Saturday, 28 June 2025
POLITICS NEWS

‘บิ๊กตู่’ ฉุน!! ถูกสื่อจี้ถามวันยุบสภาฯ ปัด ไม่ใช่ 21 มี.ค. โวย จะรีบร้อนอะไรนักหนา ประชดบอก “พรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

‘บิ๊กตู่’ หงุดหงิดหลังถูกซักถึงวันยุบสภา ปัด ไม่ใช่ 21 มี.ค. ประชดบอกพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ยัน คุยกับ ‘เสี่ยหนู’ ตอบทุกเรื่อง ปัด รทสช. อยู่เบื้องหลัง ‘ชูวิทย์’ ถล่มภูมิใจไทย หวานหยด ยังรักและเคารพ ‘บิ๊กป้อม’ เหมือนเดิม แต่เรื่องร่วมรัฐบาลคุยกันทีหลัง

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมาโดยตลอด คุยกันทุกเรื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการคุยกันถึงกรณีที่มีการมองกันว่าที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองออกมา เคลื่อนไหวและ เปิดเผยข้อมูล ในลักษณะการโจมตีพรรคภูมิใจไทย เป็นการรับงานมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่ได้เกี่ยวหรอกไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม เพราะผมบอกแล้วว่าวันนี้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีผมจำเป็นต้องรักษาความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลร่วมกันมาเกือบสี่ปีแล้ว ในส่วนของพรรคการเมืองผมก็ได้ให้นโยบายไปกับผักไปแล้วว่าจะไม่ไปก้าวล่วงใครทั้งสิ้น เราต้องเป็นสุภาพบุรุษทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกา ผมไม่ได้ไปก้าวล่วงใคร ใครจะว่าอย่างไรผมก็เฉย ๆ ของผม เพราะถือว่าเป็นเรื่องของการหาเสียงก็ว่ากันไป”

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วในส่วนของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีการพูดคุยกันแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็คุยกันตลอดเวลาละจ้ะ วันนี้ฉันก็คุยกันมาตั้งแต่เช้าแล้ว ก็ยังรักเคารพเขาเหมือนเดิมนั่นแหละ คราวนี้ใครจะพูดอะไรก็ว่ากันไป ใครเขียนใครจะเขียนก็เขียนกันไปเถอะ จะกี่ร้อยก็ว่ากันไปเถอะ”

เมื่อถามว่า หากอนาคตพรรครวมไทยสร้างชาติโดยเป็นการนำการจัดตั้งรัฐบาล พูดได้หรือไม่ว่าจะมีพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร เข้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็รอไว้ให้มันเลือกตั้งแล้วก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน เค้าไม่พูดกันตอนนี้หรอก เขาไว้พูดกันตอนที่เลือกตั้งเสร็จแล้ว ก็ยังไม่ขอพูดอะไรทั้งนั้น เรื่องของพรรคก็เป็นของส่วนพรรค ก็อยู่ที่ประชาชนจะเลือกตั้งมากน้อยก็ว่ากันมา แต่การจะร่วมรัฐบาลนั้นก็คุยกันทีหลังอยู่แล้ว ที่ผ่านมา ตนก็อยู่ในกระบวนการเหล่านี้อยู่แล้วทุกอย่าง พูดทีหลังทั้งหมดไม่ใช่มาพูดกันก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เคยพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ว่า จะไปร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย ภายหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้ถามอะไรหรอก ก็เป็นสิทธิของท่าน แต่ท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้พูดว่าจะไปจับมือกับใคร ท่านบอกกับผมอย่างนั้น ท่านบอกว่าไม่เคยไปให้สัญญาอะไรกับใครไว้ทั้งสิ้น”

‘โรม’ ยื่นหลักฐานต่อ ผบ.ตร. ฟัน ‘ส.ว.ทรงเอ-ไทยดำจีนเทา’ ชี้ บางชิ้นยังไม่เคยเผยที่ไหน เตรียมยื่นต่ออัยการสูงสุด-ก.ต.

