Tuesday, 29 April 2025
NEWS

ร้อยเอ็ด มณฑลทหารบกที่ 27 และกองพลทหารราบที่ 6 จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2566

(18 มกราคม 2566) เวลา 15.30 น พลตรี จักรพันธ์ ขันมั่น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 27 เป็นประธานในพิธีสวนสนามและกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2566 ณ ลานสวนสนามค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พลตรี วีระยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดยโสธร ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ องค์กร ชมรม ตลอดจนญาติของกำลังพลและประชาชน เข้าร่วมพิธี

โดย ประธานในพิธี ได้นำกำลังพลที่ยังไม่เคยร่วมพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตน กล่าวปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ซึ่งเป็นเครื่องหมายแทนองค์พระมหากษัตริย์ และได้อ่านโอวาทของผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อให้ทหารได้ยึดมั่นและรักษาคำสัตย์ในการปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบเพื่อส่วนรวมและประเทศชาติอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีการประกอบพิธีทางศาสนา ตรวจพลสวนสนาม และพิธีเดินสวนสนามของหน่วยทหาร สำหรับวันกองทัพไทย ตรงกับวันที่ 18 มกราคมของทุกปี เป็นวันที่ระลึกในวาระที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า จนมีชัยชนะ และเพื่อเป็นการเตือนใจให้ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ร่วมรำลึกถึงวีรกรรมของพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า ทุกพระองค์ และคุณงามความดี ของนักรบไทยที่สละชีวิต เพื่อปกป้องเอกราชและอธิปไตยของไทยไว้

ผู้บัญชาการทหารเรือ มอบเงินช่วยเหลือกำลังพลกองทัพเรือที่ได้รับบาดเจ็บและประสบภัย เรือหลวงสุโขทัยอับปาง

เมื่อเวลา เวลา 14.30 ของวันที่ 18 ม.ค. 66 พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบเงินช่วยเหลือให้แก่กำลังพลกองทัพเรือที่ได้รับบาดเจ็บและประสบภัย จากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ณ อาคารเอนกประสงค์ "ป้องนภา รักษาฝั่ง" หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี  

จากเหตุการณ์ เรือหลวงสุโขทัย อับปางเนื่องจากสภาพอากาศคลื่นลมในทะเลรุนแรง มีคลื่นสูง ทำให้กำลังพลกองทัพเรือได้รับบาดเจ็บ สูญหาย และเสียชีวิตนั้นกองทัพเรือ โดย พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ มีความเป็นห่วงครอบครัวกำลังพลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสิทธิกำลังพล ดำเนินการเพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน แก่ครอบครัวของกำลังพลในด้านต่างๆ ตามระเบียบข้อบังคับอย่างเร่งด่วน โดยครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตและสูญหายนั้น 

กองทัพเรือได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการทหารเรือ รวบรวมสิทธิกำลังพลที่ทายาทและครอบครัวพึงได้รับ ประกอบด้วย เงินค่าสินไหมทดแทนประกันภัยหมู่แบบ “เฉพาะกิจ” กองทัพเรือ เงินช่วยเหลือจากกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละในจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่รับผิดชอบ กองทัพเรือ เงินสวัสดิการสงเคราะห์ข้าราชการตามระเบียบกรมสวัสดิการทหารเรือว่าด้วยเงินสวัสดิการสงเคราะห์ข้าราชการปฏิบัติราชการชายแดน พ.ศ.2561 และเงินฌาปนกิจสงเคราะห์แห่งราชนาวี สำหรับผู้ที่สมัครเป็นสมาชิก โดยมอบให้ทายาทและครอบครัว เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนไปแล้วส่วนหนึ่ง

สำหรับในวันนี้ เป็นการมอบเงินช่วยเหลือกำลังพลกองทัพเรือที่ได้รับบาดเจ็บและประสบภัยจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางจำนวน 76 นาย แยกเป็น กำลังพลที่รับบาดเจ็บจำนวน 27 นาย และกำลังพลที่ประสบภัยจำนวน 49 นาย

