Saturday, 17 May 2025
NEWS

แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีรับเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิพระราชทาน ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดพิจิตร

วันพุธที่ 14 มิถุนายน 2566 พลโท สุริยะ เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีรับเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิพระราชทาน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกรในพื้นที่ร่วมพิธี ณ คลังน้ำมันพิจิตร ต.บ้านนา อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับ บริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด ขอพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ จาก ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่คลังน้ำมันพิจิตร จำนวน 10 ครัวเรือน พื้นที่ประมาณ 193 ไร่ จัดทำแปลงนาข้าวเมล็ดพันธุ์พระราชทาน รอบปี 2566 (ระยะเวลาดำเนินโครงการห้วงเดือน ส.ค. – พ.ย. 66)

และถ่ายทอดองค์ความรู้ในการปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ โดยใช้พื้นที่แปลงนาข้าว  ส่วนหนึ่งจะนำไปแปรรูปเป็นข้าวสารปลอดสารเคมีและบางส่วนจะนำไปเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกเพื่อขยายโครงการต่อไป อันจะเป็นการเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกร ให้มีสุขอนามัยที่ดี ปลอดภัยจากการไม่ใช้สารเคมี และลดการเผาทำลายวัชพืช
ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าว

ก.แรงงาน ติวเข้มเจ้าหน้าที่คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ มุ่งไทยสู่เทียร์ 1

วันที่ 14 มิถุนายน 2566 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงานและโฆษกกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ร่วมกับทีม สหวิชาชีพ รุ่นที่ 3 และบรรยายหัวข้อ “นโยบายการป้องกันและแก้ไขการบังคับใช้แรงงานหรือการบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน”

เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับนโยบายการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการตามหลักกฎหมายและหลักสากล มาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) แผนปฏิบัติการว่าด้วยการส่งต่อระดับชาติฯ (NRM) และมีทักษะการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ

โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรม ได้แก่ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานจังหวัด สำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด 19 จังหวัด และหน่วยงานสหวิชาชีพ โอกาสนี้มีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดด้วย ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
          
นายวรรณรัตน์ฯ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานสำคัญและเป็นหน่วยงานหลักในการต่อต้านการค้ามนุษย์ภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี ด้านความมั่นคง โดยรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักในการป้องกันการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ในการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองดูแลและป้องกันไม่ให้แรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนำมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ในการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการบังคับใช้แรงงาน และการนำแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ (NRM)

นำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบังคับใช้แรงงานหรือบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ซึ่งเป็นการยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานขั้นต่ำในกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ค.ศ. 2000 (TVPA) ของประเทศสหรัฐอเมริกา
            
นายวรรณรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน พร้อมที่จะร่วมผนึกกำลังกับทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อนการต่อต้านการค้ามนุษย์ ขจัดการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ในประเทศไทย และเพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำของสหรัฐฯ และได้รับการจัดอันดับในรายงานการค้ามนุษย์ให้อยู่ในระดับ Tier 1 ต่อไป

‘แอร์ฯ สาว’ เผย 10 เรื่องจริง ชีวิตบนเครื่องบินของ ‘แอร์โฮสเตส’ ที่หลายคนมักเข้าใจผิด และบางเรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!!

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 66 ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘imearths’ ซึ่งผู้ใช้ติ๊กต็อกท่านนี้ มีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินหนึ่ง แต่ทำคลิปบอกเล่าประสบการณ์ พร้อมแชร์เรื่องจริง 10 เรื่อง เกี่ยวกับแอร์โฮสเตส ที่หลายๆ คนมักจะเข้าใจผิด โดยระบุว่า… 

1.) หลายๆ คนมักเข้าใจผิด ว่าแอร์โฮสเตสมีหน้าที่เพียงแค่คอยเสิร์ฟอาหารให้ผู้โดยสารบนเครื่อง แต่จริงๆ แล้ว แอร์โฮสเตสมีหน้าที่หลักๆ คือ ‘safety’ หรือ การดูแลความปลอดภัย บนเครื่องบิน เช่น หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แอร์โฮสเตสมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลความปลอดภัย และความเรียบร้อยบนเครื่องบินก่อนเป็นอันดับแรก

2.) เล็บ / ผม ต้องถูกระเบียบ สีผมต้องเป็นสีที่ถูกระเบียบ ตามกฎของแต่ละหลายการบิน ซึ่งแต่ละสายการบิน จะมีกฎระเบียบที่แตกต่างกันออกไป ส่วนสีเล็บ สามารถทาเล็บหรือทำเล็บเจลสีอ่อนๆ ได้ (แล้วแต่กฎระเบียบของแต่ละหลายการบิน)

3.) จะมีการเข้าห้องบรีฟตอบคำถาม เพื่อทดสอบความรู้ และทบทวนความจำในเรื่องของ safety ก่อนขึ้นบินทุกครั้ง ซึ่งหากตอบคำถามไม่ได้ ก็อาจถูก Off Road หรือ ‘ถูกถอดตารางบิน’ ได้ (แล้วแต่นโยบายของแต่ละสายการบิน)

4.) การบิน 4 แลนด์ VS 2 แลนด์ คืออะไร? คือ การขึ้น-ลงตามไฟล์บิน ยกตัวอย่างเช่น
การบิน 4 แลนด์ คือ บินระหว่างกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ (1), เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ (2), กรุงเทพฯ - ภูเก็ต (3) และภูเก็ต - กรุงเทพฯ (4) หรือก็คือการบินขึ้น-ลง 4 รอบนั่นเอง 
การบิน 2 แลนด์ คือ บินระหว่างกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ (1), เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ (2) หรือก็คือการบินขึ้น-ลง 2 รอบนั่นเอง

5.) การขึ้นบินในแต่ละครั้งค่อนข้างใช้เวลานาน บางไฟล์บิน อาจใช้เวลาร่วม 10 ชั่วโมง ดังนั้น การต้องห่างหายจากโลกโซเชียลไปมากกว่า 10 ชั่วโมงจึงถือเป็นเรื่องปกติของแอร์โฮสเตส

6.) นอนไม่เป็นเวลา เนื่องจากแต่ละไฟล์บินจะมีตารางขึ้นบินที่แตกต่างกันออกไป

7.) กินข้าวไม่เป็นเวลา เนื่องจากตารางการขึ้นบินแต่ละไฟล์มีเวลาที่แตกต่างกัน ภาระหน้าที่ที่แอร์โตสเตสก็มีมากน้อยแตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน

8.) วันที่วุ่นวายที่สุด คือ วันที่ตารางการขึ้นบินออก เพราะจะเกิดการขอปรับเปลี่ยนตารางขึ้นบิน หรือขอแลกไฟล์บินกับเพื่อนๆ แอร์โอสเตสคนอื่นๆ

9.) แอร์โตสเตสสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้ในราคาพิเศษ (ถูกกว่าปกติประมาณ 50%) ซึ่งเป็นสวัสดิการของแต่ละสายการบิน

10.) อาการปวดหลัง นับเป็นโรคยอดฮิตของแอร์โฮสเตส ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากการที่แอร์โตสเตสต้องใส่ส้นสูงยืน เดิน นั่ง เพื่อให้บริการผู้โดยสารเป็นระยะเวลานาน
 

‘ใจสิงห์ ศิษย์นายกพันศักดิ์’ สอนท่ามวย ให้ทหารใหม่ ที่ จ.พิษณุโลก

เฟซบุ๊ก มวยสด.com ได้โพสต์ข้อความที่ ส.อ. สิทธิศักดิ์ จิตอิน หรือ ใจสิงห์  ศิษย์นายกพันศักดิ์ นักมวย ONE ลุมพินี ไปถ่ายทอดศิลปะแม่ไม้มวยไทย ให้กับนายทหารใหม่ โดยมีใจความว่า ...

