำหนดก่อนเข้าเมือง เพราะจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนเกิดคลัสเตอร์ใหญ่ๆ และที่ผ่านมาพบว่าเกิดจากแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

นายองอาจ กล่าวว่า ขอฝากนายกฯ เร่งกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางหยุดยั้งการนำแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จำนวนผู้ลักลอบเข้าเมืองจะมากขึ้นจนยากต่อการควบคุม และจากการที่มีขบวนการนำแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาจำนวนมากอย่างต่อเนื่องโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย แสดงว่าตลาดแรงงานมีความต้องการแรงงานต่างด้าวอยู่จำนวนมาก จึงอยากให้นายกฯในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดของ ศบค. ออกมาตรการให้มีการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยถูกกฎหมาย  

“โฆษกรัฐบาล” เผย “นายก” ปลื้ม ฉีดวัคซีนแตะ 80 ล้านโดส โว รั้งอันดับ 18 จาก 184 ประเทศทั่วโลก ชี้ สธ.เร่งซื้อ ”แพกซ์โลวิด- โมลนูพิราเวียร์”รักษาโควิด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พอใจการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 ในไทย มีสัญญาณดีขึ้นต่อเนื่อง แนวโน้มผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงอยู่ที่หลักพันและยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่าร้อยรายติดต่อหลายสัปดาห์ ขณะที่ผู้รักษาหายป่วยกลับบ้านมากกว่ายอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวัน  แสดงถึงศักยภาพของสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ การปรับมาตรการควบคุมโรคที่ได้ผลและความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในปฏิบัติตามมาตรการ 

โดยข้อมูลจากเว็บไซต์บลูมเบิร์ก  เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ระบุความคืบหน้าการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของ184 ประเทศทั่วโลก พบว่าฉีดวัคซีนได้มากกว่า 7,200 ล้านโดส โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก และอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้มากที่สุดได้แก่ จีน  อินเดีย สหรัฐอเมริกา บราซิล และอินโดนีเซีย ซึ่งการฉีดวัคซีนสะสมของไทยจนถึงวันที่7 พ.ย. กว่า 80 ล้านโดส เข็มที่ 1 สะสม 43,978,814 โดส เข็มที่ 2 สะสม 33,950,925 โดส เข็มที่ 3 สะสม 2,551,969 โดส และเข็มที่ 4 สะสม 2,719 โดส รวม 80,484,427 โดส คิดเป็น 65.44 เปอร์เซ็นต์ของประชากรไทยทั่วประเทศ ทั้งนี้ด้วยอัตราการฉีดต่อวันประมาณ 6-8 แสนโดสต่อวัน ทำให้บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าหากไทยฉีดด้วยความเร็วระดับนี้ต่อไป จะสามารถฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสให้ครอบคลุมประชากร 75% ได้ภายใน 1 เดือน สอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศแบบปลอดภัย (Smart Entry) เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา 

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินการจัดหาและกระจายวัคซีนให้กับคนทุกกลุ่มในประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามแผนการจัดหาวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดอาการติดเชื้อรุนแรงและป่วยหนักและลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อแล้ว นายกฯ ยังได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดติดตามเจรจาเพื่อสั่งซื้อยารักษาโควิด-19 ทั้ง "แพกซ์โลวิด (Paxlovid)" ของบริษัทไฟเซอร์ และ “โมลนูพิราเวียร์” ของบริษัทเมอร์ค ที่ช่วยลดการรักษาตัวในโรงพยาบาล และลดการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงได้ให้เร็วที่สุดเพื่อให้ประเทศไทยได้รับยารักษาโควิด-19 ที่มีการพัฒนาเป็นคิวแรกๆ ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไทยสามารถกลับมาดำเนินชีวิตและทำมาหากินได้อย่างปกติสุขโดยเร็วแบบ New Normal และร่วมเดินหน้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจต่อไป

‘ส.ส.จองชัย’ ชงสภาฯ แก้ 3 ปัญหาชาวชลบุรี จี้ปราบแอปฯ ปล่อยกู้ดอกโหด – เร่งออกโฉนด ‘น้ำลบ’

