Friday, 4 July 2025
POLITICS NEWS

'ไทย-ซาอุฯ' ย้ำสัมพันธ์!! ร่วมมือทวิภาคีใน 'ทุกด้าน-ทุกระดับ' ด้าน ซาอุฯ ยาหอม พร้อมอยู่เคียงข้างไทยในทุกโอกาส

นายกฯ เข้าเฝ้าฯ หารือกับมกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย พร้อมต่อยอดความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในทุกด้าน ในโอกาสนี้ ซาอุดีฯ ย้ำพร้อมอยู่เคียงข้างไทยในทุกโอกาส

เมื่อเวลา 22.40 น. ของคืนวันที่ 18 พ.ย.65 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าเฝ้าฯ หารือทวิภาคีกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และ ในฐานะแขกพิเศษของการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ปี 2565 

นอกจากนี้ ทางซาอุดีอาระเบีย ยังประกอบไปด้วย รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าชาย (พี่น้อง) ที่มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทรงวางพระทัยให้ดูแลงานในเป็นแต่ละกระทรวง ได้แก่...

เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะชีช อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย (แขกพิเศษที่รัฐบาลไทยเชิญเข้าร่วม)

เจ้าชายอับดุลอะชีช บิน ซัลมาน บิน อับตุลอะชีข อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Abdulaziz bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

เจ้าชายตุรกิ บิน มุฮัมมัด บิน ฬะฮัด บิน อับดุลอะชีซ อาล ซะอุด (His Royal Highness Prince Turki bin Muhammed bin Fahd bin Abdulaziz Al Saud) รัฐมนตรีแห่งรัฐและสมาชิกคณะรัฐมนตรี

เจ้าชายอับตุลอะซีช บิน ซะอุด บิน นายิฟ บิน อับตุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Abdulaziz bin Saud bin Naif bin Abdulaziz Al Saud) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

เจ้าชายอับดุลเลาะฮ์ น บันดัร บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Abdullah bin Bandar bin Abdulaziz Al Saud) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการรักษาดินแดน

เจ้าขายซะอูด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Saud bin Salman bin Abdulaziz Al Saud)

เจ้าขายฟัยอล บิน ฟัรฮาน บิน อับดุลเลาะฮ์ อาล ซะอุด (His Highness Prince Faisal bin Farhan bin
Abdullah Al Saud) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

โดยขณะเดียวกัน ในการหารือประกอบด้วยบุคคลสำคัญของไทย ได้แก่...

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม 

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 

ม.ล. ชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย 

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี กล่าวซาบซึ้งสำหรับการตอบรับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และการตอบรับเข้าร่วมการประชุมเอเปค ในฐานะแขกพิเศษของไทย พร้อมกล่าวถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และแสดงความยินดีที่มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความพร้อมของไทยที่จะทำงาน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศ โดยยินดีที่ความร่วมมือทวิภาคีในทุกด้านมีความคืบหน้า และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในทุกระดับ

ขณะที่มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย มีพระราชดำรัสตอบว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนซาอุดีฯ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้หารือในประเด็นต่างๆ และมีการทำข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญ ซึ่งผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันจะทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันอีกมาก โดยซาอุดีฯ ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านต่างๆ กับไทย อาทิ การลงทุน สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น

‘พิธา’ จวก รบ.จัดประชุมเอเปคสร้างภาพให้ ‘บิ๊กตู่’ ชี้ ควรเป็นเวทีรับฟังความเห็นต่าง แต่กลับทำร้ายปชช.

พิธา ฉะ รัฐบาล จัดฉากประชุมนานาชาติ เพียงหวังสร้างภาพให้ ‘บิ๊กตู่’ เพื่อยกระดับตัวเอง แทนที่จะรับฟังความเห็นต่าง แต่กลับส่งเจ้าหน้าที่สกัดกั้นทำร้ายประชาชน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมของประชาชนที่รวมตัวกันการสลายชุมนุมของตำรวจต่อกลุ่ม ‘ราษฎรหยุดเอเปค 2022’ ที่ต้องการเพียงแค่เดินขบวนจากลานคนเมือง มุ่งหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดกั้นบุกจับกุม มีคนถูกกระสุนยาง แก๊สน้ำตาเป็นจำนวนมาก โดยพิธา ระบุว่าถือเป็นความอับอายที่รัฐบาลไทยมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการเช่นนี้ทั้งที่การประชุม APEC ควรเป็นเวทีที่เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ไม่ใช่แค่เพื่อพูดคุยตกลงกันในระดับผู้นำประเทศเท่านั้น แต่รวมถึงประชาชน ภาคประชาสังคมต่าง ๆ ด้วย

