Saturday, 28 June 2025
POLITICS NEWS

‘สุทิน’ ห่วงองค์ประชุม ม.152 ไม่ครบจ่อแก้เกม อภิปรายนอกห้องประชุม

(15 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ในวันนี้ซึ่งเป็นวันแรก ว่า จะเริ่มโดยผู้นำฝ่ายค้านแถลงญัตติ และขยายความภาพรวม จากนั้น จะเป็นกลุ่มหัวหน้าพรรค ก่อนเริ่มการอภิปรายตามลำดับ สำหรับวันแรกฝ่ายค้านจะอภิปรายถึงประเด็นเศรษฐกิจ พลังงาน และต่างประเทศ ส่วนพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) จะอภิปรายประเด็นปัญหายาเสพติด ปัญหาสังคม และการทุจริต 

เมื่อถามว่า คาดว่าจะเปิดประชุมได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมากันครบ ขอให้มั่นใจว่าฝ่ายค้านไม่มีปัญหา หากจะมีปัญหาก็มีที่รัฐบาล ดังนั้น วันนี้องค์ประชุมจะครบหรือไม่ก็คง 50 - 50 ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์ก็ยืนยันมาร่วมประชุม แต่องค์ประชุมคงหวุดหวิดพอสมควร คงต้องลุ้นกัน

“เรากำชับวิปรัฐบาลให้ช่วยกันรักษาระบบสภา เพราะการอภิปรายใหญ่ ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ คงอยู่ที่ความสำนึก แต่เรายังหวังว่าไม่น่าจะถึงขั้นทำให้ระบบนี้หายไป อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านเตรียมแผนไว้แล้วว่าหากองค์ประชุมล่มวันนี้ และพรุ่งนี้ประชุมต่อแล้วล่มอีก เราจะอภิปรายนอกห้องประชุมสภาที่โพเดียมห้องโถงแห่งนี้” นายสุทิน กล่าว

'เหลิม' ซัด!! ส.ว.ปัญญาทึบ ไม่โหวต 'อิ๊ง' เป็นนายกฯ ด่ากราด พปชร. แค่พวกอวดรู้ที่มาก่อตัวเป็นพรรค

(14 ก.พ. 66) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ขู่จะไม่โหวตให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า การเป็น ส.ว.เขาเรียกว่าสภาสูง โดยหลักต้องเป็นคนมีความรู้ความสามารถถึงจะได้รับแต่งตั้ง

"กรณีที่ส.ว.มีการพูดว่าหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยยังมีอายุน้อยและไม่มีความเหมาะสมเป็นนายกฯนั้น ฟังดูคำให้สัมภาษณ์บอกว่าหัวหน้าครอบครัวยังอายุน้อย แสดงถึงปัญญาทึบไม่ได้มองโลก โดยนายกฯ ประเทศนิวซีแลนด์ก็อายุ 30 ปี นิดๆ ขณะที่นายกฯ ฝรั่งเศสก็ 30 ปีหน่อยๆ ส่วนผู้นำครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งไม่ทราบว่าในอนาคตจะเป็นนายกฯหรือไม่นั้น ก็อายุ 37 ปี เรียนจบคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เรียน ป.โท จบเมืองนอก เหมาะสมไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง การที่ส.ว.มาพูดว่ายังละอ่อน” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว 

'ครูธัญ' นำทีมก้าวไกล ร่วมงานจดแจ้งสมรสเพศหลากหลาย ชี้ สังคมไทยพร้อมเปิดรับสมรสเท่าเทียม ลุ้น รบ.ใหม่ สานต่อ

(14 ก.พ. 66) ที่ห้อง Sunset Terrace ชั้น 11 โรงแรมปรินซ์พาเลซ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล และนายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรม “รักแท้…ไม่แพ้พ่าย” ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พร้อมกันกับหลายสำนักงานเขตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และที่ว่าการอำเภอหลายแห่งในประเทศไทย ที่จัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถจดแจ้งการสมรสได้