(28 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเอาผิด ส.ว.ทรงเอ สืบเนื่องการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ประเด็นความเกี่ยวข้องระหว่าง ส.ว.ทรงเอ หรือ นายอุปกิต ปาจรียางกูร กับนักธุรกิจชาวเมียนมา ที่มีข้อครหาเรื่องการฟอกเงินและการค้ายาเสพติด

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตามที่ตนอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ส.ว.ทรงเอ และไทยดำจีนเทา มีหลักฐานต่าง ๆ ที่เชื่อว่าเป็นประโยชน์ในการทำคดี ทั้งกรณีของ ส.ว. ทรงเอ และ ไทยดำจีนเทา ที่เกี่ยวข้องไปถึงนายกรัฐมนตรี และเนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายในสภาฯ ชุดนี้ เอกสิทธิ์และความคุ้มกันของ ส.ส.จะไม่มีอีกต่อไป จึงขอเริ่มต้นด้วยการยื่นหนังสือต่อ ผบ.ตร. โดยหลักฐานเอกสารที่เตรียมมา บางส่วนไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เชื่อว่าจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

ประกอบกับวันนี้ ตนทราบว่า ผบ.ตร. จะชี้แจงกรณี พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ตนจึงต้องยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. เพื่อให้การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ยืนยันว่า การยื่นหนังสือจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะตั้งใจจะไปยื่นกับอัยการสูงสุดด้วย เนื่องจากบางประเภทคดี เป็นคดีนอกราชอาณาจักร รวมถึงยื่นต่อสำนักคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการถอนหมายจับ ส.ว.ทรงเอ

‘ก้าวไกล’ บุกศูนย์ร้องเรียนฯ ยื่นหลักฐานปมทุจริตบ้านพักทหาร ตามคำท้าของ ‘บิ๊กตู่’ จี้ หากยังนิ่งเฉย พร้อมยกระดับกดดัน

(28 ก.พ. 66) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ยื่นหลักฐานกรณีทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหาร ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่เหตุกราดยิงโคราชเมื่อปี 2563 สืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ที่นายปดิพัทธ์อภิปรายประเด็นดังกล่าว และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท้าให้ส่งหลักฐาน

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ในการอภิปรายมาตรา 152 ที่ผ่านมา ตนได้เปิดเผยหลักฐานที่ส่วนใหญ่มาจากผู้เสียหาย คือ คุณก้อยและคุณเบิร์ด (นามสมมุติ) ว่า การทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหาร มีการเรียกรับสินบน 5% และอมส่วนต่างค่าบ้าน จนนำไปสู่ความกดดันของทหาร ทำให้เกิดเหตุกราดยิงโคราช เรื่องนี้เป็นที่รับรู้ภายในกองทัพ แต่ไม่มีการลงโทษใด ๆ

เมื่อคุณก้อยยื่นหลักฐานไปยังกรมสวัสดิการทหารบกและกระทรวงกลาโหม ก็ปรากฎว่าไม่ได้รับความยุติธรรม มีการลงโทษผู้กระทำผิดเพียงงดบำเหน็จครึ่งปี ส่วนอีกคนหนึ่งกักตัวแค่ 7 วัน ทำให้เราเห็นถึงความไม่ชอบธรรม ทั้งที่ผู้บัญชาการทหารบกน่าจะรับรู้เรื่องทั้งหมด และการที่โครงการบ้านพักทหารเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 และสิ้นสุดโครงการในปี 2564 เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เป็นช่วงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประยุทธ์จึงควรมีส่วนรับผิดชอบด้วย

อย่างไรก็ตาม ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์หลังการอภิปรายมาตรา 152 นายกฯ ยังคงไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ กลับท้าว่าหากมีหลักฐานให้นำมายื่น ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายพยายามยื่นเรื่องไปยังทุกช่องทางของกองทัพแล้ว การมาที่นี่วันนี้ จึงเป็นการพิสูจน์รอบสุดท้ายว่านายกฯ ได้รับเรื่องร้องเรียน และหวังว่าหลักฐานจะถึงมือนายกฯ

‘เสี่ยหนู’ ตอบปมพิพาท ‘ชูวิทย์’ เชื่อ ปชช.แยกแยะได้ เผย รู้ตัวคนอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่พูด ลั่น!! ทำงานดีกว่า

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพิพาทกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ว่า…

“ทำงานดีกว่า ไม่ให้ราคา ก็คือไม่ให้ราคา”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่า ใครอยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนของนายชูวิทย์ นายอนุทิน ตอบว่า รู้ แต่ไม่พูด