รัฐบาลเผยเหตุ 'สี จิ้นผิง' ไม่จับมือนายกฯ เหตุ!! จีนเข้มมาตรการป้องโควิด-19

'โฆษกรัฐบาล' แจงปมดราม่า 'สี จิ้นผิง' เมิน จับมือ 'บิ๊กตู่' เหตุ จีนเข้มมาตรการป้องโควิด-19 

(18 พ.ย. 65) ที่ศูนย์สิริกิติ์ฯ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์กรณีที่ปรากฎภาพประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ปฎิเสธการจับมือทักทายกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า...

‘ตรีชฎา’ แนะ ‘ทิพานัน’ เลิกชม ‘ชายใช้รถถังยึดอำนาจ’ พร้อมชู ‘ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์’ ผู้นำที่คนไทยยกย่องจดจำ

(18 พ.ย. 65) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่าพรรคเพื่อไทยหวั่นไหวและหวาดกลัวกับความสำเร็จของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในการจัดการประชุมเอเปคว่า อยากให้น.ส.ทิพานันนำพาตัวเองออกมาจากฝัน และรับความจริงให้ได้ว่าหลังเป็นนายกฯ มา 8 ปี ความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างไร จากผลโพลหลายสำนักพบว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แม้เพิ่งเข้าสู่การเมืองไม่นาน ยังเอาชนะใจประชาชนได้ทุกภูมิภาคของประเทศ คะแนนความเป็นผู้นำแซงพล.อ.ประยุทธ์แบบไม่เห็นฝุ่น เพราะพี่น้องประชาชนสิ้นหวังแล้ว อยากได้ผู้นำคนใหม่ที่นำพาความหวังมาสู่ประเทศไทย อยากหลุดพ้นจากวงจรแห่งความตกต่ำนี้เต็มที่แล้ว 

ส่วนที่น.ส.ทิพานันระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มาจากเผด็จการ แต่มาจากการเลือกตั้งที่มีกติกาเดียวกันกับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งปี 2562 นั้น ในคราวนั้นน.ส.ทิพานันลงสมัคร ส.ส.แต่สุดท้ายประชาชนไม่ได้เลือกเข้ามา คงยังไม่เข้าใจว่าการมีที่มาจากการเลือกตั้งอย่างสง่างามนั้นเป็นอย่างไร อาจจะยังไม่รู้ชัดแจ้งว่าแท้จริงแล้วพล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ยึดอำนาจมาจากรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในปี 2557 ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์มาจากการเลือกของพี่น้องประชาชนเช่นเดียวกับนายทักษิณ ชินวัตร 

น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า การเข้ามาเป็นผู้นำประเทศจากเสียงบริสุทธิ์ของประชาชน กับผู้นำซึ่งมีที่มาจากปลายกระบอกปืน แบบไหนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความสง่างามมากกว่ากัน และในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ได้จำนวน ส.ส.มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ตามกติกาในระบอบประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยต้องได้เป็นรัฐบาล แต่ภายใต้กติกาที่บิดเบี้ยว ให้อำนาจ ส.ว.ที่มาจากการสรรหาโดยหัวหน้าคณะรัฐประหาร สามารถเลือกนายกฯ ได้ แม้แต่สมาชิกของพรรคพลังประชารัฐที่น.ส.ทิพานันสังกัดอยู่ยังออกมายอมรับว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับดีไซน์มาเพื่อพวกเรา การเข้าสู่อำนาจจากกติกาที่ไม่เป็นธรรมเป็นเรื่องที่ไร้ศักดิ์ศรี น่าละอายและขายหน้าไปทั่วโลกใช่หรือไม่

'โรม' ประณามตำรวจใช้ปืนกระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุม ชี้!! สร้างความอับอายขายหน้าต่อชาวโลก

(18 พ.ย. 65)  นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า...

ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ไม่มีตรงไหนเลยที่ห้ามมิให้ประชาชนเดินขบวนไปยังสถานที่จัดประชุม APEC

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี กำหนดให้ศูนย์ประชุมสิริกิติ์เป็นสถานที่ตามความในมาตรา 8 ของ พ.ร.บ.ชุมนุม แต่มาตรา 8 กำหนดแค่ว่าการชุมนุมต้องไม่ขวางทางเข้าออกหรือทำให้ไม่สามารถใช้งานสถานที่ได้ 

ดังนั้นต่อให้ประชาชนเดินขบวนไปถึงหน้าศูนย์ประชุมฯ ถ้ายังจัดการให้การประชุมดำเนินต่อไปได้ ประชาชนก็ย่อมมีสิทธิชุมนุมได้ (ซึ่งในความเป็นจริงกำลังตำรวจที่มีสามารถบริหารจัดการได้แน่ ๆ)

‘อัษฎางค์’ เปิดผลดี-ผลเสีย’ ม็อบเอเปค หวัง ‘ทำลายชาติ’ แต่ดัน ‘ทำลายตัวเอง’

(18 พ.ย. 65) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ ระบุเนื้อหาดังนี้...

ม็อบทำลายชาติ = ทำลายตัวเอง

ม็อบโจมตีว่า ลุงตู่ไม่เหมาะกับการเป็นผู้จัดงานประชุมระดับนานาชาติ เพราะรัฐบาลนายกลุงตู่เป็นเผด็จการ

สงสัยโลกต้องหาคำนิยายใหม่ของคำว่าเผด็จการ

>> เผด็จการอะไร มีม็อบเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน
>> เผด็จการอะไร ปล่อยให้คนมาด่าประมุขของชาติ ด่าผู้นำของรัฐบาล ได้ทุกวัน

ผู้นำประเทศชั้นนำของโลก พร้อมผู้ติดตามและสื่อมวลชนนานาชาติ ได้เห็นกับตาว่า จะเป็นรัฐบาลเผด็จการไปได้อย่างไรในเมื่อประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม

‘ก้าวไกล' สวน 'วราวุธ' ใช้เวที COP27 ฟอกเขียวเอื้อทุนใหญ่ ไม่จริงใจแก้ไขปัญหาภูมิอากาศโลก

(18 พ.ย. 65) นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นภายหลัง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศกลางที่ประชุมระดับสูงของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP27 ว่า ประเทศไทยต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยมีหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางสำคัญ ส่งเสริมในเรื่องของเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio-Circular-Green Economy (BCG  Economy) สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อการดูดกลับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเชิงพาณิชย์ก่อนปี 2040 รวมถึงการกำหนดเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็น 55% ของพื้นที่ประเทศเพื่อเพิ่มแหล่งเก็บก๊าซเรือนกระจกในปี 2037 โดยมีการจัดทำแนวทาง กลไกการบริหารการจัดการคาร์บอนเครดิตเพื่อถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศไทยภายใต้ข้อตกลงปารีส

"สิ่งที่ท่านรัฐมนตรีวราวุธ ประกาศต่อเวที COP27 เป็นวาทกรรมฟังแล้วชวนเคลิ้ม แต่สวยแต่เปลือกทั้งสิ้น เพราะข้างในไม่เคยมีประชาชนอยู่ในสมการ เป็นเพียงการฟอกเขียวที่มีผลประโยชน์ของนายทุนซ่อนอยู่เป็นเนื้อในทั้งสิ้น และท้ายที่สุดจะไม่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใดต่อสภาพภูมิอากาศโลกหรือมลพิษทางอากาศของไทยเลย"

ทั้งนี้ นิติพล ชี้ว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตทางภูมิอากาศในหลายมิติ รวมถึงมลพิษทางอากาศจากการเผาพื้นที่เกษตรในภูมิภาคแม่น้ำโขงตอนบน โดยมีฝุ่นพิษลอยข้ามพรมแดนมายังประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่าเป็นผลมาจากการปล่อยให้กลุ่มทุนใหญ่ทางการเกษตรต่าง ๆของไทยทำธุรกิจได้อย่างไร้ความรับผิดชอบ โดยไม่มีการผลักดันทางกฎหมายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือคนไทยทางภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่ต้องป่วยเป็นมะเร็งปอดมากที่สุด จากการสูดฝุ่นพิษ P.M.2.5 จากการเผาไหม้

