Tuesday, 10 June 2025
POLITICS NEWS

‘โบว์ ณัฏฐา’ โพสต์เฟซเตือน ‘นักการเมือง’ อย่าเสียเวลาเล่น X ชี้!! ทำให้เสียสมาธิ กังวลยอดไลก์ สุดท้ายก็ย้อนมาทิ่มแทงตัวเอง

(21 ก.ย.67) น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าว และนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า เคยบอกนักการเมืองหลายครั้ง อย่าไปใช้เวลาใน X มาก คนบ้ามันเยอะ ไม่จำเป็นไม่ต้องไปเล่น ถึงเวลาคุณจะเสียสมาธิ แล้วต้องไปนั่งขอโทษกับเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดเพราะทนโดนถ่อยใส่ไม่ไหว แถมไม่กล้าพอจะยืนยันความคิดตัวเองเพราะกลัวเสียยอดไลก์จากฝูงซอมบี้ ถึงเวลาก็ต้องโพสต์ปั่น ๆ เรียกความนิยมแต่ทำลายวัฒนธรรมการสื่อสารซึ่งสุดท้ายก็ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง น่าจะได้บทเรียนกันหลายรายแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน

‘สุวัจน์’ เชื่อ!! เศรษฐกิจกระเตื้อง หลังรัฐบาลกระตุ้น อัดฉีดเม็ดเงินมหาศาล 3 ล้านล้าน ‘แจกเงินหมื่น-กองทุนวายุภักษ์-งบประมาณ 68’ เหมือนแม่น้ำ 3 สายทำให้เกิดการจ้างงาน

(21 ก.ย.67) ที่สำนักงานพรรคชาติพัฒนา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนา และแกนนำของพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ ว่าวันนี้รัฐบาลได้ดำเนินการหลายๆ อย่างที่กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้อาทิ กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มคนพิการ 140,000 ล้าน หรือในส่วนที่เกี่ยวกับตลาดทุนในตลาดหลักทรัพย์กับการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 150,000 ล้าน จะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่มากขึ้นและทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้น หรืองบประมาณปี 2568 ตอนนี้ผ่านรัฐสภาไปแล้ว 3 ล้านล้าน เหมือนกับแม่น้ำ 3 สาย ที่จะนำเม็ดเงินมหาศาลเข้าไปสู่พี่น้องประชาชนเข้าไปสู่การจ้างงาน เข้าไปสู่ภาคธุรกิจ ฉะนั้น 3 ส่วนนี้จะเป็นช่วงที่ทำให้เกิดการกระเตื้องขึ้นของภาวะเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 

นอกจากนี้ มีข่าวดีที่ทางธนาคารกลางสหรัฐ หรือ (เฟด) ประกาศลดดอกเบี้ย 0.5% ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลกและเป็นสัญญาณบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาหลังโควิดเกิดปัญหาหนี้สินกันเยอะและเกิดปัญหาเงินเฟ้อ ฉะนั้นเพื่อเป็นการควบคุมของโลกก็เลยขึ้นอัตราดอกเบี้ยมา 4 ปีไม่เคยลด ฉะนั้น การลดจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของคนทำธุรกิจถูกลง และเป็นการกระตุ้นการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจของโลกให้กลับมาฟื้นตัว ให้กลับมาเข้มแข็ง ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี และเศรษฐกิจไทยก็ไปผูกกับเศรษฐกิจโลกจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นตามไปด้วย

ฉะนั้น จากนี้ไปคงจะเห็นความเคลื่อนไหวของตลาดทุน ตลาดเงินต่างๆ การลงทุนต่างๆ ประเทศไทยก็จะได้อานิสงส์ และจะเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องการท่องเที่ยวจะดีขึ้น เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวได้ผลรวดเร็ว เพราะการท่องเที่ยวไปทุกหมู่บ้าน ไปทุกอาชีพ สร้างความเสมอภาคด้วยเรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะได้ผลที่เร็วมาก หรือการที่เร่งจะมีนโยบายไทยเที่ยวไทย ส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวเมืองไทย เป็นการรักษาการไหลออกของเงินไปต่างประเทศ และแสดงออกถึงความรักชาติ ความชาตินิยม ไทยนิยม วันนี้ต้องเอาความไทยนิยม ชาตินิยม มาช่วยเศรษฐกิจของประเทศ

ส่วนเสียงสะท้านเกรงว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลระยะยาวจะถังแตกหรือไม่นั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น มีการลงทุนมากขึ้น มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น มีการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสม ขยายฐานภาษีต่าง ๆ ที่เหมาะสมมันก็จะเป็นรายได้ของประเทศ 

เราต้องพยายามที่จะคิดหานโยบายใหม่ ๆ สมมุติ นโยบายเร่งด่วนของประเทศ 10 เรื่อง มีอยู่ข้อหนึ่งที่ดีมากคือ นโยบายในการที่จะนำภาษีจากระบบธุรกิจที่อยู่นอกระบบภาษี คือ พวกที่อยู่ใต้ดินต่าง ๆ ขึ้นมา ซึ่งส่วนนี้มีอีกมากมายที่เราไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ อันนี้จะเป็นรายได้ใหม่ให้กับประเทศ