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แล้วจะจัดการนายชูวิทย์อย่างไร นายอนุทินตอบว่า เห็นคนจะปองร้าย ก็ต้องหลบ ไม่ปะทะ

“มาถึงจุดนี้ ผมเชื่อว่าประชาชนมองออกว่าอะไรเป็นอะไร”

เมื่อถามถึงเรื่องที่นายชูวิทย์พาดพิงนายเนวิน ชิดชอบ นายอนุทินตอบว่า ท่านก็ยังตกใจ เพราะก็อยู่บ้านดี ๆ เอาเข้าจริงพวกเราไม่เคยสู้กับใคร ทำงานอย่างเดียว

‘ธนกร’ ปัด ‘รทสช.’ อยู่เบื้องหลังพาชูวิทย์บุกทำเนียบ ชี้!! ที่ผ่านมา ก็วิจารณ์นายกฯ มาตลอด 1 ปี

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้ายื่นหนังสือกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล หลายฝ่ายมองว่าเป็นเกมการเมือง ว่า ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค รทสช. ต้องมองว่าที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 1 ปี นายชูวิทย์ก็วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาโดยตลอด นายกฯ ก็ไม่เคยตอบโต้เลย ตนเองก็รู้จักกับนายชูวิทย์ เดินสวนกันไปมาหลายครั้ง ก็ไม่เคยโกรธ เพราะนายชูวิทย์ก็ทำหน้าที่ของเขา ดังนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคด้วย ว่าพรรค รทสช.ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายชูวิทย์ ต่างคนต่างมีหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ติดใจตรงที่นายพีระพันธุ์ มารับหนังสือจากนายชูวิทย์ด้วยตัวเอง นายธนกร กล่าวว่า นายพีระพันธุ์มารับหนังสือในฐานะเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงไม่มีอะไร และหากย้อนดู หลายเรื่องที่นายชูวิทย์พูดก็มีประโยชน์ ซึ่งรัฐบาลก็ดำเนินการมาตลอด ตรงไหนที่ยังไม่ได้ทำ เราก็จะดำเนินการ

“เรื่องนี้อย่าไปคิดว่าพรรคไหนอยู่เบื้องหลัง และความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกับนายกรัฐมนตรี ก็ดีมาตลอด ไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ให้เกียรติซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน การวิพากษ์วิจารณ์ของนายชูวิทย์ เป็นสิ่งที่เขาสามารถทําได้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกผม” นายธนกร กล่าว

‘บิ๊กป้อม’ หนุนโครงการน้ำบาดาล จ.ตรัง สร้างความมั่นคงระดับชุมชน มีน้ำสะอาดใช้-ดื่มฟรี

(27 ก.พ. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.ศธ., รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า-บ่าย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุม กพต. และพบปะผู้นำศาสนา-ชุมชนในพื้นที่ จ.สตูล 

ต่อจากนั้นในช่วงเย็น พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทางต่อไปยัง จ.ตรัง เพื่อติดตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ณ บ้านพรุท่อม ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานภาพรวมในพื้นที่ของจังหวัด ต่อด้วย รองเลขาฯ สทนช. นำเสนอแผนงานด้านทรัพยากรน้ำและการคาดการณ์สถานการน์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ และรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้รายงานสรุปโครงการพัฒนาน้ำบาดาล เพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ซึ่งเป็นโครงการน้ำบาดาลเพื่ออุปโภค-บริโภค งป.ปี 65 ความลึกเจาะ 90 ม. ได้ปริมาณน้ำ กว่า 20 ลบ.ม./ชม. ช่วยประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายจากที่เคยซื้อน้ำดื่มได้ปีละ 1.8 ล้านบาท 500 ครัวเรือน