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 66 เวลา 1630 หน่วยฝึกทหารใหม่ ส.พัน. 4 พล.ร. 4 ทำการฝึกทักษะแม่ไม้มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ให้กับ น้องทหารใหม่ ผลัดที่ 1/66 โดยมี ส.อ. สิทธิศักดิ์ จิตอิน หรือ ใจสิงห์ ศิษย์นายกพันศักดิ์ นักมวย ONE ลุมพินี เพื่อให้ทหารใหม่มีความรู้ความเข้าใจทักษะแม่ไม้มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ ส.พัน.4 พล.ร.4 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จังหวัดพิษณุโลก  

สำหรับ ใจสิงห์  ศิษย์นายกพันศักดิ์ นักมวย ONE ลุมพินี การชกล่าสุดบนเวที ONE ลุมพินี เอาชนะน็อกเอาต์ จาง จินฮู นักชกจากประเทศจีน  ไปเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.66

โบว์ ณัฏฐา’ ชี้ มีความพยายาม เบนความสนใจ กรณีหุ้นไอทีวี ทั้งที่ ความจริงมีแค่ ไอทีวีเป็นสื่อ - พิธาถือหุ้น

วันนี้ (14 มิ.ย. 66) นางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักกิจกรรมอิสระ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ที่ชื่อ ‘โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา - Nuttaa Mahattana’ เกี่ยวกับเรื่องที่ ไอทีวี ยังคงดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของบริษัท มีการส่งงบการเงินและเสียภาษีอยู่ โดยระบุว่า…

สิ่งที่ระบุในรายงานผู้ถือหุ้นไอทีวี เป็นความจริงเกี่ยวกับธุรกิจ คือบริษัทยังดำเนินการตามวัตถุประสงค์บริษัท ส่งงบการเงินและเสียภาษีอยู่ 

ซึ่งวัตถุประสงค์บริษัทมี 45 ข้อ ไอทีวีอาจไม่ได้ดำเนินการตามข้อ 40 ที่ว่าด้วยการประกอบการวิทยุโทรทัศน์ แต่ยังดำเนินการตามข้อ 41 ที่ว่าด้วยการผลิตสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ ตามที่ระบุในงบการเงินตั้งแต่ปี 65 

เรื่องทั้งหมดเป็นกิจการของบริษัทที่เกิดขึ้นตามปกตินานก่อนจะมีเรื่องการร้องเรียนคุณสมบัติคุณพิธาปมถือหุ้นสื่อ ก่อนคุณพิธาจะได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดทนายกฯของพรรคก้าวไกล ก่อนจะมีการเลือกตั้งและรู้ผลกัน

การพยายามสร้างทฤษฎีสมคบคิดต่างๆนานา คือความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากข้อเท็จจริงที่เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาในคดีที่เกี่ยวกับคุณสมบัติ ส.ส. และแคนดิเดทนายกฯตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีแค่ …

- ไอทีวี เป็นสื่อฯหรือไม่?
- คุณพิธาถือหุ้นไอทีวีขณะสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่?
เท่านี้เอง.

แยกลำสาลี’ พลิกโฉมใหม่ รถไฟฟ้า 2 สายมาบรรจบกัน อนาคตเตรียมสร้าง ‘สกายวอล์ค’ พร้อมสวนลอยฟ้า

เฟซบุ๊ก Bangkok Sightseeing ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ที่แยกลำสาลี โดยมีใจความว่า ...

ใครเลยจะคิดว่าแยกลำสาลี ที่หลายๆคนตั้งฉายาว่า "แยกลำสาหัส" จะพลิกโฉมไปได้ขนาดนี้ในวันที่มีรถไฟฟ้า 2 สายมาบรรจบกัน ด้านล่างลึกลงไปใต้ดิน คือรถไฟฟ้าสายสีส้ม ด้านบนคือรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และอนาคตกำลังมีการก่อสร้างทางเดินหรือสกายวอล์คสวยๆพร้อมสวนลอยฟ้าเชื่อมไปถึงแยกบางกะปิและหน้าเดอะมอลล์ บางกะปิ สายไฟสายสื่อสารก็กำลังจะถูกนำลงใต้ดิน สังเกตุจากตู้ไฟที่ตั้งเรียงรายริมทางเท้าและเกาะกลางถนน นี่มันคือสวรรค์ของคนย่านนี้ชัด ๆ.

“ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย” จับมือ “กระทรวงสาธารณสุข” ดำเนินโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน” ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการทั่วประเทศ

ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย มีภารกิจในการจัดเก็บและรวบรวมดวงตาจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว ด้วยเทคนิคมาตรฐานสากล เพื่อมอบให้กับจักษุแพทย์นำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม ทั้งนี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการให้ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตาได้อย่างรวดเร็ว “ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย”

นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ร่วมกับ “กระทรวงสาธารณสุข” นำโดยนายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข และประธานคณะกรรมการจัดหาและบริการดวงตาแห่งสภากาชาดไทย ได้จัดทำโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน” ให้ผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา ณ โรงพยาบาลใกล้บ้าน ให้เข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็ว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“กระจกตา” ที่ท่านบริจาค ช่วยผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการให้กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง

ปัจจุบันโรคกระจกตาพิการ เป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็น ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตในสังคมด้วยความยากลำบาก รวมถึงประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศจากทรัพยากรมนุษย์ที่เจ็บป่วยและขาดโอกาสในการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว วิธีการรักษาผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการส่วนใหญ่ คือ การผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา

โดยนำกระจกตาของผู้บริจาคดวงตาที่เสียชีวิตแล้วมาปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วย ดังนั้น กระจกตาบริจาคจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการ เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง

“สธ.” จับมือ “ศูนย์ดวงตา” จัดโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน” เพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการที่รวดเร็ว

เพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข โดยกองบริหารการสาธารณสุข คณะกรรมการการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาตา คณะกรรมการการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาการรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ ได้จัดทำโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน”

เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการให้ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา ณ โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการบริการที่รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดระยะเวลาการรอคอยดวงตาบริจาคลง เพื่อให้ผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการได้รับการปลูกถ่ายกระจกตาเร็วขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดย ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย และศูนย์ประสานงานการปลูกถ่ายกระจกตาประจำเขตสุขภาพ จะดำเนินการโทรศัพท์ติดตามสอบถามความสมัครใจของผู้ป่วยกระจกตาพิการที่ขึ้นทะเบียนรอรับดวงตาบริจาคไว้กับสภากาชาดไทย ให้กลับไปปลูกถ่ายกระจกตาในโรงพยาบาลตามภูมิลำเนาที่อยู่ใกล้บ้าน

ชวน “ผู้ขึ้นทะเบียนรอรับบริจาคดวงตาก่อนปี 62” อัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานตามโครงการ ยังพบอุปสรรคปัญหาสำคัญประการหนึ่ง คือ ข้อมูลของผู้ป่วยบางรายที่ขึ้นทะเบียนรอรับดวงตาบริจาคกับศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลเครือข่ายเคยมีอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถติดตามผู้ป่วยเข้าร่วมในโครงการได้ ส่งผลทำให้ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสในการเข้าร่วมโครงการ

ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรอรับดวงตาบริจาคก่อนปีพ.ศ.2562 และยังประสงค์จะรับการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาเข้าร่วมโครงการ กรุณาติดต่อศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย โทรศัพท์หมายเลข 0 2256 4039-40 ในวันและเวลาราชการ หรือแจ้งแพทย์ในโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยรับการรักษา

เพื่อแจ้งข้อมูลของตนเองให้เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการรักษาของผู้ป่วยและเพื่อความรวดเร็วในการให้บริการของโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยรับการรักษาต่อไป