ส่วนประเด็นทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หรือบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น นายสุวัจน์ เชื่อว่าประสบการณ์ต่าง ๆ ที่แต่ละคนมีคงจะเป็นประโยชน์ในการนำเสนอในเชิงนโยบายต่าง ๆให้กับรัฐบาลให้กับนายกรัฐมนตรี

นายสุวัจน์ กล่าวว่าสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่อง คือ เรื่องน้ำท่วม เรื่องน้ำแล้ง อุทกภัย แผ่นดินถล่มและความถี่ของการเกิดก็บ่อยขึ้น พื้นที่หลากหลาย เช่น ที่ จ.ภูเก็ต , จ.เชียงราย, จ.หนองคาย สถานการณ์จากภาคใต้สู่ภาคเหนือไปสู่ภาคอีสาน ตนคิดว่าสัญญาณต่าง ๆ เหล่านี้มีความถี่มากขึ้น มีความเสียหายทั้งชีวิตผู้คน ทรัพย์สินและความเสียหายทางเศรษฐกิจนับหมื่นนับแสนล้าน 

ฉะนั้น ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรที่จะมีมาตรการหรือมีโครงการใหญ่ๆ เป็นแผนแม่บทในการวางโครงสร้างพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง อุทกภัยหรือวาตภัยต่าง ๆ ที่จะเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศและลดความสูญเสีย จุดแข็งของประเทศไทย คือ เกษตร และเกษตรต้องการน้ำ เกษตรต้องน้ำไม่ท่วมและน้ำไม่แล้ง ฉะนั้น ถ้ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้และมีแผนแม่บทจัดทำเป็นวาระแห่งชาติ ในการป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้ง อุทกภัย วาตภัยต่าง ๆ ว่าจะบริหารจัดการน้ำอย่างไร จะมีการสร้างระบบระบายน้ำไปถึงมือเกษตรอย่างไร ระบบขนส่งน้ำหรือเขื่อน อ่างเก็บน้ำที่จะสามารถรับน้ำไว้ป้องกันปัญหาน้ำแล้ง หรือการระบายน้ำต่าง ๆ ไปตามแม่น้ำ ลำคลอง เขื่อนต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วม

เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการทำอย่างจริงจัง ถ้ารัฐบาลได้หยิบยกเรื่องนี้มาทำมันจะเป็นการสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาและยั่งยืนในการพัฒนาประเทศ ตอนนี้เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าพอเกิดขึ้นก็ไปช่วยกันแจกสิ่งของ ไปช่วยกันให้กำลังใจ แต่ถ้าจะถาวรตนคิดว่ารัฐบาลจะต้องทำเรื่องนี้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคชาติพัฒนา พร้อมให้กำลังใจ นายกฯ แพทองธารฯ ในการบริหารประเทศให้สำเร็จ อย่างไร

นายสุวัจน์ กล่าวว่าตนให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี เพราะว่า

1.ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีสุภาพสตรี

2.ท่านอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ 

เราพูดกันมานานว่า อยากเห็นคนรุ่นใหม่เล่นการเมือง อยากเห็นนักการเมืองรุ่นใหม่ อยากเห็นผู้นำทางการเมืองรุ่นใหม่ ฉะนั้น ท่านนายกฯ แพทองธารฯ ถือว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ไม่เคยอยู่ในวงการการเมืองมาก่อน และเข้าสู่การเมือง เป็นคนรุ่นใหม่มาจากภาคธุรกิจ อายุน้อยมากเพียง 38 ปี 

ฉะนั้น ตนถือว่าท่านนายกฯ แพทองธารฯ เป็นตัวแทน เป็นภาพลักษณ์ของนักการเมืองรุ่นใหม่ที่จะมาทำงานแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ

อยากให้ท่านประสบความสำเร็จ เพราะถ้าท่านนายกฯ แพทองธารฯ ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหรือในการทำงานมันก็จะเป็นโอกาสที่เราจะได้เห็นภาพการเมืองใหม่ ๆ เห็นนักการเมืองรุ่นใหม่ เห็นคนใหม่ ๆ เข้าสู่ระบบการเมือง นี่คือ สิ่งที่จะเปลี่ยนฉากทัศน์ของการเมืองไทยว่าเราต้องการคนรุ่นใหม่ นักการเมืองเลือดใหม่

ฉะนั้น ตนก็เป็นกำลังใจให้ท่านนายกรัฐมนตรี อยากให้ท่านได้ทุ่มเทการทำงานและประสบความสำเร็จในการทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศ 

แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าถานการณ์ต่าง ๆ หนักหนาสาหัส โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจก็คงจะต้องมีความร่วมมือช่วยกันทำงานกันอย่างเต็มที่

และในการที่ท่านขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ก็มีการปรับโครงสร้างรัฐบาล มีการจัดทัพพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลใหม่นำไปสู่เสถียรภาพของการเมืองที่เพิ่มขึ้นจาก 310 เสียง เป็น 320 กว่าเสียง ฉะนั้น ด้วยหลักสนับสนุนของพรรคการเมืองรวมกันแล้วกว่า 10 พรรคกับเสียงของรัฐบาลที่มีมากขึ้นอย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลได้ว่าเสถียรภาพในรัฐบาลไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วงเสียงในสภา ไม่ต้องห่วงองค์ประชุม ขอให้รัฐบาลมุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้เต็มที่ โดยเฉพาะในนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อเป็นเรื่องที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ ฉะนั้น ทั้ง 10 ข้อต้องผลักดันให้ได้โดยใช้เสถียรภาพทางการเมือง ตนว่าพี่น้องประชาชนก็จะพึงพอใจ