นายธัญวัจน์ ระบุว่า แม้การจัดงานในวันนี้อาจมีความเห็นที่แตกต่างกันไป บางส่วนเห็นว่าเป็นการจดแจ้งที่ไม่มีผลตามกฎหมายและไม่ทำให้ได้อะไรขึ้นมา แต่ตนคิดว่าอย่างน้อยที่สุด ทำให้เห็นว่าสังคมไทยมีฉันทมติระดับหนึ่งแล้ว ว่าการสมรสเท่าเทียมควรต้องเกิดขึ้นในประเทศไทยเสียที

โดยเฉพาะจากการตอบรับโดยหน่วยงานราชการ ที่มีการจัดสรรงบประมาณ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเท่าเทียมทางเพศ และเปิดพื้นที่ให้บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศได้แสดงตัวตน ก็ถือว่าเป็นพลวัตในการเปลี่ยนแปลงและเป็นพลังในการขับเคลื่อนที่เป็นด้านบวก

'วิรัช' ซัด ไอ้โม่งปลอมหนังสือ สั่งปลดป้ายผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ ยืนยันส่งคนเดิมลง เชื่อ ไม่ใช่ฝีมือคนในพรรคแน่นอน

(14 ก.พ. 66) ที่วัดมังกรกมาลาวาส (เล่งเน่ยยี่) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเผยแพร่หนังสือลงนามโดย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร.ให้ปลดป้ายหาเสียง 2 ผู้สมัคร จังหวัดชัยภูมิ ออก ว่า...

"วันนี้ได้ให้ผู้ที่มีผลกระทบไปดำเนินคดีแจ้งความกับกรณีที่มีหนังสือปลอมออกมา จนทำให้ผู้สมัคร ส.ส.ได้รับความเสียหายที่ไปให้เขาปลดป้ายลง และเราเชื่อว่าหนังสือฉบับนี้ พล.อ.วิชญ์ ไม่ได้เซ็น ซึ่งมีการตรวจสอบหมดแล้ว ในความเป็นจริงไม่มีหรอกหนังสือแบบนี้ หนังสือที่ออกจากพรรคในระบบแบบนี้ไม่มี อีกทั้ง ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคไม่มีอำนาจเซ็นหนังสืออยู่แล้ว หนังสือฉบับนี้ออกมาโดยที่พรรคไม่รู้เรื่อง

ทั้งนี้ สำหรับผู้สมัครเป็นไปตามเดิม นาทีนี้จะไปเปลี่ยนเขาได้อย่างไร เขามีความผิดตรงไหน และเขายังเป็นประธานจังหวัด รวมถึงประธานสาขาด้วย อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ยังไม่ได้คุย แต่เชื่อว่าจะไม่กลายเป็นความขัดแย้งในพรรค

'สมศักดิ์' ยัน ไม่แยกวง 'สุริยะ' ยังอยู่ 'พปชร.' ทั้งคู่ ย้ำ ตนไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ร่วมงานได้กับทุกคน

(14 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 09.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุม ครม.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสข่าวการย้ายกลับพรรคเพื่อไทย (พท.) แม้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. จะยืนยันว่าทั้งคู่ยังอยู่กับพรรค พปชร. ว่า ตนกับนายสุริยะ ทำการเมืองด้วยกันมาเกือบ 30 ปี เรามีแนวทาง วิธีคิดต่าง ๆ เหมือนกัน นายสุริยะประกาศแล้ว ประกาศอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ส่วนที่สื่ออยากรู้ คือเรื่องทีมงานในจังหวัดสุโขทัย จะย้ายไปพรรคอื่นหรือไม่นั้น ตนขอบอกว่าไม่เคยหวงห้ามใครทั้งสิ้น