เพชรบูรณ์ กองพลทหารม้าที่ 1 มณฑลทหารบกที่ 36 ค่ายพ่อขุนผาเมือง ถวายสัตปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพไทย

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 เวลา 15.30 น. กองพลทหารม้าที่ 1 มณฑลทหารบกที่ 36 ค่ายพ่อขุนผาเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดพิธีถวายสัตปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพไทย ณ สนามลานสโมสรค่ายพ่อขุนผาเมือง โดยมี พลตรี ศุภฤกษ์ สถาพรผล ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1 เป็นประธานในพิธีถวายสัตปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพลและให้โอวาทแก่กำลังพล เนื่องในวันกองทัพไทย ในโอกาสวันที่ 18 มกราคมของทุกปี เป็น วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ,วันกองทัพไทย และวันกองทัพบก ประจำปี 2566 เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ผู้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทยให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของชาติอื่น เป็นวีรกรรมอันกล้าหาญยิ่ง

โดยมี พลตรีสามารถ มโนรถมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 คณะแม่บ้านทหารบกสาขา กองพลทหารม้าที่ 1 องค์การทหารผ่านศึกเขตเพชรบูรณ์ คณะผู้บังคับบัญชาและข้าราชการกำลังพล กองพลทหารม้าที่ 1 มณฑลทหารบกที่ 36 หัวหน้าหน่วยงานราชการในจังหวัดเพชรบูรณ์ นักศึกษาวิชาทหาร และประชาชนร่วมพิธีสวนสนาม ถวายสัตปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล   

สำหรับพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล และสวนสนาม ของทหาร หรือเรียกกล่าวกันง่ายๆก็คือ “การสาบานธง” ตามที่กระทรวงกลาโหมได้เลือกกระทำพิธี ในวันที่ 18 มกราคม ของทุกๆปี ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ประการแรก เนื่องจากวันที่ 18 มกราคมนี้ เมื่อประมาณ 400ปีมาแล้ว (พ.ศ.2135) สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงกระทำยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชา ของพม่า พระองค์ได้ทรงฟันพระมหาอุปราชาคอขาดบนหลังช้าง ถึงแก่ทิวงคต ชัยชนะของกองทัพไทยครั้งนี้ แต่เดิมกระทรวง กลาโหม ได้ถือเอา วันที่ 25มกราคม ซึ่งเป็นวันสำคัญยิ่งประวัติศาสตร์ของทหาร เป็นวันกองทัพไทย และได้จัดประกอบพิธี กระทำสัตย์ปฏิญาณตน ต่อธงชัยเฉลิมพลและสวนสนามของทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ ตั้งแต่ปี 2550ได้เปลี่ยนแปลงเป็นวันที่ 18มกราคม ของทุกๆปีแทน เนื่องจากเหตุผลทางประวัติศาสตร์ และประการที่ 2 ในเดือน มกราคม เป็นเดือนที่ทหารใหม่ได้รับการฝึกการสอนการอบรม ตลอดจนทำการฝึกบุคคลทำการรบมาแล้ว นับว่าพร้อมทำการสู้รบและสามารถที่จะทำหน้าที่ต่อสู้ป้องกันในการปกป้องรักษาประเทศ

ทั้งนี้ การกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามครั้งนี้ มีกำลังพลที่เข้าร่วมสวนสนาม 8 กองพันสวนสนาม 1 กองพันสวนสนามยานเกราะ ประกอบด้วย กองพันสวนสนามที่ 1 จากกองพันทหารม้าที่ 28 กองพลทหารม้าที่ 1, กองพันสวนสนามที่ 2 กองพันทหารม้าที่ 13 กรมทหารม้าที่ 3, กองพันสวนสนามที่ 3 กองพันทหารม้าที่ 18 กรมทหารม้าที่ 3, กองพันสวนสนามที่ 4 กองพันทหารม้าที่ 26 กรมทหารม้าที่ 3, กองพันสวนสนามที่ 5 กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 30 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 21, กองพันสวนสนามที่ 6 กองพันทหารช่างที่8 กองพลทหารม้าที่1, กองพันสวนสนามที่ 7กองพันทหารสื่อสารที่ 11 กองพลทหารม้าที่1, กองพันสวนสนามที่ 8 กองพันเสนารักษ์ที่ 8 กองบัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1มณฑลทหารบกที่ 36 และปิดท้าย กองพันสวนสนามยานยนต์