ขอขอบพระคุณที่ท่านกรุณาเผยแพร่ข่าวนี้
กลุ่มงานสารนิเทศ สำนักสารนิเทศและสื่อสารองค์กร สภากาชาดไทย
ประสานงาน : นางสาวภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ 4
โทรศัพท์ 08 9555 0211 และ 0 2256 4035 หรือ 1664
 

‘ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม’

‘ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม’ อดีต รมช.สาธารณสุข
เสียชีวิตอย่างสงบ ในวัย 80 ปี

แวดวงสุขภาพเศร้า สูญเสีย ‘ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม’ ที่ปรึกษา สสส. และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

(14 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย) ได้เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา

โดยครอบครัวได้แจ้งกำหนดการบำเพ็ญกุศล และ สวดพระอภิธรรม อุทิศ ณ ศาลา สิทธิสยามการ (ศาลา 4) วัดธาตุทอง พระอารามหลวง ถ.สุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ในวันพฤหัสบดี 15 มิถุนายน 2566 ทั้งนี้ เวลา 13.00 น. พิธีรดน้ำศพ และ พิธีฌาปนกิจศพ (ดำเนินการภายในครอบครัว)

วันที่ 16-18 มิถุนายน 2566 เวลา 18.30 น. แสดงธรรมเทศนา และพิธีสวดพระอภิธรรม
วันจันทร์ 19 มิถุนายน 2566 เวลา 10.00 น. แสดงธรรมเทศนา เวลา 11.00 น.สวดพระพุทธมนต์ และ ถวายภัตตาหารเพล เวลา 18.30 น. สวดพระอภิธรรม ครั้งที่ 1 เวลา 19.30 น. สวดพระอภิธรรม ครั้งที่ 2

ทั้งนี้ พลอยแพรว ศรีแสงนาม ลูกสาวฝาแฝดของ ศ.นพ.อุดมศิลป์ ได้โพสต์แจ้งข่าวด้วยว่า…

“สวัสดีค่ะ ขออนุญาตแจ้งข่าว คุณพ่อ ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ได้จากไปอย่างสงบเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ทางครอบครัวได้จัดให้มีงานบำเพ็ญกุศล และสวดอภิธรรม เป็นเวลา 5 คืนด้วยกันค่ะ”
 

พิษณุโลก แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน ภาค 3 เปิดการฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา 904 “หลักสูตรพื้นฐาน” รุ่นที่ 3 ประจำปี พ.ศ. 2566

ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน ภาค 3 จัดการฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา 904 “หลักสูตรพื้นฐาน” รุ่นที่ 3 ประจำปี 2566 เดินหน้าสร้างแกนนำประชาชนจิตอาสา ร่วมกันทำประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ที่หอประชุมเดชะตุงคะ ศูนย์ฝึกจิตอาสา ภาค 3 กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ พลโท สุริยะ เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน ภาค 3 เป็นประธาน  พิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา 904 “หลักสูตรพื้นฐาน” (ภาค 3) รุ่นที่ 3 ประจำปี พ.ศ. 2566

มีผู้เข้ารับการฝึกอบรม“หลักสูตรพื้นฐาน” (ภาค 3) รุ่นที่ 3 ประจำปี พ.ศ. 2566 จำนวน 200 คน ในระหว่างวันที่ 12-28 มิถุนายน 2566  โดยมี  นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และจิตอาสาพระราชทาน เข้าร่วมพิธีดังกล่าว 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา 904 เพื่อผลิตจิตอาสา 904 ซึ่งมีหน้าที่เป็นแกนนำของประชาชนจิตอาสาในการสร้างจิตสำนึกให้กับคนในชาติร่วมกันทำประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวม รวมทั้งเป็นตัวอย่างในการปลูกฝังทัศนคติที่ดี และเป็นต้นแบบให้กับประชาชนในเรื่องความเสียสละ ความมีระเบียบวินัย มีจิตสาธารณะ สร้างสรรค์สังคมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 

โดยระหว่างการฝึก ผู้เข้ารับการอบรมได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านสถานที่ฝึก ที่พัก วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ และอาหารพระราชทาน จากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ซึ่งภายหลังสำเร็จการอบรม จะได้รับพระราชทานใบประกาศนียบัตร พร้อมเครื่องหมายหลักสูตรจิตอาสา 904 “หลักสูตรพื้นฐาน” อันเป็นเครื่องหมายแสดงความสามารถ พร้อมจะเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าเพื่อทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมและประเทศชาติในอนาคต ปรีชา นุตจรัส นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

ซีจีเอสร่วม มสส. จัดเสวนา 3 งานวิจัย 'พนัน' ชี้เด็กไทยแทงออนไลน์พุ่งกว่า 3 ล้านคน

ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ร่วมกับมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนาวิชาการ นำเสนอ 3 ผลงานวิจัย เรื่อง “เปิดพฤติกรรมเยาวชนไทย...รู้เท่าทันภัยพนัน ?” เมื่อวันอังคารที่ 13 มิถุนายน 2566  ณ โรงแรมแมนดาริน  สามย่าน กรุงเทพ โดยมี นายวิเชษฐ์  พิชัยรัตน์  สื่อมวลชนอาวุโส เป็นผู้ดำเนินรายการ

รศ.ดร.ณัฐนันท์  ศิริเจริญ   อาจารย์  คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ หัวหน้าทีมวิจัย เรื่อง การรู้เท่าทันสื่อชวนพนันออนไลน์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล  กล่าวว่าการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาสาเหตุ,แนวทางการรู้เท่าทันและข้อเสนอเชิง นโยบายในการรู้เท่าทันสื่อชวนพนันออนไลน์

โดยมีทั้งการสุ่มเลือกนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่และจบไปแล้วที่มีพฤติกรรมเล่นพนันออนไลน์ 12 คนและยังได้สอบถามนักศึกษาที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีใน มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนอีก 400 คน ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 ถึง เดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมาพบว่าสาเหตุการเล่นพนันออนไลน์นั้นในด้านความรู้ยังไม่มีความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพียงพอไม่คิดว่าเป็นการเล่นพนันแต่เป็นเพียงเกมออนไลน์ที่มีเงินรางวัลและมีทัศนคติว่าเป็นเพียงการเสี่ยงโชคลุ้นรางวัล ตอบแทน ทำให้สนุกตื่นเต้น และสิ่งที่มีผลต่อพฤติกรรมการการเล่นพนันออนไลน์เพราะพบเห็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อน และ อยู่ในชุมชนที่เล่นพนันออนไลน์จึงมองว่าเป็นเรื่องปกติ

ส่วนการรู้เท่าทันสื่อชวนพนันออนไลน์นั้นนักศึกษาค่อนข้างรู้ดีว่าสื่อโฆษณาเกี่ยวกับการชวนเล่น พนันออนไลน์นั้นมีหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องหลอกลวง เป็นเพียงข้อเสนอให้ผู้รับสารเลือกเองว่าจะเข้าไปเล่นหรือไม่ โดยไม่ได้บังคับขู่เข็ญ ดังนั้นการที่นักศึกษาจะเข้าไปเล่นพนันออนไลน์ซึ่ง อาจอยู่ในรูปแบบของเกมก็เป็นเพียงความอยากลองอยากรู้ของตัวนักศึกษาคนนั้น และคิดว่านักศึกษามีอิสระที่จะคิดทำอะไรตามที่ตนเองคิดว่าจะได้เงินมา

เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ที่ตนเองต้องการและไม่ คิดว่าการใช้กฎหมายเข้ามาจัดการกับการเล่นพนันออนไลน์ของวัยรุ่นนักศึกษาจะได้ผล เพราะนักศึกษาไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรงหรือสร้างความเสียหายใดๆ เพียงแค่การเข้าไปเล่นเกมและหากฝีมือดี โชคดีก็ จะได้เงินรางวัลตอบแทนกลับมาเท่านั้น จึงไม่คิดว่าต้องเกรงกลัวกฎหมายรวมถึงคิดว่ามีการเก็บส่วยกับ เจ้าของเว็บพนัน จึงเชื่อว่าไม่ค่อยมีเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการเพื่อติดตามจับกุมหรือลงโทษมากนัก

สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบายในการรู้เท่าทันสื่อชวนพนันออนไลน์เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อนักศึกษา ระบุว่าจะใช้รูปแบบการสอนจากครูอาจารย์นั้นไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก  เพราะอาจมีความรู้ในเรื่องพนันออนไลน์ไม่เท่ากับนักศึกษาด้วยซ้ำ ควรใช้การเรียนรู้ที่สนุกสนานผ่านเกมที่วัยรุ่นชอบเล่นกันและ เป็นการเรียนรู้สร้างความเข้าใจและความตระหนักในปัญหาการพนันออนไลน์ในรูปแบบของความบันเทิงจะดีกว่า  รวมทั้งควรให้คนที่เคยมีประสบการณ์จริงยิ่งถ้าเป็นคนดังหรือคนมีชื่อเสียงในสังคมในด้านต่างๆ มาพูดเล่าประสบการณ์จริงของตนเองและบอกถึงข้อดีข้อเสียและข้อควรระวังให้กับนักศึกษา น่าจะได้รับความสนใจและใส่ใจและน่าเชื่อถือรวมทั้งเรียนรู้แบบสนุกสนานมากกว่า ส่วนข้อเสนอเมื่อพบผู้ติดพนันสิ่ง ที่ควรทำคือนึกถึงสิ่งดีๆในตัวเขา

มีสติใจเย็นบอกว่าเขาจะต้องได้รับการช่วยเหลือ ดูแลด้านจิตใจเป็นพิเศษ จัดตารางเวลาการนอนและใช้อินเตอร์เน็ตที่เหมาะสม กำหนดขอบเขตการใช้เงิน เป็นต้น แต่สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ ตำหนิ บ่น ตัดออกจากครอบครัว คาดหวังว่าเขาจะหายจากการติดพนันในทันทีเมื่อหยุดเล่นพนัน รวมทั้งการใช้หนี้แทนหรือการประกันตัวเมื่อถูกดำเนินคดีและปิดบังหรือไม่ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาของตัวเองและครอบครัว

ผศ.ดร.ไพฑูรย์ สอนทน อาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ หัวหน้าทีมวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการเล่นพนันออนไลน์กับปัญหาการพนัน ของนักเรียนมัธยมศึกษา จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของการวิจัยนอกจากต้องการดูความชุกของการเล่นพนันออนไลน์และออฟไลน์แล้วยังต้องการวัดทัศนคติต่อการเล่นพนันและภาวะซึมเศร้า รวมทั้งการ ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างการเล่นพนันกับภาวะซึมเศร้า

โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในโรงมัธยม 4 แห่งของจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ 1 แห่ง ขนาดใหญ่ 1 แห่ง ขนาดกลาง 1 แห่ง ขนาดเล็ก 1 แห่ง  จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 3,744 คน ส่วนใหญ่ร้อยละ 42.9 อายุ 14-15 ปี พบว่าทัศนคติในเรื่องการพนันน่าตกใจที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 50.1 มีทัศนคติที่ดีต่อการเล่นพนัน มองว่าการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ถือว่าเป็นการพนันมีคนเห็นด้วยและเห็นด้วยอย่างยิ่งร้อยละ 33 แต่ก็มีคนไม่แน่ใจถึงร้อยละ 44.7 ส่วนการซื้อหวยใต้ดินไม่ถือเป็นการพนันมีคนไม่เห็นด้วยรวมร้อยละ 41.1

แต่ก็มีคนไม่แน่ใจถึงร้อยละ 47.8 อย่างไรก็ตามผลวิจัยยังพบข้อมูลที่น่าดีใจคือนักเรียนส่วนใหญ่เห็นด้วยและเห็นด้วยอย่างยิ่งรวมกันถึงร้อยละ 62.10 หากจะห้ามเล่นการพนันอย่างสิ้นเชิงและยังพบว่านักเรียนร้อยละ 83.0 ไม่เคยเล่นพนันออนไลน์  รวมทั้งนักเรียนมองว่าตัวเองไม่มีปัญหาจากการพนันเลยถึงร้อยละ 89.2 ส่วนคนที่เล่นการพนันออนไลน์ร้อยละ 82.5 เล่น1-4 ครั้งต่อวัน เหตุผลในการเล่นร้อยละ 39.5 เพราะสะดวกเล่นได้ทุกที่  รองลงมา ร้อยละ 28 เพื่อนชวนเล่นเพื่อเข้ากลุ่ม ช่องทางในการเล่นผ่านไลน์ / แอพแชทต่างๆ และเล่นโดยตรงกับเว็บไซต์พนันพอๆกันที่ร้อยละ 54.8 ส่วนอุปกรณ์ที่ใช่เล่นส่วนใหญ่เป็นโทรศัพท์มือถือ

ด้านปัญหาและผลกระทบต่อสุขภาพของนักเรียนนั้นพบว่านักเรียนที่มีความถี่ในการเล่นพนันออนไลน์เล่นเป็นบางครั้งมีความเสี่ยงต่อปัญหาการพนัน 3 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ไม่เล่นการพนันออนไลน์ นักเรียนที่มีความถี่ในการเล่นพนันออนไลน์เล่นเป็นประจำมีความเสี่ยงต่อปัญหาการพนัน 6 เท่าเมื่อเทียบผู้ไม่เล่นการพนันออนไลน์ ส่วนนักเรียนที่มีความถี่ในการเล่นพนันออฟไลน์  ไม่มีความเสี่ยงต่อปัญหาการพนัน และผู้ที่มีปัญหาการติดพนันมีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า 3 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ไม่มีปัญหาการพนัน ที่น่าตกใจคือเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาของจังหวัดเพชรบูรณ์  มีภาวะซึมเศร้าปานกลางถึงรุนแรง สูงถึงร้อยละ 29.7 และพบว่านักเรียนมีแนวโน้มที่จะเล่นการพนันเมื่อตนเองมีความรู้สึกเหงา เศร้าหรือมีปัญหาสุขภาพจิต นอกจากนั้นเมื่อดูผลกระทบต่อสุขภาพที่มีมากกว่าปัญหาการพนันพบว่านักเรียนมีพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพที่น่าตกใจคือมีนักเรียนถึงร้อยละ 53.6 ที่รับประทานอาหารหวาน / น้ำอัดลมบ่อยๆ นอกจากนั้นร้อยละ 17.8 ดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 8.7 สูบบุหรี่ไฟฟ้า ร้อยละ 5.8 รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา ร้อยละ 4.3 สูบบุหรี่มวน ร้อยละ 2.5 สูบกัญชา ผลวิจัยจึงชี้ชัดเจนว่าเด็กนักเรียนมีปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างมากและขณะเดียวกันก็ยังมีความชุกในการเล่นพนันออนไลน์ ในระดับมัธยมศึกษาอยู่ในระดับสูงจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งระดับนโยบายและปฏิบัติ หาแนวทางลดการ เข้าถึงและลดผลกระทบโดยเฉพาะภาวะซึมเศร้า   อยากให้โรงเรียนเฝ้าระวังและคัดกรองปัญหาในเด็กนักเรียนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง
นายอุบล สวัสดิ์ผล หัวหน้าทีมวิจัยเรื่อง วัคซีนต้นกล้า..การพัฒนากระบวนการเรียนรู้เท่าทันการ พนันออนไลน์ในโรงเรียนกีฬา กล่าวว่าทีมวิจัยเลือกพื้นที่วิจัยแบบเจาะจงคือโรงเรียนเทศบาลหนองหญ้าม้าซึ่งเป็นโรงเรียนกีฬาเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด ผ่านแกนนำนักวิจัยสภานักเรียน 25 คน กลุ่มนักเรียน ม.1-ม.6 จำนวน 569 คนและครูแกนนำ 8 กลุ่มสาระ 20 คน

