Sunday, 15 June 2025
NEWS

หญิงสาวญี่ปุ่นติดเชื้อโควิดระหว่างตั้งครรภ์ หาโรงพยาบาลรับรักษาไม่ได้ คลอดก่อนกำหนดที่บ้าน สุดท้ายต้องสูญเสียลูกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลก

ว่าที่คุณแม่ในวัย 30 ปีตั้งครรภ์ได้ 29 สัปดาห์ อาศัยในจังหวัดชิบะ ใกล้กรุงโตเกียว เธอถูกพบว่าติดเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม หน่วยงานสาธารณสุขประเมินอาการแล้วให้เธอพักรักษาตัวที่บ้าน

หลายวันต่อมา เธอพยายามร้องขอเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะอายุครรภ์มากแล้ว และกังวลว่าอาการจะทรุดลงอย่างกะทันหัน ส่งผลต่อทารกในครรภ์ แต่ไม่มีโรงพยาบาลแห่งไหนยอมรับตัว

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม เธอปวดท้องและตกเลือด จึงเรียกรถพยาบาลเพื่อร้องขอให้ผ่าคลอดโดยด่วน แต่ไม่สามารถหาสถานพยาบาลที่จะรับเธอเข้ารักษาได้ เธอคลอดที่บ้านในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ทารกที่คลอดก่อนกำหนดเสียชีวิตหลังจากคลอดได้ไม่นาน

โรงพยาบาลปฏิเสธถึง 3 ครั้ง

ในวันที่มีอาการรู้สึกว่าจะคลอด หญิงสาวรายนี้พยายามติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่ง แต่เธอถูกปฏิเสธถึง 3 ครั้ง แม้กระทั่งครั้งสุดท้ายที่เธอแจ้งว่าได้คลอดที่บ้านแล้ว ทารกยังหายใจอยู่ แต่โรงพยาบาลก็ยังปฏิเสธที่จะรับตัว

หน่วยงานสาธารณสุขในจังหวัดชิบะ ระบุว่า โรงพยาบาลที่รับผู้หญิงที่อยู่ใกล้คลอดและติดเชื้อไวรัสโควิด ต้องเตรียมการสำหรับการผ่าคลอด โดยต้องสามารถแยกตัวทารกได้โดยทันที ซึ่งหลายโรงพยาบาลไม่มีความพร้อมที่ทำเช่นนี้ได้ จึงต้องปฏิเสธที่จะรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล

ผู้หญิงท้องติดเชื้อเพิ่มเท่าตัว ส่วนใหญ่ยังไม่ได้วัคซีน

สมาคมสูตินรีแพทย์แห่งญี่ปุ่นระบุว่า เฉพาะในกรุงโตเกียว ในเดือนกรกฎาคม มีผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด 98 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึงเท่าตัว แพทย์ระบุว่า ผู้หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่จะอาการทรุดหนักได้ง่าย และไม่สามารถใช้ยาบางชนิดเพื่อรักษาโควิดได้ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ ผู้หญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ถึงคิวที่จะได้รับวัคซีน จึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น


ที่มา : https://mgronline.com/japan/detail/9640000082000


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ไฟเซอร์ เผยผลศึกษาหลังฉีดวัคซีนให้ประชาชนผ่านไป 6 เดือน ภูมิจะลดต่อเนื่อง จำต้องฉีดเข็ม 3 กระตุ้น ขณะที่ผลวิจัยอังกฤษชี้วัคซีน ‘ไฟเซอร์-แอสตร้าฯ’ ป้องกันโควิด ‘เดลตา’ ได้น้อยลงหลังฉีดไปแล้ว 3 เดือน

Pfizer-BioNTech เปิดเผย ผลการศึกษาประชาชนที่ได้รับวัคซีน ครบ 2 เข็ม กว่า 46,000 ตัวอย่าง ทั้งในสหรัฐฯ, ตุรกี, บราซิล, อาร์เจนตินา, แอฟริกาใต้ และเยอรมนี เพื่อตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกัน โดยมีราว 2,306 คน ที่อายุระหว่า 12-15 ปี ส่วนที่เหลืออายุ 16 ปีขึ้นไป โดยมีค่ากลางอายุที่ 51 ปี แต่ผลการศึกษานี้ยังไม่ได้รับการทบทวนจากผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด 

“โดยประสิทธิภาพสูงที่สุดอยู่ที่ 96.2% ระหว่าง 7 วัน ถึง 2 เดือน หลังจากที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 และจะลดลงเหลือ 83.7% เมื่อผ่านไปราว 4 เดือน...นั่นหมายความว่า จะลดลงเฉลี่ย 6% ในทุก ๆ 2 เดือน" ผู้ทำการศึกษาชิ้นนี้อธิบายไว้ในเอกสารที่เผยแพร่ใน medRxiv.org เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา  การรู้ถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไปเช่นนี้ ทำให้ทางบริษัทผู้ผลิตวัคซีนย้ำว่า อนาคตควรมีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งอ้างอิงจากการตรวจหาเชื้อทางจมูกและลำคอมากกว่า 3 ล้านตัวอย่างทั่วอังกฤษพบว่า หลังฉีดเข็มที่ 2 ไปแล้วประมาณ 90 วัน ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนก้าในการป้องกันเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะลดลงมาเหลือ 75% และ 61% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับ 85% และ 68% ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของการฉีดเข็มที่ 2

ประสิทธิภาพของวัคซีนยังลดลงในกลุ่มประชากรที่อายุเกิน 35 ปีขึ้นไป มากกว่าผู้ที่อายุต่ำกว่านั้น

ซาราห์ วอล์กเกอร์ อาจารย์ด้านสถิติการแพทย์จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิเคราะห์ผลการศึกษา ย้ำว่า “วัคซีนทั้ง 2 ชนิด เมื่อฉีดครบ 2 เข็ม ยังคงมีประสิทธิภาพค่อนข้างดีมากในการป้องกันเชื้อเดลตา”

ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยไม่ได้ประเมินต่อว่าระดับการป้องกันจะลดลงมากน้อยแค่ไหนเมื่อระยะเวลาผ่านไป แต่คาดว่าประสิทธิภาพของวัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้จะลดลงมาอยู่ในระดับที่พอ ๆ กันหลังฉีดเข็ม 2 ไปราว 4-5 เดือน

งานวิจัยนี้ยังมีข้อมูลที่น่ากังวลเกี่ยวกับเชื้อสายพันธุ์เดลตา โดยพบว่าผู้ที่ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วจะมีปริมาณไวรัส (viral load) ในร่างกายมากพอ ๆ กับคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย

ผลการศึกษาของอ็อกซ์ฟอร์ดให้ข้อมูลที่สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) และมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังร่างแผนเพื่อฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 ให้แก่ประชาชนทั่วไปภายในเดือน ก.ย. หลังจากที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ


ที่มา : รอยเตอร์
https://mgronline.com/around/detail/9640000081725
https://www.facebook.com/351495409269379/posts/504408237311428/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'มิ้นท์ I Roam Alone' โพสต์ข้อความขอโทษหลังทบทวนตัวเองถึงการกระทำที่ไม่น่ารัก กรณีไปอัฟกานิสถาน

หลังจากเกิดดราม่าเป็นข่าวดังกันทั่วบ้านทั่วเมือง กรณียูทูบเบอร์สาว มิ้นท์ มณฑล กสานติกุล หรือ มิ้นท์ I Roam Alone ออกเดินทางไป อัฟกานิสถาน คนเดียว ในขณะเกิดไฟสงครามกลุ่มตาลีบันรุกหนักเข้าโจมตี ทำให้หลายฝ่ายเข้ามาทักท้วง และตัวมิ้นท์เอง ได้ออกมาตอบโต้ แม้กระทั่งทูตที่เข้ามาให้คำแนะนำ