‘พปชร.’ ไม่ติดใจ ‘บิ๊กตู่’ ตีกินนโยบาย ชี้!! ย้อนดู 8 ปีก็รู้...ว่าผลงานใคร

(27 ก.พ. 66) นายอุตตม สาวนายน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงนโยบายต่าง ๆ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ประกาศบนเวทีปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 ก.พ.66 ซึ่งพบว่า มีหลายนโยบายทับซ้อนกับของพรรคพลังประชารัฐ ว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ซีเรียสในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ ซึ่งได้ประกาศชัดเจนก่อนหน้านี้ว่า อะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พรรคพลังประชารัฐยินดีให้การสนับสนุน ไม่ต้องการเอาชนะคะคานกันในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน ต่างก็รับทราบดีว่า นโยบายต่าง ๆ มีขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด ใครเป็นคนคิดริเริ่มและผลักดันจนเป็นรูปธรรม เพียงแต่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ทุกเรื่องจะต้องผ่านความเห็นชอบของ ครม. ซึ่งมีนายกฯ เป็นหัวหน้า ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหิ้วเอานโยบายเหล่านั้น ติดตัวไปอยู่พรรคอื่นด้วย

นายอุตตม กล่าวต่อว่า อย่างนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็แค่ย้อนกลับไปดูว่า โครงการนี้เปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนครั้งแรกในปี 2559 ซึ่งขณะนั้น คนที่เข้ามาคุมนโยบายเศรษฐกิจให้รัฐบาล คสช. คือ ท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่กลางปี 2558 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ท่านสมคิด กำกับดูแลหน่วยงานด้านเศรษฐกิจและที่เกี่ยวข้อง 9 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงเกษตรฯ, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, กระทรวงอุตสาหกรรม, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ขณะที่ผม และท่านสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ก็เข้าร่วม ครม.ไปเป็นรัฐมนตรีคุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ภายใต้การกำกับดูแลของนายสมคิด ซึ่งได้มีนโยบายต่าง ๆ ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะแค่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

นายอุตตม กล่าวอีกว่า เมื่อผมทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผ่านการเลือกตั้งปี 2562 แล้ว ส.ส.ทุกคนของพรรคพร้อมใจกันเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นนายกฯ ท่านสมคิด และพวกผมก็ยังร่วม ครม.คุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ เดินหน้าผลักดันนโยบายที่ริเริ่มเอาไว้อย่างต่อเนื่อง กระทั่งพวกผมลาออกจาก ครม.ในปี 2563 

“ย้อนดูไทม์ไลน์ช่วง 8 ปี ก็จะรู้ว่า ใครเป็นผู้ริเริ่มและผลักดันนโยบายเหล่านี้ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ถ้าพรรคไหนเห็นว่านโยบายของเราดี จะนำไปสานต่อ พรรคพลังประชารัฐและ พล.อ.ประวิตร ก็ยินดี ไม่ขัดข้องอะไร” นายอุตตม กล่าว

ขณะที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน แกนนำพรรค ให้ความเห็นว่า นโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นการริเริ่มของท่านสมคิด อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพวกตน ตั้งแต่ช่วงรัฐบาล คสช.ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จึงถือได้ว่าเป็นผลผลิตของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมถึง EEC

‘โรม’ ฝากสื่อกระตุก ‘ประยุทธ์’ ก่อนเข้าที่ทำการพรรค รทสช. อย่าตีมึน ควรตอบสังคมปมที่ดิน ‘ส.ว.อุปกิต’ ให้ชัด!!

(27 ก.พ. 66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ขอให้สื่อมวลชนร่วมติดตามกรณีอื้อฉาวของ อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลังจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ที่ผ่านมา ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ว. รายดังกล่าว กับ นักธุรกิจชาวเมียนมา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ไปจนถึงขบวนการค้าอาวุธสงคราม แต่จนถึงวันนี้กลับยังไม่มีความชัดเจนจาก พล.อ. ประยุทธ์

ล่าสุด พล.อ. ประยุทธ์ จะเดินทางไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงขอฝากคำถามผ่านผู้สื่อข่าว ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ต้องตอบให้ได้ว่าในเมื่ออุปกิต มีข้อครหาเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน พล.อ.ประยุทธ์ จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างไร

เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมีคำตอบใดให้สังคม และใช้ความเงียบเพื่อเลี่ยงตอบปัญหา จนน่าสงสัยว่าเป็นความตั้งใจทำให้สังคมลืม เพื่อปกป้องอุปกิต ซึ่งเป็นเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ทำการปัจจุบันของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ เพราะผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่

จับตา สนามเลือกตั้ง 'เมืองหมูย่าง' ที่อาจจะ 'ไม่หมู' สำหรับการ 'ยกจังหวัด' ของ 'ประชาธิปัตย์'