เพื่อศึกษามุมมอง สถานการณ์ พฤติกรรมและผลกระทบ รวมทั้งการทดลองกระบวนการเรียนรู้เท่าทันเพื่อวิเคราะห์เงื่อนไขที่จะนำไปสู่การ ป้องกันและลดผลกระทบรวมทั้งการผลักดันให้เกินมาตรการหรือนโยบายโรงเรียนกีฬาปลอดพนัน โดยการหาวิธีการให้ความรู้เพื่อให้เด็กได้รู้เท่าทันการพนันการพนันออนไลน์ผ่านการตั้งคำถามหลัก 4 คำถามคือ หนึ่ง เมื่อได้ยินคำว่าพนันเรานึกถึงอะไร? สอง มีใครที่เกี่ยวข้องกับการพนันและเกี่ยวข้องอย่างไร?  สาม ผลที่เกิดขึ้นจากพนันออนไลน์และ สี่ ทำไมเราต้องรู้เท่าทันพนันออนไลน์ พบว่าประเด็นเรื่องทัศนคติเมื่อพูดถึงคำว่าเล่นพนันนักเรียนส่วนใหญ่ร้อยละ 44.3 นึกถึงพนันออนไลน์มากที่สุด ชนิดของพนันออนไลน์ที่คิดถึงมากที่สุดคือคำว่าสล็อต สล็อตPG บาคารา ไพ่ ยิงปลา เสือมังกร ไฮโล มีเพียงร้อยละ 24.5 ที่นึกถึงกฎหมาย ศีลธรรมและผลกระทบ  และมุมมองจากนักเรียนหลายคนในการสนทนากลุ่มย่อยเห็นว่าลอตเตอรี่ ไม่ใช่การพนันเพราะ ซื้อขายกันเป็นปกติ ขายเกินราคาก็ไม่ถูกตำรวจจับ

ส่วนการรับรู้พฤติกรรมและการเข้าถึงการพนันของเด็กนักเรียนในโรงเรียนและชุมชนนั้นปรากฏว่ามี นักเรียนถึงร้อยละ 79.5 รู้ว่ามีการเล่นพนันในโรงเรียน เช่น ครูซื้อหวย ร้อยละ 78   รู้ว่ามีคนเล่นพนันในชุมชนเช่นป้าข้างบ้านเล่นไพ่ ลุงเล่นไฮโล ร้อยละ 53.4 เคยรับรู้ว่าผู้ปกครองหรือคนในครอบครัวเล่นพนันเช่นพ่อ แม่ซื้อหวย พี่เล่นเกมออนไลน์ ส่วนการรู้จักการเล่นพนันส่วนใหญ่ร้อยละ 82.1รู้จากสื่อออนไลน์และเข้าถึงการพนันทั้งออฟไลน์และออนไลน์  ส่วนใหญ่จากช่องทางสื่อออนไลน์ถึงร้อยละ 82.7 สะท้อนให้เห็นชัดเจน ว่าสื่อออนไลน์มีอิทธิพลต่อนักเรียนระดับมัธยมมาก นักเรียนมีประสบการณ์เคยเล่นพนันออนไลน์มาหลายประเภททั้งหวยหุ้นไทยและต่างประเทศ ปลากัด แข่งม้า วัวชน ชนไก่ เหตุผลของการเล่นพนันออนไลน์ส่วน ใหญ่ร้อยละ 62.1  เห็นว่าสนุก เพลิดเพลิน ชอบ รู้สึกผ่อนคลาย รองลงมาร้อยละ 21.8 เพราะได้เงินจากการเล่นพนันออนไลน์  

ผลการวิจัยทำให้เห็นว่าพื้นฐานที่แตกต่างกันของนักเรียนทำให้การนิยามความหมาย การพนันจึงหลากหลาย รวมทั้งรายได้และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเทคโนโลยีการสื่อสารส่งผลให้มุมมองด้านทัศนคติ สถานการณ์การรับรู้ การเข้าถึง พฤติกรรมและผลกระทบจากพนันออนไลน์ มากกว่าการพนันปกติที่เด็กเคยมีประสบการณ์ในอดีต  จึงเสนอแนะว่าควรพัฒนาและจัดการเรียนรู้เพื่อเท่าทันพนันออนไลน์ด้วยเครื่องมือ แผนการเรียนรู้เท่าทันพนันออนไลน์ เป็นการสร้างวัคซีนให้กับนักเรียนที่ได้ผลเชิงประจักษ์ โดยนำกระบวนการกลุ่มเรียนรู้ภายใต้แนวคิด EF หรือ Executive Function คือ ความสามารถที่เกิดจากการทำงานของสมองส่วนหน้าที่ช่วยให้คนเราสามารถควบคุมความคิด อารมณ์ พฤติกรรม มาใช้กับกลุ่มเด็กและเยาวชนในทุกโรงเรียนซึ่งเป็นกระบวนการยับยั้งชั่งใจและสื่อที่ใช้ก็ควร ออกแบบและให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตัวเองในการเอาตัวรอดหรือการมีภูมิคุ้มกันในตัวเองด้วย

รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการ ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน กล่าวว่า เมื่อช่วงต้นปีศูนย์ฯได้ทำการสำรวจการพนันออนไลน์ในกลุ่มคนอายุ 15-25 ปี พบว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีนักการพนันหน้าใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก  โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้คนมีเวลาอยู่บ้านและเล่นอินเตอร์เน็ตมากขึ้น และเห็นการโฆษณาพนันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ประมาณ 44% เห็นแล้วอยากลอง 26% ลองเข้าไปดู 4% ทดลองเล่น และ 1% แชร์ข้อความโฆษณาไปยังสาธารณะ

ทำให้การโฆษณาพนันออนไลน์ขยายวงกว้างออกไปอีก เราพบว่าคนกลุ่มนี้เล่นการพนันงานเกือบ 3 ล้านคน เพราะเล่นง่าย เล่นได้ทุกที่ ทุกเวลา หาข้อมูลง่าย และคิดว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ อยากเล่นหรืออยากหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ ประกอบกับบางคนเคยเห็น
 

ตำรวจไซเบอร์ ทลายแก๊ง ROMANCE SCAM รวบแล้ว 12 ราย ตุ๋นเหยื่อสูญเงินกว่า 36 ล้าน

สืบเนื่องจากมีคนร้ายใช้เฟสบุ๊ก ชื่อ “Helen” โปรไฟล์เป็นรูปหญิงสวยชาวยุโรป ส่งข้อความมาหาผู้เสียหาย 

และพูดคุยจนสนิทสนมกันโดยสร้างเรื่องหลอกลวงผู้เสียหายว่ามีความต้องการที่จะมาอยู่กินกันด้วยที่ไทยแต่ขอให้ผู้เสียหายรับพัสดุที่ตนจะส่งมายังประเทศไทยไว้ก่อน จากนั้นมีผู้ใช้ไลน์ “Fast Move Cargo” หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรแจ้งว่าถ้ารับพัสดุจะต้องมีใช้จ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินจำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 36 ล้านบาทผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กระทั่งศาลอนุมัติหมายจับ นายธนวัฒน์ อายุ 20 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญาตลิ่งชัน หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ

ต่อมาวันที่ (12 มิ.ย.66) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่า นายธนวัฒน์ ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสมุทรปราการ ได้หลบหนีการจับกุมมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ย่านยานนาวา จึงได้นำกำลังทีมสืบสวนเข้าตรวจสอบพบผู้ต้องหาเดินอยู่บริเวณวัดปริวาสราชสงคราม เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร จึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุม พร้อมแจ้งให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.วีระวิทธ์ ผลประสิทธิ์ ผกก.3 บก.สอท.1 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.รัฐกิตต์ บุญสันต์สุขศรี, พ.ต.ต.ศุภกิจ  สมรักษ์ สว.กก.3 บก.สอท.1, ร.ต.อ.ภูมิ มั่นเมือง รอง สว.กก.3 บก.สอท.1, ร.ต.อ.อนุสรณ์ กรอบเพ็ชร รอง สว.กก.3 บก.สอท.1 ดำเนินการจับกุม

ตำรวจ ปส.(NSB) ทลายเครือข่ายยาเสพติดผ่านระบบขนส่งทางพัสดุรายใหญ่ ยึดไอซ์ได้กว่า 350 กก.