รอลุ้น ‘พปชร.’ ปรับบัตรประชารัฐเป็น 700 หากผลเลือกตั้ง ดันเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

หลังพรรคพลังประชารัฐได้ออกมาประกาศนโยบายสำหรับบัตรประชารัฐ ว่าจะเดินหน้าการจัดทำนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ก็เรียกเสียงฮือฮาให้กับประชาชนที่มีบัตรประชารัฐอย่างมาก ซึ่งบางคนอาจจะบอกว่า 700 บาทต่อเดือนมันไม่พอ บางคนก็อาจจะบอกว่าพอ

วันนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES จึงลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ตลาดประชานิเวศน์ 3 เพื่อสอบถามประชาชนถึงประเด็นดังกล่าว ว่าการเพิ่มเงินเป็น 700 บาทต่อเดือน จะเพียงพอสำหรับประชาชนหรือไม่?

โดยแม่ค้าขายหมูปิ้งตลาดประชานิเวศน์ 3 นนทบุรี ที่มีบัตรประชารัฐอยู่ กล่าวว่า ในเดือนนี้มีการเพิ่มเงินในบัตรให้ 200 บาท จากเดิมที่ได้ 200 บาท ก็ได้เพิ่มเป็น 400 บาท ตนเองมองว่าการเพิ่มเงินในเดือนนี้เป็นสิ่งที่ดี เพราะทุกวันนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี แล้วค่าครองชีพก็ขึ้นสูงมาก ของแพงทุกอย่างการใช้จ่ายก็เลยไม่พอ แล้วที่ได้เงินเพิ่มมาเป็น 400 บาท ตนเองคิดว่าก็ยังไม่พออยู่ดี หากพรรคพลังประชารัฐให้เพิ่มเป็น 700 บาท ก็คงจะดีขึ้นกว่านี้

'อนุทิน' ตอบคำถามโควิด บนเวที World Economic Forum ชี้!! ไทยไม่เลือกปฏิบัติรับ นทท. หลังมีแผนพร้อมรับมือโควิดรัดกุม

'อนุทิน' ขึ้นเวที World Economic Forum โชว์วิสัยทัศน์ ยกบทบาทอาเซียนพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของประชาคมโลก เผย ศักยภาพไทยบริหารโควิด19 หนุนประเทศเปิดรับนักท่องเที่ยวทุกชาติแบบไม่เลือกปฏิบัติ

(18 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้นำคณะเข้าร่วมการประชุมในหัวข้อที่หลากหลายภายในการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF) และได้รับเชิญให้ขึ้นเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ความสำเร็จทางนโยบายของประเทศไทย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยนายอนุทิน ได้รับเชิญให้ร่วมเวทีแสดงมุมมองรัฐบาลไทยในการประชุมหัวข้อ 'The Pulling Power of ASEAN' โดยมีผู้ร่วมเวทีจากทั้งภาครัฐและเอกชนภายในและนอกอาเซียน ได้แก่ นาง Merit Janow ประธานกรรมการอิสระ มาสเตอร์การ์ด, นาย Luhut B. Pandjaitan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประสานงานกิจการทางทะเลและการลงทุน อินโดนีเซีย และ นาง Teresita Sy-Coson รองประธานกรรมการ  SM Investment Corporation, ฟิลิปปินส์