‘ศิโรตม์’ ประณามโรงพยาบาลหยุดช่วงเอเปก ด้านชาวเน็ตถล่มยับ!! ไล่ไปเช็กข้อมูลก่อนวิจารณ์

(17 พ.ย. 65) เมื่อวานนี้ (16 พ.ย. 65) นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ อาจารย์และผู้ดำเนินรายการทีวีช่องหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยระบุว่า “ขอประณามรัฐบาลที่สั่งปิดโรงพยาบาลรัฐช่วงเอเปค คำสั่งนี้ต้องยกเลิกทันที ต้องไม่มีใครป่วยหรือตายจากการอยากได้หน้าช่วงเอเปคของรัฐบาล #เอเปค2022 #เอเปค2565”

ต่อมาได้ทวีตข้อความเพิ่มเติมพร้อมแนบลิงก์ข่าวสำนักหนึ่ง และระบุว่า “วิจารณ์สนั่น! รพ.สมุทรปราการประกาศหยุด 16-18 พ.ย. บริการเฉพาะเหตุฉุกเฉิน เหตุมีการจัดประชุมผู้นำเอเปก”

หลังจากนั้นไม่นานชาวเน็ตก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้ทวิตตอบโต้ว่า “ป่วยฉุกเฉิน ห้องฉุกเฉินก็เปิดนะคะ ไม่ได้ปิด มีหมออยู่เวรตลอด รวมทั้งในหอผู้ป่วยก็มีหมอและเจ้าหน้าที่อยู่เวรตลอด เดินเข้ารพ.เป็นโรคฉุกเฉินไม่มีใครไม่รักษานะคะ ไม่น่าจะมีใครตายเพิ่มจากการให้รพ.เป็นวันหยุดราชการนะคะ #ไม่ใช่สลิ่มไม่ได้โปรประยุทธแต่อันนี้รบกวนหาข้อมูลนิดนึงค่ะ”

โดยนายศิโรตม์ ได้ตอบกลับว่า “ทราบครับว่าฉุกเฉินเปิด แต่ประเด็นคือโรงพยาบาลไม่ควรถูกปิดแม้แต่นิดเดียวครับ ยิ่งโรงพยาบาลรัฐใหญ่ ๆ ผู้ป่วยนอกบางแห่งวันละ 5-6,000 คำสั่งปิดทำประชาชนเดือดร้อนรวมกันเป็นหมื่นจากทุกโรงพยาบาลในกรุงเทพ-นนทบุรี-สมุทรปราการแน่นอนครับ”

นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายอื่นเข้ามาแสดงความคิดเห็นอีก เช่น 

- เสาร์ - อาทิตย์เขาก็ปิดครับท่าน ในความหมายเดียวกันเลย ไม่ได้หมายความว่าไม่รักษา แต่เปิดบริการเหมือนวันหยุด เสาร์ - อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ครับ เป็นเรื่องปรกตินะครับ แค่เหมือนเพิ่มวันหยุดกรณีพิเศษเข้ามาแค่นั้น

- ปกติอะไรงง ทุกทีเวลาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มันคือเว้นว่าง 2 วัน รวมนักขัตฤกษ์ก็ไม่น่าเกิน 3 แต่อันนี้
มันติดต่อกันเกือบสัปดาห์ แล้ววันหยุดเขาประกาศล่วงหน้าเป็นปี มันต้องทบคิวไปกี่วัน

'คนช่วยชาติ' กับ 'คนถ่วงชาติ' แบบไหนที่คนไทยต้องการ?

ช่วงนี้เราเห็นภาพการปรับภูมิทัศน์ของประเทศให้แลดูมีระเบียบ สะอาดตา เพื่อต้อนรับผู้นำชาติต่างๆ ที่มาร่วมงาน APEC 2022

ช่วงนี้เราเห็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ลงมาเตรียมงานเพื่อสร้างความประทับใจในหลายๆ มิติ ตั้งแต่รูปแบบการจัดงาน การเดินทาง อาหารการกินที่พิถีพิถัน การแสดง วัฒนธรรม ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว และอีกมากมายเพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน จนนางรีเบคกา สตามาเรีย ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ยังต้องพูดว่านี่มัน 'งานเวิลด์คลาส' ที่ทำให้เอเปคกลายเป็นอีเวนต์ใหญ่ที่โลกต้องจับตา