ตอบข้อถามถึงปัญหานักร้องต่าง ๆ จะทำให้รัฐบาลสั่นคลอนหรือไม่ 

นายสุวัจน์ กล่าวว่าเป็นเรื่องปกติ เป็นไปตามกติกา ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้กติกา เพียงแต่ว่ารัฐบาลจะต้องระมัดระวังให้มาก เหมือนกับมีคนตรวจสอบในเรื่องของการตรวจสอบที่มีมากขึ้น นักร้องก็เป็นหนึ่งในกระบวนการของการตรวจสอบ ฉะนั้น ในการทำทุกอย่างต้องมีความระมัดระวังกัน แต่ตนเชื่อว่าเรามีเสถียรภาพที่เข้มแข็ง มีนโยบายที่ดีที่เหมาะสม มีความร่วมมือกันเพื่อให้การปฏิบัตินำไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายร่วมกัน 

ส่วนรัฐบาลนี้ครบเทอมแน่นั้น นายสุวัจน์ฯกล่าวว่า รถออกจากบ้านไม่มีใครรู้หรอกจะมีอุบัติเหตุหรือเปล่า แต่ตามฟอร์มรถดี สภาพดี นายสุวัจน์ฯกล่าวทิ้งท้าย

‘ธนกร’ สะกิดรัฐสภา คิดถี่ถ้วนก่อน แก้ รธน. ด้าน ‘จริยธรรม’ ชี้!! ‘ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง’ เร่งด่วน-ต้องรีบทำมากกว่า

(20 ก.ย. 67) ที่จังหวัดราชบุรี นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ในฐานะกรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดการสัมมนาและปาฐกถาเรื่อง ‘บทบาทหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมาธิการ กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน’ โดยมีนางสาววริษฐา สงวนเสริมศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และนส.กุลวลี นพอมรบดี สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติให้การต้อนรับ

นายธนกร กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนและตระหนักถึงปัญหาของประชาชนในพื้นที่ จึงได้มาเผยแพร่ความรู้ สร้างความเข้าใจในเรื่องบทบาทหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร บทบาทของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งมีทั้งการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และการสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล รวมทั้งการเปิดเวทีอันเป็นช่องทางที่ประชาชนได้สะท้อนปัญหา เสนอข้อร้องเรียนต่าง ๆ ผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชนในพื้นที่ได้ 

ทั้งนี้ นายธนกร ยังกล่าวว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนกำลังเตรียมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เรื่องมาตรฐานจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ของสส. และรัฐมนตรี ซึ่งฝ่ายค้านโดยพรรคประชาชนก็เห็นพ้องด้วยนั้น ส่วนตัวมองว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงและผ่านการทำประชามติของประชาชน หากจะเป็นการแก้รายมาตรา ก็ควรแก้ในส่วนที่จำเป็นเร่งด่วน หรือแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนก่อนจะดีกว่า โดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(4) (5) มีเจตนารมณ์สำคัญในการป้องกันบุคคลที่ปราศจากคุณธรรม จริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต เข้ามามีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง หากมีการแก้ไขตรงนี้หรือทำให้เบาลงอาจจะเป็นการเปิดช่องให้บุคคลที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตโดยแท้เข้ามามีอำนาจได้ 

“กรอบของคำว่าจริยธรรมในรัฐธรรมนูญ ถือเป็นด่านพิสูจน์เพื่อใช้กลั่นกรองบุคคลที่จะก้าวเข้าสู่อำนาจว่าเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมหรือไม่ เป็นการตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้น เพราะหากแต่งตั้งให้คนที่มีความประพฤติผิดทางจริยธรรมเข้ามาบริหารบ้านเมือง อาจจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติและประชาชนได้ ตนจึงเห็นด้วยที่ควรยึดและยกมาตรฐานตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปราบโกงให้สูงเข้าไว้ก่อน ผมเชื่อว่า ท่านสส.ท่านรัฐมนตรีทุกคน ต่างก็หวังดีและตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองอยู่แล้ว ประชาชนต้องการ ผู้บริหารประเทศที่มีมาตรฐาน คุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต เข้ามาปกครองบ้านเมือง จึงขอฝากรัฐสภาให้มีการคิดทบทวนในประเด็นนี้ให้รอบคอบ เพราะถ้ารัฐสภา ทั้งสส.และสว.ร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องจริยธรรมดังกล่าว อาจถูกสังคมและประชาชนมองว่าเป็นการแก้เพื่อตัวเอง แก้เพื่อนักการเมืองเสียเอง และหากถูกยื่นร้องให้ตรวจสอบอาจส่อไปในทางที่ขัดต่อกฎหมายได้ จึงควรคิดพิจารณาให้รอบคอบ” นายธนกร ระบุ

'วิสุทธิ์' ลั่นรับไม่ได้ สุราก้าวหน้าฉบับ สส.เท่าพิภพ เสรีจัดถึงขั้นให้ต้มเหล้าดื่มเอง แจกจ่ายในหมู่บ้านได้

เมื่อวานนี้ (19 ก.ย. 67) ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต ที่เริ่มพิจารณาเมื่อวันที่ 18 ก.ย. และจะลงมติสัปดาห์หน้า แนวทางโหวตในสัปดาห์หน้าจะมีการคว่ำร่างหรือไม่ ว่า...