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินได้กล่าวท่ามกลางความสนใจของที่ประชุมต่อภูมิภาคอาเซียนว่า ทุกประเทศในภูมิภาคนี้มีจุดแข็งของตัวเองและมีจุดร่วมสำคัญความสามารถในการปรับตัว อาเซียนเคยเป็นและจะยังคงเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของมหาอำนาจ ทั้งไทยและประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนมีที่ตั้งอยู่ในเส้นทางยุทธศาสตร์ของจีน และนโยบายอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ แม้จะมีความตึงเครียดในภูมิภาคแต่ความสามารถในการปรับตัว และนโยบายที่ไม่แทรกแซงระหว่างกัน จะส่งผลดีต่อเสถียรภาพและประโยชน์ทางเศรษฐกิจของอาเซียน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรียังได้ชี้ให้ที่ประชุมเห็นถึงความร่วมมือที่แนบแน่นของอาเซียนในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด19 จนเป็นภูมิภาคที่ฟื้นตัวจากโควิด19 ได้เร็ว และได้มีการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านสาธารณสุขฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ (ACHPEED) ขึ้นที่ประเทศไทย ด้วยตระหนักว่าหากในภูมิภาครับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพได้ดีเท่าไร เศรษฐกิจก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้นเท่านั้น เพราะไทยและอีกหลายประเทศในอาเซียนคือ ฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก และขณะนี้อาเซียนกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้ BCG Model ตามที่ได้กล่าวไว้ที่ประชุม APEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนพ.ย. 65 ที่ผ่านมานั่นคือ ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งเสริมให้อาเซียนคงเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับประชาคมโลก

‘อนุทิน’ หนุน 3 ประเด็นด้านสุขภาพ ‘ไทย-อินเดีย’ กระชับความร่วมมือการวิจัย ยา และเวชภัณฑ์

‘ไทย-อินเดีย’ กระชับความร่วมมือการวิจัย ยาและเวชภัณฑ์ รองนายกฯ อนุทิน หนุน 3 ประเด็นด้านสุขภาพเพิ่มจุดแข็ง 2 ประเทศ ชื่นชมอินเดียเป็นประธาน G20 ชูโลกหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยกการพัฒนา

(18 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 66 ระหว่างเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้พบหารือกับ นายมานซุกร์ ลัคมาน มันดาวิยา (Mansukh Laxman Mandaviya) รมว.สวัสดิการสาธารณสุขและครอบครัว (Minister for Health and Family Welfare) และ รมว.เคมีภัณฑ์และปุ๋ย (Minister for Chemicals and Fertilizers) อินเดีย

นายอนุทิน และ นายมานซุกร์ ได้หารือถึงแนวทางที่ไทยและอินเดียจะกระชับความร่วมมือกันเพิ่มขึ้น ในประเด็นสาธารณสุข การวิจัย ยา และเวชภัณฑ์ จากปัจจุบันที่ 2 ประเทศมีความร่วมมือผ่านกรอบพหุภาคีและทวิภาคีต่าง ๆ ซึ่งเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุข ปัจจุบันไทยและอินเดียมีความร่วมมือผ่านบันทึกความร่วมมือ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ MOU ระหว่างกรมการแพทย์และ Indian Council of Medical Research เพื่อร่วมกันการวิจัยทางสุขภาพและทางการแพทย์ และ MOU ระหว่างกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกับสถาบันอายุรเวทแห่งชาติ เมืองชัยปุระ ในการร่วมมือทางวิชาการสาขาการแพทย์อายุรเวทและการแพทย์แผนไทย

ตำรวจไซเบอร์ เรียนชี้แจงกรณีผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพโอนเงินออกจากบัญชีตามที่ปรากฎเป็นข่าว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอเรียนชี้แจงกรณี ตามที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้เสียหายหลายรายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บช.สอท. แจ้งว่าถูกมิจฉาชีพแฮ็กบัญชีธนาคารในโทรศัพท์มือถือแล้วโอนเงินออกไปจนหมดบัญชี โดยผู้เสียหายคาดว่าเกิดจากการใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ดังต่อไปนี้

กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) ได้ซักถามผู้เสียหาย และทำการตรวจสอบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหายพบว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากการที่ผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพสร้างกลอุบายหลอกลวงให้กดลิงก์ ดาวน์โหลด หรือติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอปพลิเคชันที่มีไว้สำหรับการหาคู่, แอปพลิเคชันดูไลฟ์สด ดูภาพลามกอนาจาร และแอปพลิเคชันพูดคุยยอดนิยม เช่น Viber, Sweet meet, Bumble, Snapchat, Kakao Talk และ Flower Dating เป็นต้น โดยเมื่อติดตั้งแอปพลิเคชันดังกล่าวจะขอสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (permission) หลายรายการ ทำให้มิจฉาชีพสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ามา และควบคุมหน้าจอโทรศัพท์ของเหยื่อเมื่อใดก็ได้ โดยจะทิ้งระยะเวลาให้เหยื่อตายใจ ระหว่างนี้มิจฉาชีพจะสังเกตพฤติกรรมของเหยื่อ เช่น ใช้ธนาคารใด มีเงินในบัญชีเท่าไหร่ และจดจำรหัสผ่านจากที่เหยื่อกดเข้าระบบของแอปพลิเคชันธนาคาร กระทั่งเวลาผ่านไปจนเหยื่อเผลอ เมื่อได้โอกาสมิจฉาชีพจะเชื่อมต่อแล้วโอนเงินออกจากบัญชีไป นอกจากนี้แล้วยังพบการเข้าถึงเว็บไซต์อันตรายหลายรายการอีกด้วย ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องการใช้สายชาร์จโทรศัพท์ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

สมาคม - ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและบริการ ขอบคุณรัฐบาล เร่งแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานตรงจุด

วันที่ 18 มกราคม 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและบริการประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวและบริการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วนั้น ซึ่งในเรื่องนี้ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสำคัญและสั่งการให้กระทรวงแรงงานเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและฟื้นฟูประเทศรองรับนักท่องเที่ยวภายหลังโควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงาน ผมได้ให้หน่วยงานในสังกัดทุกจังหวัดลงพื้นที่สอบถามความต้องการแรงงานจากผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวและบริการ ขณะเดียวกัน ผมได้มอบหมายให้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน หารือร่วมกับสมาคม ชมรม ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวและบริการจากหลายแห่ง เพื่อหารือรับทราบความต้องการแรงงานรวมทั้งบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคการท่องเที่ยวบริการร่วมกัน

นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากการที่กระทรวงแรงงานได้ให้สำนักงานแรงงานทุกจังหวัดลงพื้นที่สอบถามความต้องการแรงงานจากผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวและบริการ ขณะนี้มีรายงานจากสำนักงานแรงงานจังหวัด 60 จังหวัด ผลปรากฏว่า มีสถานประกอบกิจการประเภทโรงแรม ที่พัก ภัตตาคาร ร้านค้า จำนวน 32,359 แห่ง ลูกจ้าง 297,824 คน สถานประกอบกิจการที่มีความต้องการแรงงาน จำนวน 1,817 แห่ง ลูกจ้าง 9,763 คน สถานประกอบกิจการต้องการแรงงานคิดเป็นร้อยละ 5.61 และมีความต้องการแรงงานร้อยละ 3.28 ส่วนจังหวัดที่มีความต้องการแรงงานในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1) ภูเก็ต จำนวน 3,648 คน 2) เชียงใหม่ จำนวน 858 คน 3) ชลบุรี จำนวน 594 คน 4) พังงา จำนวน 410 คน และ 5) สุราษฎร์ธานี จำนวน 349 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 5,859 คน ส่วนตำแหน่งงานที่สถานประกอบกิจการในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการต้องการมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) พนักงานต้อนรับ (รีเซฟชัน ยกกระเป๋า ฯลฯ) 2) พนักงานเสิร์ฟ 3) พนักงานทำความสะอาด แม่บ้าน 4) เชฟ ผู้ช่วยเชฟ พ่อครัว แม่ครัว ผู้ช่วยงานในครัว และ 5) พนักงานเก็บเงิน พนักงานบัญชี 

