เมื่อวานนี้ (11 ก.พ. 66) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่อง ‘กัมพูชาภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารองค์พระมหากษัตริย์ไทย’ มีเนื้อหาระบุว่า
กัมพูชาหรือ Cambodia หรือ เคลมโบเดีย ในช่วงนี้อาจจะเคลมตั้งแต่มวยไทย โขนไทย ไปจนถึงห่อหมกของไทย อาจจะถูกเคลมว่าเป็นของกัมพูชา แต่คนไทยจำนวนมากอาจจะไม่เคยทราบว่ากัมพูชาเคยเป็นประเทศราชของไทย อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารขององค์พระมหากษัตริย์ไทยมายาวนาน และกษัตริย์ของคนกัมพูชาเองก็เคยพลัดบ้านพลัดเมือง พลัดถิ่นฐานบ้านเกิดเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย เหมือนที่ประชาชนชาวกัมพูชานับล้านนับแสนคนเคยหนีร้อนมาพึ่งเย็นใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารเมื่อคราวเขมรแตกเช่นเดียวกัน
นักองค์เอง หรือ สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดีศรีสุริโยพรรณ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 105 แห่งกัมพูชา แต่ทรงเป็นพระราชโอรสบุญธรรมในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ของไทย เมื่อคราวเกิดความวุ่นวายในกัมพูชา นักองค์เองพระชนมายุได้เพียง 10 พรรษา ก็ต้องหนีราชภัยเข้ามาอาศัยในกรุงเทพมหานคร รัชกาลที่ 1 ทรงสร้างวังเจ้าเขมรพระราชทานให้อยู่อาศัย พระราชทานให้ทรงพระผนวช หลังจากรัชกาลที่ 1 ทรงสังคายนาเหตุการณ์ความวุ่นวายในกัมพูชาได้สำเร็จ ทรงให้นักองค์เองกลับไปครองราชย์สมบัติที่กัมพูชา แต่นักองค์เองครองราชย์ได้ไม่นานก็ประชวรสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2339 รวมพระชนมายุเพียง 23 พรรษาเท่านั้น
ต่อมานักองค์จันทร์พระราชโอรสของนักองค์เองได้ทรงครองราชย์ต่อจากนักองค์เอง แม้นักองค์จันทร์จะได้รับการสนับสนุนจากสยาม แต่ทรงฝักใฝ่และถูกแรงบีบคั้นจากเวียดนามอีกด้วย ทำให้กัมพูชาอยู่ภายใต้การปกครองของเวียดนาม
โอรสอีกองค์หนึ่งของนักองค์เองคือนักองค์ด้วงได้หนีเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ของไทย นักองค์ด้วงเติบโตมาในวังเจ้าเขมรของนักองค์เองที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสร้างพระราชทานไว้
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ไปตีเขมรและปราบปรามความวุ่นวายในกัมพูชาจนราบคาบสงบลง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นักองค์ด้วงไปทรงครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์กัมพูชาหลังจากเสด็จมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในกรุงเทพกว่า 27 ปี ได้รับการสถาปนาโปรดเกล้าให้ทรงครองราชย์ที่สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี พระมหากษัตริย์องค์ที่ 108 ของกัมพูชา
นักองค์ด้วงนั้นทรงเป็นพระราชบิดาของทวดของสมเด็จพระนโรดมสีหนุ หรือ เจ้าสีหนุ กษัตริย์องค์ที่ 112 ของกัมพูชา และสมเด็จพระนโรดมสีหนุทรงเป็นพระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบันของกัมพูชา
ทั้งนี้กัมพูชาเป็นประเทศราชของไทยอยู่เกือบร้อยกว่าปีในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนไทยจะเสียดินแดนกัมพูชาให้กับฝรั่งเศส ดังนั้นกัมพูชาจึงได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมไทยไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักองค์ด้วงซึ่งทรงเติบโตในกรุงเทพกว่า 27 ปี เมื่อทรงกลับไปครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์กัมพูชาแล้วก็ทรงนำศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของราชสำนักไทยกลับไปยังกัมพูชาด้วย ยกตัวอย่างเช่น โขน ละคร และนาฏยศิลป์ของกัมพูชานั้นได้ครูโขนและครูนาฏศิลป์ไทยไปสอนและถ่ายทอดท่ารำ และแม้กระทั่งบทร้องบทละครก็ได้รับอิทธิพลไปจากไทยทั้งสิ้นดังที่ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียนเล่าไว้ในหนังสือโครงกระดูกในตู้ และคุณชายคึกฤทธิ์ ได้เขียนกลอนบริภาษเขมรเอาไว้ว่า