ล่าสุด เพจ I Roam Alone ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ในวันที่ 19 ส.ค. 64 ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากกลุ่มตาลีบันยึดอัฟกานิสถานได้เบ็ดเสร็จและกรุงคาบูลแตกไปเมื่อสองวันก่อน (17 ส.ค.) โดยระบุว่า

ขอบคุณทุก ๆ คนที่เป็นห่วงนะคะ มิ้นท์ออกจากอัฟกานิสถานมาได้สักพักและปลอดภัยดี มิ้นท์ยังคุยกับเพื่อน ๆ ที่อัฟกานิสถานอยู่ตลอด ตอนนี้ทุกคนยังปลอดภัย บอกพวกเขาด้วยว่าหลายคนที่ไทยตามข่าวอยู่และเป็นห่วงพวกเขามาก ๆ ทุกคนหวังให้พวกเขาปลอดภัยเช่นกัน 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มิ้นท์อยากจะบอกทุกคนว่าขอโทษนะคะ 

หลังจากที่ได้ไปทบทวนทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มิ้นท์ติดค้างคำขอโทษกับหลายคนมากเลย กับตัวมิ้นท์เองที่พาตัวเองไปเสี่ยง กับคนรอบข้างที่ทำให้ว้าวุ่นใจ และกับทุก ๆ คนที่เป็นห่วงและคอยตักเตือนมิ้นท์เสมอ 

ช่วงเดินทางที่อัฟกานิสถานเป็นช่วงที่ตึงเครียด ทั้งสถานการณ์เอง แล้วก็คอมเม้นท์ด้านลบที่มาพร้อม ๆ กัน มิ้นท์เองทำผิดพลาดไปหลายอย่าง ทั้งการตอบที่ไม่น่ารัก ลบคอมเม้นท์ แสดงความโมโหใส่คนอื่น หลังจากได้ทบทวนกับตัวเองแล้ว ก็รู้ว่าเราทำไม่ถูก มิ้นท์ควรใจเย็นกว่านี้และหยุดการตอบโต้ในเวลาที่ไม่พร้อม รอจนอารมณ์เราเป็นกลาง แล้วเราจะมองเห็นความห่วงใยของคนมากมาย 

สำหรับคำชี้แจงที่ดูอวดดีและหลายส่วนไม่น่ารักเลย มิ้นท์ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะ มิ้นท์อยากจะเล่าให้ฟังว่าช่วงที่หายไปเป็นช่วงที่มิ้นท์รอเวลาที่เครื่องบินจะออกจาก Herat ได้ ตอนนั้นจริง ๆ มิ้นท์รู้สึกกลัวมาก ๆ และเราโทษตัวเองที่มา 

ช่วงนั้นเป็นเวลาที่มิ้นท์เห็นคน Tag มาอยากให้ถูกจับเป็นตัวประกัน มีคนชี้เป้าเรากับตาลีบัน จากนั้นก็เห็นหลาย ๆ เพจเอาเรื่องของมิ้นท์ไปวิเคราะห์ ตีความการกระทำของเราไปไกล และมีคนจำนวนมากแชร์ไปด่าเต็มไปหมด 

มิ้นท์สารภาพว่ามิ้นท์รู้สึกโกรธจริง ๆ แต่ที่มากกว่าความโกรธ คือ ความกลัว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงความเกลียด เกลียดจนอยากให้เราตาย พอคิดแบบนั้นก็ยิ่งไม่กล้าแสดงความอ่อนแอ หรือยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง เพราะเราอยากปกป้องตัวเองและคิดแค่ว่าไม่อยากถูกซ้ำเติมอีก โพสต์ชี้แจงที่ผ่านมาเลยออกมาในสภาพนั้น เต็มไปความแข็งกระด้าง ความอวดดี แสดงความมั่นใจแบบผิด ๆ และดูไม่น่ารักเลย โดยลืมคิดว่าจริง ๆ แล้วมีคนจำนวนมากกำลังเป็นห่วงเราจริง ๆ และเราทำร้ายจิตใจเขาอยู่

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน ก็ไม่ได้เป็นข้ออ้างของความไม่น่ารักในครั้งนี้ มิ้นท์ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ

สุดท้ายมิ้นท์ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ยังติดตามมิ้นท์ มิ้นท์เป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ คนนึงที่มีข้อเสียเต็มไปหมด เป็นคนธรรมดา ๆ ที่มีทั้งความอ่อนแอ ความไม่เข้าใจ ความกลัว เป็นคนที่จะทำพลาดอีก จะเรียนรู้อีก แล้วเดี๋ยวก็จะพลาดอีกไปเรื่อย ๆ อยากให้ทุกคนที่นี่ได้อยู่เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน และอยากให้เชื่อว่ามิ้นท์พร้อมจะเรียนรู้และปรับปรุงเสมอนะ 

ขอให้ทุกคนปลอดภัย สุขภาพแข็งแรงนะคะ


ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=384587219701443&set=a.327182098775289


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เทนนิส” นักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย เหรียญทองโอลิมปิก 2020 ร่วมบริจาคโลหิต ช่วยเหลือผู้ป่วยในสถานการณ์โควิด-19

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ พร้อมด้วย พล.อ.ท.ธนวิตต สกุลแสงประภา เจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศ และ พล.อ.ต.อาณัติ เดชพร เจ้ากรมสวัสดิการทหารอากาศต้อนรับ เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือ น้องเทนนิส นักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย เหรียญทองโอลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เดินทางมาร่วมบริจาคโลหิต ณ กองบริการโลหิต ชั้น 3 อาคารศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ

ในโอกาสนี้ น้องเทนนิสได้เชิญชวนประชาชนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ร่วมบริจาคโลหิต เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทาง ส่งผลให้โรงพยาบาลต่าง ๆ มีโลหิตไม่เพียงพอ กระทบต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน

พร้อมกันนี้ น้องเทนนิส ได้มอบเสื้อยืด และรูปถ่ายพร้อมลายเซ็น ให้แก่ประชาชนที่มาร่วมบริจาคโลหิตในวันนี้อีกด้วย

สภากาชาดไทย ส่งหนังสือด่วนมาก ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด-นายกอบจ. 38 จังหวัด เปิดแผนกระจายวัคซีนโมเดอร์นา ใหม่ เพิ่มเติม ห้ามฉีดเป็นวัคซีนเข็มที่ 3

นายกฤษฎา บุญราช ผู้ช่วยเลขาธิการฯ ปฏิบัติการแทน เลขาธิการสภากาชาดไทย ส่งหนังสือด่วนมาก เรื่อง แนวทางการบริหารวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 Moderna สภากาชาดไทย ถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด และ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 38 จังหวัด เพื่อนำไปฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่ม ดังนี้

1.) คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีมีครรภ์

2.) ผู้สูงอายุ 70 ปี ขึ้นไป

3.) บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล

4.) ผู้ที่ทำงานประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู้สอนหนังสือ

5.) บุคลากรที่ออกปฏิบัติงานสัมผัสประชาชนตามโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนครั้งนี้ และบุคคลที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน เนื่องจากติดขัดระเบียบกฎหมายทางราชการ และได้มีการขี้แจงแนวทางการบริหารจัดการวัคซีน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ไปแล้ว นั้น

เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ได้กำหนดการจัดหาวัคซีนนำมาฉีดให้กับประชาชนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปตามแนวทางหรืออยู่ในการกำกับดูแลของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำเนินการฉีดวัคซีนตามโครงการนี้ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 กลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงเป็นลำดับแรก สภากาชาดไทยจึงขอแจ้งแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 Moderna เพิ่มเติม ดังนี้