‘ส.ส.จองชัย’ ชงสภาฯ 3 ปัญหาชาวบ้านชลบุรี ขอเร่งปราบแอปฯ ปล่อยเงินกู้เถื่อน ดอก-ทวงหนี้สุดโหด ซ้ำเติม ปชช. กระตุกเร่งฉีดและรับรองวัคซีนเด็กให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และจี้ ‘มท.’ เร่งออกโฉนด 'ที่ดินน้ำลบ' ให้ชาวชลบุรีเพื่อช่วยเพิ่มหลักประกัน-แปลงทรัพย์สินเป็นทุน 

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่รัฐสภา ก่อนเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้เปิดโอกาสให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหารือก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม โดย ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชลบุรีต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรใน 3 เรื่อง คือ 

1.) ขอให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ที่ดูแลเงินนอกระบบและกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) รวมไปถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) หารือในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับแอปพลิเคชันปล่อยเงินกู้ออนไลน์เถื่อนที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และเป็นการซ้ำเติมประชาชนในภาวะวิกฤตด้วย เพราะประชาชนบางคนไม่สามารถไปกู้เงินในระบบได้ ต้องพึ่งพาการกู้เงินผ่านแอปพลิเคชันเถื่อนเหล่านี้ 

โดยแอปพลิเคชันเถื่อนเหล่านี้ในการกู้เงิน ผู้กู้จะได้รับเงินไม่เต็มจำนวน รวมถึงการคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมีการแฝงมาในรูปแบบค่าบริการต่าง ๆ และมีการทวงหนี้อย่างโหดร้าย ไม่ว่าจะเป็นการขู่ทำร้ายร่างกาย รวมไปถึงการประจานให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงขอฝากไปยังประชาชนอย่าหลงเชื่อ ร.อ.จองชัย กล่าวต่อว่า 

‘ปิยบุตร’ สวน ‘ก้าวไกล’ แค่แก้ไขไม่พอ ยัน!! ยกเลิก 112 เหตุไม่ใช่แค่กฎหมายธรรมดา

จูงจมูกกันอีกพรรค ‘ปิยบุตร’ หวดก้าวไกล ถ้าเป็นพรรคหัวไม่ก้าวหน้า ไม่รู้ว่าจะลาออกจากอาจารย์ ทิ้งชีวิตวิชาการมาทำไม เลือกตั้งคราวหน้าคงไม่มีใครเลือก เหน็บอธิบายยืดยาวให้ยกเลิก ม.112 แต่ไม่ทำตามจบ ได้ผล! โฆษกก้าวไกลแถลงทันที อ้างสถานการณ์เปลี่ยน แค่แก้ไขไม่พอ เพราะภาคประชาชนร้องให้ยกเลิก ขณะที่ ‘กำนัน-หมอวรงค์’ ประกาศ ห้ามแตะ ม.112 กังวลนำไปสู่ความขัดแย้ง

เมื่อ 4 พ.ย. 64 ภายหลังจากนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงท่าทีต่อ ม.112 โดยยืนยันว่าร่างแก้ไขมาตรา 112 ของพรรค ไม่มีเนื้อหาขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญมาตรา 6 แต่อย่างใดนั้น ก็ได้ถูก ‘นายปิยบุตร แสงกนกกุล’ เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาตำหนิอย่างรุนแรง

โดยนายปิยบุตรทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า พรรคต้องเป็น Avant-Garde (อาวองการ์ด: ผู้นำทางสังคม) ถ้าพรรคไม่เป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะลาออกจากอาจารย์ ทิ้งชีวิตวิชาการมาทำไม คำว่า Avant-Garde ไม่เท่ากับ ‘ต้องตามใจ - เอาใจการชุมนุม’ แต่ คือ การชี้นำสังคม ผลักวาระนำหน้าเพื่อให้สังคมตาม 

...เลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าไม่มีพรรคแบบนี้ คงกาไม่เลือกใคร!!

“ส.ส. บางคนถามผมว่าจะเสนอร่างกฎหมาย 112 แบบใด ผมยืนยันเรื่องยกเลิก 112 พร้อมยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาททั้งหมด ผมอธิบายเหตุผลยืดยาว แต่เมื่อพรรค ก.ก. เสนอแบบนั้นก็จบ ผมไม่เกี่ยวด้วย แต่ผมขอใช้เสรีภาพแสดงจุดยืนของผม เท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าผมไม่เกี่ยวกับ ก.ก. สั่งการ ก.ก. ไม่ได้”