ก่อนหน้านี้ทีมงานในกลุ่มสามมิตรก็ย้ายไปพรรคอื่น และพาพวกไปด้วย 7-8 คน โทรไปเป็นเรื่องของคนที่จะต้องเติบโต เพื่อหาแนวทางเดินต่อไป ประกอบกับเรามีเรื่องเส้นเวลา คือเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถ้าเราอยากเป็น ส.ส. ก็จำเป็นต้องสังกัดพรรคตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เขาทนไม่ไหวเลยต้องหาที่อยู่ใหม่ ในกรณีที่มีพื้นที่เลือกตั้งยาก เราก็ต้องปล่อย ซึ่งเราก็ต้องหาคนใหม่มาเสริม คิดว่าสามารถหาได้ ไม่มีปัญหา เพราะเวลายังมีอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ว่าจะไม่ย้ายแล้วใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายสุริยะได้คุยกับ พล.อ.ประวิตรทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว แต่เราจะพัฒนากลุ่มที่อยู่ด้วยกัน ไม่เป็นหัวหน้ากลุ่มรอง ๆ ให้มีสิทธิ์มีเสียงที่จะเสนอตัวขึ้นมาเป็นผู้บริหารในวันข้างหน้า

“ผมยืนยันว่า ตัวผมเองและท่านสุริยะไปด้วยกัน ทิศทางเดียวกัน ท่านสุริยพูดอย่างงั้น ก็โอเค” นายสมศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ส.ส.สุโขทัย พรรค พปชร. 2 คน จะย้ายไปพรรค พท.หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ตอนแรกก็บอกอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ก็หายไป ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

เหตุผลที่ความมั่นคงทางพลังงานในไทยต่ำมาก เพราะ ‘เกินครึ่ง’ ต้องพึ่ง 'เอกชน-เพื่อนบ้าน'

จากข้อมูล 'กำลังผลิตรวมในระบบไฟฟ้า' โดย กฟผ. รัฐบาลสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 34.46% จากความต้องการ ส่วนอีก 65.54% เราซื้อจากเอกชน และจากเพื่อนบ้าน ไทยเรามีความมั่นคงทางพลังงานต่ำมาก

(อ้างอิง: https://www.egat.co.th/home/statistics-all-latest/)

ประชากรบางส่วนเราหูเบา ถูกชักจูงจาก NGO ได้ง่าย จะสร้างอะไรก็ต้าน ก็ด่าไปหมด...

- โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ต้าน 
- ผลิตจากพลังงานเขื่อนต้าน
- ผลิตจากขยะต้าน
- ผลิตจากเตาถ่านหินต้าน
- ผลิตจากพลังงานลมต้าน
- แม้แต่พลังงานแสงอาทิตย์ยังด่า

'ปดิพัทธ์' จี้ 'กกต.' แจงให้ชัด กรณีแบ่งเขตเลือกตั้ง ชี้ ขาดความชัดเจน ทำคนไม่ไว้ใจ ย้ำ จัดการเลือกตั้งให้โปร่งใส

(14 ก.พ. 66) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณีมีรายงานข่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะหารือในวันนี้ ประเด็นการนำจำนวนราษฎรที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคิดคำนวณจำนวน ส.ส. ที่แต่ละจังหวัดพึงมีและแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากมีหลายฝ่ายในสังคมทักท้วง โดยประเด็นหารือรวมถึงอาจพิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องนี้ด้วย

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลเคยแสดงความกังวล ว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ไม่ชัดเจน อาจนำไปสู่เลือกตั้งโมฆะเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต รวมถึงตั้งคำถามว่า การนับรวมราษฎรที่ไม่มีสัญชาติไทยนั้น เป็นสิ่งที่ กกต. เคยทำมาก่อนหรือไม่ หากเคยทำมาก่อน ก็ไม่น่าต้องกังวลว่าจะมีปัญหา แต่หากไม่เคยทำมาก่อน ครั้งนี้ก็ไม่ควรทำเช่นกัน"

หลังจากนั้น กกต. ออกมาชี้แจงว่า การประกาศจำนวนราษฎรในอดีต ก็ทำเป็นประกาศรวมที่นับทั้งคนสัญชาติไทยและคนที่ไม่มีสัญชาติไทย เพิ่งจะมาแยกคน 2 กลุ่มนี้ออกจากกันในประกาศจำนวนราษฎร วันที่ 31 ธันวาคม 2557 แต่ กกต. ยังไม่ได้ตอบคำถามของพรรคก้าวไกล ว่าแล้วการเลือกตั้งที่ผ่านมาเช่นปี 2562 ได้คิดรวมคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณด้วยหรือไม่ ดังนั้น ในเมื่อ กกต. จะประชุมวันนี้ ก็ควรมีคำตอบเรื่องนี้ รวมถึงคำตอบว่าถ้า กกต. จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จะกระทบต่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งหรือไม่

นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ตามกฎหมาย การเลือกตั้งควรมีขึ้นไม่เกินวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ทั้งที่ประชาชนมีความหวังให้การเลือกตั้งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่จากการทำงานของ กกต. ปัจจุบัน ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้งที่ทะเบียนราษฎรออกมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 แต่ตอนนี้หลายจังหวัดเริ่มพบกลไกที่ย้ายเขตเลือกตั้งเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางคะแนน เช่น พิษณุโลกเขต 1 มีความพยายามตัดพื้นที่ที่ตนทำงานอย่างต่อเนื่องออกไป และเอาพื้นที่ของนักการเมืองท้องถิ่นที่เป็นฝ่ายรัฐบาลมาเติมแทน นอกจากนี้ ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับระบบรายงานผลเลือกตั้งแบบ real time ทั้งที่ กกต. ได้รับงบประมาณจัดเลือกตั้งถึงเกือบ 6,000 ล้านบาท

‘ส.ว.’ แนะ 'อุ๊งอิ๊ง' เร่งเสริมกระดูกการเมือง แล้วค่อยกลับมาอีกทีในสถานการณ์โลกแบบนี้

(13 ก.พ. 66) นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ระบุ ส.ว.พร้อมแลนด์สไลด์ไม่โหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ให้ไปรวบรวมเสียงให้เกิน 376 เองว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัว แต่เชื่อว่า ส.ว.ส่วนใหญ่จะเคารพเสียงของประชาชน และทำเพื่อบ้านเมือง ส.ว.จะดูว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง ต้องเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ไม่มีเบื้องหลังทุจริต นำพาบ้านเมืองไปสู่ความสงบเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่าการความเห็นของนายวันชัย ในเรื่องดังกล่าวจะกระทบภาพลักษณ์ ส.ว.หรือไม่ เพราะขณะนี้ ส.ว.ถูกกระแสตีกลับว่าไม่เคารพเสียงประชาชน นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ขอก้าวล่วง สมาชิกท่านอื่น ให้ไปถามที่เจ้าตัว ส่วนที่มองว่า ส.ว. ไม่เคารพเสียงประชาชนนั้น ยอมรับว่ากังวล ประชาชนและสื่อมวลชนจะเข้าใจผิดว่า ส.ว. คิดแบบเดียวกันทั้งหมด

นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า กรณีพรรคเพื่อไทยจะชู น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี หากมีเสียงเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นลำดับที่ 1 ส.ว.จะพร้อมโหวตให้หรือไม่นั้น ต้องขอดูก่อน เพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์และได้ ส.ส.เกินครึ่งก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ การรวบรวมเสียงในการเลือกนายกรัฐมนตรี 376 เสียงนั้นต้องขอดูก่อน ว่า หากใกล้ ๆ น.ส.แพทองธาร สามารถปรับลุคและมีผลงาน มีนโยบายที่ดีอาจจะพิจารณาอาจจะพิจารณาหน้างานอีกครั้ง

‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่ตรวจแผนพัฒนาแหล่งน้ำ - มอบที่ทำกิน ขจัดความยากจน - พา ปชช. ก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำ

(13 ก.พ. 66) เวลา 14.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.ดีอีเอส, รมว.ศธ., รมช.คลัง, รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อติดตามการพัฒนาทรัพยากรน้ำ และแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี

โดยเมื่อเดินทางถึง ที่ทำการโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมประชุมหารือและรับฟังการบรรยายสรุป จาก ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ ผวจ., รองเลขาฯ สทนช., อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล, กรมชลประทาน ,ผอ.สคทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปภาพรวม จ.กาญจนบุรี อยู่ในพื้นที่ ลุ่มน้ำแม่กลอง และลุ่มน้ำท่าจีน ปัญหาน้ำท่วมมักเกิดจากน้ำหลากจากเทือกเขาต้นน้ำ ลำน้ำระบายได้ช้า เนื่องจากมีสิ่งกีดขวาง และลำน้ำตื้นเขิน ปัญหาภัยแล้งเกิดจากภาวะฝนน้อย และฝนทิ้งช่วง ทำให้ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และความต้องการจากการเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ทั้งงบปี 61-65, งบกลางปี 65 และงบบูรณาการปี 66 รวมทั้งอีก 3 โครงการสำคัญ วงเงิน 16,669 ล้านบาท ซึ่งประชาชนจะได้รับประโยชน์ 75,469 ครัวเรือน ได้แก่ โครงการขยายความจุอ่างเก็บน้ำลำอีซู และโครงการผันน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ระยะที่ 1 และโครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ รวมทั้งดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาล และขยายระบบส่งน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะ อ.เลาขวัญ และอ.ห้วยกระเจา ซึ่งประสบภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดเรียกว่าเป็น ‘อีสาน จ.กาญจนบุรี’

'เพื่อไทย' ขู่!! เตรียมเปิดเวทีนอกสภาฯ แก้เกมรัฐบาลไม่ร่วมองค์ประชุมล้มซักฟอก

‘เพื่อไทย’ แก้เกมรัฐบาล ทำองค์ประชุมล่ม หนีซักฟอก ขู่!! เปิดอภิปรายนอกสภาฯ เตรียม35 ขุนพลรอถล่ม พร้อมแฉ ‘ทุจริต-ธุรกิจสีเทา’ ย้อน!! ส.ว.สายแข็ง เคารพเสียงประชาชน ควรโหวตนายกฯ หากเพื่อไทยได้เสียงเกินครึ่ง

(13 ก.พ. 66) ที่พรรคเพื่อไทย คณะแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่มีบทบาทต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา152 ตามที่มีการบรรจุญัตติกำหนดการอภิปรายวันที่ 15-16 ก.พ. ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการเตรียมความพร้อม

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยไม่มีการลงมติ วันที่ 15-16 ก.พ. ใช้เวลารวม 32 ชั่วโมง การอภิปรายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายในสมัยอายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 ในญัตติโดยรวมจะสอบถามข้อเท็จจริง เสนอแนะแก้ปัญหาจากการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ซึ่งมีข้อเท็จจริงปรากฏว่า ไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน รัฐบาลต้องตอบคำถามให้กับพี่น้องประชาชนในหลายเรื่องที่ไม่มีความชัดเจน เช่น กรณีธุรกิจสีเทา ภัยด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี การทุจริตคอร์รัปชัน จะถูกหยิบยกขึ้นมา ขอตั้งชื่อการอภิปรายครั้งนี้ว่า ยุทธการกระชากหน้ากากคนดี มาจากที่สื่อมวลชนตั้งชื่อรัฐบาลหน้ากากคนดี เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รู้ว่า หน้ากากคนดีที่แท้จริงเป็นอย่างไร

นพ.ชลน่านกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ได้รับรู้มาคือจะมีการปิดกั้นไม่ให้อภิปรายจากการที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะไม่เป็นองค์ประชุม ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น เชื่อว่าฝ่ายนิติบัญญัติที่มีหน้าที่เป็นผู้แทนประชาชนจะไม่กระทำการใดที่เป็นการทำลาย แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง พร้อมจะกำหนดวันอภิปรายนอกสภา ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อรัฐบาลที่ไม่มีโอกาสตอบข้อเท็จจริง หากเกิดกรณีดังกล่าวจริงอาจถือเป็นการปิดกั้นไม่ให้มีการตรวจสอบ เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะเตรียมพร้อมไว้ และจะเป็นประเด็นที่นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนได้อย่างดียิ่ง โดยเฉพาะคนที่เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่กลับไม่ทำตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top