"ประเด็นที่เกิดขึ้น ตนต้องเรียนกับประชาชนว่า เรื่องสุราก้าวหน้า ภาษีสรรพสามิต ต้องอาศัยข้อเท็จจริง ซึ่งในการพิจารณามีอยู่ 3 ร่าง ได้แก่ร่างของพรรคเพื่อไทย, ร่างของพรรคประชาชน และร่างของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่เมื่อไปดูหลักการการเสนอร่างของพรรคประชาชนนั้นระบุว่าถ้าไม่ขาย ก็สามารถต้มดื่มกันเองได้ แจกจ่ายกันเองในหมู่บ้านทั่วไปได้ เราจึงมองว่าหลักการเช่นนี้จะทำให้เราลำบาก หากมีการเสนอเข้าไปแล้วจะขัดกับหลักการกับที่เราตั้งไว้ ซึ่งสุราทุกอย่างจะต้องมีการควบคุม อาจจะลดขนาดเงื่อนไขในการตั้ง เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนขนาดเล็กสามารถสร้างได้ ตั้งได้ ผลิตได้ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในการควบคุมของกฎหมาย ไม่ใช่ว่าเสรีเลย จึงมีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อวาน"

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า “ภายหลังได้มีการเจรจากับพรรคประชาชน ทางพรรคประชาชนมาขอว่า อยากให้ห้อยรวมร่างของเขาไปด้วย ฉะนั้น พวกเราจึงถอยกลับมาว่าเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ใช่มาขอเพื่อไทย แล้วจะให้ผมบอกว่าได้หรือไม่ได้เลย แต่ในเมื่อหลักการของคุณขัดกับหลักการ ก็จะลำบากอยู่ ฉะนั้น เราต้องดูพรรคอื่นด้วยว่าคิดอย่างไรในเรื่องนี้”

นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า "นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคประชาชน หากจะพูดอะไรควรพูดในสภา จะได้มีบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ฉะนั้น เรายืนยันในหลักการของเรา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการตรากฎหมาย ไม่ใช่ไปแก้หลักการที่ยังไม่เคยมี"

“คุณจะพูดในสภาฯ ได้หรือไม่ว่า คุณไม่ติดใจประเด็นอย่างนี้ เราก็จะมาพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ แต่ทั้งหมดเราต้องปรึกษากับพรรคร่วมรัฐบาลก่อน” นายวิสุทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่าจะถูกกล่าวหาว่าตั้งธงคว่ำร่างหรือไม่? นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า "เราไม่ได้คิดตั้งธงถ้าหากคุณเขียนหลักการว่าให้ขออนุญาตเฉพาะคนที่ทำเป็นร้านค้าหรือจำหน่าย แต่ประชาชนทั่วไปสามารถต้มเหล้ากินได้หมด อย่างนี้รับไม่ได้"

“ประชาชนเสี่ยงตายมากี่คน ใครรับผิดชอบได้บ้าง แล้วยังป่วยอีกหลายสิบคน ถ้าทำไปแล้วไม่มีใครควบคุม ใครอยากต้มก็ต้ม ใครอยากแจกก็แจก นี่มันไม่ใช่ประเทศไทยแล้ว คงเมากันทั้งประเทศ ที่เรารับไม่ได้คือประเด็นนี้ ไม่ใช่จะไปคว่ำร่างของก้าวไกล (ประชาชน) แต่เขาเอง ถึงแม้ไม่ได้นำร่างเข้ามาก็เป็นกรรมาธิการร่วมกันได้อยู่ ยังทำงานร่วมกันได้ จะไปออกข่าวว่าเราคว่ำอะไร ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน” นายวิสุทธิ์ กล่าว

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้เสียหายมาถึงพรรคเพื่อไทย ว่าพรรคเพื่อไทยไม่สนับสนุน แต่เราสนับสนุนให้รายย่อยมีโอกาส ลดเงื่อนไขลงมา แต่ไม่ใช่ว่าไม่ต้องขออนุญาตเลย ไม่ได้ขายต้มแจกได้หมด ไม่เช่นนั้น เมาทั้งตำบล ทั้งอำเภอ พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับองค์ประชุม

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า "ภายหลังจากการประชุม พวกเรามานั่งปรึกษาหารือคุยกัน ฝ่ายค้านรัฐบาลไม่ได้มีอะไร แค่ความแตกต่างทางความคิด เป็นความสวยงามของประชาธิปไตย เขามาปรึกษาว่าห้อยไปด้วยได้หรือไม่"

เมื่อซักเพิ่มว่าเบื้องต้นพรรคประชาชนยอมหรือไม่? นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า "ให้เขามาตอบวันพุธก็ยังมีเวลา ไม่ได้ไปคว่ำร่างใคร คนที่ติดตามเรื่องนี้ก็ขอให้เข้าใจถูกต้อง"