นายปิยบุตรทวีตอีกว่า “112” ไม่ใช่แค่กฎหมายธรรมดา แต่เป็นมากกว่านั้น การปล่อยให้ “112” อยู่ต่อไป แบบเบาลง หรือปล่อยให้อวตารเป็นร่างอื่น คือ กินยาพารา แต่ก็มีโอกาสฟื้นคืนชีพกลับมาได้เสมอ ปฏิวัติที่ไม่ปฏิวัติไม่ใช่ปฏิวัติ โค้กที่ไม่มีน้ำตาลไม่ใช่โค้ก กาแฟที่ไม่ขมไม่ใช่กาแฟ ปฏิวัติอยู่หน้าประตูแต่ไม่ใช้

จากนั้นท่าทีของพรรคก้าวไกลเปลี่ยนไป โดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคก้าวไกลดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ การแก้ไข น่าจะเป็นทางออกที่โอบรับบุคคลทุกฝ่ายที่พอจะมีฉันทามติร่วมกันได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไป มาตรา 112 ถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อ มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีมากเป็นประวัติการณ์ จนสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นคดีการเมืองแล้ว อาจจะไม่ใช่คดีอาญาแล้ว

วิโรจน์ กล่าวอีกว่า จากการเสนอแก้ไขเมื่อ 9 เดือนก่อน วันนี้พรรคก้าวไกลต้องกลับมาทบทวนแล้วว่ามันตอบรับกับสถานการณ์หรือไม่ แต่เราต้องคิดถึงการโอบรับคนอื่นด้วย แค่การแก้ไข ยังไม่มีพรรคการเมืองใดลงชื่อร่วมกันกับเราเลย ก็ต้องคิดถึงมือในสภาด้วย ถ้ามือในสภายกผ่าน จึงจะเกิดการแก้ไข ความพยายาม หรือการผลักดันจากภาคประชาชนที่จะให้มีการยกเลิกมาตรา 112 พรรคก้าวไกล ก็รับฟัง

“ไม่ว่าจะการแก้ไขก็ดี หรือการยกเลิกก็ดี พรรคก้าวไกลพร้อมที่จะรับฟังและผลักดันอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องโอบรับความเห็นอื่น ๆ และคำนึงถึงโอกาส หรือวิธีการที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการหาว่าพรรคก้าวไกลไปปลุกม็อบอีกหรือไม่ นายวิโรจน์ ชี้แจงว่า วันนี้ถ้าพรรคก้าวไกลเงียบ คุณคิดว่าสังคมหยุดหรือไม่ กลับคิดว่าถ้าวันนี้พรรคก้าวไกลเงียบ ภาคประชาชนจะยิ่งรุนแรง เพราะไม่มีทางระบายออกเชิงระบบที่เป็นไปได้ ข้อกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลปลุกม็อบนั้น วันนี้ภาคประชาชนตั้งคำถามกับพรรคก้าวไกลอย่างรุนแรง ในสภาเป็นพรรคที่ชัดเจนที่สุดแล้ว ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากภาคประชาชนว่า ตอบสนองเขาน้อยเกินไป ขอบันทึกไว้ตรงนี้ว่า ไม่ได้รู้สึกไม่ดีต่อการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน เป็นความชอบธรรมของภาคประชาชนที่จะเรียกร้องมากกว่าสิ่งที่เราทำ เราก็ต้องน้อมรับและสกัดเอาแก่นของความคิดเห็นเหล่านั้นมาประมวล

ขณะที่ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ได้เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP.4 ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)’ ถึงประเด็นมาตรา 112 ว่า เราตรากฎหมายอาญามาตรา 112 ขึ้น เพื่อปกป้องพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ผู้ใดละเมิด จริง ๆ แล้ว ของเรา เราไม่ได้ปกป้องเฉพาะพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพระประมุขของประเทศเรา เรามีกฎหมายอาญามาตรา 133 ปกป้องประมุขของรัฐอื่น ประเทศอื่นเช่นเดียวกัน ข้อความเหมือนกันเลย สาระในกฎหมายที่บัญญัติไว้ มีข้อความเหมือนกัน มาตรา 133 บัญญัติว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายราชาธิบดี ราชินี ราชสามี รัชทายาท หรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ต้องระวางคุกจำโทษ ตั้งแต่ 1 ปีถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 1 แสน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"เรามีกฎหมายอาญาปกป้องทั้งพระประมุขที่เป็นพระมหากษัตริย์ของเรา และเราให้เกียรติ ปกป้องประมุขของประเทศอื่น และลองนึกดูว่า ถ้าเราไม่เขียนปกป้องประมุขของประเทศอื่นไว้ หากมีคนไทยคนไหนเครื่องร้อนขึ้นมา ไปหมิ่นประมาท ไปดูหมิ่น หรือไปแสดงความอาฆาตมาดร้ายประมุขประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หรือพระราชาธิบดี หรือประธานาธิบดี ถ้าเกิดมีคนไทยทำอย่างนั้นขึ้นมา เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ประชาชนเขาก็คงไม่ยอมว่า ทำไมคนไทยถึงไปล่วงละเมิดดูหมิ่นประมุขของประเทศเขา อันนี้ก็เรียกว่า เป็นสงครามได้ เป็นเรื่องใหญ่ได้"