ตำรวจ ปส.(NSB) ทลายเครือข่ายยาเสพติดผ่านระบบขนส่งทางพัสดุรายใหญ่  ยึดไอซ์ได้กว่า 350 กก. มูลค่ามหาศาลและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดได้ 4 เครือข่ายเป็นยาบ้ากว่า 12 ล้านเม็ด ไอซ์ 300 กก. คีตามีน 30 กก. ก่อนแพร่กระจายภายในประเทศ และส่งผ่านต่อไปต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์  รังไสย์  ผบก.ปส.3 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบาย ตร. ประกอบกับการเดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. อย่างเข้มข้น ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) สามารถทลาย 4 เครือข่าย ผู้ต้องหา 11 คน พร้อมของกลางไอซ์ 650 กก., ยาบ้า 12 ล้านเม็ด และคีตามีน 30 กก.
 
คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 25 พ.ค.66 เวลาประมาณ 17.15 น. ตำรวจ ปส.3 จับกุม 3 ผู้ต้องหาคือ นายกฤษณ์, นายยิ่งยศ และนายบุญเลิศ หลังได้สืบสวนติดตามกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดซึ่งใช้วิธีการส่งพัสดุไปกับบริษัทขนส่งเอกชน กระทั่งทราบว่าจะมีการส่งยาเสพติดทางพัสดุจำนวนมากอีกครั้ง ตำรวจ ปส.3 จึงได้สืบสวนจับกุม โดยทราบว่า นายบุญเลิศ ได้นำยาเสพติดส่งพัสดุและระบุให้รถขนส่งนำยาเสพติดไปวางไว้หน้าบ้านเลขที่ 316 ซึ่งเป็นบ้านร้าง ภายในซอยอ่อนนุช 70/1 แยก 2  ต่อมาได้มีนายกฤษณ์ ได้ขับรถกระบะมาหยิบกล่องพัสดุทั้งหมดขึ้นใส่ท้ายรถ ส่วนนายยิ่งยศ เพื่อนร่วมแก๊งค์ ได้ขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนคอยคุ้มกัน ก่อนจะขับรถตามกันออกไป ตำรวจ ปส.3 จึงนำกำลังเข้าสกัดจับกุมนายกฤษณ์ และนายยิ่งยศ ได้ที่บริเวณถนนในซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8 ลานจอดรถข้างโรงแรมเดอะสปริง ต่อเนื่องบริเวณทางเข้าออกจากสันติภาพลานจอดรถซอยสุภาพงษ์ 3 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ ตรวจสอบพบ ไอซ์ซุกซ่อนในซองสีน้ำตาลห่อละประมาณ 20 กก. จำนวน 20 ห่อ น้ำหนักรวม 350 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังตรวจยึดรถตู้ทึบที่ใช้ลำเลียงไอซ์มาส่งพัสดุ 1 คัน, รถกระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน จากนั้น ได้ติดตามจับกุมนายบุญเลิศ ได้ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน ปส.3 ดำเนินคดีและขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
 
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 25 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.3 ร่วมกับหน่วย AITF ประกอบด้วย ป.ป.ส., ศุลกากร และ ศรภ. จับกุมผู้ต้องหาชาวเวียดนาม คือ นายฟาน ทัน กวิ๊ และนายโฮ ตรุง เงียน โดยตำรวจ ปส.3 สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสอง เป็นผู้ว่าจ้างรถตู้รับจ้างให้ไปส่งที่โรงแรม ในซอยสุขุมวิท 24 จึงได้ติดตามและพบว่าทิ้งกล่องลังไม้บรรจุยาเสพติดไว้ที่โรงแรมดังกล่าว จึงเชื่อว่าอาจมีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ ต่อมาตรวจสอบพบคีตามีนซุกซ่อนในโมเดลตุ๊กตา น้ำหนัก 29 กก. ซึ่งผู้ต้องหารับว่า เป็นยาเสพติดที่เตรียมจัดส่งไปต่างประเทศ และพบคีตามีน 143 กรัมและ เอ็กซ์ตาซี่ 150 กรัม พร้อมตรวจยึดเงินสด 51,000 บาท และสินค้าแบรนด์เนมกว่า 700,000 บาท จึงจับกุมผู้ต้องพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน ปส.3 ดำเนินคดีและขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 13.40 น. ตำรวจ ปส. บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส. ร่วมจับกุมตัว นายชิตวร และนายพงษ์ศรี พร้อมยาเสพติดไอซ์ 300 กก.และยาบ้า 1,000,000 เม็ด ได้ที่บริเวณแยกเขาทราย ต.เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร หลังสืบทราบว่าเครือข่ายนี้จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ทางภาคเหนือ จะมาส่งมอบให้กับลูกค้าอีกทอดหนึ่งในพื้นที่ จ.สระบุรี  จึงวางแผนจับกุม โดยเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 13.40 น. ตำรวจ บก.สกส. ได้วางกำลังตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ได้พบรถกระบะโตโยต้า หมายเลขทะเบียน 2ฒช 24xx กทม. และรถกระบะอีซูซุ หมายเลขทะเบียน บม 10xx สุโขทัย ขับขี่ไปถึงแยกเขาทราย ต.เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร มีพฤติการณ์น่าสงสัยและลักษณะตรงกับข้อมูลที่ได้รับ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม จากการตรวจสอบรถกระบะอีซูซุ หมายเลขทะเบียน บม 10xx สุโขทัย ซึ่งมีนายชิตวร เป็นผู้ขับขี่ พบยาเสพติดไอซ์น้ำหนัก 300 กก. ซุกซ่อนอยู่ที่ท้ายกระบะ ซึ่งมีผ้าใบสีดําคลุมปดทับไว้และตรวจค้นพบยาบ้า จํานวน 1,000,000 เม็ด ซุกซ่อนบริเวณ   ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังคนขับของรถยนต์คันดังกล่าว

และจับกุมนายพงษ์ศรี ซึ่งขับขี่รถกระบะโตโยต้า หมายเลขทะเบียน  2ฒช 24xx กทม. ทำหน้าที่รถนําทางและสํารวจเส้นทาง จากนั้นได้ติดตามไปตรวจยึด รถกระบะมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน บล 40xx พระนครศรีอยุธยา ซึ่งนายแย้ง (หลบหนี) ผู้ร่วมขบวนการยาเสพติด ได้จอดรถทิ้งไว้ ที่บริเวณริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 225 ต.วังบ่อ อ.หนองบัว จว.นครสวรรค์ ตำรวจ บก.สกส. จึงจับกุมผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดําเนินคดี ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีและบุคคลในเครือข่ายนี้ต่อไป
 