เมื่อถามว่านายเท่าพิภพ ใช้คำพูดว่าเราต่อเรือมาแล้ว เหมือนเป็นการปล้น? นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า "กฎหมาย ไม่มีใครปล้นใคร ทุกพรรคหวังดีต่อพี่น้องประชาชน เราก็อยากให้ SMEs เกิดขึ้นในประเทศไทย หรือธุรกิจอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ได้ปล้นใคร ถ้าไปพูดแบบนั้นก็มีปัญหา”

เมื่อถามว่าจะทำให้วิปรัฐบาลและฝ่ายค้านคุยกันยากขึ้นหรือไม่? นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า “ไม่ยาก เจอที่ไหนก็คุยกันได้ รุ่นใหม่รุ่นเก่าก็ทำงานร่วมกันได้ ดูตามหลักการที่ถูกต้องการ และไม่ต้องไปโจมตีกัน การใช้วาทกรรมทางการเมืองจะทำให้งานไม่เดินหน้า ปล้นเปลิ้นอะไรไม่มี”

ขณะที่ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการวิปรัฐบาล กล่าวว่า ตนในฐานะผู้เสนอให้มีการลงมติแยกทีละฉบับ ซึ่งในหลักการร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 3 ร่างนั้น การผลักดันให้ประชาชนให้เข้าถึงและขอใบอนุญาตได้ ทั้ง 3 ร่างเห็นตรงกัน แต่ติดปัญหาเดียวคือพรรคประชาชนเขียนหลักการว่าผู้ที่ทำเพื่อการค้าเท่านั้นที่ต้องขออนุญาต ซึ่งเราก็ปรึกษาว่ามีทางไหนที่ทำให้สามารถนำเข้าไปพิจารณาพร้อมกันได้หรือไม่โดยที่ความขัดแย้งหลักการ กระบวนการไม่เป็นปัญหา ซึ่งปกติแล้วในหลักการไม่สามารถแก้ได้ จึงเป็นปัญหา โดยหลักของกฎหมายแล้วเมื่อเสนอมาแล้วไม่ควรแก้หลักการ จึงยังไม่มีข้อสรุปว่าเมื่อพิจารณารวมทั้ง 3 ร่างแล้วจะขัดกันหรือไม่

‘ชัยวุฒิ พปชร.’ ชี้!! งบเยียวยาน้ำท่วม 3 พันล้าน ไม่เพียงพอ อย่าประเมินความทุกข์ ปชช. ต่ำ แนะ!! จ่ายครัวเรือนละ 1 หมื่น

(19 ก.ย. 67) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดหนองคายร่วมกับคณะกรรมการบริหาร และ สส.พรรคพลังประชารัฐ เพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยว่า…

วันนี้ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยที่จังหวัดหนองคาย พบว่า ความช่วยเหลือของรัฐบาลยังมาถึงประชาชนได้ล่าช้า โดยเฉพาะเงินงบประมาณที่รัฐบาลเพิ่งอนุมัติมา 3,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนกว่า 50 จังหวัดไม่น่าจะเพียงพอ  

“งบประมาณ 3,000 ล้านบาท ยังน้อยกว่างบประมาณในโครงการซอฟต์พาวเวอร์ งบประมาณกว่า 5,000 ล้าน ยังทำประโยชน์ไม่ได้ เหมือนเอาเงินไปละลายน้ำแต่ความเดือดร้อนของประชาชนกับตีค่าแค่เงิน 3,000 ล้าน จะไปช่วยอะไรชาวบ้านทั้งประเทศได้พออย่างไร ผมมองว่ารัฐบาลต้องอนุมัติงบประมาณมาเพิ่ม อย่างน้อย 30,000-40,000 ล้านบาท เพื่อการเยียวยาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน การที่รัฐบาลจะให้ครัวเรือนละ 5,000 บาท มันไม่เพียงพอ ขนาดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังให้คนละ 10,000 บาท อย่างน้อย ก็ต้องให้ครัวเรือนละ 10,000 บาท รัฐบาลต้องเพิ่มการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้มากกว่านี้” นายชัยวุฒิ กล่าว

'เพจดัง' สรุปดรามา 'ใส่เสื้อส้ม พูดอีสาน' ม้วนเดียวจบ มีเอี่ยวพรรคส้ม ชี้!! เป็นก๊วนแกล้งรักสถาบัน แล้วปั่นให้คนเกลียดด้วยตรรกะเพี้ยนๆ

(19 ก.ย. 67) เพจ 'วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร' ได้โพสต์บทสรุปประเด็นภาคต่อดรามา 'ใส่เสื้อส้ม พูดอีสาน' จนไม่ผ่านการทดลองงานไว้ดังนี้...