ช่วงนี้เราได้เห็นเยาวชนไอเดียสร้างสรรค์นำ 'ชะลอม' มาประยุกต์เป็นโลโก้เอเปค ที่ไม่ได้คิดแค่งานเท่ๆ สวยๆ แต่พยายามสะท้อนให้เห็นถึงงานฝีมือ ที่ยั่งยืน ซึ่งสะท้อนความสมดุลของวิสัยทัศน์การประชุมฯ ในปีนี้ และปลุกให้ภูมิปัญญาท้องถิ่น หวนคืนมาสู่สำนึกรักษ์ของคนไทยและต่างชาติ

และช่วงนี้เรายังได้เห็นเหล่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความตระหนักในการเชิดชูและผลักดันหน้าตาของประเทศให้มีชื่อเสียงผ่านเวทีนี้ ร่วมผสานใจทำหน้าที่ในมิติต่างๆ เพื่อชื่อเสียงหน้าตาของประเทศ นำเสนอภาพวัฒนธรรมที่ดีงามของประเทศสู่สายตานานาชาติ ซึ่งสุดท้ายแล้วภาพเหล่านี้จะกลับมาเป็นเงินในกระเป๋าของคนทั้งประเทศจากการท่องเที่ยว

‘จิราพร’ ชี้ ‘ประยุทธ์’ เป็นได้แค่ผู้จัดเอเปก แต่ไม่ได้เป็น ‘ผู้นำ’ ที่เชิดหน้าชูตาให้ประเทศ

‘จิราพร’ ชี้ ภาพลักษณ์เผด็จการประยุทธ์เป็นอุปสรรคในเวทีโลก เย้ยเป็นได้แค่ผู้จัดประชุมเอเปค แต่ไม่เป็นผู้นำที่เชิดหน้าชูตา ยกนโยบายเศรษฐกิจสองทางสมัยทักษิณทำให้จัดเอเปคแล้วปัง

นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 นี้ว่า ในอดีตประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ครั้งที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด คือการจัดการประชุมเมื่อปี 2546 ในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่นอกจากจะโดดเด่นในการดำเนินนโยบายการต่างประเทศเชิงรุก สามารถแสดงบทบาทนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ทั่วโลกต้องจับตามองไทย และพาผู้นำประเทศมหาอำนาจ และเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่มาร่วมเวทีเดียวกันได้สำเร็จแล้ว

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุดจากเวทีการประชุมเอเปคในครั้งนั้น คือ รัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสองแนวทาง หรือ Dual Track Policy ที่เน้นให้ไทยแสวงหาประโยชน์จากการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างกลไกภายในประเทศให้แข็งแกร่ง จึงเกิดการผลักดันนโยบายอย่างเป็นระบบเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากในประเทศให้เข้มแข็ง เช่น นโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ การพักชำระหนี้เกษตรกร กองทุนหมู่บ้าน รวมถึงนโยบายการเตรียมความพร้อมประเทศสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ฯลฯ โดยดำเนินการไปพร้อมกับการดำเนินนโยบายการทูตเชิงเศรษฐกิจ ใช้เวทีการประชุมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะโอกาสการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ประสานประโยชน์เพื่อยกระดับนโยบายในประเทศเชื่อมโยงไปยังต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยที่เคยประสบปัญหาจากวิกฤตต้มยำกุ้งและการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส สามารถกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด จนเกือบเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าการพัฒนากลับต้องสะดุดหยุดลงเพราะการทำรัฐประหาร

ในขณะที่ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำที่มาจากการทำรัฐประหารสืบทอดอำนาจ มีสถานะที่อ่อนด้อยไม่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก และยังไม่มีนโยบายภายในประเทศที่ช่วยวางรากฐานให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตในระดับนานาชาติได้ เน้นเพียงมาตรการระยะสั้น และการแจกเงิน ซึ่งไม่ใช่นโยบายที่สามารถช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน นับวันยิ่งทำให้คนจนในประเทศเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทะลุ 22 ล้านคน ท่ามกลางหนี้สาธารณะประเทศทะลุ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนสูงเกือบ 15 ล้านล้านบาท 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top