1.) ขอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือ ส่วนราชการที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สำรวจจัดทำข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย พร้อมรายชื่อสำรองอีกร้อยละ 30 ของจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่จังหวัดได้รับการจัดสรรวัคซีน ตามแบบฟอร์ม Whitelist ของระบบหมอพร้อม ส่งให้คณะกรรมการโรคติดต่อถึงจังหวัดพิจารณาตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของกลุ่มเป้าหมาย

และให้ส่งบัญชีข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้ว ให้สภากาชาดไทยเพื่อนำไปตรวจสอบคุณสมบัติตามรายชื่อของกลุ่มเป้าหมายกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ อาจมีการนำรายชื่อดังกล่าวแสดงทางเว็บไซต์ของสภากาชาดไทยเพื่อให้สาธารณชนตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสด้วย ก่อนนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบหมอพร้อมต่อไป ทั้งนี้ ขอให้จัดส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าว ให้สภากาชาดไทยภายในวันที่ 30 กันยายน 2564 ผ่านอีเมล์ [email protected] โดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มและข้อมูลต่าง ๆ ได้ที่ลิงก์ shorturl.asia/067rS

2.) ในการกำหนดจำนวนประชาชนและกลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 กลุ่ม ว่าจะฉีดให้กลุ่มใดจำนวนมากน้อยเท่าใดนั้น ขอให้จังหวัดให้ความสำคัญกับกลุ่มเข้าหมายที่เป็นกลุ่มเสี่ยง โดยเรียงลำดับความสำคัญจากกลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ 4 และกลุ่มที่ 5 ตามลำดับ ทั้งนี้ประชาชนกลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 4 และกลุ่มที่ 5 นั้น ต้องไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน หรือห้ามนำไปฉีดเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 (Booster) โดยเด็ดขาดเนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากยังไมได้รับวัคนเข็มที่ 1 แต่อย่างใด

3.) เนื่องจากมีบางจังหวัดจะขอเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคชีน โดยอ้างว่าประชาชนตามกลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 กลุ่ม ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วนั้น จังหวัดจะต้องมีการแสดงข้อเท็จจริงพร้อมหลักฐานที่ชัดเจนว่าประชาชนทั้ง 5 กลุ่มเป้าหมาย ได้รับการวัคซีนครบแล้ว จึงจะขอขยายหรือเพิ่มกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้ โดยจะต้องให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมีมติรับรองการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวด้วย แล้วส่งไปยังสภากาขาดไทยพิจารณาก่อน

อนึ่ง สภากาชาดไทยขอเรียนว่า โครงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางครั้งนี้ ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างสภากาชาดไทยกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสังคมเป็นอย่างมาก จึงขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่เข้าร่วมโครงการได้โปรดช่วยกันดูแลกำกับการดำเนินงานของโครงการให้เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสภากาชาดไทยและองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วยความโปร่งใสและเคร่งครัดด้วย


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครอบครัว ‘ธนากิจอำนวย’ แถลงการณ์ยืนยัน ‘ไฮโซลูกนัท’ แพทย์สรุปตาขวาไม่สามารถมองเห็นได้อีก ต้องรักษาต่อเนื่องอีกกว่า 6 เดือน เตรียมยื่นฟ้องตำรวจทั้งแพ่งและอาญา เหตุใช้วิธีสลายการชุมนุมผิดหลักสากล

19 สิงหาคม 64 เฟชบุ๊ก “Nat Thanakitamnuay” ของนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ที่โดนลูกหลงถูกยิงด้วยของแข็งเข้าที่บริเวณใบหน้าจนคิ้วขวาแตกได้รับบาดเจ็บระหว่างเข้าร่วมชุมนุม เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 64 ที่บริเวณแยกดินแดง โพสต์ระบุว่าอยู่ที่ กรมทหารราบที่ 1 ถ.วิภาวดี-รังสิต พร้อมข้อความ ว่า “I’m back cr: ไข่แมวชีส ดวงตาหนึ่งข้างที่ดับไปตลอดกาล แต่ผมไม่เคยมองเห็นชัดเจนขนาดนี้มาตลอดชีวิต #เผด็จการจงพินาศประชาราษฎร์จงเจริญ”

นอกจากนี้ยังมีการโพสต์แถลงการณ์ ดังนี้...

คำแถลงการณ์

กรณีอาการบาดเจ็บของนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย (คุณลูกนัท)

ตามที่ได้ปรากฏข่าวสารเผยแพร่ทั่วไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ว่า นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย (ลูกนัท) ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้าและดวงตาจากการดำเนินการควบคุมและสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ ณ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและแยกดินแดง กรุงเทพมหานคร จนต้องเข้ารับการตรวจรักษาจากคณะแพทย์นั้น

นายธนัตถ์ฯ และครอบครัวธนากิจอำนวย ขอขอบคุณคณะแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษาและผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ตลอดจนญาติมิตรที่ได้กรุณาช่วยเหลือ หรือติดตามสอบถามอาการบาดเจ็บของนายธนัตถ์ฯ และความคืบหน้าในการตรวจรักษาด้วยความห่วงใยและปรารถนาดีมาโดยตลอด ในการนี้ นายธนัตถ์ฯ และครอบครัว

ขอเรียนต่อสาธารณชนว่า ที่ผ่านมาทางครอบครัวและคณะแพทย์ผู้รักษายังไม่เคยให้ข่าวใด ๆ กับสื่อมวลชนหรือบุคคลที่มิใช่สมาชิกในครอบครัว ฉะนั้น ครอบครัวธนากิจอำนวยจึงขอแถลงข้อมูลตามความเป็นจริง โดยมีรายละเอียดดังนี้

ในประการแรก นายธนัตถ์ฯ ได้รับบาดเจ็บโดยมีบาดแผลฉีกขาดเป็นรูปครึ่งวงกลมที่บริเวณคิ้วขวา ลักษณะเกิดจากการถูกกระแทกด้วยวัตถุของแข็งไม่มีคม ลักษณะเป็นกระบอกกลม ซึ่งคณะแพทย์ผู้ตรวจรักษาได้ตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่านายธนัตถ์ฯ มีแผลบวมช้ำที่เบ้าตาขวาและมีบาดแผลฉีกขาดที่คิ้วขวา กระจกตาขวาฉีกขาด ลูกตาขวาแตก จอประสาทตาขวาลอก จากนั้น นายธนัตถ์ฯ จึงได้เข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บจากคณะแพทย์ด้วยการผ่าตัดแล้ว ปัจจุบันมีอาการเบื้องต้นปลอดภัยและทรงตัว แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์เพิ่มเติมต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลามากกว่า 6 เดือน โดยแพทย์มีความเห็นว่าภายหลังการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว ดวงตาข้างขวาของนายธนัตถ์ฯ จะไม่สามารถมองเห็นได้อีก

ครอบครัวธนากิจอำนวยขอเรียนว่า นายธนัตถ์ฯ ได้เข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้บัญญัติรับรองเสรีภาพดังกล่าวไว้ โดยนายธนัตถ์ฯ มีเจตนาที่จะแสดงความคิดเห็นและชุมนุมอย่างสงบโดยยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีมาแต่แรกเริ่ม โดยตลอดการร่วมชุมนุมนายธนัตถ์ฯ ได้แสดงออกและพยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกันและหลีกเลี่ยงพฤติการณ์ใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรง หรือความเสี่ยงต่อความรุนแรง ความวุ่นวาย และความเสียหายแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดังที่ได้ปรากฏหลักฐานเป็นที่รับทราบโดยทั่วไป