คดีที่ 4 สืบเนื่องจากตำรวจ ปส.2 ได้จับกุมยาเสพติด ในพื้นที่ อ.เมือง จ.อ่างทอง จากนั้นได้สืบสวนขยายผล จนทราบว่าวันที่ 7 มิ.ย.66 เครือข่ายนี้จะนำยาเสพติดจำนวนมากไปส่งที่ จ.สระบุรี โดยมีนายบุญครอง และน.ส.ธิดา ซึ่งเป็นสามีภรรยา ได้ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุสีบรอนซ์ ทะเบียน บจ 49xx บึงกาฬ ซุกซ่อนยาเสพติดที่กระบะท้ายบรรทุกยาบ้า จำนวน 19 กระสอบ มีการอำพรางโดยติดคอกเหล็กที่กระบะหลัง ในลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นการบรรทุกสิ่งของทั่วไป แล้วคลุมด้วยผ้ากันฝนและปกคลุมผ้าสแลนสีดำอีกชั้นหนึ่ง โดยขนยาเสพติดจาก อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร เพื่อนำไปเก็บไว้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งใน อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อรอส่งให้ลูกค้า โดยมี น.ส.บุหลัน และนายมะณูน      ใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน บธ 31xx นครพนม ทำหน้าที่สำรวจเส้นทางจาก อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร  ตำรวจ ปส.2 ได้สืบสวนติดตามรถทั้ง 2 คัน โดยตลอด จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.45 น. ของวันที่ 7 มิ.ย.66 พบว่ารถคันหมายเลขทะเบียน บจ 49xx บึงกาฬ ซึ่งบรรทุกยาเสพติด มีนายบุญครอง เป็นผู้ขับขี่ และน.ส.ธิดา นั่งไปด้วย ได้เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันบางจาก ต.ขนงพระ อ.ปางช่อง จ.นครราชสีมา จึงได้แสดงตัวจับกุม  จากการตรวจค้นพบยาบ้า 19 กระสอบ จำนวน 10,000,000 ล้านเม็ด ในรถคันดังกล่าว

ขณะเดียวกันตำรวจ ปส.2 อีกชุด ซึ่งติดตามรถคันหมายเลขทะเบียน บธ 31xx นครพนม ได้จับกุมตัวนายมะณูน และ น.ส.บุหลัน ได้ที่บริเวณ ถ.มิตรภาพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 พร้อมยาเสพติดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.2 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป 

คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 17.00 น. ตำรวจ ปส.3 ได้ร่วมกันตรวจยึดยาเสพติด ยาบ้า 1,000,000 ล้านเม็ด ได้ที่บริเวณที่พักริมทาง กม.24 ต.ทุ่งขั่วพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยก่อนเกิดเหตุ ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนทราบว่า เครือข่ายยาเสพติดกลุ่มลีซอ จะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากไปส่งให้ลูกค้า จึงเฝ้าติดตามจับกุม จนกระทั่งพบรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเล็ต ทะเบียน ขห 79xx เชียงใหม่ ขับขี่ผ่านมาถึงที่เกิดเหตุ ท่าทางพิรุธน่าสงสัย  จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ปรากฏว่าผู้ขับขี่ได้จอดรถแล้ววิ่งหลบหนีลงข้างทาง ซึ่งเป็นพื้นที่เขาสูงชัน แล้วอาศัยความชำนาญพื้นที่ หลบหนีไปได้ ตำรวจ ปส.3 ได้ตรวจสอบพบยาบ้ารวม 500 มัด จำนวน 1,000,000 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ในห้องโดยสารรถยนต์ และภายในฝากระโปรงท้ายของรถคันดังกล่าว จึงได้ตรวจยึดยาเสพติดและรถของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดี ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องและติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีต่อไป

สำหรับเดือน พ.ค.66 ตำรวจ ปส. สามารถจับกุมยาเสพติดรายสำคัญได้ 18 คดี ได้ผู้ต้องหา 54 คน ของกลางยาบ้า 20 ล้านเม็ด, เฮโรอีน 220 กก., ไอซ์ 3,250 กก.โดยยาเสพติดของกลางที่ตรวจยึดมาได้นั้นพนักงานสอบสวนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ยังหน่วยที่กำหนดไว้ อาทิ สำนักงาน ป.ป.ส.,กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นยาเสพติดของกลางจะถูกเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการทำลายต่อไป

6 ค่ายรถ EV ยักษ์ใหญ่ของจีน เล็งตั้งฐานการผลิตในไทย หวังดันไทยสู่ Hub ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งภูมิภาคเอเชีย

หากพูดถึง ‘The Big 6’ แห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ของจีน ต้องเอ่ยชื่อ BYD (Build Your Dreams), Chongqing Changan, JAC Motors, Jiangling Motors, Great Wall Motor และ Geely

ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา ‘Geely’ ตามหลัง ‘Great Wall Motor’ เดินหน้ามาลงทุนธุรกิจ EV ในไทย

‘Geely’ หนึ่งในค่ายรถรายใหญ่ของจีน มีแผนเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ของไทย ประกอบด้วย การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตั้งฐานการผลิตในไทย

Geely กำลังพิจารณาแผนการเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยครั้งใหญ่ ทั้งรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเล็ก และรถกระบะไฟฟ้า ภายใต้ยี่ห้อ ‘Radar’ สอดคล้องกับ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) คุณนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ ที่เผยว่า ได้มีการหารือกับค่ายรถ EV จีนยักษ์ใหญ่ 6 บริษัท หรือ ‘The Big 6’

ได้แก่ ‘บีวายดี’ (BYD: Build Your Dreams), ‘ฉงชิ่ง ฉางอัน’ (Chongqing Changan), ‘เจเอซี มอเตอร์’ (JAC Motors), ‘เจียงหลิง มอเตอร์’ (Jiangling Motors), เกรต วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor) และ ‘จีลี’ (Geely)

เลขาฯ BOI เสริมว่า ‘The Big’ ให้ความสนใจในนโยบายของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘มาตรการส่งเสริมการลงทุนในการตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และวางระบบห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการในภูมิภาค’

ก่อนหน้านี้ BYD (Build Your Dreams) และ Great Wall Motor ได้เดินตามแผนตั้งฐานการผลิต EV โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำลังพิจารณาการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา รถยนต์ไฟฟ้า EV ในประเทศไทย

ตามมาด้วย Geely ซึ่งเป็นรายล่าสุด ต่อจาก Great Wall Motor ที่มีแผนลงทุน ‘ปักหมุด’ EV ในไทย มูลค่าระดับหลักพันล้านบาท สอดรับกับนโยบายการรักษาสถานะผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่อันดับ 10 ของโลกของไทย ซึ่งมุ่งหวังสานต่อความสำเร็จของ Hub รถยนต์เอเชียในอดีต และต่อยอดสู่การเป็นศูนย์ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV ของภูมิภาค

ตามเป้าหมายปรับสัดส่วนการผลิตรถยนต์ 30% จากยอดการผลิตรถยนต์ 2.5 ล้านคันต่อปี ให้เป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2030 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Great Wall Motor ประกาศแผนลงทุน 30 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่แห่งใหม่ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV รุ่นเล็กในไทย ในปีหน้า หรือ ปี ค.ศ. 2024

คุณณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการบริษัท Great Wall Motor Thailand ระบุว่า บริษัทเเม่จากจีน กำลังพิจารณาตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในประเทศไทย

“แผนการลงทุนที่ไทยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ รวมถึงเรื่องการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น มาตราการเงินอุดหนุนราคารถยนต์ไฟฟ้า หรือการลดภาษีรถ EV” MD Great Wall Motor Thailand กล่าว

ในปี ค.ศ. 2022 รถยนต์ EV ยี่ห้อ ORA Good Cat ที่เป็นรถรุ่นเล็ก หรือ Compact Car ของ Great Wall Motor เป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย โดยรุ่นที่ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 828,500 บาท ซึ่งราคานี้ได้รับการอุดหนุจากรัฐ 230,500 บาท

