Tuesday, 8 July 2025
POLITICS NEWS

“ประวิตร” เร่งปราบค้ามนุษย์ สั่งคุ้มครอง-ช่วยเหลือ ผู้เสียหายปลื้ม งานคืบ ส่งผลดี ทิปรีพอร์ต

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์(ปคม.)ครั้งที่ 1/2565 และเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์(ปกค.)ครั้งที่ 1/2565 

โดยที่ประชุมปคม. เห็นชอบร่างข้อเสนอแนวทางการพัฒนากลไกการส่งต่อระดับชาติ และร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกการส่งต่อระดับชาติ และเห็นชอบร่างมาตรฐานการปฎิบัติงานการตรวจคัดกรอง เบื้องต้น เพื่อแสวงหาข้อบ่งชี้ สำหรับบุคคลที่มีเหตุอันควรสงสัยได้ว่าอาจเป็นผู้เสียหายจากการแสวงหาประโยชน์ด้านแรงงาน แรงงานบังคับ หรือการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน 

นอกจากนั้นเห็นชอบร่างรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และกรอบเวลาการจัดทำรายงาน รวมทั้งเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ครั้งที่5 และการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสครั้งที่15 ในปี2565 ที่ประเทศไทยจะดำรงตำแหน่งประธานคอมมิท (COMMIT Task Force)

นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบรายงานการประเมินการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์กลางปี ประจำปีค.ศ.2022 และรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 2564 ที่นายกรัฐมนตรี เห็นชอบแล้ว และ กระทรวงการต่างประเทศ ได้นำรายงานฉบับภาษาอังกฤษ ส่งให้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย เมื่อ 21 ม.ค.65 เพื่อใช้ประเมินจัดระดับประเทศไทยในทิปรีพอร์ตแล้ว

โดยสหรัฐฯ แสดงความพอใจต่อการดำเนินงาน และชื่นชมผลการดำเนินคดีค้ามนุษย์ในภาพรวมที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าปี2563 รวมถึงการดำเนินงานที่สำคัญของรัฐบาลไทย เช่น การจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหาย (ดอนเมือง) การจัดทำกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) และการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการค้ามนุษย์ ระยะเร่งด่วน 4รุ่น จำนวน 120 คน รวมทั้งการจัดตั้งสถาบันฝึกอบรม เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์แห่งแรกในภูมิภาค ภายใต้ความร่วมมือ กับรัฐบาลออสเตรเลีย เป็นต้น

“โฆษกรัฐบาล” โว โครงสร้างพื้นฐาน“บก-ราง-น้ำ-อากาศ” คืบ  เร่ง เคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาว ยกระดับคุณภาพชีวิตปชช.ประชาชน 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงสร้างขนาดใหญ่ของประเทศ  ที่เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นระบบสาธารณูปโภคต่างๆเช่น ไฟฟ้า น้ำประปา โครงข่ายด้านการสื่อสาร ระบบคมนาคมขนส่งทั้งทางราง ทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ รวมถึงการเกิดของนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความพร้อมในการลงทุนทั้งจากในและต่างประเทศ 

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลดำเนินโครงการ ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปในทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบขนส่งทางราง (รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง) การเปิดประมูลและให้บริการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ การพัฒนาโครงข่ายถนน เช่น การสร้างมอเตอร์เวย์ พัฒนาท่าเรือ รวมถึงการพัฒนาท่าอากาศยาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ SEZ โดยออก พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปี 2561 เพื่อรองรับการดำเนินการที่สำคัญในอนาคต เช่น เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่ออุตสาหกรรมเป้าหมาย เมืองใหม่อัจฉริยะน่าอยู่ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นต้น 