ทั้งนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) หรือเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องนั้นจะมีอำนาจหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายและดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม แต่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวโดยเคารพและคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพและความปลอดภัยโดยรวมของประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุม

อย่างไรก็ตาม ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในระหว่างการชุมนุมนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้เลือกใช้มาตรการในการสลายการชุมนุมหลายประการที่มีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตหรือร่างกายของผู้เข้าร่วมชุมนุม เช่น การยิงแก๊สน้ำตา หรือการยิงกระสุนยางเข้าใส่กลุ่มประชาชนผู้ชุมนุม ทั้งที่การชุมนุมดังกล่าวยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือสถานการณ์การใช้ความรุนแรงถึงระดับที่จะเป็นเหตุให้รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการที่มีความรุนแรงในการสลายการชุมนุมดังกล่าว หรือหากแม้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในขณะนั้นอยู่ในสภาวะที่จำเป็นจะต้องใช้มาตรการยิงแก๊สน้ำตา หรือยิงกระสุนยาง ก็ตาม การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวก็จะต้องกระทำไปตามหลักการและมาตรฐานสากล

กล่าวคือ ในการปฏิบัติการยิงแก๊สน้ำตานั้น ต้องใช้วิธีการยิงแบบวิถีโค้งในลักษณะโพรเจกไทล์ (Projectile) โดยต้องไม่ทำการยิงวิถีตรงหรือเล็งเข้าหาตัวบุคคลอย่างเด็ดขาด และในส่วนของการยิงหรือใช้กระสุนยางนั้นต้องเล็งยิงไปในบริเวณที่ต่ำกว่าเอวหรือบริเวณขาเท่านั้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นแก๊สน้ำตาหรือกระสุนยาง ต้องห้ามยิงจากที่สูงหรือมุมสูงโดยเด็ดขาด ซึ่งในกรณีของนายธนัตถ์ฯ เกิดจากการยิงแก๊สน้ำตาที่ไม่ใช่การยิงแบบวิถีโค้ง จนเกิดเป็นความเสียหายที่ไม่อาจประเมินได้นั่นเอง

ดังนั้น นายธนัตถ์ฯ และครอบครัวจึงเห็นว่าการใช้มาตรการสลายการชุมนุมดังกล่าวเป็นการใช้กําลังและเครื่องมือควบคุมฝูงชนที่เกินจําเป็น ไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับแนวทางสากลในการจัดการและควบคุมฝูงชน ทั้งยังเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุและไม่ชอบด้วยกฎหมาย จนเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากรวมถึงนายธนัตถ์ฯ ได้รับบาดเจ็บอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมของประชาชน

ด้วยเหตุนี้ นายธนัตถ์ฯ และครอบครัวจึงมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิในการดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งในคดีอาญา คดีแพ่ง และคดีอื่นใด กับบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อนายธนัตถ์ฯ เนื่องจากการใช้อำนาจหน้าที่ การปฏิบัติการ และการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวจนถึงที่สุดในทุกวิถีทาง โดยมีเจตนาเพื่อที่จะให้เป็นบรรทัดฐานและแบบอย่างในการปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธของประชาชนตามรัฐธรรมนูญฯ ที่บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของตน และอยู่ร่วมกันในสังคมโดยสามารถแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ รวมถึงเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของนายธนัตถ์ฯ และครอบครัวตามกรอบของกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญฯ โดยการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นนี้นายธนัตถ์ฯ และครอบครัวมิได้มีเจตนาและมิได้มีความประสงค์ที่จะให้บุคคล กลุ่มบุคคล หรือฝ่ายการเมืองใดนำไปใช้ประโยชน์ในทางการเมือง ไม่ว่าในลักษณะหรือแง่มุมใดก็ตาม

ครอบครัวธนากิจอำนวยขอเรียนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายธนัตถ์ฯ ถือเป็นความสูญเสียครั้งร้ายแรงของครอบครัว ซึ่งครอบครัวธนากิจอำนวยหวังว่าการดำเนินการใด ๆ ต่อจากนี้ จะช่วยไม่ให้เกิดความสูญเสียหรือความรุนแรงในลักษณะเดียวกันต่อบุคคล หรือประชาชนที่ต้องการแสดงออกทางความคิดของตนโดยสงบและปราศจากอาวุธ โดยขอยืนยันว่าการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญฯ ของประชาชนต้องไม่ถูกขัดขวางหรือคุกคามโดยรัฐ รวมทั้งการใช้อำนาจหรือการปฏิบัติงานของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายต้องเป็นไปตามแนวทางสันติวิธีและเป็นไปตามหลักสากล โดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลังหรือการทำให้เกิดความรุนแรงใด ๆ

ขอแสดงความนับถือ
ครอบครัวธนากิจอำนวย
วันที่ 19 สิงหาคม 2564


ที่มา : https://www.facebook.com/nat.tanat.democrat/posts/10165228930350648


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"มหาวิทยาลัยมหิดล" คณะเทคนิคการแพทย์ และภาครัฐ บริการตรวจคัดกรองการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับ "คนพิการ"

มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ต.หนองปรือ อ.บางบะมุง จ.ชลบุรี คณะเทคนิคการแพทย์ "มหาวิทยาลัยมหิดล" นำโดย "อ.ดร.ธารารัตน์  ขาวเขียว" รักษาการแทนหัวหน้าสถานเวชศาสตร์ชันสูตร และทีมงานจากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล รพ.บางละมุง / นพ.ชาญชัย ลิ้มธงเจริญ รอง ผอ.บางละมุง และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 6 ระยอง / นายวิศิษฎ์ ยี่สุ่นทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการ รักษาการ ผอ.สปสช.เขต 6 ระยอง ร่วมกิจกรรมให้บริการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับ กลุ่มคนพิการ และครอบครัว ในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

โดยมี "บาทหลวงภัทรพงศ์ ศรีวรกุล, C.Ss.R." ประธานมูลนิธิฯ / นายสัมฤทธิ์ ชาภิรมย์ ผู้จัดการฯ และคณะเข้าร่วมกิจกรรมคัดกรองฯ ซึ่งกิจกรรมในวันนี้มี "คนพิการ"  และครอบครัว เข้าร่วมตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งสิ้น จำนวน 622 ราย โดยได้รับการตรวจแบบ RT PCR และในช่วงระหว่างรอผลตรวจ RT PCR ทางมูลนิธิฯ จัดเตรียมที่พักไว้ให้ หากทราบผลตรวจ RT PCR "เป็นบวก" จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนำตัวเข้ารับการรักษาที่ "ศูนย์พักคอย" Community Isolation (CI) ซึ่งตั้งอยู่ ในมูลนิธิฯ ต่อไป

ในการนี้ "มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ" (ชลบุรี) ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้เสียวละเวลาอันมีค่า และแรงกาย แรงใจ เพื่อมอบโอกาสให้ "คนพิการ" และครอบครัว เข้าถึงบริการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในครั้ง

ปลัด พม. เปิดเผย จนท.พม. ทำงานทุ่มเท ตลอด 24 ชม. เฝ้าติดตามสถานการณ์ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และได้ช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบางกว่า 44,000 ราย

ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เปิดเผยว่า ด้วยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการบริหารภาวะวิกฤติโควิด-19 กระทรวง พม. เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลและการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ คนเร่ร่อน ไร้บ้าน และผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนและความยากลำบากจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งการสื่อสารสังคม การรายงาน และติดตามผลการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางจนสิ้นสุดกระบวนการ โดยทำงานเชื่อมโยงกับศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 ที่ทำงานตลอด  24 ชั่วโมง  อีกทั้งได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการบริหารภาวะวิกฤติโควิด- 19 ระดับจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อประสานการช่วยเหลือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ 