โดย Great Wall Motor ได้เข้ามาเริ่มต้นทำธุรกิจในประเทศไทยเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่ง Great Wall Motor วางแผนที่จะผลิตรถยนต์ EV ยี่ห้อ ORA Good Cat ในไทย ในปีหน้า หรือ ปี ค.ศ. 2024 ส่วนแผนการลงทุนสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่ของ Great Wall Motor น่าจะใช้งบประมาณราว 500 ล้านบาท ถึง 1,000 ล้านบาท

ซึ่งทั้งหมดนี้ จะประกาศรายละเอียดให้ทราบในอีก 6 เดือนจากนี้ หรือในครึ่งปีหลังของปี ค.ศ. 2023 หรือไตรมาสที่ 3 ของปี ค.ศ. 2023

อย่างไรก็ดี แม้ว่า The Big 6 ทุกค่ายไล่ตั้งแต่ บีวายดี (BYD: Build Your Dreams), ฉงชิ่ง ฉางอัน (Chongqing Changan), เจเอซี มอเตอร์ (JAC Motors), เจียงหลิง มอเตอร์ (Jiangling Motors), เกรต วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor) และ จีลี (Geely) จะลงทุนในไทยเป็นมูลค่าที่สูงมากเท่าไหร่ก็ตาม

ทว่า ค่ายรถเจ้าใหญ่ (เจ้าที่) ในไทย ยังคงเป็นบริษัทญี่ปุ่น เช่น TOYOTA, ISUZU, HONDA, NISSAN, MAZDA, MITSUBISHI

เรื่อง : ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน
 

โซเชียลแชร์ภาพเด็กนักเรียนตัวน้อยในชุดลูกเสือ พร้อมบอก “เห็นเด็กใส่แล้วนึกถึงพี่คิงเลย”

วันที่ (13 มิ.ย. 66) ได้มีการแชร์ภาพของเด็กชายวสุพล วงศ์จีนา โรงเรียนพุทธ​ศาสน์​โกศล วัดวังยาว อำเภอกุยบุรี​ จังหวัดประจวบคีรี​ขันธ์ ​ในชุดเครื่องแบบลูกเสือ พร้อมกล่าวว่า “เห็นเด็กใส่แล้วนึกถึงพี่คิงเลย” เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้เกิดกรณีการถกเถียงกันสนั่นโซเชียล หลัง ‘คิง ก่อนบ่าย’ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ณภัทร คิงก่อนบ่าย ชุ่มจิตตรี’ แสดงความไม่เห็นด้วยกับกระแสการยกเลิกชุดลูกเสือ เพราะลูกเสือตรีบุญยิ่ง มีพระคุณต่อบ้านเกิดของตน พร้อมฝากคนรุ่นใหม่ให้ลองคิดทบทวนดูให้ดี ก่อนจะเปลี่ยนแปลงอะไร โดยระบุว่า…

“ครอบครัวผมไม่สามารถสนับสนุนให้มีการยกเลิกชุดลูกเสือได้จริง ๆ เพราะลูกเสือตรีบุญยิ่ง มีพระคุณต่อบ้านเกิดของผม

ผมเชื่อว่าคนอำเภอเมืองประจวบยังจำลูกเสือตรีบุญยิ่งได้ว่าเขาคือใคร และสร้างคุณประโยชน์​ให้กับอำเภอเมืองประจวบไว้อย่างไรหากใครยังไม่รู้​ ก็ลองไปศึกษา​ดู แล้วเราจะรู้คำตอบเอง และหากเข้ามาในเมืองประจวบคุณก็จะได้คำตอบเองว่าชื่อถนนแต่ละเส้น มีที่มาที่ไปอย่างไร พิทักษ์​ชาติ สละชีพ สู้ศึก

อย่างน้อยคนรุ่นใหม่​ก็ควรศึกษาไว้บ้าง เราจะได้มีเรื่องเล่าให้เพื่อนๆ หรือคนรุ่นหลังได้ฟัง สิ่งเหล่านี้เรารู้เอาไว้ ก็ไม่ได้ทำให้เราเสียหายอะไร ดีกว่าเวลามีใครถามแล้วเราตอบอะไรไม่ได้เลย โพสต์​นี้เพื่อขอบคุณ​และเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของลูกเสือตรีบุญยิ่ง ศิริเสถียรครับ #ลูกเสือ #ประจวบวิทยาลัย #วีรกรรม”

จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ต ที่ต่างพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นในหลากหลายแง่มุม ถึงประเด็นการยกเลิกชุดลูกเสือ มุมหนึ่งก็มองว่าเป็นการลดภาระของพ่อแม่ผู้ปกครองในเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องแบบชุดลูกเสือ ส่วนอีกแง่มุมหนึ่งก็มองว่าจะเป็นการด้อยค่าความสำคัญของชุดลูกเสือ ที่มีมาอย่างยาวนานของประเทศไทย และยังมองว่า การแต่งกายตามระเบียบการเรียนการสอนนั้น มีความจำเป็นอย่างมากในการฝึกให้เด็กมีระเบียบวินัย เพื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
 

‘Snow AI Profile’ แอปฯ แต่งรูปสุดฮิตที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน แปลงโฉมให้กลายเป็นสาวเกาหลี เหมือนยกสตูฯ มาถ่ายที่บ้าน!!

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 66 แอปฯ มาแรง ยอดฮิตสาวโซเชียล ‘Snow AI Profile’ แปลงรูปเราเป็นภาพถ่ายโปรไฟล์แบบสาวเกาหลี สวย เนียน เหมือนยกสตูดิโอมาถ่ายที่บ้าน

กำลังมาแรงแบบสุดๆ ชนิดที่ใครเป็นสาวกโซเชี่ยลต้องเคยเห็นผ่านตา สำหรับแอปพลิเคชันยอดฮิตอย่าง ‘Snow’ ที่เปิดฟีลเตอร์ใหม่แปลงภาพเป็นโปรไฟล์แบบสาวเกาหลี ใช้เทคโนโลยี AI พร้อม Generated ภาพโปรไฟล์ของเรา ให้ออกมาเหมือนถ่ายในสตูดิโอเกาหลี (เนียนและสวยมาก) ด้วยแพ็กเกจเสียเงิน 2 ตัวเลือก

วิธีการ คือ

1.) ดาวน์โหลดแอปฯ Snow ผ่าน App Store หรือ Play Store โดยเป็นแอปฯ ที่มีไอคอนตัว S สีฟ้า

2.) เปิดหน้าอินสตาแกรมของแอคเคาท์ @snow_kr_official แล้วคลิกไปที่ลิงก์บนไบโอ

3.) เลือกแพ็กเกจ 2 ตัวเลือก ดังนี้
Standard : อัปโหลดภาพโปรไฟล์ 30 ภาพ ราคา 79 บาท รอ AI ประมวลผล 24 ชั่วโมง
Express : อัปโหลดภาพโปรไฟล์ 30 ภาพ ราคา 199 รอ AI ประมวลผล 1 ชั่วโมง

4.) หลังเลือกแพ็กเกจก็เข้าหน้ารอรูปให้โหลดในระบบ และห้ามกดปิดแอปฯ เด็ดขาด เพราะจะขึ้นแจ้งเตือนว่ารูปโปรไฟล์เสร็จแล้วนั่นเอง

5.) เมื่อระบบโหลดรูปเสร็จตามเวลาที่ซื้อแพ็กเกจไว้ ก็สามารถเซฟรูปเข้าเครื่องได้

แต่เนื่องจากมีปัญหาผู้ใช้งานเยอะเกินไปในขณะนี้ ทำให้ขึ้น ‘Sold Out’ ต้องใช้เวลาค้างหน้านั้นสักพักจนกว่าจะขึ้นให้กดซื้ออีกครั้ง
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top