นายบุญชอบ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงแรงงานนั้น ในส่วนของกรมการจัดหางาน ในระยะเร่งด่วนจะสนับสนุนให้นักเรียน นักศึกษา ได้ทำงานแบบพาร์ทไทม์ เพื่อให้มีทักษะ มีรายได้ระหว่างเรียน โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอม พร้อมกับช่วยให้สถานประกอบการมีแรงงานเพียงพอสามารถขับเคลื่อนกิจการต่อไปได้  และเมื่อได้ข้อมูลความต้องการที่แท้จริงจากผู้ประกอบการแล้วจะจัดการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเป็นระบบจากจังหวัดที่มีกำลังแรงงานไปสู่จังหวัดที่ขาดแคลน เร่งประสานสถานศึกษาเอกชนปรับเวลาส่งนักเรียน นักศึกษา สาขาการท่องเที่ยวและโรงแรมเข้าฝึกอบรมในระบบทวิภาคี ในโรงแรมที่มีความต้องการแรงงานในช่วงไฮซีซัน ซึ่งปกติจะฝึกในช่วงโลซีซัน และเจรจาเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการแก่นักเรียน นักศึกษา ที่เหมาะสม

'หมออรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ' บิดา 'อภิสิทธิ์' ถึงแก่อนิจกรรม ด้วยโรคมะเร็งในวัย 87 ปี

(18 ม.ค. 66) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข บิดาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เมื่อเวลา 11.00 น.เศษ(18 ม.ค.) หลังรักษาตัวในโรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นเวลา 2 ปี โดยจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พรุ่งนี้(19 ม.ค.) เวลา 17.00 น. ที่วัดเทพศิรินทรทราวาสราชวรวิหาร

สำหรับศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นพ.อรรถสิทธิ์ เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกราชบัณฑิตยสถาน และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาทและระบบสมองของไทย เกิดวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2478 เป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวน 10 คนของนายโฆสิต (น้องชายของพระบำราศนราดูร (หลง เวชชาชีวะ) อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข) และนางสุเพี้ยน เวชชาชีวะ มีพี่ชายคือนายนิสสัย เวชชาชีวะ อดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ บิดานายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เป็นพี่ชายของนายวิทยา เวชชาชีวะ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา

'ดร.อเนก' ยัน ไม่เกี่ยวอดีตอาจารย์ ม.ดัง ซื้อขายผลงานวิจัย พร้อมสั่ง!! ปลัดกระทรวง อว.เอาผิดพวกทุจริตทางวิชาการ

'เอนก' ยันไม่เกี่ยวข้องอดีต อจ. มหาลัยเอกชนดังเอี่ยวปมซื้อขายผลงานวิจัย ย้ำชัดไม่เคยเป็นทีมงาน สั่งปลัดกระทรวง อว.เอาผิดพวกทุจริตทางวิชาการ ขณะที่ กกอ. จี้ทุกมหาลัยเร่งตรวจสอบอาจารย์ในสังกัด ขีดเส้นรายงานผล 15 ก.พ.นี้ 

(18 ม.ค. 66) ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามี 'อดีตทีมงาน รมต.เอนก' เข้าไปเกี่ยวข้องกับการซื้อขายงานวิจัยและบทความวิชาการ ตนขอชี้แจงว่าบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างนั้นไม่เคยเป็นทีมงานของตนแต่อย่างใด เป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ในสมัยที่ตนเป็นอธิการบดีวิทยาลัยรัฐกิจ ซึ่งเวลานั้นตนและผู้บริหารก็สงสัยในพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าวที่ส่อถึงความไม่ตรงไปตรงมาทางวิชาการ และได้เฝ้าระวังมาตลอด และ ม.รังสิต ขณะนั้นก็ได้ดำเนินการสอบสวนบุคคลดังกล่าวด้วย

“ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาตนให้ความสำคัญกับการจัดการการผิดจริยธรรมและเอาเรื่องพวกทุจริตทางวิชาการนี้มาตั้งแต่เป็นผู้บริหารที่ ม.รังสิต และเมื่อเป็น รมว.อว. ก็จัดการกับเรื่องนี้อย่างชัดเจน ต่อเนื่อง และในครั้งนี้ก็เช่นกันที่ได้มอบหมายให้ ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. และคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ดำเนินการจัดการตรวจสอบ ติดตามและลงโทษผู้กระทำผิดอย่างรวดเร็ว รวมถึงหาแนวทางป้องกันในอนาคต” ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าว