นางพัชรี กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 64 จนถึงวันที่ 19 ส.ค. 64 กระทรวง พม. ได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้ป่วยโควิด-19 และประสบปัญหาทางสังคมทั่วประเทศ  รวมจำนวน 44,847 ราย โดยทำงานประสานความร่วมมือกับ กระทรวงสาธาณสุข สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ภาคเอกชน มูลนิธิต่างๆตลอดทั้งสื่อมวลชน แบ่งเป็นในพื้นที่ กทม. 6,717 ราย และส่วนภูมิภาค 38,130 ราย โดยแบ่งเป็น 1. เด็กและเยาวชน 7,950 ราย 2. คนพิการ 8,698 ราย 3. ผู้สูงอายุ 6,650 ราย 4. ผู้ป่วยติดเตียงและป่วยเรื้อรัง 555 ราย 5. คนเร่ร่อนและคนไร้ที่พึ่ง 1,787 ราย 6. สตรีตั้งครรภ์ 97 ราย และ 7. ผู้ประสบปัญหาทางสังคมอื่นๆ 19,110 ราย  สำหรับการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตามภารกิจ กระทรวง พม. มีการดำเนินการที่สำคัญ  ดังนี้ 1. กระบวนการสังคมสงเคราะห์ ได้แก่ 1.1) การให้คำปรึกษา 13,920 ราย 1.2) ประสานส่งกลับภูมิลำเนา 377 ราย 1.3) ประสานส่งต่อ 2,729 ราย 1.4) การมอบเครื่องอุปโภคและบริโภค 183,552 ชุด และ 1.6) การช่วยเหลือเป็นเงิน 42,034,163 บาท และ 2. ประสานกระบวนการสาธารณสุข ได้แก่ 2.1) การตรวจเชื้อ 1,877 ราย 2.2) การรักษา 1,907 ราย 2.3) ฉีดวัคซีน 9,272 ราย และ 2.4) จัดหาที่พักชั่วคราวและศูนย์พักคอย 1,345 ราย 

นางพัชรี กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประชาชนกลุ่มเปราะบางที่กำลังประสบปัญหาทางสังคมและได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของโรคโควิด-19 สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ 1) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง 2) สายด่วนคนพิการ โทร. 1479 บริการ 24 ชั่วโมง 3) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั่วประเทศ และ 4) อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในพื้นที่ 

มทบ.12 จัดรถครัวสนามช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19

ปราจีนบุรี-มทบ.12 จัดรถครัวสนามช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 

19 ส.ค.64 ที่โรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี พล.ต.ดิฐพงษ์ เจริญวงศ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 และ คุณทัศนีย์ เจริญวงศ์ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก มทบ.12 นางอารีย์ เลิศกิจเจริญผล ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างปราจีนบุรี พร้อมด้วยผู้บริหาร กลุ่มวิทยากรจิตอาสา 904 จัดรถครัวสนาม เพื่อประกอบอาหารปรุงสำเร็จ และน้ำดื่ม จำนวน 500 ชุด พร้อมมอบเงินสนับสนุน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 

ทั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนอาหารว่าง, Face Shield จำนวน 200 ชิ้น พร้อมด้วยน้ำดื่ม จากวิทยาลัยสารพัดช่างปราจีนบุรี เพื่อมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่มารับบริการ รพ.ค่ายจักรพงษ์ อีกทั้งร่วมส่งกำลังใจ "หนึ่งคำพูด ล้านกำลังใจ สู้ภัยโควิด-19 " ขอบคุณบุคคลากรทางการแพทย์ ในการปฏิบัติงานอย่างทุ่มเท เสียสละเพื่อประชาชนชาวจังหวัดปราจีนบุรี

ในการนี้ได้นำอาหารปรุงสำเร็จแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ชุมชนรอบค่ายฯ (Army Delivery) เพื่อเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ตามโครงการ "มีแล้ว...แบ่งปัน"

ณัฐวัฒน์  กุลเศรษฐ์สุวภา  ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี

 

กลุ่มตอลิบานย้ำชัด ให้สิทธิสตรีภายใต้กรอบกฎหมายอิสลาม ยืนยันไม่อยากมีศัตรูทั้งในและนอกประเทศ

คาบูล (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - กลุ่มตอลิบานแถลงอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยึดกรุงคาบูล ว่า พวกเขาต้องการความสัมพันธ์ที่สงบสุขกับประเทศอื่น ๆ และจะเคารพสิทธิสตรีภายใต้กรอบกฎหมายอิสลาม ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ มีคะแนนนิยมเหลือเพียงร้อยละ 46 ในการสำรวจความคิดเห็นประชาชนอเมริกันล่าสุด ลดลงจากร้อยละ 53 ในการสำรวจครั้งก่อน และถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ

โฆษกของกลุ่มตอลิบานกล่าวว่า พวกเขาไม่ต้องการศัตรูทั้งในและนอกประเทศ สตรีในอัฟกานิสถานจะได้รับอนุญาตให้ทำงาน เข้าเรียน รวมถึงการเคลื่อนไหวในสังคม แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายอิสลาม พร้อมกับบอกว่าต้องการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลชุดที่แล้วมาร่วมทำงานในรัฐบาลใหม่ด้วย

ส่วนประเด็นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คน โดยเฉพาะชาวอัฟกันที่ทำงานให้กับสหรัฐฯ และชาติตะวันตกที่กลัวว่าจะถูกแก้แค้นนั้น โฆษกตอลิบานได้ประกาศนิรโทษกรรมให้ และระบุว่าจะไม่มีใครได้รับอันตราย ส่วนในระดับนานาชาติที่เกรงกันว่า อัฟกานิสถานจะกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มก่อการร้ายอีกครั้งนั้น โฆษกตอลิบานย้ำว่า จะไม่ยอมให้ใครใช้อัฟกานิสถานเพื่อก่อการร้ายจะไม่ให้ใครใช้แผ่นดินนี้ไปทำร้ายประเทศอื่น

กลุ่มตอลิบาน ระบุว่า 'อับดุล กานี บาราดาร์' หนึ่งในแกนนำและผู้ก่อตั้งกลุ่มตอลิบาน ได้เดินทางกลับมายังอัฟกานิสถานเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ก่อนหน้านี้ บาราดาร์ถูกจับกุมในปี 2010 แต่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในปี 2018 ตามคำขอของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เพื่อให้เขามีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพ

ทั้งนี้ ในช่วงที่กลุ่มตอลิบานปกครองอัฟกานิสถาน ในปี 1996-2001 พวกเขาได้นำกฎหมายชารีอะห์ของอิสลามมาใช้ ทำให้สตรีไม่มีสิทธิทำงาน และเด็กผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปโรงเรียน นอกจากนี้ สตรีในอัฟกานิสถานยังต้องสวมผ้าคลุมแบบอิสลามตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าโดยเว้นเพียงดวงตาเมื่ออยู่นอกบ้าน และจะออกข้างนอกได้ก็ต่อเมื่อมีญาติผู้ชายอยู่ด้วยเท่านั้น

ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ และชาติตะวันตกเริ่มกลับมาเปิดเที่ยวบินอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตและพลเรือนอีกครั้ง หลังเกิดเหตุชุลมุนที่สนามบินคาบูลเมื่อวันจันทร์เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ เผยว่า เที่ยวบินของกองทัพสหรัฐฯ อพยพชาวอเมริกันออกจากกรุงคาบูลได้ราว 1,100 คน ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษระบุว่า พวกเขาตกลงที่จะจัดการประชุมผ่านระบบออนไลน์ของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือจี 7 ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์และแนวทางร่วมกันต่ออัฟกานิสถาน

ในอีกด้านหนึ่ง ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสที่จัดทำขึ้นเมื่อวันจันทร์พบว่า ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ร้อยละ 46 ยอมรับในผลงานของประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม โดยลดลงจากเดิมที่ร้อยละ 53 จากผลสำรวจครั้งล่าสุดเมื่อวันศุกร์ คะแนนนิยมของประธานาธิบดีไบเดนลดลงในขณะที่กลุ่มตอลิบานได้บุกยึดกรุงคาบูลหลังสหรัฐฯ ตัดสินใจถอนกำลังทหารทั้งหมดที่ประจำการในอัฟกานิสถานมาเป็นเวลา 20 ปี ซึ่งใช้งบประมาณไปเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33 ล้านล้านบาท) และทำให้ทหารอเมริกันจำนวนมากต้องเสียชีวิต อย่างไรก็ดี ผู้ที่ออกเสียงลงคะแนนให้ทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตส่วนใหญ่ระบุว่า สถานการณ์วุ่นวายในอัฟกานิสถานเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐฯ ควรถอนตัวออกมา


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/595967


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดทีมสังคมสงเคราะห์ เร่งส่งต่อธารน้ำใจ มอบชุดแรกรับ และส่งต่อชุดยังชีพพร้อมน้ำดื่ม แก่ศูนย์พักคอย  พร้อมมอบหน้ากากอนามัย (แบบผ้า) และขนม แก่ผู้ขาดแคลน และสถานสงเคราะห์เด็กและศูนย์ฝึกอบรมและเยาวชนต่างๆ สู้ภัยโควิด-19

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยนายพินัย ศรีพนาสณฑ์ ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์มอบชุดแรกรับให้แก่ศูนย์พักคอยเทศบาลเมืองบางบัวทอง  และศูนย์พักคอยเทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี รวมจำนวน 400 กล่อง คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 86,000 บาท (แปดหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยมีนางจิระนันท์ จิรชัยเมธาพงษ์ หัวหน้าฝ่ายบริการสาธารณสุขนักบริหารงานสาธารณสุข และนายดำรงรัตน์ โพธิรัตน์  เป็นตัวแทนมารับมอบ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

และในวันเดียวกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดทีมสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภคบริโภค (ชุดยังชีพ พร้อมน้ำดื่ม) จำนวน 580 ชุด เพื่อส่งต่อธารน้ำใจจาก ร้าน Paperroom Cafe และ Sifa Decoupage แก่ ศูนย์พักคอยวัดอินทรวิหาร เขตพระนคร ศูนย์พักคอยศูนย์สร้างสุขทุกวัยเกียกกาย เขตดุสิต และศูนย์พักคอยเยาวชนไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง กรุงเทพฯ  รวม 3 แห่ง สู้ภัยโควิด-19 โดยมีผู้แทนจากศูนย์พักคอยแต่ละแห่งเป็นผู้รับมอบ

โดยเมื่อวันที่ 17-18 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางสาวศุภรัตน์  สมบัติเจริญไทย  ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วยทีมสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ส่งต่อธารน้ำใจ มอบหน้ากากอนามัย(แบบผ้า) พร้อมขนม แก่ผู้ประสบปัญหารายเดือน และสถานสงเคราะห์เด็กและศูนย์ฝึกอบรมและเยาวชนต่างๆ รวม 9 แห่ง ได้แก่  บ้านพักเด็กและครอบครัว  จังหวัดปทุมธานี สถานสงเคราะห์เยาวชน มูลนิธิมหาราช  จังหวัดปทุมธานี สถานแรกรับเด็กหญิงบ้านธัญญพร  จังหวัดปทุมธานี สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง ชายธัญบุรี  จังหวัดปทุมธานี สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง หญิงธัญบุรี  จังหวัดปทุมธานี ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านอุเบกขา  จังหวัดนครปฐม ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านมุทิตา  จังหวัดนครปฐม ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก  จังหวัดนครปฐม และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายสิรินธร  จังหวัดนครปฐม รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 256,080 บาท (สองแสนห้าหมื่นหกพันแปดสิบบาทถ้วน) โดยมีผู้แทนสถานสงเคราะห์แต่ละแห่งเป็นผู้รับมอบ

นับตั้งแต่เกิดวิกฤตแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ปรับแผนการดำเนินงานการช่วยเหลือประชาชนทั้งด้านบรรเทาสาธารณภัย สังคมสงเคราะห์ และหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน พร้อมประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือเชิงรุกทั้งในส่วนของประชาชน ชุมชน และบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดตั้งโรงครัวที่มูลนิธิฯ ประกอบอาหารปรุงสุกเพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ได้รับผลกระทบ รวมงบประมาณดำเนินการออกช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 35 ล้านบาท


ติดต่อสอบถาม รวมถึงติดตามข่าวสารกิจกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ – ผู้ประสบภัยต่างๆ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
#ป่อเต็กตึ๊ง ยึดมั่นอุดมการณ์ อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต
“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง110ปีความดีที่ยั่งยืน
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน...

ผู้ว่าฯ หมูป่า สั่งรื้อข้อมูลตรวจสอบบ่อขยะฝ่าฝืนลักลอบขนขยะต่างถิ่นทิ้งไม่หยุด ทั้งที่ถูกสั่งปิดมาตั้งแต่ปี 59 ทำ MOU ซ้ำอีกในปี 61 กางแผนที่ส่องรุกล้ำเขตป่าหรือไม่ ขีดเส้นรู้ผลใน 7 วันก่อนตั้งข้อหาเพิ่ม

หลังฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำปาง ได้ร่วมกันจับกุมรถบรรทุก 12 ล้อ ยี่ห้อฟูโซ่สีขาว ทะเบียนกำแพงเพชร พร้อมนายพรชัย อร่ามเรือง ชาว ต.สลกบาตร อ.อำเภอขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร คนขับรถ ซึ่งรับสารภาพว่าขนขยะจาก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มาทิ้งที่บ่อขยะของนายเอกสิทธิ์ วงศ์อ๊อด หรือที่รู้จักกันคือ บ่อขยะลุงแก้ว พื้นที่บ้านจำบอน ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จังหวัดลำปาง เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา

รุ่งขึ้น นายวาฑิต ปัญญาคม นายอำเภอเมืองลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป่าไม้ ทสจ.ลำปาง เทศบาลต้นธงชัย กำนันตำบลต้นธงชัย นายกเทศมนตรีต้นธงชัย ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่บ่อขยะของลุงแก้ว พบว่ายังคงมีการนำขยะมาทิ้งและฝังกลบจำนวนมาก

ขณะที่เจ้าตัวอ้างว่าหลังถูกสั่งปิดก็ปิดแล้ว แต่บางครั้งก็มีหน่วยงานมาขอทิ้ง ตนก็ให้ทิ้งโดยไม่ได้เก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ย้ำถามว่าบ่อขยะแห่งนี้ถูกสั่งปิดแล้วใช่หรือไม่ ลุงแก้วบอกว่าสั่งปิดแล้ว แต่ทำไมถึงมีการลักลอบนำขยะต่างถิ่นเข้ามาทิ้ง-คนขับรถบรรทุกขยะรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งฝาย

