Sunday, 29 June 2025
POLITICS NEWS

‘เสี่ยเฮ้ง’ ฉะ นักการเมืองหาเสียงบิดเบือนข้อมูล ย้ำ ควรเล่นการเมืองอย่างมีเกียรติ - ไม่พูดใส่ร้ายคนอื่น

‘สุชาติ ชมกลิ่น’ โพสต์เฟซบุ๊กกระทุ้งฝ่ายตรงข้ามใส่ร้ายให้ข้อมูลบิดเบือนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด สอนมวยเป็นนักการเมืองอย่าหาเสียงใส่ร้ายป้ายสี ย้ำเป็นคนกตัญญูรู้คุณพ่อแม่สั่งสอนมาดี แต่คนที่จ้องทำร้ายอย่าไปเสวนาด้วยมองข้ามให้เขาหลุดพ้น

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ ระบุว่า…

#อย่าได้เสวนา
กับคนที่ให้ข้อมูลบิดเบือน ทำร้ายเรา

#แม่ทัพอัลไซเมอร์
เนื่องจากมีพี่ๆ น้องๆ ที่เห็นการให้ข้อมูลที่บิดเบือน ในพื้นที่และรู้สึกเป็นห่วงผมได้ส่งภาพและเสียงมาให้ดู แต่ผมก็ติดภารกิจหลายอย่าง จึงคิดว่าปล่อยผ่านดีกว่าเอาเวลาทำงานมาดู เพราะเรารู้ว่า (อีกแล้ว) เขาทำเพื่ออะไร ที่ผ่านมาผมคิดว่าไม่เป็นไปตามเนื้อข่าว แล้วเดี๋ยวเรื่องก็ผ่านไป

ทุกวันนี้ผมเข้าใจท่านที่เป็น ดารา-นักร้อง บุคคลสาธารณะมากขึ้นว่าเขาใช้ชีวิตกับข่าวได้ยากลำบากมากแค่ไหน หากมีข่าวอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรา ถ้าไม่จริง ควรต้องออกมา บอกเล่าข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะเมื่อเราปล่อยผ่านไป ‘นานวันคนที่ปล่อยข่าวก็ได้ใจ คนทั่วไป ก็เริ่มสับสนและอาจเริ่มเชื่อในข้อมูลนั้นๆ’

‘บิ๊กป้อม’ แรงใจดี!! กลับจากอีสาน มุ่ง ‘ปทุมธานี’ ติดตาม - เร่งรัดโครงการพัฒนาคลอง-สถานีสูบน้ำ

(8 ก.พ.66) เวลา 14.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี /ผอ.กอนช. พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจราชการ ณ จ.ปทุมธานี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และโครงการป้องกันอุทกภัย รวมทั้งโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ที่สำคัญในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และลุ่มน้ำเจ้าพระยา

โดยเมื่อ เดินทางถึงศาลากลางจังหวัด พล.อ.ประวิตร ได้ประชุมหารือร่วมกับ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ. (ผู้ว่า หมูป่า), เลขาฯ สทนช., รองอธิบดีกรมชลประทาน, รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสรุป จ.ปทุมธานี พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และในทุก ๆ ปี จะประสบปัญหาจากสถานการณ์น้ำท่วม ในช่วงฤดูฝน โดยปีที่ผ่านมา ล่าสุดก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากภาวะน้ำหลาก เข้าท่วมบ้านเรือน และพืชสวนไร่นา สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและเกษตรกรจำนวนไม่น้อย ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยและไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ให้ความช่วยเหลือ เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรองรับทั้งแผนงาน/โครงการระยะสั้น และระยะยาว ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายที่สำคัญ แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยกำชับ สทนช., จังหวัด, กรมชลประทาน, กรมโยธาธิการและผังเมือง ตลอดจน กรมทางหลวง ให้บูรณาการทำงานแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทั้งการสูบน้ำ การระบายน้ำ การพัฒนาแหล่งน้ำ การเตรียมความพร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ระบบระบายน้ำ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา และการแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ควบคู่การเตรียมแผนเผชิญเหตุ รองรับภัยพิบัติในการช่วยเหลือประชาชนให้ได้ ทันท่วงที โดย ผวจ.ได้รายงานให้ทราบเพิ่มเติมด้วยว่า ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ได้รับการช่วยเหลือ และเงินเยียวยาแล้ว จึงได้ฝากมาขอบคุณ พล.อ.ประวิตร และ รัฐบาลในโอกาสนี้ด้วย

‘เพื่อไทย’ เฉ่ง ‘ส.ว.’ ลามากสุดในประวัติศาสตร์ เจตนาชัดไม่อยากถูกตัดอำนาจเลือกนายกฯ