นายสุเทพ เผยว่า กังวลใจลึก ๆ ว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่นำไปสู่ข้อขัดแย้งของคนในประเทศ วันนี้มี 3 ฝ่ายในประเทศ ฝ่ายหนึ่งต้องการแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย แต่ฝ่ายที่สามไม่รู้จะคิดอย่างไร เพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาคิดจะแก้ไข หรือเรื่องที่เขาไม่ต้องการจะแก้ไข เนื้อหาสาระเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย วันนี้ไม่สนใจไม่ได้แล้ว จึงชวนพี่น้องมาช่วยกันติดตามศึกษา

"ผมสารภาพเลยว่าผมยืนอยู่ข้างฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะเห็นว่าที่บัญญัติไว้แค่นี้ เหมาะสมถูกต้องแล้ว สำหรับประเทศไทยของเรา อยากเอาความคิดตรงนี้มาจุดประกายความคิดในใจของพี่น้องประชาชนว่า ผมคิดถูกหรือเปล่าที่คิดอย่างนี้ พี่น้องประชาชนที่เป็นคนไทยแบบผมคิดเห็นแบบผมกันหรือเปล่า วันหลังเราจะมาคุยกันถึงเนื้อหาสาระในร่างแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่พรรคการเมืองพรรคต่างเขากำลังจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา" นายสุเทพกล่าว

'ณัฐชา' ชี้!! นายกฯ สั่งกองทัพปลูก 'ผักชีโรยหน้า' แค่หวังเบี่ยงปัญหาเสถียรภาพรัฐบาล

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความกังวลเกี่ยวกับราคาพืชผลเกษตร โดยเฉพาะผักชีที่มีราคาแพงถึงกิโลกรัมละ 400 บาท โดยสั่งการในที่ประชุม ครม. ให้นำพื้นที่ของทหารมาปลูกผักชี เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ที่ต้องบริโภคพืชผักสวนครัวนำมาประกอบอาหาร 

โดย นายณัฐชา ระบุว่า ประเทศไทยสิ้นหวังมานานแล้วที่มีผู้นำชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา มีเหตุการณ์มากมายที่ตอกย้ำความสิ้นหวังของพี่น้องประชาชนในประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้เลี้ยงปลา ตอนที่มีน้ำท่วม หรือช่วงที่ราคามะนาวแพงก็แนะพี่น้องประชาชนให้ปลูกมะนาว มาวันนี้ก็ให้ทหารปลูกผักชี นี่คือวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาสินค้าเกษตร 

กพช.ขยายกรอบกู้เงินโปะกองทุนน้ำมันเป็นไม่เกิน 4 หมื่นล้าน

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยกำหนดสถานะกองทุนให้มีเงินของกองทุนเองรวมกับเงินกู้ต้องไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท หรือจากนี้ไปสามารถกู้เงินได้มากกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมัน ล่าสุดคณะกรรมการบริหารกองทุน กำลังเสนอหลักเกณฑ์การขอกู้เงินให้ที่ประชุมครม.อนุมัติ ซึ่งเบื้องต้นจะมีการทยอยกู้เงินล็อตแรกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ในช่วงกลางเดือนม.ค. 65 โดยปัจจุบันกองทุนมีเงินอยู่ประมาณ 7,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน โดยปรับลดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันดีเซลหมุนช้า และน้ำมันเตา จากเดิม ในอัตรา 0.10 บาทต่อลิตร เหลือจัดเก็บในอัตรา 0.005 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี และอัตรา 0.05 บาทต่อลิตร ระยะเวลา 2 ปี โดยมีผลทันทีหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top