จังหวัดตรัง หรือ 'ทับเที่ยง' เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่อง สถานที่ท่องเที่ยวที่มี ทะเลสวยงาม เกาะแก่ง ที่เหมาะแก่การพักผ่อน และดำน้ำดูปะการัง ที่โด่งดังในการจัดงาน 'วิวาห์ใต้สมุทร' ใน 'วันวาเลนไทน์' และมีอาหารขึ้นชื่อคือ 'หมูย่าง' และต้นตำรับ 'เค้กลำภูรา' ที่เชิดชูหน้าตาของเมืองทับเที่ยง แห่งนี้ 

ในส่วนของเรื่อง 'การเมือง' จังหวัดตรังคือมาตุภูมิ ของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีต นายกรัฐมนตรี และ อดีต หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทุกคนยอมรับในความ 'ซื่อสัตย์ สุจริต' เป็น นักการเมือง 'มือสะอาด' คนหนึ่งของประเทศไทย 

ในการเลือกตั้งเลือกตั้งที่ผ่าน ๆ มา สนามเลือกตั้งของ จ.ตรัง “พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยเสียที่นั่งให้กับพรรคการเมืองอื่นเพราะ” ชื่อชั้น ของนายหัวชวน เป็นเครื่องหมายการค้า ที่ประชาชนยอมรับ ดังนั้นไม่ว่าจะส่งใครลงสนาม 'ประชาชน' ยินดีที่จะกาบัตร ให้เป็นผู้แทน โดยไม่มีข้อกังขา แต่ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของนายหัวชวน ถูกนักเลงดี จากพรรคพลังประชารัฐ นายนิพนธ์ ศิริพันธ์ ที่เป็นอดีต รอง ผวจ.ตรัง ปาดหน้าหมอสุกิจ นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ สส.หลายสมัย จากประชาธิปัตย์เข้าป้ายชนิดลอยลำเป็น ครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ที่สร้างความปราชัย ให้กับประชาธิปัตย์ ในสนามเมืองหมูย่าง แห่งนี้ 

เลือกตั้งในปี 2566 สนามเมืองหมูย่าง มีการเพิ่มเขตเลือกตั้งจาก 3 เขต เป็น 4 เขต โดยเขต 1 'ประชาธิปัตย์' ถอด นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ออก และส่ง  นพ.ตุลย์กานต์ มักคุ้น “คนใกล้ชิดคนในครอบครัว” หลีกภัย ลงแทน ซึ่งในเขตนี้ 'พลังประชารัฐ' ส่ง 'กิตติพงษ์ ผลประยูร' อดีตที่ดินจังหวัดตรังลงแทน 'นิพันธ์ ศิริธร' ที่ไม่ไปต่อในการเลือกตั้งครั้งนี้ เขต 2 ประชาธิปัตย์ ส่ง สาทิตย์ วงศ์หนองเตย เสี่ยตาล ลง ป้องกันตำแหน่ง กับ ทวี สุระบาลจากพลังประชารัฐ เขต 3 ประชาธิปัตย์ ส่ง สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ลงป้องกันตำแหน่งกับ พ.ต.ท. ณัฐพงศ์ เรืองนัฐพงษ์ เขต 4 ประชาธิปัตย์ โดย โกหนอ สมชาย โล่สถาพรพิพิธ หักด่านคนในตระกูล หลีกภัย ไม่ส่งสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการนายชวน หลีกภัย อดีต สส.เขตนี้ และส่งกาญจน์ ตั้งปอง ซึ่งเป็น นักการเมืองท้องถิ่นสายเลือดใหม่ ลงในเขตนี้แทน โดยอ้างว่า สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล มีคะแนนในการทำโพล ไม่ผ่าน และเป็นเหตุให้ สมบูรณ์ ลาออกจากประชาธิปัตย์ และ ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 4 สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ส่ง 'ลุงตู่' พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็น 'นายกรัฐมนตรี' สมัยที่ 3 ส่วน 'พลังประชารัฐ' ส่ง พล.ต.ต.บรรลือ ชูเวทย์ อดีต ผู้การจังหวัดตรังลงแข่ง 