(8 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทยนำโดย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่การประชุมร่วมรัฐสภานัดพิเศษล่มในวันนี้

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า เราอยู่ในการพิจารณารัฐธรรมนูญที่สำคัญ เป็นเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นข้อเรียกร้องของประชาชน ที่เราทราบกันดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ รวมถึงมาตราที่เรานำเข้าสู่สภาฯ ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 159 และมาตรา 272 ล้วนเป็นมาตราที่เป็นปัญหา ทำให้ประเทศไม่สามารถเกิดประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เราเองต้องการเพียงความร่วมไม้ร่วมมือกับเพื่อนสมาชิก เพื่อทำให้สภาฯ เดินหน้าต่อได้

นายสุทิน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะองค์ประชุมที่ล่มหลายครั้งจะเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญมาก แต่คราวนี้เป็นการประชุมวาระที่สำคัญที่สุด คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การล่มในวันนี้เป็นที่ทราบว่า เป็นการพยายามทำให้ล่มซึ่งทำมาแล้ว 2 ครั้ง ในครั้งที่แล้ววาระดังกล่าวก็ถูกขัดขวางจากสมาชิกวุฒิสภา ว่าเป็นการบรรจุวาระที่ไม่ถูกต้องบ้าง ไม่เชิญ ส.ว.ในการหารือบ้าง จึงทำให้เป็นเหตุให้การประชุมครั้งที่แล้วล้ม 

แต่ในคราวนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญวิปทั้ง 3 ฝ่ายหารือกันก่อน แต่ท้ายที่สุดก็ทำให้เห็นว่า ความพยายามที่จะทำให้การประชุมล่มก็ไม่เปลี่ยนไป ทั้งนี้มี ส.ว. อยู่ร่วมประชุมน้อยมาก ทางประธานก็รอจนถึงที่สุด แต่ก็ล่มเพราะ ส.ว. มากันน้อยมากกว่าทุกครั้ง กล่าวได้ว่า "ล้มครั้งนี้ก็เพราะ ส.ว.เป็นฝ่ายทำให้ล้ม" มองเจตนาอื่นไปไม่ได้ เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นการแก้ไขกระทบโดยตรงกับ ส.ว. จึงคิดว่า ส.ว.คงรับไม่ได้ จึงใช้วิธีนี้

8 ปี ‘ประยุทธ์’ บริหารแบบไม่เอาใจประชาชน แต่ทำที่ทุกคนได้ในผลประโยชน์รวมเชิงประจักษ์

เห็นข่าว ‘บิ๊กตู่’ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใส่อารมณ์เล็กๆ ให้ชวนสงสัย กับคำพูดซึ่งได้กล่าวถึงการใช้งบประมาณสำหรับการดูแลประชาชนต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลว่า…

“ที่ผ่านมาเราใช้งบประมาณดูแลประชาชนเป็นล้านล้านบาทแล้ว ถือเป็นจำนวนไม่น้อย และเราดูแลเต็มที่แล้ว ถ้าจะเพิ่มงบไปอีก 8 แสนล้านบาทตามที่บางพรรคการเมืองเสนอ ตนไม่ได้พูดว่าพรรคไหน แต่ใครเป็นรัฐบาลไปดูเอาเองแล้วกัน ฝากดูแลเองไปหาเงินเอาเองแล้วกัน”

พลันที่คำพูดนี้เผยออกมา ก็มีการตั้งคำถามว่าพรรคไหน? หรือใครกัน? ที่คิดจะเสนอให้ปันงบก้อนนี้ออกมา ปันมาทำไม? ปันไปใช้เพื่ออะไร?

เพราะหากสะระตะกันดูเล่นๆ เงิน 8 แสนล้านบาท นี่มันก็คือตัวเลข 1 ใน 4 ของปีงบประมาณแผ่นดิน 2566 กันเลยทีเดียวเชียวนะ

แต่ก็อย่างว่าแหละ!! เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย เพราะ ณ ห้วงเวลานี้ ในช่วงใบปะพรรคการเมือง เริ่มเกลื่อนเป็นหย่อมๆ ทั่วไทยแลนด์ แสดงให้เห็นถึงการประกาศศักดาของทุกพรรคการเมืองที่พร้อมลงสู่สนามเลือกตั้ง 

โดยในใบปะเหล่านั้น มิไม่มีเพียงแค่การแนะนำตัวบุคคลหรือพรรค หากแต่เปี่ยมล้นไปด้วยถ้อยคำชวนประชาให้นิยม จากแคนดิเดตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่ต่างรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า “เลือกผมได้แน่” / “เลือกอิชั้นได้มากกว่า” / “เลือกพรรคเรารับรองนโยบายนี้มา” ว่อน!!!