เริ่มจากอิพลอยนำแชตไลน์มาโพสต์ว่าน้องชายไม่ผ่านงานเพราะบริษัทไม่ชอบที่ใส่เสื้อส้มและพูดอีสาน จากนั้นไอ้เลิศออกตัวว่าเป็น HR คนนั้น เรื่องถูกตีฟูจากสื่อและอินฟลูบางคนจนเป็นกระแส

ทีมงานตรวจสอบพบว่า อิพลอย เป็นเฟสปลอม เป็นแอดมินกลุ่มคอยปั่นให้สังคมทะเลาะด้วยเรื่อง Fake news หลายกลุ่ม โดยมี ไอ้เลิศคือ หนึ่งในนั้น

ไอ้เลิศ (คนซ้าย) ที่สถาปนาตัวเองเป็น หัวหน้า HR จะคอยเสี้ยมและปั่นตามกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะแกล้งทำตัวรักสถาบัน แต่คอยทำหน้าที่ยุให้คนเกลียดด้วยตรรกะเพี้ยน ๆ ให้ดูกลุ่มรักสถาบันเป็นคนบ้า

ไอ้เลิศมันใช้เฟสจริงแต่ล็อกไม่ให้คนเข้าไปดูโปรไฟล์ แต่มันลืมไปว่าเพื่อนมันชอบแท็กเวลาไปงาน และหนึ่งในเพื่อนสนิทมันคือ 'เจอรี่' เป็นผู้สมัคร สส. พรรคก้าวไกล (คนขวามือภาพบน)

ไอ้เลิศและเจอรี่ โพสต์อวย พรรคก้าวไกลมาตลอด ปัจจุบัน เจอรี่เป็นทีมงานพรรคส้มในจังหวัดปทุมธานี

#คำถามที่ ไอ้เลิศ และ เจอรี่ ต้องตอบ...

1. ข่าวปลอมที่ พนักงานไม่ผ่านโปร เพราะใส่เสื้อส้มและพูดภาษาอีสาน ถูกปั่นไปถึงอินฟลูและสื่อใหญ่ได้อย่างไร ใครเป็นคนส่งข้อมูลให้พวกเขา

2. ทำไมถึงจุดประเด็นขึ้นมาอย่างเป็นระบบ ชง ตบ ปั่น ขึ้นมาเมื่อวาน ต้องการเบี่ยงประเด็นหรือกลบข่าวอะไร

แต่ถ้าทำสนุก ๆ สื่อและอินฟลูงับข่าวไปเล่นเอง ไปงับได้อย่างไร และจะออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่เสนอข่าวบิดเบือนกี่โมง

ขอคำตอบด้วยค่ะ

‘ภูมิธรรม’ เผย!! งบเยียวยาน้ำท่วม 3 พันล้าน ใช้ได้ทันที พร้อมชื่นชมกำลังพลดูแลประชาชนก่อนนึกถึงตัวเอง

(19 ก.ย. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเยียวยาน้ำท่วม ว่า ขณะนี้ได้อนุมัติ 3,000 ล้านบาทแล้ว ใช้ได้เลย ไม่ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนให้มาก แต่ดูให้รอบคอบ แจกจ่ายได้ตามมติและกฎเกณฑ์เดิม ส่วนสิ่งที่จะทำใหม่ได้มอบหมายปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กฤษฎีกา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปคิดภายใน 1 สัปดาห์ หากมีมติชัดเจนจะเป็นส่วนที่จ่ายเพิ่มเติมจากสิ่งที่ได้โดยปกติ และจะได้ใช้มาตรฐานนี้ในอนาคตข้างหน้า เพราะมาตรฐานเดิมที่วางไว้มาด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง ตรงนี้ต้องไปดูอีกอย่างหนึ่ง เรื่องการเงิน ทำได้เท่าไร เราทำก่อน หากทำได้หมด ก็พร้อมทำ ย้ำว่าเร่งให้เร็วที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ แต่ต้องขอดูรายละเอียด 

เมื่อถามว่าอยากพูดอะไรถึงกำลังพลที่ลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมหรือไม่ เพราะมีบางนายที่ได้รับผลกระทบ? นายภูมิธรรม กล่าวว่า “เมื่อผู้บัญชาการทหารบกได้ไปเยี่ยมแล้ว ส่วนตัวคิดว่าผู้บังคับบัญชาและส่วนต่าง ๆ เห็นใจ เข้าใจกำลังพลที่บ้านตัวเองต้องไปดูแลยังไม่ได้ทำ แต่ต้องไปดูแลประชาชนก่อน อันนี้เป็นน้ำใจอันสูงส่งของกำลังพล ไปทำหน้าที่ของประเทศก่อนจะคิดถึงตนเอง ขอบคุณและให้กำลังพลทุกฝ่าย ขอให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ช่วยชาติ บ้านเมือง และประชาชน ส่วนรายละเอียดของกำลังพลแม้ว่าจะขาดตกบกพร่อง ยืนยันว่าจะพิจารณาดูแลหาทางออก ซึ่งเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) ได้หารือกับรัฐมนตรีช่วยฯ ว่ากำลังพลส่วนนี้จะทำอย่างไร ซึ่งจะต้องมาหารือกัน มีแนวทางใดบ้าง ต้องมาหารือรายละเอียดและข้อกฎหมายต่อไป” 

‘บิ๊กป้อม-พปชร.’ ลุยหนองคาย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงยังชีพ 3,000 ชุด พร้อมสั่ง สส.ในพื้นที่ช่วยเหลือใกล้ชิด