ในขณะที่ พรรคภูมิใจไทย ซึ่ง 'ขุนพลภาคใต้' พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมต. กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศชัดว่า จะของแบ่ง ส.ส.ในภาคใต้ 16 ที่นั่งนั้น ได้เปิดตัว ผู้สมัครใน จ.ตรัง ที่แน่ชัดแล้ว 2 เขต ได้แก่ นพ.รักษ์ บุญเจริญ ในเขต 1 เพื่อต่อสู้กับ นพ ตุลกานต์ มักคุ้น ที่มี ดีกรี ของหมอเหมืนกัน และส่ง ดิษธัชนิน ภาคอิฐคน์ ลงในเขตเลือกตั้งที่ 4 เพื่อสู้กับ กาญจน์ ตั้งปอง จากประชาธิปัตย์ และ สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล จากรวมไทยสร้างชาติ 

ที่ต้องจับตามองคือ ดิษธัชนิน  ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็น หลานชายแท้ๆของ โกหนอ สมชาย โล่สถาพรพิพิธ ซึ่งถูกมองว่า ครั้งนี้คือ ผู้ที่เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งตัวจริงของประชาธิปัตย์ จังหวัดตรัง หาใช่กิจ หลีกภัย ที่เคยเป็นแม่ทัพ ในการ ดูแลการเลือกตั้ง ใน จ.ตรัง เหมือนที่ผ่านๆมา ซึ่งคนในเขตเลือกตั้งที่ 4 กำลังจับตามองว่าในที่สุดแล้ว ระหว่างหน่อจากไผ่กอเดียวกันอย่าง 'ดิษธัชนิน' กับ 'กาญจน์ ตั้งปอง' ที่เป็น ไผ่นอกกอ ผู้มาก บารมีอย่าง 'โกหนอ' จะสนับสนุนผู้สมัครฝ่ายไหร่ให้ได้เป็น ส.ส. 

และที่สำคัญ ในเขตเลือกตั้งที่ 4 ซึ่ง 'สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล' คนสนิทของ 'นายหัวชวน' และเป็น อดีต ส.ส.เขตนี้ และไม่เคยแพ้ในการเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อว่า ยังได้รับแรงหนุนจากคนในตระกูลหลีกภัย โดยเฉพาะ 'กิจ หลีกภัย' ที่เป็น พี่ใหญ่ ของตระกูล ดังนั้น ในเขตเลือกตั้งทั้ง 4 เขต เป็นอีกเขตหนึ่ง จะต้องจับตา เพราะอาจจะพลิกผันและทำให้ประชาธิปัตย์ ไม่สามารถยกจังหวัดอย่างที่ มีการ ประกาศ ไว้ก่อนหน้านี้

‘เพื่อไทย’ เรียกร้อง กกต. ใช้อำนาจอย่างชอบธรรม หลังออกระเบียบยุบพรรคการเมืองก่อนเลือกตั้ง

(27 ก.พ. 66) นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่ กกต.ได้ออกระเบียบ 3 ฉบับและได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 15 ก.พ.โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการยุบพรรคติดเทอร์โบ โดยในระเบียบดังกล่าวระบุถึงระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการยุบพรรคการเมืองเพียง 67 วัน จากเดิมที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลา ตนได้ตรวจข้อกฎหมายลำดับศักดิ์ของกฎหมายแล้ว พบว่าแม้ กกต.จะอ้าง อาศัยอำนาจตามมาตราต่างๆ ในรัฐธรรมนูญ 60 และ พ.ร.ป.กกต. และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับอื่น ๆ ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บท รวมถึง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565 แต่ตนเห็นว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและ พรป.กกต.ไม่ได้ให้อำนาจ กกต.ออกระเบียบในลักษณะนี้ได้ การกระทำดังกล่าวของ กกต.อาจเป็นการออกระเบียบโดยไม่มีอำนาจ หรือนอกเหนืออำนาจ ระเบียบดังกล่าวจึงอาจไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ประกอบกับการยุบพรรคเป็นโทษกับพรรคการเมือง กกต.จึงไม่มีอำนาจออกระเบียบได้ และระเบียบดังกล่าวไม่สามารถมีผลย้อนหลังในคดีความที่นักร้องต่าง ๆ ได้ยื่นยุบพรรคการเมืองในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top