เมื่อหยิบจับสถานการณ์มาปะติดกับคำวาทกรรมเกรี้ยวกราดของ ‘ประยุทธ์’ มันเลยไปสะดุดได้ว่า ‘ทุกผู้-ทุกพรรค’ ที่พร้อมลงหาเสียงเลือกตั้ง ต้องมีเงินถังไว้แต่งแต้มฝันให้นโยบายของตนไปล่าผู้คนในมหาศึกกลยุทธ์ล่าประชานิยมเป็นแน่แท้

ยิ่งไปกว่านั้น หากถอดข้อเขียนของ ‘ลุงเปลวสีเงิน’ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.66 ทีผ่านมา ประกบคำพูดของ ‘บิ๊กตู่’ เข้าไปอีก ก็พลันให้ร้องอ๋อ!! ได้แบบมัดแน่น ว่าเหตุใดคำตัดพ้อเช่นนั้นจึงออกจากน้องเล็กแห่ง 3ป. ให้ผู้คนสงสัย

นั่นก็เพราะ หากเหลียวไปมองนโยบายจากแต่ละพรรคที่ใช้หาเสียงกันตอนนี้ ช่างดูแล้วหนักใจ!! เนื่องจากนโยบายแต่ละพรรค ล้วนฟังดูไม่ต่างสลากสรรพคุณยา ประเภท ทาปุ๊บหายปั๊บ-กินปั๊บหายปุ๊บ, ทาผัวหอมถึงเมีย อะไรประมาณนั้น ซึ่งมันไม่ต่าง ‘ยาผีบอก’

แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ ‘ทุกนโยบาย-ทุกพรรค’ เอาเงิน ‘งบประมาณแผ่นดิน’ มาเป็นสัญญาว่า ‘จะแจก-จะให้’ ทั้งนั้น

ชาวบ้านตอนนี้ เลยเป็นเหมือนแมวหลงกลิ่นปลาย่างทาจมูก ด้วยการเอาเงินแผ่นดินไปตกเบ็ดชาวบ้าน เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว ทั้งๆ ที่เรารู้กันดีใช่มั้ยว่า...ภาษีที่เก็บจากชาวบ้านได้ปีละเท่าไหร่? แล้วมันพอหรือไม่?

ฉะนั้นการที่จะเอางบประมาณแผ่นดินไปทำสวัสดิการทำนองลดแลกแจกแถมชาวบ้านคนละ 3 พัน 4 พัน แถมนั่นฟรี-ฟรีนี่ / น้ำมัน-แก๊ส ก็ต้องถูก / ค่าไฟฟ้า-ค่ารถโดยสาร ก็ต้องถูก / ค่ารักษาพยาบาลก็ต้องฟรี / เฒ่าชแร-แก่ชรา ก็ต้องมีค่าขนม มันก็ยิ่งจะทำให้ไทยใกล้เป็น ‘รัฐสวัสดิการ’ เข้าไปเต็มตัวแล้ว!

คำถาม คือ แต่ละพรรค ต่างออกนโยบาย ‘สัญญาจะให้’ เห็นแล้วหนักใจ (แทนประเทศ) แต่เมื่อเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้ว จะเอาเงินที่ไหนไป ‘ปรนเปรอ-แจกจ่าย’ ตามสัญญา?

เลิกพูดไปเลย เรื่อง ‘พัฒนาประเทศ’ เพราะแค่เงินเดือนข้าราชการกับค่ารายจ่ายประจำ งบประมาณแต่ละปี ก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว แล้วนี่ ยังจะแข่งกัน ‘ปล้นเอาเงินอนาคตประเทศ’ ไปตกเบ็ดหาเสียงอีก

ดังนั้นอยากให้ย้อนกลับมามอง ‘ประเทศไทย’ ในยุค 8 ปี ‘ประยุทธ์’ ที่หลายๆ ด้านมันพัฒนา ‘เกินหน้า-เกินตา’ ประเทศเพื่อนบ้านเขาไปเร็วมา เดี๋ยวติดอันดับประเทศคนมาท่องเที่ยวมากที่สุดบ้าง เดี๋ยวเป็นประเทศน่าอยู่-น่าลงทุนที่สุดบ้างเดี๋ยวเป็นประเทศที่ค่าเงินเสถียรที่สุดบ้าง เดี๋ยวเป็นประเทศที่คนใจดี-น่ารักที่สุดบ้าง เป็นประเทศที่โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและโทรคมนาคม สะดวก-เร็ว ที่สุดบ้าง 