นายธนกร กล่าวว่า เพื่อให้คนไทยมีความสุข อยู่ดี กินดี สังคมมีความมั่นคง เสมอภาคและเป็นธรรม รัฐบาลได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เกิดโครงข่ายคมนาคมที่สมบูรณ์ในประเทศและเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และสร้างมูลค่าเพิ่มต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งโครงการต่าง ๆ มีความคืบหน้าค่อนข้างมาก หลายโครงการเป็นการลงทุนต่อเนื่อง  เมื่อโครงการต่าง ๆ แล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศกับนานาประเทศได้ และประชาชนคนไทยจะได้รับประโยชน์จากแผนการการลงทุนด้านคมนาคม  โดยเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจจากเม็ดเงินการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม 

'บิ๊กตู่' จับ 7 กระทรวง เซ็น MOU เร่งขับเคลื่อน พัฒนาคุณภาพชีวิต เด็กปฐมวัย-ผู้สูงอายุ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม 2565 นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือ 7 กระทรวง: การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัย และผู้สูงอายุ) พ.ศ. 2565 – 2569 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล 

นายธนกร กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือ 7 กระทรวง: การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัย และผู้สูงอายุ) พ.ศ. 2565 – 2569 เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ ที่มีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาคนในทุกมิติและทุกช่วงวัยภายใต้แผนแม่บทที่ 11 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงนามร่วมกันเมื่อ 30 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา

'รองโฆษกรัฐบาล' แจง คืบหน้า แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ช่วยครู-ตำรวจ ไปแล้วหลายราย

เมื่อวันที่ 23 มี.ค.65 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน ว่า รัฐบาลดำเนินการมาระยะหนึ่งปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรม จากนี้จะเร่งสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะให้มากขึ้นอีก เพื่อประชาชนที่มีปัญหาหนี้สินจะได้ใช้ประโยชน์จากมาตรกการช่วยเหลือของรัฐบาลอย่างเต็มที่ คณะกรรมการติดตามการดำเนินนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ เมื่อ 22 มี.ค. ได้แก่

1.การแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่ง กยศ.ได้ให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาไปแล้ว 6.15 ล้านราย วงเงินรวม 6.75 แสนล้านบาท พร้อมออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินช่วยผู้กู้ยืม เช่น ลดเบี้ยปรับร้อยละ 100 กรณีปิดบัญชีคราวเดียว 58,286 ราย และลดเบี้ยปรับร้อยละ 80 กรณีชำระหนี้ทันงวด 325,231 ราย นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมได้บูรณาการแก้ไขปัญหาหนี้สิน กยศ.อย่างเป็นระบบทั้งก่อนศาลมีคำพิพากษาและหลังจากศาลมีคำพิพากษาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้

2.กำหนดให้การไกล่เกลี่ย และการปรับโครงสร้างหนี้เป็นวาระของประเทศ ซึ่งเน้นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFls) และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ได้จัดโครงการพักชำระหนี้ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ ซึ่งมีกองทุนเข้าร่วม 413 กองทุน สมาชิกรวม 32,055 ราย รวมวงเงินกู้ที่พักชำระหนี้จำนวน 901 ล้านบาท 

นอกจากนี้กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์ ดำเนินโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน ซึ่งเป็นการพัฒนาเว็บไซต์ แชตบอท และไลน์ เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางปรับธุรกิจและมาตรการต่างๆ ให้กับลูกหนี้เป็นรายกรณีด้วย

3.การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กระทรวงยุติธรรมได้จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยเหลือลูกหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และพักชำระหนี้ ประมาณ 5,000 คัน ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวทางกำกับดูแลสินเชื่อและธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายสินเชื่อ

4.การแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการครู และข้าราชการตำรวจ ในส่วนกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการ เช่น ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สวัสดิการตัดเงินเดือนให้เป็นสวัสดิการที่แท้จริง โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไม่น้อยกว่า 10 แห่ง ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเหลือไม่เกินร้อยละ 5 และขยายผลการแก้ไขหนี้ครูผ่านสหกรณ์ต้นแบบ  สำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   ข้าราชการตำรวจได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้สินแล้วหลายพันราย

'ไทยสร้างไทย'​ ส่ง 'ศิธา ทิวารี'​ ชิงเก้าอี้ผู้ว่ากทม. พร้อมเปิดตัวว่าที่​ ส.ก. 50​ เขต​ 30​ มี.ค.นี้