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 17 ม.ค. กกอ. ได้มีการจัดประชุมที่สำนักงานปลัดกระทรวง อว. (สป.อว.) เพื่อพิจารณามาตรการต่าง ๆ ในประเด็นที่เป็นข่าวเรื่องซื้อผลงานวิจัย โดยหลังการประชุม ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวง อว. ในฐานะเลขานุการ กกอ. เปิดเผยว่า กกอ. มีมติสำคัญ 4 เรื่องด้วยกัน คือ...

1. ให้ สปอว. แจ้งให้ มหาวิทยาลัยทุกแห่ง ทำการตรวจสอบบุคลากรในสังกัด หากพบว่ามีข้อสังเกตที่จะนำไปสู่ความผิดจริยธรรมดังกล่าว ให้ทำการตรวจสอบอย่างยุติธรรมและรวดเร็ว และขอให้รายงานการดำเนินการแก่ สป.อว. ในครั้งแรก ภายในวันที่ 15 ก.พ. นี้

พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 จัดพิธีบวงสรวงและพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันกองทัพไทย

วันที่ 18 มกราคม 2566 เวลา 08.09 นาฬิกา ที่ พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระรูปพระสุพรรณกัลยา ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก  พลโท สุริยะ เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่ 3  พร้อมด้วย คุณกันต์ฤทัย เอี่ยมสุโร ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบกสาขากองทัพภาคที่ 3 และคณะผู้บังคับบัญชา และกำลังพลกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ร่วมพิธีบวงสรวงและพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ และจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย 

พร้อมทั้งกล่าวคำสดุดีพระเกียรติคุณฯ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงต่อสู้เพื่อกอบกู้เอกราชให้ชาติไทย และทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชา ในวันที่ 18 มกราคม 2135 ซึ่งตรงกับวันกองทัพไทย

‘ธปท.’ แจง!! ปมสายชาร์จปลอมดูดเงิน แท้จริง ถูกหลอกติดตั้งแอปฯ ควบคุมมือถือ

(18 ม.ค. 66) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ได้ตรวจสอบกรณีผู้เสียหายร้องเรียนจากเหตุการใช้งานสายชาร์จปลอมแล้วถูกดูดข้อมูลและโอนเงินออกจากบัญชี ตามที่ปรากฎข่าวพบว่า ไม่ได้เกิดจากการใช้งานสายชาร์จปลอม แต่เกิดจากผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมที่แฝงมัลแวร์ ทำให้มิจฉาชีพล่วงรู้ข้อมูลการทำธุรกรรมของลูกค้า และควบคุมเครื่องโทรศัพท์เพื่อสวมรอยทำธุรกรรมแทนจากระยะไกล เพื่อโอนเงินออกจากบัญชี โดยอาจเลือกทำธุรกรรมในช่วงเวลาที่ผู้เสียหายไม่ได้ใช้งานโทรศัพท์

ปัจจุบัน มิจฉาชีพมีวิธีหลอกลวงหลายรูปแบบ อาทิ SMS หลอกลวง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแอปพลิเคชันให้สินเชื่อปลอม เป็นต้น และมีการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดใช้การหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมที่แฝงมัลแวร์ ซึ่ง ธปท. ได้ดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยการออกมาตรการต่าง ๆ ให้สถาบันการเงินต้องปฏิบัติ และร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน กสทช. สำนักงาน ปปง. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้...

1. การปรับปรุงพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยบน Mobile Banking อย่างต่อเนื่อง

2. ปิดกั้นเว็บไซต์หลอกลวง และตัดการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มิจฉาชีพใช้ควบคุมเครื่องผู้เสียหายจากระยะไกล

ผบ.บก.ควบคุมสุริโยทัย ลาดตระเวนเฝ้าตรวจตะเข็บแนวชายแดน ช่องทางธรรมชาติ ไทย- มาเลเซีย สั่งคุมเข้มในทุกมิติ ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ

วันที่ 18 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ด่านศุลกากรตากใบ ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย ร่วมลาดตระเวนทางน้ำ พร้อมกำชับเพิ่มมาตรการ เข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัย ตามลำน้ำตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ตรวจสอบช่องทางข้ามธรรมชาติของแม่น้ำสุไหงโก-ลก ที่กั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทย ด้านจังหวัดนราธิวาส กับรัฐกลันตันประเทศมาเลเซีย สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ เพิ่มมาตรการคุมเข้มตลอดแนวชายแดน สกัดกั้นพื้นที่รับผิดชอบ อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน โดยให้หน่วยได้บูรณาการ การปฏิบัติงานในทุกมิติ ลาดตระเวนเฝ้าตรวจตะเข็บแนวชายแดน ช่องทางธรรมชาติ ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ ร่วมกันกับทุกภาคส่วนในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด การเสริมกำลังตามแนวชายแดน โดยเฉพาะช่องทางที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน การจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด และการจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย

บลูเทค ซิตี้ สนับสนุนโครงการ Food For Life ตรวจสุขภาพประจำปี ในพื้นที่ ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

📍วันนี้(6 ม.ค.66) ทีมงาน csr นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทคซิตี้ ลงพื้นที่ รพ.สต.ตำบลเขาดิน สนับสนุน  ข้าวกล่อง พร้อมน้ำดื่ม ให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาใช้บริการตรวจสุขภาพประจำปี ภายใต้โครงการ Food For Life 

ไทยลงนาม MOU กับซาอุฯ เตรียมเปิดศักราชยุคใหม่แก่ผู้แสวงบุญระหว่างพิธีฮัจญ์และอุมเราะห์ ฮ.ศ. 1444 (พ.ศ.2566)

ที่งานฮัจญ์ เอ็กซ์โป 2023 เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอารเบีย นายอับดุลฟัตตาห์ มาชาด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการฮัจญ์และอุมเราะฮ์ ได้ให้การต้อนรับ พล.ต.ท. ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทยและคณะผู้แทนจากประเทศไทย ที่เดินทางมาเพื่อทำการเซ็นสัญญาข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดระเบียบในช่วงพิธีฮัจญ์ประจำปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 1444 (ตรงกับปี พศ. 2566) 

นอกจากนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการฮัจญ์และอุมเราะฮ์ ยังได้ลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดระเบียบในช่วงพิธีฮัจญ์กับคณะผู้แทนจากประเทศต่างๆ ที่เดินทางมาในครั้งนี้ ซึ่งข้อตกลงเหล่านี้อยู่ในมาตรการพัฒนาที่เสนอโดยราชอาณาจักรซาอุดิอารเบียเพื่อแก้ไขปรับปรุงให้แก่ผู้ที่มาแสวงบุญระหว่างพิธีฮัจญ์ และอุมเราะห์ รวมไปถึงการจัดสรรโคต้าผู้ที่จะเดินทางมาร่วมแสวงบุญ การเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ และท่าเรือต่างๆ และรวมถึงวิธีการมาถึงและออกเดินทาง ตลอดจนคำแนะนำขององค์กรที่เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายของผู้แสวงบุญ ตั้งแต่ช่วงเวลาของการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางจนกระทั่งออกจากราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

นายอับดุลฟัตตาห์ มาชาด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการฮัจญ์และอุมเราะฮ์ เปิดเผยว่า สำหรับงานเอ็กซ์โป 2023 เป็นงานที่พบปะกันที่ใหญ่ที่สุด และงานที่เกี่ยวข้องกับฮัจญ์และอุมเราะห์ เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันมากกว่า 57 ประเทศ มีวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 70 คน โดยมีบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านฮัจญ์และอุมเราะห์ เข้าร่วมงานกว่า 200 บริษัท และ มีผู้เข้าร่วมงานนิทรรศการครั้งนี้มากกว่า 60,000 คน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top