มันดีจนเพื่อนบ้านในอาเซียนเขาเริ่ม ‘มองค้อน’ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องเหล่านี้เกิดจากหัวใจนโยบายของผู้นำที่ ‘เข้าถึง-จริงใจ’ ในปรัชญาของมัน เขาจะไม่พล่ามพูด แต่งานที่เขาทำ มันจะพูดเอง

ไม่ใช่การใส่ ‘ประชานิยม’ เพื่อหวังเอาใจประชาชน แต่เลือกทำที่ประชาชนโดยส่วนรวมต้องอยากได้ และได้ในผลประโยชน์รวมเชิงประจักษ์!!

พูดง่ายๆ คือ นโยบายที่ดี บ้านเมืองต้องได้ สังคมต้องได้ ประชาชนต้องได้ และอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่เหยียบหัวแม่ตีนกัน ซึ่งนี่คือ เผด็จการ ‘ประชาธิปไตย’

'บิ๊กป้อม' ปลื้ม!! 'คิวบา' หนุนเด็กไทยเรียนแพทย์ 1,000 โควตา เพาะต้นกล้าใหม่ เติม สธ.ไทย ในวาระฉลองมิตร 65 ปี

(8 ก.พ. 66) เวลา 10.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายเอกเตอร์ กอนเด อัลเมย์ดา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคิวบา เข้าเยี่ยมคำนับ โดยทั้งสองฝ่ายได้ชื่นชมความสัมพันธ์ และความก้าวหน้าของความร่วมมือทั้งสองประเทศด้านต่าง ๆ เช่น สาธารณสุขและการวิจัยทางการแพทย์, กีฬา, วิชาการ โดยเฉพาะเฉพาะมิติด้านสาธารณสุข และเห็นพ้องร่วมกันที่จะสานต่อและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิด และครอบคลุมหลายมิติมากขึ้น

พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ต่อเนื่องที่ผ่านมา ส่งผลให้เด็กและเยาวชน ขาดโอกาสทางด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุขและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนแก้ปัญหาดังกล่าวต่อเนื่องมา และยินดีอย่างยิ่ง ที่รัฐบาลคิวบาโดย สถาบัน อิก-ร่า เข้ามาร่วมพิจารณาสนับสนุนทุนการศึกษาด้านการแพทย์แก่นักเรียนไทยที่เรียนดีทั่วประเทศ จำนวน 3,000 ทุน โดยเร่งนำร่องกับเด็กเรียนดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ 5 จังหวัด รวม 1,000 ทุน เพื่อให้มีแพทย์ประจำโรงพยาบาลตำบลในพื้นที่

'นายกฯ' หารือ 'ทูตไอร์แลนด์' กระชับความสัมพันธ์ พร้อมหนุน ศก. ส่งเสริมการศึกษา-วัฒนธรรม

(8 ก.พ. 66) เวลา 09.30 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายแพทริก เบิร์น (H.E. Mr. Patrick Bourne) เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับหน้าที่ และพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเอกอัครราชทูตฯ อย่างเต็มที่ ยินดีกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน พร้อมกล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์เยือนไทยในโอกาสที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมและยกระดับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และหวังว่าจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ไอร์แลนด์ ในอีก 2 ปีข้างหน้า

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีกับการเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ลีโอ วรัทการ์ เชื่อมั่นว่าจะเป็นโอกาสให้ไทยและไอร์แลนด์ร่วมกันผลักดันความร่วมมือทวิภาคีในสาขาต่าง ๆ ให้เกิดผล เป็นรูปธรรมต่อไป

ด้านเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ฯ กล่าวยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งที่ประเทศไทย ได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง และเชื่อมั่นว่ามีศักยภาพในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก พร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศในทุกระดับ และทุกมิติ

จากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นต่าง ๆ โดยเห็นพ้องว่า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและไอร์แลนด์ยังมีศักยภาพอีกมาก โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน จึงหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนให้มากยิ่งขึ้น พร้อมได้กล่าวเชิญไอร์แลนด์เข้ามาลงทุนเพิ่มในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในอุตสาหกรรม ที่ไอร์แลนด์มีความเชี่ยวชาญสูง และเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย

ซึ่งเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์กล่าวว่า ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนเดินหน้าไปอย่างดี โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนไอร์แลนด์เข้ามามีปฏิสัมพันธ์มากขึ้น จึงหวังที่จะกระชับความสัมพันธ์ในด้านนี้ระหว่างให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