ด้านนายอำนวย ศรีแสงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลต้นธงชัย ได้ร่วมกันนำแผนที่ตรวจสอบจุดที่ตั้งของบ่อขยะลุงแก้ว เป็นเขตพื้นที่ป่าด้วยหรือไม่ หากอยู่ในพื้นที่ป่าก็จะถูกตั้งข้อหาเพิ่มอีก

ล่าสุดนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ “บ่อขยะลุงแก้ว” เย็นที่ผ่านมา (18 ส.ค. 64) ระบุว่าขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ให้ชัดเจนก่อน หากเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ ก็จะว่ากันด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องขยะ หากเป็นพื้นที่ป่าก็จะผิดเรื่องของการใช้พื้นที่ รวมถึงหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม

เบื้องต้นหากดูตามแผนที่อาจจะมีการทิ้งขยะเกินพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์คือ นส.3 ก ซึ่งก็จะให้ตรวจทั้งระบบ ทั้งการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ์ว่าถูกต้องหรือไม่ด้วย คาดว่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ หากชัดเจนก็จะให้ส่วนที่เกี่ยวข้องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เพราะเรื่องนี้ถือเป็นการหาประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่ง

“เรื่องขยะ วันนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากได้ ในพื้นที่เชียงใหม่หากเป็นลูกค้าเก่าก็คิดค่ากำจัดขยะคิวละ 800 บาท ลูกค้าใหม่ก็คิดพันกว่าบาท บางบ่อก็คิด 500-600 บาท จึงได้ลักลอบมาทิ้งที่นี่ ซึ่งอาจจะถูกกว่าหรือบางส่วนก็อาจจะไม่ต้องจ่ายค่าดำเนินการให้ถูกกฎหมาาย ทั้งที่จริง ๆ หากนำขยะมาทิ้งให้ถูกต้องก็มีบ่อขยะที่ขออนุญาตถูกต้องอยู่แล้ว และในช่วงนี้ที่น่ากลัวคือพวกขยะติดเชื้อ ดังนั้นจึงขอให้ตรวจสอบให้เสร็จภายใน 7 วัน”

สำหรับบ่อขยะลุงแก้ว ในปี 2559 เทศบาลตำบลต้นธงชัย โดยนายเฉลิมศักดิ์ เขียวคำ นายกเทศมนตรีตันธงชัย ได้ออกคำสั่งให้หยุดดำเนินกิจการ หลังเข้าตรวจสอบบริเวณสถานประกอบการ ซึ่งตั้งอยู่ ม.3 ถนนพระเจ้าทันใจ-บ้านจำบอน ต.ต้นธงชัย อ.เมืองลำปาง

โดยพบว่าเป็นกิจการที่กำหนดให้ต้องมีการควบคุมและดำเนินกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษตามมาตรา 71 และเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติ กฎกระทรวง ข้อกำหนดของท้องถิ่นหรือประกาศที่ออกตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 จึงให้หยุดดำเนินกิจการ นับแต่ได้รับคำสั่ง (1 ธ.ค. 59) หากยังคงดำเนินการต่อไป จะมีโทษตามมาตรา 80 คือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (เป็นกระทงความผิดที่ 2) และปรับอีกไม่เกินวันละ 5,000 บาทตลอดเวลาที่ยังไม่หยุดกิจการดังกล่าว

ต่อมาในวันที่ 1 มีนาคม 2561 นายอำเภอเมืองลำปาง (ขณะนั้น) สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง (ส่วนสิ่งแวดล้อม) สภ.ทุ่งฝาย กำนันตำบลต้นธงชัย ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ต้นธงชัย เทศบาลตำบลต้นธงชัย ได้ทำ MOU ร่วมกับนายเอกสิทธิ์ วงค์อ๊อด หรือลุงแก้ว หลังเกิดไฟไหม้บ่อขยะทุกปี โดยมีข้อตกลงคือ... 

1.) ให้ลุงแก้วดำเนินการฝังกลบขยะที่เคยนำมาทิ้งในพื้นที่ก่อนหน้านั้นให้หมดเพื่อไม่ให้ขยะฟุ้งกระจายบนผิวดิน หรือเกิดประกายไฟที่สามารถลุกไหม้จนเกิดมลภาวะทางอากาศ 

2.) หากเกิดปัญหาการลักลอบทิ้งขยะในพื้นที่ของลุงแก้ว ต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตามกฎหมายและยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

3.) ปิดบ่อขยะเป็นการถาวร โดยมิให้ผู้ใดลักลอบเข้าไปในบริเวณบ่อขยะได้ทุกกรณี 

4.) หามาตราการมิให้เกิดไฟไหม้บ่อขยะ จนลุกลามสร้างปัญหามลพิษอีก 

5.) หากไม่ดำเนินการตามข้อตกลงร่วมหรือเกิดเหตุกรณีดังกล่าวนั้นจะยอมรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา


ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9640000081610


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ’ รับมอบเตียงนอน (เด็กเล็ก) และขนม ให้กับ "สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านเฟื่องฟ้า" จังหวัดนนทบุรี

วันที่ 19 สิงหาคม 2564 ณ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านเฟื่องฟ้า จังหวัดนนทบุรี "นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ” อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้เกียรติเป็นประธาน พร้อมด้วย "นางสาวอมรศรี รัศมีทัต" ผู้ปกครองสถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านเฟื่องฟ้า จังหวัดนนทบุรี  รับมอบเงิน และเตียงนอนสำหรับเด็กเล็ก จำนวน 50 เตียง / ขนมจำนวน 400 ห่อ จาก "คุณสุรีพร ไทยใหญ่" เจ้าของสถานประกอบการ พร้อมกับคณะญาติ เพื่อน ๆ ที่เห็นของความสำคัญที่จะมอบบริจาคเตียงนอนสำหรับเด็ก ไว้ใช้เพื่อเป็นประโยชน์โดยส่วนรวม

การพักผ่อนที่ดีที่สุด คือ การนอนหลับอย่างสนิท สบายตัว จะส่งผลให้สุขภาพพลานามัยของเด็ก ๆ มีความสุขได้ จึงได้ร่วมกันนำเตียงนอนดังกล่าว และขนมเพื่อมาร่วมสร้างบุญ สร้างกุศล เป็นผู้ให้ด้วยใจบริสุทธิ์ ร่วมด้วยช่วยกัน "คนละไม้ คนละมือ" และสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่

ในการนี้ “นายชัยพร ภูผารัตน์” ผอ.สำนักงานสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และ “นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล” นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ได้เป็นเกียรติเข้าร่วมกิจกรรม และจัดซื้อขนมมาร่วมบริจาคในครั้งนี้ด้วย

ตำรวจรวบรวมหลักฐานเอาผิดม็อบทะลุฟ้า เปิดเผยเยาวชนอายุ 14 ปี ถูกยิงใกล้สน.ดินแดง ยืนยันเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่รู้จัก

วันที่ 19 สิงหาคม 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวสรุปสถานการณ์การชุมนุมของ "กลุ่มทะลุฟ้า" ในวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า กลุ่มผู้ชุมนุมนัดรวมตัว ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 16.00 น. มีการจัดกิจกรรมเผาหุ่นฟาง และขึ้นป้ายผ้า ก่อนที่แกนนำประกาศยุติการชุมนุม เวลา 19.30 น. เหตุการณ์โดยภาพรวมปกติดี 

จากนั้นบางส่วนได้นัดชุมนุมต่อที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง โดยก่อความวุ่นวายพยายามรื้อสิ่งกีดขวางของตำรวจ และขว้างปาประทัดยักษ์ใส่ตำรวจ จึงมีความจำเป็นต้องยิงแก๊สน้ำตาควบคุมสถานการณ์ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุซึ่งหน้า เบื้องต้นการชุมนุมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ 