รายงานข่าวจากพรรคไทยสร้างไทยแจ้งว่า พรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ตัดสินใจส่ง​ 'ผู้พันปุ่น'​ น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลไทยรักไทย และอดีต ส.ส.กทม. ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) ในนามพรรคไทยสร้างไทย โดยจะมีกำหนดการเปิดตัวเป็นทางการในวันที่ 30 มี.ค. พร้อมการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทั้ง 50 เขต

เบื้องต้นทางพรรคไทยสร้างไทยติดต่อขอจัดงานเปิดตัว น.ต.ศิธา และผู้สมัคร ส.ก. รวมทั้งการเปิดนโยบายที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (หอศิลป์ กทม.) แยกปทุมวัน


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9650000028007
 

ธอส. ดันบ้านล้านหลัง เฟส 2 ปล่อยสินเชื่อแล้วเกือบ 1 หมื่นล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ได้จัดทำโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ผู้ที่เริ่มต้นทำงานเพื่อสร้างครอบครัว และผู้สูงอายุ ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำและผ่อนปรนเงื่อนไขภายใต้กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท สำหรับซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1,200,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรกเท่ากับ 1.99% ต่อปี 

ล่าสุด ณ วันที่ 21 มีนาคม 2565 มีลูกค้าติดต่อยื่นกู้ที่สาขาของธนาคารทั่วประเทศแล้วจำนวน 12,696 ราย วงเงินสินเชื่อ 11,195 ล้านบาท และ ธอส. ได้อนุมัติสินเชื่อเพื่อสานฝันให้ลูกค้าได้มีบ้านเป็นของตนเองสำเร็จไปแล้วกว่า 11,500 ราย วงเงินสินเชื่อ 9,850 ล้านบาท 

ครม.ไฟเขียว สกพอ. เข้าใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก. 14,619 ไร่ในอีอีซี  

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 22 มี.ค. 2565 ได้อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) จำนวน 14,619 ไร่  ในท้องที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี  เพื่อดำเนินโครงการศูนย์ธุรกิจ EECและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ   
          
ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 มาตรา 36 ที่บัญญัติให้คณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) โดยความเห็นชอบของ ครม. มีอำนาจให้ สกพอ. เข้าใช้ประโยชน์ของ ส.ป.ก..เพื่อดำเนินการอื่นใดนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ 

สรุป 10 มาตรการ เร่งด่วน ช่วยปชช. ยุค 'วิกฤติ สงครามรัสเซีย-ยูเครน'

เปิด 10 มาตรการช่วยประชาชน ยุคแพงทั้งแผ่นดิน เริ่มเดือนพ.ค.-ก.ค. ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ช่วยค่าน้ำมันจยย.รับจ้าง คงราคาก๊าซ NGV ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตน และลดค่าเอฟทีไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 65 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อ่านแถลงการณ์ภายหลังการประชุม ครม. ถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนว่า จากสถานการณ์ความผันผวนของราคาพลังงาน สืบเนื่องจากสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่งสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้ค่าครองชีพมีการปรับตัวสูงขึ้น

ผมและรัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และตระหนักดีถึงความลำบากของประชาชนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย และผู้ใช้แรงงาน

จากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ข้อสรุปว่าสถานการณ์ระหว่างยูเครน-รัสเซีย อาจจะไม่จบลงโดยเร็ว ผมจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมความคิดเพื่อหามาตรการช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน เพิ่มเติมจากมาตรการต่างๆ ที่รัฐได้ออกไปแล้วและยังใช้อยู่ในขณะนี้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นได้ตั้งแต่เดือนพ.ค.จนถึงเดือนก.ค.นี้ อย่างน้อย 10 มาตรการ ดังนี้

1.) การเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มเงินจากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาท/เดือน

2.) ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 5,500 คน

3.) ช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 250 บาทต่อเดือน และขอให้กรมการขนส่งทางบกกำกับราคาการให้บริการเพื่อให้ประชาชนที่ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าเดิม

4.) คงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม

5.) ผู้ขับขี่แท็กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซได้ในราคา 13.62 บาท/กิโลกรัม

6.) ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยลดค่า Ft ลง 22 สตางค์ต่อหน่วยในช่วงเดือนพ.ค.-ส.ค.