(19 ก.ย. 67) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค, นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรค, น.ส.กาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค, นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรค, พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค, นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1 และกรรมการบริหารพรรค อาทินาย สุธรรม สุจริตงาม พร้อมด้วยสมาชิกพรรค น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต1 และนายวิริยะ ทองผา สส.มุกดาหาร เขต 1 ร่วมลงพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.หนองคาย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เมือง ที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง จากอิทธิพลของพายุที่เกิดขึ้นในหลายระลอก รวมทั้งปริมาณน้ำจากลำน้ำโขง ที่เพิ่มสูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนในชุมชนต่างๆ ได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพได้ตามปกติ

โดย พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยในความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน จึงได้ลงพื้นที่พร้อมกับคณะทีมผู้บริหารพรรคไปพบปะประชาชน และติดตามสถานการณ์ ในพื้นที่ประสบภัย เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล และเตรียมความพร้อมเสนอผ่านระบบสภาฯ โดยระหว่างการลงพื้นที่วันนี้ ได้มีประชาชนฝากข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลจำนวนมาก ซึ่งพรรคพลังประชารัฐในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ก็ขอเป็นกระบอกเสียงแทนพี่น้องประชาชน ขอให้รัฐบาลใส่ใจในความเดือดร้อนและเร่งหามาตรการที่จะเยียวยาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วย

ทั้งนี้ จากสภาพอากาศ พรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงได้รับอิทธิพลจากมรสุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงจากสภาพภูมิอากาศ ทำให้ปริมาณฝนตกมากกว่าปกติ ซึ่งปัญหาเรื่องน้ำทั้งภัยแล้งและอุทกภัย เป็นนโยบายหลักของ พปชร.และ พล.อ.ประวิตร ให้ความสำคัญมาโดยตลอด จากที่ผ่านมามีการผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และวางแนวทางแก้ไขปัญหาให้บริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ประชาชน และเกษตร มีน้ำกินน้ำใช้ ลดภัยพิบัติอย่างเห็นผลมาแล้วในอดีต สะท้อนภาพจำของ ‘ลุงป้อม’ ที่มีต่อประชาชน เป็นผู้ที่แก้ปัญหาน้ำ และสามารถเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ตาม

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ได้นำถุงยังชีพมากกว่า 3,000 ชุด แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนหนองบัว ชุมชนสระแก้ว (วัดศรีบุญเรือง) ชุมชนวัดธาตุใต้ ในเขตเทศบาลเมือง เพื่อให้ประชาชนบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตินี้ไปได้ พร้อมทั้งกำชับให้ สส. ในพื้นที่ประสานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าทำการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในด้านต่างๆ การแจ้งเตือน การอพยพ หาแหล่งที่พักพิงให้เพียงพอ และให้นำข้อมูลมาเสนอต่อสภาฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในการเยียวยาพี่น้องประชาชน เพื่อซ่อมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งจัดเตรียมแผนรับมือในการพัฒนาโครงการ เพื่อป้องกันอุทกภัยในอนาคต

วิวาทะเดือด!! ผู้ว่าแบงก์ชาติ VS รมว.พาณิชย์

จากช่วงหนึ่งของปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา 'Big Heart Big Impact สร้างโอกาสคนตัวเล็ก..Power of Partnership จับมือไว้ไปด้วยกัน' ในหัวข้อ 'สร้างไทยเข้มแข็งด้วยท้องถิ่นนิยม Localism Future of Thailand' เมื่อวันที่ 13 ก.ย.67 โดย 'นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ' ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้กล่าวว่า...

"การเติบโตของประเทศไทย ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะเติบโตแบบเดิม ๆ ไม่ได้แล้ว แต่ต้องหาการเติบโตแบบใหม่ โดยเฉพาะในแง่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่เราไม่ควรโตแบบล่าตัวเลขจีดีพี หรือตัวเลขการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ (เอฟดีไอ) แต่ต้องพิจารณาในส่วนของจีดีพี หรือเอฟดีไอ จะสามารถสร้างประโยชน์ความเป็นอยู่ของคนในประเทศได้มากน้อยเท่าใด เพราะตัวเลขที่ต้องล่า คือความมั่งคั่งรายได้ของครัวเรือน ที่สะท้อนความเป็นอยู่ของประชาชน อาทิ สาธารณสุข การศึกษา เพราะตัวเลขที่ผ่านมาไม่ได้สะท้อนความเป็นอยู่ของคน เราจึงต้องพึ่งพาความเข้มแข็งจากภายในประเทศมากขึ้น"

ด้าน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้กล่าวตอบโต้ผ่านช่วงหนึ่งภายหลังการเผยถึงทิศทางและนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ว่า กระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนิน 10 นโยบายสำคัญ เมื่อวันที่ 16 ก.ย.67 ด้วยว่า...

"ผมไม่ได้เป็นคู่แค้นกับแบงก์ชาติ แต่ที่ผ่านมาค่าเงินประเทศคู่แข่งอ่อนแต่ของไทยไม่อ่อน ผมว่ามันไม่ถูกต้อง ผมยังงงว่าผู้ว่าแบงก์ชาติออกมาพูดในเชิงว่าประเทศไทยไม่ต้องไปมุ่งเน้นจีดีพีมาก ผมไม่รู้ท่านเรียนจบจากที่ไหนมา เพราะเป็นความคิดที่ผิด เพราะจีดีพีคือ รายได้ของประเทศ หากไม่มีรายได้จะเอาเงินที่ไหนมากระจายให้ประชาชน...

"ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติพูดเหมือนคนไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร มันเป็นวิธีคิดที่ผิดปกติ จะทำนโยบายแค่ให้คนมีความสุขมันไม่ได้ เพราะถ้าคน ไม่มีเงิน ไม่มีรายได้เพิ่มคนจะมีความสุขได้อย่างไร ยิ่งมีภาระหนี้เยอะยิ่งต้องแก้ปัญหาหนี้ ซึ่งเร็ว ๆ นี้ผมจะนัดหารือกับผู้ว่าแบงก์ชาติ เพื่อทำความเข้าใจและหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว"

'สุริยะใส' แง้ม!! 'อดีต 3 บิ๊ก' คิดตั้งพรรคสู้ 'ปชน.' ชี้!! มีความเป็นไปได้ แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทาย

(18 ก.ย. 67) ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โพสต์เฟซบุ๊กในประเด็นที่น่าสนใจเรื่อง ‘อดีต 3 บิ๊กคิดตั้งพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ VS พรรคประชาชน ความเป็นไปได้และข้อท้าทาย’

ตามที่มีข่าวมีความพยายามของอดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย บางคนเตรียมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ในแนวทางอนุรักษ์นิยมใหม่ เพื่อต่อสู้กับกระแสความนิยมของพรรคประชาชนอย่างพรรคด้อมส้ม นั้น อาจดูเป็นความคิดที่น่าสนใจแต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทายหลายด้าน

ความเป็นไปได้

การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ในไทยนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความสามารถในการดึงดูดความสนใจของประชาชน การสร้างความเชื่อมั่น และการนำเสนออุดมการณ์ที่ชัดเจน สำหรับแนวทางอนุรักษ์นิยมใหม่สามารถดึงดูดผู้สนับสนุนที่ไม่พอใจกับทิศทางการเมืองในปัจจุบัน และคนที่อยากเห็นความมั่นคงและความเป็นระเบียบในสังคม

นอกจากนี้ ความสำเร็จยังขึ้นอยู่กับการดึงดูดฐานเสียงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มที่รู้สึกว่าพรรคการเมืองปัจจุบัน ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้

ข้อท้าทาย

1.กระแสการเมืองปัจจุบัน: พรรคด้อมส้มหรือพรรคประชาชนที่มีแนวคิดก้าวหน้าได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ การที่จะตีโต้กับกระแสนี้จะต้องมีการเตรียมพร้อมในการตอบสนองต่อความต้องการและความกังวลของกลุ่มคนที่อาจมองว่าแนวคิดอนุรักษ์นิยมไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

2.การสร้างภาพลักษณ์: การที่กลุ่มผู้ก่อตั้งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในภาครัฐบาล การทหาร และการตำรวจ อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นพรรคที่ยึดติดกับอำนาจเก่า ซึ่งอาจทำให้ยากในการดึงดูดคนรุ่นใหม่หรือกลุ่มที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงและต้องแยกให้ออกระหว่างอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมใหม่ (Neo Conservative) กับอนุรักษ์นิยมดั้งเดิม (Traditional Conservative)

3.การแข่งขันกับพรรคเก่า นอกเหนือจากพรรคประชาชนและกระแสด้อมส้มแล้ว ยังมีพรรคอนุรักษ์นิยมเก่าที่มีฐานเสียงแข็งแกร่งอยู่แล้ว เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้าชาติ หรือพรรคภูมิใจไทย แม้พรรคเหล่านี้พยายามจะปรับภาพลักษณ์เป็นอนุรกษ์นิยมใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร การแข่งขันกับพรรคเหล่านี้จะเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคในการแย่งชิงฐานเสียง

4.ความซับซ้อนของระบบการเมือง การเมืองไทยเป็นระบบที่ซับซ้อน มีความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมือง ข้าราชการ และกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มทุนธุรกิจขนาดใหญ่ การที่จะเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ในเวทีนี้ จึงจำเป็นต้องมีความชำนาญและความสัมพันธ์ที่ดีกับหลายฝ่าย ในขณะเดียวกันต้องอธิบายและสะท้อนประโยชน์ให้กับสาธารณะได้อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งได้แต่โตไม่ง่าย

การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีการวางแผนอย่างละเอียด และการประเมินสภาพการเมืองในปัจจุบันอย่างแม่นยำ พรรคที่ก่อตั้งใหม่จะต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนและสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายได้

ทั้งนี้ ความสำเร็จยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการสื่อสารกับประชาชน การตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มต่าง ๆ และการสร้างความเชื่อมั่นในนโยบายและผู้นำที่มี Leadership ตอบโจทย์ทันสมัยการเปลี่ยนแปลง

สรุปแล้ว การตั้งพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่นั้นมีความเป็นไปได้ แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทายที่จะต้องเผชิญและแก้ไขในหลายด้าน ที่สำคัญไม่ใช่แค่ทำพรรคอนุรักษ์นิยมแนวใหม่เพียงเพราะต้องการขวางการเติบโตของพรรคประชาชนเท่านั้นแต่ต้องเป็นทางเลือกใหม่ที่ทำได้และเป็นไปได้มากกว่า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top