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ตำรวจได้ทำการจับกุม นายธนเดช ศรีสงคราม หรือม่อน เเกนนำกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตามหมายจับความผิดฝ่าฝืน พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ สืบเนื่องจากการเข้าร่วมชุมนุม ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา แล้วไม่ยอมรับทราบข้อกล่าวหา ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง 

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีผู้ปกครองของเยาวชนชาย อายุ 14 ปี ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บใกล้ สน. ดินแดง เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ผ่านมา เข้าแจ้งความที่ สน. ดินแดง นั้น เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ปกครองผู้เสียหายแล้ว และให้เยาวชนผู้เสียหายเข้าให้ปากคำ โดยมีสหวิชาชีพมาร่วมสอบสวนต่อไป จากการสอบถามเบื้องต้นผู้เสียหายให้การว่า "ตำรวจไม่ได้เป็นคนยิง แต่เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเป็นผู้ก่อเหตุ" 

ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามหาผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยคดีมีความคืบหน้าไปมาก มั่นใจว่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุในเร็ว ๆ นี้


ที่มา : https://www.naewna.com/local/596025


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โฉมใหม่ “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” พร้อมเปิดให้บริการกันยายนปี 65 ขยายพื้นที่ใหญ่กว่าเดิมถึง 5 เท่า พร้อมรับผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 100,000 คนต่อวัน ตอกย้ำการเป็นศูนย์ประชุมใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มุ่งเป้าสู่การเป็น The Ultimate Inspiri

บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ประกาศรุกตลาดธุรกิจไมซ์ (MICE) ประเทศไทยครั้งใหม่หลังความสำเร็จในอดีตตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ของการเปิดให้บริการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมทุ่มงบกว่า 15,000 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาสุดยอดศูนย์ประชุมใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เพิ่มศักยภาพของโครงการด้วยการขยายพื้นที่มากขึ้นถึง 5 เท่า พร้อมเพิ่มพื้นที่รีเทลเพื่ออำนวยความสะดวกและรองรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการ โดยรักษาชื่อ “‎ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” ซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับในธุรกิจไมซ์ระดับนานาชาติ มั่นใจการพัฒนาปรับปรุงศูนย์ฯ สิริกิติ์ ครั้งนี้ จะสามารถรองรับการจัดงานประชุมหรืออิเวนต์ระดับเวิลด์คลาสได้ทุกรูปแบบอย่างไร้ขีดจำกัด  

นายปณต สิริวัฒนภักดี กรรมการ บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่บริษัทฯ ยังเล็งเห็นความสำคัญในการเดินหน้าพัฒนาโครงการ “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” (Queen Sirikit National Convention Center หรือ QSNCC)  ให้เสร็จสมบูรณ์ตามแผนที่วางไว้ สอดคล้องกับแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทฯ ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการศูนย์ประชุมระดับเวิลด์คลาสแห่งใหม่ของเอเชีย บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของประเทศไทย ที่มีจุดแข็งหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาค การมีสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคที่ครบครัน พร้อมด้วยกลุ่มคู่ค้าทางธุรกิจและซัพพลายเออร์ที่มีคุณภาพ อีกทั้งยังมีศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ และมีการสืบสาน รักษา ต่อยอดให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน จึงทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า ศูนย์ฯ สิริกิติ์ จะเป็น The Ultimate Inspiring World Class Event Platform for All ที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้านานาชาติ และจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาในประเทศไทยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นได้อย่างแน่นอน”

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถือเป็นหัวใจของการเริ่มต้นอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา ศูนย์ฯ สิริกิติ์ เป็นสถานที่ที่บันทึกเรื่องราวความทรงจำของงานประชุมและอิเวนต์สำคัญๆ ทั้งในระดับชาติและนานาชาติกว่า 20,000 งาน ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ทศวรรษ กอปรกับบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญ และมีความเป็นมืออาชีพ เราเชื่อมั่นว่าศูนย์ฯ สิริกิติ์ โฉมใหม่ จะสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า และรองรับการจัดงานได้ในทุกรูปแบบได้อย่างแน่นอน”

ศูนย์ฯ สิริกิติ์ โฉมใหม่ มีพื้นที่รองรับการจัดการประชุมและนิทรรศการมากถึง 78,500 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยฮอลล์สำหรับการจัดนิทรรศการขนาดใหญ่ 2 ฮอลล์ พื้นที่รวมมากกว่า 45,000 ตารางเมตร ห้องสำหรับจัดประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ 2 ห้อง พื้นที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร และห้องประชุมย่อยที่สามารถรองรับการประชุมได้กว่า 50 ห้อง นอกจากนี้ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ยังเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และมีที่จอดรถภายในอาคารรองรับได้มากกว่า 2,700 คัน อำนวยความสะดวกให้แก่ทั้งผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงาน  ขณะนี้ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ได้เริ่มเปิดจองพื้นที่และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้จัดงานเป็นอย่างมาก

ข้อมูลโครงการ (Fact)

ชื่อโครงการ:      ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (Queen Sirikit National Convention Center หรือ QSNCC)

มูลค่าโครงการ:  15,000 ล้านบาท

ขนาดที่ดิน:        53 ไร่

พื้นที่โครงการ:   280,000 ตารางเมตร

พื้นที่จัดงาน:      78,500 ตารางเมตร

ที่จอดรถ:          2,700 คัน

ที่ตั้งโครงการ:    ถนนรัชดาภิเษก เชื่อมต่อแยกพระราม 4-รัชดา

การเดินทาง:      เข้าออกได้จาก 4 ถนนสำคัญของกรุงเทพ ถนนพระราม 4 ถนนสุขุมวิท ถนนรัชดาภิเษก และถนนดวงพิทักษ์ และเชื่อมตรงรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ทำเลโดยรอบ:    เชื่อมต่อสวนเบญจกิติ-สวนลุมพินี และโครงการศักยภาพของย่านพระราม 4 อาทิ

วัน แบงค็อก เอฟวายไอ เซ็นเตอร์ เดอะ ปาร์ค และโรงพยาบาลเมดพาร์ค

บริษัทผู้พัฒนาโครงการ

เจ้าของโครงการ :                               บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด

ผู้พัฒนาโครงการ:                               บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ผู้รับเหมางานหลัก:                              บริษัท นันทวัน จำกัด

ผู้ออกแบบงานสถาปัตยกรรม:                บริษัท ดีไซน์ 103 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

ผู้ออกแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง:          บริษัท เบคา (ไทยแลนด์) จำกัด

ผู้ออกแบบงานตกแต่งภายใน:                 บริษัท ออนเนี่ยน จำกัด

ผู้ออกแบบงานภูมิสถาปัตยกรรม:             บริษัท ฉมา จำกัด

ผู้ออกแบบงานแสงส่องสว่าง:                  บริษัท โบ สไตเบอร์ ไลท์ติ้ง ดีไซน์ (ประเทศไทย) จำกัด

ผู้ออกแบบงานป้ายและกราฟฟิก:             บริษัท บีอาวเฟรนด์ จำกัด

ที่ปรึกษาด้านอาคารประหยัดพลังงาน:       บริษัท แอฟริคัส จำกัด

ผู้บริหารโครงการ:                               บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน)

ผู้รับเหมางานเสาเข็มเจาะ:                     บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน)


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ ธนาลัย เทียนเงิน

ฝ่ายประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร

บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด

โทรศัพท์: +66 (9) 8269 5356

อีเมล: [email protected], [email protected]

เว็บไซต์: www.qsncc.com


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top