7.) ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย. 2565 หลังจากนั้น รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งนึง

8.) กำกับดูแลการปรับราคาก๊าซหุงต้มในช่วงตั้งแต่เดือนเม.ย.- มิ.ย. โดยใช้กองทุนน้ำมันเข้าไปช่วยลดผลกระทบจากการปรับราคาให้ไม่ขึ้นสูงเกินไป

9.) ลดอัตราเงินสมทบของนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จาก 5% เหลือ 1% เพื่อให้ลูกจ้างและนายจ้างสามารถมีกำลังในการใช้จ่ายและผู้ประกอบการสามารถมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจในช่วงถัดไป

10.) ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จาก 9% เหลือ 1.9% และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ลงเหลือ 42-180 บาทต่อเดือน
 

ครม.อนุมัติงบกลาง 811 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทนเสี่ยงภัยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานส่วนหน้า ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกอส. คนละ 500 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 6 เดือน

น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโรโรนา 2019 จำนวน 811.77 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนเสี่ยงภัยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานส่วนหน้า ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน(สมาชิกอส.) ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ของกรมการปกครองจำนวน 270,590 คน ในอัตราคนละ 500 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564-มีนาคม 2565

ทบ. ยัน จ้างซ่อมบำรุงยานยนต์ล้อและสายพาน ดำเนินตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง กับบริษัทที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากประเทศผู้ผลิต

เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากหรณีการนำเสนอข่าวการจ้างซ่อมยานยนต์ล้อและรถสายพาน ตระกูลยูเครน ของกองทัพบก กับบริษัทผู้แทนประเทศผู้ผลิต ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบัน จำนวน 6 สัญญา วงเงิน 215 ล้านบาท โดยตั้งข้อสังเกตว่าผู้บริหารของทั้ง 2 บริษัทที่ได้รับงานจ้างซ่อมนั้นมีความเชื่อมโยงกัน ทั้งนี้แม้สื่อยืนยันว่าไม่ปรากฏข้อมูลงานจ้างซ่อมฯ ดังกล่าวถูกร้องเรียน เรื่องความไม่โปร่งใสในการดำเนินการแต่อย่างใด ว่าการดำเนินการจ้างเหมาส่งกำลังและซ่อมบำรุงเป็นไปตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างทุกประการ แต่เพื่อให้สังคมได้รับทราบในรายละเอียดของเรื่องนี้จากกองทัพบกโดยตรง กองทัพบกใคร่ขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ 

กองทัพบกตระหนักและให้ความสำคัญกับแนวทางการพึ่งพาตนเอง ในการจัดหายุทโธปกรณ์การซ่อมบำรุง รวมถึงการส่งเสริมผู้ประกอบการและหน่วยงานอุตสาหกรรมภายในประเทศ และได้ดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับยานยนต์ล้อและรถสายพาน ตระกูลยูเครน เป็นยุทโธปกรณ์ที่กองทัพบกจัดซื้อโดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาลกับประเทศยูเครน และได้นำเข้ามาประจำการระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2554 โดยยุทโธปกรณ์ดังกล่าวมีสัญญารับประกันการใช้งานเป็นเวลา 2 ปี จากนั้นผู้ซื้อจะเป็นผู้ดำเนินการซ่อมบำรุงด้วยตนเอง ตลอดเวลาที่ใช้งานยุทโธปกรณ์ดังกล่าวก็ได้เข้าสู่กระบวนการปรนนิบัติบำรุงตามข้อตกลงในสัญญาด้วยความเรียบร้อย ต่อมากองทัพบกได้จัดทำโครงการจ้างเหมาส่งกำลังและซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ดังกล่าว ตามมาตรฐานการปรนนิบัติบำรุงยุทโธปกรณ์ตามปกติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top