'บิ๊กป้อม' ลุย ปทุมธานี ติดตามสถานการณ์น้ำ ส่องความคืบหน้าโครงการสถานีสูบน้ำ

(8 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ชั้น 5 ห้องประชุมบัวหลวงปทุมธานี ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ จังหวัดปทุมธานี และมอบนโยบายให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง มีนายณรงศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯ ปทุมธานี ตัวแทนส่วนราชการในพื้นที่ เข้าร่วม อาทิ พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และส่วนราชการเกี่ยวข้อง เป็นต้น โดยพล.อ.ประวิตร ยิ้มแย้มแจ่มใสและทักทายผู้ว่าปทุมฯ อย่างอารมณ์ดี

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! มุมมอง 3 องค์กรระดับโลก ยก ‘ไทย’ สุดยอดประเทศแห่งการฝ่าวิกฤติ

(8 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ้คส่วนตัว ว่า ในช่วงปลายเทอมของรัฐบาลนี้ ขอรวบรวมมุมมองของชาวโลกที่มีต่อบ้านเมืองของเรา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย และความสำเร็จในแง่มุมต่าง ๆ อันเป็นผลมาจากการทำงานและฝ่าวิกฤตร่วมกันมาอย่างสมัครสมานสามัคคีของทีมประเทศไทยซึ่งประกอบด้วยคนไทยทุกคน จากทุกภาคส่วน ดังนี้

1.) องค์การสหประชาชาติ (UN) ประเมินว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นอันดับที่ 44 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของอาเซียน ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสิทธิภาพในการขจัดความยากจน การศึกษาที่มีคุณภาพ การสุขาภิบาลและแหล่งน้ำสะอาด การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม ตลอดจนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน

2.) ธนาคารโลก (World Bank) จัดทำรายงาน "ตามติดเศรษฐกิจไทย : นโยบายการคลังเพื่อสังคมที่เสมอภาค และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ธันวาคม 2565” โดยระบุว่านโยบายการคลังของไทยมีประสิทธิภาพสูงกว่าประเทศอื่น สามารถช่วยบรรเทา ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำได้ดี โดยในระยะสั้นนั้นใช้มาตรการทางภาษี เงินช่วยเหลือ และการอุดหนุนรายได้ครัวเรือน สามารถกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนในระยะยาวใช้การสนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณสุข ส่งเสริมการศึกษา และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างมียุทธศาสตร์

‘พิชัย’ ข้องใจ รัฐลดราคาดีเซล 50 สตางค์ เหตุใดต้องรอ 15 ก.พ. ทั้งที่ควรทำตั้งนานแล้ว

'พิชัย' ติงลดราคาดีเซลลิตรละ 0.50 บาทน้อยและช้าเกินไป ชี้ควรลด 2 บาทเหมือนที่พรรคเสนอ ถามข้องใจทำไมต้องรอวันที่ 15 ก.พ. หรือหวังกลบอภิปรายไม่ไว้วางใจ

(8 ก.พ. 66) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลโดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะประกาศลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 0.50 บาท เหลือ ลิตรละ 34.50 บาท ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้รัฐบาลลดราคาน้ำมันดีเซลมาโดยตลอด และได้ออกเป็นนโยบายของพรรคในเรื่องนี้ อีกทั้งจากราคาน้ำมันดิบของโลกที่มีราคาลดลง ดังนั้นการลดลงของราคาน้ำมันดีเซลเพียงลิตรละ 0.50 บาท จึงเป็นการลดราคาที่น้อยเกินไปและลดช้าเกินไป เพราะราคาน้ำมันดิบของโลกได้ลดลงมานานแล้ว และน่าจะต้องลดราคาน้ำมันดีเซลลงมากกว่านี้ ขนาด รมว.การคลังยังบอกเองว่าน่าจะลดลงลิตรละ 2 บาทตามแนวทางที่พรรคเพื่อไทยบอกไว้แต่แรก

'โทนี่' ปลุกประชาชนสวนกลับรัฐประหาร ต้องใช้ปากกาปฏิวัติอย่างมียุทธศาสตร์

(8 ก.พ. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่บทสนทนาของนายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม ใน Care ClubHouse หัวข้อ นับถอยหลัง เลือก • เคลื่อน • ไทย 2566 EP 1 : 90 วันชี้ชะตา เจาะลึก! ทุกนโยบาย ล้วงทุกยุทธศาสตร์เลือกตั้ง มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า

“...ทหารใช้อาวุธรัฐประหารทำให้ประเทศตกต่ำ ประชาชนจึงต้องใช้ปากกาปฏิวัติกลับเพื่อให้ประเทศรุ